กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=26)
-   -   เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๔ (เดือนสุดท้าย) (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2524)

เถรี 22-03-2011 09:20

พระอาจารย์กล่าวว่า สุนทรภู่ท่านบอกว่า "อันตัณหาราคะนั้นสาหัส ถ้าใครตัดเสียได้ฉันให้ถอง อุตส่าห์เรียนวิชาหาเงินทอง ก็เพราะของสิ่งเดียวมันเกี่ยวกวน"

จะว่าไปแล้ว ราคะนั้นเป็นตัวสร้างโลกมาโดยตลอด ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงไม่ได้เกิดมาพบพระธรรมกันหรอก แต่เพียงแต่ว่าเราต้องแยกแยะให้ออกว่าเป็นกาเมสุมิจฉาจาร หรือเป็นกาเมสุสัมมาจาร ? ถ้าเป็นกาเมสุมิจฉาจาร คือ เราไปละเมิดสิ่งที่เป็นของ ๆ คนอื่น ถ้าเป็นกาเมสุสัมมาจาร อย่างน้อย ๆ ก็อยู่ในกรอบของศีล ไม่ได้ไปละเมิดของใคร ยินดีในเฉพาะคู่ครองของตนเอง

ถ้าเป็นภาษาบาลีเขาเรียกว่า สทารสันโดษ คือ ยินดีเฉพาะคู่ครองของตน พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้ห้ามให้มีคู่ แต่ว่าพระอริยเจ้าตั้งแต่อนาคามีขึ้นไป ท่านหมดสภาพมีคู่ไม่ได้เอง ดังนั้น..เราจะเห็นว่านางวิสาขามหาอุบาสิกา หรือว่าอนาถปิณฑิกเศรษฐี ท่านเป็นพระโสดาบัน แต่ก็มีครอบครัวเป็นปกติ เพียงแต่ว่ายินดีเฉพาะในคู่ครองของตน

ดังนั้น..ถ้าขืนห้ามก็ไม่มีคนเกิดมากันพอดี แต่ไม่เป็นไรหรอก แม้ว่าอัตราการเกิดของพุทธของคริสต์จะอย่างไรก็ต่ำอยู่แล้ว แต่ของศาสนาอิสลามศาสนาเดียวเขาเกิดชดเชยได้หมด ศาสนาอิสลามเขาถือว่าการผลิตบุคลากร โดยเฉพาะผลิตศาสนิกด้วยวิธีการแต่งงานตั้งแต่อายุน้อย ๆ เป็นเรื่องปกติของเขาเลย"

เถรี 22-03-2011 09:31

พระอาจารย์กล่าวว่า "สัตว์ก็คือคน เพียงแต่ว่ากรรมที่เขาทำมาจำกัดให้เขาอยู่ในร่างของสัตว์ เขาก็รักสุขเกลียดทุกข์เหมือนกันกับเรา แต่ว่าสัตว์ที่อยู่ใกล้คน วาระกรรมของการเป็นสัตว์ของเขาใกล้ที่จะหมดอยู่แล้ว ถ้าใจเขาเกาะคน เขาจะได้เกิดเป็นคน ถ้าใจเขาเกาะพระ เขาจะได้เกิดเป็นเทวดา

สัตว์เดรัจฉานน้อยครั้งมากที่จะตกต่ำกว่าเดิม ส่วนใหญ่ก็เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานเหมือนเดิม ส่วนมากจะได้ไปเกิดในภพภูมิที่สูงกว่าเดิม สัตว์เดรัจฉานมีน้อยตัวที่ลงอบายภูมิ อย่างเช่น อหิเปรต กากเปรต หรือนกแสกที่บินผ่านตอนที่พระท่านเข้านิโรธสมาบัติอยู่ แล้วส่งเสียงร้องรบกวนพระท่านแบบไม่ได้เจตนา ตัวอย่างในพระไตรปิฎกมีอยู่ ๒-๓ ราย

ดังนั้น..จะว่าไปแล้วสัตว์เขาได้เปรียบ โอกาสที่จะลงต่ำมีน้อยมาก โอกาสที่จะเกิดในภูมิที่สูงขึ้นมีมากกว่า"

เถรี 22-03-2011 09:33

ถาม : กำลังขายบ้านอยู่ ติดขัดอะไรหรือเปล่าคะ ? หนูก็ปฏิบัติธรรมด้วยค่ะ
ตอบ : ถ้าเป็นนักปฏิบัติ ไปหาคาถาเงินล้านของหลวงพ่อวัดท่าซุงมา แล้วใช้เป็นคำภาวนาแทน

ถาม : ภาวนาทุกวันหรือคะ ?
ตอบ : ถ้าทำได้อย่างสม่ำเสมอทุกวัน จะมีความคล่องตัวทุกอย่าง

เถรี 22-03-2011 09:36

ถาม : ถ้าผมเอาทรายเสกของหลวงพ่อวัดท่าซุงมา แล้วเอาทรายใหม่ทับ ?
ตอบ : ท่านบอกให้เอาทรายใหม่มาจำนวนเท่าที่เราต้องการ เอาทรายเสกของท่านโรยทับข้างหน้า แล้วผสมให้เข้ากัน จากนั้นก็เอาไปใช้ตามที่เราต้องการได้

เถรี 22-03-2011 09:39

ถาม : วิธีที่จะระงับความโกรธได้เด็ดขาด ระงับราคะเด็ดขาด ทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ต้องทรงฌานสี่จ้ะ แล้วตัดเข้าหาความเป็นพระอนาคามีให้ได้ ถ้าทรงฌานสี่ไม่ได้ จะระงับไม่อยู่

ถาม : ต้องได้ฌานสี่ก่อน ?
ตอบ : ถ้าจะระงับให้เด็ดขาดต้องฌานสี่เลย ไม่อย่างนั้นกำลังไม่พอที่ห้ามราคะและโทสะ

ถาม : แล้วพวกสุกขวิปัสสโกที่ทำได้ ?
ตอบ : ท่านทำได้เพราะท่านพิจารณาวิปัสสนาไปเรื่อย ๆ แล้วเข้าถึงฌานสี่เอง

ถาม : เข้าถึงฌานสี่เอง ?
ตอบ : ไม่ใช่ว่าท่านไม่ได้ฌานสี่นะ ท่านได้ แต่ท่านแสดงฤทธิ์ไม่ได้

ถาม : ต้องผ่านฌานสี่ให้ได้ ไม่อย่างนั้นไม่มีทาง ?
ตอบ : ไม่อย่างนั้นเอาไม่อยู่ พระอนาคามีท่านถึงได้ทรงฌานสี่เป็นปกติ

ถาม : บางทีรู้สึกว่าใช่ แต่ทำไมไม่ละให้เด็ดขาด ?
ตอบ : กำลังสมาธิของเราต้องถึง แล้วใช้ปัญญาพิจารณาจนเห็นโทษของราคะและโทสะ เมื่อเห็นทุกข์เห็นโทษแล้ว จิตก็จะเบื่อหน่าย คลายกำหนัด จึงจะถอนออกมาจากตรงนั้นได้

เถรี 23-03-2011 00:51

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ซ้อมให้คล่อง

ถาม : วน ๆ อยู่ในลักษณะนี้
ตอบ : ซ้อมเข้าออกให้คล่อง เขาจะมีความชำนาญในการกำหนดรู้ว่าตอนนี้อยู่ในระดับฌานไหน ความชำนาญในการเข้า ความชำนาญในการอธิษฐานทรงเวลา ความชำนาญในการออก ความชำนาญในการเข้าสมาธิสลับไปสลับมา เพราะฉะนั้น..ต้องซ้อมให้คล่องจ้ะ

ถาม : อารมณ์พอใจ ไม่พอใจ ตรงนี้ก็เป็นกิเลสด้วย ?
ตอบ : เป็นเต็ม ๆ อยู่แล้ว พอใจเป็นราคะ ไม่พอใจเป็นโทสะ เพียงแต่ว่าให้ยินดีในการทำความดีไว้ก่อน หลังจากนั้นพอเราดีจริง ๆ แล้ว ก็จะเลิกพอใจในความดีไปเอง ตอนแรกต้องเกาะดีทิ้งชั่วไปก่อน หลังจากนั้นแม้กระทั่งดีก็ไม่เกาะ

ถาม : พอเราดี..เราก็ยินดี พอเราไม่ดี..ความไม่พอใจก็เกิดขึ้น กิเลสตรงนี้จะเกิดขึ้น ?
ตอบ : เป็นเรื่องปกติ เราก็รู้ตามสภาวะนั้น ๆ ของคุณไม่ได้กำหนดรู้ทัน แต่ดันไปเสวยอารมณ์แทน..!

ถาม : ใช่ ๆ พออารมณ์สุขเข้า เราก็เสวยอารมณ์นั้นนิ่งไป
ตอบ : เขาให้รู้เท่าทันและปล่อยวาง เราไปยินดียินร้ายกับอารมณ์ต่าง ๆ ก็ปรุงแต่งกันไปใหญ่

ถาม : จิตที่ไปปรุงแต่งเกิดจากความคิดที่เป็นตัวอัตตาเกิดขึ้น ?
ตอบ : ที่จริงก็เป็นปกติอยู่แล้วที่จิตจะปรุงแต่ง เรามีหน้าที่พิจารณาให้เห็นว่า ถ้าปรุงแต่งแล้วจะเป็นโทษอย่างไร ในเมื่อเห็นโทษแล้วก็จะเลิกทำไปเอง ถ้ายังไม่เห็นโทษก็ยังไม่เลิกทำ ยังคิดว่าดีอยู่ ก็จะทำไปเรื่อย แล้วพาให้เราทุกข์ไปเรื่อย

เถรี 23-03-2011 00:55

ถาม : มีอะไรที่กันผีได้ ?
ตอบ : พุทโธ

ถาม : ถ้าโดนผีเข้าไปแล้ว พุทโธไล่เลยใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ต้องให้กำลังใจของเราเลื่อมใสในพุทธคุณจริง ๆ ยึดท่านเป็นที่พึ่ง เห็นว่าเป็นสิ่งประเสริฐที่สุด ไม่มีอะไรเหนือกว่านี้อีกแล้ว ถ้ากำลังใจเรายึดมั่นอย่างนี้ จะว่าอะไรก็ศักดิ์สิทธิ์ไปหมด ผีกลัวทั้งนั้นแหละ

ถาม : มิน่าล่ะ..ขนาดห้อยพระอยู่ยังโดนเข้าเลย
ตอบ : โดนแน่นอน เพราะเราห้อยพระอย่างเดียว แต่ไม่ได้นึกถึงท่านเลย

ถาม : อายจริง ๆ เลย
ตอบ : สมัยก่อนอาตมาใส่วัตถุมงคลไว้ที่กระเป๋าอังสะ ถูกผีนั่งทับอก ทับทั้งกระเป๋าเลย ผีเขาไม่กลัววัตถุมงคลหรอก ถ้าเราไม่ได้ยึดถือ ไม่ได้อาราธนา ใจเราไม่ได้เชื่อมั่น เราต้องมีศรัทธายึดท่านเป็นที่พึ่งจริง ๆ จึงจะช่วยได้

เถรี 23-03-2011 01:33

ถาม : จะแย่เพราะกิเลสอยู่แล้ว
ตอบ : ก็อย่าไปสู้กับกิเลสสิ..เรามีหน้าที่ดูอย่างเดียวก็พอ ไปสู้เท่ากับเราไปแบกภาระเอาไว้ ก็หนักจนแทบจะทนไม่ไหว ปล่อยให้กองไว้ตรงนั้นแหละ นั่งมองอย่างเดียว ไม่ต่อต้านแต่ไม่ให้ความร่วมมือด้วยก็หมดเรื่อง..!

เถรี 23-03-2011 10:39

ถาม : ความศรัทธากับความงมงาย เส้นแบ่งอยู่ตรงไหน ?
ตอบ : ความศรัทธาประกอบไปด้วยปัญญา ไม่ได้เชื่อในทีเดียว แต่ความงมงายนั้น เขาว่าอะไรมาเราเชื่อหมดในทันทีเลย

เถรี 23-03-2011 10:57

ถาม : ช่วงหลังผมพยายามจับภาพพระให้บ่อยขึ้น แล้วปวดท้อง เป็นเพราะตั้งใจเกินไปหรือเปล่าครับ?
ตอบ : ไม่ใช่..เขาแค่ต้องการให้เราลืมภาพพระแล้วไปสนใจกับการปวดท้องแค่นั้นเอง ภาษานักปฏิบัติเรียกว่า ขันธมาร ร่างกายนี้แกล้ง เราก็ฉลาดพอที่จะไปสนใจกับการปวดท้องเสียด้วย..!

ถาม : ก่อนนอนถ้ามีเวลา ยิ่งเราจับพระนานเท่าไร เราก็ยิ่งปวด ต้องไปกินยา
ตอบ : ความจริงเราต้องคิดว่าตายเป็นตาย ถ้าตัดใจอย่างนั้นได้ก็จะพ้นไป ในเมื่อกำลังใจเราไม่เข้มแข็งพอ เขาก็ขวางเราอยู่อย่างนั้น

เถรี 23-03-2011 11:00

ถาม : คุณแม่ของผมนอนป่วยอยู่ อยากจะทราบว่าตอนนี้จิตปัจจุบันท่าน..?
ตอบ : บอกไม่ได้..ถ้าบอกได้บอกไปนานแล้ว บอกได้อย่างเดียวว่า อย่าตัดสินใจให้หมอเอาเครื่องมือเครื่องไม้ออกเอง ถ้าตัดสินใจอย่างนั้นคุณมีสิทธิ์ทำอนันตริยกรรมโดยไม่รู้ตัว ถ้าไม่รักษาก็ไม่รักษาแต่แรกเลย ถ้ารักษาไปแล้วบอกให้หมอวินิจฉัยเอาเองว่าควรทำอย่างไร หมอจะทำอะไรให้หมอตัดสินใจ ไม่ใช่เรา

ถาม : ไม่ทราบว่าแม่ไปหรือยัง ?
ตอบ : บางคนเขาก็ไปนานแล้ว แต่ร่างกายยังทำงานอยู่ บางคนจนกระทั่งหมดลมแล้วก็ยังไม่ไปอีกตั้งพักใหญ่ เพราะฉะนั้น..ถ้าเราไม่รู้จริงจะกลายเป็นอนันตริยกรรม คือ ฆ่าแม่โดยไม่รู้ตัว

ถาม : ของอย่างนี้ก็คือ เราต้องทำบุญไปเรื่อย ๆ ไม่ทราบว่าท่านโมทนาได้หรือเปล่า?
ตอบ : ทำไปเถอะ..เพราะเวลาทำบุญตัวเราเองได้อยู่แล้ว ส่วนท่านจะโมทนาได้หรือไม่ได้ค่อยว่ากันทีหลัง แต่ให้เราทำไปเรื่อย ๆ

เถรี 23-03-2011 11:14

ถาม : ผมเคยอ่านหนังสือกระโถนฯ ที่ท่านบอกว่าอมเหรียญเพื่อเตือนสติตัวเอง ผมสร้างศัตรูไว้เยอะ ก็เลยอมเหรียญทำน้ำมนต์บ้าง เพื่อจะได้เตือนสติ แต่ด้วยความเลวของตัวเอง เวลาคนอื่นว่ามาก็จะโกรธ ผมจึงกัดเหรียญแรงหน่อย มีโทษมากน้อยขนาดไหนครับ ?
ตอบ : ระวังฟันบิ่น..!

ถาม : แต่ถ้าเป็นการปรามาส ผมขอขมาโทษก็จะเบาบางลง ?
ตอบ : ขอขมาพระทุกครั้งที่จะทำความดี ไม่ว่าจะสวดมนต์ ทำกรรมฐาน ไหว้พระ ก็ขอขมาไว้ก่อน
คราวหน้าก็เอาเหรียญใหญ่ ๆ หนา ๆ สิ จะได้กัดไม่เข้า ถ้าจะอมเหรียญก็อมเหรียญทำน้ำมนต์ของหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ ของท่านน่าจะกว้างถึง ๑๐ เซ็นติเมตร..!

เถรี 24-03-2011 15:10

ถาม : ฝึกทั้งมโนมยิทธิ ยุบหนอพองหนอ พุทโธ ฝึกทุกอย่างเลยค่ะ ไม่รู้จะเอาอย่างไหนดี ?
ตอบ : ให้เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ชอบอย่างไหนต้องทำให้ได้ผลไปเลย ทำหลายอย่าง ๆ ไม่มีทางได้ผลหรอก เพราะเรามั่วไปหมด

ถาม : ฝึกมโนมยิทธิจะก้าวหน้าไหมคะ?
ตอบ : อยู่ที่เรา ถ้าขยันซ้อมก็ก้าวหน้า ถ้าขี้เกียจซ้อมก็ไม่ก้าวหน้า

ถาม : ถ้าขยันจะทำสำเร็จใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าขยันแล้วไม่สำเร็จ แสดงว่าสติปัญญายังไม่พอ จึงทำผิดวิธี

เถรี 24-03-2011 15:19

ถาม : พี่ชายเขาฝึกสติ เขาจะเพ่งกสิณสีอะไรดี ผมไม่รู้ว่าเขาเคยทำมาหรือเปล่า ?
ตอบ : ไม่ต้องไปใส่ใจ ถ้าอยากทำก็ทำเลย สำหรับการเพ่งกสิณ ให้ลืมตามองภาพแล้วจำภาพนั้นไว้ จากนั้นหลับตาลงแล้วนึกถึงภาพนั้น จะจำภาพได้พักหนึ่ง พอภาพหายไปก็ลืมตามอง หลับตานึกถึงใหม่ ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่ใช่ไปนั่งจ้อง

จะใช้กสิณอะไรก็ใช้คำภาวนาตามกสิณกองนั้น ถ้าเป็นกสิณสีแดงก็ว่าโลหิตกสิณังไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งไม่ต้องมองภาพนั้น นึกเมื่อไรก็นึกได้ แล้วให้รักษาภาพนั้นเอาไว้ พอประคับประคองไปนาน ๆ สีของภาพจะค่อย ๆ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งสว่างเต็มที่ ก็ลองอธิษฐานใช้ผลดู

ถาม : อย่างตัวหนูฝึกได้ไหมคะ ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าให้เลือกเอาอย่างเดียว

ถาม : แล้วอย่างไหนดีครับ แนะนำหน่อยสิครับ จะได้ไปไว
ตอบ : ธรรมะของพระพุทธเจ้ามีที่ไม่ดีไหม ?

ถาม : ไม่มีครับ
ตอบ : ถ้าไม่มี จะเอาอะไรก็ได้

ถาม : มีทางที่สั้น ๆ ไหมครับ ?
ตอบ : ทางตรงสั้นที่สุด

ถาม : ถ้าปีหน้าผมจะบวช ผมพอจะบวชได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าถามอย่างนี้ยังบวชไม่ได้หรอก เพราะกำลังใจยังไม่พอ ถ้าจะบวชก็บวชไปเลย ตายเป็นตาย ถ้าจะตกนรกก็ให้ตกไปเลย..!

ถาม : บารมีที่จะต้องเสริมให้การปฏิบัติก้าวหน้า ?
ตอบ : ไม่ต้องไปใส่ใจ ให้เร่งปฏิบัติไป ถ้ากำลังใจทรงตัว ทุกอย่างจะดีหมด ถ้ากำลังใจห่วยแตกอย่างคุณนี่ก็แย่ไปหมด..!

เถรี 24-03-2011 15:28

ถาม : ทำอานาปานสติแล้วปวดหัวเรื่อย ๆ สมาธิก็ไม่ค่อยดี
ตอบ : ตัดใจได้ไหมว่า ต่อให้ตายลงไปเราก็จะทำความดีอย่างนี้ ถ้าตัดใจได้ก็จะผ่านไปได้ ภาษานักปฏิบัติเรียกว่า ขันธมาร เขาแค่มาแกล้งให้รู้สึกว่าเราเป็นอะไร จะได้เลิกการภาวนาเท่านั้นเอง

ใครก็ตามที่โดนแกล้งลักษณะนี้ ให้รู้ว่าถ้าเราทำความดีแล้วจะได้ผลเร็ว เขาจึงต้องรีบขวางเอาไว้ ถ้ามีความบ้าพอ ให้คิดว่า ถ้าจะหัวระเบิดตายไปตอนนี้เราก็จะทำต่อ ถ้าตัดใจได้แบบนี้ก็จบ

เถรี 24-03-2011 15:49

พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนนี้ท่านกวางนำเสนอวิทยานิพนธ์สามบทแล้ว เครียดจนอาเจียนเลย ท่านเป็นคนเครียดง่ายมาก และยังมีกรณีทางบ้านด้วย คือ แม่ของท่านกวางอยากจะเจอพระลูกชาย พี่สาวก็เลยพามา แต่ไม่ให้พูดด้วย พี่สาวบอกว่าพระพูดกับผู้หญิงไม่ได้เพราะเป็นอาบัติ..!

พี่สาวของท่านกวางเขาเรียนอภิธรรมมา จึงนึกถึงที่หลวงพ่ออุตตมะท่านเคยบอกกับลุงสัจจะว่า "โยมลัย..เรียนพระอภิธรรมไป เดี๋ยวหาพระไหว้ไม่ได้นะ" เรื่องที่พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนคน แล้วเขาพยายามไปเรียนกัน อาตมาก็ว่าเหลวไหล

เราลองนึกดูซิว่า..ด้วยอัจฉริยภาพของพระพุทธเจ้า การประมวลผลของพระองค์ท่านน่าจะเร็วกว่าซุปเปอร์คอมพิวเตอร์สมัยนี้ พระองค์ท่านยังใช้เวลาตรึกตรองพระอภิธรรมอยู่ถึง ๗ วัน พระองค์ท่านขึ้นไปสอนบุคคลที่เป็นอุคฆติตัญญูอย่างเทวดานางฟ้าและพรหม ที่ฟังแค่หัวข้อก็เข้าใจว่าเนื้อหาเป็นอย่างไร ยังใช้เวลาสามเดือนของมนุษย์ แล้วอย่างนี้จะมีใครบ้างที่สามารถฟังพระองค์ท่านเทศน์อภิธรรมตั้งแต่ต้นจนจบได้ ?

เพราะฉะนั้น..พระอภิธรรมเป็นสิ่งที่พระองค์ท่านไม่ได้สอนมนุษย์ แต่คนสมัยนี้เขาพยายามเรียนกัน แล้วตรงเป็นสากกระเบือเลย พอแม่ท่านกวางควักเงินจะทำบุญ เขาก็บอกว่า "แม่จะทำให้ตัวเองตกนรก..! พระเขาห้ามรับเงินไม่รู้หรือ ?" ท่านกวางจึงเครียดเสียจนผมแทบหงอกเลย

ท่านกวางบอกว่า "แทนที่แม่ผมจะได้บุญบ้าง กลายเป็นพี่สาวผมขวางบุญแม่ทุกอย่างเลย พี่สาวผมว่า..ก็เพราะแม่ทำอย่างนี้แหละ ไปทำให้พระศีลขาด ก็เลยเหลือแต่พระเลว ๆ ไม่มีพระดี ๆ เหลืออยู่เลย..!" คราวนี้รู้หรือยัง ? ทำไมคนเรียนอภิธรรมถึงไม่มีพระให้ไหว้ เพราะรู้มากกว่าพระ เก่งกว่าพระ"

ถาม : แม่ชีเขาชอบเรียนอภิธรรมกัน เรียนแล้วก็มานั่งจับผิดพระ
ตอบ : แม้กระทั่งความยินดี คือ ฉันทะในการปฏิบัติธรรม ทางอภิธรรมเขายังถือว่าเป็นโลภะเจตนา เป็นจิตที่ประกอบด้วยความโลภ ถ้าคนเขาไม่เข้าใจคำอธิบายตรงนี้ก็ตายเลย แล้วอย่างนี้ใครเขาจะปฏิบัติธรรมกัน เพราะเห็นว่าเป็นความโลภเสียแล้ว

เถรี 24-03-2011 15:58

ถาม : เมื่อวานไปกราบหลวงพ่อสมเด็จวัดสระเกศมา เพิ่งทราบมาท่านต้องนั่งรถเข็น พอทำวัตรเสร็จ ท่านก็ยังเทศน์ เสียงท่านก็ไม่ค่อยจะมี ท่านก็ยังเทศน์
ตอบ : งานวันเกิดท่าน ทั้งคนและพระมากราบท่านมหาศาลเลย พออาตมาเข้าไปเห็นท่านนั่งอยู่ ก็รู้ว่าท่านไม่มีกำลัง แต่ท่านต้องนั่งอยู่เพื่อให้กำลังใจคนที่มาหา รู้เลยว่าท่านทุกข์ขนาดไหน ลำบากขนาดไหน เพราะอาตมาเคยเป็นอย่างนั้นมาก่อน

เวลาป่วยหนัก ๆ จนนั่งไม่ติด แต่ยังต้องทนนั่งยิ้มเพื่อให้กำลังใจโยมที่มา วันนั้นท่านก็นั่งไม่ติดแล้ว แต่ก็พยายามฝืนใจนั่ง อาตมาเข้าไปเป็นคนแรก ๆ ส่วนคนข้างหลังอีกกี่พันก็ไม่รู้ ท่านต้องทนนั่งอีกนานเท่าไร ?

พออาตมาเข้าไปถึงถวายเครื่องสักการะเสร็จ ก็เดินวนออกข้างหลังไปเลย ทำเป็นตัวอย่างให้คนอื่นเขาดู คงเป็นที่ถูกใจ เลยมีเสียงตามสายดังมาข้างหลังจากเจ้าหน้าที่ว่า ให้ทำตามอย่างนั้น และขอร้องว่าอย่าถวายแจกันดอกไม้สด ใครมีแจกันดอกไม้สดให้ถวายหน้าพระพุทธรูป เพราะตอนนี้ร่างกายของหลวงพ่อสมเด็จท่านอ่อนแอมาก แพ้ทุกอย่าง ถ้าโดนเกสรดอกไม้ไปก็จะแย่อีก

ถาม : เห็นแล้วก็สลด เอาชีวิตเราไปแทนท่านดีกว่าไหม ?
ตอบ : แลกกันไม่ได้..ไม่มีใครเขาเอาโคตรเพชรขนาดนั้นไปแลกกับก้อนกรวดหรอก..!

เถรี 24-03-2011 16:06

ถาม : โยมไม่แน่ใจว่า นี่เป็นพระพุทธสารีริกธาตุจริงหรือไม่ ?
ตอบ : ตรงนั้นไม่สำคัญจ้ะ สำคัญอยู่ที่เรานึกถึงพระได้ไหม ? ถ้าเรานึกถึงพระได้ก็เป็นของจริง สำคัญที่อนุสติ คือการระลึกถึง ถ้าไม่ได้นึกถึงต่อให้ได้ของจริงมาก็เท่านั้นแหละ

เถรี 24-03-2011 16:09

พระอาจารย์บอกว่า "วิธีฝากบ้านกับเทวดา ท่านให้ทำกระบะทรายแล้วจุดธูป ๕ ดอก ขอบารมีพระ พรหม เทวดา และเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลายได้โปรดสงเคราะห์ ช่วยรักษาบ้านของเราให้ปลอดภัยจากอันตรายต่าง ๆ เสร็จแล้วก็ปักธูปที่มุมทางทิศเหนือก่อนว่า เวสสุวัณโณ

ไปทางใต้-วิรุฬปักษี ตะวันตก-วิรูปักษา ตะวันออก-ธะตะระโฐ แล้วมาตรงกลางว่า นะโมพุทธายะ เพราะฉะนั้น..จึงต้องปักธูป ๕ ดอก"

เถรี 24-03-2011 16:19

ถาม : อย่างรูปท่านท้าวมหาราช ผมพิมพ์เยอะ ๆ แล้วไปเข้าพุทธาภิเษกได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้..แต่อย่าเสือกมาให้ตูแจก..! เอาไปแจกเอง อะไรที่ท่านไม่ได้สั่งให้ทำจะกลายเป็นส่วนเกิน เพราะจัดการยาก..!

ถาม : ถ้าเราพิมพ์รูปภาพของท่านท้าวมหาราชมาติด แล้วหันหน้าไปทางทิศไหนก็ได้ใช่ไหมครับ ? จำเป็นต้องหันหน้าไปทางทิศตะวันออกไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าคิดอย่างคุณก็ลองทดสอบดูได้ มีอยู่วันหนึ่ง หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านรับสังฆทานอยู่ที่ศาลานวราชบพิตร พอญาติโยมน้อยลง ท่านก็ขอไปเข้าห้องน้ำหน่อย พอท่านเดินไปข้างหลัง ปรากฏว่าเจอพระสังฆทานหน้าตัก ๕ นิ้วอยู่องค์หนึ่ง ที่เขารับแล้วยกไปไว้ข้างหลัง แต่หันหน้าผิดทิศ


ท่านถามหลวงพี่วิรัชที่เดินตามไปว่า "ใครเป็นคนวางวะ ? รีบหันเสียให้ถูกเดี๋ยวนี้เลย..!" นั่นแค่ชั่วคราวนะ..ท่านยังไม่ยอมเลย อะไรที่ท่านเตือน แสดงว่าท่านโดนจนเข็ดแล้ว แต่ถ้าคุณจะทดสอบดูก็ได้

ถาม : แบบนี้พระพุทธรูปที่ตั้งอยู่ในรถ เราก็ต้องหันหน้ารถให้ถูกทุกครั้งสิครับ ?
ตอบ : ต้องลอง ของอย่างนี้ลองกันได้ เอาอย่างนี้นะ รถของวัดท่าขนุนเวลาจอด พระจะหันหน้าไปทางทิศตะวันออกตลอด


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:21


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว