กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=40)
-   -   ปกิณกธรรมงานบวชเนกขัมมปฏิบัติ วันอาสาฬหบูชา ปี ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6113)

เถรี 07-04-2018 22:50

ปกิณกธรรมงานบวชเนกขัมมปฏิบัติ วันอาสาฬหบูชา ปี ๒๕๖๐
 
สิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนไว้นั้น เป็นความดีจริงแท้ที่เราจะต้องขวนขวายและปฏิบัติตาม แต่อย่าปฏิบัติเฉพาะในตอนที่มีการจัดปฏิบัติธรรมของทางวัดเท่านั้น เพราะว่ากิเลสไม่ได้รอกินเราตอนวัดจัดการปฏิบัติธรรม แต่กิเลสกินเราอยู่ตลอดเวลา ทั้งหลับทั้งตื่น ทั้งยืนทั้งนั่ง เผลอเมื่อไร รัก โลภ โกรธ หลง ก็ไล่ตะครุบ ไล่ฟัดเรา

เพราะฉะนั้น...สิ่งที่ควรทำที่สุดก็คือ พยายามรักษาอารมณ์การปฏิบัติเอาไว้ให้ได้ทุกนาทีที่ต้องการ ทันทีที่ รัก โลภ โกรธ หลง เกิดขึ้น ต้องรีบวิ่งเข้าหาฌานสมาบัติไว้ก่อน ถ้าเราสามารถทรงฌานได้ทันทีทันใดตามที่ต้องการ กิเลสจะถอยไปเอง เพราะว่าสู้เราไม่ได้

ในเมื่อกิเลสถอยไป เราจะเป็นบุคคลที่มารมองไม่เห็น นี่เป็นพระโอวาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เนื่องเพราะว่าบุคคลที่ทรงฌานเอาไว้ได้ รัก โลภ โกรธ หลง ไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ชั่วคราว ในเมื่อเสนามารเหล่านี้ไม่สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ ก็ไม่สามารถรายงานให้พญามารรู้ได้ว่า ตอนนี้เราทำอะไร เราเป็นอะไร พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า บุคคลที่ทรงฌานได้ จะเป็นบุคคลที่มารมองไม่เห็น แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะทำให้มารมองไม่เห็นได้ตลอดเวลา เนื่องเพราะว่าเราเผลอสติเมื่อไร รัก โลภ โกรธ หลง ก็กลับคืนมา เราก็จะตกเป็นทาสของมารต่อไปตามเดิม

เถรี 07-04-2018 22:53

ดังนั้น...จึงควรอย่างยิ่งที่เราจะสละกิเลสร้อยรัดที่หยาบ ๆ รอบ ๆ ตัวของเราออกไป พยายามให้เหลือเพียงปัจจัยสี่ คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค มีแค่นี้เราก็อยู่รอดได้แน่นอน ไม่จำเป็นต้องมีสิ่งเหลือเฟืออื่นใดอีก ปัจจัยอื่นล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องถ่วงให้เราติดข้องอยู่กับวัฏฏะทั้งสิ้น เหมือนกับหัวรถจักรจะวิ่งขึ้นที่สูง แต่มีสิ่งเกี่ยว สิ่งพ่วง สิ่งข้องอยู่มากมาย แล้วจะไปได้อย่างไร ?

ครูบาอาจารย์ไม่ใช่ผู้วิเศษที่จะเสก หรือบันดาลให้พวกเราบรรลุมรรคผลได้ในทันทีทันใด สิ่งที่ท่านบอกเป็นเพียงแนวทาง แล้วเราก็น้อมนำไปปฏิบัติ แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นเช่นนี้ พระองค์ท่านตรัสว่า อักขาตาโร ตถาคตา แม้แต่ตถาคตก็เป็นเพียงผู้บอกเท่านั้น ส่วนบอกแล้วจะเดินตามหรือไม่ เป็นเรื่องของท่านทั้งหลายจะต้องพิจารณากันเอง

เถรี 07-04-2018 22:57

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ตัวเราจะไปหวังว่าครูบาอาจารย์ท่านนี้มีความสามารถ ครูบาอาจารย์ท่านนั้นมีชื่อเสียงโด่งดัง ไปหาท่านแล้วหวังให้ท่านสวด ท่านเสกให้เราเป็นพระโสดาบัน เป็นพระสกทาคามี เป็นพระอนาคามี เป็นพระอรหันต์ นั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ชัดเจนว่า สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง นาญโญ อัญญัง วิโสธเย ความบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตน บุคคลหนึ่งจะยังอีกบุคคลหนึ่งให้บริสุทธิ์หาได้ไม่ แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่สามารถที่จะบันดาลให้เราบรรลุมรรคผลได้

เราต้องใช้ความเพียรพยายามเอง ดังที่พระองค์ท่านตรัสว่า อัตตา หิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน โก หิ นาโถ ปโร สิยา ใครอื่นใดจะเป็นที่พึ่งของเราได้ อัตตา หิ สุทันเตนะ ก็ตัวเรานั่นแหละที่ฝึกฝนตนเองดีแล้ว นาถัง ลภติ ทุลลภัง จะเป็นที่พึ่งอันหาได้โดยยาก ไม่ต้องไปหวังพึ่งใคร ได้แนวทางมาจากครูบาอาจารย์ท่านใดแล้วชอบใจ ก็ให้เร่งปฏิบัติไป อย่าเที่ยวไปตระเวนหาครูบาอาจารย์ท่านโน้น ท่านนี้ ท่านนั้น เพราะว่ายิ่งหาไปก็ยิ่งเสียเวลา

มีหลายท่านที่บอกว่าไปหาท่านแล้ว ไปอาบแสงทิพย์สามารถเลื่อนชั้นเป็นพระอริยเจ้าได้ ไปหาท่านแล้วได้รับพยากรณ์เอหิภิกขุ สามารถเป็นพระอรหันต์ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นพระพุทธเจ้าท่านพาพวกเราไปหมดแล้ว ไม่เหลือมาจนถึงทุกวันนี้หรอก เขาบอกว่าเราก็อย่าถือมงคลตื่นข่าว ฟังแล้วคิดพิจารณาดูด้วยปัญญาบ้าง ถ้าเป็นไปได้ เราก็คงไม่มาลำบากลำบนอย่างนี้หรอก ๒,๐๐๐ กว่าปีที่แล้วเราก็ึคงบรรลุกันหมดแล้ว เพราะว่าไม่มีใครมีความสามารถยิ่งไปกว่าพระพุทธเจ้าอีก

แล้วเขาเหล่านั้นเป็นใคร เก่งมาจากไหน จึงดลบันดาลให้บุคคลเป็นพระอริยเจ้าได้ แค่ฟังดูก็รู้แล้วว่าเป็นไปไม่ได้ อย่าเอากิเลสคือความขี้เกียจของเรา ไปชนกับกิเลสคือความมักง่ายของเขา แล้วคิดว่าเป็นทางลัด การปฏิบัติธรรมไม่มีทางลัด มีแต่ทางตรง คือมรรค ๘ ที่ย่อลงเป็น ศีล สมาธิ ปัญญา นั้นสั้นที่สุดแล้ว ลัดเมื่อไรก็อ้อมเมื่อนั้น ถ้าอ้อมเฉพาะชาตินี้ก็ไม่เป็นไร แต่กลัวว่าจะต้องอ้อมกันอีกหลายชาติ...!

เถรี 09-04-2018 17:55

ดังนั้น..เมื่อเราเลิกละจากที่นี่ไปแล้ว ท่านใดที่ถือศีล ๘ ได้ ให้ตั้งใจถือศีล ๘ ต่อไป เพราะว่าเป็นศีลที่เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติได้เป็นอย่างดี ถ้าถือศีล ๘ ไม่ได้ ให้ลดลงไปถือศีล ๕ ส่วนที่ต่ำกว่านั้นไม่มี ต่ำกว่าศีล ๕ เมื่อไร เราจะไม่ได้เป็นคน

เพราะว่าศีล ๕ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า มนุสสธรรม แปลว่าธรรมที่ทำให้เกิดเป็นมนุษย์ รักษาศีลแล้วพยายามเจริญภาวนา ไม่ต้องเสียเวลาไปสอบถามใคร การปฏิบัติแทบทั้งหมดถ้าตั้งใจทำ จะได้คำตอบในการปฏิบัติจากตัวของเราเอง ยกเว้นการก้าวเข้าสู่ความเป็นพระอริยเจ้าที่เราไม่คุ้นเคย อาจจะต้องซักถามครูบาอาจารย์บ้าง

ท่านทั้งหลายเมื่อออกจากวัด กลับไปยังบ้านเรือนของตนเองแล้ว อย่าทิ้งการปฏิบัติ คนที่ทิ้งการปฏิบัติไปนาน ๆ แล้วจะเอาคืนได้ยากมาก เพราะว่าอันดับแรก กำลังของเราไม่มีพอที่จะสู้กิเลส อันดับที่สอง กำลังใจของเรามีแต่จะคล้อยตามกิเลสมากกว่าต่อต้าน โอกาสที่จะได้ดีก็มีน้อย ดังนั้น...รักษาอารมณ์ใจได้แล้วก็ประคับประคองให้อยู่กับเราให้ยาวนานที่สุด แล้วเราจะเห็นหนทางเองว่าก้าวต่อไปข้างหน้าเราจะก้าวไปที่ใด ลำดับต่อไปก็เข้าสู่พิธีการของเรา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
งานบวชเนกขัมมปฏิบัติช่วงวันอาสาฬหบูชา
วันจันทร์ที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๐

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดย นายกระรอก)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:08


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว