กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5552)

เถรี 18-04-2017 16:12

พระอาจารย์สนทนากับพ่อของสามเณร "เลี้ยงลูกต้องฝึกให้ลูกเอาตัวรอดให้ได้ เราอายุมากอย่างไรก็ไปก่อนเขาแน่ คิดกันง่าย ๆ ว่า ถ้าเราเป็นอะไรไป ลูกอยู่ไม่ได้ก็อนาถสุดชีวิต เพราะฉะนั้น...ต้องให้เขาทำอะไรได้ด้วยตัวเองให้เร็วที่สุด

คนไหนที่มีจิตสำนึก รู้จักเก็บไปนี่จะได้อะไรจากการบวชเยอะมาก ถ้าพวกประเภทไปถึงก็บ่น “ทำไมพ่อแม่ทิ้งมาให้เราลำบากลำบนขนาดนี้” พวกนั้นไม่ค่อยได้อะไรหรอก มัวแต่ตัดพ้อต่อว่าโชคชะตาอยู่

ไปนึกถึงนายอาร์ตพี่ของลูกจ๊ะเอ๋ สมัยก่อนร้องห่มร้องไห้ในบึ
ลับแล เพราะว่าโดนท่านกอล์ฟหลอก

“หลวงน้า ในบึงมีเสือไหม?”
"มีสิ”
“แล้วถ้าเสือมาจะทำอย่างไร ?”
“ก็วิ่งหนีสิ”
“แล้วหลวงน้าไม่กลัวเสือหรือ ?”
“จะไปกลัวอะไร หลวงน้าขายาวกว่า วิ่งหนีทัน เอ็งวิ่งช้ากว่ามีหวังโดนกินแน่”

เณรอาร์ตนั่งร้องไห้เลย ถ้าเด็กฉลาดหน่อยก็น่าจะรู้จักคิด ว่าถ้าไปแล้วตายหลวงพ่อคงไม่พาไปหรอก คราวนี้เขาไม่รู้จักคิด คิดแต่ในด้านว่าป่านั้นน่ากลัว"

เถรี 18-04-2017 19:56

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : เดี๋ยวพอไปบอกคนอื่นต่อ ก็ไม่เชื่อต่อไป คนยืนอยู่ในห้อง แต่ดันคิดว่าตัวเองยังเดินอยู่บนบันได พอคนอื่นบอกว่าอยู่ในห้องแล้วก็ไม่เชื่อสักที เออ...ก็เรื่องของมึงเถอะ..! อ๋อขึ้นมาวันไหนก็คงจะสงสัยว่า นี่กูรู้มานานขนาดนี้แล้วทำไมไม่ก้าวหน้าสักที

ไปเถอะ....จริง ๆ ยังอาศัยอะไรไม่ได้หรอก นอกจากความมั่นใจว่านรกมีจริงสวรรค์มีจริง จนกว่าเราจะใช้ตัดกิเลสได้นั่นถึงจะของจริง ไม่อย่างนั้นอย่างเก่งก็รู้มากกว่าชาวบ้านเขาหน่อยเดียว


ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ท้ายสุดเมื่อพอแล้วก็ไม่เอาอะไร เลิกอยากรู้อยากเห็น เหลืออย่างเดียวคือทำอย่างไรตัดกิเลสให้ได้ ทำอย่างไรที่จิตของเราไม่ให้เอียงไปในเรื่องของ รัก โลภ โกรธ หลง

เถรี 18-04-2017 20:04

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ไม่จำเป็น ไม่ได้อยู่ที่ใจ อยู่ที่มือ ตำราหลวงพ่อวัดท่าซุงไม่ค่อยมีอะไรห้ามปรามหรอก ท่านถือว่าบารมีพระไม่มีอะไรลบล้างได้ ขอให้ไม่ปรามาสเท่านั้น ปรามาสเมื่อไรก็ไม่มีใครลบล้างบารมีพระได้ เพียงแต่พระท่านไม่คุ้มครองเท่านั้น

เถรี 18-04-2017 20:23

ถาม : น้ำมันยางผสมน้ำผึ้งอย่างละเท่า ๆ กัน แก้ข้อเข่าเสื่อม ?
ตอบ : นั่นแหละ จะเอาแน่ ๆ ไปหาที่เขาเจาะเอาน้ำมัน ซื้อจากชาวบ้านเขามาสักขวดหนึ่ง ตอนที่ไปอยู่เกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ ชาวบ้านรอบ ๆ เขายังเจาะน้ำมันยางกันอยู่แทบทุกบ้าน

ถาม : ขวดขนาดเท่าไรครับ ?
ตอบ : ขวดมาตรฐานขวดกลม ประมาณลิตรหนึ่ง ก็ผสมกับน้ำผึ้งหนึ่งลิตร รวมเป็นสองลิตร เขย่าให้เข้ากันดี กินยากมาก ลองดู...ตัวจะเหม็นไปเป็นปี ๆ เลย กลิ่นน้ำมันยางแรงมาก

ถาม : กินแค่ไหน ?
ตอบ : กินแค่หมด

ถาม : ตัวจะเหม็นมาก ?
ตอบ : ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะว่ายาถูกขับออกทางรูขุมขน จนกว่าฤทธิ์จะหมด

ถาม : สรรพคุณ ?
ตอบ : คนแก่สามารถเดินได้เหมือนคนหนุ่ม

ถาม : ไขข้อล่ะครับ ?
ตอบ : ต้องคนไขข้อเสื่อมปกติถึงจะช่วยได้ ไม่ใช่เกิดด้วยอุบัติเหตุ

เถรี 19-04-2017 19:42

พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่ถวายวัตถุมงคลที่สะสมมาว่า “ถ้าหากว่าเริ่มสละของหวงได้ ต่อไปก็ไม่มีอะไรให้อาลัยแล้ว”

เถรี 19-04-2017 19:43

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาบอกกับพระที่วัดว่า ยาจินดามณีกินวันพระจะดีกว่า ปรากฏว่าพอขึ้นแปดค่ำก็กินกันกระจาย แต่ที่กินก่อนเพื่อนเลยคือใครรู้ไหม ? แม็กซีมเล่นกินเสาร์ห้าวันนั้นเลย พระที่ทำยังไม่แข็งตัวดี เล่นหั่นเป็นขนมเค้กเลย ๕ ชิ้น แล้วไม่รู้ว่าจะหั่นไปทำไม ? หั่นแล้วก็กินหมดทั้ง ๕ ชิ้น แบบนั้นกลืนไปทั้งองค์ก็หมดเรื่อง...!"

เถรี 19-04-2017 19:44

พระอาจารย์กล่าวว่า “วันทำบุญบ้านเติมบุญ อาตมาจะนิมนต์พระอาจารย์พิจารย์ วัดโพธิ์ผักไห่มาด้วย นิมนต์พระเกจิอาจารย์มาให้ทำบุญกัน วัดโพธิ์ผักไห่แสดงว่ามีต้นโพธิ์ขึ้นแล้วมีผักไห่เลื้อยอยู่ด้วย รู้จักผักไห่ไหม ? ผักไห่เป็นภาษาโบราณ คือมะระขี้นก”

เถรี 19-04-2017 19:45

พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่ถวายสังฆทานว่า “ให้วางพระพุทธรูปไว้บนกล่อง อย่าวางไว้บนพื้น วางพระต่ำเดี๋ยวเราจะตกต่ำเสียเอง เห็นแล้วก็ต้องคอยเตือน เพราะกว่าจะรอให้เขาตระหนักรู้เองบางทีก็นานมาก ความเคารพในพระรัตนตรัยต้องขึ้นไปถึงในระดับหนึ่ง ถึงจะรู้ว่าควรไม่ควรอย่างไร”

เถรี 21-04-2017 13:38

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันงานเป่ายันต์ฯ แม่ชีชื่นสั่งน้ำมาเข้าพิธีเป็นน้ำมนต์เสาร์ ๕ หนึ่งตู้คอนเทนเนอร์ ๘,๔๐๐ ขวด หมดเกลี้ยงไม่เหลือเลย อาจเป็นเพราะหน้าร้อน คนจึงอยากได้น้ำ พระท่านก็เมตตาสงเคราะห์มาก กราบเรียนถามว่าเป็นเพราะอะไร ท่านบอกว่าภาวะสงครามหรือการก่อการร้าย จะแผ่กระจายกว้างออกไป ไม่กี่วันเท่านั้นเองสหรัฐอเมริกาก็ล่อซีเรียเข้าให้

กลัวอยู่อย่างเดียวว่าประธานาธิบดีทรัมป์เป็นคนจุดเดือดต่ำ ดีไม่ดีจะล่อ
ด้วยนิวเคลียร์ แต่ถ้ามุสลิมลุกฮือเมื่อไร สหรัฐอเมริกาตาย...เพราะในสหรัฐอเมริกามีมุสลิมเกินครึ่งไปแล้ว"

เถรี 21-04-2017 15:05

พระอาจารย์เมตตาให้คำสอนญาติโยมที่เดินทางไกลมาจากภูเก็ต "ถ้าหากว่าเราตั้งใจทำความดีต้องฝืนกระแสโลก คราวนี้พอเราฝืนกระแสโลก เราจะทนคำคนอื่นได้ไหม ? ถึงเวลาคนโน้นก็ว่าบ้า คนนี้ก็ว่าบ้า จนหมดอารมณ์ที่จะทำ เราต้องสู้กระแสได้ เพราะของบางอย่างต้องพิสูจน์กันนาน ๆ ถึงจะรู้ว่าของพวกนี้จริงหรือไม่จริง

คราวนี้ระยะเวลา ถ้าเรายืนระยะไม่ได้ บางทีก็เสียประโยชน์เอง คนที่เขายืนระยะได้ สร้างบุญเก่ามาดี เขาเข้าก่อนเราไม่รู้นานเท่าไร เรารอจนอายุมากแล้วยังไม่ได้เข้า

โดยเฉพาะเรื่องของศีล ทิ้งไม่ได้เด็ดขาด ศีลคือพื้นฐานสมาธิ เราตั้งใจระวังไม่ให้ศีลขาดนั่นก็เป็นการสร้างสมาธิให้เกิด เพราะสติต้องระวังอยู่ตลอดเวลา คราวนี้ถ้าศีลทรงตัว สมาธิก็ง่ายแล้ว หลังจากที่สมาธิทรงตัว จิตจะนิ่งเหมือนกับน้ำ ถ้าน้ำกระเพื่อมอยู่ก็มองอะไรไม่เห็น แต่ถ้าน้ำนิ่งจะสะท้อนเงาลงไปทุกอย่าง ประเภท
เห็นผี เห็นเทวดาอะไรทำนองนี้

ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนแรก ๆ แล้วหลายคนก็เสียหมาไปเลย พอสภาพจิตเริ่มนิ่ง ก็เสียหมาทุกที บางคนเขาสงสัยว่า ให้หวยถูก ๓ งวด ๔ งวด งวดถัดไปคนไปกันเต็มวัดดันไม่ถูก ก็เพราะว่าพังไปแล้ว สภาพจิตไม่นิ่งแล้ว รัก โลภ โกรธ หลง เริ่มเข้ามาแล้ว"

เถรี 21-04-2017 15:09

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมรุวัดท่าขนุนหลังนี้กิจการดีมาก ทันทีที่ตั้งโครงกับเตาเผาเสร็จ ศพก็เข้าแล้ว เผาแล้วเผาอีก ปรากฏว่าญาติโยมที่ไปงานศพวัดอื่น พอเห็นเมรุก็สั่งลูกหลานไว้เลยว่า ถ้าตายให้เอามาเผาที่วัดท่าขนุน บอกเขาไปแล้วว่าเผาฟรีไม่คิดอะไร ถ้าเกรงใจวัดก็ซื้อน้ำมันดีเซลมา ๖๐ ลิตร ๒ ชั่วโมงครึ่งเก็บกระดูกได้ เพราะว่าเผาเสร็จแล้วมีการเป่าให้เย็นด้วย ไม่ต้องรอกันข้ามวันข้ามคืน ไปเก็บกระดูกวันรุ่งขึ้นเหมือนกับที่อื่น

ที่สร้างเมรุขึ้นมาเกิดจากแนวคิดที่ว่า ทองผาภูมิของเราแขกผู้ใหญ่ขึ้นไปเยอะมากเลย พวกรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี ส.ส. ส.จ. นายพล นายพัน เต็มไปหมดเวลาไปงาน ประกาศเชิญขึ้นไปทอดผ้า แต่ว่าเมรุแต่ละหลังโทรมจนดูไม่ได้เลย ไม่สมเกียรติของคนตาย

ในเมื่อไม่มีใครทำ อาตมาก็ทำเสียเอง แต่ทุกวันนี้เขาหาเมรุกันไม่เจอ คิดว่าเป็นพระเจดีย์ ขนาดมีประตูเมรุอยู่ เขายังคิดว่าเป็นประตูเข้าพระเจดีย์ บอกด้วยความภูมิใจว่า เมรุหลังนี้อาตมาออกแบบเอง เสียดายว่าไม่ใช่วิศวกร แล้วก็ไม่ได้จบสถาปนิกแบบไทยมา เลยออกแบบเป็นทรงแข็ง ๆ ไปหน่อย"

เถรี 21-04-2017 15:11

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนหน้าอาตมาจะไปทิเบต ๑ อาทิตย์ ถามว่าทำไมไป ๑ อาทิตย์ ? เพราะว่ารัฐบาลจีนให้ไปได้แค่นั้น รัฐบาลจีนประกาศห้ามพระไทยเข้าประเทศเลย ต้องซิกแซ็กจนสุดชีวิตกว่าที่จะได้วีซ่ามา

จำได้ว่าโดยปกติวีซ่าประเทศจีนเขาให้เดือนหนึ่ง เมื่อหลายปีก่อนไปเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เขาตัดเหลือ ๑๕ วัน งวดนี้ซิกแซ็กสุดชีวิตได้มาแค่ ๗ วัน ได้ตามตารางเวลาที่ไปเลย ถ้าหากว่าผิดพลาดแม้แต่ชั่วโมงเดียว ก็ติดคุกอยู่ที่ประเทศจีนนั่นแหละ

ส่วนที่ต้องการเลยก็คือพระราชวังโปตาลา วัดโจคัง ทะเลสาบยัมดร๊อกโซ ที่เหลือแล้วแต่เขาจัดให้ ตั้งใจจะไปดูว่าตัวเองยังอยู่ไหม ? ...(หัวเราะ)... เขาทำพระเจดีย์บรรจุสังขารเอาไว้ แหม...ประเภทขอยากขอเย็น เรียกเอกสารรับรองตัวเอง เรียกแล้วเรียกอีก ๘ ครั้ง ๑๐ ครั้ง เรียกจนหมดอารมณ์ กูไม่ไปแล้วโว้ย..! วีซ่าพระจ่ายตั้ง ๕,๙๐๐ บาทเขายังไม่รับรองเลยว่าจะผ่านหรือเปล่า ?

ท่านเจ้าคุณปิงไปได้เพราะเป็นผู้ช่วยเลขานุการประธานผู้ดูแลพระธรรมทูตในต่างประเทศอยู่แล้ว ท่านจะไปเมื่อไรก็ได้ แต่ของอาตมาไม่มีสิทธิ์ มีญาติโยมที่เขาอยากไป บอกไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ถ้าไปได้ก็บอกเขาด้วย มีเวลาเตรียมตัวกันคนละวันสองวันเท่านั้นเอง เพราะต้องจองตั๋วเครื่องบิน งวดนี้ไปแพงด้วยเพราะต้องนั่งเครื่องบินภายใน คุนหมิง-ลาซา แล้วนั่งรถไฟจากลาซามาซีหนิง จากนั้นนั่งเครื่องบินซีหนิง-คุนหมิงอีกที"

เถรี 21-04-2017 17:53

พระอาจารย์กล่าวว่า "แจ้งเตือนญาติโยมว่า เวลาทำบุญอย่าห่วงถ่ายรูป ไม่ว่าจะฝากคนอื่นถ่าย หรือว่าเซลฟี่เองก็ตาม เพราะว่ากำลังใจของเราไม่ได้มุ่งมั่นกับทานตรงหน้า ทำให้อานิสงส์น้อยลงยังไม่พอ อาจจะเป็นการปรามาสพระรัตนตรัยอีกด้วย

อาตมาเคยแกล้งพูดไว้ว่า สมัยก่อนทำบุญเขาบรรลุมรรคผลกันเร็วเพราะว่าไม่ห่วงถ่ายรูป สมัยนี้ห่วงถ่ายรูป จิตใจเป็นกังวล แทนที่จะทำแล้วได้มรรคได้ผล ก็เลยไม่ได้อะไรสักที ได้แต่รูปลงเฟซบุ๊ก ต้องบอกว่าเป็นไปตามยุคสมัย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงแล้วแย่ลง"

เถรี 21-04-2017 17:54

"โดยปกติแล้วหลักธรรมของพระพุทธเจ้าช่วยให้บรรลุมรรคผลได้ทุกลำดับ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เคยถามหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า การให้ทานบรรลุมรรคผลได้อย่างไร ? หลวงพ่อวัดท่าซุงกราบทูลว่า การให้ทานต้องมีกำลังใจในการเสียสละ พอเสียสละบ่อย ๆ ไม่รู้สึกว่า "เสีย" ก็ "สละ" อย่างเดียว พอสละไปบ่อย ๆ ส.เสือหายไปเหลือแต่ "ละ" คำเดียว

เรื่องของการให้ทานมีหลายระดับ ญาติโยมส่วนหนึ่ง ให้ทานแล้ววางอุเบกขาไม่เป็น ก็เลยมีอานิสงส์น้อย คำว่า วางอุเบกขาไม่เป็น คือให้ไปแล้วยังไปตามเช็คว่า ได้กิน ได้ใช้ของเราหรือเปล่า ? ให้แล้วก็เป็นสิทธิ์ของท่านไปแล้ว จะไปยุ่งอะไรกับท่านมากมาย"

เถรี 21-04-2017 17:57

"ตอนที่หลวงพ่อสิงห์ทองท่านยังอยู่ มีคุณนายท่านหนึ่งเอาลิ้นจี่ไปถวาย คราวนี้ถ้าเอาไปถวายทั้งพวงพระธรรมยุตท่านฉันไม่ได้ ท่านถือว่ายังงอกเป็นต้นได้ ก็ต้องมีการปอกเสียก่อน คราวนี้มีคนใจเดียวกันเอาลิ้นจี่ไปถวายหลายคน คุณนายท่านก็ปอกของคนอื่นกองขึ้นมาเรื่อย แล้วเอาของตัวเองโปะหน้าไว้ อย่างไรหลวงพ่อก็ต้องฉันของเราแน่ ๆ

ปรากฏหลวงพ่อสิงห์ทองรับมา ท่านใช้นิ้วล้วงเข้าไปข้างใน หยิบจากข้างใน สั่งสอนให้เห็นซึ่ง ๆ หน้าเลย คือพระธรรมยุตเวลาท่านฉัน หัวแถวรับแล้ว หยิบหรือตักในส่วนที่ตัวเองพอใจ จากนั้นส่งให้ท่านที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ไปจนท้ายแถว สมัยหลังใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย ใช้ถาดไม้ลักษณะเหมือนกับตั่งเล็ก ๆ แล้วมีล้อเข็น ถึงเวลาโยมเขาวาง ท่านตักเสร็จก็เลื่อนต่อไปเรื่อย ๆ แต่สมัยอาตมาวิ่งรับใช้ครูบาอาจารย์รุ่นนั้นอยู่ อย่างดีก็ส่งถาดส่งจานต่อ ๆ กันไป

คุณนายทำอยู่ในครัว หลวงพ่อไม่ได้ไปเห็นด้วยหรอก แต่ท่านรู้ว่าเขาคิดอย่างไร ก็เลยสอนให้รู้ว่าให้ทานแล้วต้องรู้จักอุเบกขา พอถึงเวลาส่งจานมาประเคน ท่านก็ล้วงเอาตรงกลาง รับประกันคุณนายคิดไม่ได้หรอก นอนไม่หลับไปเป็นอาทิตย์อย่างแน่นอน"

เถรี 21-04-2017 18:02

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถามว่าการที่พระอาจารย์ท่านสามารถรู้แม้กระทั่งความคิดของเรา เป็นเรื่องที่ฝึกยากไหม ? ส่วนใหญ่ไม่ต้องฝึก เหตุที่ไม่ต้องฝึกเพราะถ้าเราสามารถตามความคิดตัวเองทัน ตามจิตตัวเองทัน เห็น รัก โลภ โกรธ หลง ที่เกิดขึ้นแล้วระงับได้ทัน ก็สามารถรู้ใจคนอื่นได้เหมือนกัน ก็แปลว่าเริ่มที่ตัวเองก่อน เมื่อตัวเองทำได้ ของคนอื่นที่เท่ากันหรือต่ำกว่านี้ก็เป็นเรื่องเล็ก สามารถรู้ได้

แต่ส่วนใหญ่แล้วก็น่ารำคาญ เพราะเขาก็ช่างคิด ช่างปรุง ช่างแต่ง ไปตามสภาพของเขา แม้กระทั่งอาตมาก็รำคาญ คนอยู่รอบข้างคิดอย่างนั้นคิดอย่างนี้ "เดี๋ยวคนโน้นมา คนนี้มา เดี๋ยวจะมาแย่งความรักจากหลวงพ่อไปจากเรา" อยากจะฝากรักให้สักพลั่ก...! อาตมาถนัดในการทำเป็นคนหูหนวกตาบอดมานานแล้ว"

เถรี 22-04-2017 15:08

มีโยมเอาหมอนมาถวาย "หมอนที่โยมถวายมา ความจริงผิดพระวินัย พูดง่าย ๆ ก็คือพระใช้ไม่ได้ พระวินัยท่านห้ามพระหนุนหมอนกึ่งกาย หมอนที่จะหนุนได้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกประเภทหมอนขิด หมอนไม้ อะไรประมาณนั้น พูดง่าย ๆ คือเอาหัวแตะได้ แต่ตัวห้ามโดน อาตมาแก้ปัญหาโดยการเอาผ้าม้วน ๆ แล้วหนุนไปเลย...หมดเรื่อง ไม่ต้องไปหนุนหมอน"

เถรี 22-04-2017 15:18

ถาม : ที่บอกว่าใช้กำลังใจในการตัดเท่ากัน ผมยกตัวอย่าง คือ เราชอบของสองอย่างเหมือนกัน ในของที่เราชอบมากกว่า เราใช้กำลังตัดได้ยากกว่าหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ใช้กำลังใจในการตัดเท่ากัน หมายถึงว่า กำลังใจในการตัดของที่คุณชอบ เท่ากับกำลังใจที่คุณตัดคนเกลียดออกจากใจ ไม่ได้แปลว่าตัดของอย่างเดียวกันที่เป็นตัวโลภเหมือนกัน พูดง่าย ๆ ว่าจะตัดรัก ตัดโลภ ตัดโกรธ ตัดหลง ใช้กำลังใจเท่ากัน ไม่ใช่โลภในของ แต่ว่าของที่เราไม่ชอบ เราสามารถให้คนอื่นได้ง่ายกว่า นั่นเป็นการตัดโลภเหมือนกัน

เถรี 22-04-2017 15:35

พระอาจารย์พูดถึงทิเบต "ไปครั้งนี้คณะของอาตมาต้องนั่งรถไฟสายทิเบต-ชิงไห่ นานถึง ๒๕ ชม. ผ่านอุทยานเขอเข่อซีหลี่ และผ่านทุ่งหญ้า อากาศปกติช่วงนี้ของเขาอยู่ที่ ๖ – ๑๕ องศาเซลเซียส ถ้าหน้าหนาวก็ติดลบ

ลาซานี่บ้านของอาตมาเอง ไปแล้วคงไม่กล้าเรียกร้องอะไร เดี๋ยวจะมีคนสนองความต้องการบานเบิก อาตมาเคยเกิดอยู่ที่นั่นบ่อยมากเลย สมัยนั้นมักจะเกิดร่วมกับหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ จะไปดูว่าศพของตัวเองยังอยู่ไหม ? (เกิดเป็นพระหรือคะ ?) เป็นพระลามะ คือธรรมเนียมของทิเบต ถ้าครอบครัวไหนมีลูกชาย อย่างน้อยต้องส่งไปบวช ๑ คน ถ้าครอบครัวนั้นมีแต่ลูกสาว พอลูกสาวแต่งงานแล้วพ่อต้องไปบวช ก็ดีเหมือนกันนะ เพราะเท่ากับว่าแทบจะต้องเป็นพระกันทั้งประเทศ"

เถรี 22-04-2017 22:32

พระอาจารย์กล่าวกับโยม "ลำบากตัวช่างมัน ให้ใจสบาย ลำบากกาย ให้ใจเป็นสุข ลำบากกายด้วย ลำบากใจด้วยเครียดตายชัก"

เถรี 22-04-2017 22:39

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อครู่นี้กล่าวถึงศาสนาพุทธกับลัทธิบอนในทิเบต บางคนสงสัยว่าศาสนากับลัทธิต่างกันตรงไหน ? ศาสนาต้องประกอบไปด้วย ๑) ศาสดา คือผู้ก่อตั้งศาสนานั้น ๒) ศาสนธรรม คือคำสอนแนวทางการปฏิบัติของศาสนานั้น ๓) ศาสนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นตัวของนักบวชก็ดี หรือสาวกผู้ปฏิบัติตาม ๔) ศาสนพิธี พิธีกรรมต่าง ๆ ในศาสนานั้น

คราวนี้เรามาดูว่าบางอย่างที่เรียกว่าลัทธิ เช่น ลัทธิคอมมิวนิสต์ มีศาสดาไหม ? มี...คาร์ล มาร์กซ์ แล้วมีคำสอนไหม ? มี...ก็ลัทธิมาร์กซิสต์ แล้วมีผู้ปฏิบัติตามไหม ? มี...ปัจจุบันนี้มีเยอะเลย แต่ไม่มีศาสนพิธี จึงเป็นได้แค่ลัทธิ ในเมื่อมีไม่ครบก็เป็นศาสนาไม่ได้ เป็นได้แค่ลัทธิเท่านั้น อย่างเช่น ลัทธิฝ่าหลุนกง ลัทธิโอมชินริเกียว ลัทธิคอมมิวนิสต์

เวลาเขาถามจะได้ตอบเขาถูกว่าต่างกันตรงไหน ก็ต่างกันอย่างนี้แหละ มีครบก็เป็นศาสนา มีไม่ครบก็เป็นได้แค่ลัทธิ"

เถรี 22-04-2017 22:44

"พุทธศาสนาในทิเบตที่เข้าไป ไปจากสองฝั่ง คือจากจีนและเนปาล สมัยก่อนพระเจ้าซองซานกัมโป ต้องนับว่าเป็นมหาราชของทิเบต รบเก่งมาก แผ่ขยายพื้นที่ได้กว้างใหญ่ไพศาลมาก ก็เลยทำให้พวกที่เกรงอำนาจ ต้องใช้วิธีแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี อย่าลืมว่าตรงกับสมัยพระเจ้าถังไท่จงฮ่องเต้นะ นั่นก็สุดยอดนักรบเหมือนกัน ยังต้องเชื่อมสัมพันธ์ด้วยการแต่งงาน เพราะว่าประเภทช้างสารชนกันก็เยินด้วยกันทั้งคู่

ทางด้านเนปาลก็ต้องส่งเจ้าหญิงไปให้เหมือนกัน แต่เจ้าหญิงทั้งสองปรากฏว่าถือพุทธทั้งคู่ เลยเกลี้ยกล่อมพระสวามีให้ทิ้งลัทธิถือผีมาถือพุทธ เขาบอกว่าสินสอดทองหมั้นที่ขนไป แค่พระพุทธรูปโจโว
ที่เจ้าหญิงเหวินเฉิงเอาไปจากประเทศจีน ก็หล่อด้วยทองคำทั้งองค์ เอาไปเพื่อให้รู้ว่าเป็นผู้หญิงที่มีคุณค่า มีราคา เป็นที่เคารพนับถือและรักใคร่ของทั้งพระบิดาและไพร่ฟ้าประชากร คุณจะรังแกลูกสะใภ้ ก็คิดให้ดี ๆ ก่อน แต่ว่าสมบัติที่ท่านเอาไปก็เอาไปสร้างวัดเสียเยอะแยะ"

เถรี 22-04-2017 22:48

"ทริปนี้นั่งรถไฟ ๑ วันกับอีกคืนกว่า ๆ ตั้งใจว่าจะพกบะหมี่สำเร็จรูปไปด้วย ๒๕ ชั่วโมงบนรถไฟ ต้มบะหมี่กินดีกว่า ไปนึกถึงตอนที่นั่งรถไฟความเร็วสูงจากเซี่ยงไฮ้ไปปักกิ่ง ๑,๕๐๐ กว่ากิโลเมตร ใช้เวลา ๔ ชั่วโมง ๑๐ นาที แต่ปรากฏว่างวดนี้ ๒๕ ชั่วโมง โอ้โห...ประเทศอะไรจะใหญ่ปานนั้น ซินเจียงมณฑลเดียวใหญ่เท่าประเทศไทย ๘ ประเทศ นั่นแค่มณฑลเดียว ลองคิดดูว่าทั้งประเทศจะใหญ่แค่ไหน

สถานที่ที่อยากไปของประเทศจีน ก็คือ ทิเบตกับเฮยหลงเจียง แต่เฮยหลงเจียงต้องรอสุขภาพดีกว่านี้หน่อย เพราะว่าติดลบ ๔๐ องศาเซลเซียส ที่ไหนที่ชาวบ้านเขาไม่ไปเราจะไป ไม่รู้ว่างวดหน้าจะซิกแซ็กอีท่าไหนเขาถึงจะให้เข้า เพราะว่าเป็นคำสั่งของรัฐบาลจีนเลย ห้ามพระไทยเข้าประเทศ

เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ ท่านไปกันทีหนึ่ง มีกระเป๋าใบเท่าโต๊ะ คนละ ๗ ใบ ๘ ใบ ขนวัตถุมงคลสายเสน่ห์ล้วน ๆ ปลัดขิกบ้าง อีเป๋อบ้าง พรึ่บเดียวคนจีนบูชากันเกลี้ยง รัฐบาลจีนเขาเห็นว่าไปมอมเมาคนของเขา เลยสั่งห้ามพระไทยเข้า ทัวร์จีนที่มาประเทศไทยมีอยู่แทบจะเกินครึ่ง ที่มาเพื่อเสริมดวง สร้างเสน่ห์ เพื่อการค้าขาย อะไรทำนองนี้"

เถรี 24-04-2017 14:11

ถาม : หิ้งพระจำเป็นต้องหันหน้าไปทางทิศตะวันออกไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าทำได้ก็ทำ จะได้สบายใจ ถ้าไม่มีที่จริง ๆ ค่อยว่ากันใหม่

เถรี 24-04-2017 14:14

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระราหูในความคิดของคนจีนก็คือ ไปค้าขายมีแต่รับไม่ต้องจ่าย เพราะว่าพระราหูกินอย่างเดียว แต่พระราหูในความรู้สึกของเราก็คือ กลับร้ายกลายเป็นดี เหมือนอย่างกับรู้จักเจ้าพ่อมาเฟีย พวกนักเลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่กล้ายุ่งกับเรา...ใช่ไหม ?"

เถรี 24-04-2017 14:24

"ถ้าพูดถึงกะลาตาเดียวแกะเป็นรูปราหู ที่มีชื่อเสียงจริง ๆ คือหลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทอง ถัดมาจากหลวงพ่อน้อยมาก็คือหลวงพ่อปิ่น ที่เป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิ ช่วยหลวงพ่อน้อยทำพระราหูมาตั้งแต่แรก

พระราหูกะลาตาเดียวของหลวงพ่อน้อยกับหลวงพ่อปิ่น บางทีลายมือก็มั่วกัน หลวงพ่อน้อยทำ หลวงพ่อปิ่นช่วยจารอะไรอย่างนี้ ของหลวงพ่อปิ่นเลยพยายามแกะให้มีศิลปะแตกต่างกันออกไปหน่อยหนึ่ง ถ้าแน่ ๆ ต้องจำลายมือได้ด้วย แต่ของหลวงพ่อน้อยจะใช้วิธีจำลายมืออย่างเดียวไม่ได้ เพราะว่าบางทีลูกศิษย์ก็ช่วยกันจาร เนื่องจากเวลาตามฤกษ์มีพักเดียว ต้องเตรียมแกะกะลาล่วงหน้าเอาไว้ แล้วช่วยกันจารตอนพระราหูเริ่มคายพระอาทิตย์

พอพระราหูเริ่มคายพระอาทิตย์ก็เริ่มจารกัน พอพระราหูคายเสร็จก็เลิก คือจากไม่ดีมากลับเป็นดี พอกลับคืนดีเป็นปกติก็เลิกจาร มีฤกษ์อยู่แค่พักเดียวเท่านั้น

ส่วนอีกสำนักหนึ่งทางเหนือคือครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ ท่านดังสารพัดเหมือนกัน แบบเดียวกับหลวงพ่อน้อย หลวงพ่อน้อยทำ
พระราหูกะลาตาเดียวก็ดัง ทำวัวธนูก็ดัง ครูบานันตาเหมือนกับหลวงพ่อน้อย เพราะว่าท่านก็ทำพระราหูกะลาตาเดียว ทำวัวธนู แต่ของครูบานันตาแยกได้ ท่านเล่นครั่งจีนสีแดงโร่เลย ไม่ใช่ครั่งดำ ๆ แบบของหลวงพ่อน้อย ทางด้านครูบาอาจารย์ของท่านคือครูบาเจ้าอโนชัย วัดปงสนุก ก็ทำพระราหูกะลาตาเดียวเหมือนกัน แต่ว่าลูกศิษย์ดังกว่าพระอาจารย์"

เถรี 24-04-2017 14:29

ถาม : กะลามหาอุตม์ ?
ตอบ : เขาบอกว่าประมาณ ๑,๐๐๐ ลูกมีลูกหนึ่ง เป็นกะลาที่ไม่มีตาเลย

ถาม : เพื่อนเขาเอาไปกะเทาะ ?
ตอบ : จะกะเทาะอย่างไรก็ใช้ได้เหมือนกัน

กะลามหาอุตม์จะไม่มีตา กะลาปกติ ๒ ตาไม่ถือว่าดี ถ้า ๓ ตาจึงจะดี ตาเดียวดี ไม่มีตาเลยยิ่งดี อะไรที่ผิดปกติธรรมชาติ ถ้าหากว่าทางวิทยาศาสตร์เขาถือว่าชำรุด พันธุกรรมชำรุด แต่คนโบราณถือว่าขลัง เพราะแตกต่างไม่เหมือนใครเขา

เถรี 24-04-2017 14:35

ครูบาอโนชัยเป็นอาจารย์ แต่ครูบานันตาซึ่งเป็นลูกศิษย์ดังกว่า แบบเดียวกับหลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตาที่เป็นพระอาจารย์ แต่หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วดังกว่า เหตุที่หลวงปู่บุญดังกว่าเพราะว่าหลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตา ท่านอยู่สมัยรัชกาลที่ ๓ ตอนนั้นข่าวสารบ้านเมืองไม่ใช่ไปได้ง่ายเหมือนกับสมัยนี้ ท่านก็เลยดังเฉพาะในพื้นที่

หลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตา ท่านสำเร็จมนต์มหาจินดามณี เวลามีงานกฐิน ท่านจะเรียกปลาขึ้นมาเต็มคลองหน้าวัดให้ทุกคนดู คนแห่กันมาดูปลาก็มาทำบุญกฐินด้วย พอเหยี่ยวมากินปลา ท่านก็เรียกเหยี่ยวลงมาให้ชาวบ้านดูอีก แสดงว่าต้องพูดภาษากันรู้เรื่อง

รุ่นของเรา ๆ ส่วนใหญ่มักกลัวลำบาก ในเมื่อกลัวลำบากก็เลยสำเร็จวิชาการต่าง ๆ ยาก สมัยหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค บางท่านใช้เวลา ๓๐–๔๐ ปี กว่าจะสำเร็จสักวิชาหนึ่ง

เถรี 24-04-2017 15:05

ถาม : ประเทศจีนเขาก็มีศาสนาพุทธเหมือนเรา แต่ทำไมเขาถึงมาเมืองไทยกันเยอะคะ ?
ตอบ : ตั้งแต่คอมมิวนิสต์เขาทำลายศาสนาไปแล้ว พอมีนโยบาย ๔ ทันสมัย ทำให้เขาฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ แต่ไม่ได้ฟื้นฟูศาสนาขึ้นมาเพื่อให้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว แต่ฟื้นฟูขึ้นมาเป็นแหล่งเที่ยว เพื่อหาเงินเข้าประเทศ ของที่ระลึกที่เขาทำส่วนใหญ่ก็เป็นลูกประคำ เป็นแผ่นหยก แต่วัตถุมงคลสารพัดประโยชน์แบบบ้านเราไม่ค่อยจะมี

ต้องบอกว่าบ้านเราสั่งสมภูมิปัญญามา ทั้งไสยศาสตร์ทั้งพุทธศาสตร์ผสมปนเปกันมาเป็นร้อย ๆ ปี ไสยศาสตร์ส่วนใหญ่ได้ผลในปัจจุบัน ซึ่งจะมีผลเสียตามมาในภายหลัง แต่เขาไม่สนใจ สนใจอย่างเดียวว่าช่วยให้ร่ำรวยเฉพาะหน้าก็เอาแล้ว

ประเทศจีนกว้างใหญ่ไพศาล ประชากรพันกว่าล้าน แย่งกันทำมาหากิน ทำอย่างไรถึงจะกอบโกยให้ได้มากที่สุด ถึงได้ปลอมสารพัด ปลอมกระทั่งนม ปลอมกระทั่งข้าวสาร ขนาดข้าวสารยังปลอมได้

เถรี 24-04-2017 15:11

พูดถึงไปทิเบต "คนจะไปกันเยอะ แต่อาตมาเองต้องประกันความปลอดภัยซึ่งเป็นภาระใหญ่ แต่ละคนสร้างเวรสร้างกรรมมาไม่เท่ากัน ต้องไปประกันความปลอดภัยของคนประเภทสูงต่ำไม่เท่ากัน ไปทำให้เท่ากันก็ลำบาก บางคนโจทก์เขาไม่ยอม จะเอาให้ได้"

ถาม : โจทก์เยอะไหมคะ ?
ตอบ : อาตมาเองมีแต่รังแกเขา

คนเกิดบ่อย สถานที่แปลกไม่ค่อยมี ไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่งก็ต้องโตอยู่แถวนั้น ยังขำ ๆ เลยว่า มีอยู่บางชาติเคยเป็นอิสลาม คงอยากจะรู้กระมังว่าเขาเป็นอย่างไร ตอนไปฝรั่งเศส ยังคุยกับคนอิสลามรู้เรื่องเลย

เถรี 24-04-2017 15:17

พระอาจารย์กล่าวว่า "สงกรานต์ปีนี้แม้ว่ารัฐบาลจะยกเลิกคำสั่งห้ามนั่งท้ายรถกระบะชั่วคราว แต่มีหลายเขตเทศบาลประกาศห้ามไม่ให้ใครนั่งกระบะท้ายไปสาดน้ำในเขตนั้น ๆ เพราะฉะนั้น...โปรดตรวจสอบให้ดี ไม่ใช่ไปโวยวายว่ารัฐบาลไม่ห้าม แล้วทำไมถึงมาจับและปรับอีกต่างหาก เทศบาลมีอำนาจในเขตของเขา ถ้าหากว่าออกเทศบัญญัติมา นั่นก็คือกฎหมาย

คนไทยเราบางทีไม่เข้าใจว่าบ้านเราจริง ๆ แล้วมีกฎหมายเยอะมาก กฎหมายแม่บทเลยคือรัฐธรรมนูญ รองลงไปเป็นพระราชบัญญัติ ถัดไปเป็นพระราชกำหนด ถัดไปเป็นพระราชกฤษฎีกา ถัดไปเป็นกฎกระทรวง หลังจากนั้นเป็นระเบียบการปกครองท้องถิ่น เป็นต้น ถ้านายกเทศมนตรีมีคำสั่งห้าม แต่เราดันนั่งกระบะท้ายไปสาดน้ำด้วยความรื่นเริงบันเทิงใจ บอกว่ารัฐบาลไม่ห้ามก็โดนปรับแน่ ๆ

ถ้าไม่อยากโดนสาดน้ำก็ทำอย่างอาตมา ให้เขาขับรถพรวดทิ่มหัวเข้าไปตรงที่ตั้งท่าสาดน้ำ เขาหยุดกันหมดเลย ลดกระจกลงไปบอก "ช่วยสาดหน่อย อยากเปียก" เขาก็ไม่สาด แต่ทีคนเขาขับรถหนีดันไล่สาดกันจัง

ช่วงสงกรานต์นี่ถ้าอาตมาออกไปข้างนอกจะได้หลายบาท เพราะว่าส่วนใหญ่มีการตั้งด่านเรี่ยไรโดยบอกว่าเอาไปทำบุญ แต่เชื่อเถอะ...เอาไปกินเหล้าเกินครึ่ง พอขับรถไปถึงเขาก็จะปิดถนนไม่ให้ไป อาตมาก็ลดกระจกกวักมือเรียกคนที่ถือบาตรเรี่ยไร พวกนั้นคิดว่าจะทำบุญก็รีบวิ่งมาหาเลย อาตมาถามว่าจะให้เท่าไร ? เขาก็ยืนงง ๆ อาตมาก็ควาน
ในบาตรมาขยุ้มหนึ่ง บอกว่า "เอาแค่นี้แหละ" แล้วก็เอาไปทำบุญแทนเขา"

เถรี 25-04-2017 18:48

โยมช่วยแบกหนังสือ "เขาเรียกว่า เวยยาวัจจมัย เป็นบุญที่ได้จากการขวนขวายช่วยเหลืองานบุญคนอื่นให้สำเร็จ อรรถกถาท่านเปรียบไว้ว่า ถ้าบุคคลบวชเณรตลอด ๑๐๐ ปี รักษาศีลได้บริสุทธิ์ ไปเกิดเป็นเทวดาจะได้นางฟ้า ๑๐,๐๐๐ เป็นบริวาร แต่บุคคลที่ช่วยงานในลักษณะเวยยาวัจจมัย ถ้าเกิดเป็นเทวดา จะมีนางฟ้า ๘,๐๐๐ เป็นบริวาร สรุปว่าแบกหนังสือเหนื่อยน้อยกว่าบวชเณรมากนะ"

เถรี 25-04-2017 19:04

ถาม : พอภาวนาแล้วลมหายใจหายไป พอจับเยอะ ๆ คำภาวนาก็หาย ?
ตอบ : ถ้าเหลือคำภาวนาก็เกาะคำภาวนา เหลืออะไรจับอย่างนั้น ถ้าไม่เหลืออะไรเลยสักอย่างหนึ่งก็เกาะความรู้สึกนั้นเฉย ๆ

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ตอนนั้นใจของเราเกาะเองอยู่แล้ว เราแค่เอาสติคอยประคองเอาไว้เท่านั้น

เถรี 25-04-2017 19:57

ถาม : ต้องทำอย่างไรสมาธิจึงจะต่อเนื่อง ?
ตอบ : สติ...อย่างอื่นไม่ต้องอะไรเลย แต่สมาธิก็สำคัญ เพราะหากไม่มีสมาธิ สติก็ไม่ทรงตัว หากไม่มีสติ สมาธิก็ขาดช่วง สองอย่างนี้เกื้อกูลกัน

ต้องบอกว่ารู้ตัว จะทำอะไรก็รู้ตัว ในเมื่อรู้ตัวก็ไม่เผลอไป รัก โลภ โกรธ หลง เมื่อไม่เผลอไป รัก โลภ โกรธ หลง ก็รักษาความผ่องใสของใจเอาไว้ได้ รักษาความผ่องใสของใจเอาไว้ได้ปัญญาก็เกิด จะเห็นช่องทาง รักจะเข้ามา โลภจะเข้ามา โกรธจะเข้ามา หลงจะเข้ามา ก็กันไว้ไม่ให้เข้ามา ที่มีอยู่ก็กำจัดออกไป

เถรี 25-04-2017 20:01

ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : เรื่องปกติ ในเมื่อคนเราสร้างเหตุ ผลก็เกิด ชาตินี้ไม่เคยทำไม่ได้แปลว่าชาติก่อนไม่เคยทำ สภาพจิตของเราเหมือนกับคลื่นโทรศัพท์ ในเมื่อเปิดอยู่เขาก็ติดต่อเข้ามาได้ คนอื่นก็ต้องไปหาวิธีว่าจะเปิดอย่างไร

เถรี 28-04-2017 15:15

พระอาจารย์กล่าวว่า "เคยเห็นคลิปเด็กปีนเสาเหลี่ยม ๆ ไหม ? พ่อเขาฝึกได้สุดยอดเลย เด็กเพิ่งจะเดินได้นะ ประมาณขวบกว่า ๆ เอง พ่อเขาเอาของไปเสียบไว้ข้างบนแล้วบอกให้ปีนขึ้นไปเด็กปีนขึ้นไปเลย ความรู้สึกของเด็กคือถ้าพ่อสั่งแปลว่าทำได้ เขาก็ไปเลย"

ถาม : ครูบาอาจารย์สั่งเราก็ทำได้ ?
ตอบ : ประมาณนั้นแหละ ต้องใช้กำลังใจเดียวกัน ปกติเด็ก ๆ กล้ามเนื้อไม่น่าจะรับน้ำหนักตัวได้ แต่ด้วยความที่ใจคิดว่าพ่อสั่งต้องทำ ก็ไปเลย พูดง่ายๆ ว่าถ้าใจคิดว่าไปได้ตัวก็ไปได้ จัดเป็นมโนมยา การสำเร็จด้วยใจอย่างหนึ่ง

เถรี 28-04-2017 15:17

ถาม : เป็นโรคกลัวผี ?
ตอบ : ฝึกกรรมฐาน ถ้าสมาธิทรงตัวเมื่อไรจะเลิกกลัวไปเอง ตอนอาตมาเด็ก ๆ กลัวผีชนิดที่ไม่กล้าออกไปฉี่นอกบ้าน เพราะว่าสมัยก่อนส้วมอยู่นอกบ้าน พอฝึกไปฝึกมาสมาธิทรงตัว เลิกกลัวไปตอนไหนก็ยังไม่รู้เลย ตอนนี้ถ้าเจอผีหลอกนะหรือ ? ก็ยืนยิ้มอยู่ตรงนั้นแหละ...สนุกดี

เถรี 28-04-2017 15:48

พระอาจารย์กล่าวว่า “ ญาติโยมท่านใดมีลูกหลาน มีพวกพ้องไปอเมริกาก็บอกให้หาวัตถุมงคลที่มั่นใจติดตัวไปด้วย สหรัฐชอบไปแหย่เสือ โบราณท่านว่า “ไม่รู้จักเสือเอาเรือมาจอด”

ถ้าทุกท่านจำได้ วันเป่ายันต์เกราะเพชร อาตมาบอกกับพวกเราว่า พระท่านบอกว่าสงครามจะลามไปทั่วโลก โดยเฉพาะสงครามก่อการร้าย อเมริกาก็เป็นประเทศหนึ่งที่อยู่ในข่ายที่จะต้องโดนหนัก วัตถุมงคลที่พกไปอเมริกา ให้เอาประเภทกันปืนกันระเบิดได้ เพราะว่าอย่างไรต้องโดนแน่ ๆ อาตมามีลูกที่จะไปอเมริกา ๒ คน คนหนึ่งจะไปตั้ง ๕ เดือน

วัตถุมงคลประเภทที่เชื่อได้เลยว่ากันปืนกันระเบิด ต้องของสายใต้ (วัดเขาอ้อ) ตั้งแต่ช่วงปี ๒๕๔๗ ที่มีเหตุการณ์ไม่สงบขึ้นมา วัตถุมงคลสายเขาอ้อโดนทหารตำรวจกวาดเรียบ ราคาขึ้นไปหูดับตับไหม้ ไม่ต้องไปถึงระดับหลวงปู่ทองเฒ่าหรอก แค่สมัยของหลวงพ่อปาล หลวงพ่อเอียดลงมาก็พอ ไม่ว่าจะเป็นเขาอ้อหรือดอนศาลาก็สายเดียวกัน

ฉะนั้น...วัตถุมงคลสายใต้รับประกันเรื่องความเหนียว ถ้าไม่ใช่วัดเขาอ้อ วัดดอนศาลา ก็มาวัดหรงบนเลย ถ้ามีก็หาลูกให้หลานติดตัวไปหน่อยจะได้ปลอดภัย อาตมาเองไม่ได้รับอนุญาตให้ทำวัตถุมงคลประเภทเหนียว แต่แอบทำไปหน่อยหนึ่งตอนลงปักษ์ใต้ แต่ไม่พอแบ่งกัน"

เถรี 28-04-2017 15:50

"ช่วงนี้ปักษ์ใต้ของเราการก่อการร้ายก็ปะทุขึ้นอีกรอบหนึ่ง เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการในพื้นที่ก็คงพกคนหนึ่งเป็น ๑๐ องค์เลย

สมัยอาตมาเด็ก ๆ หลวงปู่หลวงพ่อแต่ละรูปส่วนใหญ่จะเก่งทางด้านอยู่ยงคงกระพัน ถ้าถึงระดับชาตรีได้ยิ่งดี เพราะว่าคงกระพันนี่ยิงฟันไม่เข้าแต่อาจจะเจ็บ แต่ถ้าชาตรีนี่เขาเรียกว่าลูกเบา โดนแล้วไม่รู้สึก เพราะว่าสมัยนั้นบรรดาศึกสงครามหรือว่าโจรผู้ร้ายก็ดี มีเยอะมาก ถึงเวลาข้าวยากหมากแพงโจรผู้ร้ายก็ชุกชุม แล้วก็เพิ่งจะหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ไม่นาน บรรดาอาวุธที่หลงเหลือจากสงครามมีมาก หลุดไปอยู่ในมือของบรรดาโจรผู้ร้าย ก็เลยทำให้หลวงปู่หลวงพ่อแต่ละท่านที่โด่งดังขึ้นมา ส่วนใหญ่แล้วต้องมาสายเหนียวโดยตรง

สมัยนั้นที่เขาแสวงหากัน ก็มักจะเป็นวัตถุมงคลจากหลวงพ่อต่าง ๆ ที่ทำแล้วมีผลทางอยู่ยงคงกระพันมากกว่า สมัยปัจจุบันนี้แย่งกันทำมาหากินก็มาหาสายลาภผล สายเมตตามหานิยม ทำมาหากินคล่องตัว มีความร่ำรวย ต้องบอกว่าแต่ละยุคสมัยความนิยมก็ต่าง ๆ กันไป

ถ้าถามพวกเหนียวมีไหม ? มี...แต่ว่าน้อย เพราะว่าไม่ค่อยได้รับความนิยมกัน สมัยนี้อะไรก็ตามที่ช่วยในทางทำมาหากินโยมก็วิ่งใส่ไว้ก่อน สมัยอาตมาเด็ก ๆ นี่อย่างตะกรุดต้องการของหลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง หลวงพ่อทบ วัดชนแดน เหนียวแน่นอน บ้านของอาตมาเองไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม ยุคนั้นท่านยังอยู่กันทั้ง ๓ รูป ถึงแม้ว่าจะโด่งดังทางด้านเมตตามหานิยมขนาดไหนก็ต้องมีเหนียวแทรกอยู่ดี

เหรียญหลวงพ่อเงินที่เรียกว่า เหรียญจิ๊กโก๋ นี่ดังที่สุด ไปโดนเขารุมแทงรุมฟันด้วยมีดปาดตาลไม่มีระคายผิว ขนาดเสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่งไปทั้งตัว"

เถรี 28-04-2017 15:56

"ถ้าถามว่าปัจจุบันนี้วัตถุมงคลเข้มขลังเหมือนสมัยก่อนหรือเปล่า ? ก็ต้องว่าลดน้อยถอยลงไปด้วยเหตุหลายประการด้วยกัน ประการแรกก็คือ วิชาการที่สืบสายได้มาไม่ครบถ้วน ประการที่ ๒ การทำวัตถุมงคลพึ่งพาอาศัยโรงงานส่วนมาก ไม่ได้ทำทีละชิ้นตามฤกษ์ตามยาม ตามกรรมวิธีโบราณซึ่งยากกว่า

ประการสุดท้าย ศรัทธาคนมีน้อย ในเมื่อศรัทธาเลื่อมใสน้อย ความสงสัยมีมาก โอกาสที่จะเกิดผลเต็มที่ก็ยาก เพราะว่าวัตถุมงคลเหมือนกับเครื่องส่ง เครื่องส่งได้ส่งเต็มที่แล้ว แต่ถ้าเครื่องรับเปิดรับได้น้อย หรือว่าไม่เปิดรับเลยก็เกิดผลน้อย หรือไม่เกิดผลกับคนผู้นั้น

หลายคนอาจจะสงสัยว่า บางคนทำไมใช้วัตถุมงคลแล้วดีเหลือเกิน ขณะที่บางคนใช้แล้วได้ไม่เหมือนเขา พวกเราส่วนใหญ่สมัยนี้ก็จะมีสมาธิที่อยู่กับจอตรงหน้า...! ก็เป็นเรื่องที่ดี เพียงแต่ว่าใช้สมาธิไปในทางที่ผิด"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:53


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว