กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๗ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4010)

เถรี 12-03-2014 12:31

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๗
 
ถาม : ในบางครั้งที่กำลังหลับตาภาวนาพระคาถาในมือ ก็จับพิจารณาความกลมของลูกประคำไปด้วย ปรากฏดวงแก้วสว่างขึ้นมาให้เห็นแล้วก็หายไป ถ้าครั้งหน้าปรากฏดวงสว่างขึ้นมาอีกควรปฏิบัติอย่างไรต่อไปครับ ?
ตอบ : อย่าไปสนใจ ภาวนาของเราไปเฉย ๆ ถ้าให้ความสนใจ เมื่อสมาธิเคลื่อนภาพจะหายไป แต่ถ้าเราไม่สนใจก็จะอยู่ได้นาน

เถรี 12-03-2014 12:32

ถาม : ถ้าเจ้าของที่ดินได้เอ่ยปากยกที่ดินส่วนหนึ่งถวายให้เป็นที่ของสงฆ์ แต่ยังไม่ได้มีการโอนกัน แล้วเจ้าของที่ดินได้เสียชีวิตไปก่อน ทางวัดได้สร้างศาลาบนที่ดินนั้น ต่อมาภายหลังลูก ๆ ได้ขายที่ดินไปทั้งหมด โดยไม่ได้ทำเรื่องโอนให้กับวัด คนที่ซื้อที่ดินต่อจากลูก ๆ เจ้าของที่ดินได้มีการปักแนวเขตเข้าไปในที่ดินที่ถวายวัด ทางเจ้าของที่ดินคนใหม่จะมีโทษขโมยของสงฆ์หรือทำลายของสงฆ์หรือไม่ครับ ? ถ้ามีจะแก้ไขอย่างไรได้บ้างครับ ?
ตอบ : เต็ม ๆ เลย ก็คืนให้สงฆ์เขาไปก็เท่านั้นเอง ส่วนใหญ่แล้วญาติโยมมักจะเข้าใจว่า เรื่องของสิทธิ์ในการครอบครองต้องโอนกันก่อนถึงจะเป็นของสงฆ์ แต่ในความจริงถ้าหากว่าสงฆ์ให้การอนุโมทนาแล้ว ก็ถือว่าเป็นของสงฆ์ไปเลย เพราะฉะนั้น..จะไปบุกรุกครอบครองอีท่าไหน ก็กลายเป็นเอาของสงฆ์มาเป็นของตัวเอง ซึ่งมีที่ไปอยู่ที่เดียวเป็นปกติ..!

เถรี 12-03-2014 12:34

ถาม : มวลสารที่ใช้ในการสร้างวัตถุมงคลมีความสำคัญแค่ไหนครับ ?
ตอบ : ถ้าว่ากำลังใจใช้ไม่ได้ ได้ยินว่ามีมวลสารดี ๆ เกิดกำลังใจขึ้นมาก็ถือว่ามีส่วนสำคัญอยู่ แต่ว่าในสมัยโบราณนั้น โบราณาจารย์ท่านต้องการให้พระภิกษุที่ศึกษาวิชาการลบผงต่าง ๆ ซักซ้อมในเรื่องของสมาธิสมาบัติให้เกิดความคล่องตัว จึงกำหนดตัวบทพระคาถาต่าง ๆ ในการลบผงขึ้นมา แต่ว่าในสมัยหลัง ๆ นี้ให้ความสำคัญตรงส่วนนี้น้อยลง เพราะว่ามักจะให้โรงงานผลิตออกมาเลย

ถ้าสามารถทำได้อย่างโบราณาจารย์เขาทำ ก็จะมีประโยชน์มากกว่าอย่างมหาศาล เพราะเกี่ยวกับเรื่องของมรรคผล ตลอดจนกระทั่งสมาธิสมาบัติของตนเอง แล้วขณะเดียวกันก็มีผลในการคุ้มครองป้องกันรักษาตามหลักวิชานั้น ๆ ด้วย

เถรี 12-03-2014 12:35

ถาม : ผมเลี้ยงกุมารต้องสอนเขาหรือเปล่าครับว่าให้ถือศีล ๕ ต้องอย่าดื้อ อย่าซน เชื่อฟัง สวดมนต์ ทำสมาธิ ฯลฯ ถ้ากุมารเป็นเทวดาสามารถสอนเขาได้ไหมครับ ? เกรงว่าถ้ากุมารเป็นเทวดาแล้วเกิดไปสอนท่านเดี๋ยวท่านเตะเอา
ตอบ : อย่าไปยุ่งกับท่านก็หมดเรื่อง แต่ว่าลองสอนดูนะ เผื่อจะสำเร็จ เพราะยังไม่เคยได้ยินใครสอนมาก่อน

เถรี 12-03-2014 12:35

ถาม : แฟนกำลังจะสร้างบ้านหลังใหม่ตามประเพณีแถวภาคเหนือ จะต้องมีพิธีนำเสาลงหลุม ตามฉบับสายหลวงพ่อ ไม่ทราบว่าต้องใส่ของมงคลอะไรบ้างที่เป็นสิริมงคลจริง ๆ ครับ ?
ตอบ : เคยตอบไปแล้วว่าทองคำ ๒ ตัน..!

เถรี 12-03-2014 12:36

ถาม : ฤกษ์ยามต่าง ๆ ตามสายหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ สามารถใช้ได้กับทุกภาคของประเทศไทยหรือทั่วโลก ใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : อยู่ที่เราจะใช้ ถ้าเราจะใช้ก็ได้ทั้งโลกนี้และโลกอื่นด้วย

เถรี 12-03-2014 12:37

ถาม : การเสกไม้กันขโมยมีวิธีการปลุกเสกและใช้งานอย่างไร ?
ตอบ : มีวิธีการปลุกเสกก็คือเข้าสมาธิให้สูงสุดที่ทำได้ ส่วนใช้งานอย่างไร ก็มีหน้าที่แค่ตีลงไปในที่ดินแล้วก็จบแค่นั้น

ถาม : สามารถเอาไปเข้าพิธีที่วัดท่าขนุนได้ไหมคะ ?
ตอบ : เอาไปเข้าพิธีไม่มีผล เพราะว่าต้องทำต่างหาก

เถรี 12-03-2014 12:38

ถาม : เรื่องการจับภาพพระ เวลานั่งสมาธิผมตั้งใจกำหนดภาพพระเป็นองค์ปฐมอิริยาบถนั่ง แต่อยู่ดี ๆ ภาพในนิมิตเป็นพระพุทธชินราชหรือพระองค์อื่น ผมควรจะไปจับภาพพระองค์เดิมหรือว่าไปจับภาพพระองค์ที่ปรากฏครับ ? แบบนี้แสดงว่าผมเป็นคนฟุ้งซ่านไหมครับ เพราะเกิดบ่อยมาก ?
ตอบ : แสดงว่าพอจะรู้ตัวเหมือนกัน เรื่องของการจับภาพพระ ถ้าตั้งใจเป็นพุทธานุสติ ภาพเดิมเราจับอย่างไรถึงจะเปลี่ยนไป ถ้ายังเป็นพระพุทธรูปอยู่ก็ใช้ได้เหมือนกัน ยกเว้นว่าภาพที่เรากำหนดเป็นไปตามกองกรรมฐาน ถ้าเปลี่ยนไปก็ให้ยึดของเดิมเป็นหลักไว้

เถรี 12-03-2014 12:39

ถาม : การนั่งสมาธิหรือว่ากรรมฐาน หากไม่เกิดอาการปีติเลย แสดงว่าเราไม่เคยเข้าถึงอุปจารสมาธิเลย จริงไหมครับ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าเป็นความจริงถึง ๙๙ เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าคนที่ปฏิบัติแล้วไม่เคยเกิดปีติเลย อาตมายังไม่เคยเจอมาก่อน แต่ว่ามี

ถาม : มีเยอะไหมคะ ?
ตอบ : ๑ เปอร์เซ็นต์ที่เหลือ

เถรี 12-03-2014 12:40

ถาม : ผมเคยไปฝึกมโนมยิทธิที่บ้านสายลมมา แต่ว่าไม่ได้สานต่อ แล้วการที่อยู่ดี ๆ ผมก็นึกถึงพระพุทธเจ้าแล้วก็เห็นภาพพระในหัว คิดว่าอยู่ข้างหลังท่านก็อยู่ข้างหลัง จะให้อยู่ซ้าย ขวา ใหญ่ เล็ก ก็เห็นภาพตามนั้นหมดครับ ทั้งที่ไม่ได้ภาวนาตามนั้นเลย แบบนี้เป็นอาการคิดไปเองหรือว่ามโนมยิทธิครับ รวมทั้งภาพเปลวไฟก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ?
ตอบ : ถ้าสามารถกำหนดให้ไปไหน ๆ ได้ก็เป็นมโนมยิทธิ ถ้ากำหนดไปไหนไม่ได้ ก็เป็นแค่ส่วนของทิพจักขุญาณ ที่เกิดจากอำนาจของอุปจารสมาธิเท่านั้น

เถรี 12-03-2014 12:42

ถาม : เคยได้ยินร่างทรงคนหนึ่งพูดให้ฟังว่า เวลาเทพลงร่างเขา เขาจะเรอครับ ของผมเวลาผมจะสวดมนต์แล้วอาราธนาพระรัตนตรัย พอกล่าวเชิญเทพมาก็จะเกิดอาการเรอครับ ทั้งที่เวลาคุยปกติหรือว่าตอนสวดมนต์จะไม่อาการนี้เลย เป็นอุปาทานหรืออย่างไรครับ ?
ตอบ : ถือว่าเป็นอุปาทานไปก่อน เพราะถ้าทรงก็คงรู้เรื่องกันไปแล้ว บางคนมีสัมผัสไวเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่คนละภพภูมิกัน มีอาการแสดงออกต่าง ๆ กัน บางท่านก็ขนลุก บางท่านก็หาว บางท่านก็เรอ จึงไม่แน่หรอกว่าจะเป็นการลงทรง แต่อาจจะเป็นอาการที่รับสัมผัสได้ว่ามีสิ่งอื่นมาอยู่ใกล้ ฉะนั้น..ก็ถือว่าเป็นอุปาทานไปก่อนแล้วกัน

ถาม : แล้วถ้าไม่อยากรับละคะ ?
ตอบ : ไม่อยากรับก็อย่าไปเชิญ

เถรี 13-03-2014 20:02

ถาม : การกราบพระ กราบเทวดาหรือว่าพ่อแม่ผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส อยากทราบว่ามีการกราบจำนวนครั้งอย่างไร ? แล้วก็เรื่องของการแบมือด้วยคะ ?
ตอบ : ถ้าเอาตามมารยาทไทยก็กราบพระ ๓ ครั้งแบมือ กราบพ่อแม่ครั้งเดียวไม่ต้องแบมือ กราบพรหมเทวดาควรจะกราบสัก ๑๐๘ ครั้ง เพื่อแสดงว่าเราเคารพท่านจริง..! อันนี้ไม่เกี่ยวกับมารยาท

เถรี 13-03-2014 20:04

ถาม : หลวงพ่อมีความเห็นอย่างไรกับการสักยันต์บ้างครับ ? ในยุคนี้เหมาะสมไหมครับ ? แล้วถ้าสักแล้วจะมีผลต่อการปฏิบัติธรรมไหมครับ ?
ตอบ : อันดับแรกมีความเห็นว่าอย่างไร ? มีความเห็นว่าจะเจ็บตัวไปทำไมวะ ? อันดับที่ ๒ มีผลไหม ? สำคัญที่ว่าเราเชื่อถือและปฏิบัติตามกฎกติกาของเราหรือเปล่า ? ระยะหลังวัดท่าขนุนเขาสักยันต์กันมาก และก็มีญาติโยมบางท่านถามว่า "ตกลงนี่ลูกไปบวชหรือลูกไปติดคุกมา ?" อาตมาก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน

เถรี 13-03-2014 20:05

ถาม : เรื่องคาถาเงินล้านที่ท่านบอกว่าห้ามใช้ในทางมิจฉาชีพทุกชนิดและการพนันต่าง ๆ ถามว่าการพนันต่าง ๆ รวมถึงล็อตตารี่และหวยใต้ดินด้วยหรือไม่คะ ?
ตอบ : รวมทั้งหมด

เถรี 13-03-2014 20:10

ถาม : นั่งสมาธิ ๑ ชั่วโมงแต่ว่าจิตฟุ้งมาก ฟุ้งไปประมาณ ๙๕ เปอร์เซ็นต์ของเวลา หมายความว่าได้บุญแค่ช่วงใจสงบใช่หรือไม่ ? ซึ่งเป็นบุญใหญ่จากการภาวนา ส่วนบุญที่เกิดตอนฟุ้งเป็นแค่บุญที่กายเราไม่ทำชั่วซึ่งเป็นบุญที่น้อยใช่หรือไม่ ?
ตอบ : ถามว่าผลบุญเกิดไหม ? เกิดตั้งแต่ตั้งใจทำสมาธิแล้ว แต่เวลาที่พระภูมิเจ้าที่หรือว่าเทวดาชั้นจาตุมหาราชท่านบันทึกความดีที่เราปฏิบัติ ท่านจะบันทึกตอนช่วงที่กำลังใจของเราสูงสุด เพราะฉะนั้น..ก็เลือกเอาก็แล้วกันว่าจะเอาบุญอย่างไหน เพราะได้ตั้งแต่คิดจะทำแล้ว

ถาม : นั่งสมาธิได้บุญมากกว่านอนสมาธิใช่หรือไม่ ? เพราะว่าการนั่งต้องใช้ความเพียรมากกว่า เมื่อยกว่า การได้บุญมากตัดสินตรงความยากลำบากในการทำบุญฝ่าอุปสรรคใช่หรือไม่ ?
ตอบ : ตัดสินตรงใครได้สมาธิสูงกว่า กำลังใจเข้าถึงระดับสมาธิสูงกว่าอานิสงส์ก็มากกว่า ถ้าทำลำบากกว่า อาตมาคงได้เยอะแล้ว เพราะเคยตีลังกาทำสมาธิมามาก..!

ถาม : ในวันที่ฟุ้งมาก ๆ แล้วพยายามสวดมนต์ พยายามสงบก็สงบไม่ได้ ปากสวดไปเองแต่ใจคิดเรื่องอื่น จะได้บุญมากน้อยแค่ไหน ? และควรสวดไปเรื่อย ๆ หรือว่าควรหยุดดีคะ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจทำความดี กุศลเกิดตั้งแต่แรกเพราะว่าเป็นมโนกรรม คราวนี้ว่าถ้าเราสามารถสวดไปเรื่อยจนใจสงบได้ ก็แปลว่าเราตั้งใจทำความดีเป็นระยะเวลาที่ต่อเนื่องยาวนานกว่า ผลบุญจะมีมากกว่า แต่ถ้าทนรำคาญไม่ไหวแล้วเลิกไป ก็ได้เท่านั้นเอง

ถาม : แม้จะฟุ้งเราก็ทำไปเรื่อย ๆ ?
ตอบ : ทำไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหายฟุ้ง

เถรี 13-03-2014 20:19

ถาม : มีคนส่งของมาให้ผิดที่ แต่จ่าหน้าซองถึงเรา แล้วเราเอาของนั้นมาใช้ ผิดไหมคะ ?
ตอบ : รู้ว่าไม่ใช่ของเรา เจตนาเบียดบัง ตามกฎหมายเขาถือว่าฉ้อโกง อาตมาจะแกล้งฟ้องธนาคารไปทีหนึ่งแล้ว มีคนโอนเงินผิดมาสองแสนบาท แล้วอาตมาไม่ได้เบิกไม่ได้ถอน เขาเสือกโอนออกไปเอง จริง ๆ ถ้าฟ้องนี่ธนาคารหัวโตเลย เพราะคุณมายุ่งอะไรกับบัญชีผม คราวหน้าใครเจอลองดูสักทีนะ เผื่อจะได้ค่าปิดปากสักแสนสองเหมือนท่านพุทธอิสระบ้าง..!

เถรี 13-03-2014 20:29

ถาม : มงคล ๑๐๘ เป็นอย่างไรคะ ?
ตอบ : มงคล ๑๐๘ ก็คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์รวมกัน สวดอิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ก็ได้ครบแล้ว

ถาม : ทำไมถึงเป็นเลข ๑๐๘ ?
ตอบ : เขาเอาคุณพระพุทธ ๕๖ คุณพระธรรม ๑๔ คุณพระสงฆ์ ๓๘ ไล่ไปก็ครบพอดี เขาก็เลยเอาหลักว่าเลขสำคัญ ๑๐๘ เพราะเป็นคุณพระรัตนตรัย

ถาม : ถ้าสวดมากกว่า ๑๐๘ ?
ตอบ : เกินได้ยิ่งดี แต่ขาดไม่ดี เพราะขี้เกียจ

เถรี 13-03-2014 20:30

พระอาจารย์กล่าวว่า "เหตุที่คนในปัจจุบันมีสัญญาและปัญญาที่ทรามลงเรื่อย ๆ เพราะขาดสมาธิ ในเมื่อขาดสมาธิ ทุกอย่างก็เสื่อมหมด"

เถรี 13-03-2014 20:31

พระอาจารย์กล่าวกับพระด้วยกันว่า "เรื่องของพระเรา เรื่องยศหรือตำแหน่งเป็นเรื่องที่ไม่ควรไปคิด พูดง่าย ๆ ก็คือ ถ้าไปไขว่คว้าหามาก็ผิดธรรมชาติ แต่ถ้าเขาให้ก็ไม่ต้องไปปฏิเสธ รับไปเถอะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวก็โดนผู้บังคับบัญชาด่าอย่างผม"

เถรี 14-03-2014 09:29

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตามประวัติของท่านอาจารย์สิงห์ทอง ท่านภาวนาแล้วเหนื่อย ท่านก็เลยไม่เดินจงกรม แล้วก็มีหนูมาเดินให้ดู หนูเดินสี่ขาไปสุดทาง แล้วก็ยืนสองขากอดอกแบบตั้งสมาธิ แล้วก็ลดลงเดินสี่ขากลับมาสุดทาง แล้วก็ยืนกอดอกตั้งสมาธิ เป็นพระอาจารย์ใหญ่ยังโดนหนูสอนขนาดนั้น

แต่ถ้าไปดูประวัติพระอนุรุทธเถระ ท่านปฏิบัติโดยไม่นอนเลย ถือเนสัชชิกอยู่ ๕๕ พรรษา ท่านบอกว่า ๒๕ พรรษาแรกไม่นอนเลยแม้แต่นิดเดียว พอ ๓๐ พรรษาหลังใช้นั่งหลับเวลาปัจฉิมยาม ก็คือยามสุดท้ายก่อนสว่าง ต้องคิดนะ ๕๕ ปีไม่ยอมให้หลังแตะพื้น ตอนนั้นท่านเป็นพระอรหันต์แล้วนะ แต่ช่วงแรกยังไม่ได้เป็น พระอนุรุทธเป็นช้ามาก อย่างพระสารีบุตรว่าช้าก็ ๑๕ วัน แต่พระอนุรุทธติดอยู่หลายปี เพราะว่าท่านตรึกในมหาปุริสวิตกไม่ขาด มัวแต่ห่วงอยู่

พอพระพุทธเจ้ามาตรัสข้อสุดท้ายว่า พระธรรมวินัยนี้เป็นของผู้ที่ยินดีในธรรมอันไม่เนิ่นช้า ก็คือละเสียซึ่งธรรมอันเนิ่นช้า ได้แก่ ตัณหา มานะ และทิฏฐิ ตรองตกถึงได้บรรลุ ท่านได้ทิพจักขุญาณตั้งแต่แรก ๆ แล้วทิพจักขุญาณของท่านก็เกิดปัญหา บอกว่าบางทีกำหนดก็เห็นภาพ บางทีกำหนดก็เห็นแต่แสง ก็ต้องไปถามพระสารีบุตร พระสารีบุตรก็บอกให้ว่า ถ้าเราตั้งใจกำหนดถึงแสง ภาพก็จะหายไป ถ้าตั้งใจกำหนดภาพ แสงก็จะหายไป เพราะฉะนั้น..ต้องเลือกเอาอย่างเดียว แล้วท่านก็เพลิดเพลินกับการดูอุปนิสัยสัตว์โลก ก็เลยไม่บรรลุสักที ติดอยู่หลายปี"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:47


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว