กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=39)
-   -   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6693)

เถรี 20-07-2019 08:58

เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๒
 
ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๒๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ เป็นการปฏิบัติธรรมประจำต้นเดือนกรกฎาคมวันที่ ๒ ของพวกเรา เมื่อครู่ได้กล่าวไปแล้วว่า ถ้ากำลังสมาธิของเราดี การที่จะฝึกปฏิบัติอะไรก็จะง่าย เพราะว่ากองกรรมฐานต่าง ๆ นั้น เต็มที่ก็ไม่เกินฌาน ๔ แม้แต่อรูปฌานที่เราเรียกว่าฌาน ๘ พื้นฐานจริง ๆ ก็ฌาน ๔ เท่านั้น เพียงแต่ว่ามีการเพิ่มตัวคิดลักษณะเหมือนกับวิปัสสนาญาณเข้าไปเท่านั้น

ดังนั้น...ในส่วนนี้จึงขอย้ำกับท่านทั้งหลายว่า การกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกนั้นสำคัญยิ่งนัก ถ้าจับลมหายใจเข้าออกไม่ได้ โอกาสที่จะทรงฌานก็ไม่มี แต่ว่านักปฏิบัติส่วนใหญ่เมื่อทรงฌานได้แล้วก็รักษาไม่อยู่ มักจะปล่อยให้รั่วไหลไปหมด จึงมีกำลังไม่เพียงพอที่จะตัดกิเลสเสียที

อย่างเช่นว่าเรานั่งสมาธิตอนนี้ประมาณครึ่งชั่วโมง พอเลิกไปเราก็ไปนั่งเขี่ยไลน์อยู่เป็นชั่วโมง ก็แปลว่ากำลังสมาธิที่เราได้มานั้น เราเอาไปใช้จนหมด แล้วจะเหลืออะไรมาไว้ให้ตัดกิเลส ? ปัจจุบันนี้กิจกรรมที่ทำให้เราไปหมกมุ่นอยู่กับสิ่งต่าง ๆ มีมาก Facebook, LINE, Instagram หรือแม้กระทั่งเกมส์ต่าง ๆ เมื่อท่านเอากำลังที่ควรจะใช้ในการตัดกิเลสไปใช้ในเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ กำลังของเราก็ไม่เพียงพอที่จะตัดกิเลสเสียที เพราะว่าทำทีไรก็รั่วไหลไปหมด

เถรี 20-07-2019 09:01

รั่วไหลไปทางใดบ้าง ? ก็ไปตามอายตนะภายใน ๖ อย่าง คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ รั่วออกได้ทุกประตู ตาอยากเห็นรูป ชอบใจรูปแบบไหน เราตะเกียกตะกายไปหามาดู หูอยากได้ยินเสียง ชอบเสียงแบบไหน เราก็ตะเกียกตะกายไปหามาฟัง จมูกอยากได้กลิ่น เราชอบกลิ่นแบบไหนก็ตะเกียกตะกายไปหามา ลิ้นอยากได้รส ชอบรสแบบไหน เราก็ตะเกียกตะกายไปหามา กายสัมผัส ชอบการสัมผัสแบบไหน เราก็ตะเกียกตะกายไปหามา ใจครุ่นคิดฟุ้งซ่านปรุงแต่ง เราแทนที่จะหยุดกำลังใจไว้ที่ลมหายใจเข้าออก เราก็ไปปล่อยให้ใจฟุ้งซ่านไปเรื่อย กำลังที่เราสะสมไว้เพื่อตัดกิเลสจึงรั่วไหลจนหมด ไม่เหลืออะไรไว้ให้เราใช้งาน

โดยเฉพาะการเป็นนักปฏิบัติของเราปัจจุบันนี้ อาตมาอยากจะเรียกว่าทำแก้บน คำว่า ทำแก้บน ในที่นี้หมายความว่าสักแต่ว่าทำพอเป็นพิธีว่าฉันได้ปฏิบัติสมาธิภาวนาแล้ว บุคคลที่มุ่งหวังในเรื่องของมรรคของผลจริง ๆ นั้น เมื่อทำสมาธิภาวนาจนอารมณ์ใจทรงตัวแล้ว ก็ต้องประคับประคองรักษาสมาธิภาวนานั้นให้อยู่กับเราให้นานที่สุด

ถ้าเรารู้จักประคับประคองรักษาอารมณ์สมาธิภาวนาไว้หลังจากที่ได้ปฏิบัติไปแล้ว เราก็สามารถที่จะยืดระยะเวลาความผ่องใสของจิตเราให้นานขึ้นไปได้เรื่อย ๆ

เถรี 23-07-2019 23:07

แรก ๆ ไม่กี่นาทีก็พัง เพราะว่าเราไม่เคยชินกับการระวังรักษา แต่พอเพียรพยายามทำไปก็จะได้นานขึ้น เป็น ๕ นาที ๑๐ นาที ๒๐ นาที ครึ่งชั่วโมง ๑ ชั่วโมง ๒ ชั่วโมง ๓ ชั่วโมง ๔ ชั่วโมง ครึ่งวัน วันหนึ่ง สองวัน สามวัน ไล่ไปเรื่อย ถ้าสามารถรักษาอารมณ์การภาวนาให้ต่อเนื่องได้เป็นเดือนเป็นปี สภาพจิตของเราจะผ่องใสมาก มีความสุขมาก ปัญญาก็จะเกิดไปตามลำดับ ว่าเราจะประคับประคองรักษาอย่างไร ถึงจะทรงสมาธิภาวนาเอาไว้ได้ จะพินิจพิจารณาอย่างไรจึงจะเอาชนะกิเลสได้ ตามความเหมาะความควรของกำลังใจช่วงนั้น

ดังนั้น..จุดบอดที่ท่านทั้งหลายทำอยู่ในปัจจุบันนี้ ก็คือปฏิบัติแล้วไม่สามารถที่จะรักษาอารมณ์ใจให้ต่อเนื่องได้ โดยปล่อยให้รั่วไหลไปหมดตามกิจกรรมต่าง ๆ ที่ตนเองชอบ การปฏิบัติของเราจึงเหมือนกับทำแก้บน คือทำพอเป็นพิธี ไม่ได้คิดจะทำโดยหวังจะเอามรรคเอาผลอะไร

ถ้าท่านบอกว่าท่านทำหวังเอามรรคเอาผล สิ่งที่ท่านกระทำ ก็ยังไม่ได้สมควรแก่การที่จะได้มรรคได้ผลเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว เพราะว่าความขยันหมั่นเพียรไม่ได้ กำลังสมาธิภาวนาไม่ได้ กำลังปัญญาไม่พอ จึงขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า สมาธิภาวนานั้นแทบจะเป็นคำตอบในการปฏิบัติธรรมทุกระดับ ยกเว้นการเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าในช่วงสุดท้ายเท่านั้น ที่ใช้ปัญญาเข้ามาช่วยอย่างมาก

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ต้องขอให้ทุกท่านตั้งใจระมัดระวังรักษา ตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนาของเรา ถ้าหากว่าลมหายใจเบาลงให้รู้ว่าลมหายใจเบาลง ถ้าคำภาวนาหายไปให้รู้ว่าคำภาวนาหายไป เราเป็นผู้ดู เราเป็นผู้รู้ กำหนดใจนิ่งดูอาการเหล่านั้นไว้เฉย ๆ สมาธิจิตจะดิ่งลึกเข้าไปสู่จุดที่เราต้องการเอง

ลำดับต่อไปให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม,ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๒

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:01


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว