กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๖ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=130)
-   -   เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๖ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=9226)

ตัวเล็ก 12-01-2023 19:51

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๖
 
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๖



เถรี 13-01-2023 00:17

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ อากาศเปลี่ยนแปลงค่อนข้างแรง จากหนาวก็กลายเป็นฝน ผ้าห่มที่พวกเรารับมาตอนบิณฑบาต ใครจะเอาไปใช้ก็ไปขอที่คลังได้ เพราะว่าสีน้ำตาลเหมาะกับพระมากกว่า บางคนใช้ผ้าห่มสีชมพูหรือสีแดง กระผม/อาตมภาพเห็นแล้วจะขาดใจตาย..!

คราวนี้ถ้าพวกเราสังเกตจะเห็นว่า ร้านสังฆภัณฑ์ที่ถวายผ้าห่มมาเป็นจำนวนมากนั้นเป็นคนต่างด้าว จะเห็นว่าระยะหลังนี้บรรดาคนต่างด้าว ซึ่งปกติเคยเป็นลูกจ้างบ้าง เอากระจาดเทินหัวเดินขายของบ้าง เป็นเจ้าของร้านไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะรายที่เซ้งร้านลัดดาวัลย์ คุณรู้ไหมว่าร้านลัดดาวัลย์ติดต่อกระผม/อาตมภาพมาก่อน ว่าให้หลวงพ่อหาลูกศิษย์มาซื้อกิจการพร้อมกับลูกค้าทั้งหมด ซึ่งสิ่งที่คนเขาต้องการในกิจการนี้คือฐานลูกค้า เขาขายในราคา ๒๐ ล้านบาท ปรากฏว่าคนซื้อไปที่ใส่บาตรอยู่ทุกวัน พวกคุณก็เห็นว่าเป็นต่างด้าว..!

พวกเราจะเห็นอยู่สองประการ ประการแรกก็คือคนต่างด้าวส่วนใหญ่แล้วเห็นว่าการอยู่บ้านเรานี่เป็นโอกาสทอง ค้าขาย เก็บเงินเก็บทองเอาไว้ มีโอกาสก็ซื้อกิจการ ถ้าพวกท่านช่างสังเกตหน่อยจะเห็นว่า ร้านขายโทรศัพท์มือถือเกือบ ๑๐ ร้านในตัวตลาดทองผาภูมิ เจ้าของเป็นต่างด้าวเกือบหมด..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเขาทั้งหลายเหล่านี้สำนึกตัวว่าอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ถ้าไม่ขยัน ประหยัดกิน ประหยัดใช้ นอกจากตัวเองและญาติพี่น้องจะไม่รอดแล้ว โอกาสที่จะลืมตาอ้าปากเป็นหลักเป็นฐานก็ไม่มีอีกด้วย

เถรี 13-01-2023 00:19

ตั้งแต่กระผม/อาตมภาพมาทองผาภูมิใหม่ ๆ เมื่อ ๓๐ กว่าปีที่แล้ว เห็นพี่น้องมอญพม่าส่วนใหญ่เมื่อรับเงินเดือน ถ้าพอซื้อทองคำครึ่งสลึงก็ซื้อครึ่งสลึง พอซื้อ ๑ สลึงก็ซื้อ ๑ สลึง แทบจะไม่เก็บเงินสดไว้กับตัวเองเลย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าตอนที่อยู่ประเทศพม่า การเงินขึ้นอยู่กับความพอใจของรัฐบาล นึกอยากจะยกเลิกธนบัตรรุ่นไหนก็สั่งยกเลิกเอาเฉย ๆ เขาถือเงินรุ่นนั้นไว้เท่าไรก็ถือว่าเป็นความซวยของเขาเอง..!


นึกอยากจะขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ก็ขึ้นที ๕๐๐ เปอร์เซ็นต์..! เพราะฉะนั้น..เงินธนบัตรจึงเป็นอะไรที่ผันผวนมาก เขาจึงเก็บเป็นทองคำแทน และโดยเฉพาะถ้าซื้อทองคำไทย ๑๐ บาท จะได้ทองคำพม่า ๑๑ บาท เพราะว่าทองคำไทยน้ำหนักมากกว่าทองคำพม่า

อีกประการหนึ่งก็คือ คนทั้งหลายเหล่านี้ไม่เคยเว้นในเรื่องการทำบุญ พวกเราจะเห็นว่าเขาใส่บาตรกันเป็นประจำ ตลาดทองผาภูมิของเรามีทั้งวัดท่าขนุน วัดทองผาภูมิ วัดเวฬุวัน วัดป่าผาตาดธารสวรรค์ และวัดจวบจันทร์วนาราม มาบิณฑบาตด้วยกัน ถ้าคนไม่ใส่บาตรเยอะจริง ๆ เลี้ยงพระเณร ๕ วัดไม่ไหวหรอก

พี่น้องต่างด้าวทั้งหลายเหล่านี้ทำบุญเป็นปกติ เราจะเห็นว่าบางทีเขาปิดร้านหายไปเลย ก็คือไปงานทำบุญ โดยเฉพาะเจ้าของร้านสังฆภัณฑ์ที่ถวายผ้าห่มมา พวกท่านต้องคิดนะครับว่าผ้าห่มผืนละเท่าไร ? แล้วถวายมาทีละเป็นโหล เขาไม่ได้สนใจในเรื่องของกำไรขาดทุน เขาสนใจในเรื่องของบุญ ก็คือรู้สึกว่าตนเองขาดบุญส่วนนี้ก็จะทำบุญในส่วนนี้ อย่าลืมว่าผ้าห่มเป็น ๑๐ ผืนนี่ ไม่รู้ว่าเขาต้องค้าขายนานเท่าไรจึงมีกำไรเพียงพอกับราคาผ้าห่ม แต่เขาก็ถวายพระมาก่อนเพื่อเอาบุญ..!

เราดูแค่กำลังใจในการให้ทานของพี่น้องต่างด้าวเหล่านี้ก็รู้อยู่แล้วว่าเราสู้เขาไม่ได้ เพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้ไม่ได้สนใจชีวิตปัจจุบัน เขาลำบากมามากแล้ว อยู่เมืองไทยอย่างไรก็มีกินมีใช้ สบายกว่ากัน จึงไม่กลัวลำบาก แต่กลัวว่าบุญน้อยแล้วเกิดชาติต่อไปจะลำบาก ทุกคนจึงมีการทำบุญเป็นปกติ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่เพียงแต่ว่า ถ้าใครจะทำในลักษณะนี้เราก็ต้องคิดหน้าคิดหลังบ้าง ไม่ใช่ว่ามีกำลังใจเราก็ทำโดยที่ไม่ได้ดูว่าคนรอบข้างของเราว่าจะเดือดร้อนหรือเปล่า

เถรี 13-01-2023 00:21

อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะพูดถึงก็คือ ท่านที่เข้าไปในเว็บไซต์วัดท่าขนุน จะเห็นว่าระยะนี้กระผม/อาตมภาพนำเอาวัตถุมงคลส่วนตัวชิ้นระดับสุดยอดมาลง ซึ่งราคาก็ค่อนข้างแพงตามปกติ บางองค์อย่างเช่นว่าพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์เนื้อดินเผา ของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หนีกลับมาหากระผม/อาตมภาพอีกต่างหาก แล้วถ้าหากว่าใครได้เห็นของจริงจะรู้ว่าสวยเหมือนเพิ่งจะพิมพ์เสร็จใหม่ ๆ เลย

ในเรื่องของวัตถุมงคลนี่ ถ้าหากว่าเราอยู่ในวงการ นาน ๆ ถึงจะเจอองค์ที่สวยชนิด "หูตากะพริบ" สักที แล้วท่านทั้งหลายก็จะเห็นว่า ไม่ว่าจะเหรียญหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน หลวงปู่ภู วัดดอนรัก หลวงพ่อกุ่ม วัดฝาง สภาพล้วนแล้วแต่สวยส่งประกวดได้ทั้งนั้น นั่นเป็นเรื่องที่หลายสิบปีกว่าที่จะหาได้แบบนั้นสักเหรียญหนึ่ง แล้วไม่ต้องห่วงครับ ราคาหลักหมื่นหลักแสนทั้งนั้น

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าครูบาอาจารย์ทั้งหลายเหล่านี้ ของท่านดีจริง องค์ท่านเก่งจริง บรรดาลูกศิษย์ลูกหาแขวนติดตัว ชนิดที่ถ้าไม่ใช่สายตรง บางคนจะจำไม่ได้ว่านี่เป็นเหรียญครูบาอาจารย์ตัวเอง เพราะว่าสึกจนไม่เห็นอะไรเลยก็มี ร้อยวันพันปีถึงจะมีประเภทสวยมีหน้ามีตาหลุดมาสักเหรียญหนึ่ง

อย่างเหรียญหลวงปู่ภู วัดดอนรัก หรือว่าหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ โดยปกติแล้วก็คือใช้สึกจนหาหน้าหาตาไม่ได้ นาน ๆ หลุดมาสักเหรียญหนึ่งก็แทบจะตีกันตาย แล้วเจ้าของก็ค่อนข้างหวง บางทีตามแล้วตามอีก ตื๊อแล้วตื๊ออีก แบบเดียวกับที่กระผม/อาตมภาพวนเวียนอยู่หลายรอบ กว่าที่จะได้ตะกรุดหนังเสือของหลวงพ่อแพ วัดกลางราชครูธารามมา เพราะว่าเจ้าของใช้แล้วมีประสบการณ์จึงหวงมาก

อย่างของหลวงปู่ภู วัดดอนรัก เจ้าของแขวนติดเอวไปแล้วไปล่าสัตว์ ยิงเท่าไรก็ยิงไม่ออก กันแม้กระทั่งปืนตัวเอง..! ในเมื่อเป็นของดี อยู่ในลักษณะที่ท้าพิสูจน์ได้ในลักษณะอย่างนั้น คนที่ได้ไปก็แขวนติดตัว ไม่ยอมปล่อยให้ห่าง

หรืออย่างสมเด็จหูของหลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ ชื่อเสียงโด่งดังในสงครามเวียดนามมาก แม้กระทั่งเสี่ยใหญ่ของอ่างทองที่โดนระเบิดตาย ร่างกายไม่มีรอยแผลแม้แต่นิดเดียว นั่นขนาดแขวนเหรียญที่สึกจนมองหน้าตาไม่เห็นแล้ว..!

เถรี 13-01-2023 00:25

ดังนั้น..ของพวกนี้ต้องบอกว่า ถึงราคาแพง แต่ว่าสวยคุ้มค่า ส่งประกวดได้ทุกองค์ ซึ่งโดยปกติแล้วกระผม/อาตมภาพก็ใช้ติดตัวอยู่ ถามว่ามีอย่างอื่นไหม ? มี..แต่ไปค้นไม่ทัน เพราะฉะนั้น..มีอะไรติดตัวอยู่ก็ถ่ายรูปส่งให้ไอ้ตัวเล็กไปก่อน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวไม่มีของลงแล้วเว็บไซต์จะเหงา ของตัวเองบางทีถึงเสียดาย แต่ก็คิดว่านานไปน่าจะมีอีก เพียงแต่ราคาจะอยู่ในระดับไหนก็ไม่รู้ ?

โดยเฉพาะพระหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ตอนนี้กระผม/อาตมภาพน่าจะมีมากที่สุดในประเทศไทย แต่ว่าเป็นของที่พี่อรรณพ (พ.ต.อ.อรรณพ กอวัฒนา) ท่านถวายมาให้ใช้ประโยชน์ในพระพุทธศาสนา ในเมื่อเป็นเช่นนั้นจึงต้องรักษาเอาไว้ ที่เอาออกไปจำหน่ายนั่นก็คือของที่ตัวเองสะสมมานาน แล้วที่ออกไปงวดนี้ก็เป็นองค์สุดท้ายที่มีอยู่ด้วย ก็เหลือแต่องค์ของที่พี่อรรณพถวายมาล่าสุดพร้อมกับพระชุดใหญ่ บอกว่า "องค์นี้ถวายหลวงพี่เป็นส่วนตัว" ไม่อย่างนั้นแล้วกระผม/อาตมภาพเองก็จะไม่เหลืออีกแล้ว

ถ้าถามว่าหามาโดยยากแล้วตัดใจได้อย่างไร ? ตรงนี้แหละสำคัญ เพราะว่าถ้าหากว่าสภาพจิตของเราสามารถตัดสิ่งที่เรารักเราชอบได้ ท้ายสุดก็จะตัดร่างกายที่เรารักที่สุดได้

กระผม/อาตมภาพเคยลืมมีดหมอชาตรี ด้ามงา ฝักไม้ ใบมีด ๗ นิ้วของหลวงพ่อวัดท่าซุง รุ่นแรกด้วย เพราะว่าหามาเข้าพิธีเอง ๔๐ กว่าเล่ม กวาดมาหมดตลาดเลย..! แล้วก็เก็บเอาไว้เล่มเดียว เพราะว่าเป็นเล่มที่สวยถูกใจที่สุด ติดย่ามเพื่อใช้งานมาตลอด

ปรากฏว่าวันนั้นมีอธิกรณ์ที่วัดทองผาภูมิ มัวแต่ไปยุ่ง ๆ อยู่ จึงลืมย่ามที่ใส่มีดหมอไว้ที่นั่น กลับมานอนพักแล้วถึงนึกขึ้นมาได้ว่าลืมมีดหมอ ขยับตัวลุกขึ้นมาได้นิดเดียวก็ทิ้งตัวนอนต่อไปตามเดิม ถามว่าทำไม ? คือความคิดตอนนั้นแวบขึ้นมาว่า "ถ้ามีดหมอเล่มเดียว เอ็งตัดไม่ได้ ร่างกายนี้เอ็งก็ตัดไม่ได้หรอก"

เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ชัดเลย ว่าสิ่งที่เราปฏิบัติมามีผลหรือไม่มีผล ถึงแม้ว่า
กระผม/อาตมภาพจะชอบวัตถุมงคลทั้งหลายทั้งปวงมาตั้งแต่ตอนเป็นฆราวาส เพราะว่าโดนบรรดารุ่นปู่ย่าตาทวด กระทั่งพี่ ๆ เขาอบรมกันมาในสภากาแฟตั้งแต่เด็ก แต่พอมาปฏิบัติธรรม ก็สามารถที่จะตัด จะละได้ อยู่ในลักษณะที่ว่าไม่ตายก็หาใหม่ได้ ถ้าตายก็เป็นอันว่าจบกัน

ดังนั้น..กำลังใจพวกนี้ เราสามารถใช้ได้ในทุกเรื่อง ถ้าหากว่าเราสามารถตัดในสิ่งที่เรารักเราชอบได้ ก็ไม่มีอะไรที่เราจะตัดไม่ได้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 14:38


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว