กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=18)
-   -   ฝึกเมตตาบารมีด้วยการขอข้าวเทวดา (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1379)

โอรส 06-12-2009 10:58

ฝึกเมตตาบารมีด้วยการขอข้าวเทวดา
 
ถาม : อย่างเทวดาหรือพรหมนี่เขามีโอกาสทำบุญอะไรไหมคะ ?
ตอบ : เยอะ จะสร้างเองก็ได้ อยู่ข้างบนก็ถือศีลภาวนาต่อ ศีลทรงตัวเป็นปกติอยู่แล้วกี่สิกขาบทก็ได้ มันไม่ต้องไปละเมิดนี่ ภาวนาก็ทำใจตัวเองตัดกิเลสต่อไป แล้วขณะเดียวกันมีพระดีอยู่
ที่ไหนก็ไปฟังเทศน์ฟังธรรมไปใส่บาตรไปอะไรได้

ถาม : ต้องไปแอบใส่หรือคะ ?
ตอบ : อาตมาก็เคยโดนเขาแอบใส่แต่อด ตอนเช้า ๆ ก่อนบิณฑบาตก็ใช้กำลังใจดูว่าวันนี้คนที่ใส่บาตรคนแรกจะเป็นใคร มันพิสูจน์ได้ใช่ไหม ?

ถาม : ...................
ตอบ : ที่ฝึกอยู่หลวงพ่อท่านให้ฝึกในวัดก่อน ท่านบอกว่าถ้าแกอดไม่ได้กินก็ไปกินที่โรงครัวจะได้ไม่อด นั่นล่ะครูบาอาจารย์ท่านรอบคอบ ในเมื่อท่านรอบคอบเราก็ฝึกตามวิธีนั้น

แต่หลวงพี่สพฤกษ์ ท่านออกป่าเลย ไปอยู่ที่บึงลับแลเลย สอนวิธีสอนอะไรท่านเสร็จ ท่านก็ไปตั้งอธิษฐานด้วยว่า ถ้าไม่ใช่อาหารที่ใส่ลงไปในบาตรนี้จะไม่ฉันอะไรเลย นี่ตั้งกำลังใจผิด เทวดาเขาชอบ เขาอยากลองดูว่ากำลังใจมันแค่ไหน ท่านใช้ได้จริง ๆ เลยกำลังใจเข้มมาก เพราะว่าทั้งนมทั้งโอวัลตินตั้งอยู่ใกล้ ๆ ประเคนแล้วด้วย...ไม่แตะเลย นอนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก หายใจพะงาบ ๆ เราก็ ๑๐ วันเข้าไป คนไม่กินอะไรเลย ๑๐ วันมันแย่นะถ้าหากสมาธิไม่ทรงตัว แต่ว่าท่านกำลังใจเหลือเกินจริง ๆ ไปถึงหน้าเหี่ยวเลย เอายาโด๊ปให้เม็ดสองเม็ดมีกำลังขึ้นมาหน่อย เสร็จแล้วก็ให้พวกญาติโยมที่ไปด้วยเขาใส่บาตร ก็ต้องหุงข้าวต้มให้มันเละ ๆ ไม่อย่างนั้นฉันไม่ได้นะ อดมาเป็นสิบ ๆ วัน

ของทหารสมัยที่ฝึกได้เดทไลน์ เขาทิ้งไว้กลางเกาะร้าง ๓ วันหาอาหารกินเอง มีมีดให้เล่มเดียวกับกระติกน้ำหนึ่งใบ อยู่ ๓ วันหากินเอง อันนั้นเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการฝึก จบจากตรงโน้นขึ้นฝั่งเขาตั้งโต๊ะเลี้ยงเลย เล่นให้ไก่ย่างคนละตัว กินกันไม่ได้ เสียของเปล่า อ้วกเลย...เพราะร่างกายไม่ได้รับอาหารมาหลายวัน เป็นความคิดของคนบนฝั่งนั่นแหละ คือ อย่างไรมันก็ได้กินแน่ เรากินกันไม่ได้หรอก เขาจัดเลี้ยงเราคือเลี้ยงตัวเองด้วย พอขึ้นฝั่งปุ๊บเขาก็จะประดับหัวเสือให้ก่อน ถ้าอดนาน ๆ แล้วไปกินอาหารแข็งทีเดียวไม่ได้หรอก ถ้าไม่ปวดท้องปวดไส้ชักไปเลยก็ลมใส่ ดีไม่ดีย่อยไม่ได้ตายเอาง่าย ๆ ไม่ใช่แค่อาเจียนรับไม่ได้

ถาม : แล้วหลังจากนั้น...?
ตอบ : ก็ต้องให้เขาต้มพวกข้าวต้มเละ ๆ เป็นโจ๊กเลย ใส่บาตรให้ เพราะท่านอธิษฐานไว้ว่า ถ้าไม่ได้ใส่บาตรท่านไม่ฉัน ก็ต้องใส่บาตรให้ท่าน แหม...ให้คนอดมานาน ๆ นี่กินน่าตาย บาตรเบอร์ ๘ ครึ่ง ใส่เสียค่อนบาตร ฉันหมดน่ะ แล้วก็ไปอดต่ออีกอย่างน้อย ๗ วัน ถ้าไม่ใช่ ๗ วันก็ ๑๐ วันเข้าไปดูเสียทีหนึ่ง เห็นแย่มาก ๆ ก็โผล่ไปดูที เป็นอาจารย์ที่โหดใช้ได้...(หัวเราะ)...

โอรส 06-12-2009 11:12

ถาม : ตกลงได้กินบ้างหรือยัง ?
ตอบ : ไม่ได้กิน ตั้งกำลังใจผิด

ถาม : เป็นอย่างไร...?
ตอบ : อยู่ครบ ๓ เดือนไม่ได้กินเลยมีแต่อาหารที่เราให้คนเข้าไปถวายถึงจะได้กิน ตักใส่บาตร ถึงเวลาเดินกลับมา

การขอข้าวเทวดากินมี ๒ แบบ แบบหนึ่งนี้เราเลือกต้นไม้ต้นใดต้นหนึ่งเป็นการเจาะจงเลย เอาบาตรไปแขวนไว้ แล้วก็ตั้งใจแผ่เมตตาให้เขา ถ้าได้ยินเสียงดังกุกเหมือนกับใครเอาอะไรเคาะฝาบาตรละก็...เก็บบาตรกลับได้ จะมีอาหารมาพร้อมกับดอกไม้มาด้วย อีกแบบหนึ่งก็คือกำหนดระยะทางว่าเราจะเดินจากต้นไหนถึงต้นไหน ส่วนใหญ่ประมาณครึ่ง ๆ ทางเขาก็โผล่มาใส่แล้ว มาก็มาลักษณะชาวบ้านทั่ว ๆ ไป กระมอมกระแมมมาโน่น แต่ว่าอยู่อย่างนั้นก็มีอยู่อย่างคือว่า ตัวเมตตาบารมีต้องทรงตัว ถึงเวลาแผ่เมตตาและภาวนาต่อจนอารมณ์ทรงตัว แล้วรักษาอารมณ์นั้นไว้ต่อเนื่องให้ได้ ๓ วัน ห้ามพร่อง ถ้าพร่องไม่ได้รับประทาน ถ้าไม่พร่องเลยก็จะได้ ถ้าได้แล้วอย่าประมาทนะ ถ้าพร่องมื้อต่อไปอด..!

ถาม : ฝึกเมตตาตัวเดียวหรือคะ ?
ตอบ : ฝึกเมตตาตัวเดียว แรก ๆ ใหม่ ๆ ฝึกนี้ขำจะตาย แหม...วันแรกชุ่มเย็นเหมือนกับซุกน้ำแข็งไว้ในอก มองฟ้า มองดิน มองจิ้งจกตุ๊กแกยิ้มให้ได้หมด ไม่รู้จะยิ้มให้ใครเดินไปยิ้มกับถนนก็เอา พอวันที่สองหนักขึ้น ๆ เหมือนยังกับแบกช้างไว้ทั้งตัว วันที่สามนี้ไม่เกินครึ่งวัน ทะร่อทะแร่เป็นนกปีกหัก ร่วงหล่นไม่เป็นท่า

เอาไปรายงานหลวงพ่อท่านก็หัวเราะ ท่านขำ ท่านบอกอย่าลืมนะว่าถ้าฌานสี่ไม่คล่องตัว ตัวเมตตาบารมีจะทรงยาก เมตตาบารมีใช้กำลังสูงมาก ท่านถึงบอกว่าให้ทำในบ้าน ให้ทำในวัดก่อน อาตมาอยู่ตึกกองทุนไม่ต้องไปไกล ต้นมะม่วงขึ้นอยู่หน้าตึก หน้าตึกก็มีต้น หลังตึกก็มีต้น เลือกเอาสิว่าจะเอาต้นไหน แล้วโรงครัวก็อยู่ห่างไม่เกิน ๕๐ เมตร อดก็เดินไปโรงครัวก็ได้

แหม...หลวงพี่สพฤกษ์ท่านพอรู้วิธีก็ออกป่า...เกือบตาย ๓ เดือนกลับมามีแต่หนังหุ้มกระดูก ท่านถึงได้บอกว่าท่านเป็นหนี้ชีวิตอาตมาอยู่ ไปรั้งชีวิตคืนให้ ๗ รอบ ๘ รอบ กว่าจะครบ ๓ เดือน ท่านตั้งใจว่าจะอยู่ให้ครบ ๓ เดือน แล้วก็จะกินแต่อาหารที่เขาใส่มาในบาตรเท่านั้นเอง ในป่าอย่างนั้นถ้าไม่ใช่พวกเราเข้าไปจะมีใครไปใส่บาตร นอกจากรอเทวดาเขา

สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๔


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:47


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว