กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6163)

เถรี 07-05-2018 21:48

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๑
 
พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม กลับจากพุทธาภิเษกที่วัดเขาวง ด้วยความทันสมัยเขาก็มอบความไว้วางใจให้ GPS ในรถ ปรากฏว่าพาไปคนละทาง อาตมาต้องประท้วงว่าผิดทาง โยมที่ไปด้วยก็เลยเปิดมือถืออีกเครื่องหนึ่ง ปรากฏว่าสองเครื่องพาไปทางที่อาตมาไม่รู้จักทั้งคู่ เอ้า...บ้าก็บ้าวะ ลองตามดูเผื่อเครื่องจะรู้จักทางที่สั้นกว่า เลี้ยวเข้าไปทางอำเภอท่าเรือ อาตมาก็มองไปข้างหน้าเป็นสะพานใหญ่ ต้องข้ามแม่น้ำก่อน ปรากฏว่า GPS บอกว่าให้เลี้ยวขวาตรงซอยเล็ก ๆ เลี้ยวเข้าไปไม่ถึง ๑๐๐ เมตรก็เห็นป้ายวัดกลางท่าเรือ อ้าว...วัดหลวงปู่เราเองนี่หว่า

ก็เลยบอกโยมว่านี่วัดของหลวงปู่นอ วัดกลางท่าเรือ พวกเราไปไหว้รูปหล่อหลวงปู่กันก่อน เพราะว่าสมัยก่อนตอนวัยรุ่น พระครูแสงท่านพาไปเหนือ ไปใต้ ไปตะวันออก ตะวันตก ไปกราบครูบาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมีความสามารถ ไปหาวัตถุมงคลกัน แต่จำได้ว่าสมัยก่อนวัดอยู่กลางทุ่งนา ตอนนี้วัดมีชุมชนล้อมรอบไปแล้ว

ทำบุญกับหลวงปู่เสร็จสรรพเรียบร้อยออกมา ก็เลี้ยวขวาเลาะไปข้างวัดตามที่ GPS แจ้งตั้งแต่แรก แต่ปรากฏว่าทั้งสองเครื่องยืนยันว่าผิด ให้เลี้ยวออกมาเครื่องพาข้ามสะพานที่เมื่อครู่ไม่ยอมให้ข้าม สรุปว่า GPS เจ๊งสองเครื่องพร้อมกันได้ด้วย ทั้งในรถและทั้งในมือถือ

สรุปว่าหลวงปู่ท่านคงคิดถึง ไม่ได้ไปหาตั้งนานแล้ว ๔๐ ปีกว่าแล้ว สรุปว่าพวกเราคงจะไม่รู้จักท่าน เพราะว่าท่านล่วงลับไปนานแล้วเหมือนกัน มรณภาพไปเกิน ๓๐ ปีแล้ว หลวงปู่นอ วัดกลางท่าเรือ สมัยก่อนเขานิมนต์ท่านไป วัดกลางท่าเรือเป็นวัดร้าง ชาวบ้านหาเจ้าอาวาสมา ๓ รูป ๔ รูป หอบบาตรหอบย่ามหนีกันหมด ไม่มีใครทนอยู่ได้เพราะว่าที่กันดาร พูดง่าย ๆ ก็คือลำบากลำบน ถ้าสมัยนี้ก็คงประมาณอำเภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

พอหลวงปู่นอไปถึงเห็นญาติโยมมีความหวัง นั่งกันตาละห้อย ก็ว่า "เอ้า...ไม่เป็นไร ในเมื่อตั้งใจนิมนต์มา อาตมาก็จะจารตะกรุดสร้างวัดให้" ท่านว่าอย่างนั้น"

เถรี 07-05-2018 21:50

"ตอนแรกไม่มีใครเชื่อ แต่ปรากฏว่าตะกรุดที่หลวงปู่นอท่านจารออกมา ท่านบอกว่าลองได้ทุกดอก ชื่อเสียงเกียรติคุณก็ขจรขจายไปเรื่อย จนกระทั่งท้ายสุดท่านก็ได้ทำตะกรุดถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ ก็คือในส่วนของเครื่องทรงของพระมหากษัตริย์ ถ้าเต็มยศจริง ๆ จะมีเครื่องสำหรับออกรบ ซึ่งจะมีพวกวัตถุมงคลที่เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องคาดราชศาสตรา ปรากฏว่าหลวงปู่นอเป็นผู้จารตะกรุดถวาย

ตะกรุดที่มีชื่อเสียงที่สุดของหลวงปู่นอ วัดกลางท่าเรือ คือตะกรุดหนังหน้าผากเสือ ซึ่งเสือตัวหนึ่งทำตะกรุดได้แค่ดอกเดียว เวลาหลวงปู่ปลุกเสกตะกรุดหนังหน้าผากเสือ หมาวัดหนีเกลี้ยง เพราะว่าท่านปิดกุฏิเสก ๗ เสาร์ ๗ อังคาร จะมีเสียงเสือคำราม มีกลิ่นสาปเสือออกมาชัด ๆ เลย ทั้งชาวบ้านทั้งหมาวัดได้กลิ่นกันโดยถ้วนหน้า พอกลิ่นเสือมาหมาวัดก็อยู่ไม่ได้ เผ่นหนีกันหมด

ถ้าหากนับสุดยอดตะกรุดหนังเสือ ๕ อันดับในประเทศไทย ก็ต้องหลวงปู่นาค วัดอรุณราชวราราม หลวงพ่อสว่าง วัดเทียนถวาย หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ แล้วก็หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม แต่การจัดอันดับบางคนก็สลับกัน บางคนเอาหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว แทนหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว แล้วก็เอาหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก แทนหลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม"

เถรี 07-05-2018 21:58

"เพราะฉะนั้น...ในเรื่องของวัตถุมงคลอาตมาไม่ตื่นเต้น ไม่แปลกใจ เพราะว่าเจอมาเยอะ คำว่าเจอมาเยอะ ก็คือเจอพระที่สร้างวัตถุมงคลแล้วขลังระดับนี้มาก

แต่ส่วนที่เขาเล่าให้ฟังก็คือเด็กวัด เด็กสมัยก่อนไม่มีอะไรจะเล่น ก็ยิงนก ตกปลา ชนไก่ กัดปลาไปเรื่อย ลูกศิษย์วัดก็ช้อนปลากัด เลี้ยงปลากัดเอาไปกัด แล้วก็แพ้เขาหน้าเหี่ยวกลับมา เห็นลูกศิษย์หงอยเหงา หลวงพ่อนอก็เลยถามว่าไปทำอะไรมา ?
“ไปกัดปลามาแล้วแพ้เขาครับหลวงพ่อ”
ท่านบอก “มึงเอาปลากัดของกูไปสิ”
ลูกศิษย์ก็ตาลุก “หลวงพ่อเลี้ยงปลากัดด้วยหรือ ?”
“โน่น...อยู่ในอ่างล้างตีน”

พอลูกศิษย์ลงไปดู มีปลากัดตัวหนึ่งสีกระดำกระด่างดูไม่ได้เลย อยู่ในอ่างล้างตีน ช้อนไปกัดกับเขา ปรากฏว่ากัดกี่ตัวก็ชนะ แต่ก่อนไปหลวงพ่อสั่งว่าเสร็จแล้วเอามาเทคืนกูนะ ลูกศิษย์อยากจะเอาไปกัดเขาอีก ก็ใช้วิธีเอาขวดไปซ่อน แล้วก็มาบอกหลวงพ่อว่าเอามาคืนแล้ว หลวงพ่อท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ท่านก็หัวเราะหึหึ

ปรากฏว่าพอรุ่งเช้าเด็กวัดมาเอาขวดใส่ปลากัดเพื่อที่จะไปกัดกับเขาต่อ แต่ไม่มีปลากัดแล้ว ถ้าเป็นรุ่นอาตมาก็คงจะโดนจิ้งจกเอาไปกินหมด พวกจิ้งจกตุ๊กแกนี่พอถึงเวลาจะไปล่อปลากัด ยื่นหัวไปใกล้ ๆ ปลากัดมีนิสัยเจออะไรกัดหมด ยื่นหน้าขึ้นมาก็ถูกฉก ลากเอาไปกิน แต่ของท่านไม่ใช่ เพราะว่าลูกศิษย์ท่านเก็บซ่อนอย่างดี เอาผ้าพันขวดแล้วไปแอบไว้ ในขวดมีแต่ใบจากเก่า ๆ ลอยอยู่ชิ้นเดียว สรุปว่าเอาอะไรไปกัดกับเพื่อนก็ไม่รู้ ?"

เถรี 07-05-2018 22:00

"สงสัยว่าหลายปีเต็มทีแล้ว หลวงปู่ท่านคงคิดถึง ไหน ๆ ก็มาแล้วจึงแวะไปทำบุญกับท่านหน่อย แต่ที่ขำมากเลยก็คือปกติพวก GPS ผ่านดาวเทียม โดยเฉพาะในมือถือที่อัพเดทตลอดไม่น่าพลาดได้ แต่ปรากฏว่าสองเครื่องพังพร้อมกัน ชี้เข้าวัด พอเข้าวัดทำบุญเสร็จสรรพ ออกจากวัดมาบอกว่าไม่ใช่ทางนี้แล้ว ให้ไปอีกทางหนึ่ง

เพราะฉะนั้น...ถ้าใครผ่านไปทางอำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็แวะไปกราบรูปหล่อของท่านได้ จะเห็นว่าจากก่อนหน้านี้อยู่กลางทุ่งนาเป็นวัดร้าง สมัยนี้เสนาสนะพร้อมสมบูรณ์ทุกอย่าง สมกับที่ท่านบอกไว้ว่าจะจารตะกรุดสร้างวัดให้"

เถรี 07-05-2018 22:02

"เรื่องของครูบาอาจารย์สมัยก่อน ส่วนใหญ่ท่านศึกษาและปฏิบัติจริง ๆ ถ้ากล่าวถึงหลักธรรมก็ประกอบไปด้วยอิทธิบาท ๔ อย่างเต็มเปี่ยม มีฉันทะยินดีพอใจที่จะบวช เมื่อบวชเข้ามาแล้วก็มีวิริยะ พากเพียรศึกษาทั้งปริยัติและปฏิบัติ จนกระทั่งกลายเป็นที่พึ่งของชาวบ้านเขาได้

สมัยอาตมาเด็ก ๆ เจ้าอาวาสทุกรูปจะมากจะน้อยก็ต้องมีวิชาติดตัว เป็นที่พึ่งชาวบ้านเขาได้ แต่จะเก่งไปคนละทางสองทาง ทางด้านของอาตมาที่อยู่นั้นก็จะมีหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ท่านประเภทเก่งทุกเรื่อง ทำอะไรก็ขลังไปหมด ท่านอื่น ๆ ส่วนใหญ่สมัยก่อนเรื่องของโจรผู้ร้ายมีมาก วัตถุมงคลต่าง ๆ จึงมักจะเน้นไปทางด้านอยู่ยงคงกระพัน

ยุคนี้สมัยนี้การทำมาหากินลำบาก ส่วนใหญ่ก็เน้นเรื่องของลาภผลเมตตามหานิยมกัน เป็นไปตามยุคเป็นไปตามสมัย อาตมาเองบางทีก็ต้องบอกว่า แล้วแต่พระท่านจะสงเคราะห์ อย่างเมื่อล่าสุดไปพุทธาภิเษกที่กองทุนหลวงปู่ปาน บางปลาม้า เขาทำบาตรน้ำมนต์ มีเหรียญทำน้ำมนต์อยู่ข้างใน ปรากฏว่าเสกเสร็จสรรพเรียบร้อย ทางด้านเจ้าภาพคือพระครูสมุห์อานนท์ โทรมารายงานว่าเหรียญแตกไป ๒๐ กว่าเหรียญ อาตมาก็สงสัยถาม ถามว่าได้ตรวจสอบหรือเปล่าตอนที่โรงงานเขาเอาส่งมา ท่านบอกว่าตรวจทีละเหรียญเลยครับ เพราะว่าทำตามจำนวนบาตร ซึ่งก็แค่ไม่กี่ใบ

ก็ต้องบอกว่าบางทีท่านก็ให้มากกว่าที่เราต้องการ ท่านว่าจะไปทำเหรียญใหม่ อาตมาบอกว่าไม่ต้องหรอก เอาเหรียญเก่านั่นแหละ อัดจนแตกขนาดนั้นแล้ว ถ้าใครไม่เอาเราก็เก็บไว้ใช้เอง"

เถรี 09-05-2018 07:54

ถาม : ถ้าทำงานบริษัทที่เกี่ยวกับเนื้อสัตว์ เช่น กุ้งแช่แข็ง ไก่แช่แข็ง ส่งออก พนักงานจะบาปไหมคะ ? กรณีนี้คือพนักงานไม่ได้สั่งให้ฆ่า แต่เป็นลักษณะขายอาหารแปรรูป เช่น เนื้อแช่แข็งค่ะ
ตอบ : ถ้าแข็งมาแล้วก็ไม่เป็นไร อย่าไปทำให้แข็งเองก็แล้วกัน

เถรี 09-05-2018 07:57

ถาม : ก่อนที่จะเห็นความดับเกิดขึ้นข้างใน จิตมีความเย็นสบายมาก จึงอยากจะแผ่กระแสแห่งความเย็นนี้ให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลายที่มีความทุกข์ แต่คราวนี้ได้สังเกตว่าสิ่งนี้สามารถกำหนดให้เล็กลงก็ได้ ขยายให้ใหญ่ขึ้นก็ได้ ซึ่งโยมไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด โดยปกติโยมพิจารณาว่าทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจไตรลักษณ์ แต่ว่าเหตุใดพลังงานที่เย็นสบายนี้ เราสามารถกำหนดให้เล็กลงได้ขยายใหญ่ก็ได้ตามอำนาจจิตของเราคะ และอย่างนี้เรียกว่าอะไรคะ ?
ตอบ : แล้วที่ใหญ่ขึ้นเล็กลงไม่ใช่ไตรลักษณ์ใช่ไหม ? ถ้าสภาพจิตมีความคล่องตัว สามารถกำหนดให้ใหญ่ให้เล็กได้ เจาะจงเฉพาะบุคคลได้ หรือว่าให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายพร้อมกันก็ได้ อยู่ที่เราจะทำ

เถรี 09-05-2018 07:58

ถาม : โยมมักจะเห็นนิมิตในสมาธิสองอย่างอยู่บ่อยมากจนเกิดความสงสัย คือเห็นพระพุทธรูป ๑ และเห็นจักรวาล ๑ มีความหมายไหมคะ ?
ตอบ : ก็คือสรรพสิ่งทั้งหลายในจักรวาลล้วนแต่ไม่เที่ยง ล้วนแต่เป็นทุกข์ หาอะไรเป็นเรา เป็นของเราไม่ได้ มีเพียงที่เดียวที่เราควรจะไปก็คือพระนิพพาน ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ที่นั่น

เถรี 09-05-2018 08:04

ถาม : พระอาจารย์เคยบอกหลวงปู่ฤๅษีเคยพูดว่า "จิตใจผู้หญิงละเอียดอ่อน จึงกระทบได้ง่าย" เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้หญิงจึงยึดง่ายและยึดบ่อย ทุกข์ง่าย เกิดเรื่องง่าย ปล่อยวางยากกว่าผู้ชายใช่หรือไม่...?
ตอบ : ก็ในเมื่อยึดง่ายก็ต้องปล่อยง่ายสิ ส่วนใหญ่แล้วสภาพจิตของผู้หญิงจะคิดเล็กคิดน้อย ถึงเวลาแล้วก็เก็บนี่เก็บนั่นเอามาฟุ้งซ่านเสียมาก แต่ก็มีส่วนดีที่ว่าในเมื่อแบกไว้มาก ๆ ทุกข์มาก ๆ ก็เห็นทุกข์ได้ง่ายกว่า

ถาม : แล้วการปฏิบัติธรรมของผู้หญิงควรเสริมอะไรที่แตกต่างจากผู้ชาย และควรจะสร้างเสริมบุญบารมีอะไรเป็นพิเศษ ?
ตอบ : พิเศษมากเลย ศีล สมาธิ ปัญญาเหมือนกันนั่นแหละ

เถรี 09-05-2018 08:15

ถาม : การได้ยินสัตว์พูดภาษาคน เราจะได้ยินเขาพูดภาษาที่เรารู้เรื่อง แต่สำเนียงเสียงจะเป็นของสัตว์นั้น ๆ ใช่หรือไม่ ? เช่นถ้าเป็นแมวจะพูดสำเนียงออกแมว ๆ บางทีเราถามเขาจะตอบสั้น ๆ เป็นภาษาคน เหมือนคนคุยกับเราเลย แต่เป็นประโยคไม่ยาว เหมือนเด็กพูด ถูกต้องไหมครับ ?
ตอบ : ยังไม่เคยเจอ เจอแต่เป็นภาษาคนชัด ๆ ยิ่งตอนด่ายิ่งชัด..!

ถาม : มีข้อสังเกตอะไรว่าการได้ยินนี้เป็นของจริง ไม่ใช่ว่าเราผิดปกติครับ ?
ตอบ : ลองถามเขาสิ...หิวไหม ? ถามเขาบอกว่าหิว ก็หาอะไรให้กินหน่อย

เถรี 09-05-2018 08:15

ถาม : คนแก่ส่วนมากมักเหงา เศร้าลึก ๆ โดยไม่ค่อยรู้ตัว เราควรเตรียมใจเตรียมกายแก่ชราอย่างไรดี ? ทำอย่างไรจึงจะไม่รู้สึกเหงา เศร้าสามารถดำรงชีวิตแม้คนเดียวก็อยู่ได้และเสียชีวิตจากชาตินี้แบบไปดี ๆ
ตอบ : ภาวนาไว้เป็นประจำ ๆ แล้วก็พิจารณาให้เห็นว่า "ธรรมดาเป็นอย่างนี้"

เถรี 09-05-2018 08:16

ถาม : หากจะนำสัตว์เทพจีน เช่น ปี่เซี้ย, กบสามขา, เต่ามังกร, หรือเทพเจ้าฮกลกซิ่ว ไปเข้าพิธีพุทธาภิเษกงานเป่ายันต์เกราะเพชร การปิดทองกับไม่ปิดทองก่อนนำเข้าพิธี จะทำให้มีอานุภาพแตกต่างกับหลังเข้าพิธีหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าพระท่านสงเคราะห์ก็เหมือน ๆ กัน

เถรี 09-05-2018 08:18

ถาม : ขอโอกาสเรียนถามวิธีแก้บนที่จำไม่ได้โดยละเอียด และกราบขอความเมตตาอธิบายลักษณะของบายศรีที่ใช้ในกิจกรรมดังกล่าวกราบขอบพระคุณครับ
ตอบ : ไปหาในอินเตอร์เน็ต ถ้าหาไม่ได้ก็เป็นเวรเป็นกรรมของคุณเอง..!

เถรี 09-05-2018 08:20

ถาม : ผมมีความสงสัยจากการฝึกกรรมฐานแบบสติปัฏฐาน ๔ เมื่อผมออกจากกรรมฐานแล้ว มีอาการตื่นตัวอยู่ตลอด ผมลองกำหนดจิตลงไปในน้ำในอ่างน้ำ น้ำก็หมุนวนไปได้ตามทิศทางที่เรากำหนด และเมื่อลองกำหนดจิตลงไปที่ฝูงมดที่กำลังเดิน มดก็เดินไปตามที่เรากำหนดเช่นกัน วันนั้นทั้งวันผมนอนไม่หลับเลย ปวดหัวแบบตึง ๆ กว่าจะหลับได้สนิทก็เป็นวันต่อมา อยากเรียนถามพระอาจารย์ว่าสภาวะดังกล่าวนี้ คืออะไรหรือครับ ?
ตอบ : สภาวะนั้นคือสมาธิเริ่มทรงตัวแนบแน่น แล้วก็เกิดอาการปีติโพลงอยู่ในใจ บางที ๓ วัน ๓ คืนไม่ได้หลับหรอก เพราะฉะนั้น...ต้องมีสติรู้อยู่ด้วยว่า ร่างกายของเราไม่ใช่อิฐไม่ใช่ปูน ถึงเวลาก็ต้องพัก ถึงแม้ว่าจะไม่หลับก็ต้องพัก

เถรี 09-05-2018 08:21

ถาม : ปกติผมจะนั่งกรรมฐานโดยกำหนดจิตขึ้นไปกราบพระข้างบน เสร็จแล้วจะจับภาพพระโดยจะทรงภาพพระให้สว่างไสวและภาวนาไปจนครบกำหนดเวลา แต่ในระยะหลัง หลังจากกราบพระเสร็จภาวนาไปได้สักหน่อย ผมจะไม่รู้สึกตัวเลย จะมารู้สึกตัวอีกทีตอนที่ใกล้จะครบกำหนดเวลาแล้วก็ภาวนาต่อเอง ตอนแรกเข้าใจว่าตัวเองหลับ แต่หลังจากสังเกตดี ๆ แล้ว ไม่มีความง่วงเลย ทั้งก่อนจะไม่รู้สึกตัวและหลังรู้สึกตัว จะมีเพียงแต่คอและหัวที่จะพับลงแต่ลำตัวตั้งตรงครับ อยากขอคำชี้แนะจากพระอาจารย์ว่าควรทำอย่างไรต่อไปครับ ?
ตอบ : ตั้งสติให้มั่นคงกว่านี้ แสดงว่าระยะแรกนั้นเป็นอุปจารสมาธิ พอเริ่มเข้าสู่ปฐมฌานระดับหยาบแล้วสติตามไม่ทัน ก็เลยเหมือนกับหลับไป

เถรี 09-05-2018 08:23

ถาม : ผมมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการถวายพระพุทธรูปและการร่วมบุญสร้างพระครับ ถ้าผมมีปัจจัย ๑๐,๐๐๐ บาท ผมเช่าพระมาถวายวัด จะได้ขนาดหน้าตักประมาณ ๔ ศอก แต่ถ้าหากผมนำปัจจัย ๑๐,๐๐๐ บาท ไปร่วมบุญสร้างพระที่มีขนาดหน้าตักมากกว่า ๔ ศอก ทำบุญอย่างไหนจะมีอานิสงส์มากกว่ากันครับ ?
ตอบ : เอาอย่างนี้ ร้านไหนที่พระหน้าตัก ๔ ศอกราคาหนึ่งหมื่นบาท ? บอกอาตมาที จะไปเหมาให้หมด สร้างพระองค์ใหญ่กว่า อานิสงส์ก็มากกว่าเป็นปกติอยู่แล้ว

เถรี 09-05-2018 08:24

ถาม : การจะย้ายเข้าบ้านเช่าต้องใช้ฤกษ์เหมือนขึ้นบ้านใหม่ หรือใช้ฤกษ์สะดวกได้เลยครับ ?
ตอบ : ถ้าห่วงกังวลก็ดูฤกษ์สักหน่อย ถ้าไม่กังวลจะเอาฤกษ์สะดวกก็ได้

เถรี 09-05-2018 08:27

ถาม : กระผมภาวนาโดยกำหนดลมหายใจเข้าออก พร้อมใช้คำภาวนาว่านะมะพะธะ พอภาวนาไป ๆ รู้สึกเหมือนมีกำลังดึงตัวขึ้นทางศีรษะ แต่สักพักอาการนั้นก็เริ่มคลายไป ในบางครั้งก็มีอาการดึงดูดลงไปยังกลางท้อง สักพักอาการนั้นก็เริ่มคลายไปเช่นเดิม พออาการทั้งหลายเกิดขึ้น กระผมพยายามกำหนดรู้ตาม แต่อาการที่กล่าวมานั้นจะคลายตัวกลับสู่ภาวะปกติทุกครั้ง จะมีวิธีใดที่ทำให้กำลังใจทรงตัวถึงที่สุดและออกไปได้ตามกำลังของมโนมยิทธิ ซึ่งต้องพิจารณาและกำหนดการปฏิบัติอย่างไร ?
ตอบ : การพิจารณาเขาพิจารณาก่อนปฏิบัติ ส่วนเวลาที่เกิดอาการต่าง ๆ เหล่านั้นก็ให้ทำไม่รู้ไม่ชี้ คิดว่าตอนนี้เรากำลังปฏิบัติธรรมอยู่ ถึงตายลงไปเราก็ไปดี ไม่ใช่ไปตามดูตามจี้อยู่ตลอดเวลา แบบนั้นถึงเวลาก็ย่อมถอยไป เพราะว่าสมาธิเราคลายออกมา การที่เราไปตามจี้ดูเป็นอาการของความฟุ้งซ่าน ซึ่งสมาธิไม่ถึงระดับฌาน เมื่อสมาธิคลายออกมาจึงไปต่อไม่ได้

เถรี 09-05-2018 08:28

ถาม : ผมได้ทำสัญญาเช่าที่ดินมูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์เพื่อปลูกบ้านให้โยมแม่และน้องอยู่อาศัย โดยโยมพ่อผมก่อนจะเกษียณได้โอนสิทธิการเช่ามาเป็นชื่อผม โดยได้ทำสัญญาเช่ามาตั้งแต่ก่อนที่ผมจะบวช ซึ่งปัจจุบันนี้น้องสาวผมเป็นผู้จ่ายค่าเช่า สัญญาเช่าปัจจุบันทำครั้งละ ๓ ปี จะหมดสัญญาเช่าประมาณต้นปีหน้า หลักฐานในการทำสัญญาเช่าเดิมใช้บัตรประชาชนของเก่าที่เป็นของฆราวาสอยู่แต่ตอนนี้ได้ทำบัตรประชาชนเป็นพระแล้ว หลังจากหมดสัญญาเช่าประมาณต้นปีหน้าแล้ว จะทำสัญญาเช่าที่ดินต่อโดยใช้ชื่อพระทำสัญญาเช่า จะผิด พ.ร.บ.สงฆ์และวินัยสงฆ์หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่ผิดหรอก แต่ถ้าจะให้สะดวกก็โอนสิทธิ์ให้น้องสาวไปจัดการแทนก็แล้วกัน

เถรี 09-05-2018 08:31

ถาม : พ่อเป็นคนขยันทำมาหากินมาทั้งชีวิต ไม่ค่อยได้มาทางบุญเท่าไร ทำบุญบ้างเล็กน้อยตามโอกาส เคยพาพ่อไปรับยันต์เกราะเพชร และถวายสังฆทานกับหลวงพ่อ ปกติพ่อไม่ค่อยนับถือใคร ในตัวพ่อจะพกแต่ปืนกับเขี้ยวหมูตันเท่านั้น แต่พ่อนับถือหลวงพ่อเล็กบูชาของหลวงพ่อติดตัวตลอด ช่วงหลังพ่อติดสุราต้องกินทุกวัน และเป็นคนจับปลามาตั้งแต่หนุ่ม ๆ เมื่อวันที่ ๗ มีนาคมที่ผ่านมา พ่อออกไปหาปลา และเป็นลมตายที่กลางทุ่ง เป็นห่วงพ่อกลัวไปที่ไม่ดี หลังตาย ๒ วัน หลวงพ่อมารับสังฆทานที่บ้านเติมบุญ จึงบอกหลวงพ่อว่าตั้งใจจะอุทิศบุญให้พ่อ ได้ถวายสังฆทาน สร้างพระพุทธรูปทองคำ และชำระหนี้สงฆ์ให้พ่อ กลับไปบวชเณรให้อีก ๕ รูป

ต่อมามีคนเห็นว่า พ่อที่ตายไปมองลูกแล้วน้ำตาคลอ พ่อบอกว่าขอบคุณมากที่ทำบุญช่วยพ่อ พ่อกำลังจะเข้าไปในที่ ๆ ร้อนมาก มีเสียงหวีดร้องน่ากลัวสยดสยอง พ่อกำลังจะไปรับโทษของสุรา แต่มีบุญมาช่วยไว้ ตอนพ่อยังอยู่ พ่อเคยคิดในใจ คิดว่าลูกมันจะไปทำบุญอะไรบ่อย ๆ ตอนนี้เข้าใจแล้ว ฝากบอกคนให้เป็นกุศลด้วยว่า หมั่นทำบุญ บุญมีจริง ตอนนี้พ่ออยู่บ้านทรงไทยหลังใหญ่ ที่นั่นเป็นหมู่บ้าน กราบเรียนถามหลวงพ่อว่า ที่นั่นคือภพภูมิอะไร ?
ตอบ : ไปถามคนที่บอก ตูไม่ได้บอกสักหน่อย ดันทะลึ่งมาถาม

เถรี 09-05-2018 08:31

ถาม : พิธีพุทธาภิเษกที่วัดเขาวง พระท่านเมตตาให้พรอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : ไปถามเจ้าอาวาสวัดเขาวง

เถรี 09-05-2018 08:32

ถาม : เงินที่ได้จากการประกอบมิจฉาวณิชชา นับเป็นวัตถุทานที่บริสุทธิ์หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : มิจฉาแปลว่าผิด ถ้าผิดแล้วบริสุทธิ์ก็ดีสิ

ถาม : เงินที่ได้จากการเล่นหวย นับเป็นวัตถุทานที่บริสุทธิ์หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : หวยเป็นการพนัน ถ้ายิ่งหวยใต้ดิน โอกาสบริสุทธิ์ยิ่งไม่มี

เถรี 09-05-2018 08:33

ถาม : ยันต์เกราะเพชรสามารถสะท้อนไสยศาสตร์ไปยังผู้กระทำได้ แต่เหตุใดยังมีครั้งหนึ่งที่หลวงพ่อโดนหมอไสยศาสตร์รุมกระทำพิธี แล้วหมอไสยศาสตร์เหล่านั้นยังคงดำเนินพิธีได้ต่อเนื่อง และยังคงทำพิธีได้อีกหลายครั้งครับ ?
ตอบ : ก็เพราะว่าตูไม่ได้ปลุกยันต์เกราะเพชร

เถรี 09-05-2018 08:35

ถาม : หากบุคคลปรารถนาจะมีจักรวาลเป็นของตนเอง มีตนเองเพียงผู้เดียวที่เป็นใหญ่และปกครองจักรวาลนั้นตลอดกาล บุคคลนั้นจะต้องประพฤติปฏิบัติเช่นไร ต้องสั่งสมบุญกุศล
แบบไหนและควรจะอธิฐานจิตเช่นไร ?
ตอบ : วิธีประพฤติปฏิบัติก็คือ หยุดเล่นวีดีโอเกมส์ แล้วออกไปปฏิสัมพันธ์กับคนทั่ว ๆ ไปเขาบ้าง

แค่คำถาม
เรื่องจะปกครองตลอดกาลก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ถ้าเป็นไปได้ทุกอย่างก็เที่ยงหมดน่ะสิ

เถรี 09-05-2018 08:37

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ช่วงงานสวดพระคาถาเงินล้าน เมื่อหลวงตาวัชรชัยมาถึง ก็ขอเวลานอก ๕ นาที คิดว่าคนที่ไปร่วมพิธีทุกคนก็คงจะรู้เห็น ท่านบอกว่าในงานพุทธาภิเษกวันที่ ๑ อย่าพูดหรือทำอะไรให้ญาติโยมเขาระส่ำระสายและเสียกำลังใจ เพราะฉะนั้น...เรื่องพรรค์นี้อยากรู้อะไรไปถามท่านเอง เพราะว่าอาตมารับปากท่านไปแล้วว่าจะไม่พูด

เรื่องบางอย่าง ถ้าหากว่าเราฝึกปฏิบัติจริง ๆ ก็สามารถที่จะรู้ได้ด้วยตนเอง แต่ก็มีคนจำพวกหนึ่งที่ขาดความมั่นใจในตนเอง ในเมื่อขาดความมั่นใจ ก็ต้องการที่จะไปสอบถามคนอื่นเพื่อเป็นการรับรองผลว่าการรู้เห็นตรงกันหรือไม่ ซึ่งถ้า หวังความก้าวหน้าในการปฏิบัติ ก็เป็นเรื่องที่ควรจะสงเคราะห์ แต่ถ้าหากว่าอยากรู้เพื่อเอาไปโม้กับชาวบ้านเขาเฉย ๆ ก็สมควรที่จะโดนถีบ..!

แล้วอีกพวกหนึ่งที่น่าถีบยิ่งกว่านั้น ก็คือเพื่อที่จะเอาไปประกอบการจำหน่ายวัตถุมงคล เอาเป็นว่าอะไรถ้าสมควรก็จะบอกจะเล่าให้ฟัง ถ้าไม่สมควรหรือว่าพี่ที่เคารพท่านขอเอาไว้ก็จำเป็นที่จะต้องหุบปากเงียบ"

เถรี 09-05-2018 22:42

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อไม่กี่วันก่อน พระครูจริยาภิรัต อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีมรณภาพ ความจริงหลวงเตี่ยท่านเป็นคนแก่ที่แข็งแรงมาก ถึงจะอายุ ๗๗ ปีแล้วก็ยังไปไหนมาไหนลักษณะเดินตัวปลิว แต่เรื่องของชีวิตนั้นไม่เที่ยง

ท่านไปให้หมอตรวจสุขภาพ เพราะรู้สึกว่าเพลีย หมอตรวจแล้วก็บอกว่าเป็นอาการปกติของคนแก่ ไม่มีอะไร...ให้กลับไปพักผ่อนที่วัด ตามที่เขาเล่าให้ฟังว่า ออกจากโรงพยาบาลได้ไม่ไกลก็สะอึก ๒ ครั้งแล้วก็ไปเลย ความจริงท่านล้างไตมาประมาณ ๒ ปี แต่ที่ตายดูท่าว่าจะไม่ใช่ไตวาย แต่เป็นหัวใจวาย ลูกศิษย์ไปสังเกตเห็นตอนฟันปลอมท่านหล่น ช่วยปั๊มหัวใจก็ไม่ทันแล้ว

พระครูจริยาภิรัตเป็นตำแหน่งสมณศักดิ์เก่าแก่ของจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน ๗ ตำแหน่ง คือ พระครูวิสุทธิรังษี พระครูสิงคิคุณธาดา พระครูจริยาภิรัต พระครูยติวัตรวิบูล พระครูอดุลยสมณกิจ พระครูนิวิฐสมาจาร และ พระครูวัตตสารโสภณ"

เถรี 09-05-2018 22:46

"ตำแหน่งพระครูวิสุทธิรังษี ตอนหลังปรับขึ้นมาเป็นพระวิสุทธิรังษีสังฆปาโมกข์ ตำแหน่งเจ้าคณะมณฑล ก็คือเป็นเจ้าคุณ

ตำแหน่งพระวิสุทธิรังษีที่โด่งดังที่สุด ก็คือ หลวงพ่อเปลี่ยน อินฺทสโร อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี วัดไชยชุมพลชนะสงคราม หรือวัดใต้

ตำแหน่งพระครูสิงคิคุณธาดาที่โด่งดังที่สุด คือ หลวงพ่อม่วง วัดบ้านทวน เจ้าของแหวนพิรอดที่ดังคู่กับแหวนพิรอดหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว

ตำแหน่งพระครูวัตตสารโสภณที่โด่งดังที่สุด คือ หลวงพ่อดอกไม้ วัดดอนเจดีย์ ดอนเจดีย์นี่ไม่ได้อยู่สุพรรณบุรี แต่เป็นดอนเจดีย์ที่พนมทวน หลวงพ่อดอกไม้สามารถเสกวัวธนูตัวเป็น ๆ ออกมาวิ่งให้ชาวบ้านเห็นต่อหน้าต่อตาได้

ตำแหน่งพระครูอดุลยสมณกิจที่โด่งดังที่สุด ก็คือ หลวงปู่ดี วัดเหนือ (วัดเทวสังฆาราม) ซึ่งตอนหลังก็เป็นเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ขึ้นถึงเจ้าคุณชั้นเทพ คือพระเทพมงคลรังษี

แล้วที่อัศจรรย์ที่สุดก็คือไม่ว่าจะสิงห์เหนือเสือใต้ จะเป็นหลวงปู่ดี วัดเหนือ หลวงปู่เปลี่ยน วัดใต้ หลวงพ่อดอกไม้ วัดดอนเจดีย์ หลวงพ่อสอน วัดทุ่งลาดหญ้า หลวงพ่อเหรียญ วัดหนองบัว ซึ่งเป็นคณาจารย์ มีลูกศิษย์ลูกหาเต็มบ้านเต็มเมือง ทั้งหมดล้วนแต่เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว และหลวงปู่หลวงพ่อที่เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ยิ้ม ยังมีในจังหวัดอื่นอีกมาก"

เถรี 09-05-2018 22:52

"ตอนนี้บรรดาเจ้าคณะอำเภอของจังหวัดกาญจนบุรีที่อาวุโสสูงสุด ก็คือหลวงพ่อพระครูนิโครธโยคาภิรักษ์ เจ้าคณะอำเภอไทรโยค วัดน้ำตก ซึ่งอายุเท่ากับหลวงพ่อพระครูจริยาภิรัตพอดี เจอกันในงานศพยังบอกว่า "อายุเท่ากันแต่ท่านไปแล้วไม่ใช่หรือครับหลวงพ่อ ?" "เออ..ก็นั่นนะสิ"

ตำแหน่งนี้เป็นการเล่นคำในบาลี เพราะว่านิโครธหรือนิโครธะ คือ ต้นไทร โยคะคือการปฏิบัติ ในเมื่อเอาต้นไทรกับโยคะมารวมกันก็เป็นไทรโยค เพราะฉะนั้น...พระครูนิโครธโยคาภิรักษ์ก็คือ พระครูผู้รักษาอำเภอไทรโยค ตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอไทรโยคนั่นเอง"

เถรี 10-05-2018 16:03

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตั้งแต่อาตมายังเรียนอยู่ชั้น ป.๓ วิชาสุขศึกษาบอกว่า การพักผ่อนที่ดีที่สุดคือการนอนหลับ เห็นสมัยนี้พักผ่อนด้วยการเล่นไลน์กัน"

เถรี 10-05-2018 16:07

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนนี้จะเอาวัตถุมงคลในตำนานมาลงให้คนมีเงินเขาแย่งกัน

เครื่องรางในตำนาน ๙ อย่าง เขาบอกว่า หมากดีที่วัดหนัง เบี้ยขลังวัดนายโรง

หมากดีที่วัดหนังก็คือ หมากทุยของหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ถ้าถามว่าหลวงปู่เอี่ยมคือใคร คือพระเถระที่ถวายคาถามงกุฎพระพุทธเจ้าให้ในหลวงรัชกาลที่ ๕ เสด็จไปประเทศยุโรปแล้วปลอดภัยกลับมาจากการทดสอบความสามารถของบรรดาชาวต่างชาติ

เบี้ยขลัง วัดนายโรง คือ เบี้ยแก้ของหลวงปู่รอด วัดนายโรง

ไม้ครูคู่วัดอินทร์ มีดบินวัดหนองโพธิ์
ไม้ครูก็คือไม้ครู ไม้พ่อครู หรือว่านิ้วเพชรพระอิศวร ของหลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร ซึ่งจะต้องสร้างจากต้นไผ่ที่โดนฟ้าผ่าล้มลงมาทับทางช้าง แล้วช้างจะเดินข้ามโดยที่ไม่กิน เมื่อได้มาแล้วก็ยังต้องทำบัดพลี เอาไปเป็นไม้ทิ่มศพ โดยเฉพาะศพคนตายวันเสาร์ เผาวันอังคารให้ครบ ๗ ศพ แล้วถึงจะเอามาจักเป็นตอกเพื่อบรรจุไม้ครูได้"

เถรี 10-05-2018 16:10

"หลวงปู่ภูธุดงค์อยู่ ๓๐ กว่าปีกว่าจะได้ไม้มา ถ้าท่านอายุไม่ยืนถึง ๑๐๒ ปีก็คงไม่มีโอกาสได้ทำ เพราะว่าวัสดุหายากมาก กี่ปีกี่ชาติกอไผ่ถึงจะโดนฟ้าผ่าสักที ? ผ่าแล้วต้องล้มทับทางช้างด้วย แล้วช้างที่ผ่านมาต้องข้ามไปทั้งโขลงโดยไม่กินอีกด้วย

ลูกศิษย์ที่ต้องการไม้ครูไปหาท่าน ต้องเอาหัวหมูบายศรีไปด้วย บางวันหัวหมู ๗ - ๘ หัว ลูกศิษย์ที่อยู่ใกล้ชิดก็ถามว่า "หลวงปู่ไม่ฉันแล้วให้เขาเอามาทำไม ?" หลวงปู่ท่านบอกว่า "ก็ในเมื่อครูใหญ่ท่านบอกให้ไหว้ครูแบบนี้ ถึงข้าไม่ได้ฉันก็ต้องเอา"

มีดบินวัดหนองโพธิ์ ก็คือมีดหมอเทพศาสตรา ของ หลวงปู่เดิม วัดหนองโพธิ์ ปัจจุบันแต่ละเล่มราคาเป็นแสน ๆ

ราหูคู่วัดศีรษะ แหวนอักขระวัดหนองบัว ก็คือราหูกะลาตาเดียว หลวงพ่อน้อย วัดศีรษะทองกับแหวนพิรอด หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว"

เถรี 10-05-2018 16:13

"พิสมรวัดพวงมาลัย ครั่งเหลือร้ายวัดโตนดหลวง ก็คือพิสมรที่ทำจากใบลานจากตำบลบางปืน ซึ่งท่านเอาเคล็ดคำว่า "บางปืน" เป็น "บังปืน" คือกันปืนได้ของหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย

ครั่งเหลือร้ายวัดโตนดหลวง ก็คือ วัตถุมงคลของหลวงปู่ทองศุข วัดโตนดหลวง จังหวัดเพชรบุรี วัตถุมงคลของท่าน สารพัดที่จะพอกครั่ง ใช้ได้ทุกอย่าง นักเลงเมืองเพชรดุตั้งแต่โบราณยันปัจจุบัน ถ้าพระเกจิอาจารย์เมืองเพชรบุรีไม่เก่งจริงไม่มีใครเขานับถือกัน

ลูกแร่ที่บางไผ่ ฤทธิ์เหลือร้ายหาใดปาน ก็คือแร่บางไผ่ของหลวงปู่จัน วัดโมลี ถ้าไม่ได้ลูกอมแร่บางไผ่ เขาก็หาพระปิดตาแร่บางไผ่แทน ฉะนั้น...ใครต้องการก็เตรียมเงินหมื่นเงินแสนเอาไว้ เดี๋ยวจะหาว่าอาตมาไม่มีของในตำนานมาลงบ้าง

ทั้งหมดที่ว่ามา สิ่งที่หายากที่สุด ก็คือ ไม้ครูของหลวงปู่ภู วัดอินทร์ รองลงไปก็เป็นเบี้ยแก้ หลวงปู่รอด วัดนายโรง เพราะตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ อาตมาก็ยังมีเบี้ยแก้ของท่านอยู่แค่ ๒ ลูก มีเท่ากับเจ้าอาวาสวัดนายโรง เจ้าอาวาสท่านเปิดเซฟให้ดูก็มีอยู่ ๒ ลูกเหมือนกัน...เท่าทุน จะตัดใจแบ่งลงกระทู้ให้สักลูกหนึ่ง"

เถรี 10-05-2018 16:16

"เรื่องของเครื่องรางของขลัง ส่วนใหญ่แล้วพระเกจิอาจารย์ทำให้ลูกศิษย์ลูกหาด้วยความเมตตาจริง ๆ ของบางอย่างก็ทำแค่ไม่กี่ชิ้น วัสดุบางอย่างก็หายาก อย่างตะกรุดหนังหน้าผากเสือ เสือตัวหนึ่งก็มีหน้าผากอันเดียว ก็แปลว่าเสือทั้งตัวทำตะกรุดได้หนึ่งดอก

คนที่ทำตะกรุดหนังหน้าเสือมากที่สุดในประเทศไทย คือ หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง เพราะว่าจังหวัดเพชรบุรีก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าป่าแก่งกระจานใหญ่ขนาดไหน ใครยิงเสือได้ก็เอาไปให้หลวงพ่อทองศุขทำตะกรุดให้

ส่วนครูบาอาจารย์ท่านอื่น ๆ ทำไว้น้อย ระดับเบญจภาคีตะกรุดหนังเสือ อย่างหลวงปู่นาค วัดอรุณฯ มีไม่เกิน ๑๐๐ ดอกเด็ดขาด ถึงได้หายากนักยากหนา

หลวงพ่อสว่าง วัดเทียนถวาย
ทำแล้วต้องเสกสามเสาร์ ๕ ตายละวา...สามเสาร์ ๕ ไม่ใช่ว่าปีหนึ่งจะมีทุกครั้ง ก็แปลว่าตะกรุดดอกหนึ่งใช้เวลา ๒ - ๓ ปี กว่าที่จะได้ใช้งาน"

เถรี 10-05-2018 16:19

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันที่ ๑๕ กลับมาจากภูเก็ตแล้ว อาตมาจะไปงานทำบุญที่เรือนเทวาสถิตที่บางแค เขาเปิดบ้านสอนกรรมฐานเหมือนกัน นิมนต์หลวงพ่อโนรี วัดหนองหญ้าปล้องมา ใครอยากรู้ว่าอยู่ที่ไหน หาข้อมูลกันเอง ในเฟซบุ๊กน่าจะมี อาตมาไม่เล่นเฟซบุ๊กก็เลยไม่รู้"

เถรี 10-05-2018 16:21

พระอาจารย์กล่าวว่า "งานวันที่ ๑ พฤษภาคมที่วัดเขาวง เจ้าภาพที่ถวายไทยธรรม คือ ครอบครัวคุณไพชยนต์ เกษตรเวทิน ถวายทองมาหอบหนึ่ง ตอนแรกคิดว่าเจ้าภาพถวายของมาก็น่าจะปกติทั่ว ๆ ไปคือเป็นไทยธรรมและซองปัจจัย แต่ทางด้านครอบครัวคุณไพชยนต์ที่เป็นเจ้าภาพ มีทองคำระบุว่าร่วมหล่อพระวัดท่าขนุนมาด้วย หลายบาททีเดียว น่าจะระดมกันมาทั้งครอบครัวเลย"

เถรี 10-05-2018 16:31

พระอาจารย์กล่าวว่า "พูดถึงปรอทสำเร็จก็นึกถึงท่านอาจารย์โมเช่ หายไป ๒ ปีแล้ว ท่านก็ทำหน้าที่ของท่านไปเรื่อย ท่านบอกว่าเทวดาสั่งให้ทำอะไรก็ทำอย่างนั้น

สมัยที่ยังเป็นฤๅษียังเป็นตาปะขาวอยู่ ก็เลี้ยงพระอยู่ ๑๒-๑๓ รูป ส่วนใหญ่พระธุดงค์ไปอยู่ในเขตรอยต่อ ๓ จังหวัด อุทัยธานี สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ท่านโมเช่ตอนนั้นมีหน้าที่เดินแบกข้าวไปส่ง ถ้าเป็นอาตมาก็คงไม่ไหว เดินวันหนึ่งเป็นร้อยกิโลเมตรก็มี

ครั้งแรกที่เจอกัน อาตมาธุดงค์ไปพักที่ถ้ำ ท่านโมเช่เป็นตาปะขาวอยู่ แบกเอาหัวเผือก หัวมัน กล้วย อ้อย มาถวาย บอกว่าเทวดาให้มา บอกว่ามีพระรูปหนึ่งอยู่ที่ถ้ำ ต้องการคนนำทางธุดงค์แถวนี้ เลยมาดูว่ามีจริงหรือเปล่า ? แล้วท่านก็ตบท้ายว่า ถ้าเทวดามาบอกแสดงว่าต้องมีความดีพอสมควร"

เถรี 10-05-2018 16:33

"จะเห็นว่าจริง ๆ แล้ว เรื่องของการรู้เห็นเป็นแค่ของแถมของการปฏิบัติเท่านั้น ถ้าสภาพจิตของเราสงบก็เหมือนกับน้ำนิ่ง น้ำนิ่งสามารถสะท้อนเงาสิ่งของรอบข้างได้ชัดเจนเหมือนของจริง

คราวนี้สภาพจิตของเราถ้านิ่งก็สามารถรับรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ ต้องถือว่าเป็นของแถมในการปฏิบัติ แต่เท่าที่อาตมาพบมาก็คือ ทุกคนอยากได้ของแถม จนไม่เอาสินค้าหลัก ต้องการของแถมแต่ไม่เอาสินค้าหลักแปลว่าอะไร ? ของแถมอย่างไรเสียก็สู้สินค้าหลักไม่ได้ สินค้าหลักของเราคือ ศีล สมาธิ ปัญญา ที่จะพาเราพ้นทุกข์ ของแถมบรรดาทิพจักขุญาณหรือญาณอื่น ๆ ที่ได้มานั้น ส่วนใหญ่แล้วพาให้เสียมากกว่าดี

อาตมาเองติดอยู่สามปีเต็ม ๆ คนโน้นถามเรื่องโน้นก็บอก คนนี้ถามเรื่องนี้ก็บอก พอเขาชม "อุ๊ย..เก่งจังเลย ทำไมรู้เห็นได้ชัดเจนขนาดนี้ ? บอกได้เหมือนกับตาเห็นเลย" ก็ตัวลอย อยากจะให้เขาชมอีก ก็วิ่งไปเป็นทาสให้เขาใช้ต่อไป จนกระทั่งวันหนึ่งน่าจะถึงวาระว่า จะพ้นจากความโง่ตรงจุดนั้นเสียที

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเทศน์วันนั้นเหมือนกับท่านตั้งใจให้ฟังอยู่คนเดียว ท่านบอกว่า "วิชชา ๒ อภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ใครทำได้ห่างจากนรกแค่นี้ แค่นิ้วขวาง ๆ อาตมาได้ยินแล้วเหงื่อแตกพลั่กเลย ระดับนั้นแล้วยังห่างนรกแค่นี้ แล้วของเราจะรอดไหม ?"

เถรี 10-05-2018 17:01

"แล้วท่านก็เทศน์ต่อไปว่า ยกเว้นว่าเราจะปฏิบัติตรงเข้าหาอารมณ์พระโสดาบัน ถ้าหากว่าทรงอารมณ์พระโสดาบันได้ ปิดอบายภูมิได้ถือว่าปลอดภัย แต่ก็ยังต้องเกิดมาทุกข์อีก อย่างน้อยก็ ๑ ชาติ อย่างกลางก็ ๓ ชาติ อย่างมากก็ ๗ ชาติ แต่ขึ้นชื่อว่าความทุกข์นี้วันเดียวก็ไม่เอาแล้ว อย่าให้เป็นชาติเลย อาตมาได้ยินเหมือนนักโทษประหารมีคนเปิดประตูให้หนี ก็เผ่นสุดชีวิตเลย บรรดาอภิญญาสมาบัติอะไรที่อุตส่าห์ฝึกได้ก็กองทิ้งเอาไว้ตรงนั้นแหละ เลิกกันเสียที

ฉะนั้น...ในส่วนนี้ที่อยากจะบอกกับญาติโยมก็คือ การรู้เห็นต่าง ๆ ในการปฏิบัติเป็นของแถม และมักจะพาให้เสียมากกว่าดี อาตมาเองได้รับฉายาจากหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านตั้งให้ ท่านบอกว่า "พระท่านตั้งให้เฉพาะ ฉายาที่ตั้งให้ในรุ่นนี้ตรงตัวทุกคน" ท่านตั้งฉายาให้อาตมาว่า สุธมฺมปญฺโญ ท่านแปลเองว่า เป็นผู้มีปัญญาในการปฏิบัติธรรมดีมาก อาตมายังสงสัยว่าตัวเองมีปัญญาตรงไหน ? เพราะว่าไม่ว่าจะปฏิบัติแง่ไหน มุมไหน ถึงเวลาแวะไปหาหลวงพ่อเป็นโดนหวดน่วมกลับมาทุกที ดีตรงไหนวะ ?"

เถรี 10-05-2018 17:10

"ถึงเวลาก็วิ่งไปรายงานท่านด้วยความภาคภูมิใจ "หลวงพ่อครับ...ตอนนี้อนุสติ ๑๐ ผมสามารถไล่อารมณ์เต็มได้ภายใน ๓๐ นาทีเท่านั้น" หลวงพ่อบอกว่า "ช้าไปลูก ไม่ทันกิน สมัยหลวงพ่อทำกรรมฐาน ๔๐ กอง ถ้าต้องใช้เวลาถึง ๒ นาที ถือว่าทื่อมากแล้ว" อาตมากลืนน้ำลายเอื๊อก เป็นไปได้หรือวะ ? ตูว่าคล่อง ๆ แล้ว แค่ ๑๐ กอง ไล่อยู่ ๓๐ นาทีโดยประมาณ หลวงพ่อท่านบอกว่า ๔๐ กอง ๒ นาที..!

ตอนนั้นยังโง่มาก ไม่รู้วิธีเปลี่ยนกองกรรมฐาน คือต้องประเภทลงมาถึงตีนบันไดแล้วไต่ขึ้นไปใหม่ หารู้ไม่ว่าถ้าถึงข้างบนแล้วแค่ก้าวข้ามบันไดไป ถ้าลักษณะอย่างนั้นกรรมฐาน ๔๐ กอง ใช้เวลาถึง ๒ นาทีถือว่านานมาก อาตมาตอนแรกเข้าใจผิด คิดว่าต้องลงมานับ ๑...๒...๓ จนถึง ๑๐ แต่ไม่หรอก พอ ๑๐ แล้ว ก็ ๑๐...๑๐...๑๐...๑๐ ไปคว้าตอนจบเลย

ทำให้ถึงแล้วจะรู้ว่าเปลี่ยนอย่างไร ถ้ายังทำไม่ถูกก็ว่าไปเรื่อย ๆ ก่อน อาตมาก็สงสัยว่าทำขนาดนี้แล้วยังไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของหลวงพ่อ แล้วท่านบอกว่าเป็นผู้มีปัญญาในการปฏิบัติธรรม เป็นได้อย่างไร ? พอหลังจากที่ปล้ำเป็นปล้ำตายมารวม เวลาทั้งหมด ๑๘ ปี ปีสุดท้ายก่อนหลวงพ่อมรณภาพพอดี ก็ถึงได้เข้าใจว่า สิ่งต่าง ๆ ที่คนอื่นไม่คิด คนอื่นไม่มอง คนอื่นไม่เก็บมาใช้งาน อาตมาคิด มองดูด้วยความพินิจพิจารณา และเก็บมาใช้งานทุกเม็ด ต่างกันแค่นี้เอง ถ้าใครทำแบบนี้ก็ทำแบบอาตมาได้ทุกคน"

เถรี 10-05-2018 17:18

"เพราะว่าเรื่องของหลักธรรมเราจะรอให้กิเลสวิ่งมาชนเราไม่ได้...ตาย มีอยู่อย่างเดียวคือต้องสมมติคู่ต่อสู้ขึ้นมาก่อน ต้องพินิจพิจารณาอยู่ในใจของเราก่อน ซักซ้อมจนกระทั่งคล่องตัว ถึงเวลาไปชนแล้วเราจะต้านได้นานเท่าไร

คราวนี้มาแค่นี้เราสู้ได้ไม่ถึงนาที ต่อไปหลบไปมุมโน้นยืนหยัดได้อีกนาที ๒ นาที ต้องหาวิธี ถ้าจะแพ้ก็แพ้ให้ช้าที่สุด ถ้าชนะได้จะเป็นสิ่งที่ปลื้มใจมาก ท้ายสุดก็ปฏิบัติตามแนวกรรมฐาน ๔๐ ที่หลวงพ่อท่านบอก ระยะเวลาที่ทุ่มเทให้นั้น ทั้งชีวิตพระและฆราวาส ๑๘ ปีเต็ม ๆ ทุ่มให้กับการภาวนา พวกเราคงไม่มีอารมณ์ทำกันนานขนาดนั้น

เมื่อถึงเวลาทำแล้วต้องใช้งานจริงได้ ต้องรับแรงกระทบได้ ตอนแรก ๆ หลวงพ่อท่านบอกว่า ท่านไม่นิยมการธุดงค์ เพราะว่าการธุดงค์สำหรับคนทั่วไปแล้ว เป็นการหนีกิเลสชั่วคราว พอออกมาชนกิเลสเมื่อไรก็พังเมื่อนั้น อาตมาเองก็นั่งชนกิเลสอยู่ในวัด ถึงเวลาเฝ้าหน้าห้องหลวงพ่อ เปิดฟุตบอลดู เปิดมวยดู เปิดเพลงฟัง คนอื่นเปิดเมื่อไรไม่โดนด่าหูตูบก็ไม้เท้าลงกบาล แต่อาตมาเปิดดูไม่เคยโดนด่า

จนกระทั่งพระพี่พระน้องบอกว่าอาตมาเป็นเด็กเส้น ทำอะไรไม่เคยผิด ถ้าทำอย่างอาตมาทำนะ...ไม่ผิด แต่ถ้าทำอย่างที่พี่ ๆ น้อง ๆ ทำนะ...ผิด เพราะว่าเปิดฟุตบอลดู อาตมาเขียนผลฟุตบอลคู่นั้นไว้แล้ว เปิดมวยดูเขียนผลไว้แล้วว่าคู่นั้นใครแพ้ใครชนะ ชนะน็อก ชนะคะแนน ชนะยกไหน แค่เปิดดูให้รู้ว่าตรงไหม

เปิดเพลงฟังเลือกเฉพาะคนที่เราชอบ แล้วพยายามภาวนาให้ใจของเราไม่ไหลไปตามเนื้อเพลง ซ้อมอยู่ทุกวัน ซักซ้อมอยู่เป็นปี ๆ ท่านที่รู้ดีที่สุดในวัดมี ๒ ท่าน ก็คือหลวงพี่โอ (ท่านพระครูสมุห์พิชิต ฐิตวีโร) นั่นระดับอาจารย์ของอาตมา อีกท่านหนึ่งก็คือ คุณศุภาพร ปุษยะนาวิน อดีตภรรยาของหลวงตาวัชรชัย สองท่านนี้ช่างสังเกตมาก ถึงเวลาจับได้ทุกทีว่าอาตมาแอบทำกรรมฐาน ก็คือทำอย่าให้คนอื่นเขารู้ ฝึกก็อย่าให้คนอื่นเขารู้ แต่ก็ทำไปเรื่อย เรื่องพวกนี้ทุกคนทำได้หมด เพราะว่าการทำกรรมฐานโดยอยากให้คนอื่นรู้ ถ้าหากว่าอยากอวดเขา จัดเป็นอุปกิเลสอย่างหนึ่ง ฉะนั้น...ทำอย่างไรที่เราจะฝึกซ้อมการปฏิบัติจนใช้งาน
ได้จริง โดยที่ไม่ให้คนอื่นเขารู้ว่าเราทำ ก็แปลว่าต้องออกไปผจญกับของจริง"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:12


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว