กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4406)

เถรี 06-04-2015 08:29

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๘
 
ถาม : ภรรยาผมได้รับงานออกแบบบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเจ้าของบ้านเป็นชาวต่างชาติ และมีความประสงค์จะนำพระพุทธรูปองค์ใหญ่มาเป็นส่วนประดับตกแต่งบริเวณสวนหลังบ้าน อยากทราบว่าเจ้าของบ้านมีโทษเพียงใด ? ทั้งนี้ได้คัดค้านไปแล้ว แต่เจ้าของบ้านก็ยังยืนยันเช่นเดิม ถ้าหากว่าทำงานนี้ต่อไปความผิดจะตกที่ผู้ออกแบบด้วยหรือไม่ประการใดครับ ?
ตอบ : ทั้งคู่ ทั้งคนตั้งใจประดับกับคนช่วยโดนด้วยกัน เป็นโทษปรามาสพระรัตนตรัย ทั้งชาตินี้และชาติหน้าไม่ต้องเข้าถึงมรรคถึงผลกัน

ถาม : เป็นผู้รับเหมานี่ปฏิเสธงานไม่ได้ด้วย ทำอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : ทำไมจะปฏิเสธไม่ได้วะ ? แค่กูไม่เอางานนี้ก็จบแล้ว..!

เถรี 06-04-2015 08:32

ถาม : การตั้งศาลพระภูมิ หากบริเวณบ้านในทิศที่เหมาะสม เช่น ทิศเหนือหรือทิศตะวันออก ไม่สามารถตั้งเป็นศาลแบบเสาเดียวได้ จะตั้งเป็นหิ้งแทน เพื่อเป็นการบูชาพระภูมิได้ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ตั้งดีกว่า

ถาม : แล้วอย่างนี้หากต้องการจะบูชาพระภูมิต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : รื้อบ้านทิ้งแล้วสร้างศาลแทน..!

ถาม : แต่เคยเห็นหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านแนะนำเจ้าของร้านขายหมูที่อุทัยธานีให้ตั้งหิ้งที่หัวนอนอะไรอย่างนี้ เราทำอย่างนั้นได้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เป็นเรื่องเฉพาะคน

ถาม : เจว็ดควรเป็นไม้ ทองเหลืองปิดทอง หรือเรซิ่นจึงจะถูกต้องเหมาะสมครับ ?
ตอบ : เป็นทองคำจะเหมาะสมที่สุด..!

ถาม : เจว็ดคืออะไรครับพระอาจารย์ ?
ตอบ : รูปเคารพในศาล

ถาม : ผ้ายันต์มหาพิชัยสงครามที่ท่านพระอาจารย์เคยแนะนำให้ติดที่ศาลพระภูมิ กรณีที่ตั้งบูชาเป็นหิ้งควรติดผ้ายันต์ที่ตำแหน่งไหนครับ ?
ตอบ : โปรดอย่าเข้าใจผิด กูไม่เคยแนะนำ เพียงแต่บอกว่าที่วัดทำอย่างนั้น อย่าเสือกทะลึ่งคิดว่าแนะนำ..!

ถาม : แล้วถ้าอยากบูชาควรทำอย่างไรครับ จุดธูปหน้าหิ้งพระเอาอย่างนี้ ?
ตอบ : คำตอบอะไรที่ตอบไปจะสมบูรณ์ในตัวอยู่แล้ว อย่าเสือกแสดงความเห็นเพิ่มเติมอีก..!

เถรี 06-04-2015 08:33

ถาม : ยันต์ปัญจพุทธา มีวิธีการเขียนชักยันต์ที่ถูกต้องและถูกวิธีอย่างไรครับ ?
ตอบ : ใช้ปากกาหรือดินสอเขียน

ถาม : มีคาถากำกับในการเขียนยันต์หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ทรงสมาบัติแปดให้ได้ก็พอ

ถาม : มีวิธีการปลุกเสกในขณะเขียนยันต์อย่างไรครับ ?
ตอบ : เขียนเสร็จก็ใช้ได้เลย

ถาม : และสุดท้าย มีวิธีการปลุกเสกแผ่นยันต์ปัญจพุทธาอย่างไรครับ ?
ตอบ : ตั้งเครื่องบวงสรวงชุดใหญ่ บายศรี ๙ ชั้น

เถรี 06-04-2015 08:34

ถาม : ถ้าบ้านไหนที่มีการทำบุญบ้านแล้วมีการถวายภัตตาหารพระ อยากทราบว่าอาหารที่พระฉันเหลือแล้ว คนที่มาร่วมงานทั้งหมดสามารถนำไปกินต่อหรือนำอาหารที่เหลือกลับบ้านได้หรือไม่ ? และมีโทษหรือไม่ครับ ?
ตอบ : หากว่าเป็นของที่บ้าน พระฉันเหลือแล้วก็เป็นสิทธิ์ของโยม


ถาม : พวกภาชนะหรือของใช้ต่าง ๆ ในงาน จะกลายเป็นของสงฆ์หรือว่ายังคงเป็นของผู้ที่จัดหามาครับ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจถวายจะเป็นของสงฆ์ไปด้วย แต่โดยนัยปกติเป็นที่รู้กันว่าถวายแค่อาหาร พระรูปไหนหยิบถ้วยจานใส่ย่ามก็ตีมือเลย..!


ถาม : ระหว่างการทำบุญบ้านโดยนิมนต์พระมากับการไปถวายภัตตาหารที่วัดโดยตรง หรือว่าทำบุญใส่ซองถวายปัจจัยเป็นค่าภัตตาหารเลี้ยงพระ จะมีอานิสงส์เหมือนกันหรือต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : ทำบุญที่บ้านจะมีอานิสงส์เหนื่อยมากกว่า..!

เถรี 06-04-2015 21:09

ถาม : ผมได้นำพระเครื่องวัตถุมงคลที่มีอยู่ไปเปิดประมูล โดยตั้งหัวข้อประมูลดังนี้ "ประมูลเพื่อสะสมยอดเงินไปทำบุญกับวัดท่าขนุน ๑๐๐%" ต่อมาได้ทำการประมูลหลายครั้ง เมื่อสะสมเงินได้จำนวน ๕,๐๐๐ บาท จึงได้ร่วมทำบุญสร้างพระพุทธรูปทองคำ โดยได้ร่วมจองตะกรุดมหาสะท้อน รุ่น ๕ วัดท่าขนุน จำนวน ๑ ดอก เพื่อความมั่นใจจึงขอเรียนถามว่าตะกรุดนี้จะเป็นของใคร ระหว่างผมกับผู้ร่วมประมูลครับ ?
ตอบ : ถือว่าฉ้อโกง มีโทษเท่าย้ายเจดีย์ เพราะว่าเขาตั้งใจทำบุญ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ทำบุญให้ไปบูชาตะกรุด

เถรี 06-04-2015 21:09

ถาม : ตามปกติทางเว็บวัดท่าขนุนจะมีการแจกปฏิทินฤกษ์พรหมประสิทธิ์ทุกปี แต่เนื่องจากปีนี้ไม่มีแจก ลูกจึงขออนุญาตถามหลวงพ่อว่าลูกจะยึดฤกษ์พรหมประสิทธิ์ได้จากที่ใดคะ ? ถ้าเป็นปฏิทินที่แจกเมื่อวันที่ ๓ มกราคม ๒๕๕๘ นี้สามารถใช้ได้หรือไม่คะ ?
ตอบ : อยู่ที่ว่าจะเชื่อไหม ถ้าเชื่อก็ใช้ได้

เถรี 06-04-2015 21:09

ถาม : สัจจะสมมุติ หมายความว่าอย่างไร ?
ตอบ : ไม่เคยได้ยิน

ถาม : แล้วเราจะพิจารณาสัจจะสมมุติให้เป็นประโยชน์ได้อย่างไร ?
ตอบ : ต้องไปถามคนที่เคยได้ยิน

เถรี 06-04-2015 21:10

ถาม : สำหรับคนที่เริ่มปฏิบัติกรรมฐาน จะฝึกแบบไหนถึงจะได้ผลเร็วที่สุด ?
ตอบ : รักษาศีล เจริญสมาธิ พิจารณาวิปัสสนาญาณ

ถาม : สำหรับนักปฏิบัติที่ปฏิบัติได้ในระดับหนึ่งแล้ว แล้วทิ้งการปฏิบัติไปนาน ๆ แล้วกลับมาปฏิบัติใหม่ ต้องใช้เวลานานไหมครับถึงจะกลับมาที่จุดเดิม แล้วควรเริ่มพื้นฐานตั้งแต่เดิมเลยหรือไม่ ?
ตอบ : ลองทำดูถึงจะรู้ว่านานเท่าไหร่ จะมาถามหาส้น..อะไรวะคำถามแบบนี้...!

เถรี 06-04-2015 21:10

ถาม : สำหรับบุคคลที่เชื่อมั่นในบุญกรรมฐาน กับบุคคลที่เชื่อมั่นในบุญแห่งการให้ทาน เช่น สังฆทาน ต่างกันอย่างไร แล้วจะเห็นผลในปัจจุบันหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าจะเอาเป็นผลในปัจจุบันจริง ๆ คือ บุญกรรมฐาน ถ้าสามารถทรงฌาน ๔ หรือสมาบัติ ๘ ได้จะเห็นผลในปัจจุบัน

ถาม : แล้วอานิสงส์ของบุคคลที่นิยมการทำบุญ ๒ อย่างนี้ให้ผลแตกต่างกันอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ให้ทานจะรวย เรื่องบุญกรรมฐานจะช่วยในการตัดกิเลส เป็นคนละเรื่องกัน

เถรี 06-04-2015 21:11

พระอาจารย์กล่าวว่า “ในเรื่องของการถามคำถาม สิ่งที่ตอบไปจะพอดีอยู่แล้ว ถ้าพยายามไปแสดงความโง่ด้วยการออกความเห็นเพิ่มเติม อาจจะเป็นการตีความผิดและอาจจะทำให้คนอื่นเสียประโยชน์ไปด้วย เพราะฉะนั้น..ถ้าทำหน้าที่ถามอย่าพยายามเพิ่มความเห็นของตัวเองเข้าไป

ส่วนปัญหาหลายปัญหา ไม่ใช่ปัญหาแต่พยายามจะถาม ต้องบอกว่าถามแบบคนที่ขาดปัญญามาก เรื่องของการปฏิบัติ วิธีที่ดีที่สุดคือลงมือทำไม่ใช่ถาม การถามมีแต่จะพาให้ฟุ้งซ่าน โดยเฉพาะกำลังใจของแต่ละคนไม่เท่ากัน อย่างเช่นถามว่าใช้เวลานานเท่าไร ไม่มีใครตอบคุณได้หรอก

เพราะกำลังใจแต่ละคนไม่เท่ากัน เหมือนที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสกับหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า “ถ้าปฏิบัติแบบนี้อีก ๑๐ ปีถึงจะเห็นหน้าเห็นหลัง” แต่หลวงพ่อท่านใช้เวลาแค่ไม่กี่เดือน เนื่องเพราะว่าการพยากรณ์เป็นไปตามกำลังใจปัจจุบัน


อาตมาเคยเปรียบเทียบว่า เหมือนกับเราขับรถด้วยความเร็ว ๑๒๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นเวลา ๑ ชั่วโมงครึ่งจะถึงกาญจนบุรี แต่ถ้าเราลดความเร็วลงก็จะถึงช้ากว่านั้น ถ้าเพิ่มความเร็วขึ้นก็จะถึงเร็วกว่านั้น เป็นต้น จึงเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราล้วน ๆ หลายต่อหลายท่านปฏิบัติดีอยู่ในช่วงหนึ่ง ได้รับคำพยากรณ์จากเทวดา จากพรหมหรือจากพระ ว่าจะเข้าถึงมรรคผลเมื่อนั้นเมื่อนี้ เกิดความดีใจขึ้นมา เสร็จแล้วก็เอ้อระเหยลอยชายไป มั่นใจว่าได้แน่ ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ ๒๐ กว่าปีผ่านไปยังไม่ได้อะไรเลย เพราะว่าไปทิ้งความเพียรในการปฏิบัติของตัวเอง ต้องบอกว่าไปลดความเร็วของรถที่ตัวเองขับ ทำให้ถึงช้ากว่าที่ท่านพยากรณ์เอาไว้”

สายท่าขนุน 07-04-2015 00:47

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เถรี (โพสต์ 137761)
ถาม : สัจจะสมมุติ หมายความว่าอย่างไร ?
ตอบ : ไม่เคยได้ยิน

ถาม : แล้วเราจะพิจารณาสัจจะสมมุติให้เป็นประโยชน์ได้อย่างไร ?
ตอบ : ต้องไปถามคนที่เคยได้ยิน

คำถามนี้ หากเป็นคำว่า "สมมติสัจจะ" นั้น พระอาจารย์เคยกล่าวถึงไว้แล้ว
ซึ่งท่านแนะนำว่า อะไรที่ได้เคยบอกไปแล้ว ให้ไปค้นหาในเว็บดูเองได้
จึงขอนำลิงก์ข้อความที่ท่านเคยกล่าวถึง "สมมติสัจจะ"
เฉพาะในส่วนของความหมายและการใช้ประโยชน์ มาบางข้อความ ดังนี้

๑) http://www.watthakhanun.com/webboard...read.php?t=483
๒) ข้อความที่ ๑๓ :
http://www.watthakhanun.com/webboard...ead.php?t=1582
๓) ข้อความที่ ๑๔๘ :
http://www.watthakhanun.com/webboard...ad.php?p=89314

เถรี 07-04-2015 14:02

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เห็นการจองวัตถุมงคลในเว็บวัดท่าขนุนแล้ว ถึงได้เข้าใจที่เขาว่า "ไม่ดูตาม้าตาเรือ" เป็นอย่างไร เขาเขียนว่าปิดจองตัวเบ้อเริ่มเลย ก็ไม่มอง กูจะจองเสียอย่าง กติกาเขาระบุไว้ชัดเจนก็ไม่ฟัง ห้ามใช้เลขอารบิก ห้ามเขียนผิด ห้ามแก้ไขกระทู้ กูทำทุกอย่าง อย่างที่โยมเห็นนี่ บอกว่าหล่อพระเนื้อเงินแท้ ดันถวายมาทั้งทองเหลือง มาทั้งนาก กูจะหล่อเสียอย่าง"

เถรี 07-04-2015 14:06

"บางคนก็ไปเชื่อพ่อค้า เอาแผ่นเงินมาถวาย บอกว่าไปซื้อแผ่นเงินมา แต่พ่อค้าเอาแผ่นเคลือบเงินมาให้ ก็ดูไม่เป็น แผ่นเท่านี้ในท้องตลาดเป็นแผ่นทองเหลืองมีเงินเคลือบหน้าอยู่นิดเดียว แล้วที่เคลือบอยู่ก็ส่วนใหญ่ไม่ใช่เงินหรอก เขาเคลือบที่คนจีนเรียกแปะตั๊ง ก็คืออัลปาก้า"

เถรี 07-04-2015 14:08

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรียนจบเมื่อไรจะไปผ่าตัดตาแล้ว ไม่อย่างนั้นสายตาแย่ลงไปเรื่อย ๆ อาตมาไปตัดหญ้าแล้วหินดีดเข้าตา ทำให้ตาแตก พอรักษาแผลหายแล้วปรากฏว่ากล้ามเนื้อยึดไม่เท่ากัน ตาเลยเอียงไปข้างหนึ่ง"

เถรี 07-04-2015 14:10

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันที่ ๒๙ มีนาคมที่ผ่านมา ตอนหล่อสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเงิน ขนาดหน้าตัก ๙.๙ นิ้ว ช่างเขาบอกว่าเตาหลอมร้อนมาก ต้นไม้อาจจะตายหมดสวนเลย อาตมาบอกกับช่างว่าต้นไม้ตายไม่เป็นไร ให้พระหล่อออกมาสำเร็จแล้วกัน

ปรากฏว่าก่อนถึงเวลาหล่อพระฝนกระหน่ำเสียหนัก ตกลงว่าไม่มีอะไรเสียหาย แม้แต่หญ้ายังไม่ตายเลย โดยปกติถ้าฝนตกก่อนหล่อพระนี่ช่างร้องไห้แล้ว เพราะว่าพอแบบเย็นแล้ว ส่วนใหญ่เนื้อโลหะจะแล่นไม่ถึงกัน ปรากฏว่าพระของเราออกมา ช่างใช้คำว่าสมบูรณ์พันเปอร์เซ็นต์ ออกมางามจริง ๆ เกือบไม่ต้องขัดแต่งเลย"

เถรี 07-04-2015 14:13

พระอาจารย์กล่าวว่า "โชคดีที่พระท่านอนุญาตให้สร้างตะกรุดมหาสะท้อนอีกรุ่น ไม่อย่างนั้นของเก่านี่แพงมาก เป็นวัตถุมงคลชนิดเดียวที่ทำถึง ๕ รุ่น ที่ผ่านมาอย่างอื่นทำเต็มที่ก็ ๒ รุ่น ยังไม่มีรุ่นที่ ๓ แต่สำหรับตะกรุดมหาสะท้อน ถ้ารวมรุ่นพิเศษด้วยก็ ๖ รุ่นเข้าไปแล้ว รุ่นพิเศษทำสำหรับบรรจุด้ามมีดหมอเพชราวุธ

ท่านที่จองตะกรุดมหาสะท้อนรุ่นนี้เอาไว้ ไม่ต้องรอถึงวันที่ ๒๐ มิถุนายน ตะกรุดมหาสะท้อน โดยปกติเป็นการเขียนแล้วเสกในตัว ไม่จำเป็นต้องมีพิธีใหญ่ ดังนั้น..ทันทีที่ทำเสร็จครบจำนวน อาตมาก็จะทำพิธีขอบารมีพระท่านเสกให้ แล้วแจกจ่ายให้กับผู้จองเลย"

เถรี 07-04-2015 14:21

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานวิ่งมาทางวัดไผ่โรงวัว ไปเห็นเขาสร้างบ้านไม้แล้วชอบใจ จึงสั่งให้เขาทำกุฏิรับรองขึ้นมาอีกหลัง เดือนที่แล้วเพิ่งตั้งกุฏิรับรองไป ๒ หลัง เนื่องจากว่าพระผู้ใหญ่เวลาไปวัดท่าขนุน ถ้าไปสัก ๓-๔ รูปขึ้นไป มักจะหาที่พักลำบาก จึงต้องตั้งเผื่อเอาไว้ก่อน"

เถรี 07-04-2015 14:25

พระอาจารย์กล่าวว่า "หนังสือคู่มือภาวนาพระคาถาเงินล้านเล่มที่ ๒ ที่พิมพ์ออกไป มีเนื้อหาเพิ่มเติมตอนท้ายมา โดยเฉพาะรูป พร้อมกับปรับปรุงลักษณะของรูปเล่มดีขึ้น เล่มนี้ขอ ๑๐๐ บาท เพราะว่าเป็นกระดาษอาร์ตทั้งเล่ม ใครที่ไม่ได้รับแจกเมื่อวันงานฉลองบ้านวิริยบารมี ก็เตรียมตัวควักกระเป๋าไปซื้อกันได้

วันงานอาตมาแจกไป ๒,๐๐๐ กว่าเล่ม การจัดรูปเล่มเกิดจากฝีมือ คุณนก (ชัญญา ดำรงค์วานิช) ออกแบบให้ จะเห็นว่ามีคั่นหัวเรื่องต่าง ๆ หน้าปกรูปพระปิดตาสวย ๆ ก็ฝีมือคุณนกทั้งนั้น ได้คุณนกมาช่วยงาน ทำให้การงานคล่องตัวและเบาแรงไปมหาศาลเลย โดยเฉพาะการติดต่อกับโรงพิมพ์ต่าง ๆ คุณนกจะมีความคล่องตัวในเรื่องนี้มาก"

เถรี 08-04-2015 09:47

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลายท่านไม่ค่อยดูตาม้าตาเรือ ถึงเวลาตั้งหน้าถามอย่างเดียว ทั้ง ๆ ที่คำถามนั้นเขาถามกันไปหลายต่อหลายครั้งแล้ว ในเว็บก็มีไม่ไปหาดู แม้แต่การจองวัตถุมงคลก็เหมือนกัน อย่างสมเด็จองค์ปฐมลอยองค์เนื้อทองคำ หมดไปตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่เปิดจอง นี่ผ่านมาตั้งอาทิตย์หนึ่งแล้ว ยังตั้งหน้าตั้งตาจองเนื้อทองคำกันอยู่แหละ ก็ดีเหมือนกัน จองแล้วรู้สึกสบายใจว่าได้จอง กติกาเขาก็ระบุชัดว่าให้จองเนื้อเงินไม่เกินคนละ ๕ องค์ ตะบันมาถึงก็ “จอง ๑๐ องค์ครับ” บุคคลประเภทนี้ต้องบอกว่าสมควรตาย..!

ในเมื่อสภาพจิตของเราหยาบจนกระทั่งไม่ดูตาม้าตาเรืออะไรเลย ก็แปลว่าถ้าปฏิบัติธรรมไป โอกาสที่จะเข้าถึงธรรมที่เป็นส่วนละเอียดก็ยาก โอกาสต่อไปโปรดดูตาม้าตาเรือด้วย คำว่า “ดูตาม้าตาเรือ” มาจากการเล่นหมากรุก เพราะถ้าไม่ดู เผลอวางขุนลงไปอาจจะตายฟรี เนื่องจากว่าเรือจะเดินเป็นแนวตรงตลอดเส้น ส่วนม้านั้นเดินตรง ๓ ขวาง ๒ ตกลงเล่นกันเป็นหรือเปล่า ? สรุปง่าย ๆ ว่าม้าเดินเป็นรูปตัว L ส่วนขุนสามารถเดินได้รอบตัว ตูว่าอธิบายไปก็เสียเปล่า..!

อาตมาไม่เคยเล่นหมากรุกมาก่อน ไปเล่นครั้งแรกตอนสมัยที่อยู่ชายแดน เพราะเพื่อนไม่มีคนเล่นด้วย ออกเวรแล้วก็นั่งเหงา ๆ เลยมาสอนอาตมาให้เล่นว่าตัวไหนเดินอย่างไร หลังจากที่รู้วิธีเล่น กระดานแรกอาตมายันเสมอกับเพื่อน กระดานที่ ๒ กินเพื่อนหมดตูดเลย สรุปว่าเพื่อนไม่รอบคอบ เพราะว่าการเล่นหมากรุกจะมีการ "ผูก" กันอยู่ ถ้าสมมติว่าเรากินตัวนี้แล้วเราจะเสียมากกว่า เราจะไม่กินก็ได้ ปล่อยยันกันไว้เป็นการผูกกันอยู่ ปรากฏว่าเพื่อนเผลอไปเลื่อน เมื่อโดนกินแล้วขาดทุนก็เป็นอันว่ากระจายทั้งกระดาน"

เถรี 08-04-2015 09:51

"ลักษณะของนักปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน ต้องพิจารณาให้รอบคอบและรอบด้าน ทันทีที่ขยับตัวเราต้องรู้ว่าศีลจะขาดหรือเปล่า ถ้ายังไม่สามารถทำถึงตรงจุดนี้ได้ ชีวิตนี้ยังเอาดีได้ยาก ถ้าเราขยับตัว สติรู้ตัวทั่วพร้อมว่าศีลจะบกพร่องหรือไม่ ? กาย วาจา ใจของเราจะเป็นทุกข์เป็นโทษแก่คนอื่นหรือเปล่า ? ถ้าลักษณะนี้พอที่จะเอาตัวรอดได้

ส่วนในเรื่องของสมาธิ ต่ำสุดต้องทรงปฐมฌานละเอียดได้ ไม่อย่างนั้นกำลังไม่พอที่จะสู้กับกิเลส เนื่องเพราะว่าการที่เราจะรู้ว่ากิเลสเข้าเมื่อไรนั้น อันดับแรกต้องมีสติ เมื่อมีสติรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่ รัก โลภ โกรธ หลงเข้ามาจะรู้ทันที ก็ต้องมีข้อที่ ๒ คือสมาธิ ระงับยับยั้งตนเองไม่ให้ไหลไปตามกระแสกิเลสที่เข้ามาชักจูง

หลังจากนั้นก็ใช้ปัญญา ซึ่งเกิดจากความสงบของจิตด้วยอำนาจของสมาธิ ในการห้ำหั่นตัดฟันกิเลสตัวนั้น ๆ ด้วยกรรมฐานคู่ศึก อย่างเช่นว่า ถ้าโกรธก็ต้องแผ่เมตตา หรือว่าถ้าเกิดราคะขึ้นมาก็ต้องพิจารณาในกายคตาสติและอสุภกรรมฐาน เป็นต้น จนกระทั่งสามารถระงับยับยั้ง หรือว่าตัดกิเลสนั้นลงได้

แรก ๆ อย่าพึงหวังว่าจะตัดได้ทีเดียว เราสามารถระงับไม่ให้กิเลสกำเริบได้ถือว่าสุดยอดแล้ว หลังจากนั้นก็หาวิธีค่อย ๆ ขัด ค่อย ๆ เกลาไป แต่ถ้าใครกำลังสมาธิสูงพอ มีความคล่องตัวในการเข้าออกฌานสมาบัติได้อย่างใจของตน จะสามารถระงับกิเลสได้ทันท่วงทีทุกครั้ง แต่ก็ประมาทไม่ได้ เพราะถ้าเผลอสติ ต่อให้ทรงสมาธิได้สูงขนาดไหน ถ้าโดนกำลังของกิเลสตีกลับมาท่วมทับ กำลังสมาธิไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เราก็ต้องไปทนทุกข์ทรมานกับกิเลสที่จะมาทำลายเรา ทำร้ายเราอีก"

เถรี 08-04-2015 09:53

"พยายามทบทวนอยู่ทุกวัน ว่าเราปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร ? ตอนนี้ทำไปถึงไหน ? ยังตรงเป้าหมายอยู่หรือไม่ ? ห่างจากจุดมุ่งหมายใกล้ไกลเท่าไร ? ต้องทำอย่างไรถึงจะเข้าใกล้จุดหมายนั้น ? ส่วนใหญ่แล้วพวกเราพอทำไประยะหนึ่ง ก็ลืมแม้กระทั่งจุดมุ่งหมายของตน แล้วก็ไม่ได้พากเพียรพยายามที่จะตั้งหน้าตั้งตาทำให้สำเร็จผลจริง ๆ จึงเหมือนอยู่ในสภาพของคนที่เดินไปถึงทางตัน หาความก้าวหน้าไม่ได้ กี่ปี ๆ ทำไปก็ได้อยู่แค่นั้น

อย่าลืมว่าในเรื่องของการปฏิบัติธรรม ในเรื่องของการสร้างความดี มีระดับของศีล ของสมาธิ ของปัญญา ถ้าศีลของเรายังบกพร่องอยู่ ระดับแรกของเรายังเข้าไม่ถึง จะให้ทรงสมาธิจนเอาดีได้เลยย่อมเป็นไปได้ยาก ถ้าหากว่าศีลไม่ทรงตัว สมาธิไม่หนักแน่น จะให้ปัญญาเกิดเพียงพอในการสู้กับกิเลส ก็เป็นของที่เป็นไปไม่ได้ หลวงพ่อวัดท่าซุงจึงเตือนพระ ตลอดจนญาติโยมให้ทวนศีลของตนเองอยู่เสมอ ๆ โดยเฉพาะพิจารณาในสังโยชน์ ๑๐ ว่ามีตัวใดที่ยังร้อยรัดเราอยู่ ให้พยายามที่จะตัดละไปทีละตัว

จริง ๆ ที่ว่ามาทั้งหมดนี่มากกว่าที่สอนตอนเจริญกรรมฐานอีก แต่เพียงรู้สึกว่าเหมือนกับตักน้ำรดหลังหมาอย่างไรไม่รู้ เข้าใจคำว่าตักน้ำรดหลังหมาไหม ? คือถ้าตักน้ำรดหัวตอ หัวตอยังเปียก ตักน้ำรดหลังหมา โดนสะบัดพรืดเดียวหายหมด"

เถรี 08-04-2015 09:54

พระอาจารย์กล่าวว่า “ไปปฏิบัติธรรมครั้งนี้เอาเสื้อสีม่วงไปใส่กันดีไหม ? ใส่สักวันหนึ่งจะได้ถ่ายรูปกับป้าย ใครไปปฏิบัติธรรมที่วัดท่าขนุนช่วงสงกรานต์ขอเสื้อสีม่วงสักตัวหนึ่ง จะได้นัดกันใส่แล้วถ่ายรูป ถวายสมเด็จพระเทพฯ ท่าน ปกติวัดเราต้องส่งรายงานการปฏิบัติทุกปีอยู่แล้ว ปีนี้มัวแต่วิ่งเรื่องวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกอยู่ เพิ่งจะส่งรายงานไปเมื่อ ๒ อาทิตย์ก่อนนี้เอง ปกติต้องส่งประมาณต้นเดือนมกราคม”

เถรี 08-04-2015 11:10

พระอาจารย์กล่าวว่า “เมื่อวันมาฆบูชาที่ผ่านมามีการบวชพระหลายรูป ในส่วนที่ชอบใจก็คือท่านตั้งใจปฏิบัติกันจริง ๆ แม้กระทั่งเวลาพักผ่อนก็ยังไปนั่งซ้อมนั่งทวนสวดมนต์กัน นอกเหนือเวลากรรมฐานท่านก็ยังไปเดินจงกรม ไปภาวนาของท่านกันอยู่ ถือว่าท่านทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่ เป็นที่น่ายินดีและน่าโมทนา ถ้ารักษาความดีนี้ไว้ได้ โอกาสที่จะเจริญงอกงามในพุทธศาสนาก็มีสูง พระที่วัดเขาเลิกสงสัยกันแล้วว่าหลวงพ่อไม่ค่อยอยู่วัด ทำไมกลับไปแล้วด่าถูกทุกที”

เถรี 08-04-2015 11:13

พระอาจารย์กล่าวว่า “ศาลาการเปรียญวัดท่าขนุนที่สร้างในวาระครบรอบ ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย ค่าใช้จ่ายอยู่ที่เกือบ ๕๔ ล้านบาทแล้ว ตอนช่วงนี้เหลือของแพง ก็คือการกรุหลังคา ต้องบอกว่าทำฝ้านั่นแหละ แต่กรุด้วยไม้ ซึ่งเราทุกคนก็รู้ว่าไม้ราคาแพงแค่ไหน

ตอนนี้ไม้พื้นของหมู่เรือนไทยลงเต็มครบถ้วนแล้ว ก็เหลือแต่ไม้กรุหลังคา คาดว่าอีกหลายล้านกว่าจะจบ แต่ได้แจ้งเอาไว้แล้วว่าพยายามจะให้เสร็จภายในสงกรานต์ ดูท่าจะเหลืองานไปเกินสงกรานต์อีกหน่อย

ท่านใดที่จะไปปฏิบัติธรรมช่วงสงกรานต์ จะเห็นความก้าวหน้าของงานด้วยตัวเอง กรุณาเดินขึ้นไปให้ถึงชั้นบนที่เป็นหมู่เรือนไทยด้วย บันไดแค่ ๖๖ ขั้นเท่านั้น คุณสุรีย์ที่เป็นช่างรับเหมา จากคนสุขภาพไม่ดี เดินจากที่พักตรงแดนสงบด้านหลังโรงครัวของวัด ขึ้นบันไดไม่กี่ขั้นก็หอบจนต้องนั่งพัก เดี๋ยวนี้บันได ๖๖ ขั้นนี่เรื่องเล็กเลย ขึ้นอยู่ทุกวันจนแข็งแรงไปโดยปริยาย มีคนถามว่า “ทำไมไม่ติดลิฟต์ ?” ขอตอบว่า “อาตมาชอบขึ้นบันได เพราะฉะนั้น..คนอื่นก็ต้องชอบด้วย..!”

เหตุที่ไม่ติดลิฟต์เพราะว่าทองผาภูมิทั้งอำเภอมีลิฟต์อยู่ที่เดียว ก็คือสำนักงานเทศบาลตำบลทองผาภูมิ ถ้าขืนไปทำเป็นแห่งที่ ๒ ก็จะแปลกแยกจากสังคมแบบนั้น ต่อไปอะไรดี ๆ จะไปไว้ชั้นบนให้หมด ...(หัวเราะ)... ใครอยากเห็นต้องเดินขึ้นไปดูเอง

หลวงปู่อำนวย (พระครูมงคลสุตาภรณ์ วัดไชยชนะสงคราม) ไม่ได้มางานวัดครั้งหนึ่งเพราะไปผ่าตัดลอกต้อหิน โผล่มาตกใจ “อาจารย์เล็กเนรมิตศาลามาได้อย่างไร ?” กราบเรียนว่า “ไม่ได้เนรมิตหรอกครับ ช่างเขาทำ หลวงปู่ไม่ได้มาตั้งปีหนึ่งแล้ว”

เถรี 09-04-2015 16:34

พระอาจารย์กล่าวว่า "ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องดูส่วนรวมเป็นใหญ่ เหมือนกับที่วัด พระหลายรูปท่านทำงาน ท่านก็เล่นนิติศาสตร์ตรง ๆ เลย อาตมาต้องคอยเตือนท่านว่า ถ้าคุณมองระหว่างบุคคลต่อบุคคลก็ได้ แต่ถ้าคุณมองภาพรวมว่าทั้งวัดนี่ไม่ได้แล้ว คุณต้องคำนึงด้วยว่า ถ้าตรงไปตรงมาจนเกินไป จะมีผลกระทบอะไรบ้าง

เรื่องของพระจะพอเหมาะ พอดี พอควร แต่ถ้าคนอวดรู้ อวดฉลาดเอาไปขยายความ บางทีเสียหายเยอะ เหมือนอย่างที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านกล่าวถึง เป็นที่เข้าใจกันว่าคืออะไร แต่เขาเอาไปขยายความเสียชัด หลายเรื่องมีโอกาสที่จะโดนข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือแอบอ้างเบื้องสูง เวลาคนเกิดอารมณ์ร่วมขึ้นมาก็อยู่ในลักษณะที่ว่า เรารู้แล้วควรจะบอกต่อ เพื่อคนอื่นจะได้เห็นความสำคัญของเรา กลายเป็นเอากิเลสตัวเองรวมเข้าไปด้วย แล้วเรื่องก็กลายเป็นเสียหายในวงกว้าง"

เถรี 09-04-2015 16:36

พระอาจารย์กล่าวถึง กฐินปลดหนี้ที่เนปาล "คิดว่าถ้าไปคณะใหญ่ จะไปเที่ยวคงลำบาก คงต้องมุ่งเป้าไปกฐินก่อนเลย เรื่องเที่ยวกลายเป็นของแถม มีโอกาสก็แวะ ไม่มีก็กลับ เพราะคณะใหญ่เราจะไปใช้รถตู้ก็เปลืองมาก ทางด้านเนปาลเขาบังคับเลยว่า รถคันหนึ่งต่อไกด์คนหนึ่ง ในเมื่อเป็นดังนั้น ถ้าเราใช้รถใหญ่ ทางนั้นรถใหญ่จะวิ่งอย่างไร ถนนกับรถตู้เท่ากันพอดี ไปมาแล้วยังสงสัยว่าผ่านมาได้อย่างไร ?

คนกรุงเทพฯ ถ้าถ้อยทีถ้อยอาศัยกันเหมือนคนเนปาลบ้านเมืองจะน่าอยู่มากเลย รถราแน่นไปหมด คนก็เยอะ แต่เขาไปกันได้ ขนาดเราวิ่งไปเต็มถนน ไม่มีทางหลีกกันเลย เขาก็ประเภทคนโน้นถอยนิด คนนี้ถอยหน่อย คันนั้นมุดเข้าซอย แล้วก็ไปกันได้"

เถรี 09-04-2015 16:42

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครจองสมเด็จองค์ปฐมครั้งนี้ ถ้าพลาดเพราะพิมพ์ผิดนี่คงจำไปอีกนาน อย่างที่บอกไปเมื่อเช้าว่า ส่วนใหญ่จองกันแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่ดูกติกาอะไรทั้งนั้น จองอย่างเดียวเลย ขนาดว่ามีการแจ้งกติกาเป็นระยะ ๆ ก็ยังอุตส่าห์ผิดกันจนได้ บางคนก็บอกแก้ไขแค่สถานที่รับ ไม่ได้แก้ตัวเลขจอง "อ๋อ...จะแก้อะไรก็โดน" บางคนก็เร่งให้รับรองสถานภาพตัวเองไว ๆ เพราะยืนยันตัวตนแล้ว ก็ต้องบอกว่าเป็นหน้าที่ของมัคคนายกเท่านั้น

เดี๋ยวต้องมีเรื่องประหลาดใจปิดท้ายกระทู้วัตถุมงคล เพราะว่าทั้งตะกรุด ทั้งสมเด็จองค์ปฐม ก็น่าจะพอชดเชยกับทองที่ซื้อไปแล้ว สมเด็จองค์ปฐมเอาปัจจัยไปสร้างมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำ ส่งท้ายปิดกระทู้ ไม่รู้ว่าจะมีอะไร ถึงเวลาจองแล้วก็ให้ทันแล้วกัน..!"

เถรี 09-04-2015 16:47

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาจะแจกหนังสือประวัติวัดท่าขนุนในงานศพคุณถาวร สองเมือง โยมเขาช่วยงานวัดมานานแล้วมาเสียชีวิต ช่วยกันมาตั้งแต่สมัยอยู่ที่เกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ เพราะฉะนั้น..ถึงเวลาเขาตายก็ให้แบบไม่ต้องเสียดาย

เวลาญาติโยมที่เคยใส่บาตร ถ้าเขาตาย อาตมาสั่งพระที่วัดไว้เลยว่า จองเป็นเจ้าภาพในนามของวัดอย่างน้อย ๑ คืน แล้วก็ถามเขาด้วยว่ามีแขกเท่าไร วันออกศพจะได้เอาของที่ระลึกไปช่วย อย่างน้อย ๆ ให้คนเขาเห็นว่าไม่เสียทีที่ใส่บาตรวัดนี้"

เถรี 09-04-2015 16:51

พระอาจารย์กล่าวว่า "ไม่กี่วันอาตมาต้องไปรับตราตั้งเจ้าคณะตำบลท่าขนุน เขต ๒ อาตมาเคยลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะตำบลมาครั้งหนึ่งแล้ว ปรากฏว่าปีนี้ตำแหน่งว่างทีเดียว ๓ ตำแหน่ง ก็แปลว่าปฏิเสธอย่างไรก็ไม่รอด โดยเฉพาะตำแหน่งที่ว่างก็คือตำแหน่งเจ้าคณะตำบลท่าขนุน เขต ๒ ซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งวัดท่าขนุนเอง

โดยปกติแล้วเกณฑ์อย่างหนึ่งก็คือว่า เจ้าคณะตำบลต้องอยู่ในพื้นที่ตัวเอง จึงปฏิเสธไม่ได้ โดนเขาจับยัดจนได้ แล้วอีกส่วนหนึ่งก็คือว่า ปกติแล้วจะต้องเป็นรักษาการก่อน ๖ เดือน ลักษณะเหมือนกับทดลองงาน ถ้าเห็นสมควรถึงจะตั้งให้ แต่ปรากฏว่าอาตมาไม่ได้มีการทดลองงาน ตราตั้งมาเป็นตัวจริงไปเลย เขาอาจจะเห็นว่าของเก่าเคยเป็นมาแล้วก็ได้"

เถรี 09-04-2015 16:59

พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องการเรียนว่า "นึกถึงคำสอนของพระเดชพระคุณท่านเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ ท่านเคยเตือนมาตั้งแต่สมัยผมเรียนบาลีอยู่ ท่านบอกว่า “ท่านเล็ก เรื่องการเรียนอย่าทิ้งสมาธินะ ถ้าทิ้งเมื่อไรจะท้อ” เห็นชัด ๆ เลยว่า ถ้าสมาธิไม่ดีนี่ไปเลย เพราะอาตมาวัดตัวเองอยู่ตลอด

ท่านอาจารย์สั่งแก้วิทยานิพนธ์ แก้แล้วแก้อีก แก้แต่ละครั้งหน้าตาไม่ได้เหมือนเดิมเลย เรามีหงุดหงิดไหม ? มีเครียดไหม ? ต้องวัดตัวเองอยู่ตลอด วัดไปวัดมายังยิ้มได้อยู่ อาการยังไม่หนัก แต่ประเภทถึงเวลาโทรมา “อาจารย์..ผมไม่เรียนแล้ว..ผมลาออก” นั่นแสดงว่ารับแรงกดดันไม่ได้

ตอนนี้วัดท่าขนุนเลยไม่มีรองเจ้าอาวาส ไม่มีผู้ช่วยเจ้าอาวาส หมดสิ้นซากไปเลย ตั้งรองเจ้าอาวาสไว้ ๑ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสไว้ ๖ ไม่เหลือเลย รองเจ้าอาวาสกับผู้ช่วยเจ้าอาวาสจะพ้นตำแหน่งก็เมื่อ ๑.ให้ออก ๒.ไล่ออก ๓.ปลดออก ๔.มรณภาพ ๕.ลาออก ๖.ไปรับตำแหน่งที่อื่น ให้ออก ไล่ออก ปลดออกต้องผิดจริยาพระสังฆาธิการร้ายแรง ถ้าลาออกอยู่ในดุลพินิจ พ้นตำแหน่งเพราะมรณภาพนี่บังคับไม่ได้ ท่านตายแล้วก็ต้องให้ท่านตายไป"

เถรี 09-04-2015 17:14

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของการเรียน อาตมาเห็นเป็นของสนุก ก็คือเรียนเท่าไรก็ได้ความรู้เท่านั้น แต่คนอื่นรู้สึกว่าจะเครียดกับพวกตำรา

สมัยเรียนปริญญาตรี วิธีการเรียนของอาตมาก็คือ ทวนของเก่าว่าอาจารย์สอนไปถึงไหน ตั้งใจฟังในห้อง สรุปให้ได้ว่าวันนี้อาจารย์พูดถึงหัวข้ออะไร ในเมื่อได้หัวข้อใหญ่แล้ว หัวข้อย่อยคืออะไร จะจดอยู่แค่นั้น ส่วนรายละเอียดใช้วิธีจำเอา เมื่อจดเสร็จ เอามาลอกลงสมุดอีกครั้งหนึ่ง เท่ากับได้ทวนอีกรอบ แล้วก่อนสอบก็จะทำสรุปไว้อ่านทบทวน

มีอยู่วันหนึ่งท่านอาจารย์สุรวัฒน์ ทองเกลี้ยง กำลังตรวจข้อสอบอยู่ อาตมาเดินผ่านไปพอดี จึงถามท่านว่า “ขออภัยครับท่านอาจารย์ ผมได้เท่าไรครับ ?” ท่านอาจารย์ก็ถามว่าเลขที่เท่าไร พอแจ้งเลขที่ไปท่านก็ไปพลิกดู “เต็ม...เก่งนี่ครับ” เรียนท่านว่า "เป็นวิชาที่ผมอ่านน้อยที่สุดเลย อ่านแค่ ๒๐ เที่ยวเท่านั้นเอง" เด็กสมัยนี้อ่านได้สักเที่ยวหนึ่งไหม ?

เพราะฉะนั้น..ที่เด็กสมัยนี้เขาทึ่งว่าหลวงพ่อทำคะแนนเต็มร้อยได้อย่างไร บอกว่าไม่ต้องสงสัยเลย อ่านหนังสือต่างกันขนาดนี้"

เถรี 09-04-2015 17:19

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมเด็จองค์ปฐมลอยองค์ ช่างณุบอกว่าจะเสร็จภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ ทั้งเนื้อชุบทองและเนื้อเงิน ค่าแรงค่าวัสดุทั้งสิ้น ๑,๑๖๕,๐๐๐ บาท โยมไม่ต้องตกใจ อาตมามีจ่าย แต่ว่าเนื้อทองคำ ๑๐๐ องค์ช่างณุทำถวายฟรี ๆ คือไม่คิดค่าแรง แต่อาตมาต้องจ่ายค่าทองเอง ถ้าทำถวายฟรีโดยไม่จ่ายค่าทองจะน่ารักกว่านี้มาก หนักองค์ละเกือบ ๒ บาท

ตอนช่วงนี้พวกบรรดาช่างและโรงงานทำวัตถุมงคล อยากทำวัตถุมงคลของวัดท่าขนุน เพราะว่าทำให้ทางโรงงานหรือทางช่างมีชื่อเสียง วัตถุมงคลของวัดออกมาหมดเกลี้ยงไม่มีเหลือเลย ซึ่งในส่วนนี้เป็นส่วนที่เขาสามารถเอาไปโฆษณาโรงงานของตัวเองได้ เพราะของที่อื่นส่วนใหญ่ทำมาแล้ว ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะออกได้หมด แต่ของวัดท่าขนุนส่วนใหญ่ทำยังไม่ทันจะเสร็จ ก็จองหมดไปแล้ว"


ถาม : เนื้อเงินไม่ทำเพิ่มหรือคะ ?
ตอบ : เนื้ออะไรก็ไม่ทำเพิ่ม "ท่าน" สั่งแค่ไหนก็ทำได้แค่นั้น อาตมาเป็นคนที่ไม่ชอบต่อรอง เพราะเกรงใจ..บาทาหลวงพ่อท่านใหญ่ เดี๋ยวโดนท่านเหยียบแบน..!

เถรี 09-04-2015 17:24

พระอาจารย์กล่าวว่า "ธนบัตรที่ระลึก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวโรกาส..ทำไมใช้ฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ แล้วถ้าเกิดรัฐบาลไม่จัดงานฉลองให้นี่ไม่แย่หรือ ? ต้องบอกว่าทำความดีแล้วมีคนเห็น งานจัดฉลองกันใหญ่ พอ ๆ กับงานสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ที่ฉลองครบรอบสำคัญ ๗๒ ปี ๘๐ ปีประมาณนั้น

ของฆราวาสที่เห็นก็มีคุณแสงชัย สุนทรวัฒน์ ตอนงานเผาคนแห่ไปเป็นแสนเลย นั่นทำความดีมาทั้งชีวิต เพียงแต่ขัดผลประโยชน์จึงโดนสั่งฆ่า คนเราตราบใดที่ยังเอาผลประโยชน์ของตัวเองเป็นใหญ่ ประเทศชาติก็เจริญยาก คนทำเพื่อประเทศชาติ แต่ไปขัดผลประโยชน์เขา ยังโดนสั่งฆ่าเลย"

เถรี 10-04-2015 13:17

ถาม : เวลามีคนถามถึงความหมายคำว่าบุญ เรานิยามด้วยบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จะว่าอย่างนั้นก็ได้ แต่ว่าบุญคือความดี โดยเฉพาะความดีในบุญกิริยาวัตถุทั้ง ๑๐ ประการ เป็นสิ่งที่ทำแล้วทุกคนสรรเสริญ มีความเห็นร่วมกันว่าเป็นของดีแท้ ถ้าเราระบุตรงนี้ไม่ได้ คนเขายังขัดคอได้ ก็ไม่น่าจะใช่บุญแท้

ถาม : คำว่า บุญ กับ กุศล ต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : กุศลจริง ๆ เขาหมายถึงความฉลาด เป็นความฉลาดในการทำความดี คนก็เลยมักจะเรียกรวมกันว่าบุญกุศล เพราะว่าเป็นเรื่องของความดีทั้งคู่ แต่อยากจะบอกว่าบุญคือความดีที่เราทำ กุศลคือผลดีที่เราได้จากการกระทำนั้น ถ้าแยกอย่างนี้จะชัดกว่า

ถาม : ขอให้ช่วยยกตัวอย่างหน่อยครับ ?
ตอบ : อย่างเช่นว่า บุคคลคนหนึ่งตั้งใจทำความดีมาตลอดชีวิต ผลของความดีก็ส่งให้เขาเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงเกียรติยศ เป็นที่เคารพนับถือและเชื่อถือของคนอื่น เพราะฉะนั้น..ส่วนที่เขาทำก็คือบุญ เมื่อบุญที่เขาทำส่งผลให้ ส่วนนั้นเรียกว่ากุศล

แต่โดยวิสัยของคนเราแล้ว ต้องบอกว่าไม่ค่อยจะยินดีกับความดีคนอื่น ยกเว้นว่าสิ่งนั้นเป็นของดีจริงดีแท้ ขนาดทำสิ่งที่ดีจริงดีแท้ ยังถูกคนสงสัยว่าทำเอาหน้าหรือเปล่า ? แต่อย่าถึงขนาดผันเงินของสหกรณ์ไปทำบุญเลย เดี๋ยวจะไม่ได้ประกันตัว..!

เถรี 10-04-2015 13:33

ถาม : สิ่งเล็กน้อย ๆ บางคนก็บอกว่าเป็นความดี ดังนั้นแต่ละคนก็ให้ไม่เท่ากัน ?
ตอบ : เขามองคนละอย่างกัน อย่างเช่นพวกเราไปทำสังฆทาน วิหารทาน ธรรมทาน เขาก็ถามว่าทำไมไม่ไปเลี้ยงเด็กกำพร้าเล่า ? ทำไมไม่ไปช่วยคนยากจนในถิ่นทุรกันดาร ? เพราะฉะนั้น..อยู่ที่กำลังใจของเขา แต่ถ้าเรารู้จักสังเกตก็จะเห็นว่า สิ่งที่เขาว่ามาว่าเป็นความดีของเขาก็อยู่ในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ หมวดทาน ไม่ได้เกินไปจากนั้นหรอก

การปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับกำลังใจของเรา กำลังใจสูงก็ตีความได้สูง กำลังใจต่ำก็ตีความได้ต่ำ


ถาม : ทำอย่างไรจะทำให้กำลังใจสูง ?
ตอบ : ไม่ต้องไปกังวลถึงตรงนั้น เรามีหน้าที่ทำอย่างเดียว ถ้าละเอียดขึ้นก็จะเข้าถึงได้มากขึ้นเอง

ถาม : บางทีรู้สึกเหมือนถอยหลังค่ะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าถอยหลังก็รีบขึ้นหน้า รู้ตัวแล้วนี่

เถรี 10-04-2015 13:37

ถาม : คิดไม่ตก ?
ตอบ : ถ้าคิดไม่ตกแล้วก็เหมือนกับแบกโลกเอาไว้ เหนื่อยอย่าบอกใครเลย

ถาม : แก้ตนเองไม่ได้ แล้วไปแก้คนอื่น ?
ตอบ : ไม่มีใครแก้คนอื่นได้ เพราะคนอื่นก็คือโลก ไม่มีใครแบกโลกไหวหรอก ดูที่ตัว แก้ที่ตัว ถ้าตัวเราดี เดี๋ยวคนรอบข้างก็ดีตามไปเอง

เถรี 10-04-2015 17:54

พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกเราส่วนหนึ่งกลัวว่าจะดำ อาตมาเองขนาดเป็นลูกเจ๊กแท้ ๆ ยังตากแดดจนดำเลย ไปกลัวอะไรกับแดด ถ้าคนไหนขาว ๆ นี่จำไว้เลยว่าเอาตัวไม่รอดหรอก เข้าป่าอดตายแน่..!

ที่อาตมาดำจนเหมือนกับคนละคนกับสมัยก่อน ก็เพราะว่าไปโดนหนักตอนช่วงเป็นทหาร ขนาดผิวลอกเป็นแผ่น ๆ เลย รู้สึกหูคัน ๆ ลองจับดู หนังกรอบหลุดออกมาเป็นแผ่นเลย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจหรอก

ตอนหล่อพระที่อาตมาบอกว่าไปแบกฟืน แผลเพิ่งจะหาย เวลาทำงานมัวไปห่วงหล่อห่วงสวยอยู่ก็ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี ไปนึกถึงรุ่นพี่สาวสมัยก่อนเขาก็พันผ้าเป็นไอ้โม่งเหมือนกัน และใส่งอบ พูดถึงงอบสมัยนี้ไม่เจอเลย สมัยนั้นจะมีหมวกกุยเล้ยของจีนกับงอบ กุยเล้ยนี่โยมแม่ของอาตมาสานเองได้ เก็บใบไผ่ใบใหญ่ ๆ มาค่อย ๆ สอดทีละใบ ๆ จนแน่นฝนไม่รั่วเลย

งอบต้องบอกว่าเป็นภูมิปัญญาของไทยเรา เพราะว่าตัวรังงอบระบายอากาศได้ดี ที่แน่ ๆ ก็คือกลายเป็นของที่ระลึกที่วิเศษมาก ฝรั่งชอบซื้อ สมัยนี้น่าจะเหลือแต่ขายเป็นของที่ระลึกแล้ว เพราะว่าชาวนาเขาไม่ได้หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินแล้ว ส่วนใหญ่อาศัยควายเหล็ก อาศัยรถดำ รถเกี่ยว รถหว่าน สมัยก่อนเขาต้องไถดะ ไถแปร ตีโคลน กว่าจะหว่านได้ ต้องบอกว่าบรรพบุรุษของเราลำบากลำบนมามาก เป็นกระดูกสันหลังของชาติจริง ๆ"

เถรี 11-04-2015 19:16

ถาม : เวลาใช้มโนมยิทธิเต็มกำลังขึ้นไปข้างบน ทำอย่างไรจะเห็นให้ชัดเจนครับ มองเทวดาไม่เห็นครับ ?
ตอบ : ใช้วิธีพิจารณาวิปัสสนาญาณ ให้เห็นชัด ๆ ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเราแล้วขึ้นไปใหม่ ถ้าไม่พิจารณาขึ้นไปแล้วกำลังไม่มั่นคงพอ มักจะเห็นแค่มัว ๆ ถ้าทำอย่างไรก็ไม่ชัด ให้กราบขอบารมีพระพุทธเจ้า ขอให้เห็นได้ชัดเจนแจ่มใสด้วย

ถาม : ทำไมขึ้นไปแล้วจึงโดนถีบให้ลงมา ?
ตอบ : บางทีเราขึ้นไปแล้วล้นมาก ท่านก็เลยช่วยยันให้ด้วยความรักและเมตตา..!

เถรี 11-04-2015 19:24

ถาม : ผมฝึกและศึกษาเพื่อความเป็นพุทธภูมิ ถึงเวลาที่จะควรต้องปรับความรู้ด้วยไหมครับ ?
ตอบ : ศึกษาและปฏิบัติไป ถ้าเข้าถึงจริง ๆ จะเกิดความแตกฉานขึ้นมาเอง

ถาม : ต้องเข้มข้น ศึกษาศาสตร์ต่าง ๆ ไหมครับ ?
ตอบ : เสียเวลา พระไตรปิฎกเล่มเดียวคุณก็ศึกษาไปหลายชาติแล้ว

เถรี 12-04-2015 15:38

ถาม : ตัวปฏิฆะแก้ยาก ?
ตอบ : เหตุที่ยากเพราะสติ สมาธิ ของเราไม่ดีพอ ถ้าสติดีพอจะรู้ตัวเร็วว่าเหตุการณ์ใด ๆ จะเกิดขึ้น ทันทีที่กระทบเราจะได้ระงับยับยั้งทัน ระงับยับยั้งด้วยอะไร ? ด้วยกำลังของสมาธิ เพราะฉะนั้น..ถ้าสติสมาธิไม่พอ คุณต้องภาวนาอย่างเดียวเลย


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:25


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว