เก็บตกบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมิถุนายน ๒๕๖๓
"เอาตอนนี้เลยครับ" หา..? อาตมาอ้าปากค้าง เมื่อจอมเทพแห่งจตุมหาราชิกาภูมิบอกหน้าตาเฉย ขณะที่อาตมากำลังนั่งลงเพื่อเจริญพระกรรมฐานรอบเช้า เอิ่ม..มีใครบอกกับพ่อปู่บ้างไหมว่า เวลาไม่ได้อยู่ในภาค ย.ยักษ์เขี้ยวใหญ่แล้ว พ่อปู่หล่อล่ำกว่านายอาร์โนลด์อีก..?!
ความจริงวันนี้อาตมาต้องไปปลุกเสกมีดลูกพราหมณ์และเหรียญท้าวเวสสุวรรณที่วัดพังตรุ อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี แต่เวลาที่ท่านอาจารย์พระมหาธวัชชัย กลฺยาโณ ป.ธ. ๙ เจ้าคณะอำเภอพนมทวนนัดไว้คือบ่ายโมงตรง... ในเมื่อเวลาไม่ได้อยู่ในระยะเวลาของการสงเคราะห์ พ่อปู่อาร์โนลด์ เอ๊ย...พิมพ..เอ๊ย..กุเวร (ทำไมชอบนึกว่าเวรแล้วกู..?!) จึงให้เริ่มเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย... น้อมจิตนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบ ๆ กันมา มีหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค และหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง เป็นที่สุด... พุ่งจิตออกไปยืนหยัดอยู่นอกขอบจักรวาล ด้วยท่าที่คิดว่าเท่ที่สุดแล้ว ประมาณว่า "ข้ามาคนเดียว" แผ่พุ่งพลังจิตออกไปเหมือนกับเหวี่ยงแห ครอบใส่ดาราจักรมหึมาที่หมุนวนเป็นวงกลมคล้ายกงจักร รวบแล้วดึงเอาพลังงานมหึมามโหฬารจนประมาณไม่ถูกเข้ามาทันที..! "เฮ้ย..หยุด..เดี๋ยวตาย..!" เสียงหลวงพ่อฤๅษีฯ ตวาดพร้อมกับไม้เท้าฟาดเปรี้ยงลงกลางกบาล ก่อนที่จะกวาดไม้เท้าออกขวางหน้า พลังงานหลากสีที่แผ่ออกมาขวางเอาไว้ เหมือนเขื่อนยักษ์สกัดสายน้ำป่าที่เชี่ยวกรากจนอยู่หมัด..! "ใครสอนให้เอ็งทำแบบนี้วะ ?" "เกล้าฯ เองขอรับ เกล้าฯ ประมาณความฉลาดของมันผิดไปหน่อยขอรับ" คลำหัวที่เจ็บลึกเจ็บจริง..ขายหน้าสิ้นดี..ต้องให้ครูบาอาจารย์มาออกหน้ารับแทน... "เอาใหม่โว้ย..ใจเย็น ๆ อย่าโง่แล้วอวดฉลาด เดี๋ยวก็ได้ระเบิดตัวเองเป็นฝุ่นไปเท่านั้นเอง" หลวงพ่อฤๅษีฯ เมตตาแนะนำ "เริ่มจากขอบารมีพระแบบตอนที่เอ็งแผ่เมตตาก่อน นั่นแหละ..ให้ภาพพระกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตัวเองก่อน แล้วแผ่กว้างออกไปตามลำดับจนคลุมไปทั้งโลก.." "คราวนี้ขยายออกไปจนทั่วสุริยจักรวาล ขยายออกไปจนคลุมดาราจักรทางช้างเผือก แล้วค่อย ๆ รวบกลับมา จากใหญ่ลดลงมาเป็นกลาง จากกลางลดลงมาเป็นเล็ก แล้วดึงเข้ามาในร่างกาย จากนั้นค่อยส่งลงไปที่วัตถุมงคล.." สรุปว่าอาตมาโง่แล้วขยัน ข้ามขั้นตอนไปเลย จะเอาน้ำทั้งมหาสมุทรเทใส่ขวดทีเดียว จนเกือบจะวางระเบิดตัวเองไปแล้วไหมล่ะ..! |
มีดทุกเล่ม วัตถุมงคลทุกชิ้น เปล่งแสงสว่างเจิดจ้า "คาถา" พ่อปู่อาร์โนลด์กำชับขณะกลับร่างเป็น ย.ยักษ์เขี้ยวใหญ่ ยกกระบองยาวกดปลายลงไปยังกองวัตถุมงคล ท่านี้คุ้น ๆ เหมือนกำลังตำข้าวหรือตำขนมจีนด้วยสากมือ "โป๊กกก..!" พ่อปู่ไม่ทันว่าอะไร โดนหลวงพ่อฤๅษีฯ ฟาดกบาลซ้ำไปอีกทีแล้ว..!
"สักกัสสะ วชิราวุธัง ยะมัสสะ นะยะนาวุธัง อาฬะวะกัสสะ ธุสาวุธัง เวสสุวัณณัสสะ คะทาวุธัง นารายะณัสสะ จักราวุธัง ปัญจะอาวุธานัง เอเตสังอานุภาเวนะ สัพพะศัตรู วินาสสันติ" คาถาวันนี้เหมือนกับโดนผูกใหม่ขึ้นมาโดยเฉพาะ... "หัวใจ" พูดให้ยาวหน่อยก็ได้มั้ง ? ยังดีที่พอจะมีวัวปนอยู่บ้าง ถึงพอที่จะฟังรู้เรื่อง "เวสสะ ภุสสะ นะโมพุทธายะ" เทพอาวุธขยายใหญ่ประดุจเขาพระสุเมรุ พลังที่แผ่ออกมาแทบจะบดภูเขาให้เป็นผุยผง..! ภาพพระพุทธเจ้าทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตทั้ง ๕ พระองค์ ปรากฏขึ้นพร้อมฉัพพรรณรังสีสว่างไสวไปทั้งจักรวาล ทุกรูปทุกนามกราบลงแทบพระบาท พระรูปพระโฉมเลื่อนลับกลับคืนไปเร็วพอ ๆ กับตอนที่มา... "เสร็จแล้ว" กลับคืนมาหล่อเหมือนเดิม ไม้ตีพริก เอ๊ย..กระบองเอาไปซุกไว้ที่ไหนก็ไม่รู้ ? อาตมากราบขอบพระคุณทุกท่านทุกองค์ โดยเฉพาะหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ที่เมตตาสงเคราะห์ และเมตตารับผิดแทนลูกศิษย์โง่ ๆ คนนี้ ลืมตาขึ้นมาตีห้าตรงพอดี ๑ ชั่วโมง ๑๐ นาทีเต็ม ๆ..! |
"ถ้าให้เลือกเครื่องรางในดวงใจ ๑๐ ชิ้น หลวงพ่อจะเลือกอะไรบ้างครับ ?"
"ทำไมให้แค่ ๑๐ ชิ้น ? สัก ๓๐ ชิ้นยังเลือกยากเลย แต่ถ้าจำกัดให้แค่นั้นจริง ๆ ก็จะเลือกตามลำดับดังนี้... ๑. มีดหมอเทพศาสตรา หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ โดยเฉพาะมีดปากกา ๓ กษัตริย์ ถือเป็นมีดหมอในฝันของนักเล่นเครื่องรางของขลังทุกคน ถ้าไม่ได้ก็จะเลือก มีดหมอปราบไตรภพ หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว มีดหมอเทพศาสตรามหาปราบ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว มีดหมอเทพศาสตรามหาปราบ หลวงปู่ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ มีดหมอเทพศาสตราหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล หรือมีดหมอเทพศาสตรา หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม อย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งอานุภาพเป็นที่เชื่อถือได้ทุกสำนัก... ๒. เสือหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย ต้นตำรับเขี้ยวเสือแกะราคาแพงหูดับมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ ทรงมีพระราชหัตถเลขาบันทึกเอาไว้ว่า ในยามที่มีผู้เสาะแสวงหากันมาก ราคาขึ้นไปถึง ๑ ตำลึงหรือ ๖ บาทก็มี ถ้าไม่ได้ก็ขอเป็นเสือหลวงพ่อเฮง วัดเขาดิน ซึ่งมีพระราชหัตถเลขาของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๕ บันทึกเอาไว้คู่กันมากับหลวงปู่ปานต้นตำรับ หรือว่าเสือหลวงพ่อนก วัดสังกะสี เสือหลวงพ่อสาย วัดบางเหี้ย ศิษย์สายตรงหลวงปู่ปาน เสือหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว และเสือหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส ซึ่งถ้าได้ฝีมือลุงถนอมแกะก็งามสุด ๆ ไปเลย ๓. หนุมานพิมพ์หน้าโขน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน ถือเป็นเครื่องรางรูปหนุมานอันดับ ๑ ของประเทศไทย จะเป็นรากพุดซ้อนหรืองาแกะก็ได้ ถ้าหาไม่ได้ก็ขอเป็นหนุมานหลวงพ่อกุน วัดพระนอน หนุมานหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หนุมาน (ลิง) หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว หนุมานหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ หรือ หนุมานท่านอาจารย์เฮง ไพรวัลย์ ฆราวาสผู้ทรงอภิญญา... ๔. เบี้ยแก้หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ซึ่งถึงพร้อมทั้งกันและแก้ แถมมหาอุดหยุดปืนอีกต่างหาก หรือถ้าได้เบี้ยแก้หลวงปู่รอด วัดนายโรง ๑ ใน ๙ เครื่องรางสะท้านแผ่นดินก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ไม่เช่นนั้นก็ขอเป็นเบี้ยแก้หลวงพ่อภักตร์ วัดโบสถ์ เบี้ยแก้หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว เบี้ยแก้หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ เบี้ยแก้หลวงพ่อนุ่ม วัดนางในก็ได้ จะสายอ่างทองหรือสายวัดกลางบางแก้วก็สุดยอดทั้งนั้น... ๕. พระขรรค์เขาควายเผือกฟ้าผ่าตาย หลวงพ่อโสก วัดปากคลองบางครก สุดยอดเทพศาสตราวุธที่ถึงพร้อมทั้งกันและแก้ โดยเฉพาะการถอนคุณไสยถอนวิชาทั้งปวง ถ้าไม่ได้ก็ขอฝันไปถึงพระขรรค์โสฬส หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พระขรรค์เทพศาสตรา หลวงพ่อขำ วัดเขาแก้ว ครูบาอาจารย์ผู้สอนวิชาสร้างมีดหมอเทพศาสตราให้แก่หลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล และหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ หรือจะเป็นพระขรรค์สะกดวิญญาณ หลวงพ่อแจ่ม วัดวังแดงเหนือ ถ้าได้พระขรรค์ประจำตระกูลลายมือจารของหลวงพ่อแจ่มเอง ก็สุดยอดไปเลย ถ้าไม่ได้ระดับนั้นขอเป็นพระขรรค์ปากกาก็ยังดี ถ้าไม่มีก็พระขรรค์ไม้พญางิ้วดำ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ หรือฝันให้ไกลไปให้ถึงก็ต้อง พระขรรค์เทพศาสตรามหาปราบไตรโลก หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว บรมครูแห่งลุ่มน้ำแม่กลอง ที่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า แนะนำให้เสด็จในกรมหลวงชุมพรไปขอมาเป็นอาวุธคู่พระหัตถ์ให้ได้... |
๖. ตะกรุดมหาโสฬส หลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ที่ต้องเสกด้วยโองการมหาทะมื่นหนึ่งหมื่นจบ กว่าจะสำเร็จออกมาแต่ละดอกใช้เวลาถึง ๓ ปี..! ถ้าไม่มีขอเป็น ตะกรุดไมยราพณ์สะกดทัพ หลวงพ่อกุน วัดพระนอน ตะกรุดคู่ชีวิต หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ตะกรุดมหาระงับ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ตะกรุดมงกุฎพระพุทธเจ้า หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง หรือตะกรุดจันทร์เพ็ญ (คงคาวดี) หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าก็ได้ แต่ละอย่างบางคนทั้งชีวิตไม่เคยได้เห็นสักดอก มีเงินอย่างเดียวไม่สามารถที่จะหามาครอบครองได้ ต้องเคยสร้างบุญร่วมกับท่านมาด้วยถึงจะพอมีหวัง...
๗. พระราหูกะลาตาเดียว หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง สุดยอดวัตถุมงคลในการแก้อาถรรพ์แก้ชงทั้งปวง ถ้าไม่มีขอเป็นกบกินเดือน (พระราหูกะลาตาเดียว) ครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ หรือกบกินเดือน ครูบาเจ้าอโนชัยธรรมจินดา พระอาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชาให้กับครูบานันตา ถ้าไม่ได้ระดับปรมาจารย์ ก็ย้อนกลับมาที่หลวงพ่อปิ่น วัดศีรษะทอง ลูกศิษย์สายตรงของหลวงพ่อน้อย หรือไม่ก็โดดไปภาคอีสาน พระราหูของญาท่านสวน วัดนาอุดม จะเป็นกะลาตาเดียวหรืองาแกะก็ได้ หรือถ้าทุนทรัพย์ถึง ก็จตุคามรามเทพปี ๒๕๓๐ ต้นตำรับจตุคามรามเทพซึ่งล้อมด้วยพระราหู ๘ ตน ที่ราคาไม่ได้ตกตามท้องตลาดไปสักเท่าไรเลย... ๘. ตะกรุดไม้ครู หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร เครื่องรางของขลังที่สร้างได้ยากที่สุดในโลก เพราะว่าต้องหากอไผ่ที่โดนฟ้าผ่าล้มขวางด่านช้างไปทางทิศตะวันออก แล้วช้างทั้งโขลงเดินข้ามไปโดยไม่ดึงมากินแม้แต่นิดเดียว ถึงจะทำการพลีขอเจ้าป่าเจ้าเขานำมาทำเป็นไม้เท้า แล้วต้องเอาไม้เท้านี้ไปจิ้มศพซึ่งตายวันเสาร์เผาวันอังคารให้ได้ครบ ๗ ศพ ถึงจะนำเอามาจักเป็นตอก ลงพระนามที่ได้รับมาจาก "เบื้องบน" บรรจุลงในแท่งไม้ที่เตรียมเอาไว้ จึงสำเร็จเป็นไม้ครู ที่เรียกว่าไม้พ่อครูบ้าง นิ้วเพชรพระอิศวรบ้าง อานุภาพอยู่ในระดับต้นชี้ตายปลายชี้เป็น ที่หลวงปู่ภูกล่าวอย่างเต็มปากเต็มคำว่า "ไม่มีใครสร้างได้เหมือนกู" จึงไม่ต้องเสียเวลาไปหาของครูบาอาจารย์ท่านอื่นมาทดแทน..! ๙. ลูกอมมหาจินดามณีมนตราคม หลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตา ลูกอมอันดับ ๑ ของประเทศไทย ที่สร้างจากเนื้อผงแท้ ๆ แต่กลายเป็น "แก้ว" ไปหมดแล้ว ถ้าหาไม่ได้ขอเป็นลูกอมแร่บางไผ่ หลวงปู่จัน วัดโมลี ๑ ใน ๙ เครื่องรางสะท้านแผ่นดิน หรือ ลูกอมเนื้อเมฆสิทธิ์ หลวงปู่ทับ วัดอนงคาราม ลูกอมเนื้อเมฆพัตร หลวงปู่เนียม วัดน้อย ลูกอมชานหมาก หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา ปิดท้ายด้วยลูกอมผงวิเศษยันต์เกราะเพชร หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ขอเลือกเฉพาะลูกที่เป็น "แก้ว" แล้วเท่านั้น..! ๑๐. หวายหรือเชือกคาดเอว หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ถ้าเป็นหวายคาดเอวก็มีอานุภาพพิเศษ ถึงเวลาอธิษฐานโยนลงในทะเล น้ำในวงหวายจะกลายเป็นน้ำจืด สามารถตักมาดื่มกินได้ แต่ถ้าเป็นเชือกคาดเอวลงรักแดงลายตะขาบไฟงามสุด ๆ ก็ต้องรีบคว้าเอาไว้เช่นกัน ถ้าหาไม่ได้ขอเป็นเชือกคาดเอวพร้อมตะกรุด หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หรือ เชือกคาดเอวหลวงพ่อโชติ วัดตะโน หลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์ หลวงพ่อเชน วัดสิงห์ และหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม สำนักใดสำนักหนึ่งก็ได้... นี่ยังไม่ได้กล่าวถึงปลัดขิก แหวนพิรอด สีผึ้ง สิงห์มหาอำนาจ แพะมหาเสน่ห์ หลวงพ่อปู่พระฤๅษี ชูชกฯลฯ เลย เพราะว่าโดนจำกัดเอาไว้ด้วยจำนวน ๑๐ ชิ้น จึงเอาแค่พอสังเขปเพียงเท่านี้ก็แล้วกัน... |
ประเทศอินเดียกำลังเจอภัยธรรมชาติซ้ำซ้อน นอกจากเชื้อไวรัส covid-๑๙ ที่อาละวาดจนมีผู้ติดเชื้อเป็นแสนรายแล้ว ยังถูกรางวัลใหญ่ซ้ำซ้อนอีกก็คือ พายุไซโคลนอำพันเพิ่งจะพัดถล่มไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำเอาคนตายไปหลายสิบ วันนี้พายุไซโคลนลูกใหม่ชื่อ Nisargar กำลังจ่อรอถล่มซ้ำอีกแล้ว...
ถ้าว่ากันตามชื่อ นิ = ไม่, สาคระ = น้ำ, แหล่งน้ำ ความหมายคือไม่ใช่น้ำ แปลว่าพายุล้วน ๆ อะไรจะดวงดีป่านนี้..! เพิ่งรับรางวัลใหญ่ไปหยก ๆ ก็มีรางวัลใหญ่ตามมาติด ๆ แล้ว บนฟ้าเป็นน้ำและลม บนดินเป็นเชื้อโรค เหมือนวาระสุดท้ายของโลกจะมาถึงก็ไม่ปาน..! |
ส่วนที่สหรัฐอเมริกานั้น การตายของชายผิวดำที่โดนตำรวจจับกุมด้วยความรุนแรง ทำให้เกิดการประท้วงไปเกือบทั่วทั้งประเทศ มิหนำซ้ำ "ท่านประธานาธิบดีน็อตหลวม" ยังช่วยโหมฟืนใส่ไฟว่า looting start (เริ่มปล้น) shooting start (เริ่มยิง) ทำให้เกิดการเผาและปล้นสดมภ์กันทั่วเมือง จนทางการต้องปิดถนนที่มุ่งสู่ทำเนียบขาวทั้ง ๒ สาย เพื่อให้ท่านประธานาธิบดีปลอดภัย จะได้มีแรงสุมฟืนใส่ไฟต่อไป..!
จะว่าไปแล้วก็เป็นกรรมสนอง ที่สหรัฐอเมริกาทำตัวเป็นนักเลงโต เที่ยวไปวุ่นวายกับการเมืองของประเทศอื่นทั่วโลก โดยเฉพาะอยู่เบื้องหลังการประท้วงในฮ่องกง เมื่อม็อบฮ่องกงมีการเผาทำลาย ยังบอกว่า "เป็นภาพที่งดงาม" คล้าย ๆ กับ "อาหารอร่อยดนตรีไพเราะ" ของม็อบแถว ๆ ใกล้ ๆ บ้านเรานี่เลย..! เราจะเห็นความเป็น Double Standard ของสหรัฐอเมริกาที่ดำเนินการเกี่ยวกับการควบคุมฝูงชน ตัวเองไปเที่ยวชี้นิ้วบงการให้ประเทศอื่นยึดหลักสิทธิมนุษยชน แต่พอผงเข้าตาตัวเองกลับบอกว่า จะส่งทหารเข้าไปจัดการ..! ประมาณว่า "ท่านจงทำตามที่ข้าพเจ้าบอก แต่อย่าทำตามที่ข้าพเจ้าทำ..!"... ทำให้นึกถึงที่ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๙ ซึ่งให้สัมภาษณ์นักข่าวต่างประเทศว่า "พระองค์ท่านคิดว่าจะชนะในสงครามคอมมิวนิสต์นี้ไหม ?" พระองค์ท่านตรัสว่า "เราไม่สนใจการแพ้ชนะ เพราะว่าเราไม่รบกับประชาชนของเรา แต่เรารบกับความอดอยากของประชาชน ถ้าเราชนะประชาชนทุกฝ่ายจะอิ่มเหมือนกัน"... จะเห็นได้ชัดว่าบุคคลที่ให้ความสำคัญกับประชาชน กับบุคคลที่สำคัญผิดว่าประชาชนจะทำให้ตนพ้นจากอำนาจ นั้นต่างกันขนาดไหน ? ถ้าท่านไม่ยึดติด ท่านก็ไม่มีอะไรจะสูญเสีย แต่ถ้าท่านยึดมั่นถือมั่นในอำนาจ โอกาสที่เลือดนองเป็นท้องธารก็จะเกิดขึ้น ฝากไว้ให้ผู้ปกครองทุกประเทศโปรดรับไปพิจารณาด้วย..! |
"พ่อปู่ครับ..ทำไมถึงต้องเป็นสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหลด้วยครับ ?" "เจ้าถามตอนวัตถุมงคลหมดแล้วถือว่ารอดตัวไป ถ้าถามตอนที่ยังมีเหลืออยู่ คนเขาจะหาว่าเจ้าปั่นราคา..!" "อันนินทากาเลเหมือนเทแกลบ ไม่เจ็บแสบเหมือนเอาตูดไปขูดหินฯ เรื่องของปากคนผมชินเสียแล้วครับ" "เจ้านี่ก็นะ..ชอบออกนอกลู่นอกทางเป็นประจำ ไปเปลี่ยนแปลงภาษิตของเขาจนเสียหาย เดี๋ยวคนรุ่นหลังก็เลียนแบบตามเท่านั้น" "ถ้าอย่างนั้นขออนุญาตกลับไปที่คำถามเดิม ผมต้องการคำตอบอย่างจริงจังมากครับ" "ประการแรก..ในสามโลกนี้ มีใครบารมีสูงไปกว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมท่านบ้าง ? ประการที่สอง วาระอายุ ๖๐ ปีมีกันได้คนละครั้งเดียว พระองค์ท่านจึงเมตตาสงเคราะห์ในวาระนี้เป็นพิเศษ ประการที่สาม โลหะธาตุพิเศษ ไม่ใช่ว่าจะหาได้ทั่วไป ในเมื่อพิเศษ ก็ต้องดีกว่าแบบอื่น ประการที่สี่ เจ้าลงทุนเครื่องบูชาพระรัตนตรัยชุดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา เครื่องบูชาที่ครบถ้วนสมบูรณ์ตามตำราขนาดนี้ พ่อเองก็ไม่ได้พบมาเกิน ๖๐ ปีแล้ว... ประการที่ห้า มีพระสุปฏิปันโนหลายรูปอยู่ในพิธีด้วย เท่ากับมีภาชนะระดับดีเยี่ยมที่จะรับพลังงานและถ่ายทอดต่อลงในวัตถุมงคล... ประการที่หก บรรดาญาติโยมที่สมบูรณ์ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา มีอยู่ในพิธีเป็นจำนวนมาก ควรค่าที่จะได้รับการสงเคราะห์เป็นพิเศษ... ประการที่เจ็ด ฤกษ์ยามเป็นฤกษ์พรหมประสิทธิ์มหาสิทธิโชค ในเมื่อทั้ง ๗ ประการนี้ประชุมรวมกันอย่างครบถ้วน ประกอบกับวาระของโลกที่เป็นไปในด้านอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน พระท่านจึงเมตตาสงเคราะห์ให้อย่างสมบูรณ์พร้อมเช่นนั้น... สำหรับลูกหลานของพ่อที่มาหาท่านฤๅษีตั้งแต่ยุคแรกนั้น ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ทุกคนมีพร้อมทั้งกำลังใจและวัตถุมงคล พ่อเป็นห่วงแต่คนที่มาไม่ทัน จะได้ไม่ต้องไปหาของหายากของแพง จึงได้ให้คำแนะนำไปเช่นนั้น" กราบขอบพระคุณพ่อปู่สำหรับคำตอบครับ หลายท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมต้องเป็นท่านปู่พระอินทร์ ? ก็เพราะว่าหลายเรื่องพระท่านปล่อยวางแล้ว อีกประการหนึ่ง การใช้มโนมยิทธินั้นไม่ควรที่จะถามเปะปะ ถ้าเจอใครก็ถามมีหวังโดนหลอกในเวลาไม่นาน ขอทุกท่านที่ทรงมโนมยิทธิ พึงสังวรระวังในข้อนี้ไว้ให้จงหนัก..! |
"เอ..ยังจะใส่อะไรได้อีกวะ..?" ที่ต้องมานั่งงงก็เพราะว่า คุณปริญญา นัทธี ผู้สร้างมีดลูกพราหมณ์ถวายวัดดีบอน นำเอามีดลูกพราหมณ์หมายเลขพิเศษ (๙๙๙) มาขอให้เสกเพิ่มเติม เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายในวโรกาสที่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ จะเสด็จไปศึกษาวิธีการตีมีดจากทีมช่างผู้สร้างมีดลูกพราหมณ์... "หลวงพ่อครับ" คิดอะไรไม่ออกให้เรียกพ่อไว้ก่อน "โน่นเลย..หลวงปู่ของแกโน่น" หลวงปู่ที่ว่าไม่ใช่หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค แต่เป็นหลวงปู่ดู่ พฺรหฺมปญฺโญ วัดสะแก ที่ทั้งชีวิตสอนอาตมาประโยคเดียวว่า "พุทธัง ธัมมัง สังฆัง เป็นที่พึ่ง" ซึ่งท่านมาได้ทันใจมาก ในภาพที่เคยชินกับสายตาคือห่มดองพาดสังฆาฏิเรียบร้อย มือขวาถือผ้าอาบเก่า ๆ มาด้วย ๑ ผืน... "ข้าว่าแกลืมก้อนหิน ถั่วเขียว ทราย และน้ำในขวดโหลไปแล้ว" ยังไม่ทันจะกราบเสร็จคำสอนก็มาเป็นน้ำไหลไฟดับ "ไม่ลืมครับหลวงปู่ เอาก้อนหินใส่เต็มโหลแล้ว ยังใส่ถั่วเขียวลงไปได้ ตามด้วยทรายและน้ำ ทั้งที่ไม่เห็นว่าจะใส่อะไรลงไปได้อีกแล้ว แต่ว่าเกี่ยวอะไรกับการเสกมีดนี่ด้วยครับ ?" "เฮ้อ..แกนี่ฉลาดเสียเปล่าจริง ๆ ก็ลงพระขรรค์เพชรพระพุทธเจ้าสิวะ..!" อ๋อ..สัพพัตถกรรมฐาน กองกรรมฐานสารพัดประโยชน์นี่เอง... น้อมจิตกราบขอพระบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อัญเชิญเอากระแสพระเมตตาคุณของพระองค์ท่านผ่านตัวเองด้วยความชำนาญ เพราะว่าพรหมวิหาร ๔ และอรูปฌาน ๔ นั้น เป็นกองกรรมฐานที่อาตมาปฏิบัติแล้วเห็นว่ายาก จึงต้องซักซ้อมมากเป็นพิเศษ เพื่อความชำนาญอย่างแท้จริง... พลังเยือกเย็นสีขาวสะอาด ครอบคลุมผ่านร่างกายแล้วแผ่ลงสู่มีดลูกพราหมณ์ตรงหน้า ทั้งที่เห็นว่าเต็มจนไม่มีทางที่จะใส่อะไรลงไปได้แล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือพลังงานเหล่านั้นสามารถซอกซอนครอบคลุมลงไปได้ เหมือนกับเทน้ำลงขวดที่เต็มไปด้วยก้อนหิน ถั่วเขียวและเม็ดทรายฉะนั้น... น้อมกราบลงแทบพระบาทองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบหลวงปู่หลวงพ่อทุกองค์ที่เมตตา งานนี้ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า อะไรที่เห็นว่าเต็มแล้ว ผู้มีปัญญายังสามารถใส่สิ่งของเพิ่มเติมลงไปได้อย่างง่ายดาย... |
4 Attachment(s)
"ขอผมนะครับ" เฮ้ย..ของตูซะที่ไหน ? "เขาส่งให้ท่านก็เป็นของท่านนั่นแหละครับ" ถ้าอย่างนั้นก็เชิญเลยพ่อคุณ..! จอมอสูรอ้าปากกว้างครอบฟ้าคลุมดิน ดูดพรวดเดียวบรรดา "ของ" ที่ผู้มีจิตศรัทธาส่งมาถวาย เนื่องในโอกาสอันประเสริฐสุดในรอบหลายปี คือเป็นวันเสาร์จันทรุปราคา วันไสยศาสตร์เริงร่า ก็ถูกดูดเป็นสายหายวับเข้าปากพ่อเจ้าประคุณไปทันที..! ปีนี้เป็นปีเฮงสุดยอดของอาตมา นับวันเกิดทางจันทรคติเป็นวันจันทรุปราคา ถ้านับวันเกิดตามปฏิทินสากลเป็นวันสุริยุปราคา แต่โชคดีที่ตัวอุปราคา เป็นเพื่อนรักเพื่อนเกลอกันมาหลายชาติ ผลกระทบทุกครั้งจึงส่งไปในด้านดีเสมอ... สงสารก็แต่บรรดาหมอไสยศาสตร์ อุตส่าห์อดตาหลับขับตานอน ทำพิธีที่คิดว่าได้ผลอย่างที่สุดแล้ว ดันกลายเป็นอาหารว่างของพี่ท่านไปเสียนี่ ทำอย่างกับกินฮอร์โมนบำรุงร่างกาย ดูผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้นมาในทันใด แสดงว่ารับเอาพลังงานเข้าไปไม่น้อยเลยทีเดียว... "ถ้ามีอีกเมื่อไรบอกพี่ได้นะน้อง ของอร่อยแบบนี้พี่ชอบมาก..!" ปกติก็มีคืนวันอังคารกับวันเสาร์ บางทีก็เปิดรอบพิเศษช่วงดึกหรือเช้ามืดแบบวันนี้ เอาเป็นว่าเชิญรับประทานได้ทันทีทุกครั้งก็แล้วกัน... ย่องออกไปถ่ายรูปราหูอมจันทร์ตอนตีสาม พ่อเจ้าประคุณมัวแต่ไปกินอาหารว่างอยู่ จึงกลายเป็นพระจันทร์ทรงกลดสวยงามอร่ามฟ้า ทั้งที่นักดาราศาสตร์บอกว่าคราสกำลังจับอย่างเต็มที่ ยังดีที่มีเวลาบันทึกอยู่ในรูปเป็นหลักฐาน ไม่อย่างนั้นต้องมีคนคิดว่าโดนอาตมาแหกตาเอาแน่ ๆ..! "แลกกันครับ" ประกายสีเงินสีทองวาววับ พุ่งเป็นสายออกจากปากขนาดมหึมา กองเป็นภูเขาเลากาอยู่ตรงหน้า เงินแท่งทองแท่งทั้งนั้น..! เฮ้ย..อย่าทิ้งภาระเฮงซวยแบบนี้ให้ตูซีโว้ย..! "ถ้าใช้ไม่หมดก็เอาไปแบ่งให้ลูกให้หลานของท่านได้ครับ" พูดจบก็ถกตูดอ้วน ๆ เปิดแน่บไปเลย พระจงพระจันทร์ก็ไม่สนใจที่จะอมแล้ว "พี่ไม่โง่ไปอมขี้ดินหรอกน้อง" เสียงกระหึ่มเหมือนฟ้าร้องแว่วมาไกล ๆ จากสุดขอบจักรวาล เออ..วันพระไม่ได้มีหนเดียว..! |
"เฮ้ย.. สว่างแล้วหรือ ? เอ๊ะ..สว่างแบบนี้..???" ลืมตาขึ้นมานึกว่าดวงอาทิตย์อยู่ในกุฏิ สว่างไสวเจิดจ้าแต่เย็นสบายตา กึ่งกลางความสว่างนั้น นักบวชในชุดขาว มุ่นมวยผมและเครายาวขาวสะอาด มือถือไม้เท้าเถาวัลย์ยืนเด่นเป็นสง่า ผิวพรรณสีน้ำตาลผ่องใสเต่งตึงประมาณอายุไม่ถูก... "พ่อปู่เป็นใคร ? มาจากไหนครับ ?" "ความจริงเจ้าเคยได้ยินชื่อปู่แล้วนะ ลองเดาดูสักนิดไหม ?" "พระเจ้าตาของสุดสาคร" "ไปถึงโน่น...ลองนึกถึงบรรดาฤๅษีที่เจ้าคุ้นเคยนามสักหน่อยสิ" "ฤๅษีตาวัว ฤๅษีตาไฟ ฤๅษีกไลโกฎิ ฤๅษีโคบุตร ฤๅษีโคดม ?" "ใกล้แล้ว..ที่เอ่ยชื่อมาหลายท่านเป็นเพื่อนของปู่เอง แต่ท่านสุดท้ายปรินิพพานไปแล้ว..!" "หา..ปรินิพพาน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ??" "ถูกต้อง..สมัยออกมหาภิเนษกรมณ์ ทรงอธิษฐานเพศนักบวช เป็นที่รู้จักกันในพระนามฤๅษีโคดม ส่วนปู่เองเป็นหัวหน้าหมู่ฤๅษี ๑๐๘ ปัจจุบันอยู่พรหมชั้นที่ ๑๖ มีชื่อว่าพิมพิลาไลย" "แสดงว่าในหมู่พระฤๅษี ๑๐๘ นั้น มีพระอริยเจ้าอยู่เป็นจำนวนมากสิครับ ?" "ถูกแล้ว..ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะพระฤๅษีโคดม เมื่อพระองค์ท่านบรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ได้เสด็จไปโปรดในหมู่นักบวชต่าง ๆ ซึ่งอินทรีย์แก่กล้าแล้ว จึงเข้าถึงธรรมกันเป็นจำนวนมาก เช่น กัสสปฤๅษีทั้ง ๓ พี่น้อง เป็นต้น" "พ่อปู่มาวันนี้มีกิจธุระอันใดครับ ?" "ปู่มาด้วยความเอ็นดูในหมู่สัตว์ ที่จะประสบภัยพิบัติต่าง ๆ จากธรรมชาติ ทั้งการแปรปรวนของ ดิน น้ำ ลม ไฟ ทั้งการล้มตายจากมือมนุษย์ด้วยกัน จงแจ้งให้พวกเขาเร่งปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งอย่างสม่ำเสมอ แล้วอุทิศส่วนกุศลให้แก่เทพเจ้าเหล่าเทวาทั้งหลาย ขอให้ท่านช่วยคุ้มครองให้อยู่รอดปลอดภัยในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ จะระลึกถึงปู่และคณะฤๅษีทั้ง ๑๐๘ รูปให้อยู่ช่วยด้วยก็ได้" "กราบขอบพระคุณในความเมตตาของพ่อปู่ที่มีต่อลูกหลานเป็นอย่างยิ่งครับ ผมสงสัยมานานแล้วว่า หลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์หลายรูป สร้างรูปพ่อปู่พระฤๅษีเป็นที่เคารพบูชา วันนี้เพิ่งมองตลอดไปได้ว่า พ่อปู่พระฤๅษีส่วนใหญ่ก็คือพระอริยเจ้าระดับสูงมาก และสูงสุดระดับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็มี ผมจะได้รำลึกถึงได้อย่างถูกต้องเวลาบูชาท่านครับ" "ดีแล้ว ปู่ขออนุโมทนา อย่าลืมบอกลูกหลานทุกคนให้เร่งสร้างความดีไว้ให้มาก พระรัตนตรัยเท่านั้นจะเป็นที่พึ่งที่ระลึกอย่างแท้จริง บุญกุศลเท่านั้นจะเป็นเครื่องนำไปสู่สุคติของสรรพสัตว์ ปู่ขอลาแล้วนะ พวกเจ้าระลึกถึงเมื่อใด ปู่และคณะจะมาช่วยทันที" น้อมกราบส่งพ่อปู่พระฤๅษีพิมพิลาไลย พ่อปู่ช่างมีจิตใจที่งดงาม สมรูปสมนามเป็นที่ยิ่ง ลูกหลานจะระลึกถึงท่านทั้งหลายในนามพระอรหัตมรรค ผู้รอการปลดจิตครั้งสุดท้ายไปสู่แดนพระนิพพาน... |
ถาม : ศาลสี่เสาที่เจ้าของบ้านตั้งไว้ในบ้านบริเวณทิศเหนือ เยื้องไปทางตะวันออกโดยประมาณ ผู้เช่าไม่น่าจะสามารถย้ายได้ สามารถบอกกล่าวขออนุญาตอยู่อาศัยอย่าให้บังเกิดผลร้ายกับผู้เช่าได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ผลดีผลร้ายของการตั้งศาลถูกทิศหรือผิดทิศ จะไปเกิดกับคนตั้ง คนที่อาศัยกราบไหว้เคารพได้ตามปกติ |
ถาม : ผมดูรายการเกี่ยวกับผี ทางรายการบอกว่า ถ้าหน้าศาลพระภูมิเจ้าที่ไม่หันหน้าเข้าตัวบ้าน พระภูมิเจ้าที่จะไม่รักษาตัวบ้าน และคนที่อยู่อาศัย จริงหรือไม่ครับ ?
ตอบ : หน้าศาลจะหันไปทางใดก็ได้ สำคัญที่ตัวศาลต้องอยู่ให้ถูกทิศ ถาม : ถ้าตายก่อนอายุขัย เช่น มีอายุขัย ๑๐๐ ปี แต่ตายตอนอายุ ๕๐ ปี ถ้าไม่มีใครอุทิศบุญให้ จะเป็นสัมภเวสีอยู่ ๕๐ ปีของมนุษย์ หรือเป็นเวลา ๕๐ ปี คูณด้วยเวลาของโลกวิญญาณครับ ? ตอบ : อายุขัยของโลกมนุษย์ ก็ต้องใช้ตามเวลาของโลกมนุษย์ |
ถาม : ต้องทำบุญมาแบบไหน วางกำลังใจอย่างไร จึงจะเกิดมารวยแต่เด็ก ?
ตอบ : การจะได้อะไรที่แน่นอน อย่างน้อยก็ต้องทำติดต่อกัน ๕๐๐ ชาติ ฉะนั้น..ต้องวางกำลังใจว่า "กูขอเกิดไปทุกข์อีก ๕๐๐ ชาติ เพื่อไปถวายสังฆทานทุกชาติ" เกิดใหม่จะได้รวยตั้งแต่เด็ก ถาม : ต้องทำบุญมาแบบไหน วางกำลังใจอย่างไร จึงจะรวยสม่ำเสมอตลอดชีวิต ? ตอบ : ดูคำตอบด้านบน |
ถาม : การทำบุญออนไลน์ ควรตั้งจิตตั้งใจอย่างไร เพื่อให้การทำบุญนั้นตราเข้าไปในดวงจิต และมีอานิสงส์เทียบเท่ากับการทำบุญที่วัดหรือถวายกับพระสงฆ์ด้วยตนเอง ?
ตอบ : ตั้งใจว่าจะทำบุญออนไลน์ แล้วเข้ากรรมฐานตลอด ๒๔ ชั่วโมง ๗ วันติดกัน ถาม : ยันต์เกราะเพชรช่วยป้องกันอันตรายจากงูเหลือมรัดและกินได้ไหม ? ตอบ : ไปหางูเหลือมมา ตัวยิ่งใหญ่มากเท่าไรก็ดีเท่านั้น ขังไว้ให้อดอาหารสัก ๑ เดือน แล้วเข้าไปนอนกับงูเหลือมนั้น ก็จะได้รับคำตอบอย่างชัดเจน..! ถาม : ลักษณะบุตรแบบพระเจ้าอชาตศัตรู คือเจ้ากรรมนายเวรของคนที่เป็นพ่อแม่ คือพระมารดาตอนแพ้ท้องก็อยากจะเสวยเลือดของพระเจ้าพิมพิสาร การที่พระเจ้าพิมพิสารปฏิบัติต่อพระเจ้าอชาตศัตรู นั้นถูกต้องตามหลักธรรมแล้วหรือไม่ ? ตอบ : เขาเรียกว่าถามแบบไม่ใช้หัวแม่ตีนคิดก่อน..! พระเจ้าพิมพิสารเป็นพระโสดาบัน ย่อมต้องปฏิบัติถูกตามหลักธรรมอยู่แล้ว |
ถาม : ช่วงโควิด ลูกพบว่า ตัวเองซึมเศร้าและฟุ้งซ่านมาก ภาวนายาก จึงพาตัวเองไปวิ่งให้ถึงจุดวิกฤต
ด้วยโรคที่เป็นอยู่ จึงถึงจุดวิกฤตได้ง่าย ลูกคิดแต่อย่างเดียว ถ้าภาวนาไม่ได้ มันก็เหมือนตายทั้งเป็น ถึงจุดวิกฤตพบว่าความเจ็บมันเป็นก้อน ร่างกายเป็นก้อน ความคิดเป็นก้อน วิกฤตมาก ก็รวมเป็นก้อนเดียว มันจี้ลง ๆ จี้ลงกาย จี้ลงความเจ็บ จี้ลงคำว่า "เจ็บ" มันเหมือนลึกลงไปเรื่อย ๆ เหมือนเราจมลงสู่ก้นมหาสมุทร ความคิดนั้นมันแทงลง ๆ จนว่างเปล่า มันเร็วมาก ระลึกได้แค่คำเดียวของหลวงพ่อ "คุณพระพุทธเจ้าอยู่ในอากาศ" มันฮึดตัดเป็นตัดตาย ถ้าอยู่ก็ต้องภาวนาได้ ถ้าตายก็เพราะโง่เอง แล้วมันก็แตกโพละ ขาวสว่างโพลนไปหมด ลูกมีความสุขเหลือเกินเจ้าค่ะ เหมือนพื้นดินกับท้องฟ้ารวมเป็นหนึ่งเดียว ว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย แต่สุขเหลือเกิน ต่อชีวิตลูกไปได้อีกหน่อยหนึ่ง ก็ทำต่อไป ๆ มาทวนใจดู พบว่าตัวเองไม่มีปัญญาพิจารณาอะไรนัก มีแต่ความถึกไถนาไปวัน ๆ ทั้งโง่และบ้าในตนพร้อม ควรทำอย่างไรให้มีปัญญาพิจารณาในธรรม ขอหลวงพ่อโปรดเมตตาชี้แนะลูกด้วยนะเจ้าคะ ? ตอบ : ก็รู้คำตอบเองแล้วนี่ แค่หมั่นใช้ปัญญาพิจารณาเท่านั้น |
ถาม : หลวงปู่บุญศรี อินฺทวณฺโณ วัดใหม่ศรีสุทธาวาส คือ หลวงพ่อฤๅษีลิงขาว หรือ หลวงพ่อฤๅษีลิงเล็กครับ ?
ตอบ : ไปถามท่านเองเลยครับ |
พอใกล้วันที่ ๑ หรือวันที่ ๑๖ บรรดาสื่อต่าง ๆ ก็จะนำเสนอเลขเด็ดจากสารพัดสถานที่ เพื่อให้ท่านที่ชอบเสี่ยงโชคได้ลุ้นว่างวดนี้จะหมดเท่าไร..! เป็นการกระทำที่สม่ำเสมอและเอาจริงเอาจังมาก อาตมาเห็นแล้วออกอาการ "น้ำตาจิไหล" ถ้าหากว่าวันโกนวันพระหรือวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา สื่อทุกแขนงพร้อมใจกันประโคมข่าวเช่นนี้ พระพุทธศาสนาของเราคงจะรุ่งเรืองกว่านี้อีกหลายล้านเท่า..!
วันศุกร์ที่ ๑๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ ระหว่างที่เดินทางขึ้นเชียงใหม่ก็เห็นข่าวว่า ชาวบ้านแถวพะเยามีการเผาถ่านไฟเพื่อเซ่น "แมงสี่หูห้าตา" โดยหวังว่าเมื่อ "แมงสี่หูห้าตา" ได้กินถ่านไฟแล้ว ก็จะตอบแทนด้วยการให้โชคลาภในงวดนี้แก่พวกตนบ้าง เรื่องของ "แมงสี่หูห้าตา" นี้ อาตมาได้ยินมาตั้งแต่ยังหนุ่ม จากหลวงปู่ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง จังหวัดเชียงใหม่ และหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จังหวัดลำพูน ว่าเป็นพระอินทร์จำแลงมา แล้วโดนชาวบ้านจับขังเอาไว้ เมื่อไม่ให้อะไรกิน "แมงสี่หูห้าตา" ก็หยิบถ่านไฟแดง ๆ กินเข้าไป แล้วถ่ายออกมาเป็นทองคำ..! ชาวบ้านที่มีจิตศรัทธาจึงร่วมกับครูบาอาจารย์ที่ตนเคารพนับถือ สร้างรูปเคารพของ "แมงสี่หูห้าตา" ออกมา แล้วกราบไหว้ขอพรกัน ทำเอาท่านปู่พระอินทร์ออกอาการ "น้ำตาจิไหล" แทน เพราะว่าชาวบ้านต้องการแค่เปลือกที่เห็น โดยลืมปริศนาธรรมที่พระอินทร์ท่านอุตส่าห์จำแลงกายมาบอกใบ้ให้... "จะเป็นเพราะว่าเป็นปริศนาธรรมลึกซึ้งเกินไปหรือเปล่าครับ ?" "เจ้าจะกล่าวเช่นนั้นก็ได้ แต่พ่อว่าไม่น่าจะลึกซึ้งจนเกินไปนะ ๔ หูหมายถึงพรหมวิหาร ๔ ซึ่งทุกคนควรจะมีประจำใจ ๕ ตาหมายถึงศีล ๕ ซึ่งเป็นข้อวัตรปฏิบัติที่ทุกคนต้องมีอยู่แล้ว เมื่อมีพร้อมทั้งพรหมวิหาร ๔ และศีล ๕ จะเสพเสวยของร้อนเข้าไปทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อย่างไร ก็ย่อมสามารถกลับกลายเป็นของดีอย่างเช่นทองคำจนได้" พอได้ฟังคำเฉลยแล้ว จากอาการ "น้ำตาจิไหล" ก็กลายเป็นน้ำตาไหลพราก..! ท่านปู่พระอินทร์อุตส่าห์ให้หลักธรรมที่เลิศภพจบแดนแท้ ๆ แต่แทนที่ชาวบ้านจะนำไปประพฤติปฏิบัติ กลับไปกราบไหว้บูชาตัว "แมงสี่หูห้าตา" เพื่อหวังจะเอา "ขี้" อย่างเดียว จนไม่รู้ว่าจะสงสารชาวบ้านดีหรือสงสารท่านปู่พระอินทร์ดี ? ตราบใดที่อวิชชายังบดบังหัวใจ ตราบนั้นย่อมไม่สามารถเข้าถึงธรรมชั้นสูงได้ หลักธรรมทั้งหลายถึงฟังมาจากครูบาอาจารย์เดียวกัน แต่การตีความนั้นขึ้นอยู่กับกำลังใจของแต่ละคน ผู้ที่มีกำลังใจสูงก็ตีความได้มาก ก่อให้เกิดประโยชน์มาก ผู้ที่กำลังใจต่ำก็ตีความได้น้อย ก่อให้เกิดประโยชน์น้อยหรือแทบจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย... "กมฺมํ สตฺเต วิภชฺชติ" สัตว์โลกย่อมจำแนกได้ด้วยกรรม (การกระทำ) ด้วยประการฉะนี้..! |
"ผมสละตะกรุดมหาสะท้อนเนื้อทองคำให้กับเจ้านายไปแล้วครับ สงสารท่านที่โดนเขาเล่นไม่เลิก เลยอยากแบ่งเบาภาระของท่านหน่อยครับ" "ผลที่เกิดขึ้นมี ๒ อย่าง อย่างแรกคือไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เพราะว่าเจ้านายของคุณขี้สงสารกระทั่งศัตรู อาจจะไม่ยอมภาวนาคาถามหาสะท้อน หรืออย่างที่ ๒ ผู้ที่คิดร้ายก็คงจะย่อยยับไปเหมือนกับครั้งก่อน" "ผมอยากให้เป็นแบบที่ ๒ ครับ" "โปรดระวังเอาไว้ วิหิงสาวิตก (การตรึกในการเบียดเบียนผู้อื่น) ไม่ใช่สิ่งที่นักปฏิบัติธรรมควรประพฤติ..!" |
"พ่อครับ..ขอความเมตตาพ่อช่วยไปเป็นประธานงานยกฉัตรวัดโลกโมฬีด้วยครับ" "งานนี้ไม่ต้องหวังเลยครับ วันยกฉัตรผมติดงานปลุกเสกพระกริ่งสะท้านไตรภพรอบแรก" "ขอเป็นวันอื่นที่พ่อว่างได้ไหมครับ ?" "วันงานควรที่จะเป็นวันหยุด ญาติโยมจะได้ไปร่วมกันโมทนามาก ๆ วันหยุดของช่วงนั้นผมรับงานที่อื่นเต็มหมดแล้วครับ" |
"พระกริ่งสะท้านไตรภพเนื้อทองคำ น้ำหนักองค์หนึ่ง ๔ บาทกว่าครับ หลวงพ่อจะออกเท่าไรดีครับ" "แลกทองคำแท่งสัก ๕ บาทก็แล้วกัน" "๕ บาท..! แล้วจะเอากำไรที่ไหนมาครับ ?" "กำไรที่ชื่อเสียงโว้ย..! เคยได้ยินไหม ? ฉิบหายช่างมัน ต้องการชื่อเสียง..!" |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:21 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.