กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   กระทู้ธรรม (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=2)
-   -   บุญที่ยิ่งใหญ่ จากการสาธยายพระไตรปิฎก (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=881)

ป้านุช 12-11-2009 15:49

มหากัจจายนเถราปทานที่ ๑ เล่มที่ ๓๓/๑ หน้าที่ ๗๙
ว่าด้วยผลแห่งการฟังธรรม

:4672615:ในสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ พระองค์ทรงแสดงธรรมอันไพเราะ ซึ่งประกอบด้วยสัจจะ ๔
ครั้งนั้นเราเป็นดาบส (ฤๅษี) สัญจรไปแต่คนเดียว มีป่าหิมพานต์เป็นที่อยู่อาศัย เมื่อไปสู่มนุษย์โลกทางอากาศ ในวันหนึ่งก็ได้พบพระพุทธเจ้า
เราได้เข้าไปเฝ้าพระองค์แล้วสดับพระธรรมเทศนาของพระองค์ เราได้ทำกรรมใดในกาลนั้น ด้วยกรรมนั้นเราไม่รู้จักทุคติเลย
เราท่องเที่ยวอยู่แต่ในสองภพคือ ในเทวดาและมนุษย์ คติอื่นเราไม่รู้ เราเกิดสองสกุลคือ
สกุลกษัตริย์และสกุลพราหมณ์ เราไม่เกิดในสกุลที่ต่ำทราม

:4672615:ในภพสุดท้ายนี้ เราเกิดเป็นบุตรของติปิติวัจฉพราหมณ์ผู้เป็นปุโรหิตของพระเจ้าจัณฑปัชโชติ
ในพระนครอุชเชนีอันรื่นรมย์ เราเป็นคนฉลาดเรียนจบไตรเพท ส่วนมารดาของเราชื่อจันทนปทุมา เราชื่อกัจจานะ เป็นผู้มีผิวกายงาม
พระเจ้าแผ่นดินทรงส่งไปเพื่อพิจารณาพระพุทธเจ้า ได้พบและได้สดับพระพุทธภาษิตอันปราศจากมลทิน
จึงได้บรรลุอมตธรรมอันสงบระงับ เราเผากิเลสทั้งหลายแล้วเป็นพระอรหันต์

มหากัปปินเถราปทานที่ ๓ เล่มที่ ๓๓/๑ หน้าที่ ๘๓
ว่าด้วยผลแห่งการฟังธรรม

:4672615:ในสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ครั้งนั้นเราเป็นผู้พิพากษาอยู่ในพระนครหงสาวดี
ได้เข้าไปฟังธรรมของพระพุทธเจ้าปทุมุตระ เมื่อเราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นดุสิต
เราครองราชย์ในเทวดาและมนุษย์โดยเป็นส่วน ๆ แล้วเราจุติ (ตาย) จากสวรรค์นั้นแล้ว

:4672615:ในภพสุดท้ายนี้ เราเกิดเป็นมหาราชาพระนามว่ากัปปินะ ในกุกกุฏบุรีข้างป่าหิมพานต์
เราได้สดับข่าวสารอุบัติของพระพุทธเจ้าจากพวกพ่อค้า ได้ทำการสักการะพวกพ่อค้า สละราชสมบัติ
พร้อมด้วยอำมาตย์หนึ่งพันคนเป็นพุทธมามกะ พากันออกเดินทาง ได้พบแม่น้ำมหาจันทานที
มีน้ำเต็มเปี่ยมเสมอขอบฝั่ง ทั้งไม่มีท่าน้ำ ไม่มีแพ ข้ามได้ยาก มีกระแสน้ำไหลเชี่ยว เราระลึกถึงพระพุทธคุณแล้วตั้งสัจจวาจาดังนี้คือ

• ถ้าพระพุทธองค์ทรงข้ามกระแสน้ำ คือ ภพไปได้ถึงที่สุดแห่งโลก ทรงรู้แจ้งชัดไซร้
ด้วยสัจจวาจานี้ก็ขอให้การไปของเราจงสำเร็จ
• ถ้ามรรคเป็นเครื่องให้สัตว์ถึงความสงบได้ เป็นเครื่องให้โมกขธรรม เป็นธรรมสงบระงับ นำความสุขมาให้ได้ไซร้
ด้วยสัจจวาจานี้ก็ขอให้การไปของเราจงสำเร็จ
• ถ้าพระสงฆ์เป็นผู้ข้ามพ้นทางกันดารไปได้ เป็นเนื้อนาบุญอันเยี่ยมไซร้
ด้วยสัจจวาจานี้ก็ขอให้การไปของเราจงสำเร็จ


:4672615:พร้อมกับที่เราได้ทำสัจจะอันประเสริฐดังนี้ น้ำได้ไหลหลีกออกไปจากหนทาง ลำดับนั้นเราได้ข้ามไปขึ้นฝั่งแม่น้ำได้โดยสะดวก
ได้พบพระพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่เหมือนพระอาทิตย์ที่กำลังอุทัย เราพร้อมด้วยอำมาตย์ถวายบังคมแล้ว

:4672615:ลำดับนั้น พระพุทธเจ้าได้แสดงพระธรรมเทศนา เราฟังธรรมอันปราศจากมลทินแล้ว
ได้บรรลุโสดาบัน ได้กราบทูลพระองค์ว่า

“ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า ขอได้โปรดให้พวกข้าพระองค์ได้บรรพชาเถิด”

พระมหามุนีผู้สูงสุดตรัสว่า

“ท่านทั้งหลายจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ท่านทั้งหลายจงประพฤติพรหมจรรย์เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์เถิด”

:4672615:พร้อมกันกับพระพุทธดำรัส เราทุกคนล้วนทรงเพศเป็นภิกษุ เราทั้งหลายอุปสมบทแล้ว เป็นภิกษุในพระศาสนา
จากนั้นเสด็จเข้าพระเชตวันมหาวิหารแล้วทรงสั่งสอน เราได้บรรลุอรหันต์ ลำดับนั้น เราได้สั่งสอนพระภิกษุพันรูป
ผู้เคยเป็นอำมาตย์ของเรา แม้พวกเขาทำตามคำสอนของเรา ได้บรรลุอรหันต์ทั้งพันรูป กรรมที่ได้ทำไว้ในภพก่อน
ได้แสดงผลให้เราในครั้งนี้ เราพ้นจากกิเลส เราได้เผากิเลสทั้งหลายแล้ว เป็นพระอรหันต์

ป้านุช 17-11-2009 15:13

ทัพพมัลลปุตตเถราปทานที่ ๔ เล่มที่ ๓๓/๑ หน้าที่ ๘๕
ว่าด้วยผลแห่งการฟังธรรม

:4672615:ในสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ครั้งนั้นเราเป็นบุตรเศรษฐีในพระนครหงสาวดี เข้าไปเฝ้าพระองค์ แล้วได้สดับพระธรรมเทศนา
ด้วยกรรมที่ทำไว้ดีแล้ว เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เราได้เสวยราชสมบัติในเทวโลก ๓๐๐ ครั้ง
และได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ครั้ง เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์โดยคณานับมิได้ เพราะกรรมนั้นนำไป เราจึงมีความสุขในที่ทุกสถาน

:4672615:ในภัทรกัปนี้ พระพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสปะได้เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว พระองค์ทรงยังศาสนธรรมให้รุ่งโรจน์ เสด็จปรินิพพานพร้อมทั้งพระสาวก
ครั้นเมื่อพระศาสนธรรมกำลังจะสิ้นสูญอันตรธาน ทวยเทพและมนุษย์พากันสลดใจ ครั้งนั้น เราทั้งหลายเป็นภิกษุรวม ๗ รูปด้วยกัน
ได้เห็นความอุบาทว์อันร้ายแรง แสดงเหตุว่าพระศาสนาจะสิ้นสูญ จึงเกิดความสังเวช คิดกันว่า เว้นพระศาสนาเสีย ไม่ควรที่เราจะมีชีวิตอยู่
เราทั้งหลายจึงเข้าไปสู่ป่าใหญ่แล้วจะบำเพ็ญเพียรตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

:4672615:ครั้งนั้น เราทั้งหลายได้พบภูเขาหินในป่าสูงลิ่ว เราไต่มันขึ้นทางบันได แล้วผลักบันไดให้ตกลงเสีย
ครั้งนั้น พระเถระ (พระภิกษุผู้อาวุโสในที่นั้น) ได้ตักเตือนเราว่า การอุบัติแห่งพระพุทธเจ้าหาได้ยาก
อีกประการหนึ่ง ความเชื่อที่บุคคลได้ไว้ก็หาได้ยาก และพระศาสนายังเหลืออีกเล็กน้อย
ผู้ที่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเสียจะต้องตกลงไปในสาครคือความทุกข์อันไม่มีที่สิ้นสุด
เพราะฉะนั้น พวกเราควรกระทำความเพียรเตลอดเวลาที่พระศาสนายังดำรงอยู่เถิด

:4672615:ในการปฏิบัติธรรมครั้งนั้น พระเถระนั้นเป็นพระอรหันต์ พระอนุเถระ (พระภิกษุผู้อาวุโสรองลงมา) ได้เป็นพระอนาคามี
พระเถระที่เป็นพระอรหันต์ได้ปรินิพพาน พระอนุเถระเกิดในชั้นสุทธาวาส
พวกเราที่เหลืออีก ๕ รูป เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ มีความเพียร เมื่อสิ้นอายุจึงได้ไปเกิดยังเทวโลก
เราทั้งหลาย คือ ตัวเรา ๑ พระปุกกุสาติ ๑ พระสภิยะ ๑ พระพาหิยะ ๑ พระกุมารกัสสปะ ๑

:4672615:ในภพสุดท้ายนี้ เราเกิดในพวกมัลลกษัตริย์ ในพระนครกุสินารา เมื่อเรายังอยู่ในครรภ์ มารดาได้ถึงแก่กรรม
เขาช่วยกันยกมารดาขึ้นสู่เชิงตะกอน ลำดับนั้น เราตกลงมา ตกลงไปในกองไม้ จึงได้นามว่า ทัพพะ

ด้วยผลแห่งการประพฤติพรหมจรรย์ในภพก่อน เรามีอายุได้ ๗ ขวบ ก็หลุดพ้นจากกิเลส
เป็นผู้ไม่มีอาสวะ เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ได้บรรลุพระอรหันต์

ป้านุช 28-11-2009 11:08

มหาโกฏฐิตเถราปทานที่ ๗ เล่มที่ ๓๓/ ๑ หน้าที่ ๙๒
ว่าด้วยผลแห่งการฟังธรรม

:4672615:ในสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ครั้งนั้นเราเป็นพราหมณ์ ชาวพระนครหงสาวดี ได้เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าสดับพระธรรมเทศนา
เพราะผลกรรมนั้น เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เราได้เสวยราชสมบัติในเทวโลก ๓๐๐ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ครั้ง

:4672615:และได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์โดยคณานับมิได้ เพราะกรรมนั้นนำไป เราจึงเป็นผู้ถึงความสุขในทุกภพ
เราท่องเที่ยวไปแต่ในสองภพ คือในเทวาและมนุษย์ คติอื่นเราไม่รู้จัก นี้เป็นผลแห่งกรรมที่สั่งสมไว้ดี
เราเกิดแต่ในสองสกุล คือ สกุลกษัตริย์ และสกุลพราหมณ์ หาเกิดในสกุลอันต่ำทรามไม่

:4672615:ในภพสุดท้ายนี้ เราเป็นบุตรของพราหมณ์ เกิดในสกุลที่มีทรัพย์สมบัติมาก ในพระนครสาวัตถี มารดาของเราชื่อจันทวดี บิดาชื่ออัสสลายนะ
ในคราวที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำบิดาเราให้ดำรงอยู่เพื่อความบริสุทธิ์ เราเลื่อมใสในพระองค์ ได้ออกบวชเป็นบรรพชิต

:4672615:พระโมคคัลลานะเป็นอาจารย์ พระสารีบุตรเป็นอุปัชฌาย์ เราตัดสักกายทิฏฐิได้ในเวลาที่กำลังปลงผม (เป็นโสดาบัน)
และเมื่อกำลังนุ่งผ้ากาสาวะก็ได้บรรลุอรหันต์ เมื่อท่านพระสารีบุตรไต่ถามในปฏิสัมภิทา ก็ตอบได้ไม่ขัดข้อง เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว เป็นพระอรหันต์

ป้านุช 28-11-2009 11:16

ราธเถราปทานที่ ๙ เล่มที่ ๓๓ /๑ หน้าที่ ๙๖
ว่าด้วยผลแห่งการฟังธรรม

:4672615:ในสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ครั้งนั้นเราเป็นพราหมณ์ชาวพระนครหงสาวดี ได้ไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค ได้ฟังพระธรรมเทศนา
ด้วยกรรมที่เราได้ทำไว้ดีแล้วนั้น เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ได้เสวยราชสมบัติในเทวโลก ๓๐๐ ครั้ง ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ครั้ง
และเป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์โดยคณานับมิได้ เพราะกรรมนั้นนำไปเราจึงเป็นผู้ถึงความสุขในทุกภพ

:4672615:ในภพสุดท้ายนี้ เราเกิดในสกุลที่ยากจนขาดเครื่องนุ่งห่ม และอาหาร
ในพระนครราชคฤห์ได้ถวายอาหารทัพพีหนึ่งแก่ท่านพระสารีบุตร
ในเวลาเราแก่เฒ่า เราอาศัยวัดอยู่ ใคร ๆ ก็ไม่ยอมบวชให้ เราชราหมดกำลังเรี่ยวแรง
ครั้งนั้นเราเป็นคนยากเข็ญจึงเป็นผู้ปราศจากผิวพรรณ เศร้าโศก

พระพุทธเจ้าผู้ประกอบด้วยพระมหากรุณาทอดพระเนตรเห็นเข้าจึงตรัสถามเราว่า

“ ลูก ไฉนจึงเศร้าโศก จงบอกถึงโรคที่เกิดในจิตของเจ้า”

เราได้กราบทูลว่า

“ ข้าแต่องค์ผู้มีความเพียร ข้าพระองค์ไม่ได้บวชในศาสนาของพระองค์ เพราะเหตุนั้น ข้าพระองค์จึงมีความเศร้าโศก
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์ทรงเป็นที่พึ่งของข้าพระองค์ด้วยเถิด”


ครั้งนั้น พระพุทธองค์ผู้สูงสุดได้รับสั่งให้เรียกภิกษุมาประชุม พร้อมแล้วตรัสถามว่า

“ผู้ใดนึกถึงบุญคุณของพราหมณ์นี้ได้ จงบอกมา”

พระสารีบุตรได้กราบทูลว่า

“ข้าพระองค์นึกถึงบุญคุณของเขาได้ พราหมณ์ผู้นี้ได้ถวายอาหารทัพพีหนึ่งแก่ข้าพระองค์
ผู้กำลังเที่ยวบิณฑบาต พระเจ้าข้า”


พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า

“ดีละ ๆ สารีบุตร เธอเป็นคนกตัญญู เธอจงบวชให้พราหมณ์ผู้นี้”

:4672615: ลำดับนั้น เราได้การบรรพชาและอุปสมบทด้วยกรรมวาจา โดยเวลาไม่นานเลย เราก็ได้บรรลุธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งอาสวะ

เพราะเราเป็นผู้สดับพระพุทธดำรัสโดยความเคารพ เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว เป็นพระอรหันต์

ป้านุช 20-05-2010 18:55

กาฬุทายีเถราปทานที่ ๖ เล่มที่ ๓๓/๑ หน้าที่ ๑๐๙
ว่าด้วยผลแห่งการฟังธรรม

:4672615:ในสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ เราเกิดในสกุลอำมาตย์ในพระนครหงสาวดี
เราเข้าไปยังพระวิหารหังสาราม ถวายบังคมได้สดับธรรมอันไพเราะ และทำสักการะแด่พระพุทธองค์
:4672615:เพราะผลของกรรมนั้น เราละร่างมนุษย์แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

:4672615:ในภพสุดท้ายนี้ เราเกิดในสกุลมหาอำมาตย์ของพระเจ้าแผ่นดินพระนามว่าสุทโธทนะ
ในพระนครกบิลพัสดุ์ ครั้งนั้นพระสิทธัตถราชกุมารผู้ประเสริฐกว่านรชน ได้ประสูติที่สวนลุมพินีอันรื่นรมย์ เพื่อประโยชน์และความสุขแก่โลกทั้งมวล

:4672615:เราก็เกิดในวันเดียวกัน เติบโตมาพร้อมกันกับพระสิทธัตถราชกุมาร เป็นสหายรักใคร่ชอบใจของกัน คุ้นเคยกัน เราฉลาดในทางนิติบัญญัติ

:4672615:พระสิทธัตถราชกุมารนั้น มีพระชนมายุ ๒๙ พรรษาได้เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์ยับยั้งอยู่ ๖ พรรษา ก็ได้เป็นพระพุทธเจ้า
พระพุทธองค์ทรงชนะมารพร้อมทั้งเสนามารยังอาสวะให้สิ้นไป ข้ามห้วงอรรณพคือภพแล้ว เป็นพระพุทธเจ้าในโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก

:4672615:เสด็จไปยังป่าอิสิปตนะ ทรงแนะนำภิกษุปัญจวัคคีย์ ต่อจากนั้น ทรงสงเคราะห์มนุษย์พร้อมทั้งทวยเทพ ได้เสด็จไปประทับในแคว้นมคธ พระเจ้าแผ่นดินพระนามว่า สุทโธทนะซึ่งเป็นพระบิดา

:4672615:ทรงส่งเราไปเฝ้าพระพุทธองค์ เราบวชแล้ว ได้เป็นพระอรหันต์ ครั้งนั้น เราทูลเชิญพระศาสดาให้เสด็จไปนครกบิลพัสดุ์เพื่อโปรดพระบิดาและเหล่าพระประยูรญาติ

:4672615:เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว เป็นพระอรหันต์


หมายเหตุ คำว่าหงสาวดี หงสวดี สามารถใช้ได้อีก ๒ คำดังนี้ค่ะ

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สุธรรม
ยังมี หังสวดี และ หังสาวดี ที่ใช้ได้อีก ๒ คำครับ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:11


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว