กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=40)
-   -   งานบวงสรวงไหว้ครู พุทธาภิเษก-เป่ายันต์เกราะเพชร วันเสาร์ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5115)

เถรี 21-07-2016 19:25

งานบวงสรวงไหว้ครู พุทธาภิเษก-เป่ายันต์เกราะเพชร วันเสาร์ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙
 
เป่ายันต์รอบเช้า


วันนี้ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีวอก พุทธศักราช ๒๕๕๙ วันซึ่งถ้าว่าตามสายครูบาอาจารย์ตั้งแต่หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ลงมา ท่านจะใช้วันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เป็นวันบวงสรวงเพื่อไหว้ครูประจำปี ถ้าหากว่าปีไหนไม่มีวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ ให้บวงสรวงไหว้ครูประจำปีในวันวิสาขบูชา ถ้าไม่มีวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำและวิสาขบูชาติดงานสำคัญจริง ๆ ให้บวงสรวงไหว้ครูในวันมาฆบูชา แล้วในงานบวงสรวงไหว้ครูนั้น ก็มักจะมีการพุทธาภิเษกอยู่เสมอ เนื่องเพราะว่าวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำนั้น โบราณเรียกว่า วันเสาร์ห้า ถ้าหากว่าเป็นวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำเดือน ๕ ท่านเรียกว่า เสาร์ห้า “กระทิงวัน” คือตรงกันทั้งวันและเดือน ถ้าหากว่าเป็นวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำเดือน ๕ ปีมะโรง ท่านเรียกว่าเสาร์ห้า “ตรีวัน” คือตรงกันทั้งวันทั้งเดือนและปี ก็ถือว่าเป็นวันที่เป็นมงคลเข้มขลังยิ่ง ๆ ขึ้นไป

ดังนั้น...วันเสาร์ห้านั้น ขอให้เป็นวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ จะเดือนใดก็ได้ ตามสายครูบาอาจารย์ก็จะใช้เป็นวันไหว้ครูประจำปี ในวันนี้ที่ท่านทั้งหลายมาร่วมกันอยู่ ณ ที่นี้ ก็ถือว่าเรามาไหว้ครูบาอาจารย์ของเราทั้งหมด ตั้งแต่พระพุทธเจ้าลงมา

เถรี 21-07-2016 19:29

เครื่องบายศรีที่ญาติโยมได้เห็นนั้น คณะพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม เป็นเจ้าภาพร่วมกันจัดทำขึ้นมา จุดเด่นครั้งนี้อยู่ที่พระพุทธรูป คือ พระแก้ว ๓ ฤดู และนาคสิงห์เชิญธงมหาพิชัยสงคราม

การพุทธาภิเษกครั้งนี้วัตถุมงคลที่เป็นหลักเลย ก็คือ พระขุนแผนเกราะเพชร อาตมาสร้างเนื่องในวาระ ๑๐๐ ปีเกิดของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ โดยได้ไปทำพิธีอัญเชิญและขออนุญาตท่านขุนแผน ให้มาร่วมในพิธีพุทธาภิเษกเรียบร้อยมาเป็นเดือน ๆ แล้ว

พระขุนแผนรุ่นนี้จะมีอยู่ ๔ รายการด้วยกันคือ องค์ใหญ่ฝังตะกรุดทองคำ จำหน่ายในราคา ๓,๐๐๐ บาท องค์ใหญ่ฝังตะกรุดนาก จำหน่ายในราคา ๒,๐๐๐ บาท และองค์ใหญ่ฝังตะกรุดเงิน จำหน่ายในราคา ๑,๐๐๐ บาท พร้อมกับองค์เล็กไม่ได้ฝังตะกรุด จำหน่ายในราคา ๑๐๐ บาท ราคานี้ยืนถึงวันนี้เท่านั้น พ้นจากวันนี้ไปจะขึ้นราคาตามระเบียบของวัดท่าขนุน

ส่วนผสมที่สำคัญที่สุด ก็คือ ผงยานัตถุ์ของหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ที่อาตมาเก็บสะสมอยู่ตลอด ๑๑ ปี เนื่องจากว่าเวลาหลวงพ่อท่านเป่ายานัตถุ์ ถ้าญาติโยมถวายมามาก ๆ ใช้ไม่ทันก็จะมียานัตถุ์ที่เสื่อมคุณภาพ ท่านใช้ครั้ง ๒ ครั้ง ถ้าเห็นไม่ได้เรื่องท่านก็จะโยนมาให้ แล้วท่านก็ไปหาขวดใหม่ที่ใช้งานได้ อาตมาก็เอามาเทเก็บรวม ๆ กัไว้เป็นแกลลอน ก็ไม่ได้คิดว่าจะได้ใช้งาน ได้นำเอาเข้าพิธีสำคัญของวัดท่าซุงตั้งแต่พิธีที่ท้าวมหาราชท่านแจ้งว่า พระท่านให้พรถึง ๓๐ ประการด้วยกัน แล้วก็เอาเข้าพิธีมาเรื่อย ๆ

เถรี 21-07-2016 19:30

สำหรับการพุทธาภิเษกในครั้งนี้ วัตถุมงคลสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ เหรียญพุทธบารมี รุ่น ๒ อาตมาคิดดูแล้วจะออกจำหน่ายที่วัดท่าขนุนแห่งนี้ ในวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๙ (งานทำบุญถวายหลวงปู่สาย) ใครอยากได้ก็มาบูชาเอาเอง เพราะจะจำกัดจำนวนไว้ เนื่องจากสร้างน้อยมาก

เถรี 22-07-2016 20:44

มณฑปตั้งพระพุทธรูปทองคำด้านหลังนี้ ก็คือ ที่ญาติโยมทั้งหลายร่วมกันเป็นเจ้าภาพสร้างมา ราคา ๑๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท จ่ายไปเกือบหมดแล้ว ยังเหลือแค่เงินประกันผลงาน ๖๕๐,๐๐๐ บาท ซึ่งทางช่างต้องมาแก้ไขรายละเอียดบางจุดให้เรียบร้อยก่อน ถึงจะโอนเงินงวดสุดท้ายนี้ไปให้

ญาติโยมที่ทำบุญกับวัดท่าขนุน ไม่ต้องตกใจว่าเงินหายไปไหนหมด เพราะศาลาหลังนี้ที่กำหนดเอาไว้จากราคาประเมิน ๔๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ทำไปทำมา
กว่าจะเสร็จ ล่อเข้าไปถึง ๘๓,๐๐๐,๐๐๐ บาทเศษ

ความจริงมีหมู่เรือนไทยสวย ๆ อยู่ข้างบน แต่เนื่องจากว่ามีบุคคลที่ต้องการบุญจนสิ้นสติ อาตมาสร้างสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๔๙ นิ้ว ปิดทองประดับเพชรอยู่ข้างบน พร้อมกับรูปหล่อหลวงปู่ปานและหลวงพ่อฤๅษีลิงดำขนาดเท่าครึ่ง ปิดทองอย่างดี มีโยมที่อยากได้บุญจนสิ้นสติ ขึ้นไปถึงก็ปิดทองจนเละเทะไปหมด อาตมาก็เลยต้องลกประตูเอาไว้ ทำให้โยมไม่สามารถขึ้นไปดูหมู่เรือนไทยข้างบนได้ว่าสวยแค่ไหน

ถ้าโยมเห็นว่าสวยแล้วอยากจะสร้างตาม ราคานี้เมื่อ ๑๐ ปีก่อนที่ร้านคุณปรีชา ปัทมเศรษฐ์ อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้บอกกับอาตมาว่า “ท่านอาจารย์ครับ ถ้าสร้างหมู่เรือนไทยบนพื้นที่ ๑ ไร่แบบของท่านอาจารย์ ให้เตรียมงบประมาณไว้เลย ต่ำสุด ๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท..! อาตมารื้อศาลาไม้หลังใหญ่ที่เคยตั้งอยู่ตรงนี้ไป ๑ หลัง ได้ไม้ไม่พอใช้ ต้องซื้อไม้เพิ่มขึ้นอีกแปดล้านบาทเศษ ถ้าหากว่าซื้อไม้ของเขาล้วน ๆ ก็น่าจะแพงกว่านี้อีกมาก

ฉะนั้น...ใครจะเรียกศาลาหลังนี้ว่าศาลาร้อยล้านก็เรียกได้เต็มปากเต็มคำ เพราะว่าตัวศาลาก็ ๘๓,๐๐๐,๐๐๐ บาทเศษ พระประธานที่เห็นอยู่นั้นก็หล่อโลหะทั้งองค์ ปิดทองประดับเพชร แม้แต่ฐานก็หล่อโลหะ ราคา ๙,๐๐๐,๐๐๐ บาทถ้วน โดยพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม พร้อมด้วยคณะศิษย์ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ซึ่งท่านก็เป็นเจ้าภาพ
บายศรีเครื่องบวงสรวงในวันนี้ด้วย ร่วมกันมาทำบายศรีมาตั้งแต่ ๓-๔ วันที่แล้ว

เถรี 22-07-2016 20:50

ส่วนมณฑปด้านหลังอาตมานี้ราคา ๑๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท บวกกันก็เกินร้อยล้านไปแล้ว ยังไม่ได้นับข้าวของต่าง ๆ ที่อยู่ชั้นกลาง ซึ่งอาตมาตั้งใจสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ถวายหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ที่เป็นครูบาอาจารย์ เมื่อ ๒ วันก่อนช่างเพิ่งจะมาประเมินราคาพิพิธภัณฑ์ ส่งตัวเลขกลม ๆ มาที่ ๔๓,๒๐๐,๐๐๐ บาท ห้ามต่อเด็ดขาด จะมีห้องใหญ่ประมาณ ๖ ช่องเสาเป็นห้องเกี่ยวกับพุทธประวัติ บุคคลตัวอย่างที่บรรลุธรรมในพระศาสนาและวันสำคัญในพุทธศาสนา

แล้วก็มีห้องประมาณ ๔ ช่องเสาเป็นเครื่องรางของขลังจากครูบาอาจารย์ทั่วประเทศ เน้นเครื่องรางอย่างเดียวไม่เน้นพระเครื่อง แล้วก็มีห้องประมาณ ๒ ช่องเสาเป็นประวัติและผลงานของหลวงปู่สาย อคฺควํโส อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน ซึ่งสังขารของท่านตั้งอยู่ที่ศาลาตรีมุขด้านขวามือของอาตมา มรณภาพมา ๒๓ ปีจะขึ้นปีที่ ๒๔ แล้วสังขารท่านยังไม่เน่าไม่เปื่อย อยู่เป็นมิ่งขวัญและกำลังใจให้แก่ญาติโยมตลอดมา

แล้วอีกห้องหนึ่ง ๒ ช่องเสาเขาตั้งใจจะทำเผื่ออาตมา ถ้าหากว่าตายเมื่อไจะได้เอาประวัติไปแสดงข้างในนัน เจ้าหน้าที่ออกแบบเผื่อไว้ให้ และอีกประมาณ ๖ ช่องเสาเอาไว้แสดงผลงานศิลปะของแผ่นดิน ประเภทงานฝีมือช่างสิบหมู่ ให้ดูว่างานระดับครูของช่างไทยนั้นเป็นอย่างไร เพื่อที่เราจะได้มีความภาคภูมิใจในผลงานที่ปู่ย่าตาทวดท่านได้รังสรรค์เอาไว้

อาตมาซื้อของเพื่อเข้าพิพิธภัณฑ์ไปสิบกว่าล้านบาทแล้ว ไม่ได้นับราคา ๔๒,๒๐๐,๐๐๐ บาท ที่เขาจะมาจัดนิทรรศการและปรับสถานที่ให้ตามวัตถุสิ่งของที่มีอยู่ และที่แน่ ๆ เจ้าหน้าที่บอกว่า ถ้าพระอาจารย์อยากได้พิพิธภัณฑ์เต็มระบบมาตรฐานโลก ขอให้เป็นระบบปิด ติดเครื่องปรับอากาศทุกห้อง แปลว่าต้องจ่ายกันหน้ามืดอีก

ส่วนที่ญาติโยมทำบุญมาคนละเล็กคนละน้อย ๕ บาท ๑๐ บาท อาตมานำลงใช้ในงานต่าง ๆ ทั้งของวัดท่าขนุนนี้และวัดในเครือข่าย เมื่อวันนี้ ๑๘ มิถุนายนเดือนที่แล้ว ก็คือ ๒๐ วันที่ผ่านมา ก็ถวายร่วมสร้างพระพุทธปุษยคีรีที่อู่ทอง คือพระพุทธรูปที่แกะสลักจากหินภูเขาใหญ่ที่สุดในโลก ที่พุทธมณฑลสุพรรณบุรี ถวายหลวงพ่อพระเทพสุวรรณโมลีท่านไปเพื่อขอร่วมเป็นเจ้าภาพ ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพราะฉะนั้น...โยมที่เห็นอาตมานั่งรับสตางค์อยู่นี้โปรดเปลี่ยนจากอิจฉามาเป็นน่าสงสารเถิด เพราะว่าที่ท่านเห็นว่าได้มากนั้น ความจริงแล้วได้น้อยจนไม่พอใช้

เถรี 22-07-2016 20:54

ท่านที่รับขุนแผนเกราะเพชรไปแล้ว คาถาปลุกพระ อาตมาอุตส่าห์ศึกษามาจากสายหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ก็คือพระคาถาหัวใจขุนแผน หนุนด้วยธาตุ ๔ แต่ปรากฏว่าตอนพุทธาภิเษกใช้งานไม่ได้ พระท่านให้ใช้พระคาถาบารมี ๓๐ ทัศ ต่อด้วยนะโมพุทธายะ ก็คือ อิติ ปาระมิตา ติงสา อิติ สัพพัญญู มาคะตา อิติ โพธิ มนุปปัตโต อิติปิโส จะ เตนะโม ต่อด้วย นะโมพุทธายะ

ปีนี้ภัยธรรมชาติของบ้านเราจะรุนแรง โดยเฉพาะเรื่องของน้ำท่วม สามารถขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ให้ผ่อนจากหนักเป็นเบาได้ ด้วยการภาวนาพระคาถานี้ไว้ทุกวัน อธิษฐานภาพพระให้ครอบตัวเรา หรือว่าบ้านเรือนของเรา หรือว่าคนในครอบครัวของเราเอาไว้ทุกวัน

ภัยธรรมชาติเหล่านี้จะว่าไปแล้ว ก็เกิดจากกรรมเก่าในอดีตที่พวกเราได้สร้างเอาไว้ ถึงเวลาแล้วตามมาทัน ก็เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือผ่อนหนักให้เป็นเบาเท่านั้น โดยเฉพาะญาติโยมที่บ้านเรือนอยู่ปักษ์ใต้ ปีนี้ให้ระมัดระวังเรื่องน้ำท่วมให้จงหนัก ถ้าเป็นอาตมาเอง สักปลายกันยายนถึงต้นตุลาคม จะย้ายหนีไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว อยากจะท่วมก็ให้ท่วมแต่บ้านไป

อย่าลืมที่พระท่านสั่งไว้นะให้ภาวนาพระคาถาบารมี ๓๐ ทัศ ต่อด้วยนะโมพุทธายะ อธิษฐานภาพพระครอบตัวเรา หรือบ้านเรือนของเรา หรือว่าครอบครัวของเราไว้ทุกวัน เราจะผ่อนหนักเป็นเบาหรือจากเบาเป็นหายได้ขนาดไหน ก็ขึ้นอยู่กับสมาธิจิตของเราและความเลื่อมใสในคุณพระศรีรัตนตรัย

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสามารถบอกกล่าวกันได้ทุกครั้ง บางอย่างถึงท่านบอกมา อาตมาก็ไม่สามารถที่จะบอกต่อไดบางอย่างท่านบอกมาร้อยหนึ่ง สามารถบอกได้แค่สิบยี่สิบเท่านั้น เพราะว่าเกี่ยวเนื่องด้วยวาระกรรมของคนหมู่มาก เมื่อเป็นเช่นนั้นท่านทั้งหลายที่มีโอกาสได้รับรู้รับทราบ ก็แปลว่าถึงกรรมของเราจะหนัก ก็ยังมีโอกาสผ่อนหนักเป็นเบาได้ แต่ว่าต้องขยันภาวนาเอาไว้ทุกวัน อาตมาก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า วันนี้อยู่ดี ๆ ทำไมลิ้นแตกจนพูดไม่ชัด อาจจะเป็นเพราะท่านไม่อยากให้บอกใครก็ได้

เถรี 22-07-2016 20:57

พระอาจารย์กล่าวว่า “ยังเหลือน้ำมนต์เสาร์ห้าอยู่นิดหน่อย อาตมาขอบอกว่าอะไร ๆ อาตมาก็ไม่เก่งจริง เก่งแต่เรื่องน้ำมนต์อย่างเดียว ...(หัวเราะ)... วิชาหากินที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านครอบครูให้ ท่านบอกว่า “ข้าเก่งอย่างนี้ เอ็งก็เอาอย่างนี้ไปก็แล้วกัน” น้ำมนต์เสาร์ห้าสำหรับรักษาโรคที่หาสาเหตุไม่ได้ หรือว่าใครต้องการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาก็เอาไปดื่มหรือผสมน้ำอาบได้”

เถรี 22-07-2016 21:02

ยันต์เกราะเพชรนั้นเป็นบารมีของพระพุทธเจ้า ที่เมตตาสงเคราะห์แก่ผู้ที่มีความเลื่อมใส การเป่ายันต์เกราะเพชรหรือสร้างยันต์เกราะเพชร เป็นไปตามตำราพระร่วงที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคกรุงสุโขทัย โดยการนำเอาบทพุทธคุณ คือ อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ฯลฯ จนถึง ฯลฯ ภะคะวาติ จำนวน ๕๖ คำ มาเขียนลงเป็นแถว แถวละ ๘ คำ รวม ๗ แถวด้วยกัน แล้วชักสูตรสำเร็จเป็นยันต์เกราะเพชร

ถ้าท่านใดที่รู้จักธงมหาพิชัยสงครามก็จะได้รู้ว่า ยันต์เกราะเพชรจริง ๆ แล้วก็คือยันต์ลูกของธงมหาพิชัยสงครามนั่นเอง ธงมหาพิชัยสงครามเป็นธงนำทัพในสมัยพระร่วง ผืนเดียวสามารถคุ้มได้ทั้งกองทัพ
ระยะหลัง ๆ ครูบาอาจารย์หลายท่าน สร้างเครื่องรางที่ป้องกันบุคคลที่ร่วมรบได้ อาจจะป้องกันได้ครั้งละ ๑๐ คน ๑๐๐ คน ๑,๐๐๐ คนแล้วแต่ความสามารถของตน เขาเรียกกันว่า ตะกรุดแม่ทัพ นั่นก็เป็นส่วนของยันต์เกราะเพชรเช่นกัน ซึ่งก็คือส่วนหนึ่งของธงมหาพิชัยสงครามนั่นเอง

แต่ว่าตะกรุดแม่ทัพนี้ ถ้าเป็นหลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส ท่านเรียกว่า ตะกรุดมหาโจร ก็คือถึงเวลาออกรบ ต้องแต่งกองโจรออกไปเพื่อตีปล้นค่ายของข้าศึก บุคคลที่เป็นหัวหน้าจะต้องคุ้มกันลูกน้องตัวเองได้ทั้งชุด ก็ต้องพกเอาตะกรุดนี้ติดตัวไป
ซึ่งถ้าเป็นสายของหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม หรือวัดบ้านแค หรือหลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ ท่านจะเรียกว่า ตะกรุดแม่ทัพ แต่หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส ท่านเรียกว่า ตะกรุดมหาโจร ก็คือหัวหน้ากองโจรที่ออกไปปล้นค่ายข้าศึก

ก็แปลว่าจริง ๆ แล้วตำราของตะกรุดแม่ทัพ ก็ไปจากยันต์เกราะเพชรซึ่งมาจากธงมหาพิชัยสงครามนั่นเอง เป็นส่วนบทพุทธคุณที่จารึกอยู่บริเวณคอธง เมื่อนำมาชักสูตรสำเร็จเป็นยันต์เกราะเพชรแล้ว ก็มีอุปเท่ห์วิธีการใช้ที่แตกต่างกันไป

เถรี 22-07-2016 21:08

แต่ว่าอานุภาพของยันต์เกราะเพชรที่แท้จริงนั้น อันดับแรก...ถ้าผู้รับยันต์ไปสามารถรักษาเอาไว้ได้จะไม่ตายโหง ก็แปลว่าท่านจะออกรบก็ดี จะเดินทางก็ตาม หรือทำหน้าที่การงานใด ๆ ก็จะไม่ตายด้วยอาการผิดปกติ อัดับที่สอง...ถ้ารับยันต์เกราะเพชรไปแล้วรักษาไว้ได้ สามารถป้องกันพิษของสัตว์มีพิษได้ทุกชนิด อันดับที่สาม...ยันต์เกราะเพชรจะสะท้อนไสยศาสตร์ที่บุคคลอื่นตั้งใจทำใส่เรากลับคืนไปทั้งหมด

วันนี้ตอนพุทธาภิเษก ก็มีนักเลงดีแอบเล่นอาตมาเข้า ป่านนี้ก็น่าจะตะเกียกตะกายไปโรงพยาบาลแล้ว สมน้ำหน้า..! ขอบอกวิธีแก้ที่ง่ายที่สุดโดยไม่ต้องไปหาหมอคือ แค่ตั้งใจมากราบขอขมาพระรัตนตรัยก็จบแล้ว ถ้าหากว่าไม่ยอมมากราบขอขมาพระรัตนตรัยก็จงลำบากต่อไป

ยันต์เกราะเพชรเป็นคู่ศึกของไสยศาสตร์โดยตรง เพราะว่าเป็นพุทธานุภาพ คืออานุภาพของพระพุทธเจ้าท่าน พุทธะ แปลว่า ตื่น ส่วน ไสยะ แปลว่า หลับ ในเมื่อตื่นกับหลับ ความสว่างกับความมืด จึงเป็นคู่ศึกแกกันโดยตรง ท่านใดที่พกยันต์ติดตัวหรือว่ารับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้าสามารถรักษาศีลอย่างน้อย ๒ ข้อได้ ก็คือ การไม่กินเหล้า ซึ่งเป็นการเบียดเบียนตนเองและครอบครัว กับการไม่ลักขโมย ซึ่งเป็นการเบียดเบียนผู้อื่น ท่านก็จะสามารถรักษายันต์เราะเพชรให้คุ้มครองตนเองเอาไว้ได้

ท่านใดที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว จึงควรที่จะเว้นขาดจากแอลกอฮอล์ทั้งปวงและการลักขโมย ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไปกินเอาเหล้าหรือว่ากินอาหารที่ผสมเหล้าเข้าไป วิธีสังเกตชัดที่สุดก็คือ จะรู้สึกร้อนวาบออกผิวหนังไปเลย แปลว่ายันต์เกราะเพชรกลับไปหาพระพุทธเจ้าท่านแล้ว ไม่มีอะไรคุ้มกันเราได้แล้ว ถ้ามีการเป่ายันต์เกราะเพชรเมื่อไ ท่านทั้งหลายก็มารับใหม่ หรือถ้าไม่มีก็แปลว่าเราไม่สามารถที่จะรักษาของดีเอาไว้คุ้มครองป้องกันตนเองได้อีกต่อไป

เถรี 23-07-2016 19:21

แอลกอฮอล์หรือสุราที่อนุญาตให้มีอยู่อย่างเดียว ก็คือ ยาดองเหล้าหรือว่ายาผสมเหล้าตามสูตร ถ้ายาผสมเหล้าตามสูตรสามารถกินได้ แต่ต้องกินตามที่หมอสั่ง ซึ่งสูงสุดก็ไม่เกิน ๓๐ ซีซี หรือโบราณเรียกว่า ๑ เปก ถ้ากินมากกว่านั้นยันต์เกราะเพชรก็ไม่อยู่ด้วยเหมือนกัน

ดังนั้น...จำวิธีรักษายันต์เกราะเพชรไว้ให้แม่น ๆ ว่าพวกเราต้องรักษาศีลให้ได้อย่างน้อย ๒ ข้อ ก็คือ ไม่ลักขโมยและไม่กินเหล้า ไม่ว่าจะเป็นเบียร์เป็นไวน์ก็เหมือนกัน หรืออาหารที่ผสมเหล้าทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นช็อโกล็ต ไอศกรีม ขนมเค้ก หรือว่าบรรดาอาหารป่าที่นิยมใส่เหล้า โปรดงดเว้นอย่างเด็ดขาด

ถ้าหากว่าเรารักษายันต์เกราะเพชรได้แล้ว ยังต้องคอยปลุกเอาไว้ทุกวัน ท่านใดที่มีความขยัน ตื่นเช้าขึ้นมาก็ให้ภาวนาอิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ เต็มบทสัก ๓ จบ ให้กำลังใจของเราทรงตัวมั่นคง แล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง ยันต์เกราะเพชรจะคุ้มครองรักษาท่านได้ทั้งวัน หรือถ้าใครมีเวลาน้อย ให้ภาวนาพุทโธจนกำลังใจทรงตัวก็ได้ แล้วกลืนน้ำลาย ๓ ครั้ง อำนาจยันต์เกราะเพชรก็จะรักษาท่านได้ทั้งวัน

ตัวอย่างบุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้วมีอานุภาพตามที่ได้กล่าวมา อาตมายกตัวอย่างโยมแม่ตนเองอยู่เสมอ เพราะว่าโยมแม่ของอาตมามีบารมีมาก อยู่ห่างจากถนน ๓๐ เมตรยังมีราชรถสิบล้อมาเกย กระดูกด้านขวาตั้งแต่กรามลงไปจนถึงหน้าแข้งหักหมดทุกชิ้น นอนอยู่ห้องไอซียูจนถึงวันที่ ๑๘ อาตมาก็ไปถวายสังฆทานกับหลวงพ่อวัดท่าซุง กราบเรียนว่า “ไม่ทราบเหมือนกันว่าแม่จะรอดหรือเปล่า ? กระผมขออนุญาตถวายสังฆทานทำบุญให้แม่ล่วงหน้าเลยครับ”

หลวงพ่อท่านถามว่า "แม่แกรับยันต์เกราะเพชรไปบ้างหรือเปล่า ?" กราบเรียนท่านว่า "รับหลายครั้งแล้วครับ" ท่านบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นรับรองว่าไม่ตาย" และก็เป็นความจริง
จากที่ใคร ๆ เห็นก็บอกว่าตายแน่นอน รักษาตัวอยู่ ๓ ปีก็หายเป็นปกติตามเดิม

เถรี 23-07-2016 19:35

ก็แปลว่าบุคคลที่ไม่ถึงอายุขัย ถ้ารับยันต์เกราะเพชรไปแล้วจะไม่ตายโหงจริง ๆ ตัวอย่างบุคคลอีกท่านหนึ่งก็คือ ดาราที่ชื่อ จารุณี สุขสวัสดิ์ ซึ่งสมัยประมาณปี พ.ศ. ๒๐ กว่า ๆ ขึ้นมา ช่วงนั้นโด่งดังมาก หนังทุกเรื่องถ้าไม่มีนางเอกชื่อจารุณี สุขสวัสดิ์ จะขายสายหนังไม่ได้ ไปเล่นหนังเรื่องลูกสาวกำนัขับเรือด่วนชนตอม่อสะพานกระดูกสันหลังหัก แต่ปรากฏว่าจารุณีมารับยันต์เกราะเพชรที่วัดท่าซุงไปแล้ว รักษาตัวไม่นานก็หาย แต่ว่าทุกวันนี้ก็บ่นว่าปวดหลังอยู่เป็นประจำ เพราะแตกหักไปแล้วจะให้ดีเหมือนเดิมก็คงจะยาก

สำหรับการป้องกันสัตว์มีพิษนั้น อาตมาเป็นคนลองมาด้วยตัวเองโดยไม่เจตนา เพราะวันนั้นงูกะปะมากินลูกไก่ อาตมาก็จับยัดใส่ไว้ในกรงดักหนู เนื่องจากว่าเป็นเวลาค่ำคืนแล้วไม่สามารถจะเดินทางไปปล่อยที่ไหนได้ ตอนเช้าหลังจากฉันเช้าเสร็จจะเอาไปปล่อย ก็เปิดกรงดักหนูล้วงเอางูออกมา เจ้างูก็เลื้อยดิ้นหนี ดิ้นจากมือขวาอาตมาก็เอามือซ้ายจับ ดิ้นจากมือซ้ายก็เอามือขวาจับ พอดิ้นจากมือขวาเอื้อมมือซ้ายอีกทีโดนฉกเข้าที่ชีพจรข้อมือพอดี ๔ เขี้ยวเต็ม ๆ..!

อาตมาก็จัดแจงบีบปากให้ง้างออก แล้วก็เอาไปปล่อย หลังจากนั้นก็กลับมาเอาน้ำประปาล้างแผล ทาด้วยยาเบตาดีน สบายดีมาจนทุกวันนี้ทั้งที่ไม่เคยไปหาหมอ แปลว่าถ้าท่านทั้งหลายรักษายันต์เกราะเพชรเอาไว้ได้ จะสามารถป้องกันสัตว์มีพิษได้ทุกชนิดจริง ๆ


เถรี 23-07-2016 19:35

อีกครั้งหนึ่งอาตมาไปเหยียบ งูเข้าเต็ม ๆ เป็นงูตระกูลงูแมวเซาที่โบราณเขาเรียกว่า งูกล่อมนางนอน เนื่องจากว่าช่วงนั้นอยู่ที่เกาะพระฤๅษีแล้วน้ำท่วม บรรดางูก็ขึ้นมาหาที่นอนกัน อาตมาเองใส่แว่นมองไม่ชัดคิดว่าเป็นกิ่งไม้ เหยียบเข้าไปเต็ม ๆ เจ้างูก็ฉกเข้าเต็มหลังเท้าเหมือนกัน อาตมาสลัดเท้าไปข้างหน้า ทั้งงูทั้งรองเท้าบินเฉียดหัวพระครูน้อยไปนิดเดียว..!

ก็ใช้วิธีเดิมเอาน้ำล้างแล้วก็ทายา แต่ไม่ใชว่าพิษงูจะไม่มีผล เพราะว่าพิษงูยังคงทำงานตามปกติ ก็คือวิ่งจากจุดที่โดนกัดขึ้นมาข้างบน ตอนที่โดนกัดที่ข้อมือก็วิ่งมาถึงข้อศอก แต่ไม่สามารถจะพ้นจากข้อศอกไปได้ เพราะยันต์เกราะเพชรกันเอาไว้ให้ จึงโดนดันกลับไปที่บาดแผล แล้วก็วิ่งจากบาดแผลมาที่ข้อศอกอีก ๓-๔ วาระด้วยกัน ประมาณครึ่งชั่วโมงก็สลายไปเฉย ๆ

ตอนที่โดนกัดที่เท้าก็ลักษณะเดียวกัน ก็คือ วิ่งขึ้นมาได้ไม่เกินหัวเข่า
แต่ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายโดนงูกัด อาตมาขอแนะนำว่าให้ไปหาหมอ เพราะไม่แน่ใจว่าท่านทั้งหลายจะสามารถรักษาศีล ๒ ข้อได้เคร่งครัดแค่ไหน ส่วนอาตมาเองเป็นพระ ถ้ารักษาศีล ๒ ข้อที่หลวงปู่ปานขอไว้ไม่ได้ มีการไปลักขโมยเขา หรือมีการไปดื่มสุราเมรัย ก็ถือว่าสมควรตาย...!

เถรี 23-07-2016 19:40

ในส่วนของอานุภาพเกี่ยวกับการสะท้อนไสยศาสตร์กลับไปนั้น อาตมาจะไม่ยกตัวอย่างของตนเองเพราะต้องเอ่ยถึงคนทต้องบอกว่าช่วยรักษาหน้าเขาไว้หน่อย แต่ที่จะเอ่ยถึงก็คือรุ่นพี่ที่บวชอยู่วัดท่าซุง ก็คือ หลวงพี่สามารถ ฐานิสฺสโร หรือนามสกุลเดิมคือ สุขสาธุ ตอนนี้ท่านสึกหาลาเพศไปนานแล้ว

ตอนนั้น
หลวงพี่สามารถยังบวชอยู่ ท่านไปธุดงค์ทางด้านเหนือ ไปพักอยู่บริเวณถ้ำตับเตาซึ่งตอนนั้นยังไม่เป็นสำนักสงฆ์ ยังไม่เป็นวัด ไปเจอพระอาคันตุกะรูปหนึ่ง ก็เข้าไปปฏิสันถาร แต่ท่านไม่คุยด้วย หลวงพี่สามารถท่านเห็นว่าเขาไม่คุยด้วย ไม่ยินดีด้วย ท่านก็ปลีกตัวไปปักกลดอยู่ด้านหนึ่ง ทำการสวดมนต์ภาวนาของตนเองไปตามปกติ

ปรากฏว่าตอนใกล้สว่างพระรูปนั้นวิ่งมาที่กลด บอกว่า“ท่าน...พอทีเถอะ ๆ ผมยอมแพ้แล้ว” หลวงพี่สามารถก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นวะ ? ท่านก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะว่าท่านก็แค่สวดมนต์ภาวนา อาราธนาวัตถุมงคลเป็นปกติของตน เรื่องปรากฏชัดตอนออกบิณฑบาต พระรูปนั้นทิ้งผ้าผ่อนจีวรหมด เดินแก้ผ้าบ่นพึมพำเข้าไปในหมู่บ้าน ญาติโยมต้องช่วยกันจับเพื่อที่จะให้นุ่งผ้าใหม่ พอนุ่งผ้าได้ท่านก็ทึ้งผ้าทิ้งอีก หลวงพี่สามารถถึงได้เฉลียวใจว่า ดูท่าพระรูปนั้นจะทำไสยศาสตร์เล่นงานท่านเพื่อเป็นการลองของ แต่ด้วยความซวย ดันไปทำใส่ลูกศิษย์สายวัดท่าซุง หรือสายหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ที่รับยันต์เกราะเพชรมาแล้ว เมื่อโดนสะท้อนกลับไป ตัวเองตั้งใจทำเขาหนักเท่าไ ก็จะได้รับกลับไปหนักเท่านั้น

ซึ่งวิธีแก้ก็เหมือนกับที่เมื่อครู่ที่อาตมาแนะนำท่านที่บังอาจมาทำเล่นที่นี่ว่า "ไอ้ไสยศาสตร์กระจอก ๆ ของคุณอย่าเสียเวลามาทำแถวนี้ คุณจะเดือดร้อนเอง วิธีแก้ไขก็คือ ให้กราบขอขมาพระรัตนตรัยอย่างจริงใจ แล้วถ้าเป็นไปได้ก็คือเลิกวิชาไปเลย ท่านก็จะหายจากอาการป่วยจากที่ตั้งใจทำคนอื่นแล้วตัวเองโดนเข้าไป ถือว่าแนะนำให้ด้วยความเมตตา" ถ้าญาติโยมจนกระทั่งพระภิกษุสามเณรไปเจอใครที่มีอาการแบบนี้ ซึ่งเกิดจากไปทำไสยศาสตร์ใส่บุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้าเมตตามาก ก็ช่วยแนะนำเขาหน่อยว่าต้องแก้ไขอย่างไร ถ้าเมตตาน้อยก็ภาวนาอิติปิ โสฯ ซ้ำไปเลย..!

เถรี 23-07-2016 20:02

การรับยันต์เกราะเพชรหรือการเป่ายันต์เกราะเพชรนั้น ไม่ใช่เป่าทีละคน แต่ว่าเป่าทีละศาลา จะกี่ร้อยกี่พันคนก็สามารถรับยันต์พร้อม ๆ กันได้ จะอยู่มุมไหนของโลกก็สามารถรับยันต์ได้ เพราะเป็นบารมีพระพุทธเจ้าท่านสงเคราะห์ การจัดพิธีกรรมนี้จะเกิดขึ้นได้ก็เฉพาะวันที่เป็นวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำเท่านั้น และต้องเป็นคำสั่งครูบาอาจารย์หรือพระท่านสั่งเท่านั้นถึงจะทำได้

ปัจจุบันอาตมาเจอหลายสำนักบอกว่าสืบสายมาจากหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ศึกษาวิชามาจากหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค แต่ว่าเป่ายันต์เกราะเพชรทั้งวันเสาร์วันอาทิตย์บ้าง เป่ายันต์ได้ทุกวันบ้าง เป่าได้ทุกเวลาที่ญาติโยมไปหาบ้าง ซึ่งประเภทนั้นเขาเก่งเกินไป อาตมาสู้ไม่ได้ เพราะอาตมาจะทำได้ก็เฉพาะที่ครูบาอาจารย์ท่านสั่งเท่านั้น

การครอบครูในสมัยที่อยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสั่งเอาไว้ชัดเจนว่า “การเป่ายันต์เกราะเพชร อันดับแรก ต้องมีทิพจักขุญาณแจ่มใส ติดต่อกับพระท่านได้โดยตรง เมื่อพระท่านสั่งให้ทำอย่างไรให้ปฏิบัติตามเช่นนั้น ข้อที่ ๒ อย่าใช้กำลังสมาธิสมาบัติของตนเองเป็นอันขาด เพราะกำลังของเราไม่สามารถทำได้ถึง ๒ เปอร์เซ็นต์ของพระท่าน ข้อที่ ๓ อยู่ที่วัดไหนให้ทำเฉพาะวัดนั้น ไม่ใช่ใครเขาจ้างก็เดินสายไปรับจ้างเป่ายันต์ให้ ถ้าทำอย่างนั้นท่านใช้คำว่า "เป่าไม่ติด" ก็คือไม่เกิดผล ประการสุดท้ายก็คือ การเป่ายันต์เกราะเพชรต้องเป็นไปเพื่อสงเคราะห์คนหมู่มากเท่านั้น เพราะว่าการเป่ายันต์เกราะเพชรถือเป็นการสะเดาะเคราะห์อย่างหนึ่ง

ท่านที่รับยันต์เกราะเพชรไปในปีนั้น จากเคราะห์หนักก็จะเป็นเบา จากเบาก็จะเป็นหาย บางท่านอาจจะต้องถึงแก่ชีวิตก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อย ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ท่านจำเป็นจะต้องสังวรระวังเอาไว้เอง ไม่ใช่ว่ารับยันต์ไปแล้วก็ประมาท ไม่มีการป้องกันรักษาใด ๆ เลย

เถรี 23-07-2016 20:04

เมื่อรับยันต์เกราะเพชรไป จะทราบได้อย่างไรว่าเราได้รับยันต์นั้นแล้ว ? ก็คือในช่วงที่เริ่มพิธีกรรม ถ้าท่านทั้งหลายหลับตาภาวนา เมื่อถึงเวลาแล้วเกิดอาการร้อนหูร้อนหน้า หนักหัว หนักไหล่ หรือว่ามีอาการขนลุกเป็นพัก ๆ หรือเหมือนอย่างกับมีมดแมลงไต่อยู่ตามตัว ให้รู้ว่ายันต์เกราะเพชรกำลังเข้าสู่ตัวของท่านแล้ว ให้ตั้งใจภาวนานึกถึงพระอย่างเดียว

ในระหว่างที่รับยันต์เกราะเพชรก็ให้พนมมือที่มีธูปสามดอก เทียนหนึ่งเล่ม ซึ่งเป็นเครื่องบูชาคุณพระรัตนตรัย นึกถึงภาพพระประธานในศาลาหรือภาพยันต์เกราะเพชรก็ได้ ให้ครอบตัวของเราลงมา จนกว่าอาตมาจะบอกว่าเต็มแล้วก็ให้เลิกได้

ในขณะที่ท่านภาวนาอยู่หากว่าผู้ใดมีสิ่งไม่ดีแงมา ไม่ว่าจะเป็นไสยศาสตร์หรือผีเจ้าเข้าสิงก็ตาม อาตมาขอบารมีขอท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ พร้อมทั้งอินทกะและบริวารให้สงเคราะห์ช่วยขับไล่สิ่งเหล่านี้ให้ ท่านที่มีสิ่งแฝงมา จะส่งเสียงร้องก็ดี จะดิ้นก็ดี ท่านที่อยู่ใกล้ไม่ต้องไปสนใจ

ท่านที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว มีหน้าที่คือต้องรักษาศีล ๒ ข้อ ก็คือ ห้ามลักขโมยกับห้ามกินเหล้า กับหน้าที่ในการต้องภาวนาปลุกยันต์เกราะเพชรไว้ทุกเช้า ก็จะสามารถป้องกันอันตรายดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

เถรี 24-07-2016 19:09

เป่ายันต์รอบบ่าย

เรื่องของยันต์เกราะเพชรต้องบอกว่า เป็นมรดกตกทอดมาจากพระร่วงสมัยสุโขทัย ตำราพระร่วงเล่มนี้ถ่ายทอดต่อ ๆ กันมาในสายตระกูล จนกระทั่งมาถึงหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ซึ่งหลวงปู่ปานศึกษาตามตำราแล้วที่นำมาใช้ชัดเจนที่สุด ก็คือ เรื่องของยันต์เกราะเพชร ท่านทำทั้งตะกรุดยันต์เกราะเพชร ลูกอมผงยันต์เกราะเพชร แล้วก็ผ้ายันต์เกราะเพชร ตลอดจนกระทั่งวิธีการเป่ายันต์เกราะเพชร
ซึ่งตามตำราจะต้องใช้วันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำเท่านั้น

การเป่ายันต์ก็ไม่ใชเป่าหัวกันทีละคน แต่เป่าพร้อมกันทั้งศาลา จะกี่ร้อยกี่พันคนก็ได้ อุปกรณ์ในการรับยันต์เกราะเพชรก็คือธูป ๓ ดอกเทียน ๑ เล่ม เพื่อเป็นการบูชาพระ เทียนก็ต้องให้ได้น้ำหนัก ๑ บาท ก็คือโตประมาณนิ้วชี้ ยาวประมาณคืบหนึ่ง

ยันต์เกราะเพชรนั้นมาจากส่วนหนึ่งของธงมหาพิชัยสงคราม ซึ่งเป็นธงนำทัพในสมัยพระร่วง เป็นบทสรรเสริญพระพุทธคุณก็คือ อิติปิ โสฯ ทั้งบท เมื่อนำมาเขียนลงเป็นแถว ๆ แบบตัวหนังสือจีน รวมทั้งหมด ๘ แถว แถวละ ๗ ตัว ได้ ๕๖ อักขระแล้วก็ชักสูตร สำเร็จออกมาเป็นยันต์เกราะเพชร ซึ่งจะมีอุปเท่ห์คือวิธีการใช้หลายแบบด้วยกัน

แต่อานุภาพของยันต์เกราะเพชรที่เห็นชัดที่สุดที่ท่านได้กล่าวถึง ก็คือ บุคคลที่รับยันต์เกราะเพชรแล้ว ถ้าหากว่ารักษาเอาไว้ได้ อันดับแรกจะไม่ตายโหง ก็แปลว่าในเรื่องของการตายแบบผิดปกติ ด้วยอุบัติเหตุอะไรต่าง ๆ จะไม่มี อันดับที่ ๒ ก็คือจะไม่ตายด้วยพิษของสัตว์มีพิษ ซึ่งอาตมาเองลองด้วยตนเองมาหลายทีแล้ว แม้แต่งูที่มีพิษร้าย ไม่มีเซรุ่มรักษาอย่างงูกะปะ อาตมาก็โดนกัดมาแล้ว ไม่เป็นอะไรจริง ๆ



เถรี 24-07-2016 19:12

ผู้ที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้ว ถ้าสามารถรักษาเอาไว้ได้ จะมีอำนาจในการสะท้อนกลับไสยศาสตร์ทุกประเภท ใครก็ตาม...ถ้าตั้งใจทำอันตรายผู้ที่รับยันต์เกราะเพชรไปแล้วด้วยไสยศาสตร์ สิ่งที่เขาทำนั้นจะสะท้อนย้อนกลับไปทำร้ายตัวเจ้าของเขาเอง เขาตั้งใจทำให้เราเดือดร้อนสาหัสแค่ไหน ตัวเขาก็จะโดนกลับไปแค่นั้น เพราะว่ายันต์เกราะเพชรเป็นคู่ศึกกับไสยศาสตร์โดยตรง เพราะว่าเป็นพุทธศาสตร์ ก็คือความรู้ของพระพุทธเจ้า

พุทธะ แปลว่า ผู้ตื่น ไสย แปลว่า ผู้หลับ ดังนั้น...เวลาเรานอนถึงได้เรียกว่า ไสยา แปลว่า การนอน ในเมื่อเป็นสิ่งตรงกันข้ามกัน ก็จะทำลายล้างกันโดยอัตโนมัติ ยันต์เกราะเพชรก็เหมือนกับแสงสว่าง ถ้ามีแสงสว่างเข้ามา ไสยศาสตร์ที่เป็นความมืดก็จะถอยไป หายไป ไม่สามารถที่จะทนอยู่ได้

เถรี 24-07-2016 19:13

ในการพุทธาภิเษกช่วงเช้าที่ผ่านมา กับการเป่ายันต์เกราะเพชรรอบเช้าตอนสิบโมง อาตมาเองก็ยังหนักใจอยู่ เพราะพระท่านบอกว่าภัยธรรมชาติที่หนัก ๆ นั้นจะเริ่มเข้ามาในประเทศไทยของเรา โดยเฉพาะปีนี้เรื่องน้ำจะมาหนัก ส่วนที่จะโดนมากก็เป็นปักษ์ใต้

เถรี 24-07-2016 19:21

งานพุทธาภิเษกพระขุนแผนเกราะเพชรและเหรียญพุทธบารมีงวดนี้ ปกติในการพุทธาภิเษกแต่ละครั้ง จะมีคาถาเฉพาะที่ท่านให้ภาวนา อาตมาศึกษาคาถาการทำขุนแผนมาจากสายหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ปรากฏว่าพอเริ่มภาวนา พระท่านบอกว่าไม่ต้อง ให้ภาวนาพระคาถาบารมี ๓๐ ทัศ ต่อด้วยนะโมพุทธายะ อธิษฐานภาพพระครอบตัวเราไว้ทุกวัน หรือว่าครอบบ้านของเราเอาไว้ทุกวัน ครอบคนที่เรารักเอาไว้ทุกวัน เพื่อป้องกันอันตรายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะอันตรายจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม เป็นต้น

ดังนั้น...ใครที่ใช้วัตถุมงคลทางสายวัดท่าซุง หรือสายวัดท่าขนุนนี้ก็ตาม ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ให้ภาวนาพระคาถาบารมี ๓๐ ทัศ ต่อด้วยนะโมพุทธายะให้เป็นปกติ

เถรี 24-07-2016 19:25

เรื่องของกองกรรมฐานต่าง ๆ เราทำตามปกติของเรา พออารมณ์ใจทรงตัวแล้ว ก็มาจับภาวนาคาถาทั้งสองบทนี้ต่อเนื่องกันไป เพื่อที่จะได้บรรเทากรรมใหญ่ของประเทศชาติและตัวเอง สิ่งที่โดนหนักก็จะได้เป็นเบา สิ่งที่เบาจะได้เป็นหาย โดยเฉพาะบ้านเราซึ่งอยู่ได้ด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ปัจจุบันพระองค์ท่านก็ทรงพระประชวร รักษาพระองค์อยู่ในโรงพยาบาลมาโดยตลอด แล้วพระองค์ท่านก็อายุกาลผ่านวัยถึง ๘๙ พรรษาแล้ว ซึ่งถ้าจะว่ากันตามแบบของโบราณ หรือพูดกันแบบคนทั่วไป ก็คือ ไม่รู้ว่าจะตายวันตายพรุ่งเมื่อไร

ปัจจุบันนี้หลายสิ่งหลายอย่างที่ดีอยู่คงอยู่ เป็นไปด้วยพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรา ถ้าหากว่าสิ้นพระองค์ท่านเมื่อไร เขาไม่มีอะไรต้องเกรงใจ สิ่งที่เคยโดนกดเอาไว้ อย่างเช่นภัยธรรมชาติต่าง ๆ ก็ดี ภัยสงครามก็ตาม อาจจะประดังหนักมาทีเดียว จึงเป็นเรื่องที่น่าหนักใจมาก อาตมาเองก็กล่าวเตือนญาติโยมได้แค่นี้ ไม่สามารถที่จะบอกอะไรให้ชัดเจนไปกว่านี้ได้ เพราะเป็นการฝืนกฎของกรรมจนเกินไป จึงเป็นเรื่องที่ญาติโยมจะต้องรักษาตัวเอง ด้วยการภาวนารักษากำลังใจของเราให้ดี เพื่อที่จะได้ผ่อนกรรมของตัวเรา และคนในครอบครัวของเราให้เบาลง

เถรี 24-07-2016 19:26

เพราะว่าเรื่องของกรรมนั้น เราไม่สามารถที่จะสะเดาะเคราะห์แก้ไขได้ แต่ว่ากรรมนั้นเหมือนอย่างกับน้ำเค็ม ถ้ามีน้ำเค็มอยู่แก้วหนึ่ง เราไม่สามารถจะดื่มได้ เพราะน้ำนั้นเค็มมาก แต่ถ้าเราสร้างความดีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เคราะห์กรรมนั้นก็เหมือนกับถูกเติมด้วยน้ำจืดไปเรื่อย ท้ายสุดเมื่อเติมน้ำจืดมาก ๆ เข้า น้ำเค็มก็ไม่ได้หายไปไหน แต่รสเค็มไม่มี

ดังนั้น...ในเรื่องของการแก้ไขกรรม จึงจำเป็นต้องปฏิบัติใน ทาน ศีล ภาวนา ให้เข้มข้น โดยเฉพาะตัวภาวนาที่เป็นบุญใหญ่ที่สุดในพระพุทธศาสนาของเรา จะได้ผ่อนคลายบรรเทากรรมของประเทศชาติและตัวเรา ตลอดจนครอบครัวให้เบาลง

ถามว่าทำไมถึงต้องเป็นกรรมของคนส่วนรวมทั้งประเทศ ก็เพราะว่าในอดีตชาติ หลาย ๆ ชาติ ในสมัยที่ยังนิยมการเผยแผ่พระราชอำนาจ ด้วยการทำศึกทำสงครามกับประเทศอื่น พวกเราก็เคยไปปล้นบ้านตีเมืองคนอื่นเขามา เมื่อถึงเวลากรรมส่วนนี้ตามมาทัน ทรัพย์สินตลอดชีวิตของเรา ก็จะโดนทำลายด้วยภัยธรรมชาติไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจากรวมหัวไปทำเป็นจำนวนมาก ก็จะโดนไปด้วยกันพร้อมกันเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ไฟไหม้ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด เป็นต้น

เถรี 24-07-2016 19:28

เพียงแต่ว่า...ถ้าผู้ใดมีความมั่นคงอยู่ในพระพุทธศาสนา มีการภาวนาไว้เป็นปกติ ก็ต้องเอาคำพูดของครูบาอาจารย์ ที่อาตมาเคารพรักยิ่งมาตั้งแต่เด็กองค์หนึ่งก็คือ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม

ท่านบอกว่า
ถ้ากำลังใจเราภาวนาได้สูงสุด ปืนยิงไม่ออก ถ้ากำลังใจลดต่ำลงมานิดหนึ่ง ปืนยิงออกก็ไม่ถูก ถ้ากำลังใจต่ำลงมาอีกนิดหนึ่ง ปืนยิงถูกก็ไม่เข้า ก็แปลว่าการอยู่ยงคงกระพันนั้น ความจริงแล้วเป็นกำลังใจที่ใช้ไม่ได้ด้วยซ้ำไป ถ้าหากว่ากำลังใจแย่กว่านั้น โดนยิงเข้าก็ไม่ตาย เพราะบุญยังรักษาเราอยู่ ท้ายที่สุดถ้าเคราะห์กรรมหนักหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงโดนยิงตายก็ยังไปสุคติ มีโลกสวรรค์ เป็นต้น เพราะตอนนั้นกำลังใจของเราเกาะความดีในการภาวนาอยู่

เถรี 25-07-2016 15:39

ดังนั้น...ในเรื่องภัยธรรมชาติต่าง ๆ ที่พระท่านกล่าวเตือนมาก็ดี อาตมานำมาบอกเล่าเพิ่มเติมก็ดี จำเป็นที่ท่านทั้งหลายต้องช่วยตัวเองและครอบครัว ตลอดจนประเทศชาติ ด้วยการภาวนาไว้ให้เป็นปกติ ถ้าใครไม่รู้จักพระคาถาบารมี ๓๐ ทัศ ให้ลูกหลานที่เข้าอินเตอร์เน็ตเป็นไปค้นดู จะได้ตัวพระคาถามาเอง

อาตมาจะบอกตรงนี้ให้ฟัง แต่คาดว่า
ถ้าไม่เคยภาวนามาก่อนคงจะจดจำไม่ได้ พระคาถามีว่า อิติ ปาระมิตา ติงสา อิติ สัพพัญญู มาคะตา อิติ โพธิ มะนุปปัตโต อิติปิ โส จะ เตนะโม แล้วต่อด้วย นะโมพุทธายะ ภาวนาติดเป็นบทเดียวกันไป ทำอย่างนี้ไว้ทุกวัน อธิษฐานภาพพระให้ครอบตัวของเรา หรือครอบครัวของเรา หรือบ้านของเราเอาไว้ จะได้ผ่อนกรรมหนักให้เป็นกรรมเบาลง ก็แปลว่าท่านทั้งหลายจะต้องใช้ อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ คือ ตนเป็นที่พึ่งของตน

ในเรื่องของกรรมนั้น ไม่ว่าพระ หรือพรหม หรือเทวดาก็ตาม ท่านจะช่วยได้ไม่เกินกฎของกรรมเท่านั้น ถ้าดูตัวอย่างพระโมคคัลลานะ อัครสาวกเบื้องซ้ายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอดีตเคยทุบตีพ่อแม่ตนเองจนถึงแก่ความตาย พอมาในชาติปัจจุบันแม้พระองค์ท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว ก็ยังโดนโจรที่พวกเดียรถีย์จ้างมาฆ่า ทุบจนกระดูกป่นเท่าเม็ดข้าวสาร

ในตำราว่า ถ้าจับปลายเท้ายกขึ้นกระดูกทั้งหมดจะไหลไปรวมกันที่ศีรษะ ถ้าจับด้านศีรษะยกขึ้นกระดูกทั้งหมดจะไหลไปรวมกันทางปลายเท้า แสดงว่าหนังเหนียวเป็นพิเศษ แต่ไม่สามารถจะทนความหนักได้จึงโดนเขาทุบตาย นั่นระดับพระอรหันต์ผู้เลิศด้วยอภิญญาก็หนีกรรมไม่พ้น

เถรี 25-07-2016 15:40

ในส่วนของพวกเราจำเป็นต้องพึ่งบารมีพระ เกาะพระไว้ทุกวันให้เป็นปกติ ถ้าสามารถเกาะได้ทุกลมหายใจเข้าออกทั้งวันทั้งคืนยิ่งดี เพราะภัยธรรมชาติทั้งหลายเหล่านี้ ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าจะมาถึงตัวเราเมื่อไร ถ้าเราช่วยกันบำเพ็ญภาวนา กระแสความดีมีมากพอก็ต้านให้มาช้าลง หรือไม่ก็ผ่อนหนักเป็นเบา แต่ถ้าหากว่ากำลังไม่พอโดนไปเต็ม ๆ ตามเวรตามกรรมที่เราสร้างเอาไว้ ถ้าเป็นท่านที่ไม่มีการบำเพ็ญภาวนาเลยก็อาจจะถึงแก่ชีวิต ทรัพย์สินสูญหายหมด คนในครอบครัวอาจจะเสียชีวิตทั้งหมด เป็นต้น

ดังนั้น เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เราต้องทำเพื่อตัวเราเอง ถ้าเราทำเพื่อตัวเราเอง คือ เราทำเพื่อครอบครัว ถ้าทุกครอบครัวช่วยกันทำก็จะเป็นการทำเพื่อประเทศชาติ

เถรี 25-07-2016 15:43

ธูปเทียนที่ใช้ในการรับยันต์เกราะเพชร ญาติโยมเอาไปบูชาที่บ้านได้เผื่อมีอะไรจะต้องบนพระบนเทวดา จุดธูปเทียนในการเป่ายันต์ก็จะสามารถที่จะสื่อกันได้ง่ายกว่าปกติ ส่วนท่านใดที่ไปเจอผีเจ้าเข้าสิงที่ไหน ให้นำธูปเทียนในงานเป่ายันต์ฯ จี้ใส่ว่าคาถา นะโมพุทธายะ ผีจะทนอยู่ไม่ได้ ต้องออกไปก่อน ก็แปลว่าธูปเทียนในงานเป่ายันต์ฯ มีอานุภาพคล้ายกับมีดหมอนั่นเอง


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
งานบวงสรวงไหว้ครู พุทธาภิเษก เป่ายันต์เกราะเพชร

วันเสาร์ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๕๙
ณ ศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย วัดท่าขนุน
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธและทาริกา)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:08


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว