กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๔ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2938)

เถรี 05-10-2011 15:58

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๔
 
ถาม : ทำไมพระในสมัยพุทธกาลท่านชอบเข้านิโรธสมาบัติคะ ?
ตอบ : เพราะเข้าแล้วสบาย

ถาม : สมัยนั้นทุกข์มากเลยหรือคะ ?
ตอบ : ด้วยความที่จิตท่านละเอียดมาก ท่านจึงเห็นความทุกข์อย่างชัดเจน ในเมื่อรู้เห็นชัดเจนก็เท่ากับว่ารับทุกข์มากกว่าคนอื่น จึงรู้สึกทุกข์มากกว่าคนอื่น

ถาม : สมัยนั้นเหมือนกับสมัยนี้หรือไม่คะ ?
ตอบ : สภาพร่างกายหิวกระหาย ร้อนหนาว เจ็บไข้ได้ป่วย สกปรกโสโครก เหมือนกันหมดนั่นแหละ จะยุคไหนสมัยไหนก็เหมือนกัน มีสภาวทุกข์ (ทุกข์ตามสภาพ) เหมือน ๆ กัน มีปกิณกทุกข์ (ทุกข์เล็กน้อยทั่วไป) เหมือน ๆ กัน มีนิพัทธทุกข์ (ทุกข์ประจำ) เหมือน ๆ กัน

เถรี 06-10-2011 13:40

พระอาจารย์กล่าวว่า "ครอบครัวถ้าคิดที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ บางครั้งก็ต้องมีความลับเล็ก ๆ ต่อกัน อย่างเราบอกเขาว่าไปวัด เขาก็บ่นว่าเรา ถ้าเราบอกว่าไปเที่ยวก็จบ ไปเที่ยวกับเพื่อน ๓ วันนะ นี่เป็นศิลปะในการดำรงชีวิตที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า สิปปัญจะ เอตัมมังคะละมุตตะมัง การมีศิลปะจัดเป็นอุดมมงคล

นอกจากศิลปะที่เป็นความรู้ในการหาเลี้ยงชีพแล้ว ยังมีศิลปะในการเอาตัวรอด ศิลปะในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น และท้ายสุดก็คือ ศิลปะในการต่อสู้เพื่อให้พ้นจากกิเลส พระพุทธเจ้าท่านหมายเอาหลักธรรม เราก็ดึงฟ้าต่ำลงมานิดหนึ่ง เอาเรื่องทางโลกปน ๆ ไปหน่อย"

เถรี 06-10-2011 13:53

ถาม : นี่เป็นข้าวกลายเป็นหิน ใช่หรือเปล่าคะ ? ได้มาจากฝั่งลาว
ตอบ : ไม่ใช่..โดนเขาหลอกแล้ว นี่เป็นพระธาตุสีวลี


ถาม : หนูนึกว่าเป็นหินงอกหินย้อย เกือบจะเอามะนาวทดสอบสารละลายแคลเซียมแล้วค่ะ
ตอบ : เขาเรียกว่าพระธาตุเทพนิมิต แบบเดียวกับที่คนเราสร้างพระเครื่องไว้บูชา เทวดาก็สร้างพระธาตุไว้บูชาเหมือนกัน ก็ต้องนิมิตเอาจากสิ่งธรรมชาติรอบ ๆ ข้าง

ตอนนั้นพาทิดตู่ที่ยังเป็นเณรไปถ้ำที่มีพระธาตุ เขาเห็นก็ติดใจเพราะสถานที่เย็นมาก พอกลับมาเขาก็พาโยมกลับไปใหม่ แล้วก็ไปโกยพระธาตุใส่ถุงมา

มีโยมคนหนึ่งชื่อตาธูป สมัยแรก ๆ ก็มาทำงานเป็นช่างไม้ช่างปูนอยู่ที่เกาะพระฤๅษี ตอนเดินกลับตาธูปรู้สึกเสียวสันหลัง เลยหันกลับไป จึงเห็นว่าระหว่างที่เดินออกมา มีรอยเท้าเหยียบตามมาด้วย มีแต่รอยนะ..ไม่เห็นตัว ตาธูปขวัญหนีดีฝ่อ ในที่สุดนึกขึ้นได้ว่า โบราณบอกว่าถ้าเจ้าของหวงก็ให้ซื้อเขา ตาธูปเลยล้วงเงินหมดตัว มีเงินเท่าไรก็ขอซื้อ แต่ทิดตู่ไม่ได้ขอซื้อ เลยโดนยันตกเขาอยู่คนเดียว..เกือบตาย..!

เถรี 06-10-2011 13:56

ถาม : พระหลวงปู่ปานองค์นี้เป็นของที่ไหน ?
ตอบ : คุณไม่ต้องสงสัยหรอก พระของหลวงปู่ปานจะจริงจะปลอม จะแท้จะเทียม ท่านให้พรไว้ว่าถ้านึกถึงท่านอานุภาพเท่ากันหมด นึกถึงท่านก็ใช้ได้แล้ว คาถาปลุกคือ อิทธิฤทธิพุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึ่งแก่มะอะอุนี้เถิด

เถรี 06-10-2011 14:15

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระราหุลเป็นเอตะทัคคะทางใคร่ในการศึกษา ตอนเช้า ๆ ท่านไปล้างหน้า ก็จะกอบทรายที่ริมน้ำขึ้นมาอธิษฐานว่า “วันนี้ขอให้ได้ข้อธรรมคำสอนจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเหล่าพระเถระทั้งหลาย มากเท่าจำนวนเม็ดทรายในกอบนี้” อธิษฐานอย่างนั้นทุกวัน ฉะนั้น..ความใฝ่ในการศึกษาเป็นปฏิปทาเฉพาะตัวของท่าน

พระราหุลเป็นพระที่ปรินิพพานไม่เหมือนใคร ท่านไปปรินิพพานบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เทวดาจึงต้องทำศพให้"

เถรี 06-10-2011 14:40

ถาม : เป็นมะเร็งเต้านมค่ะ
ตอบ : ต้องไปนั่งกรรมฐานเยอะ ๆ เพราะมะเร็งที่เกี่ยวกับระบบอวัยวะสืบพันธุ์ทุกอย่างของผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งหน้าอก มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ เกิดจากความเครียดแล้วทำให้ฮอร์โมนแปรปรวน ถ้าหากไม่เครียดก็จะหายไปเอง

ขอยืนยันว่าจริง เพราะมีโยมคนหนึ่งตั้งใจจะไปตายที่วัด ไปสวดมนต์ทำวัตรปฏิบัติกรรมฐานอยู่ ๔ เดือน มะเร็งหายไปเฉยเลย ไปหาหมอให้หมอตรวจ หมอถามว่าไปทำอะไรมา โยมเขาก็บอกตามความจริง หมอบอกว่าใช่เลย แต่คนอื่นเขาสู้ไม่ได้อย่างนั้น คือคนอื่นติดทำมาหากิน และไม่สามารถจะบังคับตัวเองให้นั่งสมาธิได้ แต่นั่นเขาตัดใจว่าเขาจะไปตายแล้ว ขอไปตายที่วัด

ในเมื่อตัดใจ ไม่มีห่วงไม่มีกังวล ๔ เดือนผ่านไปมะเร็งก็หายไปเอง ทั้ง ๆ ที่หมอบอกว่าอยู่ได้อีกไม่เกินครึ่งปี แล้วหมอก็อธิบายบอกว่า มะเร็งที่เกิดจากการที่ฮอร์โมนร่างกายแปรปรวนจากความเครียด..ถ้าไม่เครียดก็หาย

เถรี 07-10-2011 09:22

ถาม : บริวารหายากค่ะ ตอนนี้ก็แก่แล้วด้วย
ตอบ : เรื่องบริวารให้บนเสด็จในกรมหลวงชุมพร บอกท่านว่าขอคนให้มาช่วยงาน เป็นคนที่มีความซื่อสัตย์และขยันขันแข็ง ขอให้ท่านช่วยสงเคราะห์หาให้ แล้วเราจะถวายสังฆทานให้ท่าน

ถาม : แล้วถวายที่ไหนคะ ?
ตอบ : ที่วัดไหนก็ได้จ้ะ ถวายเป็นสังฆทานก็แล้วกัน ถ้ามีคนลักษณะนั้นมาแล้ว การค้าของเราจะไม่มีปัญหา เพราะเขาช่วยเราได้

เถรี 07-10-2011 09:27

ถาม : ทำอย่างไรจะค้าขายดีคะ ?
ตอบ : ขายถูก ๆ สิ ขายแพงใครเขาจะซื้อเล่า ? ลดราคาให้ต่ำกว่าคนอื่นหน่อยก็ขายดีไปเอง

ถาม : ขายถูก ๆ ก็เหนื่อยอีก ต้องใช้น้ำมันไปส่งไกล
ตอบ : บางปั๊มเติมแก๊สทุก ๑๐๐ บาทแถมน้ำขวดหนึ่ง อย่างอาตมาเติมทีหนึ่งก็ได้น้ำ ๕-๖ ขวด ส่วนอีกปั๊มหนึ่งนอกจากแถมน้ำร้อยละขวดแล้ว ยังลดราคาอีกลิตรละ ๒๐ สตางค์ เกี่ยงกันตรง ๒๐ สตางค์นี่แหละ อาตมาไปเข้าปั๊มลดราคาดีกว่า เห็นไหมว่าเขาลดแค่ ๒๐ สตางค์แล้วได้ลูกค้าเยอะขึ้นเยอะเลย

เถรี 07-10-2011 09:31

ถาม : เปิดร้านนวดแล้วร้านเงียบค่ะ จะทำอย่างไรดี ?
ตอบ : เอาคาถาเงินล้านของหลวงพ่อวัดท่าซุงไปนั่งภาวนา ยิ่งเงียบยิ่งดี ฉันจะได้ภาวนาให้เยอะ ๆ เดี๋ยวลูกค้าก็ประดังเข้ามาเอง

เถรี 07-10-2011 09:40

พระอาจารย์กล่าวว่า "ครูบาวิฑูรย์แลดูแข็งแรงแล้ว ฟื้นตัวได้เร็ว คนหนุ่มได้เปรียบ ถ้าอาตมาโทรมขนาดนั้นคงร่วงไปแล้ว"

ถาม : ครูบาไม่ได้ฉันอาหาร ๗ วัน โทรมมากเลยหรือคะ ?
ตอบ : ครั้งนี้ท่านเข้ากรรมฐาน ๙ วัน พอออกมา กำลังจะทรงกายยังไม่ค่อยจะมีเลย ดูท่าก็รู้ บอกให้คนเอายาดมให้ก่อน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวท่านจะเป็นลม

เวลาอยู่ในสมาธิจะไม่เป็นอะไร แต่พอออกจากสมาธิมา อาการเวทนาทุกอย่างจะรับรู้หมด อย่างตอนที่อาตมาเข้ากรรมฐานอยู่สามวัน พอคลายกำลังใจออกมา ในท้องอย่างกับไฟไหม้เลย แสดงว่าร่างกายหิวมาก แต่ตอนที่อยู่ในสมาธิเราไม่รับรู้

เรื่องอย่างนี้ถ้าคนไม่ชำนาญจริง ๆ จะไม่สามารถประคองตัวจนงานเลิกได้ จะเสียภาพพจน์ เพราะกำลังใจเวลาคลายออกมา จะคลายหมดเลย ถ้ารู้ว่าได้เวลาเลิกงานแล้ว ร่างกายจะไม่เอากับเราเลย สั่งอย่างไรก็ไม่เล่นด้วยแล้ว ก็หงายแผ่ขายหน้าชาวบ้านเขา อย่างอาตมานี่ไปนอนแผ่ลับหลังดีกว่า ต่อหน้าคนอื่นต้องทำเก่งไว้ก่อน

ถาม : ถ้าอยู่ในธรรมปีติ คืออยู่ด้วยกำลังสมาธิ ?
ตอบ : ถ้าอยู่ด้วยธรรมปีติ ไม่ใช่กำลังสมาธิอย่างเดียว ธรรมปีติจะอาศัยสภาพของสมาบัติปรับร่างกายไปด้วย จะดึงธาตุดินน้ำลมไฟรอบข้างไปใช้งานเอง เป็นการกินเป็นปกติ แต่กินทางผิวหนัง ไม่ได้กินทางปากเท่านั้น อธิบายไปก็บ้า เพราะคนฟังทำไม่ได้

เถรี 07-10-2011 09:42

พระอาจารย์กล่าวว่า "จำไว้ว่า..ในเมื่อร่างกายไม่ใช่ของเรา เราก็ต้องบังคับมันได้ อย่าให้มันบังคับเรา ถึงร่างกายบอกว่าไม่ไหว เราก็จะไป เดี๋ยวมันก็ต้องไปตามเราเอง"

เถรี 08-10-2011 16:26

พระอาจารย์เล่าว่า "น้านิล (คุณนิลประไพ บุญ-หลง) เป็นน้องสาวคนเล็กของหลวงปู่มหาอำพัน สมัยที่อาตมาไปปรนนิบัติดูแลรับใช้หลวงปู่ได้เจอน้านิล

แหวนจักรพรรดิทองคำของวัดท่าซุงที่อาตมาพกติดตัวอยู่ น้านิลเป็นคนถวาย เพราะตอนนั้นราคาแหวนจักรพรรดิสำหรับฆราวาสราคา ๖,๖๐๐ บาท ส่วนพระ..หลวงพ่อท่านคิดเฉพาะต้นทุนแค่ ๒,๒๐๐ บาท แต่ห้ามใช้สิทธิ์แทนกัน เพราะท่านถือว่าให้สิทธิแก่พระเป็นพิเศษแล้ว

แหวนจักรพรรดิเป็นวัตถุมงคลชิ้นเดียวที่หลวงพ่อท่านบอกว่าพระควรจะมีติดตัวไว้ ถามเหตุผลแล้วหลวงพ่อบอกว่า แหวนจักรพรรดิจะให้ผลในการสงเคราะห์บริวารมาก ถ้าหากว่าต่อไปพวกเราออกไปรับผิดชอบงานพระศาสนาในที่ใดก็ตาม ต่อให้มีบริวารมากขนาดไหนก็จะมีปัญญาเลี้ยงเขา

สมัยนั้นราคา ๒,๒๐๐ บาทสำหรับอาตมาถือว่าแพงมาก ไม่มีปัญญาจะบูชา คุณน้านิลประไพก็เลยตัดสินใจควักกระเป๋าจ่ายแทน นี่เขาเพิ่งส่งข่าวมาว่าคุณน้าท่านเสียแล้ว

น้องสาวของหลวงปู่มหาอำพันมีคุณน้าดวงตา คุณน้าส่าหรี คุณน้านิลประไพ คุณน้าดวงตาถึงเวลาก็จะซื้ออาหารมาถวาย สมัยนั้นธนบัตรที่ใหญ่ที่สุดในบ้านเราคือ ธนบัตรใบละ ๕๐๐ บาท ถ้าคุณน้าดวงตาซื้ออาหารแล้วใช้ธนบัตร ๕๐๐ บาทไม่หมดก็จะเซ็งมาก น้าต้องใช้ให้หมด ก็เลยไปเที่ยวเสาะหาอาหารแพง ๆ ประเภทกุ้งล็อบสเตอร์มาถวาย

น้าดวงตาสรุปว่า "พระเล็กเลี้ยงยาก ซื้ออะไรมาก็ไม่ค่อยจะฉัน" หันมาอีกทีเห็นอาตมาฉันผักบุ้งไฟแดงอยู่ น้ายิ่งโกรธใหญ่เลย ซื้อของแพงมาไม่กิน กินแต่ของถูก ๆ ข้างทาง

ตระกูลหลวงปู่ท่านเป็นตระกูลผู้ดีเก่า จะรู้จักแหล่งอาหารที่เป็นพวกของแพง ประเภทไข่เจียวจานละ ๖๐๐ บาท มีใครเคยกินกุ้งมังกรบ้างไหม ? เคี้ยวยางรถยนต์ยังดีกว่าตั้งเยอะ..! เหนียวอย่าบอกใคร กว่าจะหั่นออกมาได้แทบต้องใช้อีโต้จาม..! อะไรที่กินยากอาตมาไม่เอาด้วยอยู่แล้ว ต้องมานั่งเลาะเปลือก ต้องมาหั่น เสียเวลาเป็นบ้าเป็นหลัง"

เถรี 09-10-2011 14:22

ถาม : พอเราถวายข้าวพระพุทธที่บ้านแล้ว เราสามารถจะลามากินเองหรือใส่บาตรพระได้หรือไม่คะ ?
ตอบ : ได้จ้ะ ถ้าหากไม่มีพระมาบิณฑบาตเราก็สามารถเอาไปกินไปใช้เองได้ เพราะพระที่บ้านก็เหมือนเราบูชาท่านเฉย ๆ แต่ถ้าเป็นของที่ถวายพระที่วัดแล้ว จะเป็นของสงฆ์ ถ้าเราเอามากินมาใช้ก็จะติดหนี้สงฆ์ ต้องชำระหนี้สงฆ์จ้ะ

ถาม : ไหว้พระที่บ้านจำเป็นต้องจุดธูปหรือไม่คะ ?
ตอบ : ไม่จำเป็นจ้ะ ถ้าจุดธูปจะได้อานิสงส์บูชาด้วยของหอม แต่ถ้าเผลอเมื่อไรอาจจะได้อานิสงส์เผาบ้านตัวเองด้วย..! ทางที่ดีใช้ธูปไฟฟ้าดีกว่าจ้ะ อย่างเก่งก็ช็อตดับไปเอง แต่ถ้าไม่มีก็ใช้สิบนิ้ววันทาตั้งหน้าปฏิบัติแทน

เถรี 09-10-2011 15:15

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้กำลังซุ่มทำวัตถุมงคลอยู่อย่างหนึ่ง เพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวง ๘๔ พรรษา ซึ่งจะมีแค่ ๘๔ ชิ้นเท่านั้น กำลังจ้างช่างฝีมือระดับโลกทำอยู่ ช่างคนนี้ในวงการโลหะถือว่าติด ๑ ใน ๑๐ ของโลก เป็นคนไทย ค่าตัวแพงหน่อย ชื่อบุญเรือน หงษ์มณี

ว่าจะใส่บรรดาโลหะที่สะสมไว้ทั้งหมดลงไป โดยเฉพาะพญาเหล็กที่บางคนเรียกว่าเหล็กไหล ตอนแรกเอาพญาเหล็กก้อนใหญ่ไปให้เขาดู ถามว่าหลอมไหวหรือไม่ ? ช่างพลิกซ้ายพลิกขวาดูแล้วบอกว่าสบาย ด้วยความรู้เกี่ยวกับโลหะศาสตร์ของเขามั่นใจว่าหลอมได้แน่

คนไทยที่ฝีมือดี ๆ มีเยอะมากเลย แต่เราจะมีโอกาสได้เจอหรือเปล่า ? อย่างช่างที่แกะพระจำหน่ายทั่วไปที่เป็นโอท็อป ต้องทำชิ้นงานเยอะ ดังนั้นความประณีตจะน้อย แต่ช่างที่อาตมาให้แกะพระยืน เขารับงานทีละชิ้น เขาจะทุ่มเทให้กับชิ้นงานได้มากกว่า ความละเอียดประณีตของงานก็จะมากกว่า"

เถรี 09-10-2011 15:22

"ส่วนตอนนี้ให้ญาติโยมเก็บเงินไว้ พอหลังงานกฐินจะเริ่มเปิดให้จองวัตถุมงคลร่วมเป็นกรรมการสร้างสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอก เป็นพระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้านรุ่นแรกชุดพิเศษ จะมีเนื้อชินตะกั่วเพิ่มขึ้นมาอีกเนื้อหนึ่ง มี ๓๐๐ องค์เท่านั้น ราคาน่าจะอยู่ราว ๆ ๗,๕๐๐-๘,๐๐๐ บาท

เร่งเก็บสตางค์ไว้ จะได้ช่วยกันสร้างพระองค์ใหญ่ที่สุดของทองผาภูมิ เป็นครั้งแรกที่ได้รับคำสั่งให้สร้างพระกลางแจ้ง ใจคอไม่ค่อยดี รู้สึกเหมือนกับเอาท่านไปตากแดดตากฝนอย่างไรก็ไม่รู้ แต่เหตุผลของท่านก็คือ คนที่เขาเห็นองค์พระเด่นแบบนั้นก็จะเกิดศรัทธา เขาก็จะมาอีก"

เถรี 10-10-2011 05:26

พระอาจารย์กล่าวว่า "ผู้หญิงสมัยก่อนกว่าเขาจะได้แสดงตัวให้หนุ่ม ๆ เห็น ก็ต้องรอมีงานบุญ งานแต่ง ไม่เหมือนสมัยนี้อวดตัวได้ทุกงาน แม้กระทั่งงานศพยังนุ่งสั้นไปได้ ถ้ารู้ว่าผ้ายังไม่พอก็อย่าเพิ่งไปงานเขา ก็ไม่มีใครว่าหรอก..!

เราต้องรู้กาลเทศะ ถ้าคนอื่นเขาไม่เกรงใจ เขาจะด่าเอา ถ้าแถวทองผาภูมินี่ไม่ได้หรอก โผล่ขึ้นศาลาเมื่อไรโดนเจ้าอาวาสงับ..! พวกนี้จะรู้ตัวนะ โผล่ขึ้นมาอาตมาก็ด่าออกเสียงตามสายเลย เพราะเจ้าอาวาสนั่งอยู่กับเครื่องเสียง"

ถาม : ถ้าเห็นคนแต่งตัวไม่เหมาะสม แล้วเราไปบอกเขา จะเหมาะหรือไม่คะ ?
ตอบ : ถ้าเขายังไม่เกรงใจเราก็อย่าเพิ่งไปทำ เพราะจะมีโทษมากกว่า ถ้าหากว่าเขาเกรงใจเราแล้ว คราวนี้ด่าไปเถอะ เขาไม่ว่าอะไรหรอก..!

เถรี 10-10-2011 05:29

ถาม : เด็กที่สมาธิสั้นแล้วเราให้นั่งสมาธิแบบที่ผู้ใหญ่นั่งกัน จะช่วยให้ดีขึ้นได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้..แต่อย่านาน นับลมหายใจ ๓-๕ คู่แล้วเลิกเลย

ถาม : ตอนนี้จับพี่น้องนั่งคู่กันค่ะ ประมาณ ๑๕ นาที แต่ดูเหมือนคนพี่เขาจะไม่ค่อยนิ่งตั้งแต่เริ่ม ๆ เลย อย่างนี้ให้จับแยกกันหรือคะ ?
ตอบ : ให้อยู่ข้าง ๆ กันนี่แหละ เขาจะได้มีกำลังใจ ลืมตาขึ้นมาน้องยังอยู่ก็กัดฟันนั่งต่อ ต่อไปก็บอกว่าถ้าน้องยังไม่เลิก หนูอย่าเพิ่งเลิกนะ ถ้าเลิกก่อนสู้น้องไม่ได้ เดี๋ยวเขาก็เกิดมานะฮึดขึ้นมาเอง

สมัยก่อนอาตมาเจอทีเด็ดของเด็กเข้า หมดสภาพความเป็นครูเลย อาตมาเป็นครูสอนมโนมยิทธิ สอนแทบเป็นแทบตายกว่าจะได้สักคนหนึ่ง ปรากฏว่าเดือนถัดไปแม่เขาพาเด็ก ๒ คนมา เราสอนคนพี่ไป เขาพาคนน้องมากราบ เขาบอกว่าขอบคุณมากที่ช่วยให้ลูกเขาได้มโนมยิทธิทั้งคู่ อาตมาก็ อ้าว..ไปสอนตัวเล็กเมื่อไร ?

เขาบอกว่าพอพี่เขาได้มโนมยิทธิแล้ว กลับบ้านไปก็นั่งกรรมฐาน น้องมาถามว่าพี่ทำอะไร พี่ก็บอกว่านั่งกรรมฐานไปดูนรกสวรรค์ น้องก็ถามว่าทำอย่างไร พี่บอกว่า "ให้หลับตาแล้วไปด้วยกัน" บอกแค่นั้นน้องทำได้แล้ว อาตมาสอนแทบตาย เด็กบอกประโยคเดียวได้เลย แสดงว่าเด็กเก่งกว่าเราเยอะ เขามีภาษาที่สื่อแล้วเด็กด้วยกันเข้าใจ น้องเขาก็เชื่อว่าหลับตาไปได้..ก็ไปเลย

เถรี 10-10-2011 05:32

ใครเคยดูคลิปวีดิโอบ้าง ที่พ่อเขาเอาขนมเสียบไว้ตรงวงกบประตูแล้วให้ลูกปีนขึ้นไปเอา คนเป็นพี่สาวเห็นพ่อบอกให้ขึ้นแสดงว่าขึ้นได้ ก็ปีนขึ้นไปเอาได้ ถึงเวลาน้องเห็นพี่ขึ้นได้เราต้องขึ้นได้แน่ ก็ปีนขึ้นไปเอาได้เหมือนกัน อาตมาดูก็คิดว่า โอ้โห..ผู้ใหญ่ยังร่วงเลย นี่เด็กขึ้นไปเอาได้ กรอบประตูลื่น ๆ นะ สงสัยเป็นไอ้แมงมุมกลับชาติมาเกิด

เพราะฉะนั้น..ความมั่นใจในผู้นำเป็นหนึ่งในเวสารัชชกรณธรรม คือธรรมที่ทำให้คนกล้า ท่านบอกว่าต้องประกอบไปด้วยศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ศรัทธาคือความเชื่อมั่น ท่านบอกว่าประกอบไปด้วยเชื่อมั่นในคุณพระรัตนตรัย เชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองยึดถือกันมาตามตระกูล เชื่อมั่นในผู้นำว่าสามารถนำตนไปสู้เป้าหมายได้ ท้ายสุดเชื่อมั่นในตนเองว่าทำได้สำเร็จ

ถ้ามีความเชื่ออย่างใดอย่างหนึ่งนี้ ทำให้กล้าได้ นั่นเขาเชื่อมั่นในผู้นำ พ่อบอกให้ทำแสดงว่าทำได้

เถรี 10-10-2011 10:15

ท่านชาติชาย สมัยที่เป็นหัวหน้าป่าไม้อยู่ไปจับไม้เถื่อน พวกตัดไม้ก็ยิงสู้ ลูกน้องท่านชาติชายโดนยิง หน้าท้องเปิด ไส้ทะลักมากองกับพื้น ท่านชาติชายก็เข้าไปช่วย คลานไปถึงก็จับไส้ยัด ๆ กลับเข้าไป เอาผ้าขาวม้าพันไว้ ลูกน้องก็ถามว่า “เจ้านาย..ผมจะตายไหม ?” ท่านชาติชายบอกว่า “เฮ่ย..แค่นี้เอง กูเห็นมาเยอะแล้ว ไม่เป็นไรสักคน หมอเย็บเสร็จก็หาย เอ็งนั่งอยู่นี่แหละ ใจเย็น ๆ เสร็จแล้วเดี๋ยวจะพาไปหาหมอ”

ลูกน้องก็เลยนั่งสูบบุหรี่รอ รอจนเจ้านายจัดการคดีเสร็จก็พาไปหาหมอ แล้วเขาก็รอดจริง ๆ นะ เพราะเชื่อเจ้านายว่าไม่เป็นไร แต่หมอนี่ด่ากระจายเลย ประการแรก..คุณยัดไส้เขากลับเข้าไป โดยที่ไม่ได้ทำให้ปลอดเชื้อก่อน หมอต้องล้วงออกมาล้างใหม่หมด

ประการที่สอง..ไส้ถูกลมมากไปเลยพอง ทบกลับเข้าไปยาก หมอต้องไปนั่งเรียงใหม่ เพราะถ้าเรียงผิด ไส้บิดแล้วอาจจะทำให้ไส้ตัน อาจจะถึงตายได้ ประการสุดท้าย..ทิ้งคนไข้ไว้นานเกินไป เสียเลือดไปเยอะ

นั่นเขาเชื่อมั่นในผู้นำ ผู้นำบอกว่าไม่เป็นไร กูเห็นมาเยอะแล้ว หมอเย็บเสร็จก็หาย ลูกน้องคงลืมคิดไปว่าหัวหน้าเพิ่งจะอายุไม่เท่าไรเอง จะไปยิงกับใครมาสักกี่คน..!

เถรี 10-10-2011 12:15

ท่านชาติชายสอนลูกน้องยิงปืน เพื่อที่จะเอาไว้สู้กับพวกทำไม้เถื่อน ตัวเองก็อุตส่าห์ไปซ้อมที่สนามยิงปืน ร.ด. อยู่บ่อย ๆ พอจะแม่นบ้าง เวลายิงเป้าทั่ว ๆ ไปจะยิงให้อยู่ในวงกลมก็ไม่ยาก คราวนี้เขาจะสอนวิธียิงต่อสู้ ให้ลูกน้องผูกเป้าไว้แล้วตัวเองหันหลังให้เป้า..ชักปืน..หันขวับ..ยิงเปรี้ยง..เป้าหล่น..ปรากฏว่ายิงตัดเชือกพอดี..!

ถามว่าคุณทำอย่างไรต่อ ? ท่านชาติชายบอกว่า “ผมแสดงให้ดูแค่นั้น แล้วผมก็ไม่ยิงให้ดูอีกเลย เพราะไม่มีทางยิงถูกแบบนั้นอีกแล้ว..!” เขาตั้งใจจะยิงให้ถูกเป้า ดันไปตัดเชือกเข้าพอดี สมัยก่อนอาตมาเองซ้อมอยู่เป็นปีกว่าจะยิงดับเทียนได้ ยิงตัดเส้นลวดได้ยังต้องใช้ปืนยาวเลย แต่นี่ปืนสั้นยิงตัดเชือกได้ถือว่าสุดยอด ถ้ายิงซ้ำอีกทีก็ไม่ถูกหรอก เพราะฉะนั้น..เขาก็บอกว่าแค่นั้นแหละ แล้วก็ให้ลูกน้องซ้อมยิงกันเอง

ตอนแรกเห็นรุ่นพี่ที่เก่ง ๆ เขาเอาปืนลูกกรดยาวยิงดับเทียนได้ อาตมาก็ว่าไม่น่าจะยาก พอลองยิงเองถึงได้รู้ว่ายาก เพราะไปเล็งที่ไฟ ต้องเล็งตรงกลางต่ำกว่าไฟนิดหนึ่งซึ่งก็คือไส้เทียน ไปเล็งที่ไฟจะยิงดับยาก บางทียิงไส้เทียนขาดไปแล้วเสียด้วยซ้ำ ไฟก็ยังติดต่อได้เพราะยังเหลืออีกครึ่งหนึ่ง กว่าจะรู้เคล็ดนี้ก็นาน


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:43


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว