กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   ใต้ฟ้าอิระวดี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=42)
-   -   ใต้ฟ้าอิระวดี ตอนที่ ๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1513)

คิมหันต์ 17-01-2010 22:56

ใต้ฟ้าอิระวดี ตอนที่ ๒
 
1 Attachment(s)
ลุกขึ้นเดินจงกรมตั้งแต่ตีสาม พระพุทธเจ้าตรัสว่า “บุคคลผู้นอนไม่หลับ” มีอยู่ ๕ ประเภท คือ

๑. หญิงผู้ครุ่นคำนึงถึงชาย
๒. ชายผู้ครุ่นคำนึงถึงหญิง
๓. คนร้ายผู้ประสงค์ต่อทรัพย์
๔. พระราชาผู้ขยันออกประกอบพระราชภารกิจ
๕. ภิกษุผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร ลุกขึ้นเร่งทำความเพียรเพื่อความหลุดพ้น


อาตมาก็ไม่ทราบว่าตนเองนั้นจัดอยู่ในประเภทใด แต่รับรองว่าไม่ใช่พระราชาผู้ขยันแน่ ๆ พอตีสี่พระเวรลุกขึ้นมาตีเกราะปลุกทั้งพระเณรและชาวบ้าน เกราะทำด้วยท่อนซุงโตเป็นโอบ เสียงดังสะท้อนกับภูเขารอบข้างกระหึ่มไปหมด คนขี้เซาสุดขีดเท่านั้นที่จะไม่ได้ยิน (ถ้าถึงขนาดนั้นก็ควรหามไปเผาได้แล้ว..!)

อาตมาเลิกเดินจงกรมไปสรงน้ำ ท่านอังกุระทำท่าจะขาดใจตายแทน อากาศกำลังสบายแบบนี้ ท่านยังทั้งคลุมทั้งห่ม ถ้าเจอ ๑๔ - ๑๕ องศา แบบที่เกาะพระฤๅษี ท่านคงชักตายไปเลย..! ตีห้าครึ่งเสียงระฆังเรียกพระเณรออกบิณฑบาต ท้องฟ้ายังมืดอยู่ เห็นพระเณรเดินถือตะเกียงกระป๋อง สะพายบาตรเดินตามกันไปเป็นทิวแถวในความมืด…

http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1264056792
พระภิกษุสามเณรกำลังออกบิณฑบาต

หกโมงครึ่ง รถกระบะเก่า ๆ มารับอาตมากับคณะไปฉันเช้าที่บ้านงาน มาตอนกลางวันแบบนี้จึงเห็นชัดว่า บ้านเรือนของชาวบ้านล้วนแต่ชำรุดทรุดโทรมทั้งนั้น ท่านนาวินอธิบายว่า “รัฐมอญกับรัฐกะเหรี่ยงไม่ค่อยเจริญหรอกครับ รัฐบาลเขาว่าพวกนี้หัวแข็ง จึงไม่มาพัฒนาให้ ต้องเลยหงสาวดีไปแล้ว จึงค่อยเห็นความเจริญบ้าง...”

อาหารพม่าหนักเครื่องเทศและน้ำมัน จะผัดจะแกงน้ำมันท่วมมาทั้งนั้น “ท่านอาจารย์พอจะฉันแกงพม่าได้ไหมครับ..?” ท่านอังกุระ มหาบัณฑิตจากสำนักมหากันตะยงถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “อะไรที่มนุษย์เขากลืนลงไปได้ คุณส่งมาได้เลย..” อาตมาตอบแบบไม่ต้องรบกวนกฤษฎีกาตีความ เป็นพระมีอะไรก็ต้องฉันแบบนั้น แค่ดำรงขันธ์ไปวัน ๆ ก็พอแล้ว...

เห็นแบบอย่างที่ดีจากชาวบ้านที่นี่คือ เขามีพานดอกไม้ธูปเทียนสำหรับขอศีล มีการประกาศให้สรรพสัตว์ทั้งหลายร่วมโมทนาบุญ และเมื่อเสร็จพิธีแล้วจะกราบขอขมาพระรัตนตรัย ลักษณะแบบนี้อาตมาเห็นแต่ชาวบ้านทางเหนือของเราเท่านั้น ที่ยังทำกันอยู่เป็นปกติ ที่อื่นถ้ายังมีอยู่ ก็แปลว่าอาตมายังไม่เคยพบ ถ้าเป็นดังนั้นก็ต้องกราบขออภัย…

กลับมาสอนลูกแมวต่อ อาจารย์สุมังคะละท่านขอร้อง “ขอบารมีท่านอาจารย์ด้วยเถอะครับ ให้ผมสอนจะกลายเป็นสำเนียงลาวหมด…” มันก็จริงของท่าน พยายามแก้คำว่า “เกี้ยว” ให้เป็น “แก้ว” คำว่า “แบ้น” ให้เป็น “บ้าน” เท่านี้ก็แย่แล้ว การเรียนภาษาตอนโตแล้วมันเสียตรงฐานการออกเสียงนี่แหละ เผลอทีไร ร.เรือ เป็น ร.เรีย ทุกที..!

ถูกไล่ที่ถึงรู้ว่าเพลแล้ว หยุดสอนไปฉันขนมจีนพม่า น้ำยาแบบลาวหน้าตาคล้ายแกงเขียวหวาน แต่รสชาติของมันคือซุปหัวหอมดี ๆ นี่เอง ส่วนน้ำยาแบบพม่านั้นก็คือแกงหยวกกล้วยธรรมดา สีดำ ๆ รสชาติค่อนข้างจะเค็ม ไม่มีผลไม้ตามมาหลังอาหาร มีแต่ขนมหน้าตาแปลก ๆ ๒ - ๓ ชนิด รสเหมือนแป้งทอดเปี๊ยบเลย...

หมดปัญหาเรื่องปากท้อง แต่ปัญหาใหญ่กำลังจะตามมา แม่ออกกงซุ่ยเกิดคิดแผนเลิศขึ้นมาได้ จะให้ลูกแมวตามไปเรียนหนังสือที่เมืองไทยกับอาตมา “ยกให้เป็นลูกครูบา..” แม่ออกแกสรุปง่าย ๆ ยุ่งตายห่..เลยตู.. ถ้าไม่ถูกบรรดาลูก ๆ ของอาตมาฉีกเป็นชิ้น ๆ ซะก่อน อาตมาก็คงติดคุกหัวโต ข้อหาให้การอุปการะคนต่างด้าว..!

ถามดูถึงรู้ว่ายายหนูอายุ ๒๐ แล้ว ครบลักษณะผิวพม่านัยน์ตาแขก เพียงแต่ตาออกจะเจ้าชู้ไปหน่อย.. “พ่อใหญ่ แม่ใหญ่ ของมันเป็นลาว พ่อทวด แม่ทวด ของมันก็ลาว แม่มันก็เป็นลาว มาได้กับพม่า...” แม่ออกแกชักประวัติจนหลานสาวบ่นอุบอิบว่า “เป็นม่านมันบ่ดีที่ใด๋ ?” ม่านก็คือพม่านั่นเอง...

ขืนปล่อยให้สาธยายต่อคงถึงสิบแปดชั่วคน พอดีไม่ต้องเรียนกัน พระเจ้าจะอยู่กันไม่ได้ก็ตรงญาติโยมเอาลูกหลานงาม ๆ มาฝากนี่แหละ อาตมาตัดบทด้วยการแยกอักษรสูง อักษรกลาง อักษรต่ำ แล้วสอนวิธีการผันวรรณยุกต์ตามเสียงอักษร ให้ลูกแมวก้มหน้าก้มตาซ้อมการผันเสียงไป ก่อนที่แม่ออกแกจะมีแผนร้าย..เอ๊ย..แผนดี ๆ อะไรออกมาอีก..!

สี่โมงเย็นเลิกสอน ทรงสมาธิแน่นไปหน่อย เพราะกลัวจิตใจจะฟุ้งซ่าน ไปคิดมิดีมิร้ายกับลูกศิษย์สาว ๆ เข้า พอดีมีโยมโดนไสยศาสตร์มาให้ท่านสุมังคะละช่วย ท่านว่ามันเกินกำลัง ขอให้อาตมาสงเคราะห์แทน ฟาดหัวไปเปรี้ยงเดียวหลุดเกลี้ยงยิ้มแต้ไปเลย บอกว่ารักษามาหลายที่ไม่หายเด็ดขาดเหมือนที่นี่..!

หลังทำวัตรเย็นถึงได้ดูของดี ท่านสุมังคะละสวมหน้ายักษ์อบรมพระเณรและเด็กวัด ใครขาดสวดมนต์ทำวัตรถูก “ชยันโต” ซะหูตูบไปตาม ๆ กัน เด็กวัดที่ไม่มาสวดมนต์ทำวัตรถูกเรียกมาเข้าแถว ฟาดหลังด้วยรัดประคตคนละ ๓ ที “พ่อแม่เพิ่นอยากให้พวกมึงได้ดีถึงเอามาฝากวัด ขี้คร้านแบบนี้มันสิดีได้จังใด๋ ?”

คลิกเพื่ออ่านตอนต่อไป


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:58


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว