กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=39)
-   -   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6402)

เถรี 28-11-2018 21:10

เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
 
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๑ จะขอกล่าวถึงเรื่องการปฏิบัติธรรมต่อจากเมื่อวานนี้ แล้วก็วันก่อนโน้น ซึ่งเป็นการปฏิบัติธรรมด้วยการกำหนดอานาปานสติ ควบกับพุทธานุสติ ควบกับอุปสมานุสติ ก็คือกำหนดลมหายใจเข้าออก ควบกับการนึกถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงพระนิพพาน แล้วก็กำหนดลมหายใจเข้าออก ควบกับการระลึกถึงพระธรรม ควบกับพระนิพพาน

วันนี้มากล่าวถึงการนึกถึงลมหายใจเข้าออกควบกับพระสงฆ์ ซึ่งคำภาวนาก็คือใช้คำว่า “สังโฆ สังโฆ สังโฆ” หรือบางท่านที่มีความถนัดแล้ว ก็ควบ ๓ อย่างไปเลยคือ “พุทโธ ธัมโม สังโฆ” ก็ได้ เพียงแต่ว่าถ้าหากว่ายังเป็นนักปฏิบัติใหม่ ๆ การระลึกถึงหลายอย่างพร้อมกัน จะไม่สามารถทำได้เด็ดขาดชัดเจน แล้วก็อาจจะสร้างความสับสนฟุ้งซ่านให้เกิดขึ้นได้ ต้องเลือกทำทีละอย่างเดียว

โดยให้น้อมระลึกถึงคุณของพระสงฆ์ว่ามีอะไรบ้าง เป็นสุปฏิปันโน ปฏิบัติดี อุชุปฏิปันโน ปฏิบัติตรงต่อธรรม ญายปฏิปันโน ปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สามีจิปฏิปันโน ปฏิบัติชอบแล้วทั้งกาย วาจา และใจ เมื่อระลึกถึงจนใจของเราสงบ แล้วก็จับลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนาว่า “สังโฆ สังโฆ” ไป ถ้าหากว่าจิตสงบระงับไปตามลำดับจนเป็นสมาธิ เมื่อทรงตัวเต็มที่แล้ว สภาพจิตจะคลายออกมา เราก็หาวิปัสสนาญาณมาคิดพิจารณาแทน

เถรี 28-11-2018 21:16

อีกวิธีการหนึ่งก็คือ ระลึกถึงภาพพระสงฆ์ที่เราเคารพ ถ้าเป็นในอดีตสมัยพุทธกาล อย่างเช่นพระอัครสาวกทั้งสอง คือพระโมคคัลลานเถระก็ดี พระสารีปุตตเถระก็ดี หรือว่าจะเป็นพระอานนท์เถระ พระมหากัสสปเถระ เป็นต้น แต่ถ้ารู้สึกว่าภาพพจน์ของท่านนั้นไม่ชัดเจน เพราะว่าห่างไกลกับยุคสมัยของเรามาก เราก็มานึกถึงพระสงฆ์ในยุคที่เรามีรูป หรือว่าได้พบเห็นด้วยตนเอง

อย่างเช่นว่า เรามีความเคารพในองค์ครูบาศรีวิชัย ก็ระลึกถึงภาพของท่าน มีความเคารพในองค์หลวงปู่มั่น ก็ระลึกถึงภาพของท่าน มีความเคารพในองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆัง ก็ระลึกถึงภาพของท่าน หรือว่ามีความเคารพในองค์หลวงปู่ทวด ก็ระลึกถึงภาพของท่าน ซึ่งท่านทั้งหลายเหล่านี้ ต้องเรียกว่าสามารถเป็นตัวแทนของพระสงฆ์ทั้งภาค

เมื่อพูดถึงภาคเหนือ เรานึกถึงหลวงปู่ครูบาศรีวิชัย ชื่อเสียงเกียรติคุณของท่าน ครอบคลุมพระสงฆ์ภาคเหนือได้ทั้งหมด เมื่อพูดถึงภาคอีสาน ระลึกถึงหลวงปู่มั่นก็ครอบคลุมได้ทั้งหมด พูดถึงภาคกลางระลึกถึงหลวงปู่โต วัดระฆัง ก็ครอบคลุมได้ทั้งหมด พูดถึงภาคใต้ ระลึกถึงหลวงปู่ทวดก็ครอบคลุมได้ทั้งหมด เป็นต้น

โดยกำหนดภาพของท่านพร้อมกับลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ภาพของท่านไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ภาพของท่านไหลตามลมหายใจออกมา เป็นต้น โดยที่พยายามกำหนดเอาแค่ภาพของท่านเท่านั้น อย่าไปเน้นความชัดเจน เพราะดังที่ได้กล่าวมาแล้วใน ๒ วันว่า ความชัดเจนจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อสมาธิทรงตัวมากขึ้น ถ้าจะให้ชัดเจนเต็มระดับ แปลว่าเราต้องทรงฌาน ๔ ได้เป็นต้น

เถรี 29-11-2018 19:12

ดังนั้น...ใหม่ ๆ อย่าเพิ่งไปเอาความชัดเจน แค่นึกได้ว่ามีภาพของท่านอยู่กับลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ภาพของท่านก็ไหลตามเข้าไป หายใจออก...ภาพท่านก็ไหลตามออกมา เป็นต้น จนสมาธิทรงตัวมากขึ้น ภาพก็จะมีความชัดขึ้น ใสขึ้น สว่างขึ้น จนกระทั่งสว่างไสวเต็มที่ สามารถอธิษฐานภาพให้ใหญ่ได้ ให้เล็กได้ ให้มาได้ ให้หายไปได้ เป็นต้น เราก็สามารถที่จะอธิษฐานใช้ผลในกองกรรมฐานของสังฆานุสติได้

ซึ่งถ้าลำพังกรรมฐานกองนี้เราไม่สามารถที่จะใช้อะไรได้ นอกจากระลึกถึงคุณความดีจนสมาธิทรงตัวได้เล็กน้อย แต่พอเราควบกับอานาปานสติคือลมหายใจเข้าออก ก็สามารถใช้งานได้กว้างขวางยิ่งขึ้น ควบกับการกำหนดภาพในลักษณะกสิณ ก็สามารถใช้งานได้กว้างขวางในลักษณะของทิพจักขุญาณเพิ่มขึ้น เป็นต้น

ส่วนการระลึกถึงคุณพระสงฆ์อีกรูปแบบหนึ่ง เมื่อเรารักษาลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนาจนทรงตัวแล้ว ให้ระลึกถึงหลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์รูปใดรูปหนึ่ง ที่เรามีความรักความเคารพ และเป็นผู้ที่เราได้พบได้เห็นบ่อย ๆ ระลึกว่าท่านยืนอย่างไร ท่านนั่งอย่างไร ท่านพูดอย่างไร ท่านทำอย่างไร เป็นต้น ภาพทั้งหลายเหล่านี้จะปรากฏชัดเจนขึ้นในใจของเรา สามารถระลึกได้โดยง่าย เพราะว่าพบเห็นมาด้วยตนเอง ถ้าลักษณะอย่างนี้เกือบ ๆ จะเป็นสังฆานุสติเต็มระดับแล้ว เพราะว่าสามารถกำหนดภาพได้ชัดเจนมาก ถ้าเราระลึกในลักษณะอย่างนี้ ก็จะเกิดความเพลิดเพลิน ไม่เบื่อไม่หน่าย อารมณ์ใจทรงก็ตัวได้ง่ายด้วย

เถรี 29-11-2018 19:12

แต่ว่าท้ายสุดก็อย่าลืมว่า การที่หลวงปู่หลวงพ่อแต่ละรูปแต่ละท่าน มาเป็นครูบาอาจารย์ที่เราเคารพได้นั้น ก็เพราะว่าปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือปฏิบัติตามพระธรรมนั่นเอง พระธรรมคำสอนทั้งหลายเหล่านั้น ก็มาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือพระพุทธ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ที่ใดเลย นอกจากพระนิพพาน

ในเมื่อเราระลึกถึงหลวงปู่หลวงพ่อ ระลึกถึงพระธรรม ระลึกถึงพระพุทธ สามารถกำหนดได้ชัดเจนแจ่มใสแล้ว ก็เอาจิตสุดท้ายเกาะอยู่ที่พระนิพพาน แล้วประคับประคองรักษาอารมณ์ใจของเราเอาไว้ในด้านดีให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้

ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย นายกระรอก)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:47


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว