กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=125)
-   -   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=9018)

ตัวเล็ก 22-10-2022 19:09

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๕
 
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๕



เถรี 23-10-2022 00:29

เจริญพรญาติโยมพุทธบริษัททุกท่าน วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ เป็นการบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ รุ่นที่ ๗ ของปี ๒๕๖๕ ต้องบอกว่าทุกครั้งที่มีวันหยุดยาว ๆ ส่วนใหญ่แล้วกระผม/อาตมภาพก็จะมีการจัดให้มีการบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติ สำหรับญาติโยมทั้งหลายที่เบื่อโลก..! เพราะว่าส่วนใหญ่วันหยุดยาวเขาก็ไปท่องเที่ยวกัน แต่พวกเราเบื่อโลกแล้ว ก็เลยเข้าวัดปฏิบัติธรรม

กระผม/อาตมภาพเพิ่งกลับมาจากประเทศลาว เมืองลาวน่าอยู่มาก สงบเรียบร้อยดีมาก โดยเฉพาะได้ไปใส่บาตรที่ถนนสายวัฒนธรรมหน้าวัดศรีบุญเรือง เมืองหลวงพระบาง พระภิกษุสามเณรจาก ๑๔ วัด ร้อยกว่ารูปเดินบิณฑบาตทุกวัน

โดยเฉพาะญาติโยมที่บอกว่าเป็น "FC วัดท่าขนุน" หลายต่อหลายคณะโทรศัพท์หาทั้งผู้จัดทัวร์ในเมืองไทย ทั้งเฟซบุ๊กของใครก็ตามที่เผลอลงเรื่องที่กระผม/อาตมภาพไปประเทศลาว แม้กระทั่งทางวัดท่าขนุน ต้องบอกว่าโทรกระหน่ำ "ซัมเมอร์เซลล์" จะขอมากราบทำบุญด้วย ให้ช่วยนัดว่าจะให้ไปพบที่ไหน กระผม/อาตมภาพไม่นัดแม้แต่ที่เดียว เพราะว่าถ้านัดก็จะทำให้เราจะต้องห่วงหน้าพะวงหลังในการเดินทางไปให้ทันตามนัด

ความตรงต่อเวลาเป็นเรื่องที่กระผม/อาตมภาพถือสามาก ถ้าใครทำอะไรไม่ตรงเวลาก็แปลว่าเลิกคบกัน..! แล้วยิ่งถ้าทำช้าด้วยก็ยิ่งเลิกคบใหญ่เลย คือเวลาวันหนึ่งมีแค่ ๒๔ ชั่วโมง ทุกชั่วลมหายใจเข้าออกเป็นเวลาที่เราต้องขัดเกลา กาย วาจา ใจ ของตนเอง เพื่อให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ถ้าไปถึงจุดสูงสุด เข้าสู่พระนิพพานได้ก็ยิ่งดี แต่ว่าหลายท่านก็ทำอะไรช้ามาก แล้วตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ กระผม/อาตมภาพก็ไม่เคยรอคนช้า ใครช้าก็จงวิ่งไล่เอาเอง..!

อย่างที่บรรดา FC ชาวลาว ไม่ว่าจะที่เมืองเวียงจันทน์ เมืองหลวงพระบาง หรือว่าเมืองวังเวียงไล่ตามไม่ทัน บอกว่าไปดักรอที่สถานีรถไฟความเร็วสูง "พระอาจารย์ไปแล้ว" แต่เขาก็มีความพยายามมาก พยายามเสาะหาว่าโปรแกรมการท่องเที่ยวลาวนั้น คณะของกระผม/อาตมภาพต้องไปที่ไหนบ้าง แล้วก็ไปรอดักอยู่แถวนั้น จึงมีหลายคนหลายคณะที่ได้พบ ขณะเดียวกันส่วนใหญ่ก็ไม่ได้พบ เพราะว่าทำอะไรช้า เนื่องจากว่ากระผม/อาตมภาพนั้นตรงไปยังจุดหมาย ทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ เสร็จแล้วก็ไปต่อเลย

เถรี 23-10-2022 00:33

สมัยก่อนที่กระผม/อาตมภาพมาเป็นรองเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ด้วยความที่ต้องเดินทางไปสงเคราะห์ญาติโยม ตลอดจนกระทั่งไปงานพุทธาภิเษกต่าง ๆ แม้กระทั่งงานคณะสงฆ์ก็บ่อยครั้งมาก อดีตเจ้าอาวาสก็คือพระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโต พอถึงเวลาเห็นกระผม/อาตมภาพออกรถก็โดดขึ้นด้วย "ขอไปเที่ยวกับพระอาจารย์ด้วย" ปรากฏว่าเจอเข้าไปแค่ ๒ ครั้งก็เข็ด..! ก็คือไปถึงที่งาน งานจบแล้วกลับเลย ไม่แวะที่ไหน พระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโต อดีตเจ้าอาวาสจึงเข็ด ไม่ไปด้วยอีกเลย ก็คือเวลาที่เราจะนำมาปฏิบัติธรรมนั้น สำคัญมากกว่าการท่องเที่ยว

ที่กระผม/อาตมภาพไปเมืองลาวมานั้น ประการแรกก็คือทางเอ็นซีทัวร์ โดยคุณนวลจันทร์ เพียรธรรม เป็นคนออกค่าตั๋วให้ แปลว่าไปฟรี

ประการที่สอง ไปใช้หนี้เก่า โดยเฉพาะหนี้เก่าสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ไปตีบ้านตีเมืองเขาเสียแหลกยับเยินอยู่ที่นั่น

ประการที่สามก็คือ ไปสงเคราะห์ท่านทั้งหลายที่มีเวรมีกรรมสืบเนื่องกันมา แต่คราวนี้อย่างหลังนี้ คนทั่ว ๆ ไปไม่ค่อยได้เห็นกัน

แต่ว่าทุกท่านก็จะเห็นว่า ตอนที่ไปนั้น ทุกวันบรรยากาศดีเลิศ ก็คือแดดจัดมาก ฟ้าใสน่าถ่ายรูป แต่เพียงแค่ก้าวเข้ามาในเขตหนองคาย ฟ้าก็มืดเหมือนอย่างกับใกล้ค่ำ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า "พายุเนสาท" เข้าประเทศเวียดนาม ขอบพายุมาถึงลาวแล้ว แต่ว่าท่านทั้งหลายที่อนุเคราะห์สงเคราะห์ก็ช่วยกันยันเอาไว้ก่อน กลัวว่าพระอาจารย์ไม่ประทับใจประเทศลาวแล้วจะไม่ไปอีก..!

ดังนั้น..กระผม/อาตมภาพไปที่ไหน ก็มักจะทำเขา "เสียของ" หมด อย่างไปทิเบต ตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีก อุณหภูมิช่วงนั้นเฉลี่ยอยู่ที่ ๕ องศาเซลเซียส พอไปถึงปรากฏว่าอยู่ที่ ๑๗ - ๑๘ องศาเซลเซียสตลอดทุกวัน ทันทีที่ก้าวขึ้นรถไฟความเร็วสูงสายทิเบต-ชิงไห่ เพื่อที่จะลงมายังเมืองซีหนิง อุณหภูมิลดฮวบลงไปเหลือ ๑๑ องศาเซลเซียส..! ลงมาถึงเมืองซีหนิง ถามเขาอีกที เขาบอกว่าเหลือ ๙ องศาเซลเซียสแล้ว คาดว่าห่างออกไปอีกหน่อยก็คงจะเหลือ ๕ องศาเซลเซียสตามปกติ..!

เถรี 23-10-2022 00:39

ไปที่ประเทศปากีสถาน มีญาติโยมในคณะปรารภว่าอยากเห็นหิมะ "นั่นมันหน้าร้อนนะแม่คุณ..!" แต่ปรากฏว่าเขาจัดให้ พายุหิมะมาเสียมืดฟ้ามัวดิน กระผม/อาตมภาพรำคาญมาก ต้องเอาจีวรพันหัวไว้ เพราะว่าเวลาลมพัดแล้วหิมะเข้าหู..!

ไปยุโรป ขึ้นไปยอดเขาทิตลิส มีถ้ำน้ำแข็งพันปีอยู่ที่นั่น ปรากฏว่าไปถึงหิมะท่วมเลย ไกด์บอกว่าเป็นครั้งแรกในรอบ ๓๐ ปีที่หิมะตกหน้าร้อน กระผม/อาตมภาพเช็คเวลาย้อนหลังไป ๓๐ ปีที่แล้ว หลวงพ่อฤๅษีฯ ไปที่นั่น หิมะตกหน้าร้อนเหมือนกัน เพราะฉะนั้น..ไปไหนก็ไปทำเขา "เสียของ" หมด บรรยากาศไม่ค่อยจะเป็นไปตามปกติ

แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่ความสามารถของกระผม/อาตมภาพ แต่ว่าเป็นสิ่งที่ท่านทั้งหลายได้ช่วยกันอนุเคราะห์สงเคราะห์อำนวยความสะดวกให้ ก็ต้องเจริญพรขอบคุณ ขอบใจ และอุทิศส่วนกุศลให้ทุกครั้งไป

แต่คราวนี้ที่เล่าให้ฟังก็คือว่าคนลาวที่มาพบ เขาเหมือนกับคนหิวข้าว เจอร้านอาหารถูกใจก็จะต้องกินให้ได้ พยายามตะเกียกตะกายไล่ตาม กี่เมืองก็จะไป เพราะว่าพระอาจารย์มาถึงบ้านเขาแล้ว

ส่วนพวกเราต้องบอกว่าจัดปฏิบัติธรรมรุ่นหนึ่งก็โผล่หน้ามาครั้งหนึ่ง แล้วเวลาที่เหลือทำอะไรกันอยู่จ๊ะ ? กลัวกิเลสจะเศร้าหมอง เดี๋ยวจะฆ่ามันตาย เราเป็นคนมีเมตตา ไม่กล้าฆ่ากิเลส..ใช่ไหม ? ฆ่ากิเลสนี่ไม่บาปหรอก มีแต่ความดีล้วน ๆ

พระพุทธเจ้าตรัสว่า โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติ การฆ่าความโกรธ ได้ชื่อว่าเป็นสุข ความโกรธก็คือโทสะ กิเลสใหญ่เลย ฉะนั้น..มีโอกาสแล้ว อย่าได้ปล่อยผ่านไป ชีวิตของเราเป็นของน้อย ไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงไปเมื่อไร

กระผม/อาตมภาพเองไปเมืองลาว แม้ตั้งใจไปใช้หนี้เขาก็ยังพลาด ไม่รู้ว่าสติขาดตอนไหน ตกเรือลงไป คางฟาดกับบันได จ่ายเลือดคืนเขาไปหลายหยด ทุกวันนี้ยังหน้าบวม คางโย้อยู่เลย นั่นแปลว่าอันตรายถึงแก่ชีวิตสามารถมาถึงเราได้ตลอดเวลา ถ้าเรายังเป็นผู้ประมาทอยู่ เราก็จะเอาตัวไม่รอด

เถรี 23-10-2022 00:45

พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร.ที่ไปด้วยถามว่า "หลวงพ่อทำได้อย่างไรครับ บาดเจ็บหนักขนาดนี้ ยังไปเที่ยวต่อหน้าตาเฉย ?" กระผม/อาตมภาพก็ตอบแบบขำ ๆ ว่า "เสียดายตังค์ว่ะ ถ้าไปนอนโรงพยาบาล ก็ไม่ได้เที่ยว" แต่ความจริงก็คือเป็นการใช้กำลังใจข่มอาการเจ็บเอาไว้

เรื่องพวกนี้ไม่ควรทำนัก เพราะว่าจะไปปิดบังอาการที่แท้จริงของเรา ถ้าไม่ใช่คนที่ใช้กำลังใจบังคับร่างกายได้จริง ๆ พอถึงเวลาสมาธิหลุด คราวนี้ก็โอดโอยเลยหรือไม่ก็ล้มทั้งยืน..! แต่ด้วยความที่สมัยก่อนซักซ้อมเอาไว้มาก โดยเฉพาะในส่วนของการไม่สนใจในร่างกาย หมอหรือพยาบาลจะทำแผลก็ปล่อยเขาทำไป

"ยาตัวนี้แสบมากเลยนะครับ" เออ..ก็ปล่อยแสบไป ไม่ร้องถือว่าไม่เจ็บ..! เพราะฉะนั้น..ทุกคนจะเห็นกระผม/อาตมภาพนอนนิ่ง ๆ ให้หมอทำแผลแต่โดยดี ไม่มีอิ ไม่มีแอะ แม้แต่ขนตาก็ยังไม่ขยับ แต่อยากจะบอกว่าเจ็บฉิบหายเลยโว้ย..!

เพียงแต่กำลังใจเหนือเวทนาของร่างกาย ก็เลยสามารถที่จะทำไม่รู้ไม่ชี้ได้ เป็นเรื่องที่สามารถฝึกได้ทุกคน แล้วก็ช่วยเรื่องอาการเจ็บไข้ได้ป่วยได้ดีมาก ๆ แต่เพียงแต่ว่าเราจะต้องรู้ตัวอยูเสมอว่าร่างกายนี้หาความดีไม่ได้ ตราบใดที่ยังอาศัยอยู่ เรื่องของกรรมต่าง ๆ ยังตามมาสนองได้เสมอ

จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะต้องเร่งรัดกำลังใจของเราเอง เพื่อที่จะให้ทุกคนสามารถที่จะย่นระยะทางในการเวียนว่ายตายเกิดให้เหลือสั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หรือถ้าสามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานในชาตินี้ได้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นที่สุด

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:33


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว