กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=39)
-   -   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๑ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6089)

เถรี 19-03-2018 22:09

เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๑
 
ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๑๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ สิ่งที่อยากจะบอกกับพวกเรานั้นก็คือ ปัจจุบันนี้เทคโนโลยีต่าง ๆ ให้ความสะดวกให้แก่เรามาก ถ้าอย่างสมัยอาตมายังเด็กอยู่ เมื่อถึงเวลามีงานบุญงานกุศลก็ต้องเดินไปบอกญาติพี่น้อง พรรคพวกเพื่อนฝูง บางทีก็ต้องเดินกันข้ามตำบล ไปกลับก็ต้องค้างคืน ไม่สามารถที่จะกลับในวันเดียวได้

จากบ้านเดินทางไปยังตัวจังหวัดนครปฐม ๓๖ กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางครึ่งวันกว่า นั่นขนาดมียานพาหนะแล้ว สมัยนี้ ๓๖ กิโลเมตรคาดว่า ๑๕ นาทีก็ถึงแล้ว ข้าวปลาอาหารต้องหาจากหัวไร่ชายนา ไปเก็บไปหามาเด็ดมาล้าง มาต้ม มาแกง ต้องใช้เวลานาน

สมัยนี้เวลาบอกข่าว เรายกโทรศัพท์ไม่กี่วินาที ส่งข่าวได้ทั่วโลก การเดินทางเร็วมาก ระยะทาง ๑๐๐ กิโลเมตรใช้เวลาประมาณชั่วโมงเดียว ข้าวปลาอาหารก็สำเร็จรูป ก็แปลว่าเรื่องทั้งหลายที่เคยช้าเสียเวลาอยู่ เราไม่ช้าอีกแล้ว เวลาน่าจะมีมากขึ้น โดยเฉพาะเวลาในการปฏิบัติธรรมน่าจะมีมากขึ้น แต่ทำไมเวลาของเรากลับไม่มี ? นี่เป็นสิ่งที่ควรฉุกใจคิดอย่างยิ่ง เมื่อทุกอย่างสะดวก ง่ายดาย ใช้เวลาน้อย แล้วทำไมเวลาของเราหายไป ?

เถรี 19-03-2018 22:11

ก็เนื่องเพราะว่าเราไปเอาเวลาไปทำกิจกรรมอื่นที่ไม่ใช่การนั่งภาวนาละกิเลสกัน อย่างเช่นว่าไปเดินห้างสัก ๒ ชั่วโมง เช็ค Facebook อีก ๑ ชั่วโมง เขี่ยไลน์หาเพื่อนอีกชั่วโมงหนึ่ง เป็นอันว่าเวลา ๔-๕ ชั่วโมงหายไปแล้ว ถ้าเรารู้ตัวว่าเรากำลังใช้เวลาในทางที่ผิด ก็ควรที่จะรีบแก้ไข

แต่จะว่าไปแล้ว อาตมาเองกว่าจะรู้ตัวก็จนอายุ ๒๐ กว่าปีแล้ว ตอนนั้นอายุ ๒๗ ปี มีห้างเปิดใหม่ก็คือเซ็นทรัลลาดพร้าว ไปกับเพื่อนผู้หญิง เขาซื้อของ อาตมาก็มีหน้าที่ถือ จากถือไปพักหนึ่งก็กลายเป็นหอบ จากหอบก็กลายเป็นแบก เลยเกิดคำถามกับตัวเองขึ้นมาว่า เรากำลังทำอะไรอยู่ ? จะว่าไปแล้วเป็นสิ่งเหลวไหลด้วยซ้ำไป ทำไมเราไม่เอาเวลานี้ไปใช้ในการภาวนา ? ไปใช้ในการปฏิบัติธรรม ? ทันทีที่มีความรู้สึกนี้ขึ้นมา ก็อยากจะทิ้งทุกอย่างให้หมด เพื่อไปปฏิบัติภาวนาอย่างเดียว

เพราะฉะนั้น...เมื่อญาติโยมพิจารณาดูก็จะเห็นว่า ความจริงแล้วเรามีเวลาในแต่ละวันเยอะมาก อาตมาเองทุ่มเทให้กับการปฏิบัติธรรมตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี งานการก็ต้องทำ เวลาการปฏิบัติรู้สึกว่ามีน้อย ต้องใช้วิธีนอนให้น้อยลง จะได้ปฏิบัติธรรมให้มากขึ้น ก็คือตื่นตั้งแต่ตีสามเริ่มปฏิบัติไปจน ๖ โมงเช้า หลังจากนั้นก็กินข้าวปลาอาหาร เตรียมตัวเดินทางไปทำงาน ระหว่างทำงานเมื่อพักเที่ยงก็กินอาหารแบบลวก ๆ ไม่เกิน ๑๕ นาที เอาเวลาที่เหลืออีก ๔๕ นาทีเอาไปภาวนา หลังจากนั้นก็ทำงานจน ๕ โมงเย็น เลิกงานแล้วออกกำลังกายนิดหน่อย อาบน้ำซักผ้า เอาเวลาที่เหลือก่อนนอนไปภาวนา

ก็แปลว่าถ้าญาติโยมทุกคนเอาเวลาที่เราใช้ในการเช็ค Facebook ในการแชตไลน์มาภาวนา เราจะมีเวลาเพิ่มขึ้นมาก แต่ว่าต้องหักห้ามใจในสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้ การที่จะหักห้ามใจจากสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้ ก็ต้องมีกำลังสมาธิค่อนข้างสูง การที่เราจะตัดละกิเลสต้องมีกำลัง ต้องมีความแข็งแกร่งเพียงพอ ถ้าถือว่าการเล่น Facebook การเล่นไลน์เป็นกิเลสที่เราต้องตัดให้ได้ ต้องละให้ได้ ก็ต้องอาศัยกำลังสมาธิอย่างมาก แรก ๆ ก็อาจจะจำกัดตัวเองให้ใช้เวลาให้น้อยลงเหลือวันละ ๑ ชั่วโมง หรือครั้งละไม่เกินครึ่งชั่วโมง ถ้าสามารถทำได้จนกระทั่งท้าย ๆ แล้ว ก็ค่อยเล่นแค่เท่าที่จำเป็น

เถรี 21-03-2018 09:57

เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องใช้อานาปานสติ คือการตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออกให้เป็นปกติ เพราะว่าการตามดูตามรู้ลมหายใจเข้าออก จะทำให้มีสมาธิคงตัว เข้าถึงอัปปนาสมาธิ คือสมาธิแนบแน่น มีกำลังเพียงพอที่จะสู้กับกิเลสได้

แต่ก็ยังไม่ใช่หนทางที่ปลอดภัย เพราะว่าโลกียสมาธิสามารถพังได้ทุกเวลา จึงต้องพยายามทำให้จริงจังและต่อเนื่องถึงจะเกิดผล ถ้าหากว่าเราทำ ๆ ทิ้ง ๆ กิเลสมีกำลังมากกว่า เราจะไม่สามารถเอาชนะได้เลย แล้วการปฏิบัติเป็นระยะเวลาหลาย ๆ ปี หรือหลายสิบปีของเรา จะเป็นการกระทำที่สูญเปล่า เพราะว่าทำไปเท่าไร กิเลสก็ยังเจริญงอกงามเหมือนเดิม

ฉะนั้นจึงขอให้ญาติโยมฉุกใจคิดว่า ในเมื่อความสะดวกความคล่องตัวทุกอย่างมีมากขึ้น ทำอะไรใช้เวลาน้อยลง เราก็ควรจะมีเวลาในการปฏิบัติเพื่อละกิเลสมากขึ้น ไม่ใช่ว่ามีน้อยลงหรือว่าไม่มีเลย

ลำดับต่อไปให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาหรือพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๑

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้า)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:43


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว