กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   อีหรอบเดียวกัน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=61)
-   -   อีหรอบเดียวกัน ตอนที่ ๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5632)

สุธรรม 20-06-2017 13:37

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1497940466
ร้านอาหารไทยในกรุงปารีส

เดินย้อนกลับไปทางเดิม คิดว่าจะไป “สร้างหนี้ใหม่” ด้วยการให้เงิน “ตาลุง” นั่นสักหน่อย ถึงไม่มีกรรมสัมพันธ์มาก็สร้างบุญสัมพันธ์เสียใหม่ แต่..ไปถึงมีแต่ป้ายรถเมล์ว่างเปล่า เออหนอ... องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า “การที่คนเราได้มาเจอกันในชาตินี้ ในอดีตไม่มีความสัมพันธ์กันมานั้นไม่มี” แต่การเจอ “ตาลุง” แบบนี้ แสดงว่าในอดีตเป็นแค่คนเคยเห็นหน้ากันมาเท่านั้น ทำให้เหมือนกับ “บุญมีแต่กรรมบัง” ขนาดตั้งใจมาหาอย่างนี้ยังไม่ได้เจอ ถ้าไม่ถึงกับ “ดวงแตก” มากนัก ชาตินี้เราอาจจะได้เจอกันอีกสักครั้งนะลุงนะ...

ไหน ๆ ก็มาแล้ว จึงทนเจ็บสะโพกเดินถ่ายรูปไปเรื่อยเปื่อย ไปเจอร้านอาหารไทยเข้า เป็นร้านในตึกแถวสวย ๆ บริเวณนั้นแหละ แต่ตอนนี้ปิดอยู่ บริเวณหน้าร้านทำเป็นกันสาดผ้าใบสีแดง ยื่นออกมาคลุมประตูกระจกเอาไว้ ที่ข้างกันสาดเขียนว่า RESTAURANT THAILANDAIS อีกบรรทัดคือ SALON DE THE ซึ่งน่าจะเป็นร้านน้ำชาอีกด้วย มีตราซึ่งออกแบบโดยใช้ตัว T ใหญ่ตัวเดียว ต่อด้วย hai ซ้อนกัน อ่านได้ความว่า Thai Thai น่าเสียดายที่ร้านปิดเงียบ อาจจะเป็นเพราะยังไม่มีลูกค้า หรือเป็นวันหยุดก็ไม่รู้ ?

มีหนุ่มวัยรุ่นเรียกขอถ่ายรูปด้วย พออาตมาอนุญาตกลับเรียกคนที่เดินผ่านไปผ่านมาช่วยถ่ายให้ ได้พ่อหนุ่มผิวหมึกเป็นตากล้องจำเป็น เสร็จแล้วอาตมาเดินกลับไปที่ป้ายรถเมล์ ซึ่งตอนนี้มีคนนั่งอยู่สองคน นั่งลงที่ริมสุดติดผนังใส หยิบเอาสมุดบันทึกออกมาเขียนบันทึกประจำวัน เพิ่งจะเขียนไปได้หน่อยเดียว หญิงสาวที่นั่งอยู่อีกด้านก็ล้วงเอาบุหรี่ออกมาจุดสูบ ทำเอาอาตมาต้องลุกเดินหนีควันบุหรี่ ข้ามถนนกลับไปที่ร้านลาฟาเย็ตต์ ที่ด้านข้างประตูกระจกมีขั้นเหมือนกับบันไดอยู่สองขั้น ด้านบนกว้างทีเดียว น่าจะเป็นบริเวณโชว์สินค้าที่เคยกั้นเป็นห้องกระจก แต่ตอนนี้เลิกใช้งาน จึงมีคนจีนกลุ่มหนึ่งยึดเป็นที่นั่งพัก กินขนมและดื่มน้ำกันอยู่ตรงนี้...

สุธรรม 21-06-2017 01:49

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1497984349
ขนาดตึกแถวยังสวยไปหมด แล้วจะเขียนรายงานอย่างไร ?

เห็นด้านบนที่กว้างมากยังไม่มีใครนั่ง “ปู้ห่าวอี้ซือ” อาตมากล่าวขอโทษแล้วเดินแหวกขึ้นไปนั่ง พิงผนังได้ก็เข้าสู่สมาธิในพริบตา เพื่อระงับอาการปวดตุบ ๆ ที่สะโพกของตน จึงไม่ได้สนใจสายตาที่มองแปลก ๆ ของบรรดาพี่น้องชาวจีน กำหนดใจนิ่งอยู่พักใหญ่ รู้สึกว่ามีคนมานั่งข้าง ๆ จึงลืมตาขึ้นมาดู เห็นเป็นพระครูปรีชากับท่านไพฑูรย์ จึงส่งเสียงแหบ ๆ ถามว่าไปถึงไหนมา ? ทั้งสองคนบอกว่าเดินวนอยู่รอบ ๆ แถวนี้แหละ แค่บรรดาตึกแถวอย่างเดียวก็ถ่ายรูปกันไม่รู้เบื่อแล้ว ท่านไพฑูรย์พูดเหมือนกับรำพึงกับตัวเองว่า “มีแต่ของน่าสนใจสวยงามมากมายอย่างนี้ ต้องไปเขียนสรุปการดูงานหนาเป็นเล่มเลยมั้ง ?”...

“เอาอย่างนี้สิครับ สรุปไปสั้น ๆ ว่า ถ้าเรารักษาของเก่าจนขายได้แบบอิตาลี รักษาธรรมชาติจนขายได้เหมือนกับสวิส สร้างแบรนด์จนขายได้เหมือนกับฝรั่งเศส ก็น่าจะเพียงพอแล้ว” อาตมา “ไกด์ไลน์” ให้เพื่อนตามความเคยชิน ทั้งที่ไม่มีเสียงจะพูด “พูดน่ะง่าย...อีตอนเขียนคงต้องอดตาหลับขับตานอนกันอีกนาน” อาตมาส่งน้ำดื่มไปให้ ทั้งสองแบ่งกันซดจนเกลี้ยง เมื่อคิดว่าเรากำลังรอรถเพื่อไปยังที่พัก จึงไม่คิดที่จะไปเติมน้ำใหม่ เพื่อน ๆ เริ่มทยอยกันออกมา เมื่อเห็นว่ามีคน “ยึดหัวหาด” ไว้ให้ ก็ลุยเข้ามากองรวมกันเป็นกระจุก ในที่สุดบรรดานักท่องเที่ยวจีนก็สู้กำลังของเหล่า “ไต้ซือ” ไม่ได้ ต้องถอนสมอออกไปจากบริเวณนี้จนหมด เหลือแต่พวกเราล้วน ๆ...

รออยู่เกือบชั่วโมงอาตมาจึงนับพวกเราแก้เซ็ง รวมแล้วได้แค่ ๑๘ รูป ขาดใครไปบ้างวะ ? “ขาดพระครูกล้า พระครูญาณฯ พระครูโจ กับหลวงพ่อท่ายาง” องปลัดที่มองอยู่ก่อนแล้วบอกมาโดยไม่ต้องถาม “ท่านหายไปไหนกัน ?” อีกฝ่ายแถลงอย่างคล่องแคล่วไม่เหมือนตอน “พรีเซนต์” งานหน้าห้องว่า “ให้โอ๋พาขึ้นไปถ่ายรูปบนชั้น ๗ เห็นบอกว่ามาทั้งทีก็อยากได้เห็นวิวเมืองปารีสด้วย” สรุปว่าการถ่ายวิวเมืองปารีส ทำเอาพวกเรานั่งรอจนตูดด้าน กว่าพ่อเจ้าประคุณทั้งหลายจะมาถึง “กล้าอีกแล้ว” เสียงพระครูวิสุทธฯ แซวเมื่อเห็นหน้า แต่อย่าหวังว่าพวกจะสะดุ้งสะเทือน มีแต่หลวงพ่อพระครูญาที่รู้ว่าพรรคพวกรอนาน เลยตีหน้าปูเลี่ยน ๆ เนื่องจาก “ติดหลังแห” ไปด้วย...

สุธรรม 21-06-2017 14:55

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1498031497
ไข้จับจนมึนไปหมด มาถึงโรงแรมได้อย่างไรก็ไม่รู้ ?

มัคคุเทศก์รูปหล่อพาพวกเราเดินย้อนเส้นทางเดิมที่นั่งรถมา เพื่อกลับไปยังจุดที่อนุญาตให้จอดรถรับคนได้ แหม..ตอนยกขบวนเดินข้ามถนนนี่เป็นเป้าสายตาดีแท้ ทั้งกล้องทั้งโทรศัพท์มือถือยื่นมากันให้ว่อน ขนาดในรถที่จอดให้พวกเราข้ามถนนก็ยังมีมือถือยื่นออกมาด้วย ทั้งถ่ายภาพนิ่งและถ่ายคลิปวิดีโอ หวังว่าคงไม่ไปโพสต์ลงยูทูบแล้วให้คำบรรยายว่า “พระวัดเส้าหลิน เดินขบวนประท้วงรัฐบาลฝรั่งเศส” อะไรประมาณนี้ “ที่น่าจะเป็นไปได้มากกว่าคงจะเป็น “แฟชั่นใหม่อินเทรนด์ในกรุงปารีส” มากกว่าครับ” มัคคุเทศก์ล่องหนเล่นด้วย...

พรรคพวกเดินช็อปปิ้งกันจนหมดแรง หรือว่าอาตมาทั้งที่ขาเจ็บแล้วยังเดินเร็วก็ไม่รู้ ? จึงเดินนำหน้าเพื่อน ๆ ไปหลายคน เมื่อเป็นดังนั้นจึงหยุดนั่งบนม้านั่งสาธารณะกลางสะพาน ให้ “หญิงใหญ่” ช่วยถ่ายรูปกับศาลาว่าการกรุงปารีส แล้วยังเดินแซงไปได้อีก “หลายท่านอายุมากกว่าท่าน อีกหลายท่านที่อายุน้อยกว่าแต่ก็แข็งแรงน้อยกว่าท่านครับ” ได้ยินแล้วจะภูมิใจดีไหมนี่ ? ตอนนี้อาการไข้มาลาเรียเริ่มขึ้นสมองตุบ ๆ แล้ว เลี้ยวขวาเลาะไปตามถนนริมแม่น้ำ ถ่ายรูปไปเรื่อยจนมาถึงสี่แยกข้างศาลาว่าการกรุงปารีส ก็ยกขบวนข้ามถนนทีเดียวสองแยกเลย พลขับเอารถมาจอดอยู่ข้างถนนหลังศาลาว่าการ พวกเราที่เข้าใจสภาพการจราจรดี จึงรีบขึ้นรถกันโดยเร็ว...

ขึ้นรถมาเรียบร้อยท่านอาจารย์ ดร.พิเชฐก็ส่งไมโครโฟนให้กับท่านประธานรุ่น เพื่อนำทำวัตรค่ำ ขณะที่นายสันโดษนำรถออก และอาตมาเข้าสู่สมาธิอย่างแนบแน่นเพื่อหนีความเจ็บสะโพก มารู้ตัวอีกทีเสียงมัคคุเทศก์รูปหล่อประกาศว่า “ถึงที่พักแล้วครับ” ปรากฏว่าเป็นโรงแรมชื่อ Holiday Inn เพราะว่าป้ายนีออนสีเขียวใสอยู่ในระดับสายตาพอดี หอบกระเป๋าสะพายลงจากรถแบบมึน ๆ นั่งบื้ออยู่ที่เก้าอี้รับแขกเพราะอาการไข้มาลาเรียกำลังขึ้นเต็มที่ จนกระทั่งรับบัตรกุญแจหมายเลข ๓๑๐ มา แล้วเดินตามพรรคพวกไปสู่ห้องได้อย่างไรก็ไม่รู้ ? จำได้แค่ว่าสรงน้ำร้อนแบบลวก ๆ ขอยาแก้ไข้จากคุณโอเล่ที่มาแจกน้ำปานะฉันลงไป แล้วนอนฟิวส์ขาดไปเลย...


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:04


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว