กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   มิงกะละบาร์ เมียนมาร์ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=57)
-   -   มิงกะละบาร์ เมียนมาร์ ตอนที่ ๗ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3669)

คิมหันต์ 18-02-2013 21:19

มิงกะละบาร์ เมียนมาร์ ตอนที่ ๗
 
มีสองแม่ลูกจะเดินทางไปทำงานเมืองไทยมาขอพรแต่เช้า “ขอให้แคล้วคลาด ปลอดภัย รวยกลับมานะจ๊ะ” เขาหลบหนีเข้าเมือง อาตมาไปเอาใจช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัย ก็เท่ากับสนับสนุนให้เขาทำผิดกฎหมายนะสิ...(ทำอย่างกับตัวเองมาพม่าถูกกฎหมายนักนี่..!)

วันนี้เป็นวันพระแปดค่ำต้องให้ศีลอุโบสถ กำลังฉันอยู่ บรรดาชาวบ้านขนอิฐเข้าวัดมาพอดี เกวียนเล่มแล้วเล่มเล่าทะยอยเข้ามาเป็นแถวยาวเหยียด เห็นความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้วัดของพวกเขาแล้ว รู้สึกดีใจที่ได้มาช่วยพวกเขาสร้างวัด

ไปดูการขนอิฐถึงโรงงานกลางทุ่ง คุณวีรชัยกำลังตรวจนับเกวียน เล่มหนึ่งขนอิฐสามร้อยก้อน เผื่อหักอีกร้อยละห้า ขากลับอาตมาหมดแรงเดิน ต้องนั่งเกวียนกลับมา ไม่เจียมสังขารดีนัก มาถึงก็เห็นครูบาน้อยคัดอิฐออกมากองพะเนิน บอกว่าใช้ไม่ได้ มีทั้งครึ่งสุกครึ่งดิบ และที่สุกมากจะกลายเป็นเนื้อกระเบื้องใส พวกนี้ปูนจะไม่เกาะ

พระอาจารย์ใหญ่ธัมมะเสนะมาถึงก่อนเพล คราวนี้พูดไทยได้อีกหลายคำ เช่น “น้ำร้อน อาบน้ำ” อาตมาถวายกระติกน้ำร้อนทัฟสลิมแบบพกพาแก่ท่าน กระติกใบนี้เต้อ (มานนท์) และลูกเหมียว (นิภา ศิริวรดล) สองตายายถวายมาเมื่อปีใหม่

คิมหันต์ 18-02-2013 21:22

กับท่านอาจารย์ใหญ่ ท่านให้ความเมตตาทุกครั้งที่อาตมาเดินทางมาพม่า อยากจะหาอะไรมาถวายให้สมกับความดีของท่าน จึงนึกถึงกระติกน้ำแบบนี้ พม่าเขาดื่มน้ำร้อนกันทั้งบ้านทั้งเมือง คงเหมาะมากหากได้มาถวายท่าน

มาถึงตอนนี้อาตมาต้องการอะไรไม่จำเป็นต้องเอ่ยปาก แค่นึกก็จะได้มาดังใจ จึงต้องระวังความคิดตัวเองอย่างมาก กลัวว่าจะไปนึกต้องการสิ่งที่ไม่สมควรแก่สมณสารูป ยิ่งระมัดระวังคนยิ่งให้การสงเคราะห์ คราวนี้นับเป็นวาระบุญของเต้อกับลูกเหมียวเขาด้วย

แนะนำวิธีใช้แก่ท่านอาจารย์ใหญ่เรียบร้อยก็ได้เวลาฉันเพลพอดี อาตมาฉันน้อยเพราะป่วยอยู่ แต่ท่านอาจารย์ใหญ่ฉันน้อยเพราะมีความรู้ด้านธาตุอาหาร อย่างไหนเหมาะกับร่างกายในฤดูไหนท่านจะคล่องมาก เช่นการสรงน้ำในฤดูหนาวเช่นนี้ ท่านว่าอย่างน้อยต้องสิบโมงเช้าไปแล้วถึงจะดี

อาตมาพอมีความรู้เรื่องธาตุอาหารอยู่บ้าง แต่บางทีเพื่อรักษากำลังใจญาติโยม จำต้องฉันให้ครบทุกอย่าง แม้จะไม่ดีต่อร่างกาย เรียกว่ายอมรับกฎของกรรม ถึงได้ป่วยออดแอดมานับสิบปี ศรัทธาคนนับว่าน่ากลัวมาก ไม่รักษาศรัทธา พระก็ต้องอาบัติศีลขาดอีก...เฮ้อ...

คิมหันต์ 18-02-2013 21:27

ตอนบ่ายแม่ครัวกลับมาจากซื้อของ ขนข้าวของมาเป็นลำเรือเลย ครูบาน้อยมอบเงินให้ไปสี่หมื่นจั๊ต พวกเขาช่วยกันออกอีกหมื่นจั๊ตเศษ ประเภทมีเท่าไรก็จ่ายแค่หมด ฉิบหายช่างมัน..ต้องการชื่อเสียง แต่แทนที่จะกลับมาแต่วาน กลายเป็นวันนี้ ขาดเหลืออะไรจะวิ่งไม่ทันเอานะสิ...

แม่เฒ่าสามคนหอบบายศรีปากชามมา บอกว่าทำไม่ค่อยเป็น เอาเถอะ...ได้แค่นี้ก็งามหนักหนาแล้ว ขอให้ช่วยทำต้นใหญ่ตรงกลางอีกต้น หัวหน้ากลุ่มดันหูตึงเสียอีก ทั้งตะโกนทั้งตีใบ้จนคิดว่าแกน่าจะเข้าใจแล้ว เกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมาคงวุ่นน่าดู

ครูบาญาณมาแล้ว ท่านเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ ที่นิมนต์ไว้ต่างทะยอยกันมา อันดับแรกทุกรูปต้องไปดูฐานศาลาหอพระก่อนแทบทั้งนั้น เมื่ออาตมากราบไหว้ปฏิสันถารด้วย ท่านจะไม่เชื่อน้ำหน้าก็ไม่ได้ เพราะรากฐานศาลาเป็นพยานอยู่อย่างชัดเจน

คนช่วยงานมากันเต็มวัด บ้างหุงข้าว บ้างต้มแกง บ้างจัดหมาก พลู บุหรี่ น้ำตาล น้ำร้อน น้ำชา ถวายพระเณร บ้างเตรียมน้ำอุ่นให้พระผู้เฒ่าไว้สรง ฝ่ายช่างขุดหลุมสำหรับวางศิลาฤกษ์ ท่านญาณะกับท่านจันทะกำลังผลิตอิฐเงินอิฐทอง อาตมาจารแผ่นเงินแผ่นทองสำหรับรองก้นหลุม

คิมหันต์ 18-02-2013 21:30

ครูบาน้อยเอาแผ่นนากมาให้ บอกว่าจะได้ครบ ทอง นาก เงิน เอาอย่างนั้นก็ได้ แล้วจะเขียนอะไรดีล่ะ..? “เขียนว่าใครสร้าง...เมื่อใด...ก็ได้ครับ...”...ย่อมได้...


คณะศิษย์หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ

วัดท่าซุง ประเทศไทย

นำโดย

พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ

และ

พระนาวิน สจฺจญาโณ

สร้างถวายไว้ในพระพุทธศาสนา

เมื่อ

๑๔ มกราคม ๒๕๔๓


นั่นเป็นข้อความที่อาตมาจารึกลงในแผ่นนาก นอกเหนือจากพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณในแผ่นทอง และคาถาเงินล้านในแผ่นเงิน เสร็จแล้วบรรจุลงในขวดโหล พร้อมล็อกเก็ตพระแก้วมรกตสองหน้า ๙ เหรียญ กับเงินไทย ๑๙ บาท เหลือเป็นตัวเลขมงคลพอดี เรียกว่าธรรมะจัดสรร ไม่ตั้งใจก็เหมือนกับตั้งใจ

ตามจับปูใส่กระด้งเรื่องเครื่องบวงสรวง คนไม่เคยทำนี่มันยุ่งดีแท้ ต้องอธิบายว่าขนมต้มแดง-ต้มขาวทำกันอย่างไร กว่าจะเตรียมข้าวปากหม้อบรรจุบายศรีเสร็จ หันกลับมาหัวหมูถูกเผาดำปี๋ไปแล้ว..! นี่ขนาดบอกแล้วบอกอีกว่าให้ต้ม ยังเป็นไปได้จนขนาดนี้ เวรกรรมจริง ๆ..!

สั่งต่อโต๊ะสำหรับบวงสรวงอย่างเร่งรีบ จัดหากล้วยน้ำว้า ส้มโอ มะพร้าวอ่อน ปลาช่อนแป๊ะซะ ข้าวตอก ดอกไม้สี่สี ผ้าขาว ขันน้ำมนต์ ฯลฯ จิปาถะสารพัด นี่ไก่บินไปอยู่ที่ไหนยังไม่เห็น ถูกเขาสับลงหม้อแกงไปแล้วกระมัง..?

คิมหันต์ 18-02-2013 21:35

ค่ำมืดไม่รู้ตัว ทั้งหมาทั้งเด็กสนุกกันใหญ่ พาให้วุ่นวายขึ้นอีกหลายเท่า หัวหมูสั่งสามหัวดันเอามาหัวเดียว อะไร ๆ ก็ขาดแคลนไปเสียทั้งนั้น จะซื้อจะหาต้องนั่งรถนั่งเรือไปกันเป็นวัน อะไรที่วันนี้หาไม่ได้เป็นอันว่าหมดหวัง..!

ลงมาข้างล่างเจอใครเอาวีดิโอมาฉายก็ไม่รู้ คนรุมดูกันแน่นสนาม ไปถามหาปลาแป๊ะซะ พ่อเจ้าประคุณเถอะ..เขาต้มจนหลุดเป็นชิ้น ๆ..! “คิดว่าครูบาจะทำน้ำยาขนมจีน..” ให้ตายดิ้น..ใครบอกมึงวะ..!?

กำชับเรื่องหัวหมู ไก่ต้ม และไข่ยอดบายศรี ถ้ามีการผิดพลาดอีกคงต้องทำใจ ยกข้าวปากหม้อมาใส่ในกรวยบายศรี มีคนถามว่าเอาข้าวไปไหน..? มีผู้แสนรู้ตอบว่า “ครูบาสิเอาไปสันมื้อแลง..” เจี๊ยก..ตูจะบ้า..!

ก็น่าระแวงอยู่หรอก ทั้งหมูต้ม ปลาต้ม ไก่ต้ม แถมไข่ต้มอีกต่างหาก แล้วยังเอาข้าวสวยไปเป็นกาละมัง คนไม่รู้ว่าเอาไปทำบวงสรวง ต้องคิดว่าฉันมื้อเย็นอยู่แล้ว..! ปวดกบาลเต็มที แถมลืมไปด้วยว่าตัวเองป่วย เห็นจวนสามทุ่มแล้ว เผ่นเข้าโบสถ์ดีกว่า แถบนี้สงบเงียบดีแท้ ๆ เหตุเพราะโบสถ์อยู่ติดกับป่าช้า ขนาดกลางวันแสก ๆ ยังไม่มีใครอยากเดินผ่านเลย อย่าว่าแต่ตอนแสงจันทร์หรุบหรู่อย่างนี้..!

คลิกเพื่ออ่านตอนต่อไป


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:47


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว