กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4305)

เถรี 10-01-2015 18:26

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนที่ผ่านการฝึกในรั้วในวังมา ไม่ว่าจะเป็นคำพูดคำจา อากัปกิริยาอะไร ล้วนแล้วแต่บอกถึงความเป็นผู้ดี อย่างที่เล่าว่าเคยเจอคุณยายคนหนึ่ง พูดจา "เจ้าคะ เจ้าขา" ตลอด พูดเป็นธรรมชาติมาก ๆ เลย ไม่ใช่ดัดจริตนะ พูดแบบธรรมชาติแบบเป็นตัวคุณยายเองเลย

คุณยายทำขนมขาย สมัยเป็นฆราวาสอาตมาก็ชอบซื้อ
ที่ซื้อนี่ไม่ได้อยากกินขนมหรอก..ชอบคุยกับยาย มารู้ทีหลังว่าแกเคยทำงานอยู่ในวัง พอแต่งงานแล้วก็ขอเกษียณตัวเองออกมา ถูกฝึกเสียจนติดเป็นนิสัยไปแล้ว

อย่างหลวงปู่สายก็เหมือนกัน หลวงปู่สายท่านเกิดในวังบ้านดอกไม้ของเสด็จในกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เพราะว่าโยมแม่เป็นนางกำนัลอยู่ในวัง หลวงปู่สายก็ได้รับการอบรมมา การทำงานทุกอย่างของท่านจะเรียบร้อยมาก ขนาดเงินโยมถวายสังฆทานมา หลวงปู่นั่งนับจับธนบัตรรีดทุกใบเลย ใบไหนมีมุมพับหลวงปู่รีดตรงหมด ไม่มีให้พับแม้แต่ใบเดียว ผู้ชายโบราณถ้าผ่านการฝึกมาลักษณะนั้นจะเรียบร้อยมาก

แม้กระทั่งหลวงปู่เจ้าคุณนรฯ ดูรูปท่านนั่งพับเพียบสิ ผู้หญิงยังนั่งไม่ได้เลย นั่งพับเพียบเรียบร้อยมาก ทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ชาย ท่านเป็นมหาดเล็กในพระองค์ของในหลวงรัชกาลที่ ๖ ตอนที่ท่านนั่งชุนสนับเพลาถวายรัชกาลที่ ๖ ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์มีนิสัยชอบกวนผู้ใหญ่ ก็เข้าไปถามว่า “เจ้าคุณนั่งเย็บกางเกงอยู่หรือ ?” ท่านบอกว่า “นี่สนับเพลาในหลวง เอ็งกราบเสียดี ๆ” เจอแบบนี้ท่านอาจารย์คึกฤทธิ์เลยต้องกราบ

ตอนแรกท่านอาจารย์คึกฤทธิ์คิดว่าเป็นกางเกงของหลวงปู่ ท่านชุนไปก็บ่นไป “ดู..ใครขออะไรก็ให้เขาหมด ทีตัวเองสนับเพลาต้องปะแล้วปะอีก” เวลาในหลวงพระราชทานบ้านให้หลวงปู่เจ้าคุณนรฯ ท่านจึงไม่รับ เพราะสงสารในหลวง ให้เขาจนหมด จนตัวเองไม่มีอะไร ขนาดกางเกงยังต้องปะแล้วปะอีก"

เถรี 10-01-2015 18:59

พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนนี้หลวงตาชลอเป็นพระครูสาครสิทธิวิมล เทียบผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นเอก ถือว่าเป็นพี่น้องออกจากวัดท่าซุงที่ได้ช้าไปหน่อย ทั้ง ๆ ที่ผลงานเยอะมาก เพราะว่าต้องรอจนกระทั่งวัดได้รับการตั้งเป็นวัดอย่างเป็นทางการ ส่วนตุ๊ป้อสิงห์ชีวิตนี้คงไม่ทัน เพราะวัดท่านยังอยู่ลักษณะสำนักสงฆ์อยู่เลย ต้องเป็นวัดมาตรฐานที่สำนักพุทธฯ รับรอง เป็นที่น่าเสียดาย ท่านก็ทำงานไว้เยอะ แต่ถ้าไปนึกถึงหลวงปู่หลวงพ่อสมัยเก่า ๆ ลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง อย่างหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก ไม่เห็นท่านจะเป็นอะไรเลย เพราะท่านไม่เอา"

ถาม : หลวงตาก็เล่าให้ฟังว่าไม่ได้อยากจะได้ตำแหน่งจากเจ้าคณะจังหวัด ?
ตอบ : เรื่องของการคณะสงฆ์ พอถึงเวลาถ้ามาถึงตัว ต่อให้ไม่คิดก็ต้องทำ เพราะไม่อย่างนั้นการบริหารงานคณะสงฆ์ก็ไปไม่ได้ ผู้บังคับบัญชาต้องเล็งว่าใครสามารถช่วยงานได้ จึงแต่งตั้งคนนั้น

ถาม : มีประโยชน์ในการดูแลปกครองสงฆ์อย่างถูกต้องด้วย ?
ตอบ : นั่นก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็คือว่า ในสายตาของคนจำนวนหนึ่ง เขาดูเรื่องยศเรื่องตำแหน่ง ในเมื่อเขาดูเรื่องยศเรื่องตำแหน่ง ก็เลยกลายเป็นว่าอย่างน้อย ๆ ก็ควรมีไว้ให้เขาเห็น อาตมาถึงได้ให้นโยบายบรรดาลูกศิษย์ไว้ว่า "ถ้าหากว่าได้มาก็รับไว้ ถ้าไม่ได้มาก็ไม่ต้องไปดิ้นรนไขว่คว้า"

เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ อาตมาพาท่านตั้มไปรับฐานานุกรมพระปลัด ของท่านเจ้าคุณพระวิสุทธิพงศ์เมธี พระผู้ใหญ่ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดรู้กันหมดว่า อาจารย์เล็กขอทีไรไม่เคยให้ตัวเอง ขอให้ลูกน้องหมด เดือนกุมภาพันธ์ก็ขอให้ท่านกอล์ฟอีก ๑ ตำแหน่ง ไปไถเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิรูปใหม่เอาไว้แล้ว

เถรี 10-01-2015 19:12

พระอาจารย์เล่าว่า "ถ้าหิมะตกที่ทองผาภูมิจะต้องลงที่ยอดเขาช้างเผือกก่อน เขาช้างเผือกสูงจากระดับน้ำทะเล ๑,๒๐๐ กว่าเมตร ส่วนทองผาภูมิสูง ๖๐๐ กว่าเมตรแล้ว ก็แปลว่าเขาช้างเผือกอุณหภูมิอย่างน้อยก็ต้องต่ำกว่าข้างล่าง ๒ องศาเซลเซียส

เหมือนอย่างที่เกาะพระฤๅษี อุณหภูมิต่ำกว่าข้างนอก ๔ องศาเซลเซียส ที่เกาะพระฤๅษีหนาวมากเพราะทองคำเยอะ เทวดาเอาไปยัดไว้ใต้โบสถ์เยอะเลย พวกแร่โลหะดูดความร้อนเร็ว คายความร้อนเร็ว คนไปอยู่ที่เกาะนี่บ่นทุกรายเลย ทำไมหนาวขนาดนั้น นอนกันอยู่บนกองเงินกองทองยังไม่รู้ตัวอีก..!"

เถรี 10-01-2015 20:13

พระอาจารย์เล่าว่า "คุณนิรัตน์ เลาหสุรโยธิน ก่อนนั้นเป็นผู้รับเหมาทำงานอยู่ที่วัดท่าซุง ทำสมเด็จคำข้าวสมเด็จหางหมากถวายหลวงพ่อเสร็จก็ไป เป็นคนแรก ๆ เลยที่ช่วยออกความเห็นเกี่ยวกับการสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อ ให้อยู่ในลักษณะที่ลูกหลานต้องการ ได้ยินว่าแกไปเปิดร้านแดรี่ฮัทอยู่ริมถนนพหลโยธินแถว ๆ อ่างทอง แต่ก็ไม่เคยไปแวะไปกินสักที รู้จักกันมา ๓๐-๔๐ ปีแล้ว นั่นเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง อยู่ด้วยกันตั้งแต่สมัยอาตมายังไม่ได้บวช

ลูกศิษย์เก่า ๆ บางทีมาเจอกันจะมีวีรกรรมอะไรคุยกันเยอะ วันที่ ๓๑ ส่งท้ายปีเก่า คุณยายทองชุบพาหลานไป ๗-๘ คน เขาบอกว่า “๓๐ ปีพอดี เจอท่านครั้งสุดท้ายตอนพระองค์ที่ ๑๐” ก็เลยบอกยายว่า หลังจากนั้นอาตมาก็บวช คุณยายเขาใช้คำพูดว่า “ท่านดูไม่แปลกตาเลย” แสดงว่า ๓๐ ปีผ่านไปยังเหมือนเดิม ยกเว้นว่าได้แว่นมาอันหนึ่ง

อาตมามักจะเสียเปรียบบรรดาญาติโยมเพื่อนฝูงเสมอ เพราะว่าเป็นนักเรียนก็ผมสั้น เป็นทหารก็ผมสั้น เป็นพระก็ผมสั้น เขาเห็นปุ๊บก็จำได้ ด้วยความที่ยังอ้วนไม่ขึ้น ก็เลยทำให้เขาจำง่าย พออ้วนขึ้นมักจะจำกันไม่ค่อยได้ ต้องร้องเพลง "ต้องมีสักวัน ต้องมีสักวัน" เดี๋ยวต้องอ้วนจนได้แหละ

ไปนั่งปรกที่สำนักสงฆ์เจโตวิมุตติ พระครูยุคลธรณ์ ท่านอ้วนได้ขนาดนั้น แล้วคิดดู..ท่านอายุประมาณ ๓๐ กว่าอายุจะมาถึงอาตมาก็ยังอ้วนได้อีกเยอะ ของอาตมานี่หุ่นไม่น่าเชื่อถือ ถ้าจะอ้วนต้องอ้วนอยู่ตัวแบบหลวงพ่อวิชัย วัดถ้ำผาจม ไม่ขยับเลย อยู่ประมาณนั้น แต่ตอนหนุ่ม ๆ ท่านผอมนะ แต่พอท่านอ้วนแล้วอยู่ตัว ก็ประมาณนั้นมาตลอด

หลวงพ่อวิชัยนี่พอหลวงพ่อวัดท่าซุงสิ้นท่านมาถึงวัดเลย ถามว่าทำไมมาเร็ว ? ท่านบอกว่า หลวงพ่อไปหาเมื่อคืน บอกว่าจะไปแล้ว เลยรีบมา ปรากฏว่าไปจริง ๆ ด้วย จากเชียงรายวิ่งถึงอุทัยธานีเลย ทันรับศพพอดี"


ถาม : เคยไปกราบท่าน ท่านก็สอนไปตามสายของท่าน สักพักหนึ่งท่านมองหน้าแล้วเอ่ยถึงหลวงพ่อฤๅษี ?
ตอบ : พวกเราไปไหนนี่ครูบาอาจารย์ท่านมักจะไปด้วย คนที่รู้ก็ต้องเอ่ยถึง

เถรี 10-01-2015 20:19

ถาม : ตอนนี้เครียดหลายอย่าง ?
ตอบ : อย่าแบกมาก แบกมากแล้วเครียด บางทีคนอื่นก็เอาความเครียดมาแบ่งให้อาตมา ถึงได้บอกกับพระที่วัดท่านว่า คุณรู้ไหม..ผมบวชมาจนป่านนี้ ผมกลับบ้านครั้งเดียว ประมาณ ๑๕ นาทีเท่านั้น แล้วผมไม่เคยไปบ้านอีกเลย เพราะว่าไปทีไรจะมีคนเอาเรื่องมาให้ แล้วเราก็จะเครียดไปด้วย พอเครียดไปเครียดมา เดี๋ยวแบกมาเป็นงานของเราก็อยู่ไม่ได้ ต้องสึกอีก เตือนพระท่านให้รู้ เพราะท่านกลับบ้านไปแล้ว พอกลับวัดมาก็มานั่งเครียด ทางบ้านมักจะเอาปัญหามาหมกให้

เถรี 10-01-2015 20:21

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้หล่อพระ ๒ องค์ ก็คือหล่อสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๔ ศอกในศาลา เสร็จแล้วก็หล่อถวายสมเด็จพระเทพฯ เป็นสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๙.๙ นิ้ว ด้วยเนื้อเงินทั้งองค์ ก็เท่ากับได้ฉลองอายุ ๕๖ หล่อพระสำคัญ ๒ องค์

เป็นเรื่องอัศจรรย์ คนออกแบบที่ประดิษฐานพระองค์นี้โดยไม่ได้สั่ง เขาออกเผื่อเอาไว้ ก็เลยว่าจะสร้างสมเด็จองค์ปฐมถวายสมเด็จพระเทพฯ เพราะว่าที่มีอยู่ก็คือที่ประดิษฐานพระทองคำที่จะสร้าง แล้วก็พระที่ในหลวงรัชกาลที่ ๗ พระราชทานมา ๒ องค์ และหลวงพ่อพระแก้วน้อยกับหลวงพ่อนาก เขาเพิ่มมาให้อีกที่หนึ่งพอดีลงได้เลย"

เถรี 10-01-2015 20:29

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้เป็นปีของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี คาดว่าคงจะมีพระราชกรณียกิจแล้วก็รูปเก่า ๆ ออกมาเยอะ เก็บ ๆ เอาไว้หน่อยนะจ๊ะ

ตอนนี้พระองค์ท่านทำตัวเป็น "ป้า" เต็มที่เลย ไม่เสริม ไม่แต่ง อะไรกับใครทั้งนั้น ไปไหนยินดีเป็นคุณป้าเลย ใครเรียกป้าจะยิ้มชอบใจ ต้องบอกว่าคน ๆ หนึ่งเสียสละเพื่อส่วนรวมได้ขนาดนั้น ในหลวงท่านทำเป็นตัวอย่างก็จริง แต่ถ้าลูกไม่เอาก็ไม่มีใครว่าอะไร แต่พระองค์ท่านเอา เท่ากับแบกภาระของคนทั้งชาติ"

เถรี 11-01-2015 10:01

พระอาจารย์พูดถึงพระปิดตาเนื้อนวโลหะรุ่นแรก "ต่อให้สร้างพระปิดตาอีกกี่รุ่น อาตมาก็ไม่บ้าขนาดนั้นแล้ว เขาต้องการให้ใส่ทองแค่ ๙ บาท อาตมาใส่ไป ๑๐๐ บาท..! องค์ที่หัวช่อบางองค์นี่สีทองชัด ๆ เลย"

เถรี 11-01-2015 10:01

พระอาจารย์กล่าวว่า “หลวงพี่นิลท่านทำงานทุกอย่างประณีตมาก ทำแล้วเหมือนกับจะทำครั้งเดียวในชีวิต”

เถรี 11-01-2015 10:04

พระอาจารย์กล่าวว่า “งานสวดพระคาถาเงินล้านเมื่อวาน อาตมาไม่ได้ลงไปดูข้างล่าง เห็นว่าแม้กระทั่งห้องน้ำเขายังนั่งกันเลย มาได้เยอะกว่าที่คิด ต้องบอกว่าเยอะกว่างานทำบุญบ้าน งานทำบุญบ้านนี่พวกโรงทานมาก กินที่ไปเยอะ

ทางคุณชยาคมน์เห็นคนมาขนาดนั้นก็คงหายเหนื่อยไปเองแหละ สงสารแต่พวกสาว ๆ ชุดไทย เข้าชุดตั้งแต่กี่โมงก็ไม่รู้ ? แล้วชุดอย่างนั้นก็ไม่รู้จะเข้าห้องน้ำได้หรือเปล่า ? เข้าไม่ได้ใช่ไหม ? ต้องอั้นเอา ฉะนั้น..อย่าให้อาตมาต้องใส่แบบนั้นเลย เพราะต้องเข้าห้องน้ำบ่อย

เวลาแต่งชุดไทยแล้วก็ดูเรียบร้อยดี ชุดไทยมีไทยจักรี ไทยเรือนต้น ไทยบรมพิมาน ไทยจักรพรรดิ ลองไปหาในกูเกิ้ลดู ถ้าเป็นโบราณเขาเน้นสีตัดกัน นุ่งสีไหนห่มสีไหน อย่างเช่นว่านุ่งตองห่มจำปา ตัดกันให้ยุ่งไปหมด”

เถรี 11-01-2015 12:36

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในกระทู้บูชาวัตถุมงคลเพื่อร่วมหล่อพระพุทธรูปทองคำ ฉลอง ๖๐ ปีพระครูวิลาศกาญจนธรรม มีของที่คนมองข้าม อย่างหลวงพ่อวัดไร่ขิงลอยองค์ เขารู้หรือเปล่าว่าอาตมาเอาเข้ากรรมฐานนั่งเสกไปตั้ง ๑๐ วัน ? ปกติเคยเสกวัตถุมงคลไม่เกินชั่วโมงเท่านั้น"

เถรี 11-01-2015 12:47

พระอาจารย์กล่าวว่า “อาตมามีเวลาอีก ๓ เดือนจะต้องจบปริญญาเอก แต่ขอโทษเถอะ..ไม่มีเวลาแก้วิทยานิพนธ์เลย อาจารย์ท่านให้เพิ่มโน่นเพิ่มนี่ไปเรื่อย ขอสอบตั้งแต่ปลายปีที่แล้วก็ไม่ยอมให้สอบ บอกว่าเรียนยังไม่ครบ ๓ ปีจะรีบสอบไปไหน รุ่นพี่เพิ่งจบแค่คนเดียวเอง ตอนนี้คงเห็นว่าเข็นรุ่นพี่ไม่ไปแล้ว จะเอารุ่นน้องมาแซงหน้ารุ่นพี่ ให้รุ่นพี่ไล่ตามดูบ้าง

วิชาโลกเรียนเท่าไรก็ไม่จบ เรียนแล้วกว้างออกทะเลไปเรื่อย จบปริญญาเอกมาก็รู้แค่เรื่องเดียว เพราะปริญญาเอกเน้นเฉพาะสาขาวิชา รู้เรื่องเดียว เรื่องอื่นก็ไม่ได้รู้อะไรสักหน่อย ถ้าถามเรื่องที่ตรงสาขาวิชาแล้วแค่สามารถอธิบายได้มากกว่าคนอื่นเท่านั้น สรุปแล้วสู้วิชาพระพุทธเจ้าไม่ได้สักอย่าง

จริง ๆ แล้วถ้านับวิชาพระพุทธเจ้านี่ พวกโยคีที่อินเดียควรได้ปริญญาเอกกันทุกคน น่าจะเป็นพวกพาราไซโคโลจี หรือพวกปรจิตวิทยา “ปร” แปลว่าอื่น “อปร” แปลว่า อื่นอีก ท่องบาลีกันสนุกสนาน “ปรโลก” คือ โลกอื่น “ปรภพ” คือ ภพอื่น”

เถรี 11-01-2015 13:03

พระอาจารย์กล่าวว่า "อากาศที่ทองผาภูมิช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาทำเอาประสาทกิน วันนี้ ๑๔ องศาเซลเซียส พรุ่งนี้ ๒๐ องศาเซลเซียส วันมะรืน ๑๘ องศาเซลเซียส เล่นเอาอาตมาไข้จับตลอดทั้งอาทิตย์เลย

ที่ทองผาภูมิว่าเย็นแล้ว ที่เกาะพระฤๅษีจะเย็นกว่า ๔ องศาเสมอ ถ้าที่ทองผาภูมิ ๑๔ องศา เกาะพระฤๅษีจะเหลือแค่ ๑๐ สาเหตุที่เย็นจัดเพราะว่าเทวดาเขาเอาทองคำยัดไว้ใต้โบสถ์หลายตัน พวกแร่โลหะดูดความเย็นเร็ว ประเภทรวมตัวกันมาก ๆ เวลาร้อนดูดความร้อนเร็วก็ร้อนจัด เวลาเย็นคายความร้อนเร็วก็เย็นจัด ใครอยากได้ไปขุดเอาเองนะ แล้วมาแบ่งกันบ้าง

วันนั้นกำลังทำวัตรกันอยู่ มีพระ ๔-๕ รูป เสียงครืน ๆ โบสถ์ไหวทั้งหลังเลย อาตมาก็สงสัยว่าอะไร กำหนดใจดูเห็นเทวดา ๘ องค์ยืนล้อมโบสถ์อยู่ ถามว่ามาทำอะไร ? “เอาของมาฝากครับ” ๘ องค์ขนมาฝากไว้บาน เลยถามว่า “ฝากแล้วว่างงานใช่ไหม ? ช่วยหาสตางค์ให้ด้วย” แค่คิดค่าฝากเท่านั้น ทำหน้าแหะ ๆ กันทุกองค์

ทองพวกนี้ประเภทปีนี้อยู่นี่ ปีหน้าไม่รู้อยู่ที่ไหน เจ้าของเขาย้ายไปเรื่อย ถ้าที่ไหนปลอดภัยก็อยู่นานหน่อย ที่ย้ายเข้าวัดเพราะว่าพระดูแลอยู่ ชาวบ้านเขาไม่ไปยุ่งไปขุดในวัดอยู่แล้ว"


ถาม : ทองพวกนี้เป็นสมบัติของพระเจ้าจักรพรรดิหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จะว่าไปแล้วก็ใช่ทั้งนั้นแหละ ถือว่าเป็นทรัพย์แผ่นดิน ทรัพย์แผ่นดินนี่ถ้าสมัยไหนมีพระเจ้าจักรพรรดิ ก็เอาขึ้นมาใช้กันครึกครื้นไปเลย

ถาม : ของกลางหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ทรัพย์แผ่นดินเป็นของกลาง สำหรับผู้มีบุญ

เถรี 11-01-2015 14:02

ถาม : ผมเบื่อ ๆ เมื่อไรจะไปสักที พิจารณามาตั้งแต่ตอนบวช ตอนนี้ไม่เห็นเข้าใจเหมือนเดิมเลย ?
ตอบ : แสดงว่ารักษาเอาไว้ไม่ได้ ความเบื่อเป็นของดี แต่ต้องรักษาให้เป็น ก้าวพ้นไปได้ก็สบาย ถอยหลังลงมาก็เป็นหมาเหมือนเดิม นิพพิทาญาณไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นง่าย เกิดขึ้นแล้วส่วนใหญ่คนจะเบื่อสุด ๆ แล้วก็ผลักไสไปเรื่อย ความจริงแล้วต้องรักษาเอาไว้

รักษาอารมณ์ให้คงตัวเอาไว้ ถ้ามีโอกาสสัก ๓ วัน ๗ วัน พิจารณาไปเรื่อยว่า “ถึงเบื่ออย่างไรเราก็ยังมีชีวิตอยู่ ในเมื่อชีวิตนี้ถ้าตายลงไปแล้วเราไปพระนิพพาน ก็เป็นการตัดชาติตัดภพทั้งหมด ถ้านับการเวียนว่ายตายเกิดที่นับกัปไม่ถ้วน กับการดำรงชีวิตอยู่ไม่ถึงร้อยปีแล้วตาย ก็แค่ชั่วแวบเดียวเท่านั้น ทำไมเราจะอยู่ไม่ได้” สภาพจิตจะก้าวข้ามไป กลายเป็นสังขารุเปกขาญาณ จะเห็นว่าธรรมดา ช่างมัน ธรรมดาเป็นอย่างนั้น เห็นเด็กซนก็ธรรมดาเพราะเด็กต้องซน เห็นผู้ใหญ่ทะเลาะเบาะแว้งกันก็ธรรมดา คนไม่มีปัญญา ไม่รู้โทษก็เป็นอย่างนั้นแหละ พอปล่อยได้ เห็นอะไรเป็นธรรมดาหมดก็อยู่ได้อย่างสบาย กลายเป็นมีความสุข แต่ตอนแรกเบื่อจนอยากจะมุดดินหนี

นิพพิทาของอาตมาดันไปขึ้นกลางห้างพอดี ...(หัวเราะ)... กำลังเดินหอบของตามสาวอยู่ พาสาวไปช็อบปิ้ง เขามีหน้าที่ซื้อของ อาตมามีหน้าที่หอบของ ถุงหนึ่งก็แล้ว สองถุง สามถุง สี่ถุง แทบจะต้องเอาปากคาบยังไม่หยุดซื้ออีก อยู่ ๆ เกิดคำถามกับตัวเองว่า “นี่เอ็งกำลังทำอะไรอยู่ ? ทำไมเหลวไหลไร้สาระอย่างนี้” ความเบื่อพุ่งขึ้นสุดขีดเลยตอนนั้น ถ้าเป็นไปได้ก็คือดำดินหนีไปเลย คราวนี้ผู้หญิงเขาความรู้สึกไว หันขวับมาถามว่าเป็นอะไร ? “เป็นอะไรก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้เบื่อหน้าเธอฉิบหา..เลย” เขาก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้นก็กลับ

กลับไปอาตมาก็ “โหย..ทำไมเบื่ออย่างนี้” อยากจะหนีเข้าป่าไปเดี๋ยวนั้นเลย พยายามพิจารณาว่าจริง ๆ แล้ว อารมณ์อย่างนี้เป็นอารมณ์ที่เราต้องการ แล้วเราจะไปผลักไสไล่ส่งได้อย่างไร ก็พยายามประคับประคองไว้ไปเรื่อย ท้ายสุดก็มาสรุปลงตรงที่ว่า “ถ้าเอ็งยังเกิดอยู่ชีวิตก็น่าเบื่อหน่ายอย่างนี้แหละ แต่ถ้าเราตายไปพระนิพพานได้ ชาตินี้ดำรงชีวิตอยู่อย่างไรก็ไม่เกิน ๑๒๐ ปี เปรียบกับการเวียนว่ายตายเกิดนับกัปไม่ถ้วน ก็แค่แวบเดียวเท่านั้นเอง เหมือนอย่างกับหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้น ทำไมเราจะอยู่ให้ดีไม่ได้” พอคิดมาถึงตรงนี้สภาพจิตก็ปลดออกหมด เห็นอะไรเป็นธรรมดาหมด

ปกติจะเป็นคนเบื่ออะไรที่ได้มามาก ๆ เบื่อชนิดประกาศเลยว่า ถ้าเกิดใหม่นี่จะไม่ทำบุญอีกแล้ว ...(หัวเราะ)... เพราะทำแล้วได้เยอะ ในเมื่อเห็นธรรมดาก็ทน ๆ นั่งไป เป็นเนื้อนาบุญให้เขาหน่อย แปลงจากโลกียทรัพย์เป็นโลกุตรทรัพย์ เป็นอริยทรัพย์ให้กับเขาไป อาตมาเองเดี๋ยวก็หาทางไปให้คนอื่นเขาต่อ วัดอื่นมีที่เขาต้องการอีกตั้งเยอะตั้งแยะ

เถรี 12-01-2015 11:31

พระอาจารย์กล่าวถึงมีดหมอในหนังสือวัตถุมงคลว่า "ทำไมของเขาถึงได้ซกมกขนาดนั้น ยังสงสัยว่าชักออกจากฝักไหวหรือเปล่า ? ดูความต่างสิ..ทำไมคนอื่นเขาไม่ดูแลรักษากัน หรือว่าดูแลรักษากันไม่เป็น ?"

ถาม : บางทียังสงสัยว่าเป็นที่เหล็กต่างกันหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่..เหล็กชนิดเดียวกันนั่นแหละ เพียงแต่ต้องหมั่นเช็ดหมั่นถูไว้ โดยเฉพาะใครที่ได้มีดหมอเพชราวุธเนื้อนวโลหะไป ถ้าไม่เช็ดแค่ไม่กี่วันก็ดำปี๋แล้ว เพราะว่านวโลหะมีส่วนผสมของเงินมาก ออกไซด์ของเงินจะจับใบมีดทำให้ดำอยู่เรื่อย ต้องหมั่นเช็ดหมั่นถูทุกวัน แค่เอาผ้าแห้งเช็ด ๆ ถู ๆ เท่านั้นเอง ถ้าขึ้นมาก ๆ ก็ลงบรัสโซ ไม่กี่ทีก็เงาวับแล้ว แต่ถ้าลงบรัสโซบ่อย ๆ ก็ใบมีดบางหมด

เถรี 12-01-2015 12:36

ขณะที่พระอาจารย์กำลังเช็ดน้ำมันมีดบ้านจ่าตุ่มอยู่ ท่านก็ชักออกจากฝักแล้วเฉือนแขนของท่านเองให้ดู “ต้องเชื่อมั่นนะ ถ้าไม่เชื่อมั่นก็แหว่ง คุณเชื่อแล้วหรือยัง ? ถ้าเชื่อมั่น..ที่ไม่เหนียวก็พลอยเหนียวไปด้วย

ความจริงพวกคาถามหาอุตม์คงกระพันพวกนี้ จะเอาบทไหนก็ได้ สำคัญที่ว่ากำลังใจของเราเชื่อมั่นหรือเปล่า ? ต่อให้คาถาผิดก็เถอะ ถ้าเรามั่นใจว่าใช้ได้ก็ใช้ได้ อย่างคาถาของหลวงปู่ศุขที่ว่า "เฑาะว์รันตันโต สีละสมาธิฯ " สมัยนี้เขียนผิดกันทั้งนั้นแหละ มั่วไปหมด จาก “เฑาะว์” กลายเป็น "ท้อ" ไปบ้าง แต่ท้ออย่างไรก็ใช้ได้..ถ้ามั่นใจ”

เถรี 12-01-2015 12:37

พระอาจารย์กล่าวว่า “พวกคาถามหาอุตม์เขาต้องการแค่อุปจารสมาธิต้น ๆ เท่านั้นเอง แต่สำคัญตรงที่ว่าต้องรักษาระดับเอาไว้ให้ได้ อย่าถอย..เห็นของมีคมแล้วอย่าใจหายแวบ ถ้าใจหายแวบก็เสร็จ”

เถรี 12-01-2015 12:46

พระอาจารย์กล่าวว่า “เป็นอาจารย์เล็กนี่น่าสงสาร รับเงินทีละเยอะ ๆ แต่ตัวเองไม่ค่อยจะมีใช้หรอก แบบเดียวกับหลวงพ่อวัดท่าซุง วันหนึ่งอยู่ ๆ ท่านก็นั่งหัวเราะ กราบเรียนถามท่านว่าอะไรครับ ? ท่านบอกว่า “เอ็งดูสิ..ข้าสร้างวัดจนใหญ่ปานนี้ ก็มีที่นั่งแค่นี้แหละ” ท่านคงนึกขำ ๆ เหมือนกัน สร้างไว้ใหญ่โตขนาดนั้น ที่มีนั่งแค่หน่อยเดียวเอง”

เถรี 12-01-2015 12:59

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครมีธนบัตรใบละ ๕๐ บาท ที่เป็นรุ่นกาญจนาภิเษกให้เก็บ ๆ ไว้บ้างเพราะว่าเขาเลิกผลิตไปแล้ว และใบละร้อยบาท เคยสังเกตกันหรือเปล่าว่าปกติจะเป็นรูปในหลวงรัชกาลที่ ๕ แต่ว่ามีใบละร้อยรุ่นใหม่ที่เป็นรูปสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ตอน ๖๐ พรรษา ถ้าเคยเห็นก็เก็บไว้บ้าง แสดงว่าไม่ค่อยจะสังเกตกัน"

เถรี 12-01-2015 14:46

ถาม : มีหลายครั้งที่เห็นตามสภาพความเป็นจริง ?
ตอบ : จะค่อย ๆ เห็นลึกไปเรื่อย ๆ บางทีเราคิดว่าใช่แล้ว ที่ไหนได้..มีที่ใช่กว่านั้นอีก อย่าเพิ่งไปยึดมั่นถือมั่น

ถาม : เพราะ ?
ตอบ : เดี๋ยวจะกลายเป็นเอาแสงหิ่งห้อยไปประชันกับพระจันทร์วันเพ็ญ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:13


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว