กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5360)

เถรี 10-01-2017 17:17

พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณชยาคมน์เป็นคนมีความสม่ำเสมอมาก เฉพาะเรื่องของบ้านเติมบุญนี้ทุ่มเทมาหลายเดือน ต้องบอกว่าทำงานหนักเกินกำลัง แต่ไม่เห็นยุบเลย สามารถรักษาน้ำหนักได้อย่างสม่ำเสมอมาก"

เถรี 10-01-2017 17:21

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครเดินทางไกลขึ้นบ้าง ? หรือว่าส่วนใหญ่ใกล้ขึ้น ? ปกติก็ไม่ค่อยได้อยู่กรุงเทพฯ กันอยู่แล้ว...ใช่ไหม ? อาตมาขอยืนยันว่าบ้านวิริยบารมีไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ นะ แต่อยู่ธนบุรี กรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวง ธนบุรีเป็นเมืองหลวง แต่หลังจากที่ความเจริญไล่มาใกล้เคียงกัน เขาก็ยุบกรุงเทพฯ กับธนบุรีรวมกัน มีอยู่ระยะหนึ่งประมาณปีกว่า ๆ ใช้ชื่อว่านครหลวงกรุงเทพธนบุรี ปรากฏว่าชื่ออาจจะยาวไป ภายหลังเลยเปลี่ยนใหม่เป็นกรุงเทพมหานคร

ฉะนั้น...ถ้าใครเกิดทันรุ่นนครหลวงกรุงเทพธนบุรีก็โปรดทราบว่า แก่พอกับอาตมานี่แหละ ต้องรีบไม่รู้...ใช่ไหม ? ก่อนหน้านั้นเป็นจังหวัดธนบุรีกับกรุงเทพฯ ตอนนี้ความเจริญก้าวออกมาเรื่อย

เราอยู่นนทบุรีนะ ชายขอบเลยด้วย แต่ความรู้สึกก็ยังรู้สึกเหมือนกับอยู่กรุงเทพฯ เพราะว่า Central West gate อยู่เลยตรงนี้ไปหน่อย ๓ สถานีรถไฟเอง ใครยังไม่เคยไป West gate ก็ไปเที่ยวซะ เดินกันให้ขาลากไปเลย เสียดายว่าเขาไม่ให้พระเดินห้าง ไม่อย่างนั้นอาตมาจะลองไปเดินดู West gate คือประตูตะวันตก

แต่บ้านนี้สำหรับอาตมาแล้วใกล้ขึ้นเยอะเลย เพราะว่าจากตรงนี้ก็วิ่งออกทางเส้นบางบัวทอง ไปถึงเส้นตลิ่งชันสุพรรณบุรี ก็เลี้ยวซ้ายเข้าสี่แยกนพวงศ์ ไปไทรน้อย บางเลน กำแพงแสน พนมทวน ก็ถึงกาญจนบุรีแล้ว"

เถรี 10-01-2017 17:31

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมากำลังรอดูว่าจะมีใครรู้จักของไหม ? ปรากฏว่าล้อมเดชจองทันทีเลย หลวงพ่อกลั่น วัดอินทราวาส ความจริงท่านดังเรื่องปลัดขิกมาก แต่พวกเราส่วนใหญ่แล้วรักเดียวใจเดียว ถึงเวลาเลยไม่รู้จักท่าน"

http://www.watthakhanun.com/webboard...3&d=1482832810

ปลัดขิก (ตัวครู) หลวงพ่อกลั่น วัดอินทราวาส

เถรี 10-01-2017 18:51

พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงอาตมาตั้งใจจะเอามีดหมอไปหลอมทำชนวนอีก แต่เสียดายของเพราะว่าหายากจริง ๆ แล้วที่หลอม ๆ ไปก็มีหลายด้ามที่ไม่ยอมละลาย ถ้าพวกเราดูในรายการจะเห็นว่า หลวงปู่หลวงพ่อหลายท่าน ต้องบอกว่าฝีมือก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่าเขาหรอก เพียงแต่ว่าขอขมาแล้วหลอม ท่านยอมก็ละลาย ส่วนบางท่านนี่หลอมให้ตายก็ไม่ละลาย"

เถรี 10-01-2017 19:07

มีผู้เอาดอกบัวมาผิดประเภท พระอาจารย์กล่าวว่า "มาว่าเรื่องดอกบัวกันใหม่ บัวไทยมีบัวหลวง มีบัวสาย แล้วก็มีบัวผันบัวเผื่อน

บัวหลวงสีขาว คนไทยเรียก ปุณฑริก หรือ ปุณฑริกา บัวหลวงสีแดง คนไทยเราเรียกว่า ปัทมา

ตระกูลบัวสาย บัวสายสีขาว เรียกว่า โกมุท หรือ กมุท บัวสายสีแดง เรียกสัตตบุษย์ หรือ สัตตบรรณ

ตระกูลบัวผันบัวเผื่อน ถ้าสีเหลืองเรียกว่า จงกลนี ถ้าสีน้ำเงิน เรียก นิลุบล หรือ นิโลตบล เฮ้อ...เริ่มรู้แล้วใช่ไหมว่าอะไรเป็นอะไร ? พอแยกไม่ออกก็ไม่รู้ว่าคืออะไร...มั่วไปหมด"

เถรี 11-01-2017 14:31

พระอาจารย์กล่าวถึงโยมที่มาถวายของขวัญปีใหม่ว่า "เฮียจั๊วเป็นนายช่างที่ทำมณฑปสามยอดในศาลา ๑๐๐ ปี ที่พวกเราเห็นสวยงามอลังการนั่นแหละ ต้องฝีมือระดับอายุ ๗๐-๘๐ อย่างนี้แหละ พวกเราจะเรียกปู่ก็ได้ แต่อาตมาเรียกเฮีย เพราะพี่ชายใหญ่ของอาตมาอายุ ๙๑ ปีแล้ว

ช่างชุดนี้สมัยในหลวงรัชกาลที่ ๙ ยังอยู่ ทรงขอไปซ่อมพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เฮียเก็บแบบไว้หรือเปล่า ? อาตมากำลังมองที่อยู่ผืนหนึ่ง ราคาแพงไปหน่อย ๖๐ ล้านบาท แต่ถ้ามีใครเป็นเจ้าภาพอาตมาจะซื้อไว้ แต่อย่าจ่ายมาร้อยเดียวนะ ฆ่าตายเลย...! หมายถึงว่าเจ้าภาพจ่ายมา ๖๐ ล้านบาท อาตมาจะซื้อที่นั่นแหละ แล้วจะสร้างปราสาท ๙ ยอดแบบเมรุในหลวง จะเอาไว้ตั้งพระบรมสารีริกธาตุให้คนบูชา ได้แค่คิดเฉย ๆ ห้ามโมทนา เพราะยังไม่ได้ทำ..!

ตอนนี้ทางวัดท่าขนุนหุ้มทองพระเจดีย์อยู่ ให้เขาทำเป็นทองจังโกทางเหนือ ช่างที่ทำเป็นช่างที่หุ้มทองพระธาตุดอยสุเทพกับพระธาตุหริภุญไชย เขายืนยันบอกว่าเป็นหลังแรกของภาคกลาง เขาเลยคิดถูกหน่อย คิดแค่ ๙.๘ ล้านบาท"

เถรี 11-01-2017 15:14

พูดถึงเรื่องถวายเม็ดเงิน "อยู่ ๆ คณะสงฆ์วัดท่าขนุนก็ช่วยกันถวายไป ๕ กิโลกรัม ไม่รู้เหมือนกันถวายได้อย่างไร ? เพราะเจ้าอาวาสไม่รู้เรื่อง แล้วก็อุตส่าห์ใช้คำว่าคณะสงฆ์วัดท่าขนุน ต้องบอกว่าแอบอ้างใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ...(รวมถวายไปหกกิโลกรัมแล้วครับ)... เป็นของวัดพุทธบริษัทกิโลกรัมหนึ่ง ไม่ต้องมาแหกตากู...!"

เถรี 11-01-2017 15:15

พระอาจารย์กล่าวว่า "ญาติโยมอาจจะเดินทางลำบากขึ้น แต่อาตมาเดินทางสะดวกขึ้น เพราะว่าใกล้ขึ้นมามาก ขณะเดียวกันใครที่ออกจากกาญจนบุรีเพื่อจะมาที่นี่ ให้ไปนั่งรถตู้สายหมอชิต จะวิ่งผ่านที่นี่เลย แล้วรถตู้เขาก็บอกด้วยว่า ถ้าจะกลับก็จองตั๋วไว้แล้วโทรแจ้งด้วยว่าจะกลับวันไหน เขาจะแวะมารับ"

เถรี 11-01-2017 15:21

พระอาจารย์กล่าวว่า "อยู่บ้านหลังนี้มีอะไรให้ตื่นเต้นตลอด คืนแรกที่นอนก็มีแท็กซี่ชนกันฝั่งตรงข้าม อาตมาก็เลยโผล่ไปดูหน่อยว่าโดนเพราะอะไร คาดว่ามีลูกค้าเรียกอยู่หน้าโรงแรมแล้วเบรกกะทันหัน รถตามหลังมาเลยเสยจนหมุนไปครึ่งรอบ

วันต่อมาก็มี "เด็กแว้น" แข่งรถกันเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เสียงดังนี่สามารถทำลายไปถึงระดับเนื้อเยื่อ และอาจจะถึงดีเอ็นเอด้วย แต่ยังพิสูจน์ไม่ได้ นักวิทยาศาสตร์เขาทดลองเอาน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติมา มีผลึกรูปแบบหนึ่ง พอเอามาสวดมนต์เสกทำน้ำมนต์เสร็จแล้วก็แช่แข็ง ผลึกออกมาสวยงามกว่าอีก แต่พอไปเปิดเพลงร็อกเฮฟวี่เมทัลใส่ไป ปรากฏว่าผลึกกะรุ่งกะริ่งหมด แล้วคนฟังไปได้อย่างไร ? ขนาดน้ำยังรับไม่ได้เลย"

เถรี 11-01-2017 15:24

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้วัดท่าขนุนส่งสอบพระคู่สวด ๔ รูป จะได้มีใช้งานเป็นของเราเอง ไม่ต้องไปเสียเวลาไปยืมวัดอื่น รุ่นเก่า ๆ ที่มีใบขับขี่ (ตราตั้งพระคู่สวด) ก็ไปเป็นเจ้าอาวาสกันหมดแล้ว จะเป็นพระคู่สวดต้องมีหนังสือแต่งตั้ง จะเป็นพระอุปัชฌาย์ต้องสอบอย่างน้อย ๔ รอบ ถ้ารวมระดับอำเภอด้วยก็ ๕ รอบ

ตอนนี้อาตมากลายเป็นพระอุปัชฌาย์ใหม่ซึ่งเป็นที่นิยมมาก หลวงพ่อมณฑลมาถึง "บวชบ้างหรือยัง ? ผมจะเอาพระมาบวชด้วย" "หลวงพ่อมาช้าไปครับ ผมบวชไป ๔๐๐ กว่ารูปแล้ว...!"

เถรี 11-01-2017 15:41

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้มีแต่คนเห็นพระเจดีย์วัดท่าขนุนไม่ได้เห็นเมรุ เขาถามว่า "สร้างพระเจดีย์ทำไมไม่บอกกันบ้าง ?" อาตมาสร้างเมรุดันเห็นเป็นพระเจดีย์ไปได้...!

ขอแจ้งข่าวดีให้ทุกท่านทราบว่า จากที่ตั้งงบประมาณสร้างเมรุไว้ที่ ๑๕ ล้านบาท ตอนนี้จ่ายไป ๒๒ ล้านเศษแล้วยังไม่เสร็จดี เพราะว่าเทพื้นรอบแล้วก็ทำลานจอดรถเพิ่มไปอีกเกือบ ๒ ล้านบาท หลังจากนั้นก็ยังมีห้องกระจกที่ตั้งใจจะติดเครื่องปรับอากาศ เพื่อให้บรรดาแขกผู้ใหญ่ที่เขาไปร่วมงานจะได้มีที่สบาย ๆ ไว้นั่งหน่อย

เหตุที่สร้างเมรุหลังนี้ขึ้นมาก็เพราะทองผาภูมินั้นมีแขกผู้ใหญ่ไปมากันเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นระดับรัฐมนตรี นายพล นายพัน ตลอดจนกระทั่งผู้บังคับบัญชาหน่วยงานต่าง ๆ ถึงเวลาไปเป็นเกียรติให้กับงาน แล้วปรากฏว่ามีแต่เมรุเล็ก ๆ สภาพโทรม ๆ ดูไม่ได้ ในเมื่อไม่มีใครทำ อาตมาก็เลยตัดสินใจทำเสียเอง ถึงเวลาญาติโยมมาเผาศพ จะได้ไม่ต้องไปอายแขกผู้ใหญ่ แล้วไม่ต้องกังวลว่าราคาจะแพง เพราะเผาให้ฟรี"

เถรี 11-01-2017 19:33

พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงอาตมามีพระราหูหลวงพ่อน้อย ยุคแรก เป็นขนาดใหญ่ แต่กลัวว่าถ้าลงกระทู้ไปแล้วคนจะตกใจ เพราะราคาแพง เป็นเรื่องแปลกว่าของเล็ก ๆ ติดตัวว่าแพงแล้ว ของใหญ่ ๆ ประเภทติดบ้านนี่กลับแพงกว่า

เรื่องของดวงตราราหู ถ้าเอาตามบันทึกประวัติศาสตร์ก็ต้องดูพระอภัยมณี ที่เจ้าย่องตอดเข้าไปจะเล่นงานนางละเวง มาเจอตราราหูเข้าเผ่นเลย ย่องตอดเป็นอสุรกายเล็ก ๆ เท่านั้นเอง ไปเจอเทพอสูรอย่างราหูเข้าก็อยู่ไม่ได้หรอก รู้ว่าคนนี้เป็นเด็กเส้นของเจ้านาย เผ่นเลย...ไม่อยู่แล้ว

สรุปว่าอาตมาเล่าไปโยมก็ไม่รู้ เพราะว่าอ่านพระอภัยมณี
กันไม่จบ...ใช่ไหม ? มีโคตรเพชรเม็ดเท่าหัวปลี โอ้...พระเจ้า เด็กสมัยหลังเขียน "หัวปลี" บอกว่าผิด ต้อง "หัวปี" ถึงจะถูก เออ...เอาเข้าไป อาตมาอ่านพระอภัยมณีจบเล่มใหญ่ตอนอยู่ชั้น ป. ๕ สมัยนั้นหนังสือเล่มไหนไม่มีชื่อเด็กชายเล็กยืมนี่ไม่มีหรอก อ่านทุกเล่ม อ่านจนบรรณารักษ์กลัว"

เถรี 11-01-2017 20:13

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมเด็จพระสังฆราช (อยู่) วัดสระเกศ เป็นสุดยอดหมอดู เพราะเป็นหมอดูที่สามารถบอกได้เกินตำรา แบบเดียวกับหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก

สมเด็จพระสังฆราชญาโณทโยมหาเถระ วัดสระเกศ ท่านบอกว่าท่านจะตายวันนั้น เดือนนั้น ปีนั้น เวลาฟ้าร้องพอดี ตำรามีแบบนี้หรือวะ ? คนเขาบอกว่าท่านเก่งหมอดู ดูแม่นมาก มีหมอดูที่ไหนบอกได้ว่าวันนั้นเวลานั้นฟ้าจะร้อง ?

ตอนช่วงที่ท่านเป็นสมเด็จพระราชาคณะแล้ว อายุตั้ง ๙๐ พรรษาแล้ว อายุยืนมาก ตอนนั้นสมเด็จพระสังฆราชกิตติโสภณมหาเถระ เป็นสมเด็จพระสังฆราช ทำบุญฉลองอายุ ๗๒ พรรษา ถึงเวลาสวดมนต์เสร็จก็นั่งฉันวงเดียวกัน สมเด็จพระสังฆราชวัดสระเกศก็บอกว่า "เมื่อคืนผมตรวจดูตัวเอง ผมจะได้เลื่อนอีกขั้นหนึ่ง" ตัวเองเป็นสมเด็จพระราชาคณะสุพรรณบัตร เลื่อนอีกชั้นหนึ่งก็ต้องเป็นพระสังฆราชนะสิ..!

สมเด็จพระสังฆราช วัดเบญจฯ ก็เลยประชดว่า "เลื่อนเข้าโกศกระมัง ?" ว่าอย่างนั้น ปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่กี่วันสมเด็จพระสังฆราช วัดเบญจฯ อายุ ๗๒ ปีสิ้นพระชนม์ สมเด็จฯ วัดสระเกศ อายุ ๙๐ ปี เป็นสมเด็จพระสังฆราชอีก ๒ ปี ท่านแม่นเกินเหตุจริง ๆ"

เถรี 11-01-2017 20:15

"แบบเดียวกับหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก กำนันเถาขึ้นเหนือหายไปเป็นเดือน ปกติกำนันเถาจะเป็นตัวป่วนประจำตำบลบางนมโค ตอนนั้นหลวงปู่ปานมรณภาพแล้ว ไม่มีใครปราบกำนันเถา เมียก็มาร้องห่มร้องไห้กับหลวงปู่จง เอาดอกไม้ธูปเทียนมาบอกว่า "หลวงพ่อเจ้าขา ช่วยดูพี่เถาให้หน่อยว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร หายขึ้นเหนือไปเป็นเดือนแล้ว" ห่วงผัวตายหรือห่วงผัวจะได้สาวเหนือมาก็ไม่รู้ ?

หลวงปู่จงเปิดตำราพรหมชาติ แล้วอ่านว่า "สิทธิการิยะ พระท่านว่ากำนันเถาเอาเรือมาจอดที่หน้าบ้านแล้ว" แล้วท่านก็เอากระดาษคั่นไว้ เมียได้ยินดีใจ กราบลาได้กลับบ้านเลย รุ่งขึ้นเอาปิ่นโตมาถวายเพล บอกว่าพี่เถากลับมาเวลาที่หลวงพ่อบอกพอดี ส่วนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็แปลกใจ ตำราอะไรบอกได้ขนาดนี้ ?

หลวงปู่จงท่านเอากระดาษคั่นไว้ก็ไปเปิดดู กลายเป็นนาคสมพงษ์ตำราหาคู่ สรุปแล้วพระที่บอกเกินตำราได้นี่หายากนะ ไม่ต้องไปสงสัยว่าท่านรู้ได้อย่างไร ท่านก็บอกว่าท่านอ่านตามตำรา ตอนเราไปอ่านไม่ยักจะมี"

เถรี 11-01-2017 20:19

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในวรรณคดีเรื่องพระร่วง พระร่วงเอาชะลอมใส่น้ำ ความจริงพระร่วงมีวาจาสิทธิ์ อธิษฐานเอาตามแบบของพระโพธิสัตว์ แต่คนรุ่นหลังไม่เชื่อ เขาก็เลยว่าท่านสานชะลอมแล้วก็เอาชันยาเพื่อที่ให้ใส่น้ำได้ บอกว่า "จักไม้สานชะลอม รูปกลมกล่อม เอาชันยา จึ่งตักเอาน้ำมา สำเร็จได้ดังใจหมาย"

ใครสามารถเอาชันยาชะลอมแล้วใส่น้ำได้ อาตมายอมกราบงาม ๆ แต่ถ้าหากเอาชันยากระบุงนี้พอจะใส่ได้อยู่ ชะลอมตาใหญ่ขนาดนั้นแล้วจะไปยาอีท่าไหน ?

คนเราไม่เชื่อเรื่องบุญฤทธิ์ คิดอยู่อย่างเดียวว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ก็พยายามคิดหาเหตุผลว่าทำไมพระร่วงถึงได้เอาชะลอมตักน้ำได้ ความจริงท่านตั้งสัตยาธิษฐานเอา"

เถรี 12-01-2017 16:11

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าหากมีโอกาสได้เห็นวัตถุมงคลของแท้แล้วจำได้ ต่อไปใครก็ปลอมหลอกเราไม่ได้ พวกที่เล่นวัตถุมงคลแล้วไม่มีอนาคต เพราะว่าไปดูของปลอมเสียตั้งแต่แรก กลายเป็นติดตากับของปลอม จึงดูไม่ออกว่าของจริงหน้าตาเป็นอย่างไร"

เถรี 12-01-2017 17:18

พระอาจารย์กล่าวว่า "กระทู้คนมีเงินฯ (๙) จะมีของแปลก ๆ มาลงเยอะ บางอย่างก็แพงเหลือเชื่อ บางอย่างก็ราคาจับต้องได้ โดยเฉพาะพระปิดตาที่แกะจากไม้โพธิ์นิพพาน ไม้โพธิ์นิพพานก็คือกิ่งโพธิ์ที่ยื่นไปทางทิศตะวันออก แล้วหักตกลงมาเอง โบราณเขาถือว่าเทวดาให้ ส่วนใหญ่ก็เอามาแกะเป็นพระปิดตา

คราวนี้พระปิดตามีความเชื่ออยู่ ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือเป็นการปิดทวาร สำรวมอินทรีย์ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อีกอย่างหนึ่งเชื่อว่าเป็นท่านพระควัมปติที่เป็นเพื่อนของพระยสะเถระ ท่านพระควัมปตินี้เข้านิโรธสมาบัติประจำ แสดงสัญลักษณ์ของการเข้านิโรธสมาบัติด้วยการปิดตา พอออกจากนิโรธสมาบัติมา ใครทำบุญด้วยก็จะมีลาภมาก เขาก็เลยเรียกว่าพระปิดตามหาลาภ

โบราณาจารย์สมัยก่อนนิยมสร้างเป็นพระปิดตา ก็เพราะเน้นตรงว่าเป็นมหาอุดอย่างหนึ่ง เป็นมหาลาภอย่างหนึ่ง คนที่สร้างพระปิดตาด้วยไม้โพธิ์นิพพานที่ดังที่สุดก็คือ หลวงพ่อเบี้ย วัดโคกพระเจดีย์ จังหวัดนครปฐม เป็นรุ่นอาจารย์ของหลวงปู่บุญอีกที และหลวงพ่อโนรี วัดโพธิ์มอญ จังหวัดราชบุรี สองท่านนี้ชื่อเสียงเรื่องการสร้างพระปิดตาด้วยไม้โพธิ์นิพพานมาก ถ้าอยากเห็นพระของท่านก็เปิดดูในอินเตอร์เน็ต ยังพอหาดูได้อยู่ แต่ว่ามักจะเป็นของปลอม"

เถรี 12-01-2017 17:20

"หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วนั้น ท่านไม่ได้สร้างพระปิดตาด้วยไม้โพธิ์นิพพาน แต่ท่านสร้างเป็นพระพุทธรูป แล้วก็บรรจุดวงวันเดือนปีเกิดของเจ้าของพระไว้ที่ฐาน ท่านสร้างเฉพาะทีละองค์ ที่ฐานก็จะบรรจุของมีค่าบางอย่างที่ถือว่าเคล็ดลับของความร่ำรวย แล้วก็มีดวงของเจ้าของพระเขียนลงบนแผ่นยันต์แล้วใส่เข้าไปด้วย อย่างนั้นเป็นของเฉพาะตัว ของใครของมัน ไม่มีใครเขาให้กัน

แต่ถ้าอย่างหลวงพ่อเบี้ย วัดโคกพระเจดีย์ กับหลวงพ่อโนรี วัดโพธิ์มอญ ท่านจะทำลักษณะทั่ว ๆ ไป ใครก็บูชาได้ สองสำนักนี้ถือว่าดังในเรื่องพระปิดตาไม้โพธิ์นิพพานมากที่สุด ส่วนสำนักอื่น ๆ ส่วนใหญ่เป็นปิดพระปิดตามหาอุตม์ อย่างเช่นของสายวัดเขาอ้อ ปัจจุบันนี้พวกบรรดาทหารที่ลงไปสามจังหวัดภาคใต้ ส่วนใหญ่จะหาพระปิดตาวัดเขาอ้อกัน เพราะเรื่องเหนียวนี่แน่นอนมาก"

เถรี 12-01-2017 19:11

ถาม : เวลานอนรู้สึกถึงลมหายใจเข้าออกตลอดเวลา รู้สึกว่านอนไม่หลับ ?
ตอบ : อันนั้นไม่ใช่ไม่หลับ จริง ๆ แล้วร่างกายเราได้พักได้หลับแล้ว แต่สติตื่นอยู่ เราทำไม่รู้ไม่ชี้คิดว่าไม่หลับนั่นแหละดี เราจะภาวนาให้เยอะเลย นั่นเป็นอาการที่นักปฏิบัติบางคนทำมาทั้งชีวิตเพื่อหวังจะให้เข้าถึง เพราะสติต้องตื่นรู้ทั้งตื่นและหลับจึงจะสู้กิเลสได้ ไม่อย่างนั้นเวลาเราตื่นอยู่ เราประคับประคองรักษาตัวเองไม่ให้โดนกิเลสกินได้ แต่ถ้าเราหลับเมื่อไรสติคลายตัวออก กิเลสก็จะกินเอาตอนหลับ

ก็แปลว่าการปฏิบัติของเรานั้น จริง ๆ แล้วก้าวหน้าขึ้น เข้าไปถึงขั้นที่ตื่นกับหลับก็มีสติตื่นรู้แล้ว แต่เราดันไปอยากหลับ ถ้าถึงภาวะนั้นแล้วไม่จำเป็นต้องหลับ ร่างกายได้พักแล้ว เพียงแต่สติตื่นอยู่เท่านั้น บางทีได้ยินตัวเองกรนด้วย


ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : จะรู้ลมหายใจอัตโนมัติ ไม่ต้องไปคุมหรอก มีอย่างเดียวคือประคับประคองรักษาเอาไว้ให้ได้ ต่อไปถ้าหากว่าหลุดไปจะเหนื่อย เหนื่อยเพราะกิเลสเข้ามาแล้วไม่ค่อยออกไปอีก

ถาม : แล้วตัวเบา ๆ ลอย ๆ เป็นฌานระดับไหนคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องไปใส่ใจตรงนั้นหรอก รู้แต่ว่ากิเลสกินเราไม่ได้ก็พอแล้ว ถ้ามัวแต่ไปสนใจว่าเป็นฌานระดับไหน ก็จะกลายเป็นฟุ้งซ่านไป

เถรี 12-01-2017 19:16

ถาม : ถ้าฟุ้งซ่านจะวิปัสสนา พอฟุ้งไปฟุ้งมาก็คิดขึ้นมาว่า ข้างหน้าก็เป็นทางกว้าง ๆ ....(ไม่ชัด).... อารมณ์เลยตัดตายค่ะ ?
ตอบ : ถ้ารู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ปกติแล้วคิดถึงความดี หรือตัดสินใจตายได้ก็จบ

ถาม : แต่กำลังก็ตกลง ?
ตอบ : ก็ทำใหม่ ไปทำใหม่เดี๋ยวก็ได้เหมือนเดิม

ถาม : พยายามที่จะฟื้นแต่ก็ไม่ได้ค่ะ ไม่รู้ว่าตอนนั้นคิดอย่างไร ?
ตอบ : ย้อนทวนว่าเราคิดอะไร พูดอะไร ทำอะไร ถึงเวลาก็คิดแบบนั้น พูดแบบนั้น ทำแบบนั้นก็จะได้อีก

เถรี 12-01-2017 19:21

ถาม : ปวารณาตัวว่าจะช่วยสังคมอยู่ตลอดเวลา แล้วเราจะทำความดีให้เกิดกับสังคมได้อย่างไรคะ ?
ตอบ : ไปยุ่งกับสังคมทำไม ? ถ้าเราเอาตัวเรารอดได้เมื่อไรคนอื่นเขาก็จะตามมาเอง ถึงเวลานั้นสังคมรอบข้างก็จะดีไปเอง แต่ถ้าเราเอาตัวไม่รอด เป็นตัวอย่างไม่ได้ คนอื่นเขาไม่ทำตาม สังคมก็บรรลัยอยู่เหมือนเดิม

ถาม : หนูคิดว่าคนทำผิดแล้วเราตักเตือนเขาก็น่าจะดี ?
ตอบ : คิดว่าเตือนแล้วเขาจะเชื่อไหม ?

ถาม : หรือควรจะคิดแค่เตือนตัวเอง ?
ตอบ : การที่เราจะตักเตือนคนอื่นเขาได้ เราต้องมีน้ำหนักเพียงพอ ถ้าน้ำหนักไม่พอเตือนให้ตายเขาก็ไม่ฟังเรา การจะทำให้น้ำหนักของตัวเองพอ ก็คือ ทำตัวเองให้เป็นที่น่าเชื่อถือก่อน ก็แปลว่าต้องเร่งการประพฤติปฏิบัติให้ดียิ่งกว่านี้

เถรี 12-01-2017 19:24

ถาม : มีคนทำบุญแล้วคนที่รับเงินเอาไปทำอย่างอื่น อย่างเช่นจัดคอนเสิร์ต จะโดนโทษย้ายพระเจดีย์หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ถ้าไม่ตายเสียก่อนก็ไม่โดน

ถาม : ถ้าเกิดได้เงินมากกว่าเดิม แล้วเอาไปทำตามที่ตั้งใจไว้ละคะ ?
ตอบ : บอกแล้วว่าถ้าไม่ตายเสียก่อนก็ไม่โดน ถ้าตายเสียก่อน ไม่ทันเอาเงินมาคืนเขาก็ซวยแน่ ๆ

เถรี 13-01-2017 14:39

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยอาตมายังเป็นวัยรุ่น วิ่งหาหลวงปู่หลวงพ่อไม่เคยท้อทางไกล เป็นเรื่องแปลกดีเหมือนกัน สุดเหนือสุดใต้ก็ไปหมด อาจจะเป็นเพราะว่ามีความบ้ามากกว่าคนอื่นก็เป็นได้"

เถรี 13-01-2017 14:40

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ติดตัวมาตั้งแต่ก่อนเกิด ต่อให้เป็นเด็กเล็กขนาดไหนก็ตาม พอถึงเวลาก็แสดงออกอย่างชัดเจน ถ้าเห็นเป็นธรรมดาก็ไม่มีอะไรน่าตำหนิ แต่ถ้าสามารถพัฒนาตัวเองให้ก้าวหน้าขึ้นได้ ก็จะเป็นเรื่องที่น่าสรรเสริญ"

เถรี 13-01-2017 14:40

พระอาจารย์กล่าวว่า "งานก่อสร้างของวัดท่าขนุนอาจจะสะดุดหยุดยั้งลงนิดหนึ่ง เพราะว่าบรรดาช่างต่าง ๆ โดนระดมไปทำพระเมรุมาศถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙"

เถรี 13-01-2017 15:37

พระอาจารย์กล่าวว่า "แถวนี้คนมีฤทธิ์เยอะนะ...! พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าแผ่นดินไหวเกิดจากสาเหตุ ๘ ประการด้วยกัน อย่างแรกก็คือลมกำเริบ สอง...ผู้มีฤทธิ์บันดาล สาม...พระโพธิสัตว์จุติลงสู่ครรภ์ สี่...พระโพธิสัตว์ประสูติ ห้า...พระโพธิสัตว์ตรัสรู้ หก...พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนา เจ็ด...พระพุทธเจ้าปลงอายุสังขาร และแปด...พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน

อาตมาอยู่ที่นี่กลางคืนนอน ๆ อยู่ก็แผ่นดินไหว ผู้มีฤทธิ์บันดาลด้วย ๑๘ ล้อ..! วิ่งผ่านทีบ้านไหวทั้งหลังเลย

เราจะเห็นว่าสาเหตุของแผ่นดินไหว ๖ ประการนั้นเกี่ยวเนื่องด้วยพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น ส่วนอีก ๒ ประการนั้นขึ้นอยู่กับว่าลมกำเริบ ก็คือภายในโลกของเราเป็นหินเดือด พอเดือดก็กลายเป็นไอขึ้นมา ไออากาศอันนี้ พอกันอัดมาก ๆ เข้าก็เหมือนกับหม้ออัดความดัน ไม่มีทางไปก็ต้องดันฝาหม้อ
ให้เผยอขึ้นมา แต่นี่ไปดันแผ่นดินเข้า แผ่นดินขยับกลายเป็นปลาอานนท์ขยับตัว ของไทยเราว่าปลาอานนท์ ของกรีกว่าเป็นพญางู โลกเราเหมือนกับไข่ฟองหนึ่ง มีพญางูขนดล้อมรอบอยู่ ถึงเวลาพญางูขยับตัวก็แผ่นดินไหว แสดงว่างูตัวนี้ใหญ่มาก"

เถรี 13-01-2017 15:40

"ผู้มีฤทธิ์บันดาลต้องดูตัวอย่างในสังคีติยวงศ์ การสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๓ พระเจ้าอโศกมหาราชอัญเชิญพระอุปคุตมาช่วยระวังป้องกัน เพราะว่าเกรงว่าพญามารจะมาทำลายงานสังคายนาพระธรรมวินัย

พอพระเจ้าอโศกมหาราชเห็นหุ่นของพระอุปคุตแล้วไม่เลื่อมใส เพราะองค์ท่านผอมกว่าอาตมาอีก หาความเลื่อมใสไม่ได้ ก็เลยแกล้งปล่อยช้างให้ไล่เหยียบ ปรากฏว่าพระอุปคุตหันมาตวาดทีเดียว ช้างยืนแข็งทื่อเป็นหินไปเลย แล้วพระอุปคุตก็แจ้งพระเจ้าอโศกมหาราชว่า ถ้าอยากเห็นฤทธิ์จริง ๆ ให้เอาน้ำมาขันหนึ่ง จะทำให้เกิดแผ่นดินไหว แล้วท่านคอยดูน้ำในขันที่กระเพื่อม

พระเจ้าอโศกมหาราชก็ฉลาดเกินไป บอกว่าถ้าเกิดบังเอิญแผ่นดินไหวเอง ? พระอุปคุตก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นอาตมาจะทำให้แผ่นดินไหวโดยที่น้ำกระเพื่อมแค่ครึ่งขัน ปรากฏว่าถึงเวลาบันดาลแล้ว แผ่นดินไหวน้ำกระเพื่อมแค่ครึ่งขันจริง ๆ พระเจ้าอโศกมหาราชถึงได้ยอมรับ สรุปว่าพระควรจะผอมหรือควรจะอ้วนดี ? ถ้าอ้วนก็เป็นกาลกิณี โบราณบอกว่า สัตว์ผอมฤๅษีพีเป็นกาลกิณี กินแค่มื้อสองมื้อจะอ้วนได้อย่างไร ?"

เถรี 13-01-2017 15:42

โยมรับพระแล้วหล่น "แสดงว่าจะเจริญมาก เขาเรียกว่าพระร่วง คำว่า "ร่วง" โบราณแปลว่าสว่างรุ่งเรืองมาก อย่างที่บอกว่า "รุ้งร่วงธำมรงค์เรือนครุฑ กรรเจียกจอนจำหลักลายซ้ายขวา บรรจงทรงมหามงกุฎ ห้อยอุบะนฤมิตผิดมนุษย์ งามดังเทพบุตรในชั้นฟ้า" สังข์ทองแต่งตัวแล้ว ไม่เป็นเงาะแล้ว

แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าจำอะไรได้เยอะแยะขนาดนี้ เพราะฉะนั้น...ราชวงศ์พระร่วงก็คือพระผู้รุ่งเรืองมาก"

เถรี 13-01-2017 15:52

พระอาจารย์กล่าวว่า "โบราณเขาเรียกพม่าว่า "ม่าน" แต่ว่าคนจีนโบราณเรียกคนที่มาทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ว่า "ม่าน" เพราะฉะนั้นเบ้งเฮ็กเป็น "หม่านอ๋อง" เป็นไปได้ว่าเป็นได้ทั้งพม่าและเป็นได้ทั้งคนไทย แต่เขาบอกว่าเบ้งเฮ็กน่าจะเป็นคนไทยมากกว่า เพราะขี่ควายรบกับขงเบ้ง น่าจะเป็นต้นตระกูลของนายจันทร์หนวดเขี้ยว

ในส่วนที่ขงเบ้งต้องเครียดที่สุดก็คือเจอไสยศาสตร์ ลักษณะเสกหุ่นพยนต์ไปรบแทน ก็ดูแล้วน่าจะเป็นไสยศาสตร์ในพื้นภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรานี่แหละ โปรย
เมล็ดถั่วเป็นทหาร ตัดกระดาษโยนไปเป็นทหาร ยังดีว่าได้ยอดฝีมือระดับขงเบ้งก็เลยแก้ตก เป็นคนอื่นก็สงสัยเหมือนกันจะแก้ได้ไหม ?

ตอนขุนแผนไปรบแค่ ๓๗ คน ยังเล่นงานเจ้าเมืองเชียงใหม่เสียท่าได้ ยกไป ๓๗ คน ถึงเวลาไปเสกหุ่นพยนต์เอา เวลาตั้งค่ายก็ประเภทเอาก้านอ้อมาตัดเสียบ ๆ "พอแม่ทัพจับซัดข้าวสารปร๋อ แขมอ้อก็กลับกลายเป็นไม้แก่น" ไม่เปลืองวัสดุดีนะ ก้านอ้อกลายเป็นเสาไม้จริงไปเลย"

เถรี 13-01-2017 15:54

พระอาจารย์กล่าวว่า "เล่าเรื่องเมืองลับแลได้ไหม ? มานึกถึงพวกคาถา มีอยู่อย่างหนึ่งเขาเรียกคาถาบังไพร รุ่นหลังพวกนายพรานถ้าเจอตรงจุดไหนที่ล่าสัตว์ได้ง่าย มีสัตว์ชุม เขาจะใช้คาถาบังไพรทำเอาไว้ ไม่ให้คนอื่นเห็นที่ตรงนั้น หรือเข้าไปในพื้นที่ตรงนั้นไม่ได้

พวกลับแลรุ่นแรก ๆ เกิดจากการที่เขาอพยพหลบหนีศึกสงคราม แล้วผู้รู้เขาใช้คาถาบังไพรปิดกั้นเส้นทางเอาไว้ ไป ๆ มา ๆ พออยู่ข้างในนั้น สร้างคุณความดีมาก ๆ จะเป็นเทวดาก็ยังดีไม่พอ จะออกมาอยู่รวมกับมนุษย์เราก็ลำบาก ท้ายสุดก็ต้องกลายเป็นลับแลไป ที่เขาอายุยืนเพราะว่าเขาตั้งใจรักษาศีล ถ้าศีลดีจะอายุยืน

บังไพรแปลว่าปิดป่า ไม่ใช่บังภัยที่แปลว่ากันภัยอันตราย ถ้าหลงจะเข้าไปได้ แต่ถ้าตั้งใจจะไปจะหาไม่เจอ เรามานึกดูว่าคนรุ่นก่อน ๆ ถึงเวลาศึกเหนือใต้มาก็ลำบาก ต้องอพยพหอบลูกจูงหลานหนีภัยกัน ท่านที่มีวิชาความรู้ไม่อยากรบราฆ่าฟันกับใคร ค่อนข้างจะรักสงบ ก็ต้องหาทางรักษาคนของตัวเองเอาไว้ ก็ใช้วิชาบังไพรปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้เขาเข้าได้

ส่วนใหญ่ก็อย่างว่าแหละ ก็เหลือแต่พวกนายพรานสืบทอดกันมา แล้ววิชาก็เหลือน้อยลง เหลือแค่กันพื้นที่เอาไว้เท่านั้น"

เถรี 13-01-2017 15:55

"สมัยอาตมาเด็ก ๆ จะมีพรานจิตร บ้านอยู่ทางด้านหนองรี - ลำอีซู พอถึงเวลาถ้าแกล่าสัตว์ตรงไหนได้บ่อย ๆ แกจะเสกใบไม้กำหนึ่งโปรยเอาไว้ คนอื่นไปล่าสัตว์ไม่ได้เลย เป็นวิชาที่แปลก ๆ ดี

พรานจิตรมีปืนแก๊ปคู่มือ แกเรียกว่า "อีทองแดง" แสดงว่าเป็นปืนผู้หญิง แกรอดตายเพราะอีทองแดงมาหลายทีแล้ว อีทองแดงเฮี้ยนขนาดพรานจิตรไปนั่งโป่ง เสือใหญ่เข้ามาจะหาทางขึ้นไปขบหัว ปืนกระบอกนี้ปลุกเจ้าของขึ้นมายิงเสือได้..!"

เถรี 13-01-2017 15:59

พระอาจารย์เล่าว่า "คราวที่แล้วไปอังกฤษ ไปได้คำตอบที่ Stonehenge ที่เขาเถียงกันไม่รู้จักจบว่าคืออะไร ปรากฏว่ามีพรหมท่านหนึ่งมาบอกว่า เป็นวงกลมที่นักบวชโบราณใช้ทำพิธีเสริมบารมีให้กษัตริย์รบชนะ นักบวชพวกนั้นเขาเรียกว่า "ดรูอิด" เดี๋ยวไว้มีเวลาค่อยไปเขียนในบันทึกให้อ่านกัน"

เถรี 13-01-2017 21:39


พระอาจารย์กล่าวว่า "เรือใบไวกิ้งลำนี้ได้มาจากสถานทูตสวีเดน อาตมาเพิ่งจะเห็นราคาว่าลงผิด ราคาจริงเกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทไปตั้งเยอะ ป้ายยังติดอยู่เลย ในเมื่อลงไป ๑๐๐,๐๐๐ บาท แล้วก็แล้วกัน ต้องชมว่าเขาเข้าใจทำ เล่นเอาเงินมาทำเป็นเรือทั้งลำ สถิตอยู่หน้าหิ้งพระมานานแล้ว กำลังรอดูอยู่ว่าจะไปอยู่บ้านไหน

ตามหลักฮวงจุ้ยของจีนแล้วแล้ว คำว่าเรือหมายถึงความเจริญ เพราะเรือจะต้องแล่นไปตลอดเวลา บ้านคนจีนเขาจะตั้งเรือเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญ สมัยก่อนตอนตรุษจีนหรือปีใหม่ อาตมาจะหาของขวัญให้ตัวเอง ไม่ต้องรอคนอื่นให้ หาซื้อเอง โดยเฉพาะบูชาวัตถุมงคล ตรุษจีนแต๊ะเอียออกมีสตางค์เยอะ มีโอกาสบูชาวัตถุมงคลที่เราชอบได้

ก่อนหน้านี้ตลาดวัตถุมงคลอยู่สนามหลวง แถว ๆ รอบ ๆ ศาลอาญา อีกส่วนหนึ่งก็มาอยู่ที่วัดราชนัดดา แต่ละที่ล้วนแล้วแต่มีเยอะแยะเต็มไปหมด คราวนี้ส่วนที่ล้นจากสนามหลวงไปอยู่ท่าพระจันทร์ ส่วนหนึ่งมาอยู่วัดราชนัดดา ตอนหลังสนามหลวงโดนปิด วัดราชนัดดาก็เลิก ก็เหลือแต่ตลาดพระท่าพระจันทร์ ส่วนที่เหลือก็ปรับตัวใหม่ ยกขึ้นห้างไปเลย

ตลาดพระท่าพระจันทร์ยุคแรกไม่ได้อยู่ท่าพระจันทร์ แต่อยู่ในวัดมหาธาตุเลย รุ่นเก่า ๆ เขาไปส่องพระกันอยู่กันแถว ๆ รอบ ๆ ต้นอโศก บรรดาพระนิสิต มจร.รุ่นแรก ๆ ก็เลยพลอยเป็นเซียนพระไปด้วย เดี๋ยวนี้อาตมาไป คนที่เขาดูแลการจราจรที่นั่นก็ยังจำได้ แกหาที่จอดให้ได้ทุกครั้ง เก่งมากเลย แล้วความจำอะไรจะดีขนาดนั้น รถมาทุกคันดูเหมือนว่าแกจะจำได้หมด ต้องบอกว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัว"

เถรี 13-01-2017 21:41

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเช้ามีโยมถามปัญหาว่าภาวนาแล้วไม่หลับทำอย่างไรดี ? ตอบแบบกำปั้นทุบดินก็ต้องบอกว่าไม่ต้องทำอะไร การภาวนาแล้วไม่หลับมี ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือเข้าถึงปีติ สภาพจิตจะสว่างโพลง ไม่ง่วง ไม่เหนื่อย ถ้าลักษณะอย่างนั้นให้กำหนดเวลาว่าเราควรจะพักช่วงไหน ไม่อย่างนั้นแล้วบางทีก็โหมหนักข้ามวันข้ามคืน สภาพร่างกายรับไม่ไหว มีหลายคนสติแตกไปก็มี

ประการที่ ๒ คือสภาพจิตเริ่มเข้าสู่ปฐมฌานละเอียด จะรู้ลมหายใจเข้าออกเองโดยอัตโนมัติ ตอนนั้นสติจะตื่นอยู่ทั้ง ๆ ที่หลับ ถ้าลักษณะอย่างนั้นอย่าไปกังวล เรามีหน้าที่กำหนดรู้กำหนดภาวนาของเราไป ส่วนร่างกายจะหลับไม่หลับก็เรื่องของมัน เพราะว่าร่างกายนอนอยู่ก็ได้รับการพักผ่อนอยู่แล้ว เพียงแต่จิตตื่นอยู่แล้วเราไปคิดว่าไม่ได้หลับ บางคนพยายามไปบังคับให้ตัวเองหลับ ท้ายสุดก็กลายเป็นฟุ้งซ่านใหญ่โต"

เถรี 13-01-2017 21:50

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ยังคงจะอยู่ในใจของชาวบ้านรุ่นเก่า ๆ ไปอีกนานแสนนาน แต่คราวนี้มีบางอย่างที่ต้องกล่าวถึง ถ้าเป็นอย่างสมัยพุทธกาลต้องถือว่ากล่าวตู่พระพุทธเจ้า ก็คือบรรดาเว็บหลายแห่งไปลงเอาไว้ว่า "หลวงพ่อฤๅษีลิงดำบอกไว้ว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชมาเกิดเป็นรัชกาลที่ ๙" อาตมาอยู่กับหลวงพ่อมาทั้งชีวิต ไม่เคยได้ยินคำพูดของท่านอย่างนี้เลย

สิ่งที่หลวงพ่อท่านพูด ก็คือลักษณะที่พระพูด จะพอเหมาะ พอดี พอควร ต่อก็เกิน ตัดก็ขาด สมบูรณ์บริบูรณ์ในตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องเสือกมาทะลึ่งขยายความ...! เพราะมีแต่จะเป็นการดึงฟ้าต่ำหรืออิงสถาบัน กลายเป็นว่าครูบาอาจารย์พูดอย่างนั้นเป็นการประจบสถาบัน แต่ก็มีพวกแสนรู้ที่พยายามจะบรรยายขยายความ โดยคิดว่ากูรู้...ต้องใช่ แต่ไม่ได้ดูความเหมาะสมอะไรเลย ลูกศิษย์ประเภทนี้เขาเรียกว่าโง่แล้วขยัน...! ในทางทหารเขาบอกว่าให้ฆ่าทิ้งให้หมด

ทางทหารเขาแบ่งคนเป็น ๔ ประเภท ประเภทที่ ๑ ก็คือโง่แล้วขี้เกียจ ประเภทที่ ๒ โง่แล้วขยัน ประเภทที่ ๓ ฉลาดแล้วขี้เกียจ ประเภทที่ ๔ ฉลาดแล้วขยัน ท่านบอกว่าพวกฉลาดแล้วขยันให้ส่งไปแนวหน้า พวกนี้จะสร้างผลงานได้ดีมาก พวกโง่แล้วขี้เกียจให้ส่งไปอยู่กับพวกฉลาดแล้วขยัน พวกที่ฉลาดแล้วขยันจะลากไปได้เอง ส่วนพวกฉลาดแล้วขี้เกียจให้อยู่แนวหลัง คอยวางแผนส่งไปให้พวกฉลาดแล้วขยันนั้นทำ ส่วนพวกโง่แล้ว
ขยันท่านว่าฆ่าทิ้งให้หมด มีแต่จะทำให้หน่วยงานพินาศย่อยยับในเวลาไม่นาน"

เถรี 13-01-2017 21:53

"ฉะนั้น...พวกเราพึงสังวรไว้ว่า สิ่งที่หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านพูดนั้น พอดี พอควร พอเหมาะแล้ว ต่อก็เกิน ตัดก็ขาด สมบูรณ์บริบูรณ์อยู่ในตัว ไม่ต้องเสือกขยายความโง่ด้วยการไปอวดฉลาด โดยการที่ไปฟันธง อาตมายืนยันว่าฟันไปก็ธงหัก...! เพราะถ้าคนพูดบอกเองว่าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แล้วตัวเองจะทำหน้าอย่างไร ? เพราะตัวเองก็ไม่ได้รู้เอง แต่ใช้วิธีตีความโดยการอนุมานเอา

หลายอย่างที่อาตมาพูดก็อยู่ในลักษณะเดียวกันว่า พอเหมาะพอดีในสถานการณ์แล้ว ไม่ต้องไปขยายความต่อ ถ้าใครโง่ฟังไม่เข้าใจก็ปล่อยให้โง่ต่อไป...! ตัวเองโง่แล้วอย่าดันไปขยัน เพราะว่าบางอย่างเป็นการกระทบสถาบัน อยู่ในลักษณะในการดึงฟ้าต่ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางการทหารถือว่าน่ารังเกียจมาก

แต่เท่าที่อาตมาสังเกตมา พวกโง่แล้วขยันนี่มีมากเป็นพิเศษ มักจะอวดรู้อวดฉลาดอยู่เสมอ แล้วก็ทำให้สถานการณ์ที่ดี ที่เหมาะ ที่ควร สวยงาม พอเหมาะ พอดี พังบรรลัยไปทุกครั้ง
ตราบใดที่เรายังรู้ไม่จริง อย่าพยายามไปพูด ท่านที่รู้จริงท่านจะรู้ด้วยว่าควรพูดได้แค่ไหน ไม่ต้องไปไกลหรอก เว็บบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างเว็บพลังจิตนี่แหละ พวกแสนรู้มีเยอะเป็นพิเศษ...!"

เถรี 14-01-2017 21:53

พระอาจารย์กล่าวว่า "ที่โยมเห็นครอบแก้วอยู่หลังตู้หนังสือนั่น ปกติอาตมาจะตั้งเบี้ยแก้อยู่ แต่วันงานนี้ต้องเอาเบี้ยแก้ไปเก็บก่อนเพราะแพง มีเบี้ยแก้ประหลาดอยากจะให้ดูกัน เป็นเบี้ยแก้ของหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ไม่มีใครคิดว่าท่านจะทำเบี้ยแก้พอกครั่ง อาตมามีอยู่ ๔ ตัว ยังตัดใจปล่อยไม่ได้ เป็นของทำจำเพาะ รุ่นเดียวแล้วเลิกเลย

สมัยก่อนตอนอยู่บ้านสายลม ท่านเจ้ากรมเสริมฯ เอามีดหมอดาบฟ้าฟื้นของหลวงพ่อวัดท่าซุง วางบูชาไว้หน้าหิ้งพระอย่างนี้แหละ อาตมาดูแล้วว่าท่านเจ้ากรมฯ ไว้ใจคนเกินไป ก็เลยเอาไปเก็บไว้บนหลังตู้แทน ปรากฏว่าวันนั้นท่านออกมาไหว้พระ ถามว่าเห็นมีดหมอของผมไหม ? เรียนท่านว่าอยู่บนหลังตู้ครับ พอท่านเห็นว่าต้องให้อาตมาช่วยเก็บให้ท่าน คราวหลังท่านก็
เลยเก็บเอง ไม่ต้องเสียเวลาให้คนอื่นช่วยระวังแทน

คนเราถ้าไม่มีโอกาสก็ไม่ทำผิด ถ้ามีโอกาสแล้วกำลังใจสู้กิเลสไม่ได้ก็จะทำผิด เพราะฉะนั้น...อย่าเปิดโอกาสให้คนอื่นเขาได้ทำผิด เพราะจะกลายเป็นว่าเราสนับสนุนให้เขาทำชั่ว หลวงพ่อสมศรีท่านบอกว่า "อย่าขัดใคร อย่าทำตามใคร อย่าทำตามใจตัวเอง ให้ทำตามของคำสอนพระพุทธเจ้า"

เถรี 14-01-2017 22:01

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนอาตมาถวายการรับใช้หลวงปู่หลวงพ่อสายวัดป่าอยู่หลายสิบรูป เนื่องจากว่าเป็นเด็กวัยรุ่นวิ่งคล่อง ๆ ท่านก็เรียกใช้ โดยเฉพาะว่าไม่กลัวพระ เด็กบางคนจะกลัวพระ อย่างหลวงพ่อวัน วัดภูผาเหล็ก (วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม) ท่านล่ำสันสูงใหญ่ เด็ก ๆ บางคนเห็นตกใจวิ่งหนีเลย ถ้าหากว่าเปรียบกันแบบชนิดที่ไม่เกรงใจ ก็คือคิดว่าองคุลีมาลเดินมา

สมัยของอาตมา เด็ก ๆ จะโดนขู่ว่าเดี๋ยวโดนพระธุดงค์จับไป พอพระธุดงค์ห่มผ้าจีวรสีกรักออกดำ ๆ เดินมา เด็ก ๆ วิ่งหนีหมดแหละ แต่อาตมาไม่กลัว ในเมื่อไม่กลัวก็เข้าไปถวายการรับใช้ท่าน ต้องการน้ำใช้ น้ำฉันอะไร เวลาท่านบอกก็ทำได้คล่องตัว ท่านจึงชอบใจ

ตอนแรกที่ยังไม่รู้ เห็นหม้อกรองน้ำมีผ้าโปร่งติดข้างบน แล้วข้างใต้ก็มีท่อน้ำไหลอยู่ ด้วยความที่ไม่รู้ ก็จัดการตักน้ำเสร็จก็เปิดให้ไหลลงทางด้านใต้ ท่านบอกว่า "ไม่ใช่..! กรองน้ำเสร็จแล้วให้เทกลับทางเดิมอีกทีหนึ่ง เป็นการกรองซ้ำ" แปลว่าให้เทออกทางปาก ไม่ให้เทออกทางก้น แต่คนโดยทั่ว ๆ ไปจะกรองครั้งเดียว ส่วนของพระสายวัดป่าท่านให้กรองซ้ำ ที่กรองน้ำเพื่อป้องกันพวกลูกน้ำอะไรติดเข้าไป แล้วจะเผลอฉันเข้าไปด้วย

อีกอย่างหนึ่งในป่านั้น พวกปลิงพวกทาก บางทีก็อยู่ในน้ำ อันตรายเหมือนกัน ไปรู้จักวิธีการล้างบาตร เช็ดบาตร ผึ่งบาตร ก็ตอนที่ท่านให้ทำถวายนั่นแหละ ตอนไปใหม่ ๆ ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก"

เถรี 14-01-2017 22:05

"สมัยโน้นพอเห็นท่านปฏิบัติเคร่งครัด แล้วเรื่องปาฏิหาริย์บางอย่างท่านก็ทำเป็นปกติ จึงมีความรู้สึกว่า ถ้าเราบวชก็จะบวชกับพระสายวัดป่านี่แหละ มีโอกาสเจออยู่หลายรูป แต่ปรากฏว่าไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร พอหลวงปู่ฝั้นมรณภาพในปี ๒๕๒๐ อาตมารู้จักหลวงพ่อฤๅษีฯ ปี ๒๕๑๘ เหมือนกับว่าท่านส่งช่วงต่อกัน

ปี ๒๕๑๘ รู้จักหลวงพ่อฤๅษีฯ ก็เริ่มหันมาฝึกปฏิบัติทางสายวัดท่าซุง เพราะว่าสายวัดป่าเหมือนกับให้พวกเราหากินเอง ติดขัดตรงไหนแล้วค่อยไปถามท่าน แต่หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงนี่ท่านทำเตรียมไว้ให้แล้ว ตักใส่ปากอย่างเดียวเลย

พอ
วันที่ ๓ มกราคม ปี ๒๕๒๐ หลวงปู่ฝั้นมรณภาพ พระราชทานเพลิงเสร็จ ปี ๒๕๒๑ อาตมาก็ได้ฝึกมโนมยิทธิพอดี จากที่หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านไม่ได้เปิดฝึกมานานเป็นสิบ ๆ ปี พอเปิดฝึกมโนมยิทธิ อาตมาฝึกได้ก็เลยติดหนึบมาทางด้านนี้ ทางด้านโน้นก็นาน ๆ โผล่ไปกราบครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นหลวงปู่หลวงพ่อแต่ละท่านว่าอะไร เพราะว่าตอนช่วงนั้นนี่ส่วนใหญ่แต่ละท่านดังมากแล้ว พอดังมากบรรดาลูกศิษย์เข้าไปถวายการรับใช้ก็มีมาก

อาตมารู้จักหลวงพ่อวิริยังค์ตั้งแต่ท่านยังเป็นพระหนุ่ม ๆ อยู่ ตอนนี้ท่าน ๙๐ กว่าปีแล้ว ไปเจอกันครั้งสุดท้ายในงานทำบุญอายุ ๘๕ ปีหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ ก็ไปกราบท่าน เรียนว่า "หลวงปู่...ผมบวชได้เท่านี้พรรษาแล้ว" ท่านก็ว่า "หรือ... ลูกเต้าเหล่าใครล่ะ ?" เรียนท่านว่า "ลูกแม่ฮวยครับ" ท่านก็ "อ๋อ" ท่านจำแม่ได้ อาตมาเป็นเด็กก็โตไปเรื่อย แต่ถ้าเอ่ยชื่อคนแก่ท่านจะจำได้ง่าย"

เถรี 14-01-2017 22:08

"ตอนหลวงปู่อายุ ๗๐ กว่าจะ ๘๐ ยังเดินขึ้นเจดีย์เป็นว่าเล่นเลยนะ โอ้โฮ...แข็งแรงจริง ๆ ท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านทันหลวงปู่มั่นตอนเป็นเณร อายุตอนนี้ ๙๐ กว่า ทันหลวงปู่มั่นตอนเป็นเณร

ท่านบอกว่าหลวงปู่มั่นเวลาแสดงธรรมเสียงท่านเบา ต้องตั้งใจเงี่ยหูฟังถึงจะได้ยิน คราวนี้บรรดาครูบาอาจารย์รุ่นใหญ่ขึ้นไปกราบเรียนปรึกษาข้อธรรม ขอความรู้เรื่องเกี่ยวกับอารมณ์ใจ ว่าติดขัดแบบโน้น ติดขัดแบบนี้ ต้องแก้ไขอย่างไร ? ท่านเองมีหน้าที่ต้มน้ำถวายพระเถระก็ต้มไป แล้วก็แอบฟัง เงี่ยหูฟังลอดกระดานอยู่ใต้ถุนกุฏิ ต้มน้ำอยู่ใต้ถุนกุฏิ ปรากฏว่าฟังเพลิน หันมาอีกทีหม้อพังไปแล้ว น้ำเดือดจนแห้งหม้อดินแตกไปเลย

โอ้โฮ...กลัวท่านว่าเสียจนกระทั่งบอกไม่ถูก แทบจะหอบบาตรหนีเลย เรียนถามว่าทำไมกลัวขนาดนั้น ? ท่านว่าก็ไม่รู้เหมือนกัน สมัยก่อนกลัวพระมาก แต่ท่านจะไม่ดุถ้าเราไม่ทำผิดอะไร แต่ถ้าทำผิดท่านจะดุแบบไม่ไว้หน้า ก็คือจะดุให้จำตลอดชีวิตเลย แล้วท่านก็กลัวมาก บอกว่าแทบจะหอบบาตรหนี ท่านว่าอย่างนั้น ยังดีที่หลวงปู่มั่นท่านบอกว่า เณรไปหาหม้อใหม่มา ไปขอหม้อโยมในหมู่บ้านมา ก็เลยไปบอกโยมว่าหลวงปู่มั่นขอหม้อต้มน้ำใบหนึ่ง โยมก็หาหม้อดินใหม่ให้ ได้มาค่อยยังชั่วหน่อย รู้สึกว่ารอดตาย มัวแต่เงี่ยหูฟังธรรมจนลืมงานตัวเอง

ตั้งใจฟังประสบการณ์ของครูบาอาจารย์แต่ละท่าน ท่านบอกว่าเรื่องของจิตบางท่านโลดโผนพิสดารมาก ฟังจนเพลิน ลืมหมดทุกอย่าง บางท่านก็โชคดีนะ เจอครูบาอาจารย์ตั้งแต่เป็นเณรเล็ก ๆ บางท่านก็มาเจอเอาตอนแก่แล้ว"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:16


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว