กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3131)

เถรี 07-01-2012 11:24

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๕
 
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวานอาตมาไปพุทธาภิเษกที่สนามหลวง เจ้าของงานก็คือสมาคมศิลปินเพื่อพระพุทธศาสนา ซึ่งมีคุณดาวใจ ไพจิตรเป็นนายกสมาคม เขาสร้างสมเด็จองค์ปฐม ๒ แผ่นดิน ก็คือประเทศไทยกับภูฏาน อาตมาเรียก "ภูฐาน" มาตั้งแต่เด็กจนโต อยู่ ๆ เขามาเรียก"ภูฏาน" ฟังแล้วมึน

สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีมอบพระทันตธาตุของสมเด็จพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า มาให้ชาวไทยได้สักการบูชาในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเจริญพระชนมายุ ๘๔ พรรษา

สมาคมนี้จึงสร้างพระพุทธรูปเพื่อให้คนได้บูชา แต่รายละเอียดอะไรสักอย่างก็ไม่มี กำหนดงานก็กะทันหันมาก แจ้งวันนี้จะเอาพรุ่งนี้ ที่ว่ารายละเอียดไม่มี อย่างเช่น ไม่มีพวกหนังสือประชาสัมพันธ์หรือว่ากำหนดการอะไรต่าง ๆ ไปถึงก็ไปนั่งรอจนกว่าเขาจะบอกว่าให้ทำอะไรเมื่อไร เป็นการจัดงานที่ค่อนข้างจะหละหลวมมาก

แล้วพระที่ไปร่วมพิธีพุทธาภิเษกทั้งหมด ๙ รูป คงมีแต่ท่านอาจารย์ตุ๊กับท่านอาจารย์โต ที่เคยได้ยินชื่อสมเด็จองค์ปฐม อย่างท่านอาจารย์โต (พระครูปลัดกฤต ฐิตวิริโย) ท่านสร้างสมเด็จองค์ปฐมที่วัดพระบาทปางแฟนเลย นี่ท่านรู้จักแน่ ท่านอาจารย์ตุ๊ (พระอาจารย์จิตติพงษ์ ปสนฺนจิตฺโต) ก็ถือว่าอยู่ในสายหลวงพ่อวัดท่าซุง เพราะท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อบุญรัตน์ (พระครูปิยรัตนาภรณ์) วัดโขงขาว นอกนั้นแล้วอาตมาไม่คุ้นหน้าเลย

มีท่านหนึ่งที่ได้ยินชื่อเสียงก็คือหลวงพ่อเขียน (พระครูธรรมสรคุณ) วัดกระทิง ท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี ได้ยินชื่อท่านในฐานะเกจิอาจารย์ของภาคตะวันออก แต่ก็เพิ่งเคยได้พบหน้า รูปอื่น ๆ นี่ไม่เคยได้ยินชื่อเลย"

เถรี 07-01-2012 12:38

"อาตมาสงสัยว่าทำไมถึงต้องมางานนี้ ตอนแรกอาตมาปฏิเสธไม่มางานนี้เพราะติดงานอื่นอยู่แล้ว เพราะมีการประชุมพระสังฆาธิการของอำเภอทองผาภูมิทุกวันที่ ๕ ของเดือน แต่หลังจากนั้นไม่นาน ทางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้องเรียนวัดไร่ขิงก็ติดต่อไป บอกว่าให้มาทำเอกสารเพื่อมาเตรียมสอบจบด้วย จึงกลายเป็นเรื่องสำคัญกว่า

คราวนี้ทางวัดไร่ขิงเขานัด ๑๐ โมงเช้า ส่วนงานพุทธาภิเษกบอกว่าบ่าย ๔ โมง ก็เลยว่าไหน ๆ ก็มาแล้ว..ไปก็ไป... พอมาถึงเจอแต่ท่านที่ไม่รู้จักสมเด็จองค์ปฐมเลย ถึงได้ทราบว่าทำไมต้องมา เพราะถ้าไม่มาแล้วจะให้ใครไปกราบอาราธนาพระองค์ท่าน ?

เป็นที่น่าเสียดายก็คือว่า พระทันตธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเขาเอาไว้บนเวทีสูงลิบเลย แล้วไม่ให้คนขึ้นไป อาตมายังปรารภกับหลวงพ่อเจ้าคุณพระพรหมสิทธิ วัดสระเกศ ประธานในพิธีว่า “ชาวบ้านเขาอยากจะขึ้นไปกราบกันข้างบนนะครับ” ท่านบอกว่า “ถ้าให้ขึ้นมาก ๆ เวทีอาจจะพังได้..!”

งานนี้ถ้าใครไม่ได้ไปสักการบูชาให้เป็นสิริมงคลแก่ตัวก็ต้องรีบไป เพราะว่าพระทันตธาตุจะอยู่อีกไม่กี่วัน แล้วจะอัญเชิญขึ้นไปวัดพระสิงห์ที่เชียงใหม่ คงจะไปจนครบทุกภาค แล้วถึงอัญเชิญไปถวายคืนแก่ประเทศภูฏาน

มีหลายคนถามว่าพระทันตธาตุของสมเด็จพระพุทธกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้ายังมีมาอยู่ถึงปัจจุบันนี้หรือ ? ต้องเรียกพวกสงสัยไม่เข้าเรื่อง มีข้าวให้กินอยู่ตรงหน้า ยังสงสัยว่าข้าวมีมาจนถึงปัจจุบันนี้หรือ ? เพราะข้าวมีมาแต่โบราณสมัยพระเจ้าสร้างโลกแล้ว ก็อยากจะตอบสั้น ๆ ว่า พระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมเนิ่นนานกว่านั้นอีกยังมีเลย เป็นเรื่องของพุทธานุภาพ ถ้าหากว่าพระองค์ท่านต้องการจะให้มีเมื่อไรก็มีได้"

เถรี 09-01-2012 08:21

พระอาจารย์กล่าวว่า "เวลาพระท่านถามข่าวคราวกัน เป็นอย่างไรขอรับหลวงปู่ ? เป็นอย่างไรขอรับหลวงพ่อ ? สังขารยังพอเป็นไปหรือ ?

ท่านตอบมาจนเราหงายท้องตึง “ยังพอทนได้อยู่” แสดงว่าทุกข์แค่ไหนท่านก็ทนได้..!"

เถรี 09-01-2012 08:26

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้อาตมายังไม่รู้เลยว่าจะทำอะไรถวายกุศลแด่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ดี ปีนี้พระองค์ท่านพระชนมายุ ๖๐ พรรษาแล้ว ประสูติปีมะโรง พ.ศ. ๒๔๙๕

สมัยก่อนเห็นท่านเป็นพระราชโอรสหนุ่มน้อย แล้วไปเรียนที่ออสเตรเลีย กลับมาอีกทีสูงใหญ่เป็นฝรั่งไปเลย แต่พระองค์ท่านสง่างามมาก ๆ จนมาตอนหลังที่พระสุขภาพไม่ค่อยดี ดูพระองค์ท่านผอมไปหน่อยหนึ่ง ก่อนหน้านี้ทั้งสูงใหญ่ล่ำสัน จนยืนประกบกับทหารฝรั่งได้สบายมาก

แม้กระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราก็สูงกว่าฝรั่งอีกนะ พวกเราจะสังเกตหรือเปล่าเท่านั้นเอง เวลาพระองค์ท่านประทับยืนสนทนากับพวกบรรดาผู้นำ หรือพระราชวงศ์ต่าง ๆ ของต่างประเทศ พวกฝรั่งสูงก็ไม่ใช่ว่าพระองค์ท่านจะต้องเงยพระพักตร์ตรัสด้วย เพราะว่าสูงพอกัน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระพลานามัยไม่แข็งแรง แต่ปีใหม่ทรงอำนวยพรยาวยืดเลย ระยะหลังเมื่อ ๒-๓ ปีมานี่ พระองค์ท่านตรัสได้หน่อยเดียว พอมาปีนี้ตรัสได้เยอะแสดงว่าแข็งแรงขึ้นมาก ทรงอำนวยพรเสียยาวเหยียด นานตั้ง ๘ นาที"

เถรี 09-01-2012 10:05

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยอาตมาเป็นทหารมีการฝึกร่วมระหว่างออสเตรเลียกับไทย มีการนำทหารไทยไปฝึกที่ออสเตรเลีย รุ่นที่ไปมี ๗๐ คน เชื่อไหมว่า ถ้าเขาจับปิดตาแล้วไปปล่อยไว้ตรงนั้น เปิดตาขึ้นมาไม่รู้หรอกว่าอยู่ออสเตรเลีย เพราะภูมิประเทศตรงนั้นเหมือนของเราเลย

เขาพยายามหาพื้นที่เหมือนกับของเรามาให้ฝึก พอถึงเวลาจะได้คุ้นเคยกับภูมิประเทศ มีดงหญ้าคา มีหินลูกรังเหมือนบ้านเราเลย อากาศก็ร้อนตับแตกเหมือนกัน มารู้ทีหลังว่าออสเตรเลียมีทั้งเขตที่เป็นทะเลทราย เป็นป่ากึ่งร้อนอย่างของเรา มีทั้งพวกดงดิบ มีเขตที่เป็นหิมะตก

การฝึกของทหารหรือว่าการไปอยู่รับหน้าที่ในเขตที่ประกาศกฎอัยการศึก มีบางท่านพยายามหนีสุดชีวิต ถึงขนาดอาสาอยู่ส่วนหลัง ก็คือส่วนที่ไม่ต้องออกไปแนวหน้า หรือไม่ก็พยายามให้หมอบอกว่าป่วยบ้าง ตรงนี้ภาษาทหารเรียกว่า กำลังใจในการรุกรบไม่มี ในเมื่อไม่มีกำลังใจในการรุกรบ โอกาสที่จะต่อสู้กับข้าศึกก็ไม่ต้องพูดถึง

เหมือนกับพวกเราที่เป็นนักปฏิบัติ ถ้ากำลังใจในการที่จะสู้กับกิเลสไม่มี ก็แปลว่า ไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้ อนาคตยังไม่เห็นเลย อีกกี่กัปก็ไม่รู้..!?"

เถรี 09-01-2012 10:11

"คนที่กลัวตายเขาก็กลัวเสียจริง ๆ อาตมาถึงได้เคยบอกว่า ถ้าไม่กลัวตายเสียอย่างเดียวก็ไม่กลัวไปทุกอย่าง กลัวความสูง ตกลงไปแล้วเป็นอย่างไร..ตาย มาสรุปลงตรงตายหมด กลัวที่แคบ ติดอยู่นาน ๆ เป็นอย่างไร...ตาย กลัวผี เดี๋ยวผีมาหักคอ หักคอแล้วเป็นอย่างไร..ตาย

อาตมาตามดูคำว่ากลัวอยู่เป็นปี ๆ กลัวอะไร ท้ายสุดก็เจอ อ๋อ..กลัวตาย กลัวงู งูกัดแล้วเป็นอย่างไร..ตาย กลัวเสือ เสือกัดเป็นอย่างไร...ตาย ไม่เหลือจริง ๆ มาสรุปลงตรงตายหมดเลย

บางอย่างที่เหมือนกับไม่มีเหตุไม่มีผล อย่างกลัวจิ้งจก จิ้งจกกระโดดเกาะ ขยะแขยงสุด ๆ อาจถึงกับช็อกตาย สรุปแล้วลงตรงตายอยู่ดี ดูแล้วไม่มีอะไรหนีคำว่าตายพ้นเลย

ไปนั่งในป่าช้า รอผีมาหักคอ ดูซิว่าจะตายจริงไหม ? ผีก็ขี้เล่นเหลือเกิน ประเภทเอามือเย็นเจี๊ยบมาบีบคอ พอเราว่าพุทโธผีก็คลายมือแต่จับคาเอาไว้ พอเราเลิกพุทโธผีก็บีบต่อ พอเราพุทโธผีก็ปล่อยมือ ไม่ยอมไปไหนนะ เอามือคาไว้อย่างนั้น มือก็เย็นเจี๊ยบเลย ฟัดกันทั้งคืนจนกระทั่งเช้าบอกว่า "เฮ้ย..พอก่อน..จะไปบิณฑบาต" ผีก็ไป เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเจอกันใหม่ เป็นผีที่ว่าง่ายมาก"

เถรี 09-01-2012 12:44

พระอาจารย์เล่าว่า "ช่วงนี้ออกพุทธาภิเษกหลายงานติด ๆ กัน ตั้งแต่พุทธาภิเษกวัตถุมงคลสำหรับแจกในงานปิดทองฝังลูกนิมิต ของวัดหนองม่วง แล้วมานั่งปรกอธิษฐานจิตเพื่อหล่อพระประธาน วัดดอนชะเอม และงานเมื่อวานพุทธาภิเษกที่สนามหลวง

ส่วนเดือนนี้ต้องทิ้งงานเพื่อนฝูงหลายงาน งานครูบาอริยชาติวันที่ ๙ ไปไม่ได้ งานพระราชทานเพลิงหลวงปู่ครูบาผัด ก็ไปไม่ได้ เพราะนั่งรับสังฆทานอยู่ตรงนี้ ส่วนงานสืบชะตาของหลวงพี่เอกก็ไปไม่ได้ เพราะอาตมาต้องรับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศ ขืนไปก็ซวย ไม่เอาพัดยศเขาไม่ว่าหรอก แต่เขาจะฟ้องข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ..!

เรื่องของยศตำแหน่งเราจะไม่ใส่ใจอย่างไรก็ได้ แต่พระราชทานมาแล้วต้องรับ รับแล้วคุณจะไปหมกไว้ก้นตู้ก็ไม่มีใครว่า แต่ถ้าไม่รับเขาถือว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซวยไม่รู้จบจริง ๆ

ไม่ใช่เราสันโดษแล้วไม่รับ แม้แต่พระพุทธเจ้ายังตรัสว่า อนุชานามิ ภิกฺขเว ราชานํ อนุวตฺติตุง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราพึงคล้อยตามพระราชา คำว่าพระราชา รวมความว่ากฎหมายด้วย เพราะสมัยก่อนพระบรมราชโองการก็คือกฎหมาย ไม่ใช่ว่าเราเป็นพระแล้วก็จะทำอะไรตามใจได้"

เถรี 09-01-2012 14:09

http://multiply.com/mu/teemisa/image...&nmid=69980941
ภาพวาดผลงานของ อ.จักรพันธุ์ โปษยกฤต

พระอาจารย์กล่าวว่า "ดูรูปของอาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤตแล้ว รู้สึกเหมือนกับว่า เวลาของอาจารย์เดินช้ากว่าคนอื่น อาจารย์จะทำอะไรในลักษณะใจเย็นสุด ๆ จนกระทั่งอาตมาสงสัยว่า เวลาของท่านเดินช้ากว่าเราหรืออย่างไร

รูปหลวงปู่ปานวัดบางนมโคกับรูปหลวงพ่อวัดท่าซุงตอนสมัยอายุยังไม่มาก อาจารย์จักรพันธุ์เป็นคนวาดทั้งคู่ ที่เราเห็นว่าทำไมดูมีชีวิตชีวาเหมือนอย่างกับภาพถ่าย นั่นฝีมืออาจารย์จักรพันธุ์วาด

แต่ที่ตลกกว่านั้นก็คือ แม่ของอาจารย์จักรพันธุ์ในตอนนั้น พอเห็นรูปหลวงพ่อวัดท่าซุงก็ว่า “อ้าว..พระองค์นี้ยังอยู่อีกหรือ ?” อาจารย์จักรพันธุ์ถาม “ทำไมหรือครับแม่ ?” แม่ตอบว่า “ส่วนใหญ่พระที่พูดเพราะ ๆ แบบนี้สาวเอาไปกินหมด..!” สมัยหนุ่ม ๆ หลวงพ่อเป็นพระนักเทศน์มีชื่อเสียง พูดจาไพเราะกับญาติโยม แสดงว่าโยมแม่เขาเคยเจอหลวงพ่อตอนที่อยู่วัดช่างเหล็กหรือไม่ก็ตอนที่อยู่วัดประยูรฯ"

เถรี 09-01-2012 16:26

1 Attachment(s)


พระอาจารย์พูดถึงหนังสือปกิณกธรรมเล่ม ๒ ว่า "มีคนให้ความเห็นมาว่า ทำไมเอาแต่ดอกบัวบาน ๆ มาเป็นปก แสดงว่าอาตมาชอบคนแก่ใช่ไหม ? เขาว่าซะเสียหายหลายแสน แต่ความจริงคนแก่คุยกันรู้เรื่องมากกว่านะ

สมัยก่อนเวลาอาตมาไปบ้านสาว ก็จะไปคุยกับพ่อกับแม่เขา คุยไปคุยมาจนพ่อแม่เขาทนไม่ได้ ถามจริง ๆ เถอะ นี่มาหาใครกันแน่ ?” อาตมาก็บอกว่า ตั้งใจจะมาคุยกับคนแก่ เพราะว่าคนแก่ประสบการณ์เยอะ เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปค้นคว้าเอง เขาก็แปลกใจ..เป็นเพื่อนกับลูกสาว แต่มาตั้งหน้าตั้งตาคุยกับพ่อกับแม่ ไม่ไปหาลูกสาวเลย"

เถรี 10-01-2012 10:12

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ได้..แต่เบื่อไม่จริง เอาแค่พระที่วัดท่าขนุนก็แล้วกัน "อาจารย์ครับ..ผมขอลาไปอยู่ที่โน่น" "อาจารย์ครับ..ผมขอลาไปอยู่ที่นี่" "ผมชอบอยู่เงียบ ๆ" ไปอยู่ได้ ๓ วันเผ่นออกมาเลย เพราะว่าเงียบเกินไป แสดงว่าชอบไม่จริง

พออยู่ในที่ที่ไม่ได้พูด ไม่ได้คุยกับชาวบ้านชาวเมืองก็อยู่ไม่ได้ แสดงว่าโดนกิเลสหลอก เพราะว่านักปฏิบัติถ้าทำถึงจริง ๆ ที่ไหนก็อยู่ได้ ลองดูหลวงปู่เจ้าคุณนรฯ วัดเทพศิรินทราวาสสิ ใคร ๆ ก็เรียกท่านว่าพระป่ากลางกรุง ที่เรียกท่านว่าพระป่ากลางกรุง เพราะว่าท่านทำวัดเหมือนกับป่า ไม่ค่อยปฏิสันถารกับใครหรอก

ถึงเวลาออกมาสวดมนต์ทำวัตร หมดธุระก็กลับกุฏิ ญาติโยมถ้าเอาอาหารมาส่งก็วางไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวศิษย์วัดเอามาประเคนเอง ถ้าญาติอยากรู้ข่าวคราวก็โผล่หน้ามาทางหน้าต่าง โบกมือให้เห็นว่ายังไม่ตาย กลับไปได้แล้ว

นึกถึงท่านแล้ว สุดยอดมนุษย์จริง ๆ อยู่ท่ามกลางเมืองหลวง แต่ปฏิบัติตนจนเป็นพระสุปฏิปันโนที่คนเขาเคารพนับถือทั้งบ้านทั้งเมือง เพราะฉะนั้นจริง ๆ ก็คือว่าที่ไหนก็ได้ ขอให้ทำจริงเท่านั้น

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : เอาอย่างนั้นเลยหรือ ? อึดอัดใจเมื่อไรก็แปลว่าเกิดปฏิฆะหรือแรงกระทบอยู่แล้ว ในเมื่อมีแรงกระทบขึ้นมาก็แปลว่า การปฏิบัติของเรายังไม่ได้ผลจริง

เถรี 10-01-2012 13:20

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปลายเดือนนี้มีงานเป่ายันต์เกราะเพชร ปีนี้มีเสาร์ห้า ๓ ครั้ง อาตมาโดนสั่งให้เป่ายันต์ทั้ง ๓ ครั้ง รู้สึกปลื้มปีติกับสถานการณ์ประเทศชาติมาก โดยเฉพาะช่วงเดือน ๕ เดือน ๖ ของไทย ไม่ใช่เดือน ๕ เดือน ๖ ฝรั่งนะ บ้านเมืองเรายุ่งเป็นยุงตีกันเลย

คำว่า "ยุ่งเป็นยุงตีกัน" บางคนอาจจะไม่เคยเห็นยุงตีกันเป็นอย่างไร แต่อาตมาเคยเห็นมาแล้ว ไม่รู้อันไหนปีกอันไหนขา มั่วไปหมด กลิ้งเป็นก้อนอยู่กับพื้น ทะเลาะกันได้ขนาดนั้นนะ ทั้ง ๆ ที่ยุงตัวนิดเดียว รัก โลภ โกรธ หลง ยังเต็มหัวพอ ๆ กับคนเราเลย

ส่วนนกเอี้ยงตีกันชอบลุยกันเป็นฝูง ลงไปกลิ้งขนกระจายอยู่บนพื้น ตีกัน ๓-๔ คู่ ฟัดกันกลม ดู ๆ แล้วไม่ว่าจะคนหรือสัตว์พวกไหนก็ตาม ถ้าหากว่ายังไม่สามารถเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า เรื่องจะไประงับ รัก โลภ โกรธ หลง นี่ไม่ต้องไปหวังเลย อย่างนกเอี้ยงตีกันเสียงเอะอะเอ็ดตะโร แล้ววันร้ายคืนร้าย ถ้าเสียงดังเรียกความสนใจ ก็อาจจะมีแมวมาเป็นกรรมการ แล้วความซวยก็จะเกิดขึ้น บางทีนกก็เสร็จแมวทั้งคู่ เพราะมัวแต่ตีกันเพลินจนลืมสังเกต"

เถรี 11-01-2012 11:07

พระอาจารย์เล่าว่า "หลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก ท่านทำปลาตะเพียนเงินปลาตะเพียนทอง ปลุกด้วยคาถา จะภะกะสะ เอาใส่กาละมัง พายเรือไปเทไว้กลางแม่น้ำ แล้วก็มานั่งเรียกบนฝั่ง ปลาตะเพียนทำด้วยโลหะแท้ ๆ ถึงเวลาว่ายน้ำมาเข้ากาละมังได้"

เถรี 11-01-2012 12:20

พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนมีฝรั่ง ๒ คน เขามาถามหาสังขารหลวงปู่สายว่าอยู่ที่ไหน ดันมาเจอเจ้าอาวาสเข้าพอดี ก็เลยพาไปที่กุฏิหลวงปู่สาย ตรงนี้ทำให้เห็นจุดอ่อนว่าพระของเราแม้จะเก่งภาษาอังกฤษหลายรูป แต่ไม่ถนัดในการปฏิสันถารกับญาติโยม จะเป็นเพราะท่านรักสงบสันโดษหรืออย่างไรก็ไม่รู้ ?

ถ้าสมมติว่าคนเข้ามาในบ้านเราก็ควรถามเขาว่ามาธุระอะไร ? ใช่ไหม ? การปฏิสันถารต้อนรับสมควรต้องมี แต่นี่เปล่าเลย..ปล่อยให้เขาเดินหาเอาเอง

ถ้าอาตมาได้ยินเสียงหมาเห่าผิดปกติ ก็จะโผล่ออกไปดู ถ้าเห็นฝรั่งมา จะถามก่อนว่า..จะไปไหน ? มีธุระอะไร ? บางคนก็บอกว่าจะไป View Point อาตมาก็บอกให้ขึ้นเขาไปโน่นเลย บันได ๒๕๘ ขั้นเอง แต่ฝรั่งเขาไม่ท้อนะ บางคนดูว่าอายุประมาณ ๖๐-๗๐ ปีแล้ว แต่ยังแข็งแรงเหมือนคนอายุไม่เกิน ๔๐ ปี คนไทยเราถ้า ๖๐-๗๐ ปีก็ตะบันน้ำกินกันหมดแล้ว

อาตมาค่อนข้างจะหน้าด้านกับฝรั่ง เพราะว่าพูดภาษาเขาเราไม่กลัวผิด ก็ไม่ใช่ภาษาเรานี่ ในเมื่อไม่ใช่ภาษาเรา อุตส่าห์ใช้ภาษาของคุณแล้ว คุณฟังให้เข้าใจก็แล้วกัน อีกประการหนึ่งอาตมาเป็นคนไม่กลัวใคร ก็เลยไม่รู้ว่าพวกพระท่านกลัวหรือเปล่าเวลาต้องพูดกับฝรั่ง ? ทั้ง ๆ ที่หลายท่านนี่จบปริญญาโทจากอังกฤษมาเลย

อาตมาถือว่าถ้าฟังไม่รู้เรื่องก็เป็นปัญหาของคุณไม่ใช่ปัญหาของผม ผมพูดภาษาคุณได้ก็ดีตายชักแล้ว จะเอาอะไรมากนัก ทีเขามาบ้านเราเขายังพูดภาษาที่เราฟังไม่รู้เรื่องได้เลยนี่นา

ตอนนี้ต้องให้ท่านยี้ (พระธีราวุธ นิสโภ) ช่วยดูแลให้ บอกกับท่านยี้ว่า คุณคอยดูด้วย..ถ้าฝรั่งเข้ามาให้ดูแลเขาหน่อย ถ้าชีตุ๊ (อุบาสิกากุลภรณ์ แก้ววิลัย)อยู่ ก็ให้ชีตุ๊ช่วย เพราะว่าฝรั่งผู้หญิงไม่ค่อยจะฟังเสียงหรอก เจอพระเขาชอบใจก็คว้าแขนยืนคู่ถ่ายรูปเลย เขาไม่รู้ธรรมเนียมของเรา พอบอกว่าแตะต้องไม่ได้ เขาก็สงสัยว่าทำไมถึงแตะไม่ได้..?!"

เถรี 11-01-2012 13:59

พระอาจารย์กล่าวว่า "ดูชุดของพระภูฏานแล้วทะมัดทะแมงดี พวกวัชรยานสายทิเบตเขามีเสื้อกั๊กด้วย เมื่อไรเมืองไทยจะอนุญาตให้พระนุ่งกางเกงใส่เสื้อกั๊กกับเขาบ้างหนอ ?

วัชรยานสายทิเบตเข้าไปตอนที่พุทธศาสนาสายตันตระกำลังรุ่งเรือง เพราะฉะนั้น..ความเชื่อของเขาบางอย่างก็เลยค่อนข้างจะค้านกับของเรา อย่างเรื่องศักติของพระพุทธเจ้า ศักติก็คือคู่ตรงข้าม อย่างเช่นผู้ชายตรงข้ามกับผู้หญิง พระพุทธรูปของสายวัชรยานจะมีปางที่มีผู้หญิงกอดเอวอยู่ เราไม่รู้ก็ไปหาว่าเขาสร้างปางอุบาทว์ ความจริงเป็นความเชื่อของเขาอย่างนั้น

เขาว่าผู้หญิงผู้ชายต้องประสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียวถึงจะประสบความสำเร็จ สามารถบรรลุธรรมได้ เขาใช้คำว่าความเข้มแข็งอย่างเดียวโดยไม่มีความอ่อนโยนมีแต่เกิน ไม่พอดี แล้วแนวความคิดอีกอย่างคือ การฆ่าเพื่อระงับฆ่า ถ้าสมมติว่าต้องฆ่าโจรสักคนหนึ่ง เพื่อไม่ให้โจรไปฆ่าคนอีกหลายคนนี่เขาก็จะทำ ก็เลยกลายเป็นความเชื่อในลีลาของพระโพธิสัตว์ ตัวเองยอมลงนรกเพื่อให้ผู้อื่นรอดไปได้"

เถรี 12-01-2012 10:29

"อย่างหลวงจีนคงซิ่งแห่งวัดเส้าหลิน ท่านเป็นว่าที่เจ้าอาวาส แต่แล้วอยู่ ๆ ก็เกิดวิปลาสขึ้นมา ดื่มสุรากินเนื้อ ซึ่งเป็นความผิดมหันต์ของสายมหายาน เพราะมหายานกินเจ ไม่เบียดเบียนสัตว์โลก ท่านคงซิ่งก็เลยโดนขับไล่ออกจากวัด

ก่อนที่ท่านคงซิ่งจะโดนขับไล่ออกจากวัดนั้น ไม้เท้าพระธรรมหายสาบสูญไป ไม้เท้าพระธรรมนี้เป็นของท่านตั๊กม้อหรือท่านโพธิธรรมเถระ เจ้าอาวาสรูปแรกของวัดเส้าหลิน ตอนหลังสืบหาเจอปรากฏว่าเขาขายให้กับขุนนางผู้ใหญ่ประเภทเจ้าพ่อ ทำให้ไม่มีใครกล้าทวง ทางวัดขอซื้อในราคาเท่ากับที่เขาซื้อมา เขาก็ไม่ขายให้

หลวงจีนคงซิ่งที่อยู่ ๆ วิปลาสขึ้นมา ถูกขับไล่ออกจากวัด ออกไปอาละวาดอยู่ในยุทธจักร แล้วครอบครัวที่ซื้อไม้เท้าพระธรรมนั้นมาก็โดนหลวงจีนคงซิ่งบุกเข้าไปฆ่าล้างโคตร เอาไม้เท้าพระธรรมคืนมาได้ สรุปว่าตั้งแต่นั้นมาหลวงจีนคงซิ่งก็เป็นคนบาปของแผ่นดิน แต่ไม้เท้าพระธรรมกลับคืนไปสู่วัดเส้าหลิน

เขาเพิ่งจะรู้ว่าทำไมอยู่ ๆ ท่านจึงวิปลาสขึ้นมา เพราะต้องแกล้งบ้า ไม่อย่างนั้นเรื่องจะเดือดร้อนถึงวัด จึงต้องให้ตัวเองโดนไล่ออกจากวัดก่อน พอโดนไล่ออกจากวัดก็แกล้งเป็นบ้า ๆ บอ ๆ ในยุทธจักร ได้โอกาสก็บุกไปฆ่าล้างทิ้งเสียเลยทั้งตระกูล เอาไม้เท้าพระธรรมคืนวัดเส้าหลินไป

คราวนี้ทางการจะไปเล่นงานอะไรวัดเส้าหลินก็ไม่ได้เพราะว่าท่านโดนไล่ออกแล้ว ไม่เกี่ยวอะไรกับวัด นี่แหละคือลักษณะของพระโพธิสัตว์ ถ้าเพื่อประโยชน์ส่วนรวมตัวเองลำบากแค่ไหนก็ยอม"

เถรี 12-01-2012 10:39

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้ไม่รู้ว่าเขาฮิตอะไร จัดงานสวดมนต์ข้ามปีกันทั้งประเทศเลย เสียงตอบรับปีนี้ดีมาก เพราะชาวบ้านมาร่วมสวดมนต์ด้วยเยอะ ส่วนท่านที่ไม่ได้มาสวดมนต์ เพราะว่าต้องเตรียมการเกี่ยวกับงานของทางเทศบาล เขาบอกว่าฟังอยู่ที่บ้าน เพราะเวลาทางวัดท่าขนุนสวดมนต์เสียงจะได้ยินไปไกลเกือบทั่วอำเภอ

ช่วงใหม่ ๆ ที่วัดสวดมนต์ จะโดนคนโทรศัพท์มาด่า แต่เขาด่าผิดคน เพราะเขาไม่รู้ว่าเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนด่าเก่งขนาดไหน..!"

เถรี 12-01-2012 11:07

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนโยมแม่ของอาตมาขายล็อตเตอรี่ ขายไปจนเหลือใบท้าย ๆ ขนาดลดราคาแล้วก็ไม่มีใครซื้อ ปรากฏว่าใบท้าย ๆ นั่นแหละถูก ที่ขายก็ขายไป ที่เหลือแม่ก็ถูกเองด้วย กำไร ๒ ต่อ ลดราคาแล้วเขายังไม่ซื้อเพราะว่าเลขไม่สวย เลขไม่สวยนั่นแหละออกดีนักแล

มีเจ้าหน้าที่เขื่อนวชิราลงกรณรายหนึ่งรับล็อตเตอรี่ไปส่งต่อ มีคนหนึ่งแทงหวยเลข ๐๐๐ (ตองศูนย์) แทงมา ๕,๐๐๐ บาท เจ้าหน้าที่คนนี้ก็รับกินเอง แล้วดันออกตองศูนย์ คิดดูว่าบาทละ ๕๐๐ เขาแทงมา ๕,๐๐๐ บาท ได้ไป ๒ ล้านกว่าบาท หมดตัวเลย เห็นว่าเลขนี้ไม่มีทางออก แต่ดันออกมาจริง ๆ

เรื่องของการพนัน ไม่ว่าจะเป็นหวยหรืออะไรก็ตาม เป็นลาภที่เกิดจากการทำบุญโดยไม่ได้ตั้งเจตนาไว้ก่อน อย่างเช่น ออกไปเห็นเขามีกองบุญการกุศลก็ทำเลย ถ้าอย่างนั้นจะมาลักษณะลาภลอย

มีใครรู้จัก ดร.เอ (อัจฉรา เสาว์เฉลิม) บ้างไหม ? รายนั้นถ้าเล่นเป็นถูกทุกงวด แต่พอไปดูเขาเล่น เห็นบัญชีหางว่าวยาวเป็นกระดาษชำระเลย หักกลบลบล้างแล้วเหลือไม่กี่ร้อยบาท แต่เขาถูกทุกงวด ขอให้คิดจะเล่นเถอะต้องถูก หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่าเป็นพวกกองลาดตระเวน เก็บเล็กเก็บน้อยไปเรื่อย เจอบุญที่ไหนเขาทำหมด ทำไปทำมาก็กลายเป็นลาภลอย

บุญก็คือ ความดีในอดีตส่งผลถึงปัจจุบัน เขาเรียก ปุพเพกตปุญฺญตา ผลบุญที่ทำมาแต่ปางก่อน ดังนั้น..เราจะหวังว่ามาทำตอนนี้แล้วก็จะได้ชาตินี้ ก็คงต้องทำต่อเนื่องกันหลาย ๆ ปีหน่อย เราทำตอนนี้ขยับไปหน่อยก็เป็นอดีตแล้ว ถึงเวลาพออดีตต่อเนื่องกันได้นาน ๆ ความดีเริ่มส่งผล ปัจจุบันก็จะดี

แต่ว่าความจริงควรจะมาเน้นในเรื่องของสมาธิภาวนา เพราะถ้าเราทำต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ผลการปฏิบัติก็จะดีขึ้น"

เถรี 12-01-2012 11:18

ถาม : ผมรู้สึกว่าเบื่อการเกิดแล้วครับ แต่บางทีก็ไม่เบื่อเลย อยากจะให้เบื่อแบบจริง ๆ ต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : เบื่อ ๆ อยาก ๆ ใช่ไหม ? ถ้าอยากจะกลัวการเกิดแบบจริง ๆ จัง ๆ ก็ต้องพิจารณาให้เห็นว่าทุกวินาทีในการดำรงชีวิตอยู่ของเรา เรากำลังลุยอยู่บนกองทุกข์ ในเมื่อเราอยู่บนกองทุกข์ แค่ที่เห็นนี่ยังนับว่าดี แต่ถ้าหากว่าต้องพลาดลงอบายภูมิไป กองทุกข์นี้จะมหึมาขึ้นอีกหลายเท่า ถ้าหากว่าสามารถเห็นได้ว่าทุกวินาทีเราอยู่บนความทุกข์ เราไม่ปรารถนาเช่นนี้อีก เราก็จะกลัวการเกิดจริง ๆ

ถาม : กลัวอย่างเดียวหรือครับ ?
ตอบ : กลัวอย่างเดียวไม่พอ ต้องทำให้ถึงด้วย กลัวอย่างเดียวเป็นแค่ภยตูปัฏฐานญาณ

เถรี 12-01-2012 11:45

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีฝรั่งจะมาขอบวช พูดไทยได้แค่ "สวัสดีครับ" ถ้ามาเจอคำขอบวช ๕ หน้ากระดาษ คงปางตายเลย..!

วันก่อนมาย่ายังสวดมนต์ได้เลย แต่มาย่าเขาอ่านตามแบบของเขา เขาอ่านเป็น อา-เร-หะ-โต แสดงว่าเขาท่องอะระหะโตแบบภาษาอังกฤษ แต่ก็ยังอุตส่าห์สวดอิติปิโสได้ ใช้ได้เหมือนกันนะ อย่างน้อย ๆ ไปปรับเอาทีหลังได้

อาตมาฟังแล้วก็ขำ จะไปว่าเด็กก็ไม่ได้ เพราะเขาท่องได้ เพียงแต่ไม่ค่อยจะถูกต้องเท่านั้น อย่าไปว่าอะไรฝรั่งเลย ขนาดคนไทยแท้ ๆ ยังออกเสียงเป็น อา-รา-หัง กันแทบทั้งนั้น ทั้งที่มีแต่อะระหัง

คราวที่แล้วหยงหยงเป็นขวัญใจเพื่อนร่วมรุ่น ครั้งนี้เป็นมาย่าเพราะเป็นเด็กฝรั่ง ตอนยกย่างเหยียบ เขาเองไม่เคยชินกับการที่โดนตีกรอบ เขาก็ดึงแม่ "ไม่เอาแล้ว" พอแม่เขาไม่สนใจ มาย่าก็งอนสะบัดก้นออกจากวง ตอนที่อยู่นั้นมีเด็ก ๆ หลายคน น้องภูก็วิ่งตามมาย่าไป พักเดียวก็พากลับมา...เก่ง เด็กเขารู้ภาษาเด็กด้วยกัน เขาก็พากลับมาเล่นของเขาต่อ เล่นก็คือเดินกันต่อไป"


https://www.watthakhanun.com/webboar...1325550280.jpg
น้องภู น้องมาย่า น้องบัว น้องโมจิ น้องไอวี่

เถรี 12-01-2012 12:16

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปาจารี แปลว่า ผู้เป็นแบบอย่าง ปาจารีเป็นบาลี ถ้าไทยเขาอ่านเป็นบาจารี

เราเรียกว่าครูบา ครูก็คือครุ บาคือบาจารี ครุคือผู้รับภาระอันหนัก บาจารีคือผู้เป็นแบบอย่าง ก็คือแม่พิมพ์นั่นแหละ จำไว้แม่น ๆ ว่าพ่อพิมพ์ไม่มีนะ แม่พิมพ์ก็คือต้นแบบที่จะหล่อหลอมสิ่งอื่นออกมาให้เหมือนต้นแบบ คราวนี้เขาดันไปคิดว่าถ้าหากผู้หญิงเป็นแม่พิมพ์ ผู้ชายต้องเป็นพ่อพิมพ์ เข้าไม่ถึงรากศัพท์เลยไปทำเขาเพี้ยนหมด ยังดีไม่บ้าจี้เปลี่ยนแม่ทัพเป็นพ่อทัพไปด้วย..!"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:11


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว