เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ |
วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพวิ่งไปจนถึงวัดหัวรัง หมู่ที่ ๔ ตำบลดอนเจดีย์ อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมปลุกเสกวัตถุมงคลพระปิดตาจัมโบ้ปลดหนี้ (ครูแรง) ก็เจอแต่บรรดาพระเกจิอาจารย์ที่คุ้นหน้าคุ้นตากัน แม้กระทั่งหลวงพ่อดำ พระครูภาวนาโชติคุณ (กุ้ยไฮ้ ชุตินฺธโร), ดร. ซึ่งวันก่อนไปปลุกเสกวัตถุมงคลให้ท่านที่วัดถ้ำสิงห์โตทองก็มาด้วย
สำหรับวันนี้ ถ้าหากว่าบันทึกเสียงเสร็จ กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้อยู่ร่วมทำวัตรค่ำ เพราะว่าต้องวิ่งไปงานที่วัดปรังกาสีต่อ พระครูวรกาญจนโชติ เจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิ ขอให้ไปช่วยทำบวงสรวงให้กับท่าน เพราะว่าท่านจะจัดงานวันเกิดพรุ่งนี้ ก็แปลว่าไม่ว่าจะวันนี้หรือพรุ่งนี้ กระผม/อาตมภาพก็ต้องวิ่งขึ้นวิ่งลงอยู่ในลักษณะอย่างนี้ ก็คงจะประมาณ ๓๐๐ กิโลเมตรไปกลับ ก็ต้องอาศัยแรงกายแรงใจของน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ที่ทุ่มเทให้กับการขับรถ แล้วยังต้องทำหน้าที่อื่น ๆ อีก อย่างเช่น ถ่ายรูป หรือว่าติดต่อประสานงานกับทางเจ้าภาพเขาด้วย ต้องบอกว่าตั้งแต่ "ความลับแตก" งานก็มีแต่มากขึ้น ๆ ไปนึกถึงสมัยมาถึงทองผาภูมิใหม่ ๆ ไม่มีใครรู้จัก คุยกับใครก็ได้ สบายใจดี สมัยนี้เดินเข้าไปในตลาด ๓ ก้าว ๕ ก้าวก็จะมีรถจอดรับ ถามว่า "หลวงพ่อจะไปไหน ?" "พระอาจารย์ไปจะไหน ?" เขาจะไปส่ง ต้องบอกว่าทำให้ชีวิตยากขึ้นมาก แล้วตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้บังคับบัญชาก็ดี เพื่อนฝูงก็ดี ตลอดจนกระทั่งคณะศิษย์ ก็มีแต่เรียกหากระผม/อาตมภาพ ขอให้ช่วยทำงานโน่น ทำงานนี่ ตามที่ตนเองถนัด รายแรก ๆ เลยก็คือพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) สมัยนั้น ท่านเพิ่งจะขึ้นเป็นพระราชวิสุทธิเมธีใหม่ ๆ กำลังทำบวงสรวงเพื่อที่จะปลุกเสกพระพุทธไชยชุมพลชนะสงคราม พระประธานประจำพระอุโบสถเก่า วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) กระผม/อาตมภาพเองตั้งใจไปกราบหลวงปู่เปลี่ยน (พระวิสุทธิรังษี) เดินเข้าไปถึง ท่านเห็นหน้าก็แทบจะกระโดดกอดเลย บอกว่า "ช่วยทำบวงสรวงให้ทีเถอะ ผมไม่มีความถนัดเรื่องอย่างนี้เลย" แล้วหลังจากนั้นมา ถ้าหากว่าท่านได้รับกิจนิมนต์ ไปเสกวัตถุมงคลที่ไหนก็ตาม ถ้าเป็นงานที่กระผม/อาตมภาพไปด้วย ท่านก็จะจับยัดขึ้นไปทำหน้าที่แทนอยู่เสมอ |
เนื่องเพราะว่าการจัดงานนั้น ถ้าหากว่าในจังหวัด เขาก็มักจะนิมนต์เจ้าคณะจังหวัด ถือว่าไปเป็นเกียรติให้แก่เจ้าภาพ ถ้าเป็นพิธีปลุกเสกก็ให้เจ้าคณะจังหวัดร่วมภาวนาด้วย ถ้าเป็นในอำเภอก็จะนิมนต์เจ้าคณะอำเภอ เป็นต้น แต่คราวนี้ ท่านเป็นนักวิชาการ โดยเฉพาะจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค แล้วตอนหลังก็มาจบปริญญาเอกอีก ท่านยอมรับว่าไม่ถนัดเรื่องแบบนี้ ในเมื่อเป็นเช่นนั้นท่านจึงโยนงานให้กระผม/อาตมภาพรับไปแทน
ส่วนพรรคพวกเพื่อนฝูง หลังจากที่ปิดบังมาตลอดในระหว่างที่เรียนหนังสืออยู่ ๑๐ ปี มาถึงตอนนี้ความลับแตก ก็มีแต่คนเรียกหา จากสมัยก่อนเรียก "พระครูวิลาศฯ" บ้าง "พระครูเล็ก" บ้าง "อาจารย์เล็ก" บ้าง สมัยนี้กลายเป็น "หลวงพ่อเล็ก" บางคนอาการหนัก เล่น "พระเดชพระคุณฯ" เลย คือจะเรียกหาอะไรก็ได้ แต่ว่าเพื่อนฝูงด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องยกย่องกันถึงขนาดนั้นก็ได้ ก็คือจะยกจะย่องจะอะไรก็ให้พอสมควร บางอย่างดูมากเกินไป ก็กลายเป็นขี้ประจบ กระผม/อาตมภาพเอง ถ้าเห็นท่านอาวุโสน้อยกว่า บางทีก็แจกมะเหงกให้ จะได้จดได้จำเสียบ้าง..! คราวนี้มาในหมู่ลูกศิษย์ สมัยก่อนเขาก็แค่เห็นว่า "พระอาจารย์เล็ก" มานั่งรอลูกศิษย์ทุกชั่วโมง โดยเฉพาะวิชาที่สอนก็คือธรรมะภาคปฏิบัติ ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, ๖, ๗ ก็แปลว่าจะต้องเรียนด้วยกันตั้งแต่ปี ๑ ถึงปี ๔ แล้วก็ยังมีวิชาอย่างเช่นวิสุทธิมรรคศึกษา ซึ่งหลวงพ่อเจ้าคุณพระโสภณกาญจนาภรณ์ (ทอมสันต์ จนฺทสุวณฺโณ ป.ธ.๔) สมัยก่อนท่านสอนอยู่ แล้วท่านก็มาขอว่า "อาจารย์เล็ก ช่วยสอนแทนผมทีเถอะ เรื่องพวกนี้ผมเองยังไม่เข้าใจเลย แล้วผมจะไปสอนคนอื่นให้เข้าใจได้อย่างไร แต่เขาก็ยัดวิชานี้มาให้ " กระผม/อาตมภาพก็ต้องรับเอาไว้ สอนไปสอนมา พอลูกศิษย์มาก คนโน้นก็เล่นเฟซบุ๊ก คนนี้ก็เล่นไลน์ คนนั้นก็เล่นอินสตราแกรม รูปพระอาจารย์เล็กโผล่ขึ้นมาบ่อย ๆ ท้ายสุดก็รู้กันทั่ว ตอนนี้ไปไหนก็ลำบาก โดยเฉพาะในเขต ๔ จังหวัดของคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ไม่ว่าจะเป็นกาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม สมุทรสาคร เดินไปทางไหน ถ้าไม่ใช่เพื่อนก็ลูกศิษย์ ทำให้ความเป็นส่วนตัวหายไปหมด |
กระผม/อาตมภาพไปนึกถึงมหาปุริสวิตก ๘ ประการ ของพระอนุรุทธเถระที่ท่านบอกว่า พระธรรมวินัยนี้เป็นของผู้มักน้อย สันโดษ ยินดีในการปลีกตัวออกจากหมู่ เป็นผู้ยินดีในธรรมอันไม่เนิ่นช้า ลองไปหาอ่านดู ปัจจุบันนี้กระผม/อาตมภาพไม่สามารถทำตามนั้นได้อีกแล้ว ไปไหนคนก็รู้จัก สมัยก่อนพอเขาถาม "หลวงพ่อเล็กใช่ไหมครับ ?" "พระอาจารย์เล็กใช่ไหมครับ ?" กระผม/อาตมภาพก็ชี้ไปข้าง ๆ โน่น บอกว่า "โน่น..รูปโน้น" สมัยนี้ไม่ได้แล้ว พอถึงเวลาชี้ไปทางอื่น เขาบอกว่า "ผมดูรูปในเฟซบุ๊กมาแล้วครับ" ก็เป็นอันว่าเดี้ยง..! ปฏิเสธไม่ออก
วันนี้นั่งลงไป ปกติแล้วทางเจ้าภาพก็จะขอให้จารแผ่นชนวน เพื่อเอาไว้ใช้ในงานต่อไป แต่ปรากฏว่าทีมเจ้าภาพ ๘ คนเล่นขอคนละแผ่นเลย..! กระผม/อาตมภาพมั่นใจเลยว่าไม่ได้เอาไปใช้ในการทำเป็นชนวน แต่เขาจะเอาไปใช้ส่วนตัว น่าจะม้วนเป็นตะกรุดหรือว่าอะไรก็ได้ อีกคนหนึ่งก็ควักยันต์เกราะเพชรรุ่น ๒ วัดท่าขนุนออกมา บอกว่า "ขอลายมือหลวงพ่อหน่อยครับ" จะปฏิเสธก็ไม่ได้ เพราะว่าเขาเป็นเจ้าภาพ ก็ต้องเขียนให้กับเขาไป อีกรายหนักกว่านั้นอีก ให้ลบผง ซึ่งการลบผงนั้นเราต้องตั้งสมาธิสูงที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เสร็จแล้วก็เขียนไปลบไป แต่คราวนี้ว่าการลบผงปกติก็ว่าไล่กันไป ตั้งแต่อิทธิเจ ปถมัง ตรีนิสิงเห มหาราช พุทธคุณ อะไรประมาณนี้ คราวนี้มาขอลบแค่ตรงนั้น ก็ต้องขอบารมีพระสงเคราะห์ จึงข้ามขั้นตอน กลายเป็นผงพุทธคุณไป ปรากฏว่าเพื่อนฝูงในกลุ่มไลน์เห็นเข้า บอกว่า "เดี๋ยวต้องไปขอหลวงพ่อเล็กช่วยลบผงให้บ้าง จะได้เก็บไว้สร้างวัตถุมงคลของวัดตัวเอง" กระผม/อาตมภาพได้ยินเข้า ก็ได้แต่นึกว่า "แล้วแต่เวรแต่กรรมก็แล้วกัน..!" ครูบาอาจารย์หลายต่อหลายท่าน เมื่อถึงวาระที่ชื่อเสียงปรากฏ บางท่านต้องรับงานหัวไม่วางหางไม่เว้น เวลาจะพักก็ไม่มี ท่านทั้งหลายลองนึกถึงสมัยหลวงพ่อคูณ (พระเทพวิทยาคม, คูณ ปริสุทฺโธ) วัดบ้านไร่ เขาถึงขนาดเช่าเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัว เพื่อที่จะรับหลวงพ่อคูณไปให้ทันงานของตัวเอง แล้วคุณรู้ไหมว่าค่าใช้จ่ายครั้งละหลายแสนบาท..! แต่กระผม/อาตมภาพไม่เห็นเจ้าภาพท้อสักราย รายนี้เฮลิคอปเตอร์ลง เข้าพิธีเสร็จสรรพเรียบร้อย รายโน้นเอาเฮลิคอปเตอร์มารับต่อ ได้แต่หวังว่ากระผม/อาตมภาพคงจะไม่เฮงถึงขนาดนั้น..! เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ต้องบอกว่า ถ้าถึงวาระ ก็เหมือนอย่างกับไฟที่จุดขึ้นมาในที่มืด จะไม่ให้คนเห็นแสงสว่างย่อมเป็นไปไม่ได้ กระผม/อาตมภาพได้นิมิตมาหลายสิบปีแล้วว่า เห็นบรรดาผู้คน ไม่ว่าจะคนไทย คนต่างชาติ หลั่งไหลกันไปขุดคุ้ยกองสมบัติกองมหึมา ด้วยความสงสัยก็เลยถามเขาว่า "หาอะไรกัน ?" เขาบอกว่า "หาแก้ววิเศษ ๓ ดวง" คราวนี้แต่ละคน บางคนก็ขุดคุ้ยกันเป็นวันจนแทบจะหมดสภาพแล้ว กระผม/อาตมภาพอยากรู้เห็น ก็เลยเข้าไปเขี่ย ๆ ดู ไม่กี่ทีก็เจอผอบใบหนึ่ง พอเปิดออกมาก็เจอดวงแก้วอยู่ข้างใน ๓ ดวง..! แต่คราวนี้ความซวยมาถึงตรงที่ว่าปิดฝาไม่ทัน รัศมีดวงแก้วสาดออกไปทั่วแล้ว แล้วคนทั้งหมดก็รุมเข้ามา หลังจากนั้นภาพก็ตัดไปแค่นั้น เพราะว่านิมิตมักจะมาแบบไม่มีต้นไม่มีปลาย อยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป เราบังคับไม่ได้ เลยไม่เห็นว่าตอนจบเป็นอย่างไร ก็ได้แต่นึกท้อในชะตากรรมของตัวเองเหมือนกัน สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย) |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:39 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.