กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=18)
-   -   วัยรุ่น วัยวิกฤต (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5746)

ตัวเล็ก 08-08-2017 11:17

วัยรุ่น วัยวิกฤต
 
"อาตมาอบรมเด็กมาหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะพวกวัยรุ่น บอกเขาว่า “พวกเธออยู่ในวัยวิกฤติ เรามักจะคิดว่าเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่พ่อแม่มักจะเห็นเราเป็นเด็ก คราวนี้การจะเป็นผู้ใหญ่นั้น จะต้องมีส่วนประกอบอะไรบ้าง ? ให้พวกเธอลองพิจารณาดู อันดับแรก ถ้าไม่มีพ่อไม่มีแม่เราสามารถที่จะอยู่ได้หรือไม่ ? ” เงียบกันไปทั้งศาลา

พอถามเข้าจริง ๆ ว่า ใครมั่นใจว่าถ้าพ่อแม่ตายลงไปในวันนี้ แล้วเราอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งใคร มียกมือมา ๓ - ๔ คนจากนักเรียนเป็นร้อย ๆ คน สรุปว่าคนที่บอกว่าไม่ต้องพึ่งใครนั่นแหละ เขาหวังพึ่งอยู่แล้ว คิดว่าถ้าพ่อแม่ตายแล้วจะไปอยู่กับใครได้บ้าง ถ้าอย่างนั้นไม่ใช่ผู้ใหญ่หรอก แล้วอาตมาก็พูดไล่ไปเรื่อย เรื่องความอดทน ความเสียสละ ความรู้กาลเทศะ สรุปว่าหาไม่ได้หรอก ฉะนั้น..จงยอมเป็นเด็กเสียเถอะ ยังเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้หรอก

“เวลามีปัญหาเกิดขึ้นสามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นเลยหรือไม่ ?” เงียบ...สรุปแล้วเด็กมักจะคิดผิด แต่พอเตือนสติขึ้นมาแล้วเขาก็นึกได้ว่า ใช่..เขายังเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้จริง ๆ ข้อที่นึกไม่ถึง ก็คือ เขาบอกว่าผู้ใหญ่หลายคนก็เป็นอย่างนี้ แสดงว่าใหญ่แต่อายุ ใหญ่แต่ตัว ถ้าหากว่าขาดคนให้พึ่งพิงก็เอาตัวไม่รอด

แต่จะว่าไปแล้วมนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม การพึ่งพิงคนอื่นเป็นเรื่องที่จำเป็น แต่ต้องยืนหยัดด้วยตัวเองให้เร็วที่สุด ให้คนอื่นพึ่งเป็นเรื่องที่สมควร พึ่งพิงคนอื่นเป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะว่าการพึ่งพิงคนอื่นไม่ใช่ที่พึ่งที่แท้จริง ถึงเวลาไม่มีเขาเราก็จะเดือดร้อน

ลักษณะเดียวกับการคิดพิจารณาว่า ถ้าเราตายลงไปตอนนี้เราพร้อมหรือไม่ ? คล้าย ๆ กัน..เราก็มาดูว่าคนที่รักมีหรือไม่ ? ของที่รักมีหรือไม่ ? ทรัพย์สมบัติมีหรือไม่ ? ทั้งหมดนี้เราทิ้งไปเลยได้หรือไม่ ? มีญาติโยมจำนวนมากไม่กล้าปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเอง เพราะกลัวผลกระทบที่จะตามมา ส่วนอาตมาพลิกชีวิตตัวเองเล่น ๓ - ๔ ตลบมาตลอด ก็เลยสนุกกับชีวิตมาก

เรียนหนังสืออยู่ก็วิ่งมาทำงานที่กรุงเทพฯ ทำงานกับพี่น้องอยู่ดี ๆ ไม่ต้องลำบาก ก็แหกคอกไปทำงานที่โรงงานไทยญี่ปุ่นเมทัลอุตสาหกรรม ทำไปทำมาได้เลื่อนขึ้นไปเป็นหัวหน้าแผนก ก็ลาออกมาหางานทำเอง ทำงานกำลังรุ่งก็วิ่งไปเป็นทหาร ทิ้งทุกอย่างไปเรียน จนกระทั่งกำลังรุ่งสุด ๆ ชนิดรับ ๒ ขั้นทุกปีก็ลาออก มาหางานทำใหม่ ทำไปทำมากำลังรุ่ง ๆ อีกก็มาบวช บวชไปบวชมาอยู่วัดท่าซุงจนเป็นเจ้าพ่อ ใครจะทำอะไรต้องมองหน้าอาตมาก่อน ถ้าไม่พยักหน้าเห็นด้วยเขาก็ไม่กล้าทำ แล้วก็ออกมาตกระกำลำบากใหม่...แบบนี้มีใครกล้าทำไหม ?"

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๕


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:43


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว