กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนมกราคม ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5360)

เถรี 16-01-2017 08:55

พระอาจารย์กล่าวว่า "อยู่ที่บ้านหลังใหม่นี้อย่าทำอะไรหลุด ๆ นะ กล้องวงจรปิดรอบบ้านทุกชั้นเลย โยมไม่รู้ตัวหรอกว่าออกทีวีไปตั้งนานแล้ว เก็บข้อมูลได้เดือนหนึ่งอีกด้วย ท่านที่เดินเข้าประตูรั้วมาก็ออกทีวีไปเรียบร้อยแล้ว ที่มุดไปดูซอกเล็กซอกน้อยรอบบ้าน ก็โดนถ่ายไปหมดแล้ว"

เถรี 16-01-2017 08:57

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาซื้อเต็นท์ไว้ ๑๐๐ หลังตั้งหลายปีแล้ว นอกจากพวกที่ไปเรียนหนังสือและพวกที่ไปธุดงค์แล้ว ก็ไม่มีใครได้ใช้เลย เพราะว่าฤดูกาลที่พอจะกางเต็นท์ได้ก็หนาวเกินกว่าที่จะกาง ส่วนฤดูอื่นที่ไม่หนาวมาก ก็ฝนตกหรือไม่ก็แดดจัดเหลือเกิน สรุปว่าตั้งแต่ซื้อเต็นท์มา ๑๐๐ หลัง ยังไม่ได้ใช้งานจริง ๆ เลย

แรก ๆ ก็ว่าจะให้
ผู้ปฏิบัติธรรมกางเต็นท์กันบนลานธรรม ไม่เป็นไร...พอรู้สึกว่าเต็นท์ใกล้เสื่อมสภาพก็จะบริจาคให้โรงเรียน เอาไว้ฝึกลูกเสือหรือเนตรนารี แล้วเราก็ซื้อชุดใหม่"

เถรี 16-01-2017 09:53

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานซืนอาตมาไปเดินขึ้นเขาพุทธเจติยคีรีในวัดท่าขนุน ขำ "น้องกินจัง" ที่ตามไปด้วย ปกติหมาขึ้นเขาไม่เคยเหนื่อย แต่น้องกินจังหอบแฮ่ก ๆ เพราะว่าอ้วนมาก ไปไหนก็จะตาม ขึ้นเขาก็ตามไปหอบอยู่ข้างบน ท้ายสุดก็เลยต้องไปลาน้ำที่เขาถวายหลวงพ่อองค์ใหญ่ข้างบน มาเทให้กินไปขวดหนึ่ง

ระยะนี้อาตมาปีนขึ้นปีนลงดูเขาทำเมรุกับหุ้มทองพระเจดีย์ เคยขึ้นที่สูงบ่อย ๆ ก็ไม่กลัว ถ้าคนที่ไม่เคยมองลงมานี่จะรู้สึกหวิวเลย อีกไม่เกิน ๖ เดือนพระเจดีย์วัดท่าขนุนจะหุ้มทองเหลืองอร่าม ช่างชุดนี้ทำงานเร็วจริง ๆ ตอนนี้ช่วงบนลงมาถึงคอระฆังนี่หุ้มหมดแล้ว พอหุ้มองค์ระฆังเสร็จก็เหลือแต่ข้างล่างที่เป็นของง่าย เพราะว่าเป็นเหลี่ยม ๆ ตรงข้างบนที่เป็นโค้ง ๆ เขากำลังไล่ทำลงมาจวนจะหมดแล้ว

ถามเขาว่าทำไมไม่ทำข้างล่างก่อน ? เขาบอกว่าที่ต้องทำข้างบนก่อนเพื่อให้คนปิดทองเขาปิดไล่ตามมา แล้วก็ถอดนั่งร้านลงมาด้วย แสดงว่าเขาชำนาญงานกันจริง ๆ อาตมามักง่ายอยากเห็นงานเยอะ ๆ จะให้ทำข้างล่างก่อน เขาไปทำที่ยากก่อน ที่เหลือก็ง่ายแล้ว"


ถาม : ทองที่ปิดเป็นทองอะไรคะ ?
ตอบ : ทองคำเปลว ๑๐๐ % นี่แหละ แต่เขายืนยันว่าอยู่ได้ ๓๐-๔๐ ปี แต่ที่อาตมาเห็นที่พม่า ๒-๓ ปีเขาก็เปลี่ยนที เพราะว่าคนพม่าเขามีศรัทธามาก อยากทำบุญปิดทองพระเจดีย์ เขาก็ช่วยกันทำบ่อย ๆ ได้

เถรี 17-01-2017 15:29

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาภูมิใจที่ยังคงความเป็นเด็กบ้านนอกได้เหมือนเดิม แค่ของหนักร้อยกว่ากิโลกรัมทำเป็นยกไม่ไหวกัน อาตมาก็เลยต้องยกเอง แสดงว่าคนสมัยก่อนได้เปรียบ เพราะว่าอยู่กับไร่กับนา ทำงานหนัก ค่อนข้างจะแข็งแรง เด็กรุ่นใหม่เล่นกีฬาเป็นพัก ๆ เข้าฟิตเนสเป็นพัก ๆ

คนไทยตอนนี้เป็นโรคอ้วนถึง ๓๐ เปอร์เซ็นต์ เดินมา ๑๐๐ คน จะมีคนอ้วน ๓๐ คน สาเหตุใหญ่ก็คือขี้เกียจออกแรง ปกติแล้วสภาพร่างกายของคนเราพออายุมากขึ้น บรรดากล้ามเนื้อเส้นเอ็นต่าง ๆ ก็เคลื่อนไหวยากขึ้น ดังนั้น...การทำภารกิจต่าง ๆ ก็ลำบากขึ้น สภาพร่างกายที่เจอแบบนี้มารุ่นแล้วรุ่นเล่า ก็ค่อย ๆ พัฒนาไป พอเริ่มอายุมากก็จะมีการสะสมไขมัน เผื่อว่าถ้าหาอะไรกินไม่ได้จะได้ไม่อดตาย อย่างน้อยก็มีไขมันไว้ละลายใช้งาน

แต่พอมาถึงยุคเรากลับไม่ใช่ ยุคของเรากินเกิน สะสมไขมัน นักวิจัยญี่ปุ่นเพิ่งจะทำวิจัยว่า ถ้ากินอาหารวันละมื้อหรือสองมื้อ โดยไม่กินให้อิ่ม แต่ละมื้อห้ามอิ่มนะ สักประมาณ ๗๐ เปอร์เซ็นต์ที่ร่างกายต้องการ จะอายุยืนมาก ตอนนี้สังคมญี่ปุ่นเป็นสังคมคนสูงอายุก็คือมีคนแก่มาก แต่เรื่องแบบนี้พระพุทธเจ้าสอนมา ๒,๐๐๐ กว่าปีแล้ว พระเราก็ฉันมื้อเดียวบ้าง สองมื้อบ้าง ญาติโยมจะลองดูก็ได้ ถือศีลแปดเอาอานิสงส์ในการลดน้ำหนัก

เจตนาแบบนี้ใช่ไหม ? ถือศีลแปดตั้งใจลดน้ำหนัก ได้บุญด้วย หุ่นสวยด้วย ไม่อย่างนั้นหาเสื้อผ้าใส่ยาก คนไทยตัวเล็กแต่อ้วน เบอร์มาตรฐานใส่ของเขาไม่ได้ คนไทยที่ไม่อ้วนเวลาไปต่างประเทศต้องไปแผนกเสื้อผ้าเด็ก แต่คนไทยที่อ้วนก็ไม่ได้ตัวใหญ่ ตัวเล็กแต่อ้วนเลยไม่รู้จะเอาเสื้อผ้าที่ไหนใส่ หาที่พอดีตัวไม่ได้จึงต้องตัดเอง"

เถรี 17-01-2017 15:32

"เมื่อรู้ตัวแล้วก็ปรับปรุงหน่อย กินข้าวให้น้อยลง นอกมื้ออาหารก็ดื่มน้ำเยอะขึ้น ถ้าพวกเราเลิกนิสัยกินน้ำหวานอย่างเดียวก็สบายแล้ว ส่วนใหญ่ที่อ้วนก็เป็นเพราะน้ำหวาน น้ำอัดลม กาแฟ อะไรพวกนี้ โดยเฉพาะกาแฟบ้านเราไปใส่ครีมเทียม ครีมเทียมเป็นไขมันแท้ ๆ เลย เขาพ่นไขมันในอุณหภูมิสูง ตากแห้งเป็นผงออกมากลายเป็นคอฟฟี่เมต พอพวกเรากินกาแฟ ๑ แก้ว ใส่คอฟฟี่เมท ๒ ช้อน ก็เท่ากับกินน้ำมันไป ๒ ช้อน สงสัยว่าข้าวก็ไม่ค่อยกิน กินแต่กาแฟแล้วอ้วนได้อย่างไร ? ไม่ต้องสงสัยนะ อิ่มก็ไม่อิ่ม อ้วนอีกต่างหาก

บรรดาข้าวของพวกนี้มีโทษมากกว่าประโยชน์ กาแฟทำให้เป็นโรคหัวใจง่ายที่สุด ไม่ใช่โรคใจง่าย แต่เป็นโรคหัวใจได้ง่าย เพราะทันทีที่กินเข้าไปหัวใจจะเต้นเร็วขึ้นตามฤทธิ์กาแฟที่ไปกระตุ้น พอหมดฤทธิ์ก็เต้นช้าลง กินใหม่ก็เต้นเร็วอีก ตกลงว่าหาจังหวะมาตรฐานไม่ได้ เดี๋ยวเร็วเดี๋ยวช้า ไม่นานก็หัวใจพิการ อ้วนเพราะคอฟฟี่เมต แถมหัวใจพิการอีก เงินหมดอีก เดี๋ยวนี้เอสเพรสโซ่ปั่นแก้วละเท่าไร ? ๘๐ บาทซื้อได้ไหม ? ค่าแรงวันละ ๓๐๐ บาท กินกาแฟ ๓ แก้วก็เกือบจะไม่เหลือแล้ว"

เถรี 17-01-2017 15:35

"บ้านเราอะไร ๆ ก็ลักลั่นประหลาด ๆ ค่าแรงกับค่าครองชีพไปกันไม่ได้ ปัจจุบันนี้ค่าแรงของอเมริกาทั่วไปตกชั่วโมงประมาณ ๑๐ ดอลลาร์ กินบิ๊กแม็กฯ อันหนึ่ง ๓ ดอลลาร์ โค้กอีก ๑ กระป๋อง ๙๙ เซนต์ ตีว่ามื้อหนึ่ง ๔ ดอลลาร์ ทำงานแค่ชั่วโมงเดียว กินอิ่มขนาดนั้นยังเหลือเงินตั้งครึ่ง บ้านเราค่าแรงขั้นต่ำ ๓๐๐ บาท เจอผัดกระเพราไปจานหนึ่งก็เกือบร้อยแล้ว แถมใส่ถั่วฝักยาวแทนหมูอีก ใส่ไปทำไมวะ ? ของเราค่าแรง ๓๐๐ บาท กินข้าว ๓ มื้อ หมดเกลี้ยง ฝรั่งทำงาน ๒ ชั่วโมงกิน ๓ มื้อก็ยังมีเหลือ บ้านเราค่าแรงกับค่าครองชีพจึงไปกันไม่ได้

ถามว่าทำไมเด็กไม่ค่อยอ่านหนังสือกัน ? เพราะว่าหนังสือราคาแพง แค่เล่มประมาณนี้เป็นร้อยบาทแล้ว ของฝรั่งเล่มหนา ๆ ประมาณนี้ ๓.๙๙ ดอลลาร์ ถ้าเขาทำงานหนึ่งชั่วโมง กินไป ๔ ดอลลาร์ ยังเหลือเงินไปซื้อหนังสือไว้อ่านอีก ถ้าอยากมีเงินเก็บก็ทำเพิ่มอีก ๑ ชั่วโมง บ้านเราหนังสือเล่มละ ๒๐๐ กว่าบาท ๓๐๐ บาททำงาน ๑ วัน ซื้อหนังสือได้ ๑ เล่ม ไม่ต้องกินข้าว แล้วจะให้เด็กที่ไหนจะอ่านหนังสือมากมายขนาดนั้น สู้เอาไปเติมโทรศัพท์เล่นเกมดีกว่า...!"

เถรี 17-01-2017 15:37

"ถ้าถามว่าทำไมเราถึงอ้วน ? ไม่ต้องบอกหรอกว่าเรากินโน่นกินนี่ แต่เป็นเพราะว่าเรารักษาศีลไม่ได้ ไม่ใช่ศีล ๘ นะ ศีลทุกข้อเลย รักษาศีลทุกข้อไม่ได้ทำให้อ้วน เพราะว่ากำลังใจในการที่ห้ามปากตัวเองไม่ให้กิน กับกำลังใจที่ห้ามตัวเองไม่ให้ละเมิดศีล เป็นกำลังใจที่เท่ากัน ฉะนั้น...ใครที่ห้ามปากตัวเองไม่ได้ ถึงเวลามีโอกาสจะต้องละเมิดศีลแน่นอน เพราะว่าเท่ากับห้ามใจตัวเองไม่ได้เหมือนกัน

ที่วัดท่าขนุนพอทำวัตรค่ำเสร็จ ญาติโยมจะถวายน้ำปานะ ไม่ต้องมาส่งให้เจ้าอาวาสหรอก เจ้าอาวาสท่านไม่ฉัน นั่งมองพระรูปอื่นท่านฉัน หลังเพลมาแล้วก็ฉันแต่น้ำเปล่า อย่างดีก็แค่น้ำชา ถ้าใครซื้อกาแฟมาให้จะจิบให้เขาคำหนึ่งแล้วส่งคืน บอกว่าไม่ต้องซื้อมาอีก ถ้าซื้อมาให้อีกจะด่า...!

ส่วนพวกเราเดินขึ้นบ้านมา อาตมาสังเกตนะ ถ้าไม่ใช่กาแฟก็ชาเขียว ชาไข่มุก ถือติดมือมาทุกคน แล้วจะไม่อ้วนได้อย่างไร
บ่นเรื่องอ้วนทำไม ? บ่นเพราะเราอ้วน เพราะรักษาศีลไม่ได้ คนที่รักษาศีลไม่ได้เพราะกำลังสมาธิไม่พอ คนที่กำลังสมาธิไม่พอเพราะปัญญาไม่มี ไม่รู้ว่าสร้างสมาธิอย่างไร สรุปแล้ว ศีล สมาธิ ปัญญา ไม่เหลือสักอย่าง"

เถรี 17-01-2017 15:43

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยอาตมาเด็ก ๆ เริ่มเข้า ป.๑ ขึ้นอำเภอคัดสำเนาทะเบียนบ้านเพื่อไปสมัครเรียน ปลัดอำเภอจะขอเงินบาทหนึ่ง ถามว่า "ทำอะไรครับ ?" "บูชาพระให้องค์หนึ่ง" ขึ้นอำเภอกี่ครั้งจะได้พระเท่านั้นองค์ เพราะว่าแต่ละอำเภอจะได้รับพระ ๒๕ พุทธศตวรรษที่สร้างฉลอง ๒,๕๐๐ ปีพระพุทธศาสนา ถ้าหากว่าญาติโยมคนไหนอยากได้ของดีราคาถูก คุณภาพคับแก้ว ก็พระรุ่นนี้แหละ เพราะว่าพระเกจิอาจารย์ชื่อดังในยุคนั้น ได้รับนิมนต์มาทั่วประเทศ ไม่มากไม่มายแค่ ๑๐๘ รูปเท่านั้น

อาตมาเองก็เคยใช้ติดตัวประจำอยู่องค์หนึ่ง ก่อนบวชให้น้องผู้หญิงคนหนึ่งไปใช้แทน เพราะว่าเป็นห่วงเขา ไปทำงานกลางค่ำกลางคืนเดี๋ยวจะไม่ปลอดภัย"

เถรี 17-01-2017 15:44

พระอาจารย์กล่าวว่า "อะไรที่ไม่คุ้นชิน เราก็จะรู้สึกไม่ถนัด บางคนต่อต้านไปเลย ไม่เป็นไร...เดี๋ยวมาอีกสักเดือนสองเดือน ก็จะคุ้นชินกับบ้านนี้ไปเอง อาตมาย้ายหิ้งพระ ๒ ครั้งแล้ว ย้ายห้องนอน ๕ ครั้งแล้ว เดี๋ยวก็หามุมที่เหมาะสมจนได้

พื้นที่ในสมัยนี้จะมีน้อยลงไปเรื่อย ๆ คำว่าน้อยไม่ใช่ว่าพื้นที่หดหายไปไหน แต่การถือครองจะเหลือแค่ไม่กี่คน เพราะว่าจะราคาแพงขึ้นเรื่อย ๆ แบบเดียวกับที่กะเหรี่ยงบอกว่า "ที่ดินปลูกไม่ได้" คือทำให้โตกว่าเดิมไม่ได้ เมื่อไร ๆ ก็มีแค่นั้นแหละ แต่คนเยอะขึ้นเรื่อย ๆ พื้นที่มีเท่าเดิม ก็ต้องแย่งชิงกัน

ฉะนั้น...พื้นที่เล็ก ๆ อย่างบ้านเติมบุญก็ต้องสร้างขึ้นข้างบนไป ๔ ชั้น ของเกาะฮ่องกงก็ร้อยกว่าชั้นเป็นอย่างน้อย ที่ฮ่องกงขยายไม่ได้เพราะเป็นเกาะ ต้องขึ้นข้างบนอย่างเดียว"

เถรี 17-01-2017 20:52

พระอาจารย์กล่าวว่า "แพะของหลวงพ่ออ่ำนอกจากจะหายากแล้ว ยังแพงเป็นบ้า แม้กระทั่งแพะของหลวงพ่อลัด ที่เป็นลูกศิษย์ก็ยังหายากเลย"

เถรี 17-01-2017 21:45

พระอาจารย์กล่าวว่า "ความอยากสวยเป็นสัญชาตญาณที่อยู่ถึงในดีเอ็นเอ เราดูชนเผ่าเล็ก ๆ น้อย ๆ แถวอเมซอนหรือว่าแอฟริกา เขาก็รู้จักแต่งเนื้อแต่งตัวของเขา เอาขี้โคลนมาทาตัวบ้าง กรีดผิวบ้าง แต่งฟันบ้าง ทำอย่างไรก็ได้ที่รู้สึกว่าดูสวยขึ้น

บางคนก็ถักเปียเส้นเล็ก ๆ แล้วเอาโคลนพอก เขารู้สึกว่าสวย อาตมาดูแล้วก็สงสัยว่ารู้สึกว่าสวยตรงไหนวะ ? หาน้ำไม่ได้ก็บ้วนน้ำลายคลุกขี้ดินเป็นโคลนแล้วก็พอก แล้วก็มีการกรีดผิว ไม่ใช่สักนะ...แต่กรีดเลย กรีดผิวแล้วเอาขี้เถ้ายัด พอแผลหายก็กลายเป็นแผลคีลอยด์นูน ๆ เป็นแถว ๆ เขาว่าสวย อาตมาดูแล้วเหมือนเกล็ดมากกว่า แสดงว่าคงเห็นสัตว์บางประเภทมีเกล็ดแล้วสวย จึงอยากจะสวยแบบนั้นบ้าง

จะว่าไปแล้วก็คือการยึดติดในตัวกูของกูอย่างชัดเจนที่สุด ในเมื่อเป็นตัวกูของกูก็ต้องสวยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ว่าไปแล้วถ้ามีใครไปเผยแพร่ธรรมะทางด้านโน้น คงจะเป็นเรื่องอัศจรรย์ จากที่เขาไม่ได้พบไม่ได้เจออะไรเลย อยู่ ๆ ก็ได้ฟังธรรมขึ้นมา ถ้าเกิดพุทธิปัญญาขึ้นมานี่ก็อัศจรรย์เลยนะ คงจะหันมานับถือศาสนาพุทธกันหมด"

เถรี 17-01-2017 21:46

ถาม : เขาทำกรรมอะไรหรือคะจึงไปเกิดอยู่ทางด้านนั้น ?
ตอบ : ส่วนใหญ่จะขาดทานบารมี พอขาดทานบารมีก็เกิดแต่ในที่ลำบากยากจน แล้วก็แปลก...ยิ่งลำบากลูกก็ยิ่งเยอะ เพราะเป็นสัญชาตญาณว่าจะต้องสืบพันธุ์ต่อไปให้ได้ ประเภทที่คลอด ๆ ออกมาก็จะต้องมีคนหนึ่งที่แกร่งมากกว่าปกติ จะต้องเอาตัวรอดไปจนได้

เถรี 19-01-2017 18:56

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงปีใหม่อากาศที่วัดหนาวอยู่แค่ ๒ วัน อุณหภูมิอยู่ที่ ๑๕ องศาเซลเซียส พอโยมไปก็โดดพรวดขึ้นไปที่ ๒๒ องศาเซลเซียส เล่นเอาคนอยู่ที่นั่นเกือบตาย แต่ก็ดี...เพราะว่าถ้าหนาวมาก กลัวว่าผ้าห่มจะไม่พอ เพราะว่าผ้าห่มของทางวัดส่วนใหญ่เป็นแบบผืนบาง ที่โน่นใช้ผ้านวมไม่ได้ เนื่องจากว่าหน้าฝนยาวมาก ถ้าเป็นผ้านวมก็ขึ้นราหมด ต้องใช้ผ้าห่มแบบบาง ซึ่งไม่ได้ช่วยในเรื่องของความอบอุ่นสักเท่าไร"

เถรี 19-01-2017 19:10

ถาม : (การปล่อยปลา)
ตอบ : อย่าไปซื้อที่เขาเตรียมไว้ให้เรา ให้ไปซื้อในตลาด การที่เราจะปล่อยชีวิตสัตว์ต้องเป็นสัตว์ที่เขาจะฆ่า ไม่ใช่เขาเตรียมไว้ให้เราปล่อย เขาเตรียมไว้ให้เราปล่อยได้แค่เมตตาบารมี ดีไม่ดีก็จะไปสนับสนุนให้เขาทรมานสัตว์ แต่ถ้าไปซื้อในตลาด เราไม่ซื้อเขาตายแน่ ประเภทนั้นอานิสงส์ได้เต็ม

ถาม : ควรซื้อจำนวนเท่าไรคะ ?
ตอบ : ได้เท่าไรก็เอาแค่นั้น ไม่จำเป็นต้องซื้อจนหมดเงิน เอาแค่ที่ตลาดเขามี ถ้าหากว่าหมดแล้วยังมีเงินเหลือก็ซื้อแม่ค้าไปปล่อยด้วย...!

พวกปลาในตลาดถ้าเราดูไม่เป็นบางทีก็ลำบาก อย่างพวกปลาช่อนส่วนใหญ่จะโดนเอาเข็มร้อยมาลัยจิ้มต้นคอ เขาจะทิ่มให้ปลาชา จะได้ไม่เคลื่อนไหวมาก ไม่อย่างนั้นปลาช่อนชอบกระโดด ถ้าเป็นกบก็มักจะโดนหักขาหลัง

คนอื่นได้ปล่อยตัวอะไรบ้างไม่รู้ อาตมาปล่อยตะกวดมาแล้ว เขาจับมัดมือไขว้หลังไว้ ไม่รู้ทำผิดคิดร้ายอะไรมากมายนัก ถ้าข้ามไปทางฝั่งลาวหรือทางฝั่งพม่า เขามักจะขายสัตว์เป็น ๆ ขายเป็นตัว ๆ เลย หมูไก่ก็มาเป็นตัวเลย เพราะฉะนั้น...พวกสัตว์ป่าถ้าไม่ใช่โดนยิงตายก็จะจับมาทั้งตัว โดยเฉพาะพวกตะกวด พวกแลน พอถึงเวลาก็มัดมือไขว้หลังนอนแอ้งแม้งอยู่ คลานไม่ได้ ได้แต่ทำตาปริบ ๆ พอเห็นก็ซื้อไปปล่อยก่อน ส่วนจะโดนจับมาอีกเมื่อไรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

อาตมากินไปเยอะแล้วก็ปล่อยเขาบ้าง สมัยที่อยู่ที่เกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ บิณฑบาต ๗ วันจะต้องได้พวกตะกวดผัดกระเพรามา ๖ วัน ชาวบ้านเขาล่ากันเป็นปกติ

เถรี 19-01-2017 19:49

ถาม : ขอถามเกี่ยวกับพระคาถาเมตตา พระอรหัง สุคโต ภควา นะ เมตตาจิต ?
ตอบ : ไม่ต้องถาม ภาวนาอย่างเดียว

ถาม : หลวงพ่อบอกว่า ต้องให้เข้าใจตัวพระคาถาด้วยไม่ใช่หรือครับ ?
ตอบ : ทำให้ได้ผลก่อน เข้าใจไม่เข้าใจว่ากันทีหลัง จะไปรอให้เข้าใจก่อนแล้วชาตินี้จะได้ทำไหม ?

เถรี 19-01-2017 20:53

พระอาจารย์เล่าว่า "หลวงพ่อเชาว์ วัดนากาญจน์ บอกว่าเด็กแว้นเป็นผู้มีพระคุณ พอเด็กแว้นบิดรถผ่านไป ญาติโยมก็ด่าตามหลัง หลวงพ่อเชาว์บอกว่า "อย่าไปด่าเขาเลยโยม เขาเป็นผู้มีพระคุณของอาตมา" โยมก็สงสัยว่าไปมีพระคุณกับหลวงพ่อได้อย่างไร "เดี๋ยวพอแหกโค้งตายไป เขาก็ให้ข้าสวด ข้าก็ได้เงิน..!" ต่อไปถ้าเห็นเด็กแว้นให้นึกไว้ว่าเป็นผู้มีพระคุณของพระทั่วประเทศ แหกโค้งใกล้วัดไหนก็เข้าวัดนั้น"

เถรี 19-01-2017 20:56

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระที่บวชตอนอายุมากเขาก็เรียก หลวงปู่ หลวงตา พระบวชตอนอายุน้อยก็เรียกหลวงพี่ แต่หลวงพ่อนี่เรียกยากที่สุด

อาตมาเคยสงสัยว่าเขาเรียกหลวงพ่อกันตอนไหน นับอายุหรือ ? ท่านบอกว่าไม่ใช่ คนที่จะได้คำเรียกหลวงพ่อต้องเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอุปัชฌาย์เป็นเหมือนพ่อให้กำเนิดพระ ตั้งแต่ปีที่แล้วใครเรียกหลวงพ่ออาตมารับได้ ก่อนหน้านี้เรียกบางทีเขาเรียกก็รู้สึกแปลก ๆ"

เถรี 19-01-2017 21:02

พระอาจารย์เล่าว่า "ก่อนลงมากรุงเทพฯ อาทิตย์หนึ่ง ไปงานทำบุญบ้านของโยมที่ข้างห้องสมุดเฉลิมราชกุมารี ทองผาภูมิ เขาบอกทำบุญขึ้นบ้านใหม่ เดินเข้าไปเห็นบ้านมีรอยเจิมแล้ว ไหนบอกว่าขึ้นบ้านใหม่ ? พอเปิดประตูเข้าไปข้างใน อ้าว...หลวงพี่เสริฐ (พระครูสิทธิกิจจานุวัตร เจ้าอาวาสวัดทุ่งลาดหญ้า) ลูกศิษย์หลวงพ่อลำไย ท่านเป็นรุ่นพี่

ตอนฉันเพลก็นั่งคุยกัน "ตกลงว่าพี่เป็นเจ้าคณะตำบลแล้วใช่ไหม ?" ท่านบอกว่าใช่ "สรุปว่าพี่เป็นพระอุปัชฌาย์ก่อนผม ส่วนผมเป็นเจ้าคณะตำบลก่อนพี่" สลับกัน จริง ๆ แล้วหลวงพี่เสริฐอาวุโสมาก ๔๐ พรรษาแล้ว ทำไมไม่ค่อยขยับสักที ตอนนี้ยังเป็นเจ้าอาวาสอยู่เลย

ท่านก็ถามกลับว่า แล้วหลวงพ่อเล็กทำไมถึงเป็นช้าเหมือนกัน "ผมไม่ขอครับ" ก็แบบเดียวกัน ต่างคนต่างไม่ขอ รอจนผู้บังคับบัญชาทนรำคาญไม่ไหว ท่านก็ขอให้เอง พวกเราถือคติว่าถ้าให้ไปดิ้นรนขอก็ไม่เอา แต่ถ้าท่านให้เองก็เต็มใจรับไว้ เลยกลายเป็นไปช้าทั้งคู่ คนอื่นที่ดิ้นรนไขว่คว้าเขาแซงหน้าไปหมดแล้ว"

เถรี 19-01-2017 21:06

"พวกเราสองคนนั่งหัวเราะอยู่ข้างหลัง การรักษาความสันโดษแบบพระไว้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด สันโดษที่ในหลวงทรงใช้คำว่า "พอเพียง" ยถาลาภสันโดษ...ยินดีตามที่ได้ ยถาพลสันโดษ...ยินดีตามกำลังตนที่หามาได้ ยถาสารุปปสันโดษ...ยินดีตามฐานะของตน คนอื่นจะขี่เบนซ์ขี่บีเอ็มก็ปล่อยเขาไป เราเองมีมอเตอร์ไซต์ก็ดีแล้ว คนมีเงินเป็นพันเป็นหมื่นล้าน จะใช้อะไรก็แล้วแต่เขา เราประเภทหัวเดือนท้ายเดือนไม่ค่อยจะชนกันแล้วไปทำแบบเขาก็แย่

หลายคนเป็นหนี้บัตรเครดิตหูตูบเลย เพราะไม่รู้จักสันโดษตัวนี้ ใบที่หนึ่งวงเงินเต็มก็เปิดใบที่สองรูดเงินมาโปะใบที่หนึ่ง เปิดใบที่สามรูดเงินมาโปะใบที่สอง เป็นดินพอกหางหมูไปเรื่อย เดี๋ยวก็ได้ตายคาบัตรเครดิต...!"

เถรี 21-01-2017 15:41

ถาม : ......(ไม่ชัด)....หนูไม่รู้ว่าโดนหลอกหรือเปล่า เพราะเห็นตลอด ?
ตอบ : สภาพจิตของเราถ้าอยู่ในระดับอุปจารสมาธิก็จะรู้เห็นอะไรได้ง่าย ภาวนาให้สมาธิทรงตัวมากขึ้นหรือไม่ก็คลายสมาธิให้ต่ำลงก็ไม่เห็นแล้ว แต่ถ้าอยู่ตรงจุดนั้นก็จะเห็นไปเรื่อย

ถาม : แล้วหนูจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องเพิ่มสมาธิขนาดไหน ?
ตอบ : อยู่กับลมหายใจเข้าออกให้มากขึ้น อารมณ์สูงกว่านั้นนิดเดียวก็ไปแล้ว ไม่ต้องไปใส่ใจหรอกว่าเพิ่มเท่าไร เพราะทันทีที่สูงกว่านั้นก็จะไม่เห็นอะไรแล้ว

ถาม : แสดงว่าเราก็ไม่ต้องใส่ใจ ?
ตอบ : ปกติการรู้เห็นเขาก็ไม่ให้ใส่ใจอยู่แล้ว ยกเว้นอยากรู้เฉพาะเรื่องอะไร

ถาม : แล้วการที่หนูเห็นภาพเป็นทิพย์ ?
ตอบ : การเห็นสภาพจิตต้องมีความเป็นทิพย์จึงเห็นได้ ทันทีที่เห็นสภาพจิตจะรายงานตัวเองว่าสิ่งนั้นคืออะไร คราวนี้ถ้าเราสนใจก็เก็บไว้ ถ้าไม่สนใจก็ปล่อยทิ้งไป ก็เท่านั้นเอง


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:08


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว