กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4631)

เถรี 05-10-2015 19:11

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๘
 
พระอาจารย์กล่าวสอนว่า "การที่เรากระทบกระทั่งกับใคร ถือเป็นบทเรียนให้เรานำมาพัฒนาตนเอง เมื่อสองสามวันที่ผ่านมาก็มีโยมคนหนึ่ง ตั้งใจจะไปอยู่ปฏิบัติธรรมที่วัดท่าขนุน พอไปกระทบอารมณ์เข้าก็เปลี่ยนใจว่าไม่อยู่แล้ว วัดนี้เรื่องมาก ต้องบอกว่าเขาฉลาดน้อยไปหน่อย สถานที่ใดก็ตามที่ไม่มีแรงกระทบเลย เราไม่สามารถวัดตัวเราเองได้ว่า การปฏิบัติของเราไปถึงไหนแล้ว แต่ถ้าสถานที่ใดมีแรงกระทบอยู่ตลอดเวลา แล้วเรารู้จักนำมาพัฒนาตนเอง การปฏิบัติธรรมจะก้าวหน้าเร็วมาก เหมือนกับมีเครื่องวัดว่าตอนนี้กำลังใจของเราเป็นอย่างไร ? ขึ้นหรือลง ? เมื่อเรารู้จักนำมาพัฒนาตนเอง ก็จะได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

บางคนไปวัดหวังว่าจะได้อยู่ใกล้ชิดครูบาอาจารย์ เวลาท่านไปไหนจะได้แห่ตามไปด้วย ฝันไปเถอะ..! ถ้าคิดแบบนั้นแล้วกำลังใจต่ำมาก อย่าไปอยู่วัดเลย

อาตมาบวชอยู่วัดท่าซุง ๗ พรรษาเต็ม ๆ ขึ้นปีที่ ๘ ไม่เคยไปต่างประเทศกับหลวงพ่อวัดท่าซุงเลยสักครั้งเดียว แม้ว่าท่านจะชวนก็ปฏิเสธ ไม่ใช่เสียดายค่าเครื่องบินเท่านั้น แต่ถ้าไปกันหมดแล้วใครจะทำงานที่วัด ? แม้กระทั่งในประเทศซึ่งจัดเวรผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันตามไปรับใช้ท่าน อาตมาก็เคยไปครั้งเดียว ที่เหลือไม่ไป อยู่ทำงานที่วัดดีกว่า ถึงได้ว่าพอออกจากวัดมาแล้ว หลวงพ่อเจ้าคุณอนันต์ต้องหาพระไปแทนตั้ง ๕ รูป คราวนี้รู้หรือยังว่างานที่อมไว้เยอะขนาดไหน ? ถ้าเรายังไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่
แล้วจะมีใครทำงาน ?

วันก่อนในงานของครูบาวิฑูรย์ถึงได้กล่าวว่า การที่จะทำงานถวายการรับใช้ครูบาอาจารย์ เราต้องมีความเสียสละ ไม่ใช่เอาแต่ไปเสนอหน้าอยู่ใกล้ ๆ ท่าน ถ้าอย่างนั้นงานไกลงานห่างใครจะทำ ?

ดังนั้น..การที่ญาติโยมบอกว่ามาทดลองอยู่แล้วไม่สามารถที่จะอยู่ได้ คงต้องไปอยู่ที่อื่น อาตมาไม่ได้เสียดายเลย แต่ถ้าเสียดายก็คือเสียดายว่า เขาไม่รู้จักใช้วิกฤตินั้นเป็นโอกาสในการพัฒนาตนเอง ถ้าอาตมาคิดอย่างเขา ชาตินี้พระอาจารย์เล็กไม่ได้มานั่งอยู่ตรงนี้หรอก เพราะฉะนั้น..สู้ต่อไปไอ้มดแดง...!"

เถรี 05-10-2015 19:14

"ใครทำอะไรไม่ดีกับเราให้จำเอาไว้เป็นบทเรียน ว่าเราจะไม่ทำอย่างนั้นกับคนอื่น ส่วนใครทำดีกับเราให้จดจำเอาไว้ มีโอกาสก็ทดแทนเขาไป ใหม่ ๆ จะทำใจยาก แต่ทำไปเถอะ ถึงเวลาแล้วจะดีกับตัวเราเองทั้งนั้น อาตมาถึงได้ใช้คำว่า "ใครวางก่อนสบายก่อน ใครอยากแบกก็ช่างหัวมัน" โอกาสดี ๆ มาถึงแท้ ๆ แต่กลับเห็นเป็นเรื่องไม่ดี

สถานที่จะดีแค่ไหนก็ตาม ครูบาอาจารย์จะดีแค่ไหนก็ตาม คนก็ยังเป็นคนอยู่วันยันค่ำ ขึ้นชื่อว่าคนแล้วย่อมมี รัก โลภ โกรธ หลง อยู่เต็มหัวเป็นปกติ อะไรพอทนได้ก็ทน อะไรพออภัยได้ก็อภัย ถ้าเหลืออดเหลือกลั้นจริง ๆ ก็พิจารณาต่อไปเลยว่า สภาพที่เราเจออย่างนี้ยังอยากได้อีกไหม ? ยังอยากเกิดอีกไหม ? ขนาดในแวดวงของผู้ปฏิบัติธรรมยังมีแต่ทุกข์แต่โทษขนาดนี้ แล้วด้านนอกจะไม่มีนั้นจะเป็นไปได้หรือ ?

อดีตแม่ชีชไมเคิลหลุดวงโคจรไปคนหนึ่งแล้ว ไม่รู้จักใช้วิกฤติให้เป็นโอกาสของตนเอง ซึ่งหลัก ๆ ก็ไม่มีอะไรหรอก ก็คือสักกายทิฐินั่นแหละ ...กูทำดีอยู่แล้ว ทำไมคนอื่นทำไม่ดีกับกู ?... ไปคิดอย่างนั้นก็บรรลัย ถ้าหากว่ากูดีจริง คนอื่นเขาก็ต้องดี

อะไรที่เป็นขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นระเบียบวินัยก็ทำไป เพราะอย่างไรเราก็ต้องปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นไม่มากก็น้อย มนุษย์เป็นสัตว์สังคม จะทิ้งสังคมเลยเป็นไปได้ยาก เพียงแต่ว่าการปฏิสัมพันธ์นั้น เราต้องพยายามรักษากำลังใจของเราเอาไว้ให้ดี"

เถรี 05-10-2015 19:31

พระอาจารย์กล่าวถามโยมที่โดนรุมกระทืบมาว่า "ตกลงรอดสหบาทามาได้ใช่ไหม ? บริษัทนี้คนเยอะ เขาเรียกบริษัทสหบาทาไม่จำกัด (๒๐ คนครับ) แล้วไปตกอยู่ในเหตุการณ์ได้อย่างไร ? (เปิดประตูรถไปกระแทกถูกเขาพอดี)

คนเราสมัยนี้ต้องบอกว่าใจเร็วใจร้อน ไม่ค่อยมีการให้อภัยกัน บางอย่างก็เป็นเหตุสุดวิสัย แต่เขาตีความว่าเราเจตนาที่จะไปทำเขาก่อน ก็เลยกลายเป็นเรื่องเป็นราวกันขึ้นมา โดนรุมเหยียบรุมกระทืบกันขนาดนั้น ถ้าไม่มีของดีครูบาอาจารย์คุ้มครองอยู่ คงได้สิ้นชีวากันเป็นแน่

กำลังใจของคนเราแย่ไปเรื่อย ๆ ตามสถานการณ์ วันก่อนเขาส่งคลิปมาทางไลน์ ผัวเก่าขับรถชนผัวใหม่ แล้วลงไปกระทืบซ้ำ ไปกระทืบทั้ง ๆ ที่ศพเลือดนองบนถนน กำลังใจย่ำแย่ขึ้นทุกวัน ยังไม่ทันถึงช่วงปลายของพระศาสนาเลย เลยกลาง ๆ มาแค่ ๕๐ กว่าปียังแย่ขนาดนี้

คราวหน้าแขวนวัตถุมงคลหลาย ๆ วัดหน่อย หลวงพ่อหลาย ๆ องค์ท่านจะได้ช่วยกัน ไปแขวนอยู่วัดเดียว ตูเลยปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้...!"

เถรี 05-10-2015 19:52

ถาม : เวลาร่างกายมีอาการเจ็บปวด ถ้ามีสมาธิหรือมีสติก็พอจะหยุดได้ แต่พอถอยออกมาแล้วก็โดนกระหน่ำ มีเทคนิคใดไหมคะนอกจากมีสติตลอดเวลา ?
ตอบ : ไม่มี...ธรรมชาติของร่างกายเป็นอย่างนั้นเอง คันก็เกา เอาให้ถลอกไปเลย ก็รู้อยู่ว่าถ้าถอยสมาธิออกมาแล้วจะเป็น แล้วไปถอยออกมาทำอะไร ?

เถรี 05-10-2015 19:54

ถาม : คนที่เก่ง ฉลาด เป็นเพราะชาติที่แล้วภาวนา ?
ตอบ : สมาธิภาวนาทำให้ปัญญาเกิด ถ้าเก่งในยุคปัจจุบันมีอยู่ ๒ อย่าง อย่างแรกก็คืออดีตเคยภาวนามา อย่างที่สองก็คืออดีตเคยทำอย่างนั้นมาแล้ว พอมาทำใหม่จึงมีความคล่องตัวมากกว่าคนอื่นเขา

ถาม : พ่อแม่เขาเป็นหมอ เกิดมาฉลาดมากเลย แสดงว่าชาติที่แล้วพอจะมาทางนี้บ้าง แต่ชาตินี้ไม่ค่อยจะศรัทธาศาสนา แล้วทำไมจึงเป็นอย่างนั้น ?
ตอบ : คนเราไม่ใช่ว่าจะดีทุกชาติ ถ้าดีทุกชาติป่านนี้ไปพระนิพพานกันหมดแล้ว ก็มีดีบ้างชั่วบ้างสลับกันไป ตอนนี้ผลในส่วนไม่ดีให้ผลอยู่ ผลในส่วนดีก็ถอยหลังก่อน เป็นเรื่องปกติ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ถ้ามีของเก่าแล้วไม่ได้ต่อ ชาติต่อไปหวังจะกลับมาก็ยาก เพราะส่วนใหญ่แล้วกิเลสไม่เปิดโอกาสให้เราหรอก มีแต่เราเปิดโอกาสให้กิเลสเป็นประจำ

เถรี 05-10-2015 20:18

ถาม : ถ้าไม่ได้ป่วยแล้วหัวใจเต้นช้าลง เกี่ยวกับภาวนาไหมคะ ? ไปตรวจสุขภาพวัดการเต้นของหัวใจได้ ๔๙ ค่อย ๆ ลดลงทุกปี ?
ตอบ : ของอาตมานี่ถึง ๖๐ ก็เก่งมากแล้ว ไปตรวจสุขภาพประจำปี หัวใจเต้น ๕๒ ครั้งต่อนาที หมอบอกว่า “ถ้าไม่รู้ว่าท่านปฏิบัติสมาธิมา จะโด๊ปน้ำเกลือให้ ๒ ขวดแล้ว”

เถรี 05-10-2015 20:47

พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนไปปีนหอจ่ายน้ำประปาของวัดที่สร้างยังไม่เสร็จ ปีนขึ้นปีนลงเพื่อถ่ายรูป คราวนี้ยอดถังน้ำที่สูงอยู่แล้ว อาตมายังต้องขึ้นไปบนนั่งร้านที่สูงกว่าอีก เพื่อที่จะถ่ายรูปถังน้ำให้ได้ มองลงไปแล้ว "เออ...หวิว ๆ เหมือนกันว่ะ" ถามว่ากลัวตายไหม ? ไม่ใช่กลัวตาย แต่ทำไมความรู้สึกถึงเป็นอย่างนั้น เหมือนกับสัญชาตญาณระแวงภัย ถึงเวลาจะขึ้นจะลง ตอนนั้นจะระวังไปหมด เพราะเหลือแต่นั่งร้านเหล็กโด่เด่อยู่อันเดียว"

ถาม : เราหวิวเพราะเราไม่มั่นใจหรือเปล่า ?
ตอบ : ฝรั่งเขาทำวิจัยแล้วว่า ความสูง ๓๒ ฟุตขึ้นไป มนุษย์ทุกรูปทุกนามจะรู้สึกเสียวทุกคน บางคนกลัวชนิดที่ขยับไม่ได้เลย

ถาม : ที่วัดหนองหญ้าปล้องรู้สึกหวิวไหมคะ ?
ตอบ : ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าหลวงพ่อโนรีขึ้นไปถึงสั่นแหง็ก ๆ อยู่ข้างบน อาตมาถามว่าสั่นอะไรกันนักหนา ท่านบอกว่า “ตื่นเต้นครับอาจารย์” ท่านเองไม่เคยฝึกทหาร ไม่เคยลงจากที่สูง ไม่เคยโดดร่ม ท่านก็ลำบากหน่อย สั่นชนิดที่บังคับตัวเองไม่ได้เลย หลวงปู่นริศบอกว่า “ปล่อยอาจารย์เล็กไปคนเดียวเถอะ กูไม่ไปด้วยหรอก กูกลัวโว้ย”

ก็มีอย่างที่ไหน สลิงเส้นเดียวลากขึ้นไปสูงขนาดนั้น คือถ้าอาตมาไม่ขึ้นไปให้ดูเป็นตัวอย่าง คนอื่นเขาก็ไม่กล้าขึ้นกัน พวกช่างเขาไม่กล้าขึ้น แล้วเขาจะไปประกอบเศียรพระได้อย่างไร ? ก็ต้องขึ้นไปเป็นตัวอย่างให้เขาดู


ถาม : สมาธิที่ทำให้ตัดตัวนี้ได้ จริง ๆ ก็แค่ทำให้ไม่รับรู้ ไม่ใช่ตัดความกลัว ?
ตอบ : ใช่...ทำให้กล้ากว่าเขาหน่อยเท่านั้นเอง ก็แบบเดียวกับท่านโมเช่ ท่านโมเช่มีความสามารถสารพัด แต่กลัวมาก เป็นคนขี้กลัวลักษณะว่าปลอดภัยไว้ก่อน อย่างไปเจอฝูงควายกลางป่า แกเองจะวิ่งหนีท่าเดียว พอเห็นว่าอาตมาไม่หนีจริง ๆ แกตวาดทีเดียว ควายทั้งฝูงกลายเป็นตุ๊กตาไปเลย ยืนทื่อทำอะไรไม่ได้ทั้งฝูง ปล่อยให้พวกเราเดินผ่านไปแต่โดยดี ฝีมือขนาดนั้นแต่แกจะหนีท่าเดียว อะไรที่เสี่ยงแกไม่เอา แกเอาปลอดภัยไว้ก่อน เอะอะก็ “อาจาง..หนีก่อง” แต่อาจารย์ไม่ยอมหนี พออาจารย์ไม่หนี แกก็เลยต้องสู้ไปด้วย

เถรี 05-10-2015 21:55

ถาม : ระหว่างบวชกับเป็นฆราวาส อย่างไหนจะละกิเลสได้ยากกว่ากัน ?
ตอบ : ยากพอกัน เพียงแต่ความเสี่ยงของพระมากกว่า ที่ใช้คำว่า "ยากพอกัน" เพราะว่าในชีวิตของความเป็นพระ ก็แค่เรามีความกังวลน้อยกว่า น่าจะละได้ง่ายกว่า แต่กำลังใจในการตัดละกิเลส สิ่งกระทบจะมีน้อยลงไปด้วย เพราะพระเราเป็นปูชนียบุคคล คนให้ความเคารพบูชามากกว่า ในเมื่อสิ่งกระทบมีน้อย โอกาสที่จะวัดอารมณ์ใจตนเองก็น้อยลงไปด้วย

ส่วนชีวิตฆราวาสเป็นทางคับแคบ การกระทบกระทั่งมีมาก ถ้าปล่อยไม่ได้ วางไม่ได้ ก็ยิ่งยึดยิ่งติดหนักขึ้น แต่ถ้าตั้งใจที่จะปล่อยปละละวางจริง ๆ เอาแรงกระทบต่าง ๆ นั้นมาเป็นเครื่องวัดกำลังใจตัวเอง การปฏิบัติของเราก็จะมีความก้าวหน้ามากขึ้น เพราะฉะนั้น..อยู่ที่เราตัดสินใจ แต่ชีวิตฆราวาสถ้าแต่งงานมีครอบครัวเมื่อไร เครื่องถ่วงจะมีมากมหาศาล เมื่อถึงเวลานั้นอย่าไปคิดเลยว่าจะหนีได้ คนที่ยังไม่มีภาระ ไม่มีครอบครัว มาปฏิบัติธรรมก็ยังพอไปได้สบายหน่อย

เถรี 06-10-2015 07:00

ถาม : กระผมนั่งสมาธิโดยการภาวนาพระคาถาเงินล้านบ้าง โดยการเพ่งกสิณแสงสว่างด้วยลูกแก้วบ้าง การภาวนาพระคาถาเงินล้านไม่มีปัญหานัก ดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ตามกำลังใจ แต่การเพ่งกสิณนั้น เมื่อจับภาพลูกแก้วได้ชัดเจน และภาวนากำหนดลมหายใจไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งลูกแก้วเริ่มขาวใส และสว่างขึ้นตามลำดับ แต่พอถึงจุดที่เกิดแสงสว่างวาบขึ้นมาจากดวงกสิณ กระผมจะหลุดจากสมาธิทันที และเป็นแบบนี้ทุกครั้ง อยากเรียนถามพระอาจารย์ว่าควรแก้ไขอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : ทำใจให้ได้ว่า สว่างวาบอย่างไรก็ไม่ตายหรอก ที่เราหลุดจากสมาธิเพราะตกใจ ที่ตกใจเพราะกลัว ที่กลัวเพราะกลัวตาย..!

เถรี 06-10-2015 07:05

ถาม : การนำรูปภาพจากอินเตอร์เน็ตที่เจ้าของเดิมใส่ลายเส้นไว้ มาตัดต่อและใส่ชื่อว่าเป็นของตัวเองลงไป หรือตัดต่อแล้วนำไปแสวงหาประโยชน์อื่น ๆ เป็นการกระทำที่ผิดศีลไหมครับ ?
ตอบ : ผิด ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ รู้ว่าเขาหวงแล้วยังอุตส่าห์เอาของเขาไปหากินอีก

เถรี 06-10-2015 07:08

ถาม : การตั้งพระที่หน้ารถเรา ควรตั้งหันหน้าเข้าหาเรา หรือควรตั้งหันออกไปทางหน้ารถดีคะ ? บางท่านบอกว่า ต้องให้องค์พระหันหน้าไปด้านหน้า ให้ท่านช่วยดูทาง และปัดเป่าภยันตรายแก่เราค่ะ ?
ตอบ : เอาที่คุณสบายใจเลย...!

เถรี 06-10-2015 07:09

ถาม : "จิต" เกิดขึ้นมาจากอะไร เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ? หมายถึง จิตดวงแรกนะครับ ต้นกำเนิดหรือจุดเริ่มต้นของจิตมนุษย์และสรรพสิ่งเกิดมาจากอะไรครับ ?
ตอบ : พระพุทธเจ้ายังไม่ตอบเลย...ตูไม่ได้เก่งขนาดนั้น...!

เถรี 06-10-2015 07:16

ถาม : เจ้าภาพประกาศชัดเจนว่า ตั้งใจนำเงินนี้มาสร้างห้องน้ำให้วัด แต่มีคนหนึ่งเข้าใจว่านำเงินมาสร้างเครื่องกรองน้ำให้วัด และก็ไม่ได้บอกเจ้าภาพว่านำเงินมาสร้างเครื่องกรองน้ำให้วัด เมื่อเงินนั้นถวายให้วัดไปแล้วผ่านไปหลายเดือน ภายหลังเมื่อเจอกันเขาสอบถามว่าเครื่องกรองน้ำของวัดเป็นอย่างไรบ้าง ? อยากทราบว่า เจ้าภาพจะมีโทษใดหรือไม่ครับ ? ถ้าไม่ทราบเลยว่าเงินที่เขาร่วมบุญมานั้นผิดวัตถุประสงค์
ตอบ : เขาเรียกว่าซวยแบบไม่รู้ตัว เงินทำบุญต้องทำตามเจตนาของเจ้าของเขา ไม่อย่างนั้นเขาปรับโทษเท่ากับย้ายเจดีย์ซึ่งเป็นสิ่งเคารพของคนหมู่มาก พวกไม่รู้ภาษามีเยอะ เพราะฉะนั้น..จะรับไปบอกบุญใครก็ระมัดระวังไว้นิดหนึ่ง ของอาตมาอยู่ ๆ โยมส่งซองมาเขียนว่า ร่วมหล่อพระพุทธรูปทองคำหน้าตัก ๕๐ ศอก บอกโคตรแม่มึงไปทำเองเถอะ...!

ถาม : และเมื่อรู้แล้วแจ้งกับเจ้าของเงินว่านำเงินมาสร้างห้องน้ำให้วัด ไม่ได้สร้างเครื่องกรองน้ำ ผู้ร่วมบุญเขาเข้าใจ อย่างนี้เจ้าภาพจะมีโทษใดหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าตกลงกันได้ก็จบ ถ้าเขาไม่ยินยอมก็ไปซื้อเครื่องกรองน้ำถวายให้เขาเสียดี ๆ

เถรี 06-10-2015 07:17

ถาม : ขออนุญาตกราบเรียนถามเรื่องตะกรุดมหาระงับและธงมหาระงับครับ ว่าทั้ง ๒ อย่างนี้มีอานุภาพเด่นในทางด้านใดบ้างครับ ?
ตอบ : เด่นทางมหาระงับ...!

เถรี 06-10-2015 07:18

ถาม : ท่านเจ้าที่ผู้ดูแลมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ท่านมีนามว่าอะไรครับ ? ผมจะทำสังฆทานอุทิศถวายท่าน เพื่อขอให้ท่านสงเคราะห์ให้ลูกชายได้เข้าศึกษาต่อที่นั่นครับ กราบขอพระอาจารย์ได้กรุณาชี้แนะด้วยครับ ?
ตอบ : ไปบน "พิงคเทพบุตร" ท่านไม่ได้ดูแลแต่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ท่านดูแลทั้งเมืองเลย

เถรี 06-10-2015 07:21

ถาม : ที่พระอาจารย์เคยมากราบพระพุทธรูปสำคัญในจังหวัดเชียงใหม่เมื่อนานมาแล้ว อยากขอความเมตตาแนะนำพระพุทธรูปที่สำคัญ ๆ ในเมืองเชียงใหม่ครับ เพื่อจะได้ไปกราบนมัสการสักครั้งหนึ่งในชีวิต ?
ตอบ : พระพุทธรูปไม่มีองค์ไหนไม่สำคัญ เพราะฉะนั้น..ไปกราบให้หมดทั้งเมืองเชียงใหม่เลย...!

เถรี 06-10-2015 07:22

ถาม : การที่ยังเป็นพระโสดาบันไม่ได้ เกิดจากพร่องในส่วนของสังโยชน์ ๒ ข้อแรก หรือพร่องในส่วนของศีลครับ ?
ตอบ : พร่องทั้งหมดนั่นแหละ..!

เถรี 06-10-2015 07:23

ถาม : หลังจากหนูนั่งกรรมฐาน พอคลายกำลังใจออกมา ตามองเห็นอะไร ใจก็บอกว่าเป็นสมมุติ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของรอบตัว, ผู้คน หรือแม้กระทั่งร่างกายของตัวเอง เหมือนมีคำว่าสมมุติลอยอยู่รอบตัวเต็มไปหมดเลยค่ะ พอพิจารณาเห็นว่าทุกอย่างเป็นสมมุติ หนูเลยรู้สึกว่าการงานที่ทำอยู่ทุกอย่างก็เป็นการสมมุติทั้งสิ้น ทำให้ตอนทำงาน กำลังใจจะรู้สึกว่า "สักแต่ว่าทำหน้าที่ของตนให้เสร็จ ๆ ไปในแต่ละวัน" แต่หนูก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุดในทุก ๆ เรื่องนะคะ อยากขอเมตตาช่วยชี้แนะว่า สิ่งที่หนูพิจารณาอยู่นั้นถูกต้องหรือไม่ ? และควรพิจารณาต่อจากนี้อย่างไรคะ ?
ตอบ : ถ้ารู้ว่าเป็นสมมุติแล้วไม่ไปยึด จิตใจปลดออก พร้อมที่จะละสมมุตินั้นไปทุกเวลา ก็เป็นอันว่าใช่

เถรี 06-10-2015 07:36

มีพุทธาภิเษกที่วัดท่าซุงครั้งหนึ่ง ปกติเวลา “พระ” ท่านสงเคราะห์ จะเหมือนกับเป็น “ม่านแก้ว” บาง ๆ ลงมาอย่างกับฝนตกอย่างนั้น คราวนี้มีอยู่ครั้งหนึ่งที่วัดท่าซุง พอหลับตาลงปั๊บ รู้สึกเหมือนจะหงายหลัง เพราะว่า “กระแสมาแรงมาก” เป็นพายุเลย อาตมาก็แปลกใจมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมวันนี้แรงผิดปกติขนาดนี้ ?

ตอนนั้นหลวงพ่อ (ฤๅษีลิงดำ) ท่านพุทธาภิเษก “สมเด็จหางหมาก” ปรากฏว่า พอมาอีกสักครู่หนึ่งก็สว่างขึ้น ๆ ๆ สว่างจนบอกไม่ถูกนะ ว่าสว่างกันขนาดไหน แล้วอยู่ ๆ ไฟฟ้าก็ดับพรึ่บไปพร้อม ๆ กัน เล่นเอาพวกเจ้าหน้าที่ดูแลเครื่องไฟวิ่งกันตับแล่บเลย ปกติงานอย่างนี้ไม่เคยเสีย อยู่ดี ๆ ก็ดับพร้อม ๆ กัน แล้วไม่ทราบเหมือนกันว่าเบรกเกอร์ตัดอีท่าไหน อยู่ ๆ ก็ดีดมาเฉย ๆ เหมือนอย่างกับว่ามีไฟช็อต กำลังไฟเกินแล้วก็ดับอย่างนั้น ก็แค่ยกกลับขึ้นไปไฟก็ติดตามเดิม

พอพุทธาภิเษกเสร็จ หลวงพ่อท่านก็บอกว่า… วันนี้ “พระ” ท่านทำสมเด็จหางหมากรุ่นนี้ให้เป็น “พิเศษ” เพื่อกันพวก “รังสีนิวเคลียร์” ภายในรัศมี ๔ เมตร นิวเคลียร์เข้าไม่ได้ ใครมีพระรุ่นนั้นก็สบายเลย อาตมาก็ไม่นึก เพราะว่ากระแสไม่เคยมา “แรง” ขนาดนั้น

เรื่องของ “พระ” หรือ “เทวดา” พุทธาภิเษกแต่ละครั้ง ถ้าท่านเคยสงเคราะห์เท่าไร ครั้งต่อไปจะไม่ต่ำกว่านั้น มีแต่ว่าถ้าท่าน “เพิ่มอะไรให้เป็นพิเศษ” ท่านก็จะบอกให้

เล่าโดย หลวงพี่เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เดือนสิงหาคม ๒๕๔๕
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ

............................................................

ถาม : จากข้อความด้านบน ขอกราบเรียนถามว่า เป็นพระหางหมากรุ่นไหนครับ ?
ตอบ : ให้ค้นต่ออีกนิดก็ได้คำตอบแล้ว อย่าโง่นัก..!

เถรี 06-10-2015 07:41

ถาม : กระผมอยากจะทราบวิธีฝึกกสิณที่ถูกต้องครับ พอดีผมลองฝึกโดยการเพ่งเปลวไฟที่จุดจากเทียน พอลองเพ่งดูสักพักก็เป็นภาพติดตา ลองมองไปข้าง ๆ รอบบริเวณก็จะเห็นภาพไฟติดตาไปด้วย ลองหลับตาก็เห็นเป็นแสงตกค้างของไฟ ทีนี้เวลาผมเพ่งโดยการหลับตาและใช้วิธีเพ่งภาพตกค้างที่ได้ แต่ภาพที่ติดตานั้นมักจะเลื่อนไปตามสายตาด้วย กลอกตาไปทางไหนก็เลื่อนไปด้วย แต่เหมือนกับว่าอยู่เหนือระดับสายตาไปนิดหน่อย ก็เลยพยายามเพ่งมองให้ได้แบบตรง ๆ เช่น เลื่อนขึ้นข้างบน ผมก็ตามมองไปเรื่อย ๆ ภาพก็เลื่อนขึ้นเรื่อย ๆ ผมมองจนตาเหล่ขึ้นข้างบนก็ไม่ยอมหยุด มองตามจนปวดตา ปวดหัว ผมก็เลยคิดว่าผมน่าจะฝึกผิดวิธี เลยอยากจะทราบวิธีการฝึกกสิณที่ถูกต้องครับว่าควรทำอย่างไร ?
ตอบ : ยังอุตส่าห์รู้ตัวว่าผิด การฝึกกสิณทุกกองให้ลืมตามองภาพ หลับตาลงนึกถึง จะนึกภาพนั้นได้ครู่หนึ่งแล้วหายไป ก็ให้ลืมตามองแล้วหลับตาลงนึกถึงใหม่ จนกว่าภาพนั้นจะชัดเจน ทั้งลืมตาและหลับตาเห็นเหมือนกัน แล้วรักษาประคับประคองภาพนั้นไว้ไปเรื่อย ๆ ภาพนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปตามระดับสมาธิของเราเอง ไม่ใช่ไปนั่งเพ่ง


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:29


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว