กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=39)
-   -   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5718)

เถรี 30-07-2017 09:09

เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๐
 
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ จะขอกล่าวต่อจาก ๒ วันก่อน คือการที่เราได้พิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ของสรรพสิ่งทั้งหลายไปแล้ว สำหรับวันนี้คือการพิจารณาให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา ยึดถือมั่นหมายไม่ได้ โดยเฉพาะอัตภาพร่างกายนี้ที่เรารักที่สุด หวงแหนที่สุด

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ร่างกายนี้ประกอบขึ้นมาจากธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ส่วนที่แข็งเป็นแท่ง เป็นก้อน เป็นชิ้น เป็นอัน จับได้ ต้องได้ คือ ธาตุดิน ประกอบไปด้วย ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ กระดูก เยื่อในกระดูก เส้นเอ็น อวัยวะภายในอื่น ๆ อย่างเช่น ตับ ไต ไส้ ปอด สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไม่ว่าจะอยู่ภายนอก อยู่ภายใน จับได้ ต้องได้ มีความแค่นแข็ง สิ่งนั้นถือว่าเป็นธาตุดิน เราลองแยกเอาไว้ส่วนหนึ่ง

ส่วนที่มีอาการเหลวไหล เอิบอาบ ชุ่มชื้น เคร่งตึงอยู่ในร่างกายของเราคือธาตุน้ำ ได้แก่ เลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง น้ำตา น้ำลาย น้ำดี เหงื่อ ไขมันเหลว ปัสสาวะ ลองแยกไว้อีกส่วนหนึ่ง

เถรี 30-07-2017 09:11

ส่วนที่พัดไปมาในร่างกายของเราเรียกว่า ธาตุลม ได้แก่ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ลมที่ค้างอยู่ในท้องในไส้ ที่เรียกว่าแก๊ส ลมในช่องว่างของร่างกาย เช่น ช่องหู ช่องจมูก ลมที่พัดขึ้นเบื้องสูง พัดลงเบื้องต่ำ พัดไปทั่วร่างกาย เรียกว่าความดันโลหิต แยกเอาไว้อีกส่วนหนึ่ง

ส่วนสุดท้ายเป็นส่วนที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย เรียกว่า ธาตุไฟ มีไฟธาตุที่กระตุ้นร่างกายให้เจริญเติบโต ไฟธาตุที่เผาผลาญร่างกายให้ทรุดโทรมลง ไฟธาตุที่ช่วยในการย่อยอาหาร ไฟธาตุที่ยังร่างกายให้กระวนกระวายยามเจ็บไข้ได้ป่วย ลองแยกเอาไว้อีกส่วนหนึ่ง

ส่วนที่หนึ่งคือดิน ส่วนที่สองคือน้ำ ส่วนที่สามคือลม ส่วนที่สี่คือไฟ เมื่อแยกออกมาแล้วไม่มีอะไรหลงเหลือเป็นเราเป็นของเราเลย เมื่อถึงเวลา จิตคือตัวเรามาอาศัยอยู่ ตามบุญตามบาปที่สร้างเอาไว้ เราก็ไปยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเราเป็นของเรา ความจริงแล้วร่างกายนี้คือธาตุสี่ที่เป็นสมบัติของโลกเท่านั้น

ถ้าหากว่าธาตุสี่แปรปรวนไปก็เจ็บไข้ได้ป่วย ถ้าขาดหายไปก็ถึงแก่ความตาย ถ้าธาตุลมขาดไปธาตุไฟก็ดับ สภาพร่างกายของเราก็จะแข็งทื่อ ไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้ ในเมื่อไม่มีธาตุไฟคอยควบคุม ธาตุน้ำก็ล้นเกิน ดันร่างกายอืดพองขึ้นมา พอผ่านไปสองวันสามวันธาตุน้ำกำเริบมาก ๆ ก็ดันจนธาตุดินคือผิวกายแตกปริ น้ำเหลืองน้ำหนองไหลโทรม ส่งกลิ่นเหม็นตลบไปไกล ๆ หมู่สัตว์ทั้งหลายก็มากัด มาทึ้ง มาดึง มาลาก ร่างกายนี้ไปกินเป็นอาหาร หมู่หนอนทั้งหลายก็มาชอนไชอัตภาพร่างกายนี้กินเป็นอาหาร

เถรี 31-07-2017 19:10

มองดูให้เห็นชัดว่าร่างกายที่เป็นเพียงธาตุสี่ บัดนี้ไม่มีอะไรเหลืออยู่ ธาตุลมขาดไปแล้ว ธาตุไฟดับไปแล้ว ธาตุน้ำทำลายธาตุดินไปแล้ว หมู่สัตว์ทั้งหลายมากัด มาแทะ มากินเป็นอาหาร จนกระทั่งท้ายสุดเหลือเพียงโครงกระดูกเท่านั้น เมื่อผ่านการชะล้างของฝน การเผาของแดด การพัดโกรกของลม โครงกระดูกที่ยึดอยู่ด้วยเส้นเอ็นก็เกิดอาการเปื่อยสลาย หลุดกระจัดกระจายไป

กะโหลกศีรษะกลิ้งไปทางหนึ่ง กรามล่างหลุดไปทางหนึ่ง ฟันต่าง ๆ หลุดไปทางหนึ่ง กระดูกต้นคอที่เป็นข้อ ๆ ก็หลุดไปด้านหนึ่ง กระดูกไหปลาร้า กระดูกหัวไหล่ กระดูกต้นแขน กระดูกข้อศอก กระดูกปลายแขน กระดูกข้อมือ กระดูกฝ่ามือ กระดูกข้อมือ กระดูกนิ้วมือ ตลอดจนเล็บมือ หลุดกระจัดกระจายไป กระดูกสันหลังที่โยงกับกระดูกหน้าอกด้วยซี่โครงก็หลุดกลิ้งเป็นแว่น ๆ ไป

กระดูกบั้นเอวก็หลุดเป็นข้อ ๆ กระดูกเชิงกรานที่เรานั่ง ซึ่งติดกับกระดูกก้นกบ ก็หลุดกระจัดกระจายไป กระดูกต้นขา กระดูกหัวเข่า กระดูกหน้าแข้ง กระดูกข้อเท้า กระดูกส้นเท้า กระดูกฝ่าเท้า กระดูกนิ้วเท้า ตลอดจนเล็บเท้า หลุดกระจัดกระจายไป โดนฝนซัด โดนแดดเผา โดนลมโกรก จากใหม่ก็กลายเป็นเก่า จากเก่าก็ผุพัง เน่าเปื่อย จมดิน สลายไปไม่มีอะไรเหลืออยู่ จะเป็นดิน เป็นน้ำ เป็นลม เป็นไฟ ก็กลับคืนไปเป็นสมบัติของโลกตามเดิม

เถรี 31-07-2017 19:12

ร่างกายของเราเป็นอัตภาพที่ไร้สาระแก่นสารเช่นนี้ เรายังจะยึดถือมั่นหมายได้อย่างไรว่าเป็นเรา เป็นของเรา ? เมื่อเห็นชัดเจนแล้วพิจารณาใหม่ พิจารณาใหม่แล้วก็กลับเข้ามาภาวนา ภาวนาแล้วกลับไปพิจารณา ซ้ำแล้วซ้ำอีก ย้ำแล้วย้ำอีก จะเบื่อไม่ได้ จะหน่ายไม่ได้ เพื่อตอกย้ำให้สภาพจิตมีการจำว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา

เมื่อสภาพจิตไม่ยึดถือในร่างกายแล้ว ก็ให้ไปเกาะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพานแทน ตั้งใจว่าในเมื่อร่างกายนี้มีแต่ความไม่เที่ยง มีแต่ความเป็นทุกข์ ไม่มีอะไรเหลือเป็นเราเป็นของเรา เราก็ไม่พึงปรารถนาอีกแล้ว ถ้าหากว่าหมดอายุขัยตายลงไปก็ดี หรือว่าเกิดอุบัติเหตุอันตรายถึงแก่ชีวิตก็ตาม เราขอมาอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น

ขอให้ทุกคนรักษากำลังใจเช่นนี้เอาไว้ จนกว่าได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๐

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:44


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว