กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5646)

เถรี 08-06-2017 15:53

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านมีวิชาอยู่อย่างหนึ่งเรียกว่า "กอบโรค" ก็คือทำท่าเอามือกอบแล้วยกขึ้น เททิ้งไป โรคที่เป็นก็หายได้ แต่ต้องเสียค่ายกครูหนึ่งสลึง

คราวนี้ไปเจอคนโกงเข้าหลายครั้ง ถึงเวลารักษาก่อน เดี๋ยวค่อยให้ค่ายกครูทีหลัง เห็นเขาเจ็บไข้ได้ป่วยหลวงพ่อท่านสงสารก็รักษาให้เขาก่อน ปรากฏว่าเขาไม่ยอมจ่ายค่าครู
สลึงหนึ่ง พอไม่ยอมจ่ายโรคภัยที่เขาเป็นก็เข้าตัวเอง เพราะว่าไม่มีครูคอยกันไว้ให้ โดนเข้าไป ๒ - ๓ ครั้ง หลวงพ่อท่านก็เลยเลิก ไม่อย่างนั้นอาตมาคงได้เปิดคลีนิคกอบโรค แต่กว่าจะมีเงินพอกินข้าว คงกอบกันจนเป็นลมกันไปข้าง เพราะว่าค่าบูชาครูสลึงเดียว"

เถรี 08-06-2017 15:59

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม สำคัญตรงคนนำ คนนำห้ามนำผิด พระพุทธเจ้าท่านเปรียบเหมือนกับฝูงวัวจะข้ามน้ำ ถ้าวัวจ่าฝูงนำตรง ลูกฝูงก็ไปตรง ถ้าวัวจ่าฝูงเดินคดเคี้ยว ลูกฝูงก็ต้องลดเลี้ยวตามไป ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม บางทีเราปฏิบัติผิดก็เสียเวลาไปหลายปี ถ้าเราตายเสียก่อนโอกาสที่จะแก้ตัวก็ไม่มี

ขออนุญาตนินทาญาติของตัวเอง คือคุณน้าคนโต เป็นน้องติดกับแม่ อาตมามีน้าอยู่ ๕ คน น้าคนโตเป็นคนที่ตั้งหลักปักฐานได้ก่อนเพื่อน ความรู้สูง เรียนสูง เห็นคนอื่นเข้าวัดเข้าวาก็ไปปฏิบัติธรรมกับเขาบ้าง สำนักแรกที่น้าไปปฏิบัติธรรม คือ วัดของท่านอาจารย์นิกร รุ่นนี้ไม่รู้ว่าทันท่านกันหรือเปล่า ? ปฏิบัติอยู่ได้ ๒ ปีกว่า ท่านอาจารย์นิกรก็ล้มหายตายจากไปจากยุทธจักร โดนจับสึกเพราะว่าไปทำเด็กผู้หญิงท้อง

คุณน้าก็ย้ายวัดไปปฏิบัติธรรมที่วัดของท่านอาจารย์ยันตระ อยู่ได้ไม่ถึง ๓ ปี ท่านอาจารย์ยันตระเจ๊งไปอีกราย คุณน้าก็ย้ายไปปฏิบัติที่วัดของหลวงพ่อภาวนาพุทโธ อะไรจะซวยซับซวยซ้อนขนาดนั้น ทุกวันนี้ไม่มาหาพระหลานชายอย่างอาตมาหรอก ที่ไม่มาเพราะว่าท่านตายไปแล้ว

บางคนสร้างบุญสร้างบารมีไว้ดี ถึงเวลามีครูบาอาจารย์ที่ดี นำได้ตรงทาง บางคนแบบคุณน้าของอาตมาก็น่าสงสาร เพราะว่าโดนหลายยกเหลือเกิน"

เถรี 08-06-2017 16:02

"สมัยก่อนเขาจัดอันดับสุดยอดพระเครื่อง 'พระเบญจภาคี' มีพระสมเด็จวัดระฆัง พระรอดลำพูน พระผงสุพรรณ พระซุ้มกอ และพระนางพญา เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบที่คุณน้าไปเจอเข้า เขาก็มีรายการตั้ง 'กระบวนการเบญจราคี' มี ๕ รูปที่ความประพฤติสุดแสบ ปรากฏว่าโยมน้าของอาตมาโดนไป ๓ รายใน ๕ ราย ดวงเฮงจริง ๆ

น้าคนนี้เนื่องจากความรู้สูง ประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังสาว ๆ อะไรที่ปักใจมั่นแล้ว อาตมาเตือนก็ไม่ฟัง ในเมื่อเตือนแล้วไม่ฟังก็ต้องปล่อยท่านไปให้พบเอง ยังดีว่าก่อนตายยังมาขอขมาที่ไม่เชื่อพระหลานชายตัวเอง จนกระทั่งเจอไป ๓ ยกรวด ได้แต่หวังว่าญาติโยมทั้งหลาย คงจะไม่เจอแบบนี้บ้าง

ความจริงถ้าพวกเราฝึกทิพจักขุญาณได้ เรื่องของการพิสูจน์พระเป็นเรื่องง่าย ถ้าอาศัยกำลังของเราที่น้อยกว่าพิสูจน์ไม่ได้ ก็ขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านสงเคราะห์ เพียงแต่ระยะหลังที่ฝึก ๆ กันไป มักจะเพี้ยนสักร้อยละ ๙๙ เหตุที่เพี้ยนก็เพราะว่ารู้เห็นจึงเชื่อ เป็นเรื่องที่แก้อะไรไม่ได้ เขาไม่ยอมเปลี่ยนความเชื่อ เพราะว่าเห็นเองก็เลยเชื่อแบบปักใจ

อาตมาเคยเปรียบไว้ว่า เราเห็นเขาไล่ฆ่าไล่ฟันกันมา เราก็ลากมีดลากปืนไปช่วย แต่จะโดนเขากระทืบตายเพราะว่าเขากำลังถ่ายหนังกันอยู่ เราเห็นเขาไล่ฆ่ากันมาจริงไหม ? จริง...แต่เรื่องที่เราเห็นจริงไหม ? ไม่จริง เพราะว่าเป็นการแสดงหนัง แต่คราวนี้ด้วยความที่คนซึ่งได้ทิพจักขุญาณเห็นเอง ในเมื่อเห็นเองก็มักจะปักใจเชื่อว่าใช่ตามนั้นเลย"

เถรี 08-06-2017 16:06

"สมัยที่อาตมายังอยู่ที่วัดท่าซุง พอตอนค่ำ ๆ หลังเลิกจากกรรมฐานภาคค่ำไปแล้ว ก็มานั่งวิเคราะห์วิจัยกันถึงการปฏิบัติของแต่ละคน ท้ายสุดก็สรุปว่า บรรดาพระที่บวชอยู่ในวัดท่าซุงยุคนั้น มีคาถาประจำใจอยู่บทหนึ่งเหมือนกันหมดว่า "กูไม่เชื่อ" เพราะว่าโดนหลอกแล้วหลอกอีก หลอกจนเข็ด

แม้แต่อาตมาเองก็โดนหลอกให้ไปขุดสมบัติที่นั่น
ที่นี่ เปิดให้ดูเลยว่ามีมากเท่านั้น หน้าตาเป็นแบบนั้น ๆ พอถึงเวลาไปขุดแทบตายก็ไม่เจออะไร พอไปต่อว่าก็บอกว่าไปผิดที่บ้าง ออกผิดวันบ้าง ฤกษ์ไม่ดีบ้าง ไม่ได้ทำการบวงสรวงบ้าง ท้ายสุดผีตัวไหนจะให้สมบัติ อาตมาบอกว่า "ไม่ต้องมาบอก...ถ้าจะให้...มึงเอาไปขายแล้วเอาเงินโอนเข้าบัญชีให้กูด้วย...!" โดนจนเข็ด โดนกันทุกคน เพียงแต่ใครจะโดนแบบไหน ใครจะรู้ตัวเร็ว รู้ตัวช้าเท่านั้น

เรื่องของการปฏิบัติ ยิ่งรู้เห็นชัดเจนเท่าไร ก็ยิ่งโดนหลอกง่ายเท่านั้น ทุกท่านเลยเหลือคาถาอยู่บทเดียวคือ "กูไม่เชื่อ" อะไรที่ให้รู้ให้เห็น ก็รับไว้ด้วยความเคารพ ถ้าเกิดขึ้นจริงตามนั้น ก็ขอบคุณที่เมตตาบอกล่วงหน้า ถ้าไม่เกิดขึ้นก็เรื่องของมึงเถอะ กูผิดมาเยอะกว่านี้อีก พอโดนไปมาก ๆ แล้วเราไม่หวั่นไหว เขาถึงได้เลิกทดลอง ไม่อย่างนั้นก็โดนกันไม่เว้นแต่ละวัน"

เถรี 08-06-2017 17:17

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานสำรวจวัตถุมงคลว่าใครยังไม่ได้เบิกบ้าง ปรากฏว่าได้กำไรมา ๒ ชิ้น รอเจ้าของมาทวงคืน เพราะว่าหนีกลับมา เปิดดูหลักฐานกี่แห่งก็ยืนยันว่าเจ้าของรับไปแล้ว ในเมื่อมาอยู่กับอาตมาก็แปลว่าหนีกลับมาแล้ว เดี๋ยวจะถามดูว่าเจ้าของรู้หรือยังว่าหนีมาแล้ว ?

ที่ขำที่สุดก็พระครูน้อย ตอนทำวัตรเช้าก็ถามว่า ทำของอะไรหายหรือเปล่า ? ท่านบอกว่า “ไม่หายครับ” ตอนบิณฑบาตก็ถามว่า มีของอะไรหายหรือเปล่า ? “ไม่หายครับ” พอฉันเช้าเสร็จไม่นานเดินหน้าเหี่ยวมาบอก “หายครับ” ถ้าคุณบอกว่าไม่หายผมจะได้อมเสียเลย"

เถรี 08-06-2017 17:23

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้เฉพาะพระนักเรียนมาเบิกเงินค่าเรียนไปสองแสนกว่าบาท วัดอื่นรายจ่ายสองแสนต่อเดือนคงเป็นลมตายไปแล้ว นี่แค่เฉพาะเรื่องเรียนอย่างเดียว ยังโชคดีว่าอดีตชาติอาตมาสร้างทานบารมีไว้มาก ชาตินี้ก็เลยมีคนทำบุญด้วยมาก ทำให้สามารถที่จะส่งพระ ส่งเณร ส่งแม่ชี ส่งเด็กวัดเรียนได้

ปีนี้เรียนปริญญาเอก ๓ ราย เรียนปริญญาโท ๙ ราย เรียนปริญญาตรี ๑๑ ราย เรียนประกาศนียบัตร ๖ ราย เรียนบาลี ๘ ราย ทั้งหมด ๓๗ ราย ยังไม่นับเด็กวัดนะ บางวันที่วัดบิณฑบาตแถวยาว ๓๐ กว่ารูป บางวันก็เหลือแค่ ๑๐ กว่ารูป เพราะว่าเป็นวันที่ท่านไปเรียนกัน ก็เลยเป็นวัดที่หาความเที่ยงแท้แน่นอนไม่ได้ เดี๋ยวแถวสั้นเดี๋ยวแถวยาว

ในประเทศไทยวัดที่มีพระจำนวนมาก ก็ยังไม่เคยมีถึงระดับหลักพัน อย่างทิเบตที่ไปมา ก่อนที่ประเทศจีนจะยึดครอง บางวัดก็มีสามสี่พันรูป บางวัดก็เจ็ดแปดพันรูป วัดใหญ่ ๆ อย่างวัดโจคังก็เจ็ดพันกว่ารูป บ้านเราไม่เคยมีถึงระดับนั้น

ถ้าระดับหลายร้อยรูป ประเทศพม่ามีเกือบทุกวัด ถามว่าทำไมเขาถึงนิยมบวชกัน ? เขาบวชเพื่อหนีทหาร เพราะถ้าบวชก็ไม่ต้องเป็นทหาร อีกอย่างคือบวชเข้าไปเรียน วิชาการต่าง ๆ ของพม่าส่วนใหญ่อยู่ในวัด คนเก่งอยู่ในวัดเกือบหมด"

เถรี 08-06-2017 19:09

พระอาจารย์กล่าวว่า “เดือนสิงหาคมนี้จะมีงานวันเกิด ๘๐ ปีตุ๊พ่อสิงห์ ขอพวกเราแห่กันไปร่วมงานให้วัดแตกไปเลย

เมื่อครู่คุณชยาคมน์เอาแบบพระกริ่งมาให้ดู จึงขอแจ้งให้ญาติโยมทราบว่า เป็นพระกริ่งที่วัดท่าขนุนจะออกเพื่อหาทุนจัดงาน ๘๐ ปีตุ๊พ่อสิงห์ อย่างละไม่กี่องค์หรอก เดี๋ยวจะเปิดให้จองบูชากัน อาตมาก็คงต้องจองเองด้วย ถ้าไม่จองก็หมด

น่าจะพุทธาภิเษก ๒ วาระ มี
งานสืบชะตาตุ๊พ่อที่ถ้ำป่าไผ่ แล้วก็เสาร์ ๕ วัดท่าขนุน จำนวนสร้างน้อยก็จะหายากโดยอัตโนมัติ เพราะฉะนั้น...ถ้าจองได้ให้รีบจองเอาไว้ก่อน”

เถรี 08-06-2017 19:25

พระอาจารย์กล่าวว่า "การศึกษาของบ้านเราพยายามปรับปรุงเท่าไรก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าผิดมาตั้งแต่แรกแล้ว คาดว่าบรรดารัฐมนตรีก็รู้กันหมดนั่นแหละ แต่ไม่มีใครแก้ไขได้

ที่บอกว่าการศึกษาของเราผิดมาตั้งแต่แรก ไม่ต้องดูใครหรอก ดูรุ่นของอาตมาก็แล้วกัน ใครก็ตามที่เอ็นทรานซ์ไม่ติดมหาวิทยาลัยที่ไหนเลย ก็ไปเข้าวิทยาลัยครู กลายเป็นบุคลากรที่เหลือเลือก แต่ไปเรียนครูเพื่อมาสอนคนอื่น ตัวเองหาความเก่งไม่ได้แล้วเอาอะไรไปสอนคนอื่นเขา ?

ต่างประเทศเขาเอาคนที่เก่งที่สุดไปเป็นครู เขาทำถูก แต่บ้านเราเอาคนที่แย่ที่สุดไปเป็นครู แล้วผลิตออกมาจนกระทั่งเหลือล้น สมัยอาตมาเรียนหนังสือ ป.๑ ป.๒ มีครูจบ ป.๔ แล้วคุณครูไปเรียนเพิ่มวุฒิ เรียนประเภท พ.ม. ป.กศ. หรือ ป.กศ.สูง เพื่อให้ได้เป็นครูจริง ๆ มาสมัยนี้สุดหล้าฟ้าเขียวอย่างบ้านคลิตี้มีครูอยู่ ๑๐ คน จบครุศาสตรบัณฑิต จบปริญญากันทุกคนเลย จบไปขนาดนั้นแต่ว่าทำไมถึงปั้นเด็กออกมาให้ดีไม่ได้ ?

เกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกก็คือแม่พิมพ์ไม่เก่ง สาเหตุที่ ๒ ก็คืองานเอกสารมากมหาศาล จนไม่มีเวลาเตรียมการสอนให้มีคุณภาพ ทุกวันนี้อาตมาที่สอนมหาวิทยาลัยอยู่ เบื่อที่สุดเลยก็คือเรื่องงานเอกสาร จาก มคอ. ๒ มคอ.๓ มคอ.๕ มคอ.๗ ปัจจุบันนี้มี SAR เพิ่มมาอีกแล้ว ทุกอย่างต้องทำส่งตามเวลา SAR นี่เป็นบันทึกประเมินคุณภาพผู้สอน ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะว่าเด็กช่วยกันเขียนให้ดูดีได้

ทำอย่างไรบ้านเราคนเก่งจะมีค่านิยมที่ไปช่วยสอนเด็กได้ ? ประเทศเกาหลีใต้เงินเดือนครูแพงที่สุด แพงกว่าหมอ แพงกว่าวิศวกรอีก เพราะฉะนั้น...คนเก่งเขาก็แย่งกันเรียนครูเพื่อที่จะได้ไปรับเงินเดือนสูง ๆ แต่บ้านเราขอโทษเถอะ...คุณครูเป็น "หนี้สหกรณ์อมทรัพย์" ไม่ได้พูดผิดนะ "สหกรณ์อมทรัพย์" ครูทุกคนต้องมีหนี้สิน

สมัยยังอยู่วัดท่าซุง มีเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งบวชเข้ามา ท่านกู้ทุกอย่างที่ขวางหน้า ถามว่าทำไม ? ท่านบอกว่า เขาจะได้ไม่ไล่ผมออก เพราะถ้าไล่ออกก็เป็นหนี้สูญ"

เถรี 08-06-2017 19:35

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนอยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุง เฝ้าหน้าห้องให้ท่าน ก่อนเพล ๑๕ นาทีท่านออกมาพัก มานั่งดูหนังสือพิมพ์ ท่านใช้แว่นขยายกว้างเกือบฟุต ดูต่อจากแว่นที่ใส่อยู่ แต่พอถึงเวลาฉุกเฉินไม่มีเวลา ท่านหยิบหนังสือพิมพ์แล้วก็โยน หยิบแล้วก็โยน ส่วนอาตมาก็รับไปเรื่อย แล้วท่านก็คุยถึงเนื้อหาข่าว เรื่องโน้นบ้าง เรื่องนี้บ้าง เปิดหาไปเถอะ...หาแทบตาย บางข่าวอยู่ในคอลัมน์ซุบซิบเล็ก ๆ นิดเดียว ไม่เห็นท่านอ่านเลย แต่ท่านบอกได้หมด

แปลว่าสำหรับหลวงพ่อท่านแล้ว เวลาปกติก็ยอมรับกฎของกรรม ถือแว่นขยายต่อจากแว่นสายตาเพื่ออ่านหนังสือพิมพ์ แต่ถ้าเวลาฉุกเฉินเร่งด่วนขึ้นมา ก็ไม่เห็นว่าท่านต้องอ่าน แค่หยิบขึ้นมาท่านก็รู้ว่าทั้งเล่มมีอะไรบ้าง"

เถรี 09-06-2017 19:17

ถาม : เวลามารเขามาขวาง เกิดจากกรรมของเราหรือครับ ?
ตอบ : เขาอาศัยกรรมที่เราทำมาขวางเรา พูดง่าย ๆ ก็คือเขารู้วาระกรรม จำไว้ว่าถ้าเราไม่ชั่วเขาก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก แสดงว่าของเดิมเราทำเอาไว้เยอะ ถึงได้โดนแบบนั้น

เถรี 09-06-2017 19:41

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ภาวนาไปเรื่อย ๆ อย่าไปใส่ใจ ถ้าเราไปต้องการความชัดแสดงว่าสภาพจิตเราไม่นิ่ง จิตที่ไม่นิ่งเพราะฟุ้งซ่านอยู่ทำให้ไม่ชัด ทำไม่รู้ไม่ชี้ภาวนาไปเรื่อย ถ้าสมาธิทรงตัวมากขึ้นจะชัดขึ้นไปเรื่อย ๆ

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าเพราะไปอยาก เลิกอยากแล้วจะชัด ส่วนใหญ่เพราะเราอยาก สภาพจิตฟุ้งซ่านเหมือนกับน้ำกระเพื่อม จะไปเห็นอะไรชัด น้ำต้องนิ่ง

เถรี 09-06-2017 19:46

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไม่ได้หลับหรอก สภาพจิตยังตื่นอยู่ ลักษณะที่เราบอกว่าง่วงนอนนั้น จริง ๆ ไม่ใช่ง่วง แต่จิตเป็นสมาธิ คราวนี้เราไม่เข้าใจว่าตัวสมาธิคือลักษณะอย่างนั้น ก็เลยคิดว่าง่วงนอน

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : นั่นแหละ รักษาความรู้สึกนั้นไว้ก็พอ สังเกตว่าตอนนั้น รัก โลภ โกรธ หลง จะกินเราไม่ได้ ถ้าหลุดมาเมื่อไรถึงจะกิน เพราะฉะนั้น...อย่าให้หลุด

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไม่ใช่ความดันต่ำ ชีพจรจะเต้นช้า สมาธิยิ่งลึกชีพจรจะเต้นช้าลงไปเรื่อย ๆ จนถึงระดับไม่เต้นเลย

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : อย่าตั้งสมาธิ หายใจปกติปกติ อาตมาไปตรวจสุขภาพประจำปี หมอบอกว่าถ้าไม่รู้ว่าท่านเป็นอย่างนี้ จะให้น้ำเกลือไป ๒ ขวดแล้ว ชีพจรเต้นแค่ ๕๒ ครั้งต่อนาที

เถรี 09-06-2017 19:59

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไม่เป็นไร เห็นหรือไม่เห็นไม่เป็นไร ให้นึกได้ไว้ก่อน ถ้านึกได้ก็ใช้ได้ ช่วงเวลาแค่นาทีเดียวเรานึกอะไรต่อมิอะไรได้เยอะมากเลย เหลือเชื่อจริง ๆ แต่ว่าสภาพจิตของเราต้องเร็วขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นก็สู้กิเลสไม่ได้

เถรี 09-06-2017 20:01

ถาม : พอเราไม่กลัวตาย เราก็ปากเสียกับคนอื่น ?
ตอบ : ใจเย็น ๆ มีโอกาสก็ไปขอโทษเขา เราไม่กลัวตายก็จริงแต่ต้องมีศิลปะในการดำรงชีวิต ทำอย่างไรให้ตัวเราและคนรอบข้างเดือดร้อนให้น้อยที่สุด ไม่ใช่ว่าไม่กลัวตายก็อาละวาดไปเสียทุกอย่าง ลักษณะแบบนั้นเขาเรียกว่าเถรตรง ต้องรู้จักเลี้ยวหลบบ้าง

เถรี 09-06-2017 20:12

ถาม : แมวคลอดลูก .....(ไม่ชัด).... ?
ตอบ : ทำใจไม่ได้ก็รับภาระไปสิ โน่นเอาไปฝากโอ รู้จักไหม? โอ ปาริฉัตร ถ้าไม่รู้จักก็แล้วไป โอเก็บแมวนอกบ้านมาเลี้ยง มีกี่ตัวเอามาเลี้ยงหมด ขับรถไปไหนเจอเก็บมาเลี้ยงหมด เราเลี้ยงไม่ได้หรอก กลิ่นออกไปชาวบ้านเขาจะด่าเอา

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ทำหมันดีกว่า เพราะว่าฉีดยาคุมอันตราย เท่าที่สังเกตดู ยาคุมไม่ใช่คุมไม่ให้ท้อง แต่กลายเป็นไปเร่งให้ท้อง แต่พอท้องแล้วมดลูกไม่เปิด คลอดไม่ได้ มักจะลูกตายคาท้อง ท้ายที่สุดแม่ก็ตายด้วย เพราะฉะนั้น...ทำหมันดีกว่า โทษของการทำหมันอย่างดีก็เกิดเป็นกะเทย สมัยนี้กะเทยสวย ๆ เยอะแยะไป จะไปกลัวอะไร ถ้าไม่เกิดอีกแล้วก็ทำไปเลย

เถรี 09-06-2017 20:15

ถาม : อดปากเสียไม่ได้ ?
ตอบ : ไปซ่อมปากซะ หาหมอให้ช่วยผ่าหมาออกให้หน่อย อาตมาก็เป็นคนอย่างนั้นแหละ เพื่อน ๆ ถึงได้ด่าเอา บอกว่า “มึงเก่งจริง กูไม่เถียงหรอก แต่มึงรู้อะไรแล้วทำไมต้องพูดด้วยวะ ?” นี่แหละ...โดนเพื่อนด่ามาแล้ว

ถาม : ทำอย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็พูดต่อไป นิสัยเราเป็นอย่างนั้น จะให้ไปทำตัวแบบเขาเราก็ทำไม่ได้ คนอย่างพวกเราเจ้านายไม่รักหรอก แต่ลูกน้องจะรัก ขอยืนยัน...อย่างอาตมาสั่งซ้ายหันขวาหันทำให้หมดแหละ แต่เจ้านายนี่เบื่อขี้หน้าสุด ๆ

เถรี 09-06-2017 20:17

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : นึกว่าเขามาช่วยเราให้เห็นทุกข์ก็แล้วกัน

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : บอกตัวเองให้ขึ้นใจว่าชาติสุดท้ายแล้ว เกิดมาเจออย่างนี้ไม่เอาอีกแล้ว

ถาม : เราเบื่อ แล้วจะไปนิพพานได้ไหมคะ ?
ตอบ : เบื่อจนไม่มีความต้องการเกิดอีก อย่าเพียงเบื่อเฉย ๆ มันเสียเวลาเบื่อ พยายามมองให้เห็นว่าอารมณ์ใจแบบนี้ที่เกิดกับเราก็แค่ชาตินี้ชาติเดียวเท่านั้น ถ้าตายจากชาตินี้แล้วไปนิพพาน ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกนับชาติไม่ถ้วน เวลาก็แป๊บเดียว ในเมื่อเวลานิดเดียวทำไมเราจะอยู่ให้ดีไม่ได้ จะก้าวข้ามความเบื่อไปเอง

เห็นว่าธรรมดาของโลกเป็นอย่างนี้ ในเมื่อธรรมดาเป็นอย่างนี้เราก็อยู่กับมันแค่ชาติเดียว พ้นจากชาตินี้เมื่อไรก็จบกัน

เถรี 09-06-2017 20:21

ถาม : พออยู่กับอารมณ์เบื่อมาก ๆ แล้วกลายเป็นคนโกรธง่าย ?
ตอบ : เบื่อบางทีก็น้อยใจง่าย ไม่ใช่โกรธง่าย เป็นคนขี้น้อยใจ ขี้หงุดหงิด แล้วท้ายสุดถึงจะโกรธ ต้องรีบแก้ มองให้เห็นให้ได้ว่าธรรมดาเป็นอย่างนี้ ในเมื่อเกิดมาแล้วเป็นอย่างนี้ก็ทนเอา เราโกรธง่ายเพราะเก็บกด ที่เก็บกดก็คืออยู่กับสมาธิมาก รัก โลภ โกรธ หลง ไม่มีโอกาสเกิด เผลอปล่อยให้เกิดเมื่อไรแล้วเราจะเอาไม่อยู่

ถาม : พอเรามาระมัดระวังกาย ระวังวาจา ระวังใจ ระวังมาก ๆ แต่พอหลุดนี่กลายเป็นโกรธง่ายเลย ?
ตอบ : ค่อย ๆ แก้ไป ไม่มีใครสามารถทำพรวดเดียวข้ามขั้นไปได้

เถรี 10-06-2017 19:12

ถาม : จับภาพพระก็ไม่เพี้ยน บางทีมีภาพพระองค์อื่นเข้ามา ควรจับต่อ หรือจับองค์เดิม ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเป็นภาพพระเหมือนกันก็จับต่อไปได้เลย

ถาม : แต่เป็นคนละองค์ก็ได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ได้...ไม่เป็นไร ก็บอกแล้วว่าจับต่อไปได้เลย เพราะว่าเป็นพุทธานุสติเหมือนกัน

เถรี 10-06-2017 19:19

ถาม : จับภาพพระนี่วาโยกสิณได้ไหมคะ ?
ตอบ : ภาพพระเกี่ยวอะไรกับวาโยกสิณวะ ?

ถาม : ควบกันได้ไหมคะ ?
ตอบ : ทำกองเดียว ถ้าไม่ใช่ประเภทคล่องจนทำได้ทุกกองแล้วไปทำควบกัน ก็มีหวังเจ๊งระเนนระนาดทุกกอง

เถรี 10-06-2017 20:23

ถาม : หล่อพระทองคำเมื่อไรคะ กลัวตัวเองจะตายก่อนค่ะ ?
ตอบ : ต้องดูว่าใครจะตายก่อนใช่ไหม? คาดว่าถ้ายังไม่หล่อพระอาตมาคงตายไม่ได้หรอก เพราะคนรอลุ้นอยากได้บุญกันเยอะ อย่างไรก็ต้องประคับประคองเอาไว้จนกว่าจะหล่อเสร็จ

ถาม : ต้องมีโครงการอีกค่ะ ?
ตอบ : เข็ดแล้ว..ขอให้มีเวลาพักเวลาผ่อนบ้าง ไม่ใช่มีแต่เวลาวิ่งหาเงิน เทอมนี้การเรียนการสอนหนักมาก เมื่อคืนตื่นตี ๒ มาทำเตรียมการสอนวิชาเดียวเสร็จตี ๕ ของวัดไร่ขิงเทอมนี้เจอไป ๕ ห้อง วัดใต้ยังดีนะ...แค่ ๒ ห้อง

เถรี 10-06-2017 20:56

มีโยมเอาบ๊ะจ่างมาถวาย "แต้จิ๋วเรียกว่าเทศกาลตวนโหงว จีนกลางเรียกว่าตวนอู่ เกิดจากขุนนางซื่อสัตย์ ทนดูการคอรัปชั่นไม่ได้ จึงไปโดดน้ำตาย ด้วยความที่เป็นคนที่ชาวบ้านเขารัก ก็กลัวว่ากุ้งหอยปูปลาจะมากินศพ ก็เลยเอาพวกข้าวพวกอาหารไปโปรยลงน้ำให้ปลากินแทน ตอนหลังเขาใช้วิธีมัดเป็นลูก ก็เลยกลายเป็นขนมจ้าง (บ๊ะจ่าง) ขึ้นมา

ถามว่าเป็นขุนนางซื่อสัตย์แล้วทำไมฆ่าตัวตาย ? เพราะว่าหมดหวังในรัฐบาลว่าจะแก้ปัญหาให้ประชาชนได้ แก้ปัญหาไม่ได้แล้วยังตั้งคำถามขึ้นมา
ชี้นำอีก ๔ คำถาม ก็เลยโดดน้ำตาย..! เรื่องเดียวกันหรือเปล่าไม่รู้ ?

เลือกตั้งไม่ได้นักการเมืองที่ดีจะทำอย่างไร ? มีด้วยหรือนักการเมืองที่ดี ? ตูยังไม่เคยเจอเลย..! อริสโตเติลบอกไว้ ๒,๐๐๐ ปีแล้วว่า ความดีของคนหมดไปทันทีที่เล่นการเมือง ระบอบมีอยู่ ไม่ได้คนดีก็รอถึงเวลาค่อยเลือกใหม่ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาก็เป็นแบบนี้ ไม่ใช่ใช้คำถามในลักษณะชี้นำประชาชน"

เถรี 10-06-2017 21:01

"มีรุ่นพี่อยู่คนหนึ่งเคยพูดเมื่อ ๓๐ กว่าปีที่แล้ว เขาบอกว่าตั้งแต่เลือกตั้งมา "กูเห็นแต่นักการเมืองมีแต่เหี้ยกับเหี้ยมาก" จะว่าเขาพูดแรงไปก็ใช่ แต่บรรยายลักษณะการเมืองได้ดีที่สุด

นั่นเกิดจากพื้นฐานจิตใจที่ไม่มั่นคง
เมื่อไม่มี ศีล สมาธิ ปัญญา ในระดับที่รักษาตัวเองได้ ถ้าตกลงไปในกระแส รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้นมา ก็ไขว่คว้าหา ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ใส่ตัวเองและคนรอบข้าง โดยเฉพาะเมื่อก้าวไปในที่สูง ถ้าไม่ใช่คนที่ตรงไปตรงมาจริง ๆ ก็อยากจะฟังแต่เรื่องที่ดี ๆ

ถ้าบอกว่าเศรษฐกิจไม่ไหว ประชาชนจะอดตายแล้ว เดี๋ยวท่านโกรธแย่เลย ก็ต้องบอกว่าเศรษฐกิจดี เศรษฐกิจดีประสาอะไร ? ชาวบ้านขายของไม่ได้...เจ๊งกันระนาว

ถ้าว่ากันตามประวัติศาสตร์จีน พระเจ้าถังไท่จงฮ่องเต้ถือว่าเป็นมหาราชของจีน ได้ตั้งขุนนางทัดทาน พระราชทานป้ายทองนิรโทษให้ ทำผิดขนาดไหนโทษก็ไม่ถึงประหารชีวิต แล้วขุนนางผู้นี้ก็กล้าค้านทุกเรื่อง เพียงแต่ว่าเป็นคนที่ค้านอย่างมีหลักการ ชี้ให้เห็นว่าถ้าทำแบบนี้แล้วจะดี ถ้าทำแบบนี้แล้วจะเสีย ถ้าผลดีมีมากกว่าผล
เสียก็ทำได้ ถ้าผลดีมีน้อยกว่าผลเสียก็ยกเลิกโครงการไป

ขนาดนั้นพอช่วงท้าย ๆ รัชกาล ไปโดนขุนนางประจบสอพลอมาก
เข้า พระเจ้าถังไท่จงฮ่องเต้ก็เลิกถามขุนนางทัดทาน ไม่ยกเลิกตำแหน่ง แต่เลิกปรึกษา ก็เลยทำเอาตอนท้ายรัชกาลนี่รู้สึกว่าการบริหารแผ่นดินจะตกลงไปอีกระดับหนึ่ง

อยู่นาน ๆ ไป ถึงเวลา ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เข้ามา ก็เริ่มอยากจะฟังแต่สิ่งที่ดี ๆ เท่ากับปิดหูปิดตาตัวเอง ในเมื่อปิดหูปิดตาตัวเอง ถึงเวลาไม่รู้ความจริง การบริหารประเทศก็ผิดพลาด"

เถรี 10-06-2017 21:03

"แบบเดียวกับวัดท่าขนุน พอถึงเวลามีการฝืนระเบียบ ถึงเวลามีการทำผิด ก็จะอยู่ในลักษณะที่ว่า “อย่าบอกไปนะ เดี๋ยวหลวงพ่อรู้” อาตมาก็ต้องไม่รู้ไม่ชี้ แกล้งโง่ไปเรื่อย จนเขาแก้ปัญหาไม่ไหว แล้วก็ยอมคลานมาสารภาพแต่โดยดี ตอนนั้นอยากจะกระทืบให้จมดิน ก่อนหน้านี้อย่าบอก...เดี๋ยวหลวงพ่อรู้ แล้วตอนนี้มึงมาบอกทำไม ?

การบริหารราชการแผ่นดินใหญ่กว่าวัดตั้งกี่ล้านเท่า ? ทุกซอกทุกมุมก็มีการปิดการบัง ทั้งฉ้อราษฏร์ ทั้งบังหลวง ถ้าไม่ได้คนที่ตรงไปตรงมาจริง ๆ จะลำบากมาก เพราะว่าท้ายสุดก็โดนหลอกลวงกันได้

ประเทศจีนขึ้นชื่อในเรื่องการคอรัปชั่นมาตั้งแต่โบราณจนปัจจุบัน เพราะมักจะยัดเงินเพื่อขอให้เขาอำนวยความสะดวกให้ตัวเอง ก็เลยมีการคอรัปชั่นกันทุกรูปแบบ ทุกระดับ พอจูหยวนจางขึ้นครองราชย์เป็นหงอู่ฮ่องเต้ บัญญัติข้อกฎหมายปราบปรามคอรัปชั่นดุเดือดมาก บางทีสิ่งที่พระองค์ท่านทำ ท่านก็รู้ว่าไม่เหมาะ แต่ต้องทำ

อย่างเช่นว่า ข้าราชการคนหนึ่งรับเงินสินบน ๑,๐๐๐ ตำลึง กฎหมายใหม่ของท่านก็คือถลกหนังยัดฟาง แล้วก็ประหารพวกสมรู้ร่วมคิดทั้งหมด แม้กระทั่งญาติพี่น้อง ลูกเมีย พ่อแม่ เพราะถือว่าไม่รู้จักห้ามปรามลูกตัวเอง ญาติตัวเอง นั่นคอรัปชั่น ๑,๐๐๐ ตำลึง ตาย ๙ ชั่วโคตรเลยนะ"

เถรี 10-06-2017 21:05

"ขณะเดียวกันคนคอรัปชั่นเป็นร้อยล้านตำลึงก็ตาย ๙ ชั่วโคตรเหมือนกัน สรุปว่าคนคอรัปชั่นน้อยแล้วอย่าซวยให้โดนจับได้ เพราะว่ากฎหมายเดียวกัน...! ขนาดนั้นยังแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้เลย

พอสิ้นหงอู่ฮ่องเต้ปุ๊บ เจี้ยนเหวินฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์ ไม่อยากที่จะทำอะไรโหดร้ายเหมือนกับสมัยปู่ ประกาศยกเลิกระเบียบ ก็คอรัปชั่นกันแหลกลาญทั้งประเทศอีกเหมือนเดิม

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นมะเร็งร้ายที่กัดกินประเทศชาติมานานแล้ว ความจริงถ้าจับได้สมควรที่จะลงโทษทั้งผู้ให้สินบนและผู้รับสินบน ไม่ใช่ไปลงโทษยึดทรัพย์เฉพาะผู้รับสินบนเท่านั้น เพราะว่าคนให้ก็ต้องได้ประโยชน์ด้วยเขาถึงจะให้ แล้วคนที่ชี้เบาะแสควรที่จะได้รางวัลด้วย อย่างเช่นว่าถ้ายึดทรัพย์มาควรจะได้สัก ๒๐ เปอร์เซ็นต์ รับประกันว่าประเทศไทยไม่มีข้าราชการเหลือหรอก..!

แค่คดีซื้อกามเด็ก มีข้าราชการท่านหนึ่งพูดว่า ถ้าลงโทษทุกคนจริง ๆ แม่ฮ่องสอนจะไม่เหลือข้าราชการไว้ทำงาน ก็แสดงว่าซื้อกันทุกคน ประเทศของเราอะไรจะอนาถปานนี้"

เถรี 11-06-2017 15:45

ถาม : กรรมที่เรียกว่าชั่ว เรามีแค่ศีลกับกรรมบถจะพอกันอยู่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่พอ ศีลกับกรรมบถรักษาแค่วจีกรรมกับกายกรรม มโนกรรมไม่มี ก็แปลว่าต้องมีมโนธรรมมาประกอบด้วย ถึงจะรู้ว่ามโนกรรมที่เป็นมโนทุจริตนั้นเป็นอย่างไร

ถาม : เวลาที่ทำให้คนอื่นโกรธ เสียใจ เป็นกรรมชั่ว เพราะเราทำให้เขาโดนกิเลสกินใจ ?
ตอบ : ก็ใช่อยู่ แต่ขณะเดียวกันถ้าหากว่าเขามั่นคงพอ เขาก็จะไม่รู้สึกรู้สาอะไร

ถาม : ถ้าเขาไม่รู้สึกอะไร จะเป็นกรรมไหมคะ ?
ตอบ : เป็นสิ...ดูที่เจตนาของคนทำ ตั้งใจทำให้เขาเกิดอารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง หรือเปล่า ? ถ้าตั้งใจทำ ต่อให้เขาไม่ รัก โลภ โกรธ หลง ตามที่เราต้องการ เราก็ผิด

ถาม : ตราบใดที่ปัญญาที่เรายังไม่ถึง เราก็ยังมีโอกาสทำความชั่วได้ตลอด ?
ตอบ : ตราบใดที่ยังไม่เข้าสู่พระนิพพาน ก็โดนตลอด

ถาม : ปัญญาไม่ถึง เป็นการทำโดยเจตนา แบบนี้ก็รับผลกรรมเต็มสิคะ ?
ตอบ : ถ้าเจตนาก็โดนเต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่เจตนาก็ลดไปตามส่วน

เถรี 11-06-2017 16:55

โยมพาลูกที่มีอาการผิดปกติทางร่างกายมาถวายสังฆทาน "ของโยมยังดีนะ เพราะว่ายังไปไหนมาไหนได้ ลูกของคุณ...ที่สงขลาอายุสิบกว่าขวบแล้ว ตั้งแต่เกิดมานอนอยู่กับที่อย่างเดียวเลย แม่ต้องออกจากงานมาเลี้ยงลูกอย่างเดียว จับพลิกซ้ายพลิกขวา เช็ดตัว ป้อนข้าว ๑๐ กว่าปีแล้วที่เขาเลี้ยงของเขามา ถามว่าทำไมไม่จ้างพยาบาล ? เขาบอกทำใจไม่ได้ พยาบาลดูแลลูกผมไม่ดี ต้องยอมให้เมียออกจากงาน ตัวเองทำงานคนเดียว ทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับลูก

เขาบอกว่า ในเมื่อเขามาเกิดกับเราแล้ว เราก็ดูแลเขาให้ดีที่สุด กรรมของเขาหนักพออยู่แล้ว เราพยายามผ่อนให้เขามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ กำลังใจของครอบครัวนี้เขาดีมากเลย

ส่วนใหญ่แล้วโรคพวกนี้เป็นอาการทางสมอง ควบคุมร่างกายยาก แต่ว่ารายนั้นลำบากเลย ขยับไม่ได้...ต้องคอยพลิกไปพลิกมา พ่อแม่พูดอะไรก็พยายามจะหันหน้า แต่ก็หันไปไม่ได้ เขาตั้งใจเลี้ยงลูกอย่างดี ครีมที่ทาผิวให้ลูกกระปุกหนึ่งก็แพงบรรลัยเลย แต่เขาก็ยังอุตส่าห์ทาให้อยู่ทุกวัน เพราะถ้าไม่ทาไม่พลิกตัวให้ เดี๋ยวก็เป็นแผลกดทับ"

เถรี 11-06-2017 17:18

ถาม : หนูเข้าไปในเฟซบุ๊ก รู้สึกว่าทุกข้อความที่เขาโพสต์มาเป็นสักกายทิฏฐิของเขา หนูก็เลยปิดทุกอย่าง เก็บตัวอยู่ในห้อง แล้วก็ภาวนา เกิดความรู้สึก.... มันค้าง พอถอนออกมา รู้สึกว่า....(ไม่ชัด)....
ตอบ : ถ้าทำได้ไม่เลิกจนถึงตอนนี้จะดีมาก เสียดายว่าทำได้แค่สองวัน

ถาม : พอหลังจากถอนออกมาแล้ว เมื่อก่อนเวลาเรามองธรรมชาติ มองต้นไม้รู้สึกสบายใจ แต่ว่าตอนนี้มองอะไรก็คิดว่า เรามาอยู่อะไรที่นี่ ไม่เห็นจะสวยงาม ไม่ใช่โลกของเรา ?
ตอบ : แล้วทำไมเราถึงได้โง่ขนาดนั้น ยึดติดรุงรังมาตั้งนาน

ถาม : หลังจากนั้นอะไร ๆ ก็เปลี่ยนไป แม้กระทั่งเวลาที่เราชอบอยู่คนเดียว จมอยู่กับความคิด อยู่ดี ๆ เราก็เบื่อ ไม่เอาแล้ว พอเห็นตัวเราไม่ทำ ก็รู้สึกเป็นอิสระ ต่างคนต่างอยู่ ไม่ฟุ้งซ่าน ?
ตอบ : รู้ว่าอะไรดีก็ทำ ไม่ใช่อยู่แค่สองวันแล้วก็กลับไปใหม่

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : จำได้ไหมที่บอกว่า ส่วนใหญ่พวกเราที่ไม่ก้าวหน้าเพราะยังไม่เข็ด ถ้าเข็ดเมื่อไรถึงจะก้าวหน้า ถ้าเราเบื่ออย่างเดียวโดยไม่เข็ดก็ยังอยากใหม่ ต้องรู้จักเข็ด รู้จักกลัว ก็จะสลัดออก บาลีว่า จาโค ละทิ้งไป ปฏินิสสัคโค สลัดทิ้งไป มุตติ อนาลโย หลุดพ้นโดยไม่มีความอาลัย ใกล้แล้ว...เอาอีกหน่อย

ญาติโยมส่วนใหญ่ได้ยินแล้ว เพราะฉะนั้น...ปิดโทรศัพท์ เลิกเล่น LINE เลิกเล่นเฟซบุ๊กสัก ๒ เดือน แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น เคยอ่านเรียงความของเด็กไหม ? ที่เด็กเขาเขียนว่าอยากให้แม่สนใจเขาสักครึ่งหนึ่งของโทรศัพท์ ปรากฏว่าครูอ่านแล้วนั่งร้องไห้เลย เพราะว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของครูเอง พอบอกอะไรแม่ก็บอกว่าไม่มีเวลา ไม่ว่าง แต่แม่นั่งเล่นโทรศัพท์ได้ ๓-๔ ชั่วโมงติดต่อกัน ลูกก็เลยบอกว่าอยากให้สนใจเขาสักครึ่งหนึ่งของโทรศัพท์ ยังดีว่าพวกเรายังไม่ถลำลึกมาก ไม่ถึงขนาดแชตไปแชตมาแล้วก็ฆ่าหั่นศพ...!

เถรี 11-06-2017 19:59

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนเราโอกาสที่จะคิดผิด พูดผิด ทำผิด มีตลอด เพียงแต่ว่ารู้ตัวแล้วก็แก้ไข คิดใหม่ ทำใหม่ เดี๋ยวก็ค่อย ๆ ดีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ถ้าเมื่อไรยังแบกตัวกูของกูเอาไว้ ก็อดเผลอไม่ได้ว่า "กูดีกว่า" พอรู้ตัวว่าไม่ดีจริง ก็อ้าว...บรรลัยไปแล้ว"

เถรี 11-06-2017 20:56

ถาม : วัดเซราที่ลามะเขาทำท่าเหมือนทะเลาะกัน คืออะไรคะ ?
ตอบ : ตรรกวิภาษ เป็นการปุจฉาวิสัชนาธรรม ทำแบบนั้นเพื่อทำลายสมาธิคู่ต่อสู้ สมัยก่อนนี้ถ้าแพ้ต้องหลุดจากตำแหน่ง ยกวัดให้คนชนะไปเลย

ถาม : วัดท่าขนุนน่าจะมีแบบนี้บ้างนะคะ ?
ตอบ : ของเราแค่เทศน์ ๒ ธรรมาสน์ ๓ ธรรมาสน์ให้รอดก่อนเถอะ ของพวกนี้เป็นเรื่องที่สอนกันยาก ต้องอาศัยประสบการณ์แบบนั้น อย่าลืมว่าพระวัดเขามี ๗๐๐-๘๐๐ รูป เขาสลับกันถามสลับกันตอบ เท่ากับว่าได้ประสบการณ์มากขึ้นไปเรื่อย

ทั้ง ๒ ฝ่าย ถ้าใครสมาธิไม่ดีก็เจ๊งก่อน เพราะว่าจะยืนระยะไม่ได้ ก็แบบเดียวกับของเทศน์ ๒ ธรรมาสน์ ที่ต่างฝ่ายต่างหัก ต่างฝ่ายต่างกวนกัน ใครโมโหก่อนก็เจ๊ง..!

เถรี 11-06-2017 21:08

พระอาจารย์เล่าถึงการเดินทางไปทิเบตให้ฟัง "ไปเมืองจีนมา แต่ละคนรักส้วมเมืองไทยไปตาม ๆ กัน ที่นั่นต้องทำธุระไปก่อน ถึงเวลาที่เหมาะสมถึงจะมีน้ำราดให้ เวลาไม่เหมาะสมก็กองคาอยู่อย่างนั้นแหละ

ตรงที่พักรถจากชิงไห่ ขนาดคนจีนด้วยกันยังไม่ยอมเข้า เขาก็เลยฉี่ไว้ตรงด้านนอกจนท่วมทางเดิน อาตมาก็สงสัยว่าส้วมข้างในน่าเกลียดน่ากลัวขนาดไหน ก็เลยเดินเข้าไปดู ปรากฏว่าเป็นหลุม ๆ เรียงกันเฉย ๆ ไม่มีอะไรกั้นเลย เป็นห้องใหญ่ ๆ แล้วก็หลุมใครหลุมมัน ใครจะทำธุระก็ไปนั่งเอา เข้าไปทั้งข้างซ้ายข้างขวาเหมือนกันหมด ขนาดอาม่า ๒ คน วิ่งอ้วกออกมาเลย โอ้โฮ...นี่ขนาดคนจีนด้วยกันนะ

แต่อาตมาไปทำธุระมาเสร็จแล้ว..! ไม่กล้าถ่ายรูปมาให้พวกเราดู กลัวว่าพวกเรารับไม่ได้ ก็เลยได้แต่ไปทำธุระเฉย ๆ รู้เลยว่าอสุภกรรมฐานที่ฝึกมา
ได้ใช้งานจริง ๆ ถ้าใช้ไม่ได้นี่ต้องวิ่งอ้วกออกมาเหมือนกับอาม่า ๒ คนนั้น เพราะว่า สี กลิ่น รส มีครบเลย...!

ที่พระราชวังโปตาลานั้นข้างนอกดูดีมากเลย แต่ว่าพอเข้าไปข้างในก็เป็นรางยาว ๆ แล้วก็นั่งหันก้นใส่กัน แต่ว่าของโปตาลายังดี ยังมีประตูปิด เป็นของที่ทำมาแต่โบร่ำโบราณแล้วเขาก็ใช้กันจนปัจจุบัน ถ้าทำให้ดีก็ได้นะ แต่ดีแค่ไหนเขาก็ใช้แบบนั้นแหละ ก็คือเขากดน้ำไม่เป็น ถึงเวลาก็ถ่ายซ้ำ ๆ กันไว้ ใครรู้วิธีก็ไปกดน้ำเองแล้วกัน"

เถรี 11-06-2017 21:11

"ลองไปดูสักครั้งหนึ่งแล้วก็จะรู้ การพูดหรือตั้งข้อสมมติฐานได้แค่ตรงนี้ แต่นั่นเป็นของจริง เพราะฉะนั้น...ถ้าใครยังทำใจไม่ได้ก็เผ่นแนบทุกราย

ตรงห้องส้วมที่พักรถเขาทำใจยากเพราะว่าไม่มีอะไรบังเลย เป็นห้องโล่งแล้วเป็นรู ๆ ให้คนละรู อาตมาก็เข้าไป จะมีใครเข้ามาอีกไหมวะ ? ปรากฏว่าทำธุระจนเสร็จก็ไม่มีใครเสี่ยงเข้ามา สบาย...เหมาคนเดียว

แบบเดียวกับอินเดีย แต่ของอินเดียนั้นจะนั่งข้างถนนคนละฝั่ง นั่งหันหน้าเข้าหากันแล้วก็คุยกันไปเรื่อย เวลาไปก็ต้องถือไม้เรียวไปอันหนึ่งกันหมูกันหมาด้วย เพราะ
บางทีเวลาหมูหิวมากก็งัดตูดขึ้นมาจนเราหงายท้องเลย"

เถรี 11-06-2017 21:13

"ประเทศทิเบตแทบจะไม่มีความเป็นทิเบตเหลือแล้ว จีนครอบงำไปทุกอย่าง สัญลักษณ์ทุกอย่างที่ติดเอาไว้แสดงออกถึงความเป็นจีน คนทิเบตก็มอง ๆ ไปอย่างนั้นแหละ อยากจะติดก็ติดไป

บ้านแบบทิเบตส่วนใหญ่จะเป็นบ้านแบบหลังคาตัด ประเภทเตี้ย ๆ ชั้นเดียว แต่ว่าคนทิเบตจริง ๆ แล้วสูงใหญ่มาก รูปร่างก็ไม่แพ้ฝรั่ง อย่าไปคิดว่าคนทิเบตตัวเล็ก ๆ เดินเข้าไปถึงเห็นหน้าก็รู้ว่านี่ทิเบต หน้าไหม้มาแต่ไกลเลย แดดแรงมาก ถ้ามีครีมยี่ห้อไหนกันแดด
ที่โน่นได้ น่าจะขายดีไปทั่วโลก

จำไว้แม่น ๆ ว่า ไปประเทศจีนอย่าแลกดอลลาร์ไป เพราะว่าไม่มีโอกาสได้ใช้ดอลลาร์เลย เขารับเงินหยวนอย่างเดียว อาจจะเป็นเพราะว่าอเมริกากีดกันจีนเอาไว้เยอะ คนจีนก็เลยไม่สนใจเงินอเมริกัน ถามร้านขายของที่ไหนก็รับเงินเหรินหมินปี้อย่างเดียว เพราะฉะนั้น...ไปประเทศจีนแลกเงินหยวนไปจะปลอดภัยที่สุด โดยเฉพาะใบเล็ก ๆ ใบใหญ่เดี๋ยวเขาบอกว่าไม่มีทอนก็ซื้ออะไรไม่ได้อีก"

เถรี 11-06-2017 21:16

"แต่ว่ากลูโคสไซรัปนี่ได้เรื่องจริง ๆ นะ พอดื่มลงไปนี่รู้สึกหายปวดหัวเลย อาตมาไปเจอญาติที่นั่น แล้วก็เลยถามเขาว่า อาการปวดกบาลนี่เป็นบ้างไหม ? เขาบอกว่าไม่เป็น ก็ถามว่าใช้อะไร ? เขาลากไปหาหมอเลย บอกนี่ ๆ มาหาหมอตรงนี้ ไปถึงเขาบอกเอากลูโคสไซรัปมา ขวดละ ๒ หยวน ๕ ขวด ๑๐ หยวน ราคาถูกอย่างกับขี้...! วันละหลอดก็อยู่เลย เป็นน้ำเชื่อมเข้มข้นหลอดเล็ก ๆ ประมาณนิ้วชี้

เขาบอกว่า “กินก่อนแล้วค่อยตะกายขึ้นเขา” ภาษาจีนแปลอย่างนี้นะ อาตมาเองคงไม่ต้องตะกายขึ้นเขาหรอก จึงกินตั้งแต่ตอนนี้แหละ ปรากฏว่าเข้าไปหมอก็เป็นจีนแคะ ผู้ช่วยพยาบาลก็เป็นจีนแคะ ก็เลยนั่งคุยกันสนุกสนานเฮฮาอยู่นั่น

ไปซื้อน้ำในยุโรปแพงบรรลัยเลย อย่างราคาถูก ๆ ขวดหนึ่งก็ ๒ ยูโรเท่ากับ ๘๐ บาท จนกระทั่งไกด์เขาบอกว่าพระอาจารย์อย่าไปคิดแบบนั้น ต้องคิดว่าแค่ ๒ บาท อย่าไปคิดว่า ๑ ยูโรเท่ากับ ๔๐ บาท ร้านแรกที่ไปถามขอซื้อ เขาไล่ให้ไปกินในห้องน้ำ เขาบอกว่าใครเขาซื้อน้ำกัน ? ห้องน้ำที่ไหนก็กินได้ คือน้ำเขาสะอาดจริง พวกเราไม่เถียง แต่ไม่เคยชิน ที่นั่นอย่างพวกน้ำแร่นี่แพงตายชักเลย"

เถรี 11-06-2017 21:19

"เป็นเรื่องแปลกว่า ภูมิอากาศของทิเบตอยู่ยากมาก แต่คนก็อยู่กันมาเป็นหมื่นปีแล้ว คณะแรก ๆ ที่ตะกายไปอยู่เขาคิดอะไรของเขา ?

เจ้ามด
อยู่ปักกิ่ง ขึ้นไปก็น็อก เห็นแล้วขำ...มือหนึ่งถือหงจิ่งเทียน (โสมทิเบตแก้แพ้ความสูง) ๒ ขวด จมูกก็เสียบออกซิเจนคาอยู่ “หลวงพ่อ...มดจะตายไหมคะ ?” ใครจะไปรับรองได้ แล้วเอ็งอึดเท่าไรข้าก็ไม่รู้ แต่ถ้าเป็นข้า รับรองว่าข้าไม่ตาย...!"


ถาม : เก้าอี้ที่ติดอยู่ตรงหน้าต่างรถไฟ ?
ตอบ : เป็นเก้าอี้พับ ๆ ให้เอาไว้นั่งดูวิว ออกแบบดีมากเลยนะ คือเขาเข็นรถอะไรผ่านได้โดยที่คนนั่งไม่ต้องหลบ นั่งเล่นไอแพ็ดไปได้เลย แต่เห็นรถบรรทุกเป็นพัน ๆ คันแล้วสยอง จีนกอบโกยทรัพยากรไปเท่าไรก็ไม่รู้ โดยเฉพาะแค่ที่วิ่งผ่าน ๆ เห็นมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตั้ง ๒ โรง

เถรี 11-06-2017 21:21

ถาม : บนพระแก้วมรกตบนด้วยไข่ต้ม ทีนี้เจ้าหน้าที่ที่วัดพระแก้วเขาให้เก็บกลับไปกินได้ สงสัยว่าจะเป็นหนี้สงฆ์ไหมคะ ?
ตอบ : ก็อย่าลืมว่าพระแก้วท่านมีองค์เดียว เป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์ แต่ถ้าเราเกรงใจก็ชำระหนี้สงฆ์ ถ้าไม่เกรงใจก็กินไปเถอะ

สมัยก่อนหลวงปู่มหาอำพันท่านแก้บนทีละ ๑๐๐ ฟอง ถึงเวลาก็เอาไปให้บ้านราชวิถี บ้านเมตตา ฯลฯ ให้เด็ก ๆ เขาทำเป็นอาหาร พวกนั้นเป็นสถานสงเคราะห์เยาวชนที่ทำความผิด

เถรี 12-06-2017 18:57

ถาม : หนูควรแก้ไขปรับปรุงการปฏิบัติอย่างไรบ้างคะ ?
ตอบ : ทำตัวให้เหมือนกับชาวบ้านเขาได้ก็พอ

สติ แปลว่า นึกได้ สัมปชัญญะ แปลว่า รู้ตัว สองอย่างเป็นของที่ควบคู่กัน แต่คราวนี้มีน้อยคนที่จะรู้ตัวเอง เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเราจะมี "ตัวกู ของกู" อยู่ในใจ มักจะคิดอยู่เสมอว่าสิ่งที่เราทำนั้นดีแล้ว ถูกแล้ว แต่ไม่ได้สังเกตว่าของบางอย่างที่เราทำนั้นแปลกแยกจากสังคม ทำให้เข้ากับคนอื่นไม่ได้

ในเมื่อเป็นลักษณะอย่างนั้น ทำอย่างไรที่เราจะเข้ากับคนอื่นได้ ต้องลดทั้งทิฏฐิมานะ ลดทั้งสักกายทิฏฐิลง แรก ๆ อาจจะต้องฝืนใจบ้าง แต่หลังจากที่ทำไป ๆ กำลังใจดีขึ้น ก็สามารถคลุกคลีตีโมงได้ทุกระดับชั้น ไม่อย่างนั้นแล้วคำว่า “กูดีกว่า” จะอยู่ในใจเสมอ แล้วจะหาความก้าวหน้าได้ยาก

เถรี 12-06-2017 19:00

วันก่อนไปงานของเพื่อนร่วมรุ่นปริญญาเอก คือ หลวงพ่อเจ้าคุณสมุทรวชิรโสภณ หลวงพ่อเจ้าคุณสมุทรฯ ท่านบวชมานานมาก แล้วก็ปฏิบัติดีมาก แล้วผลบุญของการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนั้นก็ส่งผล

ท่านเป็นเจ้าคณะตำบล ไม่เคยเป็นเจ้าคณะอำเภอ ไม่เคยเป็นรองเจ้าคณะจังหวัด แต่พอเจ้าคณะจังหวัดไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ เจ้าคณะภาคก็ตั้ง
หลวงพ่อเจ้าคุณสมุทรฯ เป็นรักษาการเจ้าคณะจังหวัด ในที่สุดก็มีพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช ตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม ต้องบอกว่าเรื่องของการแข่งเรือแข่งพายนั้นแข่งกันได้ แต่จะไปแข่งบุญวาสนานั้นแข่งไม่ได้ ท่านอายุ ๗๐ กว่าแล้ว คนถึงเห็นความสามารถตั้งให้เป็นเจ้าคณะจังหวัด

ปรากฏว่าไปถึงในงานเจอกับบรรดาเจ้าคุณ บรรดาพระครูใหญ่ ๆ โต ๆ ในกรุงเทพฯ ก็ไปไหว้ทักทายแต่ละท่าน เขาก็ถามว่าเป็นใครมาจากไหน ? ยังไม่ทันจะแนะนำตัว พระใหม่ท่านบอกว่า “หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุนครับ” อ้าว...ดันรู้จักอาตมาอีกนะ สรุปว่าท่านบอกว่าเคยไปงานเป่ายันต์ฯ ที่วัดท่าขนุน

แต่เห็นคนเยอะมาก เบียดไม่เข้า ท่านก็เลยไม่ได้ไปแนะนำตัว แต่จำได้ ยังโชคดีที่ว่าไปก่อนเวลา เสร็จธุระแล้วจึงขอท่านกลับก่อนได้ หลวงพ่อท่านก็แนะนำกับเพื่อนว่า “เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของผมเอง เรียนมาด้วยกัน ท่านเรียนเก่งมากเลย มีอะไรก็คอยช่วยเหลือเพื่อน ฯลฯ” ท่านก็ว่าของท่านไปเรื่อย

เถรี 12-06-2017 19:07

ถาม : ไอไม่หายค่ะ มีวิธีแก้ไหมคะ ?
ตอบ : ใช้ไข่ ๑ ฟอง สมัยนี้ง่ายเลย ตอกลงถ้วย แล้วก็บดขัณฑสกรหรือน้ำตาลกรวดลงไปสักหัวแม่มือหนึ่ง ตามด้วยใบชาอีกหยิบมือหนึ่ง ใส่เข้าไมโครเวฟ ๓ นาทีสุก กินให้หมดก็จบแล้ว อาตมาเคยไอประเภทที่เรียกว่าไอ ๑๐๐ วัน ก็คือไอไม่เลิกเสียที ปรากฏว่าคนจีนเก่า ๆ เขามีตำรายานี้ก็เลยลองดู เออ...หายจริง ๆ แต่ขัณฑสกรเท่าหัวแม่มือนี่หวานแสบไส้เลยนะ สมัยก่อนตอนดองมะม่วง แม่จะบอกให้เอาขัณฑสกรใส่ลงไป มิน่า...มะม่วงดองถึงได้หวานขนาดนั้น ส่วนใบชาหยิบใส่ลงไปสักหยิบมือหนึ่ง จะโรยให้ทั่วหรืออย่างไรก็แล้วแต่เรา

ไม่ต้องถึงขนาดชาผู่เอ๋อนะ ผู่เอ๋อเป็นใบชาเสีย เพราะว่าสมัยก่อนเขาค้าขายเส้นทางสายไหม เดินทางกันเป็นเดือนเป็นปี คราวนี้ฝนตกรั่วเข้าไปในถุงชา ชาก็ไปตกอยู่ก้นถุง โดนหมักไปเรียบร้อย
กว่าจะไปถึงก็แน่นเป็นก้อนเลย ปรากฏว่าคนมองโกลอยู่แต่ในทุ่งหญ้า เขาก็ไม่รู้หรอกว่าชาดีหรือชาไม่ดี เขาก็เอาไปชงชานมชาเนยอะไรตามแบบปกติ กลายเป็นที่นิยมขึ้นมา แล้วคนเขาก็นิยมตรงที่ว่าขนย้ายง่ายเพราะว่าเป็นก้อน ๆ ตอนหลังก็เลยตั้งอกตั้งใจผลิตชาผู่เอ๋อออกมา คือตั้งใจทำให้เสีย ครั้งแรกนั่นเสียเพราะอุบัติเหตุ ต่อมาตั้งใจทำให้เสียเอง

เถรี 12-06-2017 19:19

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปกติเดือนมิถุนายน ทางวัดจะจัดงานฉลอง ถ้าไม่ใช่งานของตัวเองก็จะเป็นพระ แม่ชี สามเณร ใครประสบความสำเร็จด้านการศึกษาหรือหน้าที่การงานอะไรก็ไปฉลองเดือนมิถุนายน แต่ปีนี้งด

ถามว่าทำไมจึงงด ? เพราะปกติแล้วเรื่องการพระราชทานสมณศักดิ์จะเป็นเดือนธันวาคม ก็มาฉลองในเดือนมิถุนายน แต่ปีนี้การพระราชทานสมณศักดิ์น่าจะเป็นไปตามวันเฉลิมพระชนมพรรษาของรัชกาลที่ ๑๐ ซึ่งเป็นเดือนกรกฎาคม เดือนมิถุนายนเลยไม่รู้ว่าจะจัดอะไร ก็เอาเป็นว่าถ้ารับกรกฎาคมก็ไปฉลองเดือนกันยายนโน้น ในวันงานหลวงปู่สาย

แล้วอีกทีหนึ่งก็ได้ข่าวว่า ปีนี้อาจจะเป็นการพระราชทานสมณศักดิ์ทั้งตั้งและเลื่อนในวันที่ ๕ ธันวาคมอีกปีหนึ่ง ถ้าเป็นไปตามนั้นก็แปลว่าทิ้งช่วงยาวปีกว่าเลย"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:00


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว