กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=18)
-   -   ทำอย่างไรถึงทรงอารมณ์วิปัสสนาญาณได้เป็นปกติ ? (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2450)

โอรส 08-02-2011 01:33

ทำอย่างไรถึงทรงอารมณ์วิปัสสนาญาณได้เป็นปกติ ?
 
เรื่องพระต้องถามยายเจี๊ยบ เมื่อวานนี้ เขามานั่งถามปัญหาตรงนี้ อาตมาส่งพระให้เทพฤทธิ์ ยายนั่นก็มือไวคว้าหมับไปดูเสร็จก็ร้อง..โอ้โห..พระศักดิ์สิทธิ์จังเลย ขนลุกทั้งตัวลูบเท่าไรก็ลูบไม่ลง รายนั้นสมาธิเขาดี ทรงอารมณ์วิปัสสนาญาณได้เป็นปกติเลย เขาได้อยู่ในระดับที่ว่าอยู่ก็ได้ตายก็ดี พร้อมที่จะไปแล้ว

ถาม : ทรงฌานหรือคะ ?
ตอบ : ทรงวิปัสสนาญาณจ้ะ

ถาม : ต่างกับทรงฌานอย่างไร ?
ตอบ : ฌานอย่างเดียวจะนิ่ง ถ้าวิปัสสนาญาณปัญญาจะมี

ถาม : อย่างนั้นก็ต้องยากกว่าใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ง่ายกว่า ทรงฌานต้องเสียเวลาไปนั่งภาวนา วิปัสสนาญาณเราก็พิจารณาไปเลย

ถาม : แล้วทำอย่างไรถึงจะทำแบบเขาได้ ?
ตอบ : ก็ทำแบบเขา...(หัวเราะ)... ตอบกำปั้นทุบดินดีไหม ?

เขาเอาใจขึ้นไปกราบพระพุทธเจ้าเป็นปกติ เสร็จแล้วก็พิจารณาอยู่ตรงนั้น จนกระทั่งกายในใสเป็นแก้วทั้งองค์ แล้วก็ค่อยกราบลาพระลงมา แล้วก็ประคองรักษาอารมณ์นั้นเอาไว้ ตัวนี้แหละคือการใช้มโนมยิทธิที่ถูกต้องตามที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านต้องการ

คนอื่นที่เอาไปดูอดีต ไปดูปัจจุบัน ดูอนาคต ถ้าดูแล้วไปยึดก็เจ๊งหมดทุกรายแหละ แต่ว่ารายนี้เขาทำตรงพอดี เขาจะขึ้นไปกราบพระข้างบน พิจารณาจนกระทั่งใจของเขาใสสว่างสะอาดหมดทั้งดวง แล้วก็ประคับประคองรักษาอารมณ์นั้นเอาไว้

เขาก็เลยสงสัยตอนนี้เขาผิดปกติหรืออย่างไร เจออะไรก็เฉย คนเขาด่าก็ยิ้มเฉย พอฟังเขาด่าเสร็จแล้วก็ไป ฟังเขาด่าได้ตลอดโดยที่ไม่คิดอะไรเลย ได้ยินสักแต่ว่าได้ยิน ได้เห็นสักแต่ว่าได้เห็น รายนี้ถ้าไม่ยั้งไว้อีกไม่นานก็ไป เพราะว่าอารมณ์แบบนี้ใกล้จุดสุดท้ายเต็มทีแล้ว

โอรส 08-02-2011 01:33

ถาม : ยั้งเอาไว้ให้ช่วยกัน ?
ตอบ : เขาบอกว่า ตอนนี้ความรู้สึกผูกพันระหว่างครอบครัวก็ไม่มี ที่เคยรักก็เฉย ๆ ที่เคยเกลียดก็เฉย ๆ ไม่รักไม่เกลียดใครแล้ว

ถ้าใครฟังปฏิปทาท่านผู้เฒ่าบ่อย ๆ จะจำได้ ตรงจุดนี้จะเป็นสุดท้ายของอารมณ์ที่หลวงพ่อท่านบอก ไม่รักในฐานะที่ควรรัก ไม่เกลียดในฐานะที่ควรเกลียด ไม่ขัดเคืองในฐานะที่ควรขัดเคือง

นั่นขนาดคนข้างบ้านด่าก็ยืนฟังเขาด่าจนตลอด ประเภทให้กำลังใจเขาหน่อย เขาอุตส่าห์ด่าทั้งที พอฟังเสร็จ เขาด่าจบแล้วก็ไป เฉย ๆ ไม่ได้ติดหูมาสักคำเดียว ของพวกเราอย่างน้อย ๆ ก็ต้องเก็บมาคิด ของเขาตัวความคิดปรุงแต่งไม่มีแล้ว ปล่อยได้แล้ว ใครเอาอะไรมา ก็กองอยู่ตรงนั้นแหละ

ถาม : แล้วไปยืนฟังเขาทำไมละคะ ?
ตอบ : ให้กำลังใจเขาหน่อย เขาอุตส่าห์มาด่าแล้ว ถ้าไม่ยืนฟังเดี๋ยวเขาไม่มีอารมณ์จะด่า สงสารเขา..!

ที่พูดมานี้พวกเราก็ทำได้ แต่ว่าทำแล้วยังไม่ทรงตัวอย่างเขา ได้เพียงครู่เดียว จะได้ตอนที่มีสติ พอขาดสติไปไหลตาม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เมื่อไรก็อารมณที่ได้ก็ขาดไปด้วย ของเขาควบคุมได้ เห็นสักแต่ว่าเห็น ได้ยินสักแต่ว่าได้ยิน ได้กลิ่นสักแต่ว่าได้กลิ่น ได้รสสักแต่ว่าได้รส สัมผัสสักแต่ว่าสัมผัส ป้องกันไม่ให้ทุกอย่างเข้ามาในใจได้

แรก ๆ ก็ต้องระวังป้องกันอยู่ พอนานไปก็ไม่ต้องระวังแล้ว เพราะไม่เก็บเอาไว้เลย ฟังดูง่ายไหม ?


ถาม : แล้วอย่างนี้เวลาเขาทำงานปกติ ก็เป็นคนประหลาดสิคะ ?
ตอบ : ก็ประหลาด... ถึงได้บอกว่า คิดว่าเราทำหน้าที่รอเวลาตายเท่านั้น เพราะฉะนั้น..งานของเราก็ทำให้ดีที่สุด หลังจากนั้นแล้วจะเป็นอย่างไรก็เรื่องของงาน เราก็ไปพระนิพพานของเรา

เมื่อวานลองไล่อารมณ์ให้เขาฟังหลายอย่าง ตรงกันหมด ถ้าตรงกันหมดก็ใช่ ใช่ตรงที่ว่าที่เราทำมา เออ..ก็คล้ายกับเขา นี่พัฒนาการทางจิตในระดับที่ควรจะทำให้ได้อย่างยิ่ง

สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕

ตั้มศักดิ์ 08-02-2011 16:16

ขออนุญาตนำไปเผยแพร่ในเว็บพลังจิตครับ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:48


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว