เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐
ถาม : การบนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ เทพเทวดา หรือพระพุทธรูป ด้วยวัตถุสิ่งของต่าง ๆ ที่ไม่ได้กำหนดตายตัว บางคนจะบนมาก บางคนจะบนน้อย อยากทราบว่าการบนมากหรือน้อยนั้น ให้ผลจากการบนแตกต่างกันหรือไม่ครับ ?
ตอบ : วัตถุในการบนแทบจะไม่มีความหมาย สำคัญตรงบุญเก่าที่เราสร้างเอาไว้ ถ้าบุญเก่าเราสร้างเอาไว้มากเพียงพอ การบนเป็นการเติมส่วนขาดเพียงเล็กน้อย ถ้าอย่างนั้นก็จะบนสำเร็จ แต่ถ้าบุญเก่าเราสร้างไว้น้อย ของใหม่เติมเข้าไปมากมายมหาศาลเท่าไรก็ยังไม่ได้จำนวนที่ต้องการ ถ้าอย่างนั้นบนให้ตายก็ไม่สำเร็จ ก็แปลว่าสาระสำคัญอยู่ที่บุญเก่าของเรา ถ้าบุญเก่าของเราเพียงพอ เติมเพียงเล็กน้อยก็สำเร็จแล้ว |
ถาม : เวลาผมทำบุญ ผมอธิษฐานให้วิมานเป็นต้นโพธิ์ทั้งดุ้นแทนได้ไหมครับ ผมชอบต้นโพธิ์ครับ ?
ตอบ : ดูท่าจะได้เกิดเป็นแค่รุกขเทวดา..! |
ถาม : ผมนั่งสมาธิไปสักระยะแล้ว พอจิตเริ่มเป็นสมาธิมากขึ้น อยากจะให้ทรงสมาธิแบบนั้นไปนาน ๆ แต่สักพักก็เริ่มเบื่อขึ้นมา ไม่ทราบว่าผมควรจะทำอย่างไรต่อไปครับ ถึงจะสามารถทำสมาธิได้อย่างต่อเนื่องไปนาน ๆ ?
ตอบ : เวลาทรงสมาธิได้แล้ว อย่าเผลอให้สติหลุดจากสมาธินั้น ที่กล่าวมาแสดงว่าเป็นแค่อุปจารสมาธิเท่านั้น ถ้าเป็นแค่ปฐมฌานขึ้นไป เราสามารถกำหนดได้ว่าจะทรงนานเท่าไร จิตของเรามีสภาพจำ ถ้ายังไม่ครบตามกำหนดเวลา ก็จะไม่คลายออกมาจากสมาธินั้น |
ถาม : ผมสมัครบวชเนกขัมมะเมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา เกิดเหตุที่ไม่สามารถไปได้กะทันหัน ก็คือ ขณะที่ขึ้นรถตู้กับแฟน แฟนผมน็อคจนต้องเข้าโรงพยาบาล ปรากฏว่าเป็นโรคหัวใจ ตั้งแต่นั้นมาผมก็ฝันเห็นหลวงพ่อเล็กมาเรื่อย ๆ ครับ ในฝันหลวงพ่อบอกกับผมว่า "ถ้าอยากรู้อะไร ให้บวชสัก ๑ ปี แล้วจะรู้ทุกอย่าง" แถมวันนั้นแฟนผมก็ฝันเห็นหลวงพ่อเหมือนกัน
เมื่อคืนผมก็ฝันว่า หลวงพ่อให้หีบสมบัติมา เขียนชื่อหีบไว้ยาว ผมจำได้แต่คำว่า รัตนะ ผมตีความหมายของความฝันไม่ออกครับว่าหมายถึงอะไร ผมต้องบวชไหมครับ ? และถ้าต้องบวช ผมก็มองไม่เห็นหนทางเลยครับว่าจะไปบวชได้อย่างไร ? ตอบ : ก็แค่นั่งรถสายกรุงเทพฯ-ทองผาภูมิ..! |
ถาม : หากว่าเราเจตนาสวดพระคาถาเงินล้านวันละ ๑๐๘ จบ ปรากฏว่าพอสวดได้ไม่กี่จบก็เกิดอาการง่วงมากทนไม่ไหวจึงหลับไป ตื่นอีกทีตอนเช้าหลาย ๆ วันติดกัน จะต้องหาเวลาสวดชดเชยจำนวนจบคงเหลือที่สะสมมาทั้งหมดหรือไม่ ?
ตอบ : ควรที่จะชดเชยเพราะคาถาเป็นบาทของอภิญญา บุคคลที่มีวิสัยจะได้อภิญญาต้องเป็นคนจริงจัง จริงใจ ทำอะไรสม่ำเสมอ เพราะฉะนั้น...รีบไปชดเชยเสียไว ๆ แต่ก็คงอีกนานกว่าจะครบ |
ถาม : เวลาที่ผมภาวนาแบบต่อเนื่องกันนาน ๆ ประมาณ ๔ ชั่วโมงขึ้นไป ผมมักจะมีอาการตันขึ้นมา และรู้สึกเบื่อ ๆ เหงา ๆ จนไม่อยากจะภาวนาต่ออีก ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นสมาธิก็เริ่มรู้สึกว่าดีขึ้นแล้ว สุดท้ายก็ต้องไปหาอะไรอย่างอื่นทำจนได้ เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ฯลฯ อยากจะทราบว่าผมควรจะทำอย่างไรครับถึงจะภาวนาได้ตลอดเวลาโดยที่ไม่เบื่อไม่เหงาครับ ?
ตอบ : ถ้าภาวนาอย่างเดียวไม่มีใครไปรอด พอภาวนาไปจนถึงระดับหนึ่ง สภาพจิตเหมือนกับแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็มแล้ว จะรับเพิ่มไม่ได้อีก ควรที่จะคลายกำลังใจออกมา แล้วหาวิปัสสนาญาณมาพิจารณา เป็นการใช้งานกำลังที่เราทำมาได้ เมื่อใช้ไปจนแบตเตอรี่พร่อง ก็สามารถที่ภาวนาใหม่ได้อีกครั้ง ให้ทำสลับไปสลับมาอย่างนี้ ไม่ใช่เอาแต่ภาวนายาวอย่างเดียว จนกว่าเราจะมีความสามารถในการทรงฌานตั้งเวลาได้ ถ้าอย่างนั้นเราจึงจะสามารถรักษากำลังใจไว้ได้ตลอดเวลาอย่างที่ต้องการ ถาม : ถ้าไปดูหนังฟังเพลงแล้วสามารถพิจารณาทุกข์จากสิ่งที่ได้รับมา จะมีประโยชน์ไหมคะ ? ตอบ : ยังไม่เจอว่าใครทำได้ ส่วนใหญ่ก็ไหลตามกิเลสไปหมด ตอนแรกก็ตั้งใจพิจารณา พอ ๕ นาทีต่อมาก็ลืมหมดแล้ว |
ถาม : เห็นต่างประเทศเกิดพายุทอร์นาโดบ่อยมาก และบางทีก็มีเสียงดังมากและน่ากลัวลอยโหยหวนมาตามท้องฟ้า แต่หาต้นตอของเสียงไม่ได้ แต่ทำไมที่เมืองไทยถึงไม่ค่อยจะเจอกับพายุขนาดใหญ่หรือเหตุการณ์ประหลาดแบบนั้นสักเท่าไรครับ ?
ตอบ : เมืองไทยของเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองป้องกันอยู่มาก เพราะว่าบุคคลยังอยู่ในศีลในธรรมมากอยู่ โปรดดีใจเสียเถิดว่าเราเกิดในปฏิรูปเทส คือ แผ่นดินที่เหมาะสม มีภัยธรรมชาติน้อย แต่ถ้าคนของเรายังเพลิดเพลิน ไหลตามกระแสกิเลสไปเรื่อย ๆ ต่อไปภัยธรรมชาติก็จะหนักขึ้นไปเรื่อย ๆ เหมือนกัน |
ถาม : คาถาที่เอาไว้ใช้ทดสอบวัตถุมงคลว่ามีอานุภาพในด้านใดบ้างนั้นคือคาถาอะไรครับ ?
ตอบ : เท่าที่เคยใช้ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้ใช้ สุนักขัตตัง สุมังคะลัง ส่วนวิธีการไปค้นหาเอาเอง เคยบอกไปหลายชาติแล้ว...! |
ถาม : กราบเรียนถามพระอาจารย์ว่า มีของขลังใดที่สามารถกันงูได้บ้างครับ ?
ตอบ : ความจริงมีมากด้วยกัน สำคัญที่ตรงความมั่นใจ ถ้าเราขาดความมั่นใจก็ไม่สามารถที่จะกันได้ ถ้าจะกันงูส่วนใหญ่โบราณจะหาเครื่องรางที่เป็นรูปพญาครุฑ หรือไม่ก็หาว่านนาคราช แต่ว่านนาคราชหายาก อาตมาเคยได้มาตอนธุดงค์ อุตส่าห์บอกแม่ไว้ว่าเป็นของดีหายาก แม่ก็เลยช่วยรดน้ำเช้าเย็นจนเน่าตายไปเลย |
ถาม : ญาติของผมได้ไปทำบุญสถานที่แห่งหนึ่ง แล้วมีคนหลายคนเกิดความสงสัยในคำสอนและการปฏิบัติตนของสถานที่แห่งนั้น จนไปสอบถามถึงการปฏิบัติตนและคำสอนของทางเจ้าของสถานที่แห่งนั้น แต่ได้คำตอบกลับมาว่า "การถามแบบนี้ทำให้สมเด็จองค์ปฐมท่านร้องไห้" ซึ่งผมเพิ่งเคยได้ยิน จึงกราบขอความเมตตาว่าเป็นความจริงหรือไม่ครับ ?
ตอบ : อาตมาก็เพิ่งเคยได้ยิน ก็เลยตอบไม่ได้...! ตั้งแต่พระโสดาบันเอกพีชีขึ้นไป ท่านก็เลิกร้องไห้กันแล้ว นี่ต้นตำรับคือพระพุทธเจ้ามาร้องไห้ ก็แปลว่าสถานที่นั้นไม่ควรที่จะไป เพราะไปแล้วบาป ทำให้พระพุทธเจ้าต้องร้องไห้ทุกที...! |
ถาม : ผมอ่านเก็บตกจากบ้านเติมบุญเดือนมิถุนายน แล้วไปสงสัยตรงที่หลวงพ่อบอกว่า ถ้าคนที่เคยมีพื้นฐานมาก่อน เมื่อใจของบุคคลนั้นสงบ ฌานต่าง ๆ จะมาเอง ตอนผมอายุ ๑๕ ป้าผมพาผมไปนั่งสมาธิที่วัดไม่ถึง ๓๐ นาที แล้วตอนนั้นความรู้ทางศาสนาผมไม่รู้เลยสักนิด และไม่เคยนั่งสมาธิแบบจริงจังมาก่อน และก็ไม่ได้เชื่อศาสนามากเท่าไร แต่พอผมนั่งสมาธิไปแล้ว จู่ ๆ ผมมีความรู้สึกสุขหาอะไรมาเปรียบเทียบไม่ได้ แล้วต่อมาตรงเหนือสะดือเหมือนมีอารมณ์ดิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุด แล้วผมก็รู้สึกเหมือนรู้สึกตกจากที่สูงตอนที่ป้าเรียกผม
ผมก็ไปค้นหาในกูเกิ้ลเกี่ยวกับอารมณ์ฌานที่หลวงพ่อท่าซุงอธิบายไว้ แต่ไม่เจอเกี่ยวกับอารมณ์ดิ่ง เลยอยากทราบว่าอารมณ์ดิ่งตรงเหนือสะดือ คืออารมณ์ฌานหรือเปล่าครับ ? ถ้าใช่หลวงพ่อช่วยบอกได้ไหมครับ เป็นอารมณ์ฌานระดับใด ? ตอบ : อารมณ์เกือบจะเป็นอัปปนาสมาธิแล้ว เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นปฐมฌานหยาบ ช่วงที่เรามีความสุขนั้นคือส่วนหนึ่งของอารมณ์ก่อนที่จะเข้าถึงฌาน แต่เนื่องจากไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ เกิดการพลัดออกจากฌาน จึงมีความรู้สึกเหมือนตกจากที่สูง ให้พยายามเข้าไว้ เกือบจะขึ้นชั้นอนุบาลหนึ่งได้แล้ว |
ถาม : ผมอ่านเจอว่าสถานที่ก็ช่วยกับการทำให้ใจสงบเช่นกัน ในกรณีผมอยู่ต่างประเทศ ไม่มีวัดให้ช่วยในการทำให้ใจสงบ ควรทำอย่างไรให้เข้าฌานได้ทุกสถานที่ครับ ?
ตอบ : ถ้าอยากเข้าฌานได้ทุกสถานที่ จำเป็นต้องขยันหมั่นฝึกซ้อม เรื่องของสถานที่มีส่วนช่วย แต่ความเพียรของเราเป็นสิ่งที่สำคัญมากกว่า ถ้าหมั่นซ้กซ้อม หมั่นกระทำ จนสามารถเข้าฌานได้ทุกเวลาตามต้องการ จะเป็นสถานที่ไหนก็ไม่จำเป็นแล้ว ถาม : การระลึกถึงลมหายใจตลอดเวลา ในตอนที่รู้ตัวจะสามารถเพิ่มโอกาสในการเข้าฌานและทรงฌานหรือเปล่าครับ ? ตอบ : ถ้าสามารถทำได้ โอกาสที่จะทรงฌานได้ก็มีสูง ถาม : การที่บางครั้งผมทำสมาธิแล้วได้ยินเสียงคนคุยกันภาษาอะไรไม่รู้ ตอนนั้นสมาธิผมเข้าฌานหรือว่าเป็นแค่อุปจารสมาธิครับ ? ตอบ : ส่วนใหญ่จะเป็นแค่อุปจารสมาธิ ทำให้เกิดทิพโสตหรือทิพจักขุญาณขึ้น แต่ส่วนใหญ่พอได้ยินเสียงหรือได้เห็นภาพ เรามักจะไปให้ความสนใจ ช่วงที่เราให้ความสนใจระดับสมาธิจะเคลื่อนคลายไปจากจุดที่เราเข้าถึง จะทำให้สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นหายไป |
ถาม : อยากทราบว่าเหตุปัจจัยหรือธรรมอันใด ที่สามารถช่วยให้จิตเข้าถึงฌานสมาบัติง่ายยิ่งขึ้นครับ เท่าที่ผมทราบมาคือ สถานที่ วัตถุมงคล ?
ตอบ : อันดับที่ ๑ สถานที่ต้องไม่เกลื่อนกล่นด้วยบุคคล เป็นสัปปายะ พอเหมาะพอสม อันดับที่ ๒ อากาศที่เหมาะสม อันดับที่ ๓ ตัวเราต้องมีร่างกายแข็งแรง พักผ่อนอย่างเพียงพอ ฯลฯ |
ถาม : ผมอยากจะฝึกอภิญญา โดยเฉพาะกสิณลมกับกสิณสีเหลือง เพราะว่าเดินทางสะดวกดีและหาเงินได้ดีด้วยการเสกทอง แต่ผมสงสัยว่าการเสกทองด้วยอำนาจอภิญญาไม่เป็นการฝืนกรรมหรือครับ ?
ตอบ : อาตมาฝึกแทบตาย สุดท้ายถ้าไม่เดินก็ต้องนั่งรถอยู่ดี...! นี่คงคิดว่าอภิญญาฝึกแล้วใช้ได้ทุกเวลาตามที่ต้องการกระมัง ? ถ้าไม่ใช่ว่าจำเป็นสุดขีดจริง ๆ เขาให้ใช้สังขารร่างกายนี้ทำหน้าที่ไปตามปกติ ไม่ใช่นึกจะใช้อภิญญาก็ใช้ นั่นเป็นการฝืนกฎของกรรมมากเกินไป ถาม : ผมลองฟุ้งซ่านเล่น ๆ สมมุติผมอยากซื้อบ้านใหญ่ ๆ สัก ๑๐ ล้านก็เสกทองแล้วไปขาย หรือถ้าผมอยากทำบุญใหญ่ ๆ ที่หาโอกาสยากมาก ๆ อย่างการเป็นประธานสังคายนา ก็เสกทองแล้วเอาไปขาย แล้วเอาเงินที่ได้มาช่วยการสังคายนา สิ่งที่ผมฟุ้งซ่านนี่ ถ้าผมหรือบุคคลใดที่สามารถได้กสิณสีเหลือง ท่านทำสิ่งเหล่านี้ได้ใช่ไหมครับ ? ตอบ : ถ้าเลิกฟุ้งซ่านแล้วเอาเวลาไปตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติ ก็มีโอกาสที่จะทำได้มากกว่า..! |
ถาม : บารมีหรือกำลังใจสามารถขึ้นลงได้ไหมครับ ? ยกตัวอย่างง่าย ๆ ผมตั้งใจจะออกกำลังกายทุกวัน แต่ทำได้ไปแค่ ๑ อาทิตย์ก็เลิก แปลว่า ๑ อาทิตย์นั้นผมมีสัจจบารมีดี แต่หลังจากนั้นสัจจบารมีลดลงใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ได้ลดลง เท่าเดิมนั่นแหละ ยังอยู่ในระดับเฮงซวยใช้การไม่ได้เท่าเดิม..! |
ถาม : พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ท่านกล่าวไว้ว่าใน ๑๐ บารมี ตั้งแต่ทานบารมีจนถึงอุเบกขาบารมี พระพุทธเจ้าสรรเสริญปัญญาบารมีที่สุด ผมเลยอยากทราบว่า ในชาตินี้อยากมีปัญญาบารมีมาก ๆ แล้วเผื่อไปชาติหน้าด้วย ควรจะทำบุญประเภทใดนอกจากการภาวนาและการถวายพระไตรปิฎก ?
ตอบ : พิจารณาวิปัสสนาญาณไว้บ่อย ๆ ถ้าสามารถรู้เห็นตามความเป็นจริงแล้วยอมรับได้ ก็ไม่ต้องรอชาติหน้าอีกด้วย ถาม : การภาวนาต้องเข้าถึงระดับฌาน ๘ และวิปัสสนา ๑๖ จะได้มีปัญญาบารมีมาก ๆ ในชาตินี้และเผื่อในอนาคตชาติด้วย แบบขนาดที่ว่าฟังพระพุทธเจ้าเทศน์ครั้งเดียวแล้วบรรลุเลย หรือเปล่าครับ หรือแค่ได้สมาธิไม่ถึงระดับฌานก็พอ ? ตอบ : แค่กำลังใจเราเกาะความดีจุดใดจุดหนึ่ง ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทวนของเก่าให้ก็บรรลุมรรคผลได้แล้ว ถ้าถึงวิปัสสนาญาณ ๑๖ ก็ไม่ต้องเกิดกันอีก บรรลุตั้งแต่เข้าถึงแล้ว |
ถาม : ผมเข้าใจถูกไหมครับว่า การรู้ตัวว่าตอนนี้เรากำลังคิดดีหรือคิดชั่ว ไม่เป็นมโนกรรมใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าคิดก็เป็นไปแล้ว แต่ในส่วนที่เรารู้ตัวนั้น ต้องสามารถหยุดความคิดนั้นได้ ถ้าไม่สามารถหยุดความคิดนั้นได้ ก็ยังชั่วอยู่เหมือนเดิม ถาม : แล้วการที่เราปรุงแต่งหรือคิดวางแผนต่าง ๆ ใครกันแน่เป็นคนคิด ตัวจิตหรือตัวสังขารครับ ? ตอบ : สภาพจิตสั่งงาน สมองคิด |
ถาม : ผมเคยอ่านมาว่า บุคคลสามารถพูดคุยกับสัตว์ได้ด้วยการใช้ภาษาใจ ผมเลยสงสัยว่าภาษาใจในศาสนาพุทธเขาฝึกกันอย่างไร หรือจริง ๆ แล้วจะฝึกภาษาใจได้ต้องเป็นระดับพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณหรือเปล่าครับที่สามารถเข้าใจทุกภาษาได้ ?
ตอบ : ภาษาใจแค่อภิญญา ๕ ก็พอแล้ว ไม่ต้องถึงระดับดังที่กล่าวมา |
ถาม : พระโพธิสัตว์กับปุถุชนทั่วไปมีข้อแตกต่างหรือเปล่าครับ ? เพราะบางชาติพระโพธิสัตว์ก็ทำบาปทั้งที่ ๆ ดูแล้วไม่น่าจะทำ อย่างโตไทยพราหมณ์โพธิสัตว์ ที่จะได้ตรัสรู้ในกัปหน้า ?
ตอบ : พระโพธิสัตว์ก็คือบุคคลที่เหมือน ๆ กับเรานี่เอง ประกอบด้วย รัก โลภ โกรธ หลง เหมือนกัน เพียงแต่เป้าหมายในการดำรงชีวิตของท่านเหล่านั้นยิ่งใหญ่มาก คือ ตั้งใจขนถ่ายสัตว์โลกข้ามวัฏสงสาร ดังนั้น...การเป็นพระโพธิสัตว์นั้น มีอยู่อย่างหนึ่งที่เป็นอยู่แน่แท้ คือลงนรกเป็นปกติ..! |
ถาม : บุคคลที่สามารถระลึกชาติได้ เขาระลึกเหมือนกับการระลึกว่าเมื่อวานเราทำอะไร แต่เปลี่ยนจากเมื่อวานเป็นชาติที่แล้วหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : แบบนั้นเลย |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:22 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.