กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=39)
-   -   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5376)

เถรี 18-01-2017 09:52

เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๐
 
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ตามที่เราเคยมีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ วันนี้สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกพวกเรา ก็คือ ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องใช้ปัญญาในการกวดขันตัวเอง ถ้าถามว่าปัญญาของเราจะเกิดขึ้นได้อย่างไร ? ปัญญาของเราจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีศีล เมื่อเรารักษาศีลตามสภาพของเรา ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ก็ตาม สภาพจิตที่ต้องคอยระมัดระวังไม่ให้ศีลบกพร่อง ก็จะกลายเป็นสมาธิ

บุคคลที่สภาพจิตเป็นสมาธิ ย่อมมีความสงบสงัดจากกิเลสชั่วคราว ปัญญาก็จะเกิด ทำให้เราเห็นวิธีการว่า ทำอย่างไรที่จะรักษาอารมณ์ภาวนาให้อยู่กับเราให้นานที่สุด ไม่ใช่เลิกภาวนาก็เลิกไปด้วย อย่างเช่นว่าลุกจากที่นั่งไปไม่กี่นาทีก็หายหมดแล้ว

เมื่อเรารักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ เท่ากับเป็นพื้นฐานในการสร้างสมาธิ สมาธิของเราเมื่อทรงตัว สภาพจิตสงบสงัดจากกิเลส ปัญญาก็จะเกิด ก็ต้องพิจารณาว่าตอนนี้เรามีความดีหรือความชั่วอยู่ในใจ ? ถ้าไม่รู้ว่าหน้าตาความชั่วเป็นอย่างไร ก็มาดูว่านิวรณ์ ๕ กินใจเราได้หรือไม่ ?

สภาพจิตของเราตอนนี้ฟุ้งซ่านไปในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศหรือไม่ ? ฟุ้งซ่านไปในความโกรธเกลียดอาฆาตพยาบาทผู้อื่นหรือไม่ ? ฟุ้งซ่านในความหงุดหงิดรำคาญใจบ้างหรือไม่ ? มีความง่วงเหงาหาวนอนชวนให้ขี้เกียจปฏิบัติบ้างหรือไม่ ? มีความลังเลสงสัยว่าผลการปฏิบัตินี้จะให้เกิดผลจริงหรือไม่ ? ถ้าสภาพจิตของเรามีนิวรณ์ ๕ อย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ข้างใน ก็แปลว่าสภาพจิตของเราแย่แล้ว โดนข้าศึกยึดเมืองไปแล้ว ก็ต้องหาทางขับไล่ข้าศึกออกไป

วิธีขับไล่ที่ดีที่สุดคือรีบมาอยู่กับลมหายใจเข้าออก กำหนดดูกำหนดรู้ลมหายใจของเราไป ถ้าลมหายใจทรงตัวเมื่อไร นิวรณ์ก็จะสลายตัวไปชั่วคราว ไม่สามารถที่จะเกาะกินใจของเราได้ หลังจากนั้นเราก็ทบทวนว่าตั้งแต่เช้ามาจนบัดนี้ เรามีสิกขาบทไหนบริสุทธิ์บริบูรณ์บ้าง ? มีศีลสิกขาบทไหนบกพร่องบ้าง ?

เถรี 19-01-2017 12:49

ในเมื่อในส่วนของการประพฤติปฏิบัติ เราสามารถที่จะตามดูตามรู้ใจของเราไปเรื่อย ว่าตอนนี้นิวรณ์ไม่สามารถกินใจของเรา เพราะเราอยู่กับลมหายใจเข้าออก สภาพใจของเราตอนนี้มีสมาธิตั้งมั่น รัก โลภ โกรธ หลง กินใจไม่ได้ชั่วคราว เมื่อใจสงบสงัด ปัญญาเกิด ถ้าระมัดระวังป้องกันไม่ให้นิวรณ์เข้ามาไม่ได้ ต้องหาวิธีเข่นฆ่าทำลายเสีย นั่นก็คืออยู่กับลมหายใจเข้าออกของเรา

แรก ๆ ก็ได้แค่ชั่วคราว พอนานไปก็สามารถอยู่ได้นานขึ้นไปเรื่อย ๆ สภาพจิตยิ่งผ่องใสนานเท่าไร เราก็สามารถที่จะรักษาอารมณ์ใจของเราให้อยู่ในความดีได้นานเท่านั้น นั่นก็คือปัญญาในขั้นต้นที่ทำให้เราเห็นว่าอะไรควรยึด อะไรควรละ สิ่งที่เราควรยึดคือลมหายใจเข้าออกและคำภาวนา สิ่งที่เราควรละก็คือนิวรณ์ต่าง ๆ ทั้ง ๕ ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ถ้าเผลอสติไหลตามนิวรณ์ไป เมื่อรู้ตัวก็ให้รีบดึงกลับมาอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกใหม่

เมื่อทำไปเรื่อย ๆ บางทีก็เกิดความเบื่อหน่าย ว่าทำไมต้องทำไม่รู้จักเลิก ความเบื่อเช่นนั้นเป็นของดีมาก ถ้าหากว่าเราไม่เบื่อ เราก็ไม่อยากจะหลีกไปให้พ้น ฉะนั้น...เราต้องรักษาความเบื่อให้ทรงตัวเอาไว้ แล้วพิจารณาว่าตัวเราจะเบื่ออย่างไรก็ตาม หากไม่ถึงอายุขัยตายลงไป เราก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงสภาพของความทุกข์ยากเช่นนี้ได้

ถ้าเป็นอย่างนั้น เราต้องกำหนดใจว่า ถ้าตัวเราจะตายลงไปเพราะหมดอายุขัยก็ดี หรือตายลงไปเพราะอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ก็ตาย เราขอไปที่พระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น

เถรี 19-01-2017 12:50

แล้ววางกำลังใจคอยทบทวนดูว่า ศีลทุกสิกขาบทของเราบริสุทธิ์บริบูรณ์หรือไม่ ? ถ้ายังขาดตกบกพร่อง ก็พยายามทำให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้าสมบูรณ์บริบูรณ์ดีอยู่แล้วก็รักษาให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้าหากว่าเราทำอย่างนี้สลับกันไปสลับกันมา ศีล สมาธิ ปัญญา ก็จะเกาะเกี่ยวเป็นอย่างเดียวกัน คือ ศีลสร้างสมาธิ สมาธิสร้างปัญญา ปัญญาคอยควบคุมศีล เหมือนกับฟั่นเชือกโดยอาศัยเชือก ๓ เส้น ฟั่นเป็นเชือกเส้นใหญ่เส้นเดียว

เมื่อเป็นเช่นนั้นสภาพจิตที่ผ่องใสขึ้นเรื่อย ๆ เพราะนิวรณ์กินใจเราไม่ได้ ถ้าหากว่าสามารถยืนระยะได้ยาวนาน นิวรณ์ทั้งหลายถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง นิโรธ คือ ความดับจากกิเลสทั้งปวงก็จะปรากฏขึ้นแก่เราเอง

อันดับต่อไปให้ทุกท่านภาวนาพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญานบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๗ มกราคม ๒๕๖๐

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้า)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:38


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว