กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5880)

เถรี 12-11-2017 20:21

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๐
 
ถาม : เราจะแยกระหว่างการวางแผนล่วงหน้าและการคิดฟุ้งซ่านได้อย่างไรครับ ?
ตอบ : วางแผนโดยทรงสมาธิไว้จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน สรุปก็คือ จะคิดอะไรก็ทำสมาธิให้มั่นคงเสียก่อน ไม่อย่างนั้นแล้วเราจะแยกไม่ออก

อะไรก็ตามที่เราคิดในขณะที่ทรงสมาธิอยู่จะมีเหตุมีผล และสามารถเห็นช่องทางได้ง่าย ส่วนการคิดเรื่อยเปื่อยโดยที่ไม่มีสมาธิกำกับอยู่ เป็นความฟุ้งซ่านอย่างแน่นอน

เถรี 12-11-2017 20:29

ถาม : เมื่อเราเกิดปัญหาขึ้นในการเรียนหรือการทำงาน และเป็นปัญหาที่หาทางออกที่ดีไม่ได้ จนทำให้เกิดทุกข์ทุกครั้งที่นึกถึง แม้จะทำสมาธิก็ช่วยบรรเทาทุกข์ได้แต่เพียงชั่วครู่ จึงสงสัยว่าจะมีวิธีใดบ้างที่ช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหานั้น ๆ ได้ หรือพบคนที่จะมาช่วยเหลือได้ ?

ตอบ : อย่ามัวแต่ไปหวังพึ่งคนอื่นอยู่ ให้คิดดี พูดดี ทำดีเอาไว้ ถ้าสามารถคิดดี พูดดี ทำดีได้ต่อเนื่อง ความดีทั้งหลายที่เกิดขึ้นจะทำให้ปัญหาหมดไปเอง ในเมื่อไม่สามารถที่จะทำได้ เรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ จำเป็นที่จะต้องยอมรับไปก่อน หลังจากนั้นก็เริ่มต้นแก้ไขใหม่

ถาม : มีวิธีใดบ้างที่จะระงับทุกข์ในช่วงที่ยังแก้ปัญหาไม่ได้ ?
ตอบ : หยุดคิด ถ้าหยุดคิดไม่เป็นก็ต้องให้ความรู้สึกของเราอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก ส่วนใหญ่ที่เราทุกข์เพราะเราไปคิดปรุงแต่ง เรายิ่งปรุงแต่งมากเท่าไร ความทุกข์ก็ยิ่งมีมากเท่านั้น แต่ถ้าหยุดคิดไม่ได้ก็ต้องหยุดอยู่กับลมหายใจเข้าออก ถ้าลมหายใจเข้าออกทรงตัว ความคิดทั้งหมดจะอยู่เฉพาะหน้าที่ลมหายใจหรือคำภาวนาเท่านั้น เท่ากับเราหยุดคิดไปโดยปริยาย ความทุกข์ก็ไม่เกิด

เถรี 12-11-2017 20:35

ถาม : การคำนวณและวางดวงพิชัยสงคราม สามารถช่วยหนุนดวง และส่งเสริมชะตาชีวิตให้ดีขึ้นได้จริงหรือไม่ และเพราะเหตุใดครับ ?
ตอบ : เรื่องของการวางดวงเกิดจากการคำนวณของวิชาโหราศาสตร์ โอกาสที่จะทำแล้วเกิดผลมีประมาณ ๖๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ไม่อย่างนั้นแล้วทุกคนไปวางดวงเสียใหม่ก็กลายเป็นดีกันไปหมด รวยเสมอกันหมด ประสบความสำเร็จเหมือนกันหมด

สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ที่เกิดขึ้นจากบุญเก่า กรรมเก่าที่เราสร้างเอาไว้ ถ้าทำแล้วสามารถดีขึ้นได้ แปลว่าต้องมีปุพเพกตปุญญตา คือบุญเก่าที่เราสั่งสมมาตั้งแต่ต้นด้วย ถ้าบุญเก่าตรงนี้ไม่ส่งผล ทำไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร แต่ก็อาจจะสบายใจขึ้นว่าเราได้ทำในสิ่งที่ดี ๆ ไปแล้ว ถ้าเราสบายใจ จิตใจสงบลง บางทีอาจจะเห็นช่องทางแก้ปัญหาชีวิตต่าง ๆ ได้ ก็ต้องบอกว่าสิ่งที่ดีขึ้นเกิดจากตัวเราเองอีกตามเคย

เถรี 12-11-2017 20:44

ถาม : เพื่อนผมได้กินน้ำสลัดซึ่งทำจากน้ำส้มสายชู แต่น้ำส้มสายชูได้ผ่านกระบวนการหมักซึ่งมีขั้นตอนที่แปรสภาพจากแอลกอฮอล์มาเป็นกรด ผมจึงสงสัยว่า ถ้ากินเข้าไปแล้วจะทำให้ยันต์เกราะเพชรหลุดหรือไม่ครับ ?
ตอบ : กรดไม่ใช่แอลกอฮอล์ ท่านห้ามเฉพาะแอลกอฮอล์ เพราะฉะนั้น...โปรดอย่าฟุ้งซ่านมาก

ถาม : ผมสงสัยว่าจะมีวิธีใดที่สามารถตรวจสอบด้วยตนเองได้ว่า ยันต์เกราะเพชรยังอยู่ในตัวเรา แบบที่ไม่ใช่ต้องรอให้ตาย หรือไปให้งูพิษกัดครับ ?
ตอบ : วิ่งไปให้สิบแปดล้อชน ถ้าไม่ตายก็แปลว่ายันต์ยังอยู่...!

เถรี 12-11-2017 20:49

ถาม : สมมติว่าผมถูกหวยหรือพนันฟุตบอลแล้วได้เงินมา ๑ หมื่น แล้วแบ่งมาทำบุญสัก ๑๐% ของเงินที่ได้มา อยากทราบอานิสงส์จะได้เต็ม ๑๐๐% หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าจะให้ได้เต็ม ๑๐๐% ก็เอามาทำบุญทั้ง ๑๐๐% นั่นแหละ...! ความจริงคำถามก็คือ เงินจากการพนันนำมาทำบุญแล้ว จะได้อานิสงส์มากเหมือนกับเงินที่ได้มาโดยสุจริตทั่วไปหรือไม่ ?

ต้องว่ากันตามหลักก็คือ วัตถุทานนั้นบริสุทธิ์ เจตนาในการทำบุญบริสุทธิ์ ผู้ให้บริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์ จึงจะเต็มร้อยส่วน ให้พิจารณาเอาเองก็แล้วกันว่าเงินที่ได้มาบริสุทธิ์ไหม ?

เถรี 12-11-2017 20:53

ถาม : ถ้าผมให้เพื่อนคนหนึ่งนึกเลขใดก็ได้มาหนึ่งตัวเลข แล้วผมทายถูกติดต่อกันหลายครั้ง อยากทราบว่าเป็นมโนมยิทธิหรือเป็นเจโตปริยญาณ ?
ตอบ : เป็นการเดาล้วน ๆ...! มโนมยิทธิเป็นส่วนของทิพจักขุญาณ เจโตปริยญาณเป็นส่วนของทิพจักขุญาณ ถ้ามีความคล่องตัวจริง จะรู้แม้กระทั่งว่าเขาคิดจะพูดอะไร ไม่ใช่แค่ทายถูกเป็นส่วนมากเท่านั้น

เถรี 12-11-2017 21:05

ถาม : วันนั้นพักจากงานหนูไปเข้าห้องน้ำ ตอนนั่งในห้องน้ำหนูก็จับลมหายใจไปเรื่อย ๆ แล้วหนูก็ยกมือขึ้นมาเพื่อจะเกาศีรษะ แต่จู่ ๆ ความรู้สึกมันไหลลงมารวมที่ลมหายใจไม่รู้สึกถึงอย่างอื่นเลยค่ะ เพียงครู่เดียวมันก็ออกจากอารมณ์นั้น ความรู้สึกแรก คือ งงว่าตัวเองว่าอยู่ที่ไหน กำลังทำอะไรอยู่ จนกระทั่งความรู้สึกขยายไปทั่วทั้งตัวจึงเห็นว่ามือที่ยกขึ้นเกาศีรษะก็ยังยกค้างอยู่ท่าเดิม จากนั้นความจำทุกอย่างเริ่มกลับมาค่ะ จากอาการข้างต้น หนูควรแก้ไขหรือทำอย่างไรเพื่อพัฒนาสติให้ดีขึ้นกว่านี้คะ ?

ตอบ : ไม่ต้องแก้ไข แสดงว่าเป็นลูกหลานหลวงปู่พระอานนท์ พระอานนท์ตั้งใจจะเร่งการปฏิบัติ เพื่อให้เข้าถึงอรหัตผลก่อนที่จะสังคายนาพระไตรปิฎก ปรากฏว่าทำเท่าไรก็ไม่ได้ จนกระทั่งรุ่งเช้าวันสังคายนาท่านเหนื่อยเต็มทีแล้ว คิดว่าจะขอพักสักหน่อย ก็เลยหย่อนตัวลงที่เตียง เอนตัวลง เท้าพ้นพื้นข้างหนึ่ง ตัวก็ยังไม่ทันจะกระทบพื้นเตียง บรรลุอรหันต์ตอนนั้นพอดี

สภาพจิตตอนที่ท่านเร่งรัดมรรคผลเป็นตอนที่กำลังใจเกิน ส่วนตอนที่ท่านคลายออกมาเป็นกำลังใจที่พอดี จึงไปได้อรหัตผลเอาตอนนั้น ลักษณะเดียวกับโยมที่ถาม ในขณะที่ตัวเองกำลังจะทำกิริยาใดกิริยาหนึ่ง บังเอิญว่าอารมณ์ใจลงช่องพอดี เมื่อลงตรงจุดนั้นเข้าสู่อัปปนาสมาธิแบบหยาบ ก็ทำให้ตัดอาการรับรู้ภายนอกไป

มีอย่างเดียวก็คือ ซักซ้อมให้สามารถเข้าออกได้ทุกเวลาตามที่เราต้องการ ก็จะแก้อาการนั้นไปได้เอง ถ้าเป็นสายวัดป่าท่านบอกว่าเป็นอาการที่จิตรวม เพียงแต่อาการที่ว่ามารวมแล้วเป็นสมาธิหยาบไปหน่อย สติตามไม่ทัน จึงเหมือนกับหายไปเฉย ๆ

เถรี 12-11-2017 21:07

ถาม : การภาวนาโดยบริกรรมพุทโธไปเรื่อย ๆ กับการกำหนดลมหายใจเข้าออกพร้อมบริกรรมพุทโธ ทำแบบใดจึงจะทรงฌานได้ง่ายและมีคุณภาพมากกว่ากันคะ ?
ตอบ : จำไว้ว่า ถ้าอยากจะทรงฌานห้ามทิ้งลมหายใจเข้าออก ถ้าทิ้งลมหายใจเข้าออกไม่มีทางที่จะทรงฌานได้ เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องถามต่อ

เถรี 12-11-2017 21:24

ถาม : การศึกษาด้านจิตใต้สำนึกหรือหลักสูตร NLP ( Neuro-Linguistic Programming ) ตามแบบศาสตร์ตะวันตก มีประโยชน์หรือโทษอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าถามว่ามีประโยชน์หรือโทษอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับคนที่ศึกษาและเอาไปใช้ บางคนก็ใช้ในการสะกดจิตคนอื่นแล้วก่ออาชญากรรมก็มี

ถาม : การศึกษาในเรื่องนี้สามารถช่วยในเรื่องการตัดกิเลส เพื่อเข้าสู่พระนิพพานได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : บุคคลที่ฝึกจะมีสมาธิจิตที่เข้มแข็งกว่าคนทั่ว ๆ ไปอยู่ในระดับหนึ่ง ถ้ารู้จักธรรมะในพระพุทธศาสนา ตั้งใจปฏิบัติเพื่อมรรคผล ก็จะสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่าคนทั่วไป แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นการฝึกของคนทางตะวันตก ซึ่งไม่มีความเข้าใจหลักธรรมในจุดนั้น จึงป่วยการที่จะไปกล่าวถึงเรื่องพระนิพพาน

เถรี 12-11-2017 21:30

ถาม : มีคนเคยตั้งถามหลวงพ่อว่าทำไมตะกรุดมหาสะท้อนเมื่อนำไปเป็นมวลสารแล้ว ยังมีอานุภาพสะท้อนอยู่ ทั้งที่ทำออกไปจำนวนมาก เช่น พระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้านรุ่นหนึ่ง หลวงพ่อตอบว่าก็เพราะว่าไม่ใช่ตะกรุด คำถามคือ แล้วทำไมไม่ทำเป็นรูปพระไปเลยครับ น้ำหนักจะได้ไม่ถึงหนึ่งบาท ?
ตอบ : ก็กูจะทำให้ได้บาท...! คนเขาต้องการตะกรุด ดันจะให้ทำเป็นพระ

ในเรื่องของการเอาตะกรุดไปทำเป็นมวลสาร ถ้าสมมติว่าตะกรุดเป็นเกลือ ๑ ตัน เอาไปผสมเป็นมวลสารตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง ความเค็มไม่ได้หมดไปหรอก แต่ก็ลดลงไปบ้าง จะให้เค็มเท่ากับเกลือ ๑ ตันนั้นเป็นไปไม่ได้ ขณะเดียวกันจะบอกว่าไม่เค็มก็เป็นไปไม่ได้อีกเหมือนกัน ฉะนั้น...โปรดเข้าใจด้วยว่าเป็นเพราะอะไร


ถาม : แล้วการอาราธนาวัตถุมงคลที่มีมวลสารของตะกรุดมหาสะท้อน เช่น พระกริ่งปลดหนี้เนื้อเงินให้เป็นมหาสะท้อนนั้น ใช้บท เม สัมมุกขา สัพพาหะระติ เตสัมมุกขา หรือใช้อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตังฯ ครับ ?
ตอบ : ถ้าจะเอามหาสะท้อนก็ใช้ เม สัมมุกขาฯ

เถรี 13-11-2017 09:31

ถาม : สตรีที่บรรลุธรรมตั้งแต่พระอนาคามีขึ้นไปจะสามารถดำรงขันธ์อยู่ได้ หรือต้องละขันธ์ภายใน ๓ วัน ๗ วันคะ ? เพราะเรื่องการบรรลุธรรมเป็นเรื่องของจิตไม่เกี่ยวกับกาย หนูจึงไม่เข้าใจค่ะ ?
ตอบ : ถ้าเป็นพระอนาคามีก็ยังอยู่ได้ แต่ก็คงอยู่ในลักษณะที่สร้างเวรสร้างกรรมให้กับคนที่ไม่รู้อีกมาก ถ้าใครมาถึงตรงจุดนี้ วิธีที่ปลอดภัยก็คือรีบบวชเป็นแม่ชีเสีย เพราะแม่ชีเป็นเพศที่คนทั่วไปให้การเคารพ จะได้ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ

แต่ถ้าเป็นถึงพระอรหันต์ไม่เกิน ๗ วัน ตายแน่นอน เพราะว่าอยู่แล้วเป็นโทษใหญ่กับคนอื่น แค่เพื่อนที่ไม่รู้เรื่องอะไรตบหลังป้าบเดียว เจ้านั่นก็ซวยไป ๕๐๐ ชาติแล้ว เราลองคิดดูว่า การล่วงเกินเพียงเล็กน้อย โทษยังหนักขนาดนั้น ถ้าเป็นการล่วงเกินที่หนักกว่านั้น โทษจะขนาดไหน ? ดังนั้น...ความดีของท่านมีมากเกินไป จึงไม่สมควรจะอยู่เป็นโทษเป็นทุกข์แก่คนอื่น จึงต้องตัดให้ตายไป

เถรี 13-11-2017 10:01

ถาม : ในขณะที่ผมกำลังนั่งอยู่ในรถ ผมก็นึกถึงภาพพระพุทธรูปไปเรื่อย ๆ ตอนแรก ๆ ไม่เห็นอะไร ส่วนลมหายใจก็ปล่อยไปตามปกติไม่ไปบังคับ รู้ลมบ้างไม่รู้บ้าง พอพยายามนึกถึงพระพุทธรูปไปเรื่อย ๆ จิตก็เริ่มคิดไปว่าตอนนี้เรามีพระพุทธรูปเป็นที่พึ่ง ท่านอยู่กับเรา คิดแบบนี้ไปเรื่อย ๆ อยู่ ๆ ก็ปรากฏว่าเห็นภาพเป็นพระพุทธรูปสีทองสวยงามมาก แวบขึ้นมาในจิต เห็นชัดเจนมาก และพร้อมกันนั้นก็รู้สึกเหมือนกับว่าสิ่งรอบข้างนั้นหายไป อยู่ดี ๆ พระพุทธรูปและบรรยากาศรอบข้างก็เข้ามาแทนที่ตรงที่ผมอยู่ขึ้น พร้อมกับลมหายใจก็กำลังจะหายไปด้วย รู้สึกเหมือนอีกนิดเดียวก็จะขาดใจแล้ว เป็นเวลาแค่ชั่ววินาที แต่ความรู้สึกนั้นชัดเจนมาก

พอรู้สึกอย่างนั้น ผมก็ตกใจกลัว ลืมตาขึ้นทันที ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอเริ่มทำอีก ก็รู้สึกเหมือนเดิมอีก เหมือนลมหายใจจะหายไป ก็เลยเลิกทำไป ไม่ทราบว่า เหตุการณ์ที่ผมเจอนี้มันคืออะไรครับ ?

ตอบ : คือความโง่ของเราเอง...! ทำต่อไปอีกหน่อยก็ทรงฌานในพุทธานุสติแล้ว ดันไปกลัวตายเพราะหายใจไม่ออก

ลักษณะนั้นเขาเรียกว่าพุทธานุสติ คือการตามระลึกถึงความดีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อสภาพจิตทรงตัวถึงระดับหนึ่ง ก็ปรากฏภาพของท่านขึ้นในลักษณะเป็นอุคหนิมิต ถ้าหากเราสามารถรักษาสติต่อเนื่องตามกันโดยไม่กลัว หรือไม่หวั่นไหว สภาพจิตก็จะทรงเป็นฌานไปได้

คราวนี้พอสภาพจิตเราจะทรงเป็นฌาน ลมหายใจจะละเอียดขึ้นจนเหมือนไม่มี เรากลับไปกลัว ก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่าถ้าครั้งหน้าทำแล้วอยากได้ก็จะไม่ได้อีก ทำอย่างไรที่จะไม่อยากและทำไปเรื่อย ๆ ถึงจะได้ใหม่


ถาม : และการฝึกสมาธิโดยการนึกถึงแต่ภาพพระโดยไม่ต้องสนใจลมหายใจ เป็นการฝึกที่ถูกต้องไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ถูก ยกเว้นว่าต้องการแค่อนุสติ คือ การตามระลึกถึง ถ้าต้องการสมาธิที่สูงขึ้นไป อย่างไรก็ต้องมีลมหายใจประกอบด้วย

เถรี 13-11-2017 19:27

ถาม : ตอนที่เรากำลังมีเรื่องกับใครบางคน เพราะเขาคอยหาเรื่องกลั่นแกล้งเราตลอด ทำไมเราถึงเห็นใบหน้าเขาชัดเจนเลยครับ ไม่ได้เห็นด้วยตานะครับ เป็นแบบเห็นในใจแต่ชัดเจนมาก ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจนึกถึงเลย ?
ตอบ : ความมุ่งมั่นของใจที่กำหนดจดจำว่า "ไอ้เจ้านี่เป็นศัตรูของเรา" ทำให้สามารถนึกถึงเขาได้อย่างชัดเจน ถ้าเราเอาความมุ่งมั่นในระดับเดียวกันมานึกถึงภาพพระก็คงจะได้ดีไปนานแล้ว

ถาม : พอผมมาศึกษาเรื่องกสิณ ที่บอกว่าให้ฝึกเพ่งกสิณโดยการจำภาพกสิณให้ติดตา ไม่ทราบว่าลักษณะของภาพที่ติดตานั้น เป็นแบบเดียวกับที่เห็นภาพใบหน้าคนที่เราไม่ชอบใช่ไหมครับ ?
ตอบ : แบบเดียวกัน

เถรี 13-11-2017 19:49

ถาม :โยมอาศัยอยู่ในประเทศหนึ่งในยุโรปที่มีการเก็บภาษีสูงมาก แต่ก็มีรัฐสวัสดิการที่ดีเช่นกัน ทุกคนที่สิทธิ์ในการรักษาพยาบาลฟรี ทุกคนจะมีที่อยู่อาศัย ทุกคนจะมีอาหารกิน คนเร่ร่อนก็จะมีที่พักให้พักฟรีและมีอาหารสามมื้อแจกฟรี พร้อมยังมีเงินรายวันให้ใช้จ่าย ที่นี่แม้แต่สัตว์จรจัดก็ไม่มี คนตกงานก็ได้รับเงินชดเชยจากรัฐ

สรุปที่ประเทศนี้ไม่มีความอนาถาให้ทำทานบารมี แม้แต่บางทีจะให้อาหารเป็ดป่า หงส์ป่าตามคลอง ทางเจ้าหน้าที่ก็ติดป้ายประกาศห้ามให้อาหาร เพราะจะทำให้สัตว์ขี้เกียจ ท้ายที่สุดก็จะออกหากินเองไม่เป็น โยมอยากขออนุญาตถามหลวงพ่อว่า ในกรณีเช่นนี้เราจะหมดโอกาสทำทานบารมีใช่ไหมคะ ?

ตอบ : ถ้าสบายก็ไม่ต้องกิน ไม่ต้องถ่าย ถ้ายังต้องกินต้องถ่ายอยู่ แสดงว่ายังไม่สบายจริง

ในส่วนของทานบารมีก็ยังมีจาคานุสติ คือระลึกอยู่เสมอว่า ถ้ามีโอกาสเราจะให้ ไม่ได้แปลว่าต้องลงมือทำแล้วสำเร็จ เราก็สามารถใช้ในส่วนของจาคานุสติแทนที่จะเป็นทานบารมีได้ ขณะเดียวกันในส่วนของกองบุญการกุศลอื่น ๆ ก็มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการรักษาศีลที่มีอานิสงส์มากกว่าเป็นร้อยเท่า หรือการเจริญภาวนาที่มีอานิสงส์มากกว่าการเจริญรักษาศีลจนประมาณไม่ได้ ทำไมจึงต้องไปเน้นในเรื่องของการให้ทานด้วย ?


ถาม :ในกรณีของโยม ณ ปัจจุบันครอบครัวโยมไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐ แต่เป็นกลุ่มที่จ่ายภาษีในอัตราสูง และเงินภาษีนี้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือกลุ่มคนที่เปราะบางและอ่อนแอ จะสามารถถือว่านี่คือการทำทานได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าไม่ได้เจตนาไว้ก่อน ก็ไม่ถือว่าเป็นทาน เพราะว่าบุญกุศลหรือเวรกรรมทุกอย่างเกิดจากเจตนาเป็นหลัก

เถรี 13-11-2017 19:54

ถาม : ดิฉันอยากทราบว่าเวลาที่คนอื่นมาพูดเสียดสี ล้อเลียน เรื่องรูปลักษณ์ ดิฉันควรวางกำลังใจอย่างไรดีคะ ? ควรจะบอกกับตัวเองอย่างไรเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ? เพราะทุกครั้งที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นก็จะคิดเสมอว่า ถ้าดิฉันมีโอกาสทำศัลยกรรม พวกเขาก็จะมาพูดอะไรแบบนี้ไม่ได้อีก แต่ในเมื่อการทำศัลยกรรมเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเพราะเป็นการฝืนกฎแห่งกรรม ดิฉันก็ล้มเลิกความคิดที่จะไปทำค่ะ

ตอบ : ก็แค่รักษากำลังใจว่า "ถึงจะอ้วน เตี้ย สั้น แต่กูมั่นใจ...!" ก็จบแล้ว

เขาเรียกว่า ถือคำพูดคนอื่นเป็นประมาณ คิดปรุงแต่งให้เกิดโทษเกิดทุกข์แก่ตัวเอง ก็ไม่ต้องไปโทษใคร แค่หยุดคิดก็จบแล้ว รูปธรรมนามธรรม สัพเพ สังขารา อนิจจา ท้ายสุดก็ตายเหมือนกันหมด ไม่ต้องไปกังวลอะไรมากมาย

เถรี 13-11-2017 19:56

ถาม : ขณะที่ผมทำงานหนัก ๆ ป่วยมาก ๆ ผมนึกอยากจะไปพระนิพพานมาก แต่ติดเรื่องต้องตอบแทนผู้มีพระคุณด้วยการเป็นพระพุทธเจ้า ผมต้องทำอย่างไรต่อไปครับ ? กลัวจะเห็นทุกข์แบบหลวงปู่วัดท่าซุง
ตอบ : ก็ลา...อยากไปก็ลา จะได้ไปได้

เถรี 13-11-2017 20:00

ถาม : ผมรู้สึกว่า ตัวเองอาจจะเคยฆ่าคนหรือสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นไว้ในชาติก่อน แล้วกรรมอาจจะติดตามมาในชาตินี้ โดยเฉพาะเรื่องภัยธรรมชาติ เลยว่าจะย้ายบ้านหนีไปอยู่ต่างจังหวัดที่น่าจะปลอดภัย แบบนี้จะพอหนีกรรมได้ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่มีใครหนีกรรมพ้น ลองไปดูในเรื่องของพระ ๓ ชุด แต่ละท่านสร้างเวรกรรมกันมา ไปลอยเรืออยู่กลางทะเลก็ไม่พ้น อยู่ในถ้ำก็ไม่พ้น บินอยู่ในอากาศก็ไม่พ้น ในเมื่อไม่พ้นก็ไม่ต้องถามว่าอยู่จังหวัดไหนจึงจะปลอดภัย เพราะว่าตายเหมือนกัน..!

เถรี 13-11-2017 20:18

ถาม : พอดีไปเจอภาพถ่าย "สะพานข้ามลงกา" ที่พระรามใช้ให้ทหารลิงช่วยกันถมทะเลเพื่อบุกเมืองลงกา เห็นแล้วตกใจมากครับ ไม่นึกว่าจะมีอยู่จริง แต่พอมาคิด ๆ ดูแล้ว ในเมื่อหนุมานมีฤทธิ์มาก ทำไมไม่ขยายร่างกายให้ใหญ่โต แล้วขนเหล่าทหารลิงที่เหลือข้ามฝั่งไปเลย น่าจะเร็วกว่า ทำไมต้องสร้างสะพานข้ามทะเลให้เสียเวลาด้วยครับ ?
ตอบ : ก็เพราะว่าหนุมานฉลาดกว่าคุณ...! ก็จึงค่อย ๆ สร้างสะพานข้ามทะเล เราลองนึกว่าถ้าทำวิธีนั้น กับการให้พลทหารลิงช่วยกันสร้างถนน แล้วยกขบวนข้ามไปอย่างสง่าผ่าเผย อย่างไหนจะสมเกียรติยศกษัตริย์มากกว่ากัน ?

เถรี 13-11-2017 20:25

ถาม : ผมพยายามฝึกสมาธิมาเสมอ แต่ปรากฏว่าก็มีคนที่ไม่ชอบใจผม หาว่าผมทำตัวแปลกแยก ไม่เข้าสังคม ผมก็ว่าผมก็ไม่ได้ทำตัวแปลกแยกอะไรมาก แค่คุยน้อยลงเท่านั้น เพราะถ้าคุยมากรู้สึกว่าฟุ้งซ่านเกินไป ไม่ทราบว่าผมทำตัวแปลกแยกเกินไปไหมครับ ?
ตอบ : ก็ถ้าไม่เกินไปเขาก็ไม่ว่า นี่แสดงว่าเกินไปแล้วแน่ ๆ..!

เถรี 13-11-2017 20:47

ถาม : ฤกษ์เสกหุ่นพยนต์ คือ ฤกษ์วันพฤหัสบดี เดือน ๙ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีวอก ผมได้ไปไล่ดูฤกษ์มาแล้วคือตรงกับ วันที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๘๓ ครับ ไม่ทราบว่าถ้าต้องการจะเสกหุ่นพยนต์ในฤกษ์นี้ เราจะต้องมีสมาธิระดับไหนและต้องทำอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : เรื่องสมาธิถ้าได้สมาบัติแปดก็ยิ่งดี แต่ถ้าไม่ถึงระดับนั้น อันดับแรกหาวัสดุในการสร้างหุ่นพยนต์ให้ได้ก่อน ส่วนใหญ่ที่เขาหาคือ สีผึ้งที่ปิดหน้าผีตายวันเสาร์เผาวันอังคาร สมัยนี้ไม่ค่อยจะเจอแล้ว ส่วนใหญ่เขาฉีดยาแล้วใส่โลงเย็น ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำหนองไหลออกจากทวารทั้ง ๗ เหมือนก่อนนี้ จึงไม่ค่อยเอาสีผึ้งปิดหน้ากัน

เถรี 13-11-2017 21:20

ถาม : ผมอยากรู้ว่าในชาติก่อนทำกรรมอะไรไว้ครับ ทำไมต้องโดนบอกเลิกตลอด ? ทั้งที่เราเป็นคนจริงใจ รักใครก็รักคนเดียว ไม่เคยนอกใจเขาเลย แต่กลับต้องผิดหวังกับความรักตลอด ?
ตอบ : อยู่ที่สันดาน...! แบบเดียวกับที่อาตมารู้จักอยู่คนหนึ่ง ชอบใครไปถึงก็จอดรถ "ขึ้นมา...จะไปส่ง" ผู้หญิงที่ไหนจะบ้าไปด้วย ? เพิ่งเจอกันครั้งแรกแท้ ๆ

เพราะฉะนั้น...พิจารณาที่ตัวเองว่า ตัวเราเองมีคำพูด ความคิด การกระทำอย่างไรที่เข้ากับคนอื่นไม่ได้ พยายามปรับเปลี่ยนเสียใหม่ เดี๋ยวก็ไปกันได้เอง ยกเว้นแต่มั่นคงต่อหลักการของตัวเองไม่ยอมเปลี่ยน ก็โดนบอกเลิกกันไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็อกหักจนชำนาญขึ้น ก็ไม่หวั่นไหวไปเอง

เถรี 13-11-2017 21:46

ถาม : ผมดูในแผนที่โลก ถ้าเทียบกับทั้งโลกแล้ว ประเทศไทยของเราถือว่าอยู่ติดกับทะเลเลย ถ้าเกิดโลกหยุดหมุนชั่วคราวแล้วน้ำทะเลโดนสาดเพราะแรงเฉื่อยจริง แบบนี้ประเทศไทยจะไม่โดนน้ำไปทั้งประเทศเลยหรือครับ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วควรจะไปหลบอยู่ที่ไหนดีครับ ?
ตอบ : ไปเสิร์ชหาดูเรื่องพวกนี้เอาเอง เห็นเขาบอกว่าแค่ครึ่งค่อนประเทศเท่านั้น ก็ให้หนีไปอยู่ทางเหนือให้แผ่นดินไหวแทน จะได้ตายทุเรศขึ้น...!

เถรี 13-11-2017 21:55

ถาม : ตอนเด็ก ๆ ในขณะที่ญาติผมกำลังเล่นเกมส์ ผมอยากจะเล่นด้วย แต่บังเอิญว่าตอนนั้นมีจอยคอนโทลเลอร์อันเดียว ผมก็เลยแกล้งเดินไปใกล้ ๆ แล้วบอกว่า ระวังผีหลอกเด้อ ญาติคนนั้นก็กลัวผีจึงร้องใส่ผม ผมก็ทำแบบนี้อีก ๒ - ๓ ครั้ง จนเขากลัวมากต้องวิ่งหนีไป ผมก็เลยได้เล่นเกมส์นั้นแทน

ในขณะที่ผมกำลังเล่นเกมส์อยู่นั้น ก็ปรากฏว่า ได้ยินเสียงผู้หญิงมาหัวเราะที่ด้านนอกกำแพงตรงฝั่งโทรทัศน์ ตอนแรกฟัง ๆ ไปก็เป็นเสียงคนรู้จัก ผมถามว่าใครก็ไม่ตอบ กลับหัวเราะ ฮิ ฮิ ฮิ อย่างเดียว จากนั้นก็เป็นเสียงใครก็ไม่รู้ เมื่อทนไม่ไหว ผมก็เลยเดินออกไปดูว่าเป็นเสียงใคร โดยในขณะที่กำลังเดินไปดูนั้น เสียงก็ยังมีอยู่ตลอด จนกระทั่งผมเดินไปดูด้านหลังกำแพงห้อง เสียงนั้นก็หายไปต่อหน้าเลยครับ โดยที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย ผมก็เลยรู้ทันทีว่าไม่ใช่คนแล้ว จึงวิ่งไปบอกคนอื่น ๆ ให้มาดู เขาก็ว่าเป็นคนหรือเปล่า ก็หาดูไม่เจอใคร แต่ผมไม่ต้องหาแล้วเพราะรู้ว่าไม่ใช่คน

ไม่ทราบว่า ทำไมเขาถึงสามารถทำเสียงให้เราได้ยินแบบชัดเจนขนาดนี้ครับ เหมือนกับเสียงคนทั่วไปเลย ไม่ใช่ได้ยินแบบแว่ว ๆ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นผมก็ไม่ได้ฝึกสมาธิอะไร ?

ตอบ : เขายังเกรงใจก็เลยไม่โผล่มาให้เห็น ไม่อย่างนั้นอาจจะช็อกตายไปแล้ว ก็เลยทำมาแค่เสียง

การที่เราจะเห็นผีเห็นเทวดาได้เกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกก็คือ เราฝึกฝนปรับกำลังใจจนละเอียดเท่ากับเขา ก็สามารถที่จะรู้เห็นเรื่องของเขาหรือรู้เห็นเขาได้ อีกส่วนหนึ่งเขาเป็นฝ่ายปรับมาให้หยาบเท่ากับเรา ให้สังเกตอยู่อย่างเดียวว่า ถ้าเขาเป็นฝ่ายปรับมาหาเรา จะชัดเจนเป็นพิเศษ


ถาม : ตอนนี้อยากจะลองพูดคุยกับเขาดู ผมจะใช้คาถา "สุ ปิ นา ณัง" เพื่อพูดคุยกับเขาจะได้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : คาถานั้นแค่เห็นได้อย่างเดียว

เถรี 13-11-2017 21:58

ถาม : เนื่องจากคุณแม่ของผม ท่านได้ไปช่วยงานที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นงานบวชเณรช่วงปิดเทอม ในวันสุดท้ายที่ช่วยงานท่านเจ้าอาวาสได้นำของกินบางส่วนมาแจกให้กับผู้ช่วยเหลืองาน และได้ขายบางส่วนในราคาไม่แพงนัก ซึ่งของที่นำมาแจกและขายเป็นของที่ได้จากการใส่บาตรเสียส่วนใหญ่ กระผมจึงไม่มั่นใจเสียแล้วว่าจะเกิดโทษประการใดหรือไม่หากรับประทานเข้าไป ?
ตอบ : ถ้าต้องการก็ซื้อถือว่าเป็นการชำระหนี้สงฆ์ ส่วนที่ท่านให้มาถ้าไม่มีการอุปโลกน์โดยคณะสงฆ์ก่อนว่าให้ได้ ก็เป็นหนี้สงฆ์อย่างแน่นอน

เถรี 13-11-2017 21:59

ถาม : ถ้าพระสงฆ์ทุกวัดทั่วประเทศทำการปล่อยปลาสัปดาห์ละครั้ง ครั้งละประมาณ ๒๐ - ๓๐ ตัว จะมีอานิสงส์อย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : มีอานิสงส์ คือ แม่ค้ารวย...!

เถรี 13-11-2017 22:24

ถาม : มีบางครั้งผมมีความรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองนี้เต็มไปด้วยทุกข์ มีแต่โทษแก่ตัวเองไม่มีคุณเลย กามที่ว่าเป็นสุข ก็รู้สึกว่าสุขไม่จริง เพราะยังมีร่างกายอยู่ ทุกอย่างในโลกที่ทำแล้วรู้สึกว่าเป็นสุข สนุกสนาน รื่นเริง ก็สุขไม่จริง เพราะยังมีร่างกายอยู่ อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้สึกร้อน หนาว เหนื่อย อึดอัด ปวดเมื่อย

พอคิดได้แบบนั้นจิตก็รู้สึกว่าเบานิดหน่อย แล้วเวลานึกไปไหนมาไหน เช่น คิดว่าตอนนี้เรากำลังนั่งกราบพระอยู่ ก็สามารถนึกได้แบบถนัด ไม่ขัดข้อง ง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก แต่ความรู้สึกแบบนี้อยู่ได้ไม่นาน อารมณ์ก็กลับมาเป็นแบบเดิม คือ รู้สึกหนัก ๆ เห็นว่าความสุขในโลกก็อาจจะยังมีความสุขอยู่บ้าง อาหารอร่อยก็รู้สึกเป็นสุข พอความรู้สึกแบบนี้กลับมา ก็ปรากฏว่าเวลานึกไปกราบพระทีไรก็นึกได้ไม่สะดวกนัก ต้องใช้แรงเยอะมาก กว่าจะนึกได้

ไม่ทราบว่าอาการนี้คืออะไรครับ และทำอย่างไรจึงจะสามารถทำให้ความรู้สึกแบบนี้อยู่ได้ตลอดครับ ?

ตอบ : อันดับแรก สิ่งที่เรารู้สึกได้เพราะว่าเราคิดพิจารณาในหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนกระทั่งความดีส่วนหนึ่งทรงตัวอยู่ เมื่อเราไปคิดถึงภาพพระที่เป็นความดีใกล้เคียงกัน จึงสามารถที่จะกำหนดได้ง่าย หรือรู้เห็นได้ง่าย แต่พอกิเลสท้วมท้นใจเข้ามา ก็เหมือนกับคนโดนขยะท่วมทับอยู่ จะตะเกียกตะกายไปไหว้พระก็ต้องฝ่ากองขยะออกไปด้วยความยากลำบาก

ดังนั้น...ส่วนที่ว่ามานี้ สิ่งที่ควรทำมากที่สุดก็คือ พยายามรักษาการพินิจพิจารณาแบบนั้นไว้ให้บ่อย ๆ จนกระทั่งสามารถกำหนดใจถึงได้ทุกเวลา เมื่อถึงเวลาเราเห็นจริงแล้วว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นทุกข์ หมดความยึดติดในร่างกาย คราวนี้เราจะไปที่ไหนเราก็ไปได้สะดวก เพราะว่ากำลังใจไม่เกาะร่างกายแล้ว

เถรี 14-11-2017 08:49

ถาม : สมมติว่านายเอและเพื่อน ๆ เห็นนายบีเป็นคนที่ชอบภาวนามาก มักจะพูดน้อย ชอบปลีกตัวไปภาวนาคนเดียวเสมอ นายเอและเพื่อน ๆ ก็เลยลองไปทำเสียงใส่นายบีเบา ๆ ดูว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร แรก ๆ เขาก็เฉย พวกนายเอจึงนัดกันว่า ถ้าเขาเดินไปทางใคร ก็ให้คนนั้นทำเสียงอะไรก็ได้ให้ดังขึ้นมา ทีนี้ไม่ว่านายบีจะเดินไปทางไหน ถ้าทางนั้นมีพวกนายเอคนใดคนหนึ่ง เขาก็จะได้ยินเสียงที่พวกนายเอทำขึ้น โดยนายบีเจอแบบนี้อยู่หลายวัน จนเขาเริ่มมีอาการไม่พอใจ รู้สึกโกรธ หาว่าพวกนายเอรุมรังแก รุมแกล้งเขา

ถ้าสมมติว่านายเอทำแบบนี้ แต่ไม่ได้มีเจตนาแกล้งนายบี แค่ทดสอบสมาธินายบีเท่านั้น แล้วนายบีเกิดโมโหขึ้นมา ก็แสดงว่าเขาไม่ได้เป็นคนภาวนาจริง ๆ เพราะเขายังมีอาการคอยจ้องจับผิดคนอื่นอยู่ คอยคิดแต่ว่าคนอื่นจะมาแกล้งทำเสียงรบกวนเขา เพราะไม่อย่างนั้นเขาก็ต้องไม่สนใจในเสียงนั้น ๆ ใช่ไหมครับ ?

ตอบ : ให้รู้ไว้ว่าเอ็งกำลังสร้างกรรมหนักแล้ว..!

ถาม : แล้วการทดสอบสมาธิของแบบนี้นายเอและพรรคพวกจะมีโทษหรือไม่อย่างไรครับ ?
ตอบ : สร้างกรรมหนักก็มีโทษหนักแน่นอน ถามตรง ๆ ว่าหน้าที่อะไรของเราที่จะต้องไปทดสอบเขา ? ถ้าคนอื่นมาทดสอบเราแบบนั้น เราจะยินดีหรือไม่ ? ในเมื่อคนอื่นทำอย่างนั้นแล้วเราไม่ยินดี แล้วเราจะไปอ้างว่าเราทดสอบเพื่อจะได้รู้ว่าเขาเป็นนักภาวนาที่แท้จริง เป็นหน้าที่อะไรที่เราต้องไปทำแบบนั้น ?

พระพุทธเจ้าท่านให้ อัตตนา โจทยัตตานัง กล่าวโทษโจทย์ตัวเองไว้เสมอ ไม่ใช่ไปทดสอบคนอื่นว่าเขาดีหรือเลว

เถรี 14-11-2017 08:57

ถาม : ตอนที่ผมกำลังเรียนอยู่ มีเพื่อนผมคนหนึ่งมักจะโดนเพื่อน ๆ ในห้องแกล้งเสมอ ทั้งด่า ทั้งล้อเลียน จิกผม ดึงผม ทั้งเตะทั้งต่อย โดยพวกที่แกล้งก็มักจะมีความสนุกสนานเฮฮา ส่วนผมและคนอื่น ๆ ในห้อง ก็ไม่กล้าเข้าไปช่วยเพราะกลัว จึงได้แต่ยืนดู ที่ช่วยได้ก็มีแค่ไม่เข้าไปซ้ำเติมเขา

ซึ่งบางครั้งผมก็เห็นเขาโมโหที่โดนแกล้ง ทั้งโมโหทั้งร้องไห้ เห็นแล้วรู้สึกตลก ก็เลยเผลอหัวเราะออกมาบ้าง พอได้สติว่าเขากำลังโดนแกล้งอยู่ก็เลยเลิกหัวเราะ และที่ผมไม่เข้าไปร่วมแกล้งเขา ผมได้บุญไหมครับ ? และที่ผมเผลอไปหัวเราะที่เขาโดนแกล้ง ผมบาปไหมครับ ?

ตอบ : ดูที่เจตนา ถ้าเจตนาที่เราไม่แกล้งเขาเพราะว่าเราอยากได้บุญก็ได้ ขณะเดียวกันดูที่ว่าเราหัวเราะเขา เราตั้งใจหัวเราะเยาะเขาหรือไม่ ? ถ้าไม่ได้ตั้งใจโทษก็น้อย ถ้าตั้งใจโทษก็มาก

เถรี 14-11-2017 09:15

ถาม : เราจะฝึกกรรมฐานเพื่อแก้อาการนอนกรนได้อย่างไรครับ ?
ตอบ : เห็นสมัยนี้เขาไปเอาเครื่องบีบจมูกของญี่ปุ่นมาใช้แก้อาการนอนกรน ไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกกรรมฐานแล้ว

เถรี 14-11-2017 09:19

ถาม : หากนำเอาตะกรุดมหาสะท้อนใส่ผสมเป็นมวลสาร เช่น หล่อเหรียญเนื้อเงิน แต่เหรียญนั้นน้ำหนักไม่ถึง ๑ บาท จะมีอานุภาพเหมือนตะกรุดมหาสะท้อนหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : บอกแล้วว่าเกลือแยกออกไปผสมก็ไม่เค็มเท่ากับของเดิม

ถาม : หากนำเอาตะกรุดมหาสะท้อนใส่ผสมเป็นมวลสารหล่อพระแต่ไม่ใช่เนื้อทองคำ เงิน นาก แต่เป็นเนื้อทองเหลือง สัมฤทธิ์ ตะกั่ว เป็นต้นครับ ถามว่าพระที่หล่อนั้นจะมีอานุภาพเหมือนตะกรุดมหาสะท้อนหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ก็ดูว่าใส่ตะกรุด ๑ ดอกแล้วหล่อพระ ๕ ตันหรือเปล่า ? ถ้าส่วนผสมมากเท่าไร เกลือก็จืดลงมากเท่านั้น

เถรี 14-11-2017 09:23

ถาม : เวลาหนูภาวนาไปพร้อมกับใช้ชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่น ก่อนจะกินข้าวหนูจะนึกถึงภาพพระพร้อมคาถา ตามที่หลวงพ่อเคยสอน แต่พอนึกภาพพระขึ้นมาก็อยู่กับภาพพระจนลืมไปว่าจะกินข้าว จับลมหายใจพร้อมกับทำกิจวัตรอย่างอื่น เช่น อ่านหนังสือหรือแปรงฟัน ความรู้สึกมันไหลมาอยู่ที่ลมหายใจอย่างเดียว พอรู้สึกตัวก็งงว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ หนูรู้สึกว่าอารมณ์มันขาด ๆ เกิน ๆ จึงกราบขอคำแนะนำจากหลวงพ่อถึงวิธีวางอารมณ์ที่ถูกต้องค่ะ ?
ตอบ : ขอให้คำแนะนำว่าต้องทำให้พอดี จะได้ไม่ขาด ๆ เกิน ๆ

ถาม : บางครั้งหนูภาวนาไปก็รู้สึกว่าอยากอยู่กับลมหายใจอย่างเดียว งานการที่ทำอยู่ก็อยากจะวางให้หมด หนูก็เลยพยายามดึงอารมณ์กลับมาให้รับรู้ได้ทั้งลมหายใจและสิ่งที่ทำตรงหน้า แต่อารมณ์มันไม่ราบเรียบเหมือนตอนรู้ลมหายใจอย่างเดียว หนูควรจะปรับอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : ซักซ้อมจนกระทั่งเราสามารถทรงฌานได้ทุกระดับตามที่ต้องการ แล้วก็รักษากำลังใจเอาไว้ในระดับที่ทำงานได้สะดวก พ้นจากหน้าที่การงานแล้วเราต้องการลึกแค่ไหน หนักแค่ไหน ก็อยู่ที่เราทำ

เถรี 14-11-2017 09:29

ถาม : พอดีไปเจอสูตรยาในหนังสือเล่มหนึ่งที่บอกวิธีการรักษาอาการตาต้อ ทั้งต้อลม ต้อเนื้อ ต้อกระจก และ ต้อหิน มี ๓ สูตรด้วยกัน

สูตรที่ ๑ ใช้ดอกมะลิลา ๑ กำมือ ตำให้ละเอียด ผสมพิมเสนแท้ ๒ เกล็ด บีบเอาน้ำหยอดตาวันละ ๔ - ๕ ครั้ง (หลีกเลี่ยงดอกมะลิที่มีสารเคมี)

สูตรที่ ๒ เอาดอก ใบ ราก เครือ และ ผล ของอัญชันขาว ต้มพอเดือด ใส่พิมเสนลงไป ๔ - ๕ เกล็ด ปิดฝาหม้อ แล้วเปิดให้ไอสัมผัสกับดวงตาทีละน้อย ทำวันละครั้ง ติดต่อกัน ๑ - ๒ เดือน

สูตรที่ ๓ เอาใบข่าเล็ก ๓ ใบ ขมิ้นอ้อยหัวใหญ่ ๑ หัว ผักบุ้งไทย ๑ กำ ใส่หม้อดินต้มให้เดือดแล้วยกลง เปิดฝาเอาผ้าขาวคลุมปากหม้อ ให้ผู้ป่วยก้มลงลืมตารับไอของยาทำติดต่อกัน ๓ - ๔ วัน ถ้ายังไม่หายให้ปรุงยาต้มใหม่อีกครั้ง

ไม่ทราบว่าสูตรยาเหล่านี้จะสามารถรักษาอาการตาต้อที่ว่ามาได้จริงหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไปลองทำดู..เดี๋ยวก็รู้เอง..!

เถรี 14-11-2017 09:33

ถาม : พระคาถาที่ใช้เสกข้าวกิน เพื่อล้างของคุณไสย ควรใช้บทไหนดีครับ ?
ตอบ : บารมี ๓๐ ทัศ ต่อด้วย นะโมพุทธายะ

เถรี 14-11-2017 09:34

ถาม : พระสงฆ์สวมรองเท้าเดินบิณฑบาตเหมาะสมหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เหมาะสมหรือไม่ต้องดูสถานการณ์ด้วย ถ้าเท้าบาง เท้าเจ็บ เท้าเป็นแผล พระพุทธเจ้าอนุญาตให้ใส่ได้

เถรี 14-11-2017 09:36

ถาม : กรณีงานทอดกฐิน เราได้ทำบุญถวายเงินและผ้าไตรก่อนวัดจัดงาน จะมีอานิสงส์ต่างจากการที่เราไปถวายในวันงานหรือไม่คะ ?
ตอบ : ถ้าถวายตามระยะเวลาก็มีอานิสงส์เช่นเดียวกัน

เถรี 14-11-2017 09:38

ถาม : การถือศีลแปดเป็นปกติ ต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะได้พระโสดาบันครับ ?
ตอบ : ถืออีกกี่ชาติ ถ้าไม่สามารถตัดกิเลสได้ ก็ไม่สามารถเป็นพระโสดาบันได้หรอก สำคัญที่ว่าเราตัดกิเลสได้หรือเปล่า ? เพราะว่าศีลยังเป็นแค่เบื้องต้นเท่านั้น ยังมีสมาธิ มีปัญญาอีกมาก ไม่ใช่ถือศีลแล้วจะบรรลุกันเลย

เถรี 14-11-2017 19:35

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนยิ่งอ้วนจะยิ่งนอนมากขึ้น เพราะว่าร่างกายสะสมคาร์บอนไดออกไซด์ไว้เยอะ พอยิ่งนอนก็ยิ่งอ้วนเพราะสะสมไขมัน กลายเป็นวงจรอุบาทว์ เพราะฉะนั้น...คนอ้วนถ้าอยากผอมห้ามนอน ต้องทำงานผลาญแคลอรี่ไปเรื่อย ๆ"

เถรี 14-11-2017 19:36

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเอาพระพิฆเณศวร์ และพระปิดตาของวัดเขาอ้อมาลงราคา ๒๐,๐๐๐-๓๐,๐๐๐ บาท คนว่าแพง ทิดเฟิร์สไปเจอที่อื่นเขาเปิดมา ๑ แสน ดีมาก...จะได้รู้ว่ากระทู้คนมีเงินของพระอาจารย์เล็กจริง ๆ แล้วออกของถูกมาก ของเรา ๒๕,๐๐๐ บาท ของเขาแสนหนึ่ง ต่างกัน ๔ เท่าเลย"

เถรี 14-11-2017 20:04

ถาม : (พระ) มีสุนัขมาอยู่กับผมด้วย แล้วตาเสีย ผมเอาแปะก๊วยช่วยคนตาบอดอยู่ประมาณ ๑๐ คนในโครงการ เขาก็มองเห็นอยู่ ๕๐ เปอร์เซ็นต์ ผมก็ลองให้หมาบ้าง ทุกวันนี้ก็มองเห็นแล้ว ?
ตอบ : ผมมีอยู่หนึ่งตัวตาเริ่มขาว ๆ แล้ว เดี๋ยวจะลองดูบ้าง ทุกวันนี้เวลาให้อาหาร มันจะงับมือผมไปด้วยเพราะว่ามองไม่ถนัด หมาแก่แล้วมีหลายตัวที่เป็นโรคตา โดยเฉพาะหมาฝรั่ง เป็นกันเยอะมาก

ถาม : ผมก็ถามหมอโรงพยาบาล หมอเขาก็บอกว่าแปะก๊วยจะช่วยได้บ้าง ?
ตอบ : ผมก็รู้แค่ว่าแปะก๊วยเพิ่มความดันเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ทำให้ไม่เป็นอัลไซเมอร์ เพิ่งจะมารู้ว่าแปะก๊วยช่วยรักษาโรคตาได้ด้วย

เถรี 14-11-2017 20:42

ถาม : เขาทักว่าบ้านเรามีงูจงอางเจ้าที่ เขาจะให้สร้างศาลงูจงอางไว้ในบ้าน ?
ตอบ : ไม่ต้อง...ถ้างูจงอางนี้คนทางด้านทองผาภูมิชอบมากเลย...อร่อย..!

ถาม : ไม่รู้ว่าเขาพูดจริงหรือเปล่า ?
ตอบ : เขาจะทักในเรื่องที่ทำให้เราตกใจกลัว และวิธีแก้ส่วนใหญ่จะเสียสตางค์ให้เขาเยอะ จำไว้ว่าต่อไปอย่าไปยุ่งกับเขาอีก

ถาม : เขาบอกว่า เป็นร่างทรงหลวงปู่เทพโลกอุดร ?
ตอบ : ปล่อยเขาไปเถอะ หลวงปู่ท่านไม่ได้มาบ่อยนักหรอก ในชีวิตอาตมาก็เพิ่งเจอแค่ ๔ ครั้ง แล้วเจอแบบประเภทที่ท่านไม่ให้พบด้วย ก็คือภาระท่านเยอะอยู่แล้ว ยังจะไปกวนท่านอีก ท่านก็เลยไม่ให้พบ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:09


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว