กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=18)
-   -   กรองข่าวสาร (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1187)

เถรี 15-10-2009 05:26

กรองข่าวสาร
 
สิ่งที่เกิดขึ้นกับคนอื่น นำมาเป็นบทเรียนสอนตัวเราให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ โดยเฉพาะสิ่งใดก็ตาม ไม่ว่าเราคิด เราพูด เราทำ ถ้าเป็นผลกระทบต่อคนหมู่มาก จงระวังให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะทำให้เกิดโทษและความเสียหายได้ง่ายที่สุด จะว่าไปแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นก็เป็นไปตามสภาพกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง เมื่อรู้ก็อยากจะรีบบอกคนอื่น ตัวที่รีบบอกคนอื่นจริง ๆ แล้วแฝงด้วยสังโยชน์ คือสักกายทิฏฐิและมานะ ก็คือ กูรู้ก่อน ในเมื่อกูรู้ก่อน ได้มีโอกาสนำเสนอก่อน คนอื่นเขาก็คงมองในลักษณะที่ยกย่อง ว่าเป็นผู้รู้ ผู้ใกล้ชิด มีอะไรก็รีบบอกกล่าวให้เป็นที่รู้กัน แต่ว่าไม่ได้เห็นกิเลสที่แฝง ในเมื่อไม่ได้เห็นกิเลสที่แฝงอยู่ รีบนำเสนอไปโดยขาดการพิจารณาไตร่ตรอง เรื่องเล็กก็เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่

ลักษณะของสื่อต่าง ๆ ในปัจจุบัน จะออกมาลักษณะอย่างนี้ คือ ขายข่าวเอามัน ไม่ได้รับผิดชอบผลเสียหายที่ตามมา หลายต่อหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในแวดวงพระพุทธศาสนา แม้กระทั่งรองอธิการบดี มจร. ห้องเรียนจังหวัดลำพูน โดนไปเต็ม ๆ มีคนไปร้องเรียนท่าน หนังสือพิมพ์ก็รีบเขียนข่าวขยายความไปใหญ่โต พอสอบสวนแล้วไม่เป็นไปตามที่ร้องเรียน ก็ไม่รับผิดชอบอะไร เพราะขายข่าวไปแล้ว พระเจ้าที่ไหนจะมีอารมณ์ไปฟ้องร้องเพื่อให้ขอขมา ก็เหมือนกับอยู่ ๆ โดนหมากัดก็ต้องปล่อยเลยตามเลย ทนเจ็บรักษาแผลกันเอาเอง

จนกระทั่งเขากล่าวกันไว้ว่า ข่าวร้ายรีบลงให้ ข่าวดีเมื่อไรต้องจ้างให้ลง กลายเป็นว่าสื่อมวลชนสมัยนี้ขาดสำนึก ขาดความรับผิดชอบ ไม่เหมือนสมัยก่อน ปัจจุบันนี้ถ้าเอาหนังสือพิมพ์ที่มีคัดกรองข่าวมากที่สุด คือ หนังสือพิมพ์มติชน เราจะเห็นว่าฉบับอื่นลงข่าวตื่นเต้นขนาดไหนก็ตาม มติชนจะลงข่าวแบบไปเรื่อย ๆ มติชนจะมีลักษณะเป็นคนดูเฉย ๆ เห็นอย่างไรบอกอย่างนั้น ไม่มีการไปใส่อารมณ์ตาม คนอ่านจะรู้สึกว่าไม่มีรสชาติ จะไม่อยากซื้อ แต่เขารู้ว่าเขาได้ทำหน้าที่ของสื่อมวลชนแล้ว คนที่จะซื้อหนังสือพิมพ์มติชน จะเป็นคนที่ต้องการรู้ความจริงว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะให้มีความเป็นจริงให้มากที่สุด ถึงจะมีผิดบ้าง พลาดบ้าง แต่ก็เป็นส่วนน้อย

อันนี้ย้อนกลับมาตรงจุดที่ว่าเรื่องการทำลายพระพุทธรูปที่วัดท่าขนุน จริง ๆ แล้วความเสียหายแทบจะไม่มี เพราะว่าพระที่เขาโยนลงไปข้างล่าง เราก็ตามเก็บมาได้จนหมด ฉวยโอกาสว่าพระเก่าแล้วก็เลยเปลี่ยนเอาพระองค์ใหม่ซึ่งสวยกว่า ไปบรรจุแทน คนที่ทำไปก็ทำไปเพราะมาลาเรียขึ้นสมอง ทำไปเพราะขาดสติ ไม่รู้อะไรหรอก ส่วนที่เขาจุดไฟเผาก็เป็นขยะสองกองที่อยู่บนยอดเขา ซึ่งมีไม้นั่งร้านด้วย เผาไปก็ถือว่าช่วยทำความสะอาดให้ ไม่มีอะไรเสียหาย นอกจากหินเป็นสีดำไปหน่อย ส่วนข้างล่างที่กุฏิแม่ชี เขาก็ไปเปิดแก๊สแล้วก็เดินหาที่จุด พอดีพระกับแม่ชีเขาเห็นก็เลยปิดได้เสียก่อน

เถรี 15-10-2009 05:30

คราวนี้ข่าวที่ลงไปเป็นในลักษณะฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด ก็เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต ถ้าเรามีสติ โดยเฉพาะเมื่อสติรู้รอบเกิด จะรู้ว่าควรพูดเท่าไร แล้วจะเหมาะกับสถานการณ์ตรงนั้นพอดี ถ้ายังไม่มีตัวนี้อยู่ เรื่องเล็กจะเป็นเรื่องใหญ่ แล้วเรื่องใหญ่จะเป็นเรื่องยักษ์ จะสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้น

เรื่องที่เกิดขึ้นจริง ๆ เป็นเรื่องดี เพราะทุกคนจะได้บทเรียนว่าอันดับแรก ตัวเองรับข่าวสารอะไรมาให้กรองเสียหลาย ๆ ครั้ง บราณบอกไว้ว่า ถ้าเขาเล่าว่าให้เอาห้าหาร ส่วนคนรับสารคือพวกเรา ก็จะได้เอาสติตรองตามไปด้วย อย่าเพิ่งไปยินดียินร้ายหรือใส่อารมณ์ตาม เพราะเราก็ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ด้วยตนเอง โดยเฉพาะไม่รู้ว่าเขาทำเพราะอะไร

ถ้าหากว่าใจคิด ปากพูด กายกระทำ ใจคิดว่าชั่วแน่เลย ปากเราก็ใช้วิธีพูด มือก็คือพูดแทนปาก พิมพ์เข้าไป กาย วาจา ใจ ผิดครบถ้วนสามอย่าง กลายเป็นกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต โทษหนักก็เลยเกิดแก่ตัวเอง

ที่บอกว่าเป็นเรื่องดี เพราะว่าเรารู้แล้วแก้ไขทัน ต่อไปก็เอาตรงนั้นเป็นบทเรียนแล้วเราจะไม่ผิดพลาดอีก บางทีมีอะไรเกิดขึ้นในวัด พระเณรเขารายงาน แล้วเขาเห็นอาจารย์เฉย ๆ เขาก็สงสัยว่าตายด้านไปแล้ว แต่ความจริงไม่ใช่ อาตมากำลังตรองดูความหนักเบา แล้วดูระยะเวลาที่สมควร

อย่างรอตอนฉันเพล พระเณรมีโอกาสอยู่กันพร้อมหน้า แล้วค่อยถล่มเสียทีเดียว ตอนช่วงเช้าพูดไม่ได้ เพราะพระเพิ่งทำกรรมฐานมาใหม่ ๆ รักษาอารมณ์กำลังจะออกบิณฑบาต ถ้าไปทำเขาพัง อานิสงส์ที่โยมควรจะได้ก็น้อยไป ถ้าไปพูดตอนทำวัตรเย็นก็ไม่ทัน เรื่องยืดเยื้อเป็นวันไปแล้ว ตามแก้ไขต่าง ๆ อาจจะช้า เราจะเห็นว่าสิ่งที่จัดการไปจะต้องดูจังหวะเวลา และความเหมาะสม

ได้แต่หวังว่าอะไร ๆ คงจะดีขึ้น


เทศน์ช่วงบ่าย ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันศุกร์ที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๒


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:18


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว