กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5927)

เถรี 08-12-2017 20:53

ถาม : การวางกำลังใจในด้านการบริจาคค่ะ ?
ตอบ : ต้องถามว่าบริจาคอะไร ?

ถาม : ถ้าให้คนทั่วไป ?
ตอบ : ถ้าเป็นทรัพย์สินเงินทอง ก็อยู่ในลักษณะว่าเมื่อมีคนต้องการเราจะให้ อย่าไปเลือกที่รักมักที่ชัง ใครก็ได้ แต่ถ้าเกี่ยวกับร่างกายของเรา เช่น บริจาคเลือด บริจาคอวัยวะ ก็ให้ตัดใจว่าสภาพร่างกายธรรมดาที่เกิดมาทุกข์เช่นนี้เราไม่ต้องการอีก ถ้าสามารถสร้างประโยชน์ให้คนอื่นมากเท่าไร เราก็จะทำ

เถรี 08-12-2017 21:07

ถาม : อย่างพระพุทธรูปเป็นเหมือนตัวแทนของพระพุทธเจ้า ทำไมแต่ละที่ที่ไปกราบท่าน มีเทวดาที่ดูแลคนละองค์กันคะ ?
ตอบ : ตัวแทน ไม่ใช่พระพุทธเจ้า ก็บอกอยู่ว่าเป็นตัวแทน ในเมื่อเป็นตัวแทน พรหมเทวดาที่รักษาก็คนละองค์กัน

ถาม : คำบูชาของแต่ละองค์มาได้อย่างไรคะ ?
ตอบ : คนอยากได้แบบไหนก็แต่งไปเรื่อย

เถรี 08-12-2017 21:14

พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนที่อาตมาเอาวัตถุมงคลไปให้เขาหลอมทำเป็นชนวน ถึงขนาดขอขมาแล้วขอขมาอีก มีดหมอหลายสำนักหลอมอย่างไรก็ไม่ละลาย ที่ยอมละลายแต่โดยดีมีของหลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน เป็นพระขรรค์เล่มหนึ่ง นอกนั้นนี่ขอซ้ำขอซาก จนกระทั่งเหลือท้าย ๆ อยู่ ๗-๘ เล่มขอเท่าไรก็ไม่ยอมละลาย ก็เลยเอามาให้เขาบูชาไปทั้ง ๆ ที่ไม่ละลายอย่างนั้นแหละ

ช่างหลอมเขาหลอมเสียจนกระทั่งหมดอารมณ์แล้ว เขาบอกว่าหมดถ่านหินไปหลายกระสอบก็ไม่ยอมละลาย ขนาดเขาใช้เหล็กข้ออ้อย ๘ หุน ก็คือ ๑ นิ้วฟุต กระทุ้งมีดหมอลงไปในเบ้า จนเหล็กข้ออ้อยละลายแล้วมีดหมอยังไม่ยอมละลายเลย ต้องบอกว่าของท่านดีจริง..!"

เถรี 08-12-2017 21:31

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาจะแยกวัตถุมงคลเป็นส่วน ๆ ตะกรุดส่วนหนึ่ง ผ้ายันต์อยู่ส่วนหนึ่ง ลูกอมอยู่ส่วนหนึ่ง เพราะฉะนั้น...ถ้าเปิดออกมาไม่เจอก็แปลว่าต้องไปหาที่อื่น ที่ต้องแยกละเอียดเพราะว่าของมีมาก ถ้าบอกแล้วคนไม่รู้จักจะหาไม่เจอ นอกจากว่าแยกประเภทแล้ว ยังต้องเขียนชื่อติดไว้ด้วย

อย่างลูกอมหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค บางลูกสีออกคล้าย ๆ ของหลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก เหตุที่เป็นอย่างนั้นเพราะว่าเขาผสมซีเมนต์แล้วก็เอาไว้อุดพระ พอถึงเวลาเหลือแล้วอุดไม่ทันก็ปั้นเป็นลูกอมขึ้นมา คราวนี้ถ้าส่วนผสมซีเมนต์มีมากสีก็จะออกไปทางลูกอมหลวงปู่พริ้ง แต่ถ้าผงวิเศษมากก็จะออกขาวอมเหลือง หรือเหลืองแก่ก็มี

เพราะฉะนั้น...ต้องดูเนื้อเป็น ดูสีเป็น ไม่เขียนชื่อติดไว้นี่ได้หลงกันตาย อย่างลูกอมขนมโคของหลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน คล้ายกับของหลวงปู่ปานมากเลย เพียงแต่สีเข้มกว่านิดเดียว ของหลวงปู่ปานถึงเวลาเราจะเห็นเนื้อผง พูดง่าย ๆ ก็คือว่ามีความหยาบกว่า แต่ว่าลูกอมขนมโคของหลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน จะละเอียดผิวลื่นไปเลย มีของพวกนี้ถ้าตาไม่ถึง ตายอย่างเดียว..!"

เถรี 08-12-2017 21:37

"มีลูกอมหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งจะทำด้วยชินตะกั่วเหมือนกับหลวงปู่เนียม วัดน้อย ถ้าคนดูของไม่เป็นก็จะแยกไม่ออก ชินตะกั่วของหลวงปู่เนียมจะอายุเป็น ๑๐๐ ปีแล้ว จะขึ้นสนิมที่เขาเรียกว่าเกล็ดกระดี่ ของหลวงปู่เนียมท่านมักจะมีสนิมแดงแทรกอยู่

ส่วนของหลวงปู่ศุขเนื่องจากว่าเป็นรุ่นหลัง อายุนานไม่ถึง เรื่องของไขหรือว่าสนิมจึงปรากฏน้อยกว่า หรือบางลูกถ้าเจ้าของใช้งานติดตัวก็ไม่ปรากฏเลย ก็เลยต้องดูความเก่าของชินตะกั่วให้เป็น แบบเดียวกับตะกรุดของหลวงปู่ภู วัดดอนรัก กับหลวงปู่เนียม วัดน้อย มักจะทำด้วยชินตะกั่วเหมือนกัน แต่ของหลวงปู่เนียมจะขึ้นเกล็ดกระดี่หรือว่าสนิมแดงหมด แต่ว่าของหลวงปู่ภูท่านยังไม่ถึงระดับนั้น ถึงเวลาถ้าไม่ได้มาเป็นชุด ก็ต้องมาดูกันว่าเนื้อของใครเก่ากว่า"

เถรี 09-12-2017 09:46

สนทนากับพระ "สมัยอยู่วัดท่าซุงผมจะเป็นขาประจำบิณฑบาตสายใต้ บางทีก็ไปแทนหลวงตาวัชรชัยที่สายหลังวัด บางทีก็ต้องไปแทนสายเรือด้านหน้าวัด แต่ว่าหลัก ๆ แล้วจะอยู่สายใต้ตลอด"

ถาม : สายเรือพระอาจารย์พายเองหรือครับ?
ตอบ : ผมพายเรือตามพวกเรือหาปลาอยู่ทั้งปี

มีอยู่เที่ยวหนึ่งฝนตก แล้วมีผมกับพระอาจารย์สมปอง ๒ คนเท่านั้นที่ออกบิณฑบาต นอกนั้นเขาไม่ไปกัน ปรากฏว่าไปถึงหัวสะพาน คุณยายอายุ ๘๐ กว่าปี ผมขาวทั้งหัวแล้ว ยืนถือใบกล้วยบังหัวถือขันข้าวอยู่ เวรเลยกู...ถ้าไม่มานี่เสียหมาเลย..! ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมไม่เคยขาดบิณฑบาตเลย คิดดูว่าคนแก่รอ กลัวลูกพระจะอด ส่วนลูกพระดันไม่ไป..!

เถรี 10-12-2017 19:08

พูดถึงการเป็นทหาร "สมัยก่อนข่าวคราวเกี่ยวกับทหารไม่เหมือนกับยุคนี้ สมัยนั้นอาตมาอยู่บ้านนอกสุดกู่ ไม่รู้ว่าสามารถไปสอบที่ไหนได้บ้าง พรรคพวกบ้านเดียวกันเห็นว่าใกล้ที่ไหนก็คว้าที่นั่น ถ้าเป็นอย่างสมัยนี้หาอ่านข่าวทางอินเตอร์เน็ตได้ ก็คงเข้าโรงเรียนเตรียมทหารเรียนนายร้อยกันหมดแล้ว

แต่ก็ดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ทำให้อาตมาผ่านตั้งแต่ระดับล่างขึ้นไป เข้าใจเลยว่าชีวิตล่าง ๆ เป็นอย่างไร แบบที่ดราม่ากันอยู่เรื่องน้องเมยนักเรียนเตรียมทหารตาย จริง ๆ แล้วครูฝึกเขาไม่มีความผิดนะ
ทหารนี่โดยกฎกระทรวงซึ่งเป็นกฎหมาย เขาระบุไว้เลยว่าตายในการฝึกได้ร้อยละ ๕ เขาไม่มีความผิด ถ้าคุณเป็นทหารไม่เข้มแข็งพอ ผ่านหลักสูตรโหดไม่ได้
ถ้าสมรรถภาพสู้เขาไม่ได้ คุณจะไปเป็นรั้วของชาติป้องกันข้าศึกได้อย่างไร ? ดังนั้นเขาก็เลยจำเป็นฝึกโหดเอาไว้ก่อน

แต่สิ่งที่เขาเอามาฝึกนี่อยู่ในอัตราเกณฑ์เฉลี่ยรับไหว ถ้าคนที่ต่ำกว่าเกณฑ์เฉลี่ยก็ไปไม่รอดหรอก ยิ่งไปเจอพวกรุ่นพี่กลั่นแกล้งด้วย อย่างของอาตมานี่โดนสั่งนั่งกระโดด ๑๗๕ ยก เจ้าประคุณเอ๋ย ๑๗๕ ยก เกือบ ๑,๐๐๐ ครั้งนะ เพราะยกหนึ่ง ๔ ครั้ง บางคนนี่กล้ามเนื้อขาเสีย เดินไม่เป็นไปเป็นเดือนเลย นั่นโดนรุ่นพี่เขาแกล้ง"

เถรี 10-12-2017 19:12

ถาม : ต้องยอมรับว่าหลักสูตรนี้ต้องไปเจอกับความตาย ต้องทนได้ ?
ตอบ : เขาต้องฝึกเราให้หนักที่สุด ไม่อย่างนั้นสมรรถภาพจะสู้เขาไม่ได้ คราวนี้ร่างกายที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานก็จะรับไม่ได้ ยิ่งไปเจอพวกรุ่นพี่หรือครูฝึกบ้าอำนาจด้วย บางทีก็กลั่นแกล้งกัน มีอยู่รุ่นหนึ่งให้กินน้ำ ๔๐ ลิตร ก็ตายสิวะ...ใครจะกินลงไปได้หมด

ส่วนใหญ่แล้วกินต่อกันไปเป็นรุ่น ๆ ภาษาทหารเขาเรียกว่า "แดกต่อ ๆ กันไป" ในรุ่นผมมาหยุดอยู่ได้เพราะว่าผมเป็นหัวหน้าตอนนักเรียน ผมสั่งเพื่อนในรุ่นเลย ปกติแล้วตอนเรียนจบ รุ่นพี่จะขโมยของรุ่นน้อง ทดสอบว่าวิชาที่ตัวเองเรียนมาใช้ได้จริงหรือเปล่า ? รุ่นน้องก็โดนขโมยหมดตูดทุกที ผมก็เลยมาคิดว่าทำอย่างไรที่เราจะให้การกระทำตรงนั้นหยุดลงได้ ผมก็เลยสั่งในรุ่นเลย บอกว่าขอให้วงจรอุบาทนี้หยุดที่รุ่นของเราเถอะ พวกเราเองกำลังจะไปรับราชการมีเงินเดือนแล้ว รุ่นน้องเขายังไม่มี มีแต่เบี้ยเลี้ยง มีอะไรให้น้องได้ก็ให้ไปเลย

เพราะฉะนั้น...พวกเราทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์ข้าวของเครื่องใช้อะไร สละให้รุ่นน้องไปหมดเลย ยกเว้นว่าเสื้อ ถ้าใครติดป้ายชื่อถาวรอยู่ให้ตัดออก ไม่อย่างนั้นแล้วรุ่นน้องนักเรียนนายสิบก็คงจะขโมยต่อ ๆ กันไปอีกทุกรุ่น

เถรี 10-12-2017 19:14

ถาม : ทำไมเขาต้องขโมยของรุ่นน้องครับ ?
ตอบ : เนื่องจากว่ากูโดนมา มึงก็ต้องโดนด้วย..!

เถรี 10-12-2017 19:23

ถาม : เลี้ยงหมาไว้ตัวหนึ่ง ตัวขาว ๆ เมื่อเช้าตัวแข็งไปแล้วครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่หมาที่พระเลี้ยงมักจะไปดีครับ

ถาม : เมื่อเช้าผมฝังหมาที่เลี้ยงไว้ ยังนึกว่ามันโชคดีที่ได้พบพระ มาเกิดไม่นานก็ตาย ?
ตอบ : แสดงว่ามาอยู่แค่ไม่กี่ปี สมัยที่อยู่วัดท่าซุง หลวงพ่อท่านสงสัยว่าทำไมลงมาเกิดเป็นหมากันเยอะ เขาบอกว่าเกิดครั้งหนึ่งก็ชาติหนึ่ง เท่ากับว่าตัดชาติภพไปเยอะเลย ลงมาทำความดี เฝ้าวัดเฝ้าสมบัติของพระสงฆ์ ถึงเวลาก็ขึ้นไปข้างบน สะสมบุญไปเรื่อย ๆ ตัดชาติตัดภพไปเรื่อย

ถาม : ไวจริง พักเดียวก็ไปกันแล้ว ก็เลยถวายสังฆทานให้ ?
ตอบ : ที่วัดผมมีเยอะเหลือเกิน ทั้งที่เกิดเอง ทั้งที่เขาเอามาปล่อย เป็นร้อย ๆ ตัว ต้องหุงข้าวเลี้ยง

ถาม : ผมดูพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเมตตาหมามาก ท่านนั่งกับเสื่อ หมาล้อมรอบ ?
ตอบ : มีบางตัวก็หวงลูก ให้แต่หลวงพ่อจับ ผมไปจับนี่โดนกัดเลยนะ เขาหวงลูกมาก

ถาม : ท่านเมตตาจริง ๆ ?
ตอบ : ในตึกท่านนั่นตึกเดียว ๒๐๐ กว่าตัว แล้วออกมาข้างนอกไม่ได้ กัดกันแหลกเลย เขตใครเขตมัน

ถาม : มูลนิธิที่เขาทำให้สุนัขก็มีเยอะอยู่นะครับ ?
ตอบ : แบบลุงเพชร แกเป็นตังเกเก่า ไปซื้อพวกปลามาทอดให้หมากิน ก็เรียกเอานักเรียนโรงเรียนสุธรรมยานเถระมาทอด ปรากฏว่านักเรียนกินเองเสียเยอะ ทอดปลาให้หมาก็กินเองไปด้วย

เถรี 10-12-2017 19:53

สนทนากับพระ "ตำรามุมเศรษฐีในการสร้างกุฏิเจ้าอาวาส ของตำราอื่นที่เขาใช้กันทั่วไปนั้นเป็นมุมมหาทุคตะ แต่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านยืนยันว่า พระท่านบอกว่านั่นเป็นมุมเศรษฐี เพราะฉะนั้น...ผมเชื่อหลวงพ่อ แล้วผมตามทำตามหลวงพ่อก็รุ่งทุกวัด แต่คนอื่นไม่ทำ เขาว่าเป็นมุมมหาทุคตะ กลายเป็นมุมจนไป

หลวงพ่อท่านไม่ได้อยู่เองนะ แต่ท่านสร้างกุฏิเจ้าอาวาสให้อยู่ตรงมุมนั้น ท่านบอกถือเคล็ดหน่อย คือตรงที่ต่อจากกุฏิ ๑๐ ห้อง มุมสุดท้ายนั่นคือกุฏิมุมเศรษฐีหลังใหญ่ ด้านหลังชนศาลา ๑๒ ไร่"

เถรี 10-12-2017 19:58

ถาม : มหาสะท้อนของพระอาจารย์นำมาด้วยหรือเปล่า ?
ตอบ : มหาสะท้อนที่หลวงพ่อท่านจารให้ ผมให้โยมไปแล้ว ส่วนที่ผมทำนี่ไม่รู้ว่าที่นี่มีเหลือหรือเปล่า ? เป็นอะไรที่ฮิตมาก วัตถุมงคลทั่ว ๆ ไปผมออก ๒ รุ่นก็เก่งแล้ว มหาสะท้อนปาไป ๕ รุ่น ฮิตเหลือเกิน เพราะว่าคนเอาไปใช้แล้วเห็นผลจริง ๆ โดยเฉพาะใครคิดร้ายกับเรานี่พังเองทุกราย

ตอนแรกผมไม่รู้ครับว่าเป็นเพราะอะไร หลวงลุงสุนทรท่านเอาดวงผมไปถอดแล้ว ปรากฏว่าอริลงมรณะ ในเมื่ออริลงมรณะนี่ ใครเป็นศัตรูกับเราก็ตายเอง พอมาทำเรื่องพวกนี้จะขึ้นมากเป็นพิเศษ ผมก็ไม่รู้ว่าดวงชะตาเป็นอย่างไร ยังสงสัยทำไมหลวงพ่อสอนวิชานี้ให้ อีกอย่างหนึ่งก็คือ ตะกรุดกระดูกห่านที่กันยาพิษยาสั่ง แต่ต้องใช้ห่านขาว แล้วผมไม่กล้าทำ เพราะว่าถ้าสั่งก็คือเขาต้องไปฆ่าห่านกัน หลวงอามีชัยท่านฟันธงว่า “ท่านเล็ก...ผมว่าท่านต้องโดนวางยาแน่เลย คนอื่นหลวงพ่อไม่สอนให้ ทำไมสอนแต่ท่านองค์เดียว”

เถรี 10-12-2017 20:06

ถาม : ถวายแผ่นทองครับ ผมขอปิดทองหลวงพ่อได้ไหมครับ ?
ตอบ : ปิดทำไม ?

ถาม : ปิดในฐานะลูกศิษย์ครับ ?
ตอบ : ไปปิดพระพุทธรูปแทน อานิสงส์มากกว่าเยอะเลย อย่าเริ่มทำอะไรที่เป็นตัวอย่างไม่ดี ตูขี้เกียจนั่งให้เขาปิดทอง สมัยก่อนเขาปิดทองหลวงปู่ดู่กัน หลวงปู่ดู่ท่านบ่นว่าคันจะตาย

ไปเจอหลวงปู่ดู่ท่านฟุบอยู่หน้าประตูกุฏิ ก็ตกใจรีบไปประคองท่าน ”หลวงปู่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ?” “อือ...เขามาตอนตี ๒ มากัน ๓ คันรถบัส บอกว่าจะรีบไปวัดอื่นต่อ ทุบประตูเรียกข้าออกมา ข้าก็เพิ่งจะเข้ากุฏิไปตอนเที่ยงคืนกว่านี่เอง”

ผมบอก “หลวงปู่เมตตาเขาจนกระทั่งร่างกายจะไม่ไหวแล้วนะครับ” “เออ...สมน้ำหน้าตัวเอง ตอนหนุ่ม ๆ ข้าอยากดัง ตอนนี้ดังแล้วก็ให้ดังเสียให้เข็ด” โอ๊ย...เห็นแล้วสงสารท่าน

เถรี 10-12-2017 20:21

ถาม : พระอาจารย์ไปกราบหลวงปู่ดู่บ่อยไหมครับ ?
ตอบ : สมัยก่อนไปบ่อยเพราะว่าหลวงน้าสุทินอยู่ สมัยก่อนงานที่วัดมีกี่ครั้งหลวงน้าสุทินท่านก็มาทุกครั้ง แล้วท่านเป็นทหารด้วย คอเดียวกัน คุยกันถูกคอ แต่ที่สนิทกับท่านที่สุดก็คือหลวงพี่สามารถ เวลาหลวงน้าสุทินมาจะพักที่กุฏิของท่านเลย

ถาม : ท่านอยู่วัดไหนครับ ?
ตอบ : อยู่กับหลวงปู่ดู่นั่นแหละ

ถาม : เดี๋ยวนี้ยังอยู่ไหมครับ ?
ตอบ : มรณภาพไปนานแล้ว หลวงน้าสุทินเท่ากับตายแล้วเกิดใหม่ ท่านไปรบที่ลาวแล้วโดนระเบิด พวกคิดว่าตายหมดแล้ว หัวแหว่งไหล่แหว่ง สลบไป ๒ วัน หนอนขึ้นเลย แล้วฟื้นขึ้นมาก็โซซัดโซเซกลับมาที่ฐาน ปรากฏว่าพอเรียกหา พรรคพวกแตกตื่นกันหมดทั้งค่ายเลย คิดว่าผีหลอก จนกระทั่งยืนยันได้ว่าไม่ตายจริง ๆ

ปรากฏว่าเขา "จำหน่าย" ทิ้งไปแล้ว ทางการเลื่อนยศให้เป็นพันตรีเพราะว่าตายในการรบ พอตัวเองกลับไปเจ้านายไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร ก็บอกว่าเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ทำเรื่องเกษียณอายุให้แล้วก็กินบำนาญไปเลย
จากยศจ่าท่านก็เลยกินบำนาญยศพันตรีมาตลอด

ถาม : ตอนนั้นอายุเท่าไรครับ?
ตอบ : ตอนนั้นแก ๕๐ กว่าปี เป็นจ่าแล้วก็ขึ้นเป็นพันตรีโดยไม่ได้คิดจะเป็น ใคร ๆ ก็คิดว่าตายในการรบ บำเหน็จบำนาญอะไรก็คงให้ทางบ้านเขาไป ท่านก็เลยมาบวชดีกว่า เก็บชีวิตคืนมาได้ หลวงปู่ดู่ตั้งฉายาให้ว่า อายุวฑฺฒโก ผู้มีอายุยืน

เถรี 10-12-2017 20:31

ถาม : หลวงปู่ดู่เป็นพุทธภูมิหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : หลายท่านยืนยันว่าท่านเกิดแล้วเกิดอีก แต่หลวงพ่อวัดท่าซุงยืนยันว่าท่านไปพระนิพพานแล้ว

ปีที่หลวงปู่ดู่มรณภาพ พอลงปาฏิโมกข์ ปกติถ้าหลวงพ่อท่านลงก่อนเวลา ท่านก็จะคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ “เออ...วันนี้มีอะไรจะคุยกันวะ ? เอาเรื่องหลวงตาดู่ วัดสะแก ก็แล้วกัน ปฏิบัติธรรมมาทั้งชีวิต เทวดายังไม่ได้เป็นเลย” แล้วท่านก็ปล่อยให้พวกเรานั่งเหวออยู่พักหนึ่ง “ตายแล้วดันไปพระนิพพานเสียนี่”...(หัวเราะ)... หลวงพ่อท่านแกล้งพวกเรา เพราะว่าพวกเราไปกันบ่อย ตายแล้วเทวดายังไม่ได้เป็นเลยว่าอย่างนั้น ดันไปพระนิพพานเสียนี่

หลวงปู่ดู่เป็นพระเกจิอาจารย์ที่สร้างพระแล้วมีพระธาตุเสด็จมากที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา พระธาตุเสด็จทุกรุ่น บางองค์นี้ขึ้นเต็มแน่นพรืดเลย ท่านว่าผงจักรพรรดิของท่านได้รับพรจากพระท่านมา ผมเองโชคดีได้ลูกอมผงจักรพรรดิของท่านมาหลายลูก เป็นแบบใหญ่พิเศษที่ท่านเมตตาปั้นให้เองแล้วร้อยเป็นประคำ มีคนมาขอแบ่งหลายครั้งแล้ว จึงเหลืออยู่ ๗ - ๘ ลูกเท่านั้น ก็ไม่มีอะไรหรอก ดูก็เหมือนกับปูนขาวปั้น ๆ ขึ้นมา แต่จริง ๆ แล้วสุดยอดเลยนะ


ถาม : ท่านปฏิบัติอยู่สายไหนครับ ?
ตอบ : หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อกลั่น หลวงพ่อกลั่นบวชให้เลยนะ แต่ท่านมาอยู่กับหลวงปู่สี วัดสะแก เท่ากับว่าเป็นรุ่นอาจารย์เหมือนกัน เหมือนท่านเจ้าคุณอนันต์กับผม คือท่านเจ้าคุณอนันต์ก็ลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงเหมือนกัน แต่ท่านเป็นคู่สวดให้ผม หลวงปู่สีก็ประเภทเป็นรุ่นระดับอาจารย์ของหลวงปู่ดู่เหมือนกัน

ถาม : หลวงปู่สีที่หลวงพ่อวัดท่าซุงพูดถึง...?
ตอบ : ไม่ใช่ อันนี้หลวงปู่สี วัดสะแก หลวงปู่สีเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อกลั่นรุ่นอาจารย์ หลวงปู่ดู่นี้เป็นรุ่นลูกศิษย์ พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อกลั่นเหมือนกัน

เถรี 10-12-2017 20:34

ถ้านับวิชาชาตรีที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านทำ บุคคลที่ทำวิชาชาตรีแล้วได้เห็นผลชัดที่สุดคือ หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ ท่านมีวิชาลูกเบาหรือหินเบา เอาก้อนหินลูกใหญ่ ๆ เท่าลูกแตงโมหรือลูกฟุตบอล โยนแล้วโหม่งเล่นกัน ถึงได้เรียกว่าวิชาหินเบา

ถาม : ท่านเรียนวิชาน้ำมันชาตรีใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่...ของหลวงพ่อกลั่นท่านทำเป็นตะกรุด ตะกรุดชาตรี

วิชานี้หลวงพ่อกลั่นเรียนมาจากอิสลาม คือสมัยอยุธยา กองอาสาอิสลามที่ช่วยรบให้เรา ช่วยสร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติมีเยอะมากเลย พอมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น บรรดาอิสลามเป็นสมเด็จเจ้าพระยาถึง ๓ ท่านด้วยกัน ต้นตระกูลบุนนาคนั่นแหละ...อิสลามแท้เลย แล้วเราลองคิดดูว่า สมัยก่อนท่านสร้างคุณสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ถ้าคิดจะยึดประเทศไทยจริง ๆ เสร็จไปหมดตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ แล้ว เพราะว่าท่านเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน

แต่นี่ท่านซื่อสัตย์ซื่อตรงจริง ๆ สมัยหลังนี้ไปเรียนจากตะวันออกกลางมา ไปโดนเขาล้างสมองมา กลายเป็นว่าคนอื่นมาแย่งทรัพยากรที่พระอัลเลาะห์ประทานให้กับอิสลามิกชน ก็เลยไม่อยากอยู่ร่วมกับใคร

เถรี 11-12-2017 09:36

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาไปญี่ปุ่นเพื่อไปใช้หนี้เขา พวกเขาเอาอานิสงส์การปล่อยสัตว์ตลอด ๓๒ ปีที่ผ่านมา ไม่รู้ว่ากี่ชีวิตที่ต้องคืนให้เขาไป เป็นประเทศที่ไม่คิดอยากจะไปเลย เพราะว่าติดหนี้เขาเอาไว้เยอะ"

เถรี 11-12-2017 19:08

ถาม : หลวงปู่ปานท่านมรณภาพตอนอายุ ๖๑ ท่านทำงานหนักหรือครับ ?
ตอบ : ผมมารู้ที่หลังว่าหลวงปู่ท่านไม่ได้แค่รักษาโรคให้คนอื่นอย่างเดียวนะ ท่านสอนบาลีด้วย นักเรียนตั้ง ๓๐๐ กว่ารูป..!

ถาม : ท่านแปลประโยค ๙ ได้อย่างไร ผมงงมาก ?
ตอบ : ท่านไม่ไปสอบ ท่านเรียนเพื่อที่จะแปลวิสุทธิมรรคเท่านั้น วิสุทธิมรรคนี่เป็นหลักสูตรประโยค ๘ ท่านเป็นคู่หูกับท่านอาจารย์เกี้ยวที่สึกไป ท่านแปลบาลีตั้งวิเคราะห์ได้ทุกตัว โอ้โฮ...อะไรจะสุดยอดปานนั้น..!

เถรี 11-12-2017 19:44

ถาม : จัดหิ้งพระ ?
ตอบ : ให้หันหน้าพระไปทางทิศเหนือหรือตะวันออก

ถาม : จะเอาโต๊ะหมู่ ที่ไม่พอ พอจะทำเป็นหิ้ง แต่ก็กว้างครับ ?
ตอบ : อย่าทำเป็นหิ้งใหญ่สิ ทำเป็นหิ้งเล็กติดผนัง จะได้สะดวกหน่อย

ถาม : ผมควรวางด้านไหนครับ ?
ตอบ : ด้านไหนก็ได้ แต่ให้หน้าพระหันไปทางทิศเหนือหรือตะวันออก ถ้าเราเอาชุดโต๊ะหมู่เข้าไปบางทีก็เกะกะมาก เอาแค่หิ้งเล็กติดผนังก็พอ วางได้สักองค์ ๒ องค์อะไรก็แล้วแต่ เคยเห็นบางบ้านเขาวางสามหิ้งเลย ใหญ่ตรงกลาง เล็ก ๒ ข้าง แล้ววางพระไว้ตามความสบายใจ ติดผนังลอยไว้แล้วหมดเรื่อง

ต้องบอกว่าโยมมีความคิดอนุรักษ์ไปหน่อย คิดแต่จะตั้งโต๊ะหมู่ ในเมื่อตั้งลำบากก็เอาหิ้งพระติดผนัง...ง่ายจะตายไป หรือไม่ก็ทำอย่างอาตมา เอาตู้หนังสือวางชิดผนัง ใส่หนังสือก็ได้ หลังตู้ก็ตั้งพระได้ด้วย

เถรี 11-12-2017 19:56

ถาม : เวลาที่เราสวดพระคาถาเงินล้าน ปกติเราก็จะใส่เงินหยอดเหรียญ แต่ถ้าเราไม่มีเวลาหยอดเหรียญ เราก็เอาเงินมาถวายสังฆทานทีเดียวเลยได้ไหม ?
ตอบ : ตั้งใจไว้สิ จริง ๆ แล้วเรื่องของพระคาถาเงินล้านท่านตั้งใจให้เราทำบุญอย่างสม่ำเสมอ ในเมื่อเราตั้งใจ สมมติว่าจะทำบุญเดือนหนึ่ง ๓๐ บาท หยอดวันละบาท พอถึงเวลาเราภาวนาครบเดือน ก็เอา ๓๐ บาทมาถวายสังฆทานก็จบแล้ว

ถาม : จะเหมือนกันไหมคะ ?
ตอบ : ลำบากน้อยกว่า ไม่ต้องเสียเวลาไปหยอดทุกวัน

เถรี 11-12-2017 22:19

ถาม : เมื่อครั้งที่แล้วพระอาจารย์ได้แนะนำผม ในอิริยาบถนั่งสมาธิผมไม่มีความก้าวหน้าเท่าที่ควร แต่อิริยาบถเดินหรือทำงานตามปกติ สามารถทรงภาพพระได้ดีกว่า ที่ผมทรงภาพพระไป ไม่ได้รูปแบบที่ครูบาอาจารย์สอนไปใช่ไหมครับ ?
ตอบ : จะหกคะเมนตีลังกาอย่างไรก็ได้ ขอให้ทรงได้เท่านั้นพอ

ถาม : หลังจากที่เราสามารถอาราธนาภาพพระให้ปรากฏอยู่ตรงหน้าได้แล้ว จะต้องทำอย่างไรต่อไปครับ ?
ตอบ : รักษาภาพพระเอาไว้ เดี๋ยวภาพพระจะเปลี่ยนเป็นสว่างขึ้นไปเรื่อย ๆ

ถาม : จะต้องทรงให้จนถึงที่สุดให้ได้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : รักษาเอาไว้ อย่าให้กิเลสเข้าได้ก็พอ

เถรี 12-12-2017 20:03

ถาม : ถ้าหนูจะสอบบัญชี แล้วบูชาท่านปู่นายบัญชี จะทำให้สอบบัญชีได้ง่ายขึ้นไหมคะ ?
ตอบ : คนละบัญชีกันโว้ย...! ของท่านนั่นบัญชีคนเป็นคนตาย เกี่ยวอะไรกับบัญชีทรัพย์สินเงินทอง ? จะลองดูก็ได้ เผื่อท่านเห็นว่าไม่เคยมีใครขอให้ช่วย แล้วเราขออยู่คนเดียว...อาจจะได้ก็ได้

คิดอะไรบ้า ๆ...! ดีเหมือนกัน จะสอบบัญชีดันไปบูชานายบัญชียมโลกก็เจริญเท่านั้น..!

เถรี 12-12-2017 20:08

ถาม : การระงับกามราคะและปฏิฆะ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนให้พิจารณากายคตานุสติควบกับอสุภกรรมฐาน ต่อมาหลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่าให้ทำกสิณก่อน แล้วต้องทำให้ครบทั้ง ๑๐ กอง ปกติลูกจะทำอาโลกกสิณเพียงกองเดียว สำหรับจับภาพพระและขึ้นไปบนพระนิพพาน แต่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่าให้ทำทั้ง ๑๐ กอง ลูกก็เลยทำทั้ง ๑๐ กอง

เมื่อลูกทำครบ ๑๐ กองแล้ว เวลามองออกไปภายนอก เห็นต้นไม้เป็นแก้ว เห็นพื้นดินเป็นแก้ว เห็นรั้วสีขาวเป็นแก้ว ช่วงแรกที่เห็นเป็นแก้วนั้น กสิณแต่ละกองแยกกันอยู่ แต่ว่าอยู่ติดกัน ต่อมากสิณทั้ง ๑๐ กองรวมเป็นกองเดียวไม่แยกออกจากกัน แต่หากจะทำให้แยกก็สามารถทำได้ ลูกจึงขอกราบเรียนถามว่า สิ่งที่ลูกปฏิบัติผิดพลาดประการใดบ้าง ควรแก้ไขอย่างไร ?

ตอบ : ถ้าเป็นอย่างที่ว่ามาก็ถือว่าใช้ได้แล้ว ถ้าเราตั้งใจไว้แต่แรกว่าจะเอาในเรื่องของการตัดกามราคะกับปฏิฆะ ในส่วนของกสิณก็อย่าให้เคลื่อนคลายหายไปจากใจเรา ไม่ว่าจะเป็นภาพของกสิณกองเดียวหรือว่ารวมกันทั้ง ๑๐ กองก็ตาม อย่างน้อยต้องให้ทรงในใจทั้งหลับทั้งตื่นเสมอกัน ไม่อย่างนั้นแล้วก็จะกดกามราคะกับปฏิฆะไม่อยู่

เถรี 12-12-2017 20:17

ถาม : เมื่อได้กำลังของกสิณทั้ง ๑๐ กองแล้ว ลูกได้ใช้กำลังนี้เป็นฐานของการพิจารณาเรื่องกามราคะและปฏิฆะ โดยใช้คำภาวนาควบคู่กับลมหายใจเข้าออกว่า "อสุภกสิณัง อสุภกสิณัง อสุภกสิณัง" และนึกถึงคำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุงเรื่องของอธิจิตสิกขาว่า การละเรื่องกามราคะกับปฏิฆะนั้น จิตต้องมีสมาธิที่เข้มแข็งมากจึงจะละได้

เหตุนี้กสิณ ๑๐ ที่หลวงพ่อวัดท่าซุงให้ลูกฝึก ก็เพื่อวัตถุประสงค์ให้เป็นกำลังของสมาธินั่นเอง การใคร่ครวญของลูกดังกล่าวนี้ผิดพลาดประการใดบ้าง ? ขอหลวงพ่อโปรดเมตตาสงเคราะห์ลูกด้วย

ตอบ : อยากให้ทำแบบหลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก ถ้าด้วยอำนาจกสิณ ๑๐ เราต้องการจะสร้างอะไรขึ้นมาก็แค่นึกเท่านั้น หลวงพ่อพริ้งท่านจึงสร้างซากอสุภะไว้ตรงหน้าเป็นตัว ๆ จับได้ต้องได้เลย สี กลิ่น รส มาครบ แล้วเราก็พิจารณาของเราไป เท่าที่ได้ยินมามีรายเดียว คือหลวงพ่อพริ้ง ที่ทำได้ในลักษณะอย่างนี้

แปลว่ากสิณ ๑๐ ของเราอย่าทำให้เสียของ เนื่องจากว่าในสมัยปัจจุบัน การจะพิจารณาอสุภกรรมฐานเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก เพราะว่าไม่ได้มีป่าช้าที่เขาเอาศพไปทิ้งเหมือนกับสมัยก่อน มีอย่างเดียวคือเราสร้างศพขึ้นมาด้วยอำนาจกสิณของเราเอง เสร็จแล้วเราก็พิจารณาของเราไป พอสภาพจิตเบื่อหน่ายคลายกำหนัด ตัวกามราคะจะหายไป ถ้าในส่วนของกามราคะหายไป ปฏิฆะที่เหลือก็พลอยหายไปด้วย เพราะกำลังเท่ากัน

ไป...ตั้งใจทำไว้ดีแล้ว แต่ว่าอย่าลืมพระนิพพาน หัวใจสุดท้ายของเราก่อนนอน ตั้งใจอยู่เสมอว่าเราจะไปพระนิพพาน

เถรี 12-12-2017 20:19

เรื่องเกี่ยวกับพวกนี้พวกเราคงไม่เคยได้ยินมาก่อน...ใช่ไหม ? หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก เป็นสุดยอดพระอาจารย์ ขนาดหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ยังขอไปศึกษาวิชาด้วย ลูกศิษย์หลวงพ่อพริ้งยังสงสัยว่าหลวงปู่ปานบอกว่าเป็นลูกศิษย์ท่าน ไม่เห็นมาฝึกวิชาด้วยเลย หลวงพ่อพริ้งท่านบอกว่า "หลวงพ่อปานไม่ได้เหมือนพวกแกนี่ หลวงพ่อปานมาฝึกกับข้าคืนเดียวเท่านั้น ก็ขนเอาความรู้ไปหมดแล้ว"

หลวงปู่ปานท่านเหมือนกับคนมีเงิน คราวนี้หลวงพ่อพริ้งท่านรู้จักวิธีใช้เงิน ก็แค่ไปถามว่าใช้อย่างไรแค่นั้นเอง เพราะฉะนั้น...ในเรื่องของการฝึกสมาธิหรือฝึกกสิณก็เหมือนกับเราหาเงินไว้ ถ้าเราหาเงินได้มากเราก็สามารถที่จะใช้งานได้มาก ถ้าเราหาเงินได้น้อย โอกาสที่เราจะซื้อข้าวซื้อของก็น้อยลง หลวงปู่ปานท่านฝึกมาเต็มที่แล้ว แค่ไปถามว่าจะใช้อย่างไรเท่านั้น

หลวงพ่อพริ้งท่านถึงได้บอกลูกศิษย์ว่า "หลวงพ่อปานท่านไม่ได้โง่เหมือนพวกแก ท่านมาฝึกกับข้าคืนเดียว" คืนเดียวกวาดไปเรียบเลย ก็ลักษณะแบบเดียวกับที่อาตมาไปวัดเขาอ้อ ทางด้านหลวงปู่กลั่นท่านอยากได้ เพราะว่าท่านหาพระที่จะไปเป็นเจ้าอาวาสแทนท่าน สายวัดเขาอ้อนี่เปิดกว้างมาก ใครจะฝึกวิชามาสายไหนก็ตาม ถ้ากำลังคุณถึง ไปเปิดตำราเขาฝึกได้เลย เขายินดีรับเป็นเจ้าอาวาสเลย...ว่าอย่างนั้น

เถรี 12-12-2017 21:23

สนทนากับพระ "จริง ๆ แล้วพวกเครื่องรางของขลังผมไม่เก่ง คนที่เก่งจริง ๆ คือพระครูแสง แต่พระครูแสงเรียนแล้วลืม ส่วนผมเรียนแล้วจำ ท่านเป็นคนสอนผมเองตั้งแต่สมัยยังวัยรุ่น สอนว่ารุ่นนี้ต้องดูอย่างนั้น รุ่นนั้นมีตำหนิตรงนี้ ท่านได้ความรู้ใหม่มาจากรุ่นพี่รุ่นลุงเมื่อไรก็มาสอน แต่สอนไปแล้วตัวท่านลืมเอง

รุ่นผมสมัยเด็ก ๆ จะมีสภากาแฟ ถึงเวลาผู้ใหญ่เขาจะมากินกาแฟแล้วก็นั่งส่องพระกัน พี่ชายของผมก็เล่นของพวกนี้อยู่ แต่เน้นไปทางพระเครื่อง ท่านแสงแกสนใจก็ไปเกาะอยู่ข้างโต๊ะ ไปจดไปจำอะไรมาก็เอามาถ่ายทอดให้ผมต่อ ท้ายสุดท่านก็ลืม ส่วนคนฟังคนดูอย่างผมดันจำได้"

เถรี 12-12-2017 21:27

โยมมารับแมลงภู่คำ "แมลงภู่ตัวนี้เขาบรรจุปรอทอยู่ข้างใน แล้วเป็นเรื่องแปลกมากที่ส่องหาที่บรรจุไม่เจอ โบราณเขาบอกว่าน่าจะใช้อำนาจจิตเรียกให้ไปอยู่ข้างในเอง อาตมาส่องกล้องอย่างไรก็ไม่เห็นร่องรอยว่าบรรจุเข้าไปทางด้านไหน

ระวังไว้หน่อยว่าอย่าให้อยู่ใกล้ที่ร้อนมาก เดี๋ยวจะรั่วเสียก่อน เห็นรุ่นหลัง ๆ ที่เขาทำ พวกปรอทที่บรรจุเบี้ยแก้มีรั่ว แสดงว่ารุ่นหลังนี่ฝีมือไม่ดี ไปลองเขย่าดู ข้างในเขาบรรจุปรอทไว้

แมลงภู่คำที่สุดยอดจริง ๆ เขาจะบรรจุปรอทกับบรรจุเข็มทอง ขึ้นอยู่กับเขาว่าจะบรรจุแบบไหน"

ถาม : มีแบบเป็นงาด้วยค่ะ ?
ตอบ :แบบเป็นงาสมัยก่อนเป็นของประจำองค์เจ้านาย หรือไม่ก็บรรดาพวกแม่ทัพนายกอง ชาวบ้านทั่ว ๆ ไปส่วนใหญ่ก็เป็นไม้ แต่ถ้าจะเอาจริง ๆ ต้องได้ตัวครูมา ตัวครูเท่าที่เจอมาใหญ่เกือบ ๆ ๓ นิ้วมือของเรา

เถรี 12-12-2017 21:32

คนที่มีของพวกนี้มากที่สุดคืออาจารย์วิลักษณ์ ศรีป่าซาง ท่านเก็บของเก่า ไม่ได้เก็บของขลังนะ คราวนี้ท่านเก็บของเก่าแต่กลายเป็นของขลังเสียเยอะ ส่วนที่คนเห็นแล้วน้ำลายหกเลยก็คือ ผ้ายันต์ม้าเสพนาง ของครูบาวัง วัดบ้านเด่น อาจารย์วิลักษณ์ท่านมีตั้งหลายผืน ของคนอื่นเค้นให้ตายเจ้าของเขาก็ไม่ยอมปล่อย

เคยไปดูคลังของท่าน ท่านเปิดคลังให้ดู มีอย่างหนึ่ง ลักษณะเป็นสายคาดเอว ร้อยจากฟันม้า ถามว่าท่านอาจารย์ไปเอามาจากไหนเยอะแยะ เป็นสิบ ๆ สายเลย ? ท่านบอกว่าพวกชนกลุ่มน้อยทางด้านเชียงตุง ทางด้านไทยใหญ่ เขาทำขึ้นมาเป็นเครื่องรางป้องกันตัวหรือเครื่องประดับ ท่านก็ไปขอซื้อเขามา ไปค่อย ๆ ตื๊อเขามาทีละเส้น ๒ เส้น

ที่ทึ่งก็คือฟันของบรรพบุรุษ แต่ลูกหลานเอามาแกะเป็นพระพุทธรูปเล็ก ๆ อาจารย์วิลักษณ์มีอยู่ตั้งหลายองค์ ท่านช่างเสาะหาจริง ๆ แต่ถ้าจะไปเอาปลัดขิกของท่านอาจารย์วิลักษณ์ต้องเอารถกระบะไปขน แต่ละท่อนเสาดี ๆ นี่เอง สมัยก่อนเขาทำเอาไว้ป้องกันภูตผีปีศาจ หมู่บ้านหนึ่งก็มีแค่ตัวเดียว จึงต้องเป็นเสา อาจารย์วิลักษณ์ท่านเล่นกวาดมาเต็มบ้านเลย วางเรียงอย่างกับท่อนซุง แต่ละท่อนประเภทใหญ่เท่าบาตรยังมีเลย


ถาม : ใช้ไม้ต้นหรือคะ ?
ตอบ : ไม้ต้นมาทำเป็นปลัดขิก ก็น่าแปลกที่ผีกลัว

เถรี 12-12-2017 21:42

ถาม : ที่เขาทำเสาเป็นปลัดขิก แล้วผีกลัว เพราะอะไรคะ ?
ตอบ : มี ๒ อย่างด้วยกัน อย่างแรกน่าจะเป็นกำลังสมาธิของคนทำ ส่วนอย่างที่สองนั้น อวัยวะเพศเป็นวัตถุสร้างโลก พูดง่าย ๆ ก็คือ มีพลังงานสามารถสร้างชีวิตได้ แล้วพลังงานขนาดนั้น ถ้าคนที่เข้าถึงเคล็ดลับจริง ๆ ถึงเวลาปลุกเสกแล้ว พลังที่แผ่มานี่มหาศาลเลย ผีไม่กล้าเข้าใกล้หรอก

เถรี 12-12-2017 21:46

พระอาจารย์กล่าวว่า "กระทู้คนมีเงินฯ บางทีวันเดียวจองมาเป็น ๑๐ ราย ต้องมาไล่ดูว่าเวลาของใครจองก่อน อย่างเช่นว่าวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน จองไว้ ๒๐ กว่าราย ทั้งในกล่องข้อความแล้วก็ทั้งในกระทู้ ต้องมานั่งดูว่าเวลาของใครจองก่อน แล้วก็ไล่ไปตามลำดับ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะไม่ยุติธรรม

พวกที่บ้าขนาดจะเล่นแต่ ๙ เครื่องรางในตำนานนี่เคยรู้ราคาไหม ? อย่างตะกรุดหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ตะกรุดโสฬสดอกล่าสุดที่ผมเจอเป็นสองกษัตริย์ ก็คือเป็นทองแดงกับเงินม้วนร่วมกัน เจ้าของเขาเปิดมาที่ ๗๐๐,๐๐๐ บาท สั่งของในกระทู้นี่เคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าราคาในท้องตลาดเท่าไร ?

ต้องทิดเฟิร์สของเรานี่ ผมลงพระพิฆเณศวร์วัดเขาอ้อ ๒๕,๐๐๐ บาท ทิดเฟิร์สบ่นว่าแพง ปรากฏว่าตัวเองไปเจอที่ถูกใจของเซียนทางปักษ์ใต้ เขาเปิดมา ๑ แสน ทิดเฟิร์สหงายท้องตึง คราวนี้เอ็งรู้หรือยังว่ากระทู้คนมีเงินฯ ของข้าก็ยังมีเงินไม่จริง..!"

เถรี 12-12-2017 22:03

ถาม : ประคำโทน ?
ตอบ : ใช้ต้นกล้วยที่ขึ้นอยู่บนต้นไทร มีนะครับ เป็นเคล็ดว่าอุดมสมบูรณ์ถึงขนาด ตำราของหลวงปู่อุตตะมะท่านสอนมา ต้นกล้วยที่ขึ้นอยู่บนต้นไทร เอามาหั่นตากแห้ง แล้วเอามาเผาให้ดี จากนั้นเอาขี้เถ้ามาปั้นเป็นลูกประคำ กว่าจะหั่นตากแห้ง กว่าจะมาเผาเป็นขี้เถ้า กว่าจะมาปั้นเป็นเม็ดประคำได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย

ถาม : ใช้กระดาษสาที่มาทำเป็นเม็ด ?
ตอบ : เขาเรียกประคำโทน ทำยาก...ต้องลงอักขระในกระดาษสา แล้วเหลาหวายเล็กเท่าเส้นผม ถักหุ้มเอาไว้ข้างใน ทำยาก..ท่านจึงให้แค่เม็ดเดียว ประคำโทนหลวงพ่ออุตตะมะของผม ติดอยู่ในประคำที่ท่านนกบูชาไป ท่านรู้หรือเปล่า ? ยังอยู่หรือสึกไปแล้วก็ไม่รู้ ? ท่านมาตื๊อเอาไปจนได้

เถรี 13-12-2017 09:05

พูดถึงโรคที่เป็น "อาตมาเป็นโรคโบร่ำโบราณ โรคที่ไม่ค่อยมีใครเขาเป็นกัน เขาเรียกว่าขยุ้มตีนหมา เป็นเริมประเภทหนึ่ง จะขึ้นเป็นกระจุก ๆ ตรงปลายประสาทร่างกายเรา ถ้าเป็นเส้นยาว ๆ เขาเรียกว่างูสวัด ถ้าเป็นผื่นเขาเรียกว่าไฟลามทุ่ง ถ้าเป็นแต้ม ๆ ทั้งตัวคืออีสุกอีใส เป็นเชื้อโรคประเภทเดียวกัน"

เถรี 13-12-2017 09:26

พระอาจารย์เล่าว่า "รถที่ออกมาไม่ถึงปีเจิมหมาไป ๒ ตัวแล้ว ชนหมาน่าจะตายคาที่ แต่รถไม่มีอะไรเสียหาย บุบก็ไม่บุบ ดีเหมือนกัน

ล่าสุดหมา ๓ ตัววิ่งไล่กัน คนขับรถของเราก็หลบ อีกตัวหนึ่งก็เบรก ส่วนอีกตัวหนึ่งแทนที่จะเบรกดันพุ่งตัดหน้ารถเลย ผลก็คือรอด ๒ ตัว ตาย ๑ ตัว ตัวที่เบรกต้องบอกว่าฉลาดมาก พอเห็นรถมาก็เบรกตัวโก่งเลย ส่วนอีกตัวคงมั่นใจในความเร็วว่าแค่นี้พ้นแน่ ก็พุ่งตัดหน้าเลย

ตอนนั้นน้าป๊อกขับรถ อาตมานั่งไปกับแก เป็นรถหกล้อของหน่วยจัดการต้นน้ำที่เกาะพระฤๅษี หมาวิ่งข้ามถนนมา เลยอีกศอกเดียวจะพ้นถนนแล้ว ดันเลี้ยวกลับ เรื่องของสัตว์นี้เราต้องเข้าใจนะว่า เหตุที่เขาเลี้ยวกลับ เพราะถ้าไปข้างหน้าไม่รู้ว่ามีอันตรายหรือเปล่า ? แต่ทางที่ผ่านมานี้ปลอดภัยแน่ เขาก็จะกลับทางเดิม พอกลับทางเดิมน้าป๊อกแกก็หักซ้าย ไอ้นั่นไปครึ่งทางกลับใจเลี้ยวกลับมา น้าป๊อกก็ต้องหักขวา พอหักขวาไอ้นั่นเลี้ยวขวากลับมาที่เดิมอีกทีหนึ่ง คราวนี้คาที่เลย

น้าป๊อกก็พร่ำ “ผมบาปมากเลยอาจารย์ ชนหมาตาย” ก็ถึงที่ของเขา วิ่งหาที่ของตัวเองจนได้ มีที่ไหนจะพ้นถนนอยู่แล้วเลี้ยวกลับมา ๓ ที ลักษณะของวาระกรรมเราต้องยอม เพราะว่าเขาถึงที่ตายจริง ๆ น้าป๊อกขับรถทับหมาตายตัวเองเฉาไปเลย ทั้ง ๆ ที่รถไม่มีอะไรเสียหาย แต่คนใจคอไม่ดี"

เถรี 13-12-2017 09:36

โยมถวายหนังสือ "ตะกรุดหลวงพ่อทบ วัดชนแดน" พระอาจารย์กล่าวว่า "ตะกรุดหลวงพ่อทบอย่างหนึ่งที่อาตมาอยากได้ เพราะว่ายังไม่เคยมี ก็คือตะกรุด ๑๖ ชั้น ดอกหนาปึ้กเลย ส่วนใหญ่ตะกรุดเป็นทองแดงหรือทองเหลือง ท่านจารทีละแผ่นๆ แล้วม้วนต่อกัน พูดง่าย ๆ ว่าถ้าแรงไม่ดีนี่อาจจะพกตะกรุดไม่ไหว"

ถาม : หนังสือนี้มาจากที่พวกเซียนพระทำขึ้นแล้วมาถวายให้วัดออกทำบุญค่ะ ?
ตอบ : ตอนนี้ส่วนใหญ่แล้วทำเพื่อความน่าเชื่อถือ เอาไปไว้ที่วัดส่วนหนึ่งในลักษณะว่าวัดรับรองแล้ว ตัวเองก็ถ่ายรูปไปยืนยันว่าไปถวายเจ้าอาวาสนะ สมัยนี้เขาหากินกันสารพัดแบบนี้

ถาม : ตะกรุด ๑๖ ชั้น นี้วิชาสายไหนคะ ?
ตอบ : น่าจะเหมือนกับของหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หรือหลวงปู่ภู วัดดอนรัก ท่านทำตะกรุด ๑๖ ดอก มีทั้งแคล้วคลาด คงกระพัน เดินทางปลอดภัย ป้องกันไสยศาสตร์ อะไรของท่านไปเรื่อยจนครบ ๑๖ อย่าง แต่คราวนี้ของหลวงพ่อจงท่านแยกดอก หลวงปู่ภูก็แยกดอก แต่ของหลวงพ่อทบท่านเล่นพันรวมกันไปเลย ดอกใหญ่อย่างกับถ่านไฟฉาย

ท่านคงเบื่อพวกลูกศิษย์ที่ต้องการอย่างโน้น ต้องการอย่างนี้ ก็เลยทำไป ๑๖ ดอกให้ครบทุกอย่าง ไม่ต้องเสียเวลามาขอ จะเอาเมตตาตาค้าขายก็เอาอันนี้ มหานิยมเข้าหาเพศตรงข้ามก็เอาดอกนี้ เอามหาปราบดอกนี้ มหาอุดก็ดอกนี้ มหาลาภก็ดอกนี้ ไปเลือกใช้คาถาให้ตรงก็แล้วกัน

เถรี 13-12-2017 18:32

พระอาจารย์กล่าวว่า "โยมที่ถามปัญหาเมื่อเช้านี้เป็นเศรษฐีที่ใช้เงินไม่เป็น เขาบอกว่าเขาฝึกกสิณ ๑๐ จนครบแล้ว จะทำอย่างไรต่อไป ? มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า ? หลวงพ่อวัดท่าซุงสั่งให้ฝึกเพื่อที่จะใช้ในการละโทสะและปฏิฆะ ตลอดจนกระทั่งกามราคะ แต่ใช้ไม่เป็น

อาตมาก็เลยไปนึกถึงสมัยหลวงปู่ปานท่านไปหาหลวงปู่พริ้งที่วัดบางปะกอก ลูกศิษย์บอกว่า หลวงปู่ปานบอกกับใคร ๆ ว่าหลวงปู่พริ้งเป็นอาจารย์ แต่ไม่เห็นท่านมาฝึกวิชาอะไรกับหลวงปู่พริ้งเลย หลวงปู่พริ้งท่านบอกว่า "เขาไม่เหมือนพวกแกนี่ เขามาแค่คืนเดียว" แค่มาเรียนรู้วิธีใช้เงิน

พอเห็นโยมเมื่อเช้าแล้วก็ชื่นใจอยู่อย่างว่า คนที่ฝึกปฏิบัติธรรมแบบเอาจริงเอาจังยังมีอยู่ แต่ขณะเดียวกันส่วนหนึ่งที่น่ากลัวคือ โยมทรงฌานอยู่ตลอดเวลา การทรงฌานใช้งานอยู่ตลอดเวลา จะเกิดผลอยู่ ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือ สภาพจิตปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง บางคนจะเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ไปแล้ว"

เถรี 13-12-2017 18:34

"อาตมาเคยมีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่งเป็นผู้หญิง ไปอยู่ที่เกาะพระฤๅษีเกือบปี ฝึกทรงฌานในลักษณะอย่างนี้ พอฝึกไปเสร็จแล้วเขาก็หลุดปากออกมาว่า “หลวงพ่อ...คนเป็นพระอรหันต์ไม่เห็นจะต้องตายอย่างที่หลวงปู่ฤๅษีบอกเลย” เขามั่นใจว่าเขาเป็นแน่นอน กิเลสไม่เกิดเป็นปีเลย ท้ายสุดด้วยความมั่นใจของเขาก็ขอลาไป ตอนนี้ไปเลี้ยงลูกเป็นโขยง ทั้ง ๆ ที่คิดว่าตัวเองบรรลุแล้ว..!

ประการที่ ๒ ก็คือ ถ้าเผลอสติหลุดจากฌานเมื่อไร คราวนี้ปางตายเลย กิเลสจะมาฟ้าถล่มดินทลาย เหมือนอย่างกับเขาจ้องตลอดเวลาว่าเรามีจุดอ่อนตรงไหน แล้วจะโจมตีตรงนั้น อาตมาเองเคยเกือบตายมาหลายรอบแล้ว ไปกราบเรียนถามหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่า "ข้าก็เคยเป็น ข้าทรงสมาบัติ ๘ คล่องตัวชนิดเข้าเมื่อไรก็ได้ตามที่ต้องการ ข้าก็คิดว่าแน่ มีอยู่วันหนึ่งหลุดออกมาเหลือแค่อุปจารสมาธิตอนไหนก็ไม่รู้ ?"

ท่านบอกว่าเกือบตาย รักโลภ โกรธ หลง กระหน่ำมาทุกทิศทุกทาง ท่านบอกว่า "แกลองคิดดูว่า บ้านมีเสา ๘ ต้น อยู่ ๆ เสาก็พังไป ๗ ต้นครึ่ง เหลืออยู่แค่ครึ่งต้น แล้วจะค้ำบ้านอยู่ไหม ?"

เถรี 13-12-2017 18:36

"เพราะฉะนั้น...อาตมาก็ยังเป็นห่วงโยมเขาอยู่ ลักษณะของผู้ทรงฌาน คนรอบข้างไม่เข้าใจอาจจะเป็นโทษกับเขาได้ด้วย เพราะว่าจะไปพูดจาล่วงเกินอะไรเขาได้ เพื่อนฝูงเคยชวนกินเหล้าเมายาอยู่เป็นปกติก็ไม่ไปกับเขา

ถ้ายิ่งมีครอบครัวยิ่งลำบาก สมมติว่ามีภรรยา ภรรยามีความต้องการทางเพศตามปกติ แต่สามีตายด้านชั่วคราวไปทีหนึ่งหลาย ๆ เดือน เดี๋ยวก็ได้บ้านแตกสาแหรกขาด

เรื่องของทางโลกกับทางธรรมจริง ๆ แล้ว เราต้องพยายามระมัดระวังไม่ให้โลกช้ำธรรมเสีย ยกเว้นบุคคลประเภทหนึ่ง คือมาสายพุทธภูมิแต่เดิม ท่านทั้งหลายเหล่านี้กำลังใจเกินคน ส่วนที่ท่านคิดว่าพอดี มักจะเกินกว่าที่ชาวบ้านเขารับได้ จึงมักจะกลายเป็นโลกช้ำไป"

เถรี 13-12-2017 18:37

"ใครถอดเทปช่วงเมื่อเช้าลองฟังเสียงเขาดู ลักษณะของบุคคลทรงฌานจะเป็นอย่างนั้น มีอารมณ์เดียวตลอด ไม่รับอะไรเลย ถามปัญหาแค่ ๒ ข้อ

ไปนึกถึงตัวอาตมาเองอยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุงมาทั้งหมด ๑๘ ปี เคยถามแค่ ๔ ครั้ง เพราะว่าในเรื่องของการปฏิบัติ ถ้าเราทำจริง ๆ จะได้คำตอบเอง ไม่ต้องเสียเวลาไปถามครูบาอาจารย์ เพียงแต่ว่าที่ไปถามเพราะว่าเป็นช่วงของการเปลี่ยนอารมณ์ การก้าวข้ามอะไรสักอย่าง ทำให้เกิดความไม่มั่นใจว่าไปถูกทางหรือเปล่า ? ก็ต้องไปกราบเรียนถามหลวงพ่อเพื่อขอความมั่นใจ

เมื่อเช้านี้เขาก็ถามแค่ ๒ ข้อ คือสงสัยว่าที่ตัวเองทำมาผิดพลาดหรือถูกต้อง และจะไปต่ออย่างไร"

เถรี 13-12-2017 18:40

"ลักษณะอย่างนั้นถึงเวลาจำเป็นแล้ว หลวงปู่ หลวงพ่อ ครูบาอาจารย์ หรือพระท่านจะใช้งาน ไม่อย่างนั้นแล้วท่านไม่สั่งให้ฝึกขนาดนั้นหรอก แบบเดียวกับที่สั่งเน้นพวกอาตมาให้ฝึกอภิญญาโดยเฉพาะ ท่านบอกว่ากาลต่อไปข้างหน้า บุคคลที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ จะจ้วงจาบพระพุทธศาสนามาก ถึงขนาดกล่าวหาว่าอภิญญาสมาบัติเป็นของหลอกลวงกัน เพื่อยกย่องศาสดาของตน

ท่านบอกว่า ถึงวาระนั้นแล้วพวกแกจะต้องไปแสดงให้เขาดูว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีจริง
ก็กราบเรียนถามหลวงพ่อท่านว่า "ก็พระท่านห้าม พระพุทธเจ้าท่านห้ามไม่ให้ภิกษุสามเณรแสดงฤทธิ์แสดงอภิญญา แล้วพวกผมจะแสดงได้หรือ ?" หลวงพ่อท่านบอกว่า "ถึงเวลาแล้วพระท่านจะสั่งเอง"

ก็ได้แต่หวังว่าท่านจะไม่สั่ง เพราะว่ายังทำอะไรไม่ค่อยเป็น ถึงเวลาสั่งแล้วเดี๋ยวไปเหมือนกับโยมเมื่อเช้า มีสตางค์เต็มกระเป๋าแต่ใช้ไม่เป็น แล้วที่ตลกมากก็คือ หลังจากที่มีโยมถามปัญหาขั้นประถมของเขา เลยไปเจอระดับปริญญาเข้าให้ โยมเขาบอกว่าขออนุญาตถามปัญหาระดับประถม ก็เลยบอกว่า “เออ...ถึงระดับประถมแล้วหรือ ? ที่เจอมาอนุบาลล้วน ๆ” เพิ่งจะพูดจบไม่นานเจอระดับปริญญาเลย"

เถรี 13-12-2017 18:42

"เรื่องของการปฏิบัติธรรม ถ้าไม่ได้ "อยากทำ" ไปไม่รอดหรอก ต้องอยากทำ อยากดี อยากเก่งด้วยตัวเอง ถามว่าแล้วถ้าอยากแล้วจะทำอย่างไร ? เพราะว่าความอยากไม่ใช่สิ่งที่ดีไม่ใช่หรือ ? ก็บอกว่าใช่ แต่ถึงเวลาเราก็ลืมความอยากนั้น แล้วก็ทำ ถ้าไม่อยากเราก็ไม่ทำ ต้องอยากก่อน หลังจากนั้นละความอยากได้ แล้วจึงจะประสบความสำเร็จ"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:13


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว