เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๖๒
พูดถึงเรื่องการสร้างวิทยาลัยสงฆ์ "ในเรื่องของครูบาอาจารย์สงเคราะห์นี้อาตมาไม่สงสัย ท่านบอกว่าอย่างไรก็อย่างนั้น คราวนี้คือรอดูว่าเงินจะมาอย่างไร อาตมารับปากจะหาเงินช่วยสร้างวิทยาลัยสงฆ์ไว้ ๑๐ ล้านบาท ก็มั่นใจว่าได้แน่ แต่ตอนเช้าวันเสาร์แล้วยังได้อยู่แค่แปดล้านห้าแสน ปรากฏว่าแทบจะไม่ต้องลุ้นเลย อาจารย์สวัสดิ์ โตแก้ว เป็นอดีตมหาเปรียญ ท่านทำหน้าที่พิธีกรในงาน ประกาศว่า "ขอเรียกว่าหลวงพ่อเล็กสิบล้าน เพราะวันนี้ถวายไปสิบล้าน ยังไม่มีคนแข่ง"
เลยบอกกับโยมให้ไปกระซิบบอกอาจารย์สวัสดิ์ว่า "อนุญาตให้มีคู่แข่งได้นะ ไม่อย่างนั้นขาดเท่าไรอาตมาก็ต้องจ่ายอีก" ตัวอาคารกว้าง ๑๙ เมตรยาว ๖๙ เมตร สูง ๔ ชั้น พร้อมมุขกลาง ตอนแรกเขาตีราคามา ๓๘ ล้านบาท อาตมาบอกว่า "บริษัทไหนตีราคาเท่านี้ให้มาสร้างเลย อาตมารับเป็นคนจ่ายเอง" พอได้ยินเข้าเขารีบไปคำนวณใหม่ แล้วขยับขึ้นมาเป็น ๕๐ ล้านบาท แหม...อาคารขนาดนั้นบอกมาได้ ๓๘ ล้านบาท แปลว่าเงินสร้างวิทยาลัยสงฆ์ยังถวายได้เรื่อย ๆ นะ เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่า ก็ยังไม่พอใช้หรอก ถึงเวลาก็ต้อง "พระอาจารย์เล็กช่วยหน่อย" |
"งานนี้ต้องบอกว่าทิดเฟิร์ส (บัณฑิต เอี่ยมตระกูล) กับน้องโบว์ (ภควรรณ พิพิธวรกิจ) เป็นอัศวินม้าขาวมาช่วยไว้ เพราะว่าเอาเงินจากการจำหน่ายพระกริ่งจินดามณีมนต์พระกาฬ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท กับสมเด็จแหวกม่านอีกจำนวน ๑,๕๐๐,๐๐๐ บาท รวมแล้ว ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท มาถวายช่วยชีวิตไว้พอดี
ตอนเช้าทิดเฟิร์สก็เอาพระสมเด็จแหวกม่านไปให้แจกในงาน ๓๐๐ องค์ กำลังแจกอยู่ ครูบาหน่อแก้วฟ้าแทรกพรวดเข้ามา บอกว่า "ขอผมด้วย" ถามว่าทำไม ? ท่านถามว่า "สมเด็จแหวกม่านใช่ไหม ?" นั่งอยู่ตั้งห่างยังรู้อีกแน่ะ สมเด็จแหวกม่านต้นตำรับจริง ๆ ก็คือหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม หลวงพ่อกวยท่านสงเคราะห์ลูกศิษย์แบบไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ใครได้สมเด็จแหวกม่านไป ไม่ว่าชีวิตจะมีอุปสรรคเท่าไรก็ผ่านพ้นไปได้ ด้วยแรงครูช่วยแหวกให้ แล้วทิดเฟิร์สถึงเวลาก็บวงสรวงขออนุญาตสร้าง อยากให้พวกเราได้เห็นรูปตอนบวงสรวง เมฆหนาทึบมาก พอเริ่มทำพิธีบวงสรวงแบบกลายเป็นช่อง มีรัศมีสีทองพุ่งตรงมายังที่บวงสรวงพอดี ต้องบอกว่าเดี๋ยวนี้กล้องเก่ง ไอ้เรื่องที่ไม่ควรถ่ายติดก็ถ่ายติดอยู่เรื่อย" |
พระอาจารย์ให้พรคู่รักที่กำลังจะแต่งงาน "ขอให้อยู่ทน ๆ จนไม่ต้องทนก็อยู่ได้ มีใครให้อวยพรอย่างนี้กันบ้าง ?"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงตักบาตรเทโวฯ อาตมาจะเข้ากรรมฐานก่อนสามวัน ทางสำนักงานวัฒนธรรมประจำจังหวัดกาญจนบุรีจะไปจัดงานถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ อาตมาก็บอกแล้วว่า ต่อให้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดมา อาตมาก็ไม่ออกไปหรอก เพราะว่าเขาเชิญผู้ว่ามาเป็นประธาน
เจ้าอาวาสวัดท่าขนุนเรื่องมาก เข้ากรรมฐานแล้วไม่ออกมาหรอก..!" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้บ้านสบายใจมีใครสบายใจบ้างไหม ? จนป่านนี้หลวงพ่อสมปองยังไม่ออกจากไอซียูเลย อาตมาคาดการณ์ไว้ว่า ออกมาก็คือหามออกไปเผาเลย"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าเจอท่านเจ้าคุณปิง อาตมาจะลองให้สอบถามคณะสงฆ์ทางมหายานของเมืองจีน ว่าพระจีนมีเป็นมะเร็งบ้างไหม ? เพราะว่าท่านฉันเจ
คนไทยเราบอกว่าสาเหตุหนึ่งของมะเร็งคือกินเนื้อสัตว์ จะให้ลองตรวจสอบดูว่า ถ้าฉันเจแล้วยังเป็นมะเร็ง ก็แปลว่าทฤษฎีนี้ใช้ไม่ได้ แต่เขาบอกว่าคนจีนไม่ค่อยเป็นมะเร็ง เพราะว่ากินน้ำชาเป็นปกติ น้ำชามีสารต้านอนุมูลอิสระ ต่อต้านเซลล์มะเร็งได้ แต่เท่าที่อาตมาลองชิมชามาสารพัดชนิด ชาที่อร่อยที่สุดที่ชิมมายังคงเป็นชาญี่ปุ่น ถ้าชาอินเดีย ชาซีลอน (ลังกา) บางทีรสชาติอุบาทว์มาก ชอบทำกลิ่นผลไม้ใส่ลงไป ใบชาก็ต้องมีกลิ่นของชา นี่ไปใส่สารปรับให้มีกลิ่นผลไม้ กลิ่นมะม่วงบ้าง แอปเปิ้ลบ้าง ถ้าเห็นซองชาสี ๆ แล้วมีรูปผลไม้ อาตมาจะไม่แตะเลย แต่คราวนี้สุดยอดใบชาของจีน อาตมาก็ยังไม่เคยลอง เนื่องจากราคาแพงมาก" |
ถาม : อุปฆาตกรรมฝ่ายกุศลมีอะไรบ้างครับ ?
ตอบ : อะไรก็ได้ที่ผลบุญเข้ามาตอนนั้น แล้วขัดขวางไม่ให้อกุศลทำงาน |
ถาม : ดิฉันอยากจะรักษาศีล ๘ แต่ในบางครั้งต้องร้องเพลงให้เด็กฟัง หรือฟังเพลงสื่อการสอนของเด็กในหน้าที่ และบางครั้งจะต้องเดินทางไปทำงานในสถานที่ที่เขาเปิดเพลง ซึ่งดิฉันไม่มีเจตนาที่อยากจะฟังเพลงเลย เพราะรู้ตัวว่าตอนนี้กำลังรักษาศีล ๘ อยู่ ดิฉันจะแก้ไขอย่างไรไม่ให้ละเมิดการรักษาศีล ๘ ได้คะ ?
ตอบ : การฟังเพลงที่คนอื่นเขาเปิด ไม่ใช่เจตนาของเรา ศีลแปดไม่ขาด ส่วนการร้องเพลง อย่างเช่นสอนเด็ก ถ้าเราคิดว่าเป็นการที่ศีลขาด เราก็รักษาศีลเป็นเวลา อย่างเช่นตั้งแต่ก่อนไปทำงานจนถึงที่ทำงาน เรารักษาศีลแปดให้สมบูรณ์ ในช่วงที่เราทำงานจะขาดจะพร่องก็ช่างมัน กลับมาถึงบ้านเมื่อไร เราก็ตั้งหน้าตั้งตารักษาของเราต่อไป |
ถาม : บางวันหนูได้อาราธนาศีล ๘ ก่อนนอน และหลับในศีล ๘ จนกระทั่งตื่นในตอนเช้า เสร็จแล้วก็อาราธนาเป็นศีล ๕ ใหม่ เพราะว่าบางทีมีเหตุที่ไม่สามารถรักษาศีล ๘ ได้ในระหว่างวัน การที่หนูได้ทำแบบนี้จะเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยหรือไม่คะ ?
ตอบ : ไม่ปรามาสแต่ขาดทุน เพราะว่าถึงเวลาเราก็ลดลงมารักษาแค่ศีล ๕ แต่บางทีเราอาจจะรักษาได้ตั้งเจ็ดข้อครึ่ง..! |
ถาม : หนูรู้ว่าหนูมีจิตที่คิดอิจฉาริษยาค่ะ เช่น ไม่อยากให้ผู้อื่นได้ดีในสิ่งที่เขาจะได้รับ อยากให้ตัวเองได้รับสิ่งนั้นแทน หนูรู้ว่ามีจิตคิดแบบนี้นั้นเลวมาก ซึ่งหนูไม่อยากให้ตัวเองมีจิตคิดแบบนี้ค่ะ หนูพยายามพิจารณาแล้ว แต่ก็ยังกลับมาคิดวนเวียนอยู่ หนูควรจะพิจารณาอย่างไรให้จิตยอมรับและพลอยยินดีกับผู้อื่นได้คะ ?
ตอบ : แผ่เมตตาบ่อย ๆ เราจะริษยาหรือไม่ริษยา เขาก็ได้รับผลอย่างนั้น เพราะว่าเขาได้ทำไว้ เราจะริษยาหรือไม่ริษยาเราก็ตาย เขาก็ตาย พิจารณาไว้บ่อย ๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง |
ถาม : ครั้งหนึ่งได้เดินบนทางลอยฟ้าสี่แยกกลางเมืองหลวง ขณะเดินเลี้ยวขวาแล้วหยิบมือถือมาดู ตอนนั้นหางตาเห็นเหมือนมีผ้าลงมาคลุมแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้สนใจ ก็เดินไปเรื่อยพร้อมดูมือถือ พอเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง พบว่าเรากลับเดินมาทางซ้ายฝั่งตรงกันข้าม เป็นระยะไกลพอสมควร มั่นใจว่าไม่ได้เดินเลี้ยวผิดแน่ ถนนเส้นนี้ไม่ค่อยคุ้นเคยเหมือนถนนอีก ๓ เส้นทางที่ผ่านบ่อย ซึ่งเมื่อผ่านก็จะนึกอุทิศบุญให้ผู้ที่อยู่เสมอ ช่วงตอนนั้นภายหลังจากสวดมนต์จะอุทิศบุญระบุให้ผู้ที่อยู่เฉพาะบริเวณสี่แยกทุกครั้ง ผู้ที่อยู่แถวถนนเส้นที่เลี้ยวผิดนี้ เขาต้องการให้เราระลึกและอุทิศบุญให้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่ทราบว่าจะโดนแบบเดียวกับอาตมาหรือเปล่า ? ก่อนหน้านี้ไม่รอบคอบ เวลาเดินทางตั้งใจอุทิศส่วนกุศลให้ท่านทั้งหลายที่อยู่ตลอดเส้นทางที่เดินทาง ก็เลยโดนพาเตลิดเปิดเปิงไปเรื่อย เพราะว่าเขาอยากได้ ถาม : ถ้าจะอธิษฐานอุทิศบุญกุศลโดยระบุชื่อถนนหรือสถานที่เฉพาะพวกเขาที่อยู่แถวนั้นจะได้รับมากกว่าการอุทิศแบบรวม ๆ หรือไม่ครับ ? ตอบ : อุทิศเป็นการเฉพาะจะปลอดภัยกว่า ไม่อย่างนั้นก็จะเจอแบบอาตมา ไปจนเกือบทั่วกรุงเทพฯ กว่าจะรู้ตัว |
ถาม : หลวงพ่อเคยเล่าเกี่ยวกับอาการคล้ายจะเป็นไข้ เวลาที่ไม่ได้อุทิศบุญต่อผู้ต้องการบุญจำนวนมาก ๆ ซึ่งกรณีเช่นนี้ อีกสักระยะหนึ่งจะหายไปเอง แล้วในกรณีที่เรากำหนดจิตแผ่เมตตาอุทิศบุญให้พวกเขา สักพักก็จะหายเองเหมือนกันโดยไม่ต้องรักษาหรือรับประทานยาใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ลองทำดูเดี๋ยวก็รู้เอง มาถามให้เสียเวลาทำไม ? |
ถาม : แมวบางตัวได้รับมรดกทรัพย์สินมากมายร่ำรวยกว่าหลาย ๆ คน แมวบางตัวเพียงคนเห็นภาพถ่ายทางอินเทอร์เน็ตครั้งแรก ก็รู้สึกชอบรักเอ็นดูมาก จนมีแฟนคลับติดตามเป็นแสนราย แมว ๒ ตัว เขาทำบุญอะไรมา ในขณะที่แมวหรือสุนัขบางตัว ชีวิตลำบากมาก เมื่อได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วโพสต์ขอรับความช่วยเหลือ กลับได้รับความสนใจน้อยมากครับ ?
ตอบ : ถามสั้น ๆ ว่าอยากเป็นแมวสองตัวนั้นมากใช่ไหม ? แมวรวยเท่าไร ? แล้วแมวใช้เงินเองได้ไหม ? แมวโด่งดังเป็นเซเล็บดังเท่าไร ? แมวรู้เรื่องด้วยไหม ? ก็รำคาญอยู่อย่างเดียวคือมีคนตามถ่ายรูป ฉะนั้น...แทนที่จะคิดว่าแมวสร้างบุญไว้ อาตมาว่าน่าจะสร้างกรรมไว้มากกว่า..! |
ถาม : หากเราขับรถชนพ่อแม่หรือพระอริยเจ้า จนถึงแก่ความตายโดยไม่ได้เจตนา จะมีผลทำให้ต้องอนันตริยกรรรมหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เจตนาหรือไม่เจตนา ถ้าทำสำเร็จก็โดนเหมือนกัน |
ถาม : ถ้าหากผมร่วมปิดทองคำขาวพระประธานของวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งแผ่นทองคำขาวผลิตโดยใช้ส่วนผสมของทองคำและแร่อื่น ๆ อยากทราบว่า การปิดทองคำขาวนี้จะได้รับอานิสงส์ชำระหนี้สงฆ์ด้วยหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ตำราไม่มีบอกเอาไว้ บอกไว้แต่ปิดด้วยทองคำ ฉะนั้น..ถ้าแหกคอกก็ต้องไปหาคำตอบเอาเอง |
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อครู่ก่อนที่จะลงมา นั่งลงบัญชีกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณร คราวนี้ทางวัดออกกติกาไว้ว่า ต้องเข้าโรงพยาบาลรัฐเท่านั้นถึงเบิกได้ เพราะว่าเจอโรงพยาบาลเอกชนไป ๒ รายเกือบจะหมดกองทุน..!
มีพระรูปหนึ่งท่านทำงานแล้วตกจากนั่งร้านลงมา กระดูกขาแตก ถึงเวลาเดินทางไปรักษาในตัวเมือง ด้วยความที่ท่านเป็นคนรับผิดชอบงานมาก ไม่อยากทิ้งงานนาน ท่านก็ใช้วิธีเช่ารถไป พอใช้วิธีเช่ารถไปกลับหลายครั้ง รายจ่ายก็เยอะ จึงบอกท่านว่าให้ทำหนังสือมาขอเบิก เพราะว่าปกติต้องเอาบิลมาเบิก ท่านก็ทำหนังสือมาขอเบิก อาตมาก็จ่ายไป ก็ปรากฏว่าหลวงตาอีกรูปหนึ่งมาขอเบิกค่ารถ อาตมาบอกว่าไม่ให้ เพราะว่าหลวงตาไม่ได้เดือดร้อนด้วยเรื่องงานอะไรเลย จะไปรถอะไรก็ได้ แล้วท่านก็ชอบไปไกล อย่างที่อาตมาเรียกว่าไปแรด..! แต่อาตมาไม่ได้อธิบายให้ฟัง คาดว่าจนป่านนี้ท่านก็ยังสงสัยว่า ทำไมรูปหนึ่งเบิกค่ารถได้ อีกรูปหนึ่งเบิกไม่ได้ ? เพราะว่าถ้าไม่มีการควบคุม ก็คงจะเบิกใช้กันครึกครื้น มีพระบางรูปตัดแว่นไป ๒๗,๐๐๐ บาท ใช้สิทธิ์เบิก ตัดแว่นเสร็จรุ่งขึ้นก็สึก น่าประหารชีวิตมาก..! ก็เลยว่า เออ..เรื่องของเงิน ต่อให้เราเคร่งครัดเข้มงวดแค่ไหนก็ตาม ก็ยังมีช่องโหว่ให้คนเขาหาประโยชน์ได้อยู่ดี ปล่อยเขาไปเถอะ จะไปทางไหนก็ไป" |
เด็กคลานไปคลานมาในบ้าน พระอาจารย์กล่าวกับแม่ของเด็กว่า "เลี้ยงเด็กอย่าไปรักมาก ปล่อยให้เขาลำบากบ้าง หัดทำอะไรด้วยตัวเองตั้งแต่เล็ก ๆ จะได้รู้ว่าโลกนี้ยากลำบากแค่ไหน เห็นฝรั่งเลี้ยงลูกแล้วอาตมายังชอบใจ พอเดินได้ก็ปล่อยเลย ให้เดินตามเอา บางทีเด็กก็ร้องไห้ตามประสาเด็ก ร้องก็ร้องไป พ่อแม่เดินทิ้งไปเลย พอเด็กเห็นว่าไม่มารับจริง ๆ ก็ต้องลุกขึ้นวิ่งตาม แล้วเด็กก็จะรู้ว่า เขาใช้วิธีอ้อนหรือโวยวายไม่ได้ เพราะว่าพ่อแม่ไม่สนใจ
ปล่อยเขาไปเถอะไม่ต้องไปดูไปแลอะไรมาก ถ้าเห็นจะลงบันไดแล้วค่อยไปอุ้ม" |
"อย่ารักอย่าห่วงมาก ถามว่าทำไม ? ลูกหมาลูกแมวถึงเวลาแม่เขาทิ้งยังเอาตัวรอดได้ ลูกคนแม่ทิ้งนี่ตาย ต้องเลี้ยงให้รอดได้อย่างนั้น
เมื่อเดือนก่อนแม่ชีเอาลูกหมาไปขัง ส่งเสียงร้องสนั่นหวั่นไหวไปทั้งวัด อาตมาก็ปล่อยให้ขังไป ๓ วัน แล้วถามเหตุผลว่าแม่ชีขังลูกหมาเพราะอะไร ? ตอบไม่ได้ ถ้าเขาเจ็บไข้ได้ป่วย แยกออกมาไม่ให้ติดโรคจากตัวอื่นก็ว่าไป นี่ไปขังไว้ให้ลูกหมาแหกปากสนั่นหวั่นไหวไปทั้งวัด ปล่อยเขาออกมาอยู่กับแม่ก็เงียบแล้ว บางทีเห็นลูกหมาเดินตามแม่เป็นพรวนก็ไปรำคาญแทนแม่หมา เอาลูกหมาไปขัง เลยกลายเป็นว่าคนเราหลงประเด็น เลี้ยงหมาก็ติดหมา เลี้ยงแมวก็ติดแมว เลี้ยงคนก็ติดคน" |
"แม่ชีเขามีความดีตรงนี้แหละ ใครเข้ามาอยู่ในวัดเป็นคนของเขาหมด แต่พอไม่ได้ดั่งใจก็ด่ากระจาย..! อาตมาเลยสรุปอย่างที่ว่า เลี้ยงหมาก็ติดหมา เลี้ยงแมวก็ติดแมว เลี้ยงคนก็ติดคน ตอนตายเกาะใครก็เป็นลูกคนนั้น ถ้าเกาะเด็กผู้ชายก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้เป็นลูกเขาเสียที ถ้าเกาะหมาเกาะแมวก็ง่ายหน่อย เพราะที่วัดลูกหมาเยอะ...!
เลี้ยงสัตว์ ให้สัตว์รู้ตัวว่าเป็นสัตว์ อย่าไปเลี้ยงสัตว์ให้เป็นพ่อเป็นแม่ของตัวเอง หลายคนเลี้ยงลักษณะอย่างนั้น ถึงเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยแต่ละทีตัวเองก็จะตายตาม กลายเป็นยึดติด คราวนี้พอสภาพจิตยึดติดอยู่อย่างนั้น ถึงเวลาก็ต้องไปเกิดตามนั้น หมาแมวเกาะคนเขาได้เปรียบ ถึงเวลาก็ไปเกิดเป็นคน ถ้าเกาะพระก็ไปเกิดเป็นเทวดา แต่เป็นคนแล้วไปเกาะหมาเกาะแมวไปเกิดเป็นลูกหมาลูกแมว เสียชาติเกิด..! ทำอย่างไรที่จะทำให้เราเลี้ยงแล้วปล่อยวางได้" |
"สมัยที่อยู่เกาะพระฤๅษี อาตมาเลี้ยงอีเห็น เลี้ยงดีเกินไปตัวใหญ่เกือบเท่าหมา ถึงเวลาก็เล่นกับหมาจนชิน พออาตมาไม่อยู่ก็ไปเล่นกับหมา โดนหมาขย้ำตาย เพราะว่าตอนที่อยู่ พอเห็นหมาทำท่าเอาจริง อาตมาก็จะตวาดห้าม พอกลับไปคนงานเขารายงานว่า "หลวงพ่อครับ...อีเห็นโดนหมากัดตายแล้ว" ถามว่า "มึงทำอย่างไร ?" "เอาไปฝังครับ" "ทำไมโง่อย่างนี้วะ..ไม่เอาไปผัดเผ็ด..!"
พวกนั้นก็เอ๋อรับประทาน ตอนเลี้ยงเห็นรักนักรักหนา แต่พอตายกลับจะกิน..! บอกว่าให้รู้จักแยกแยะด้วย เลี้ยงเขารักเขาก็เป็นเรื่องปกติ แต่ต้องรู้ว่าพลัดพรากตายจากเป็นเรื่องธรรมดา ในเมื่อตายแล้วทำประโยชน์ได้มากที่สุดอย่างไรก็ทำไป บางคนบอกว่าเลี้ยงมากับมือกินไม่ลง บอกถ้ากินไม่ลง เอ็งทำมา เดี๋ยวข้าจะกินเอง..! เมตตากรุณาเป็นของดีแต่ต้องมีอุเบกขาด้วย ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นเรายึดติด ถ้าเมตตาเกินประมาณเจอบุคคลบางประเภท ได้คืบจะเอาศอกไม่รู้จบ ถึงเวลาสงสาร โดนเขาหลอกหมดไปหลายล้าน เดี๋ยวนี้ฉายาเพราะมาก "ดาโดนหลอก" รู้จักกันวันเดียวแต่งงานกัน จะบอกว่าไม่ได้แต่งเพราะเห็นแก่เงิน คงไม่มีใครเชื่อ อย่าไปนินทาเขามาก เดี๋ยวจะโดนกับตัวเอง...!" |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:41 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.