"ต้องบอกว่าคนไทยเราดีชั่วรู้หมด แต่มักจะอดไม่ได้ แม้กระทั่งช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ตายกันไปมาก ๆ ๓๐๐-๔๐๐ ศพ บาดเจ็บอีก ๓,๐๐๐ กว่าคน ทุกคนก็รู้ว่าถ้าไปด้วยการเคารพกฎจราจรก็จะปลอดภัย ถ้าไม่เมาแล้วขับก็จะปลอดภัย ถ้าไม่ขับรถเร็วจะปลอดภัย แต่ทุกคนทำตรงกันข้ามกับสิ่งที่ตัวเองรู้ ก็ดีไปอย่างหนึ่ง...เพื่อให้พวกด้อยคุณภาพแบบนี้หมด ๆ ไป ถึงเวลาเผื่อพวกที่เหลืออยู่มีคุณภาพดีกว่า อะไร ๆ ก็จะได้ดีขึ้นมาบ้าง"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่งท้ายปีเก่า ๒๕๖๒ ต้อนรับปีใหม่ ๒๕๖๓ หยุดต่อเนื่องกันหลายวัน ญาติโยมส่วนใหญ่ถ้าไม่กลับไปฉลองกับครอบครัว ก็เข้าวัดเข้าวาสร้างบุญสร้างกุศล
ทางวัดท่าขนุนจัดปฏิบัติธรรม ญาติโยมไปกันมากเกินคาด โดยเฉพาะการสวดมนต์ข้ามปี ปีนี้อุ่นหนาฝาคั่งดีมาก แต่ขณะเดียวกัน..บางส่วนอาตมาเห็นแล้วก็เซ็ง มีคณะญาติโยมไปเจอเรือโบราณจมอยู่ก้นแม่น้ำแควน้อยหลังวัด ก็ไปช่วยกันกู้ซากเรือมาวางไว้ด้านข้างโบสถ์ ติดกับพระเจดีย์ ๘๔ พรรษาสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลสังฆมหาปรินณายก แล้วมีคนเอาดอกไม้เอาพวงมาลัยไปไหว้ เอาแป้งไปโรยเพื่อขูดหาตัวเลข เมื่อวานนี้อาตมาบอกกับทางชาวบ้านในหมู่บ้านว่า “ถ้าต้องการ..จะยกไปไว้ไหนก็เอาไป แต่ต้องไปให้พ้นวัด ถ้าไม่ต้องการอาตมาจะเอาไว้ทำฟืนหลอมผางประทีป..!” ญาติโยมหลายคนก็งง วัดอื่น ๆ เขาต้องการของพวกนี้เพื่อเรียกคนเข้าวัด อาตมาบอกว่า ประการแรก...ไม่ได้ต้องการให้คนเข้าวัดแบบนี้ เพราะว่าคนประเภทนี้มามากเท่าไรก็ยุ่งเท่านั้น ประการที่สอง...โบสถ์ก็อยู่ตรงนั้น พระเจดีย์ก็อยู่ตรงนั้น แทนที่จะไปไหว้พระประธานในโบสถ์ แทนที่จะไปไหว้สักการะพระเจดีย์ ดันไปไหว้เรือ...! อาตมาเห็นแล้วรู้สึกทุเรศมาก ก็เลยบอกให้รีบเอาออกไป ไม่อย่างนั้นจะเอาไปทำฟืน..! ต่อไปถ้าเกิดใครถูกหวยเข้าสักงวดสองงวด สุดท้ายก็ไม่ไหว้พระแล้ว แต่จะไปไหว้เรือกันหมด..! สังขารหลวงปู่สายอยู่มา ๒๗-๒๘ ปี ปกติคนก็เคารพกราบไหว้กันดี แต่ถ้ามีคนดวงเฮงไปถูกหวยเพราะไอ้เรือนี่เข้า คนก็จะไปไหว้เรือกันหมด..!" |
พูดถึง "ไอ้ไข่" "ช่วงปีใหม่มีอยู่ที่หนึ่งที่ซึ่งคนไปจนรถติดบรรลัยวายวอดเลย ก็คือไปไหว้ไอ้ไข่ "ไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์" พระเขาเลิกไหว้แล้ว ไปไหว้มหิทธิกาเปรต..! เพราะว่าคนเรามักง่าย อะไรที่ลำบากจะไม่ทำ
ถ้าสมมติว่าเรานั่งภาวนาพระคาถาเงินล้านวันละ ๑๐๘ จบ ยอมลำบากสัก ๓ เดือนต่อเนื่องกัน เรื่องของลาภผลเงินทองจะเจริญยั่งยืนและมาเรื่อย ๆ ชนิดที่ไม่รู้จักหมด แต่เราไม่ทำกันเพราะว่ายาก สู้ไปไหว้ขอไอ้ไข่ไม่ได้ ขอแล้วจะได้หรือไม่ได้ก็ไม่รู้ เห็นคนอื่นขอได้เราก็ไปขอบ้าง ในเรื่องของความมักง่ายเกิดขึ้นในสังคมไทย จนแทบจะฝังรากอยู่ในดีเอ็นเอแล้ว ประมาณว่าชีวิตไม่เจริญก้าวหน้า มีอุปสรรคก็เปลี่ยนชื่อ กูจะบ้า..! ชีวิตแย่เพราะว่า กาย วาจา ใจ ของตนเองไม่ดี ต้องเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่ใช่เปลี่ยนชื่อ บางคนเขียนชื่อมาอ่านไม่ออกเลย ชื่ออะไรก็ไม่รู้ อาตมาสอบภาษาไทยได้ที่ ๑ มาตลอดตั้งแต่ชั้นประถม แต่อ่านชื่อเขาไม่ออก แถมยังแปลไม่ได้อีกด้วย ก็เลยมีหลักการง่าย ๆ ว่าดูเอาก็แล้วกัน ถ้าชื่อยังยากแล้วชีวิตจะง่ายได้อย่างไร ? คนเขาจะว่าอาตมาต่อต้านการเปลี่ยนชื่อหรือเปล่า ? เพียงแต่อยากจะบอกว่าสาระที่แท้จริงนั้น ถ้าคุณต้องการจะเปลี่ยนชีวิตก็ต้องเปลี่ยนความประพฤติ ปรับปรุง กาย วาจา ใจ ของตัวเองให้อยู่ใน ทาน ศีล ภาวนา ให้มั่นคง แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง เพียงแต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นของยาก สู้เปลี่ยนชื่อไม่ได้ บางคนเปลี่ยนชื่อปุ๊บ พอดีกุศลเก่ามาหนุน อะไร ๆ ก็เจริญไปหมด ก็ยิ่งเชื่อฝังหัวเข้าไปใหญ่ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พ่อแม่ลูก ๕ คนในบ้าน แต่ละชื่ออาตมาอ่านไม่ออกเลย ลองเขียนเป็นภาษาอังกฤษดูสิว่าฝรั่งจะอ่านกันออกไหม ?" |
"คิดไม่เหมือนชาวบ้านเขาก็อย่างนี้แหละ ถึงได้บอกว่าคนปฏิบัติธรรมนั้นสวนทางกับชาวบ้าน ชาวบ้านเขาเฮกันไปข้างหน้า พวกเราดันเดินย้อนหลัง ชาวบ้านเขาแห่ลงตีนเขา..เดินง่ายดี ไอ้เราดันตะกายขึ้นยอดเขา ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับตบะ ใครทำมามาก ทนปากชาวบ้านได้ ก็ประสบความสำเร็จ ทำมาน้อย ทนปากชาวบ้านไม่ได้ ก็ไหลตามเขาไป"
|
พระอาจารย์เล่าว่า "มีอยู่ช่วงหนึ่งฟังเพื่อนพระท่านพูดภาษาอังกฤษ ท่านกล้ามาก พูดถูกหรือผิดอย่างไรก็ไม่รู้ แต่ท่านก็กล้าพูด ถึงเวลาอาตมาก็ต้องคอยแก้ให้เขาว่า ภาษาอังกฤษคำนี้ต้องเป็นอย่างนี้ คุณไปใช้สามเณรว่า Samanara ฝรั่งเขาฟังไม่รู้เรื่อง รู้จักแต่ Novice
เพื่อนกล้าพูดเราก็ต้องสนับสนุน อะไรที่พูดผิดพูดถูกก็ปล่อยเขา ให้เขานำเสนอได้ก็แล้วกัน ก็บอกให้ฝรั่งภาวนาพองยุบ เขาบอกว่า See in your stomach. อาตมาบอกให้เปลี่ยนใหม่ See in center of your body. ฝรั่งจะเข้าใจมากกว่า" |
ถาม : หนูไม่รู้ทำอะไรผิดมา ขณิกสมาธิยังไม่ได้เลยค่ะ กำหนดภาพพระดูลมแล้วเหมือนนิวรณ์ ๕ มาครบค่ะ แม้กระทั่งจัดเทียนหอมถวายพระก็หงุดหงิด กำหนดภาพพระก็โดนความคิดเบียดค่ะ ?
ตอบ : ไปวิ่งสัก ๓-๔ กิโลเมตร พอเหนื่อยใจก็จะกลับมาอยู่กับพระเอง คือคนเราถ้าไม่ใกล้ความตาย ใจจะไม่เกาะความดี กิเลสจะพาเราเตลิดเปิดเปิง คราวนี้เราไปกดเอาไว้นาน พอกดเอาไว้นานมีช่องแม้แต่นิดเดียว กิเลสก็จะดิ้นสุดชีวิต เพราะเขารู้ว่าเขาจะตาย เมื่อกิเลสใกล้ตายก็จะอาละวาดอย่างนั้น คราวนี้ทำอย่างไรที่เราจะสู้ได้ ? ในเมื่อเราสู้ตรงนี้ไม่ได้...ก็พากิเลสวิ่ง พอเหนื่อยหายใจไม่ทัน รู้ว่าตัวเองใกล้ตายจนกระทั่งหายใจไม่ทัน ใจจะวิ่งกลับมาอยู่กับการภาวนาเอง วิ่งไป ๘-๑๐ กิโลเมตร หรือสมัครวิ่งมาราธอนไปเลยก็ได้ ถาม : เป็นเรื่องปกติใช่ไหมคะ เพราะเราไปกดไว้ ? ตอบ : ถูก...เรากดกิเลสไว้แล้วเราก็เผลอไปปล่อย มีช่องแม้แต่นิดเดียวกิเลสก็แทรกมาแล้ว อย่างเช่น เราปล่อยให้มีช่องเพราะไปจุดเทียนหอม กิเลสก็ฉวยโอกาสอาละวาดเลย ถาม : ธรรมดาใช่ไหมคะ ? ตอบ : ธรรมดา ถ้าไม่เป็นสิประหลาด ไปสู้ใหม่ อย่าเพิ่งท้อ |
ถาม : ตอนไปธุดงค์ ฝึกมโนมยิทธิเต็มกำลัง หนูก็ไม่รู้ว่าหนูเป็นหรือไม่เป็น ระหว่างไปตอนแรกก็เหมือนเป็น เรารู้ตัวแต่รู้ตัวเหมือนลอย ๆ ขึ้นไปข้างบนไปถามว่าหลวงปู่ปานจะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้ามีพระนามว่าอะไร หนูไปถามท่านก็ได้คำตอบมา แต่หนูไปถามคนอื่นไม่มีใครรู้เลยค่ะ ?
ตอบ : สมเด็จพระธัมมราชาสัมมาสัมพุทธเจ้า ถาม : แสดงว่าที่หนูเห็นไม่เฝือใช่ไหมคะ ? ตอบ : ของอย่างนี้อย่าไปถามเพราะว่าไม่เกิดประโยชน์อะไร ที่ควรจะเกิดประโยชน์ก็คือทำอย่างไรที่ให้เราหมดกิเลสต่างหาก แล้วการใช้มโนมยิทธิต้องรู้เทคนิค ถ้าอยากเห็นชัดเจนสม่ำเสมอ พอรู้ตัวว่าจิตเฝือ การรับรู้เริ่มจางลง ให้วิ่งกลับมาหาลมหายใจใหม่ แสดงว่าตอนนั้นกำลังสมาธิไม่พอใช้งานแล้ว มาอยู่กับลมหายใจเข้าออกสักพักใหญ่ ๆ พอสมาธิทรงตัวแล้วค่อยไปใหม่ ทำสลับไปสลับมาอย่างนี้ความชัดเจนจะสม่ำเสมอ แต่ถ้าหากเราประเภทไปตียาวเป็นชั่วโมง...แบบนั้นเจ๊งแน่ ท้าย ๆ จะมั่ว อย่าไปว่าใครเลย อาตมาลองผิดลองถูกอยู่ตั้ง ๓ ปี |
ถาม : เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรากดกรรมฐานนานเกินไป ?
ตอบ : พอสมาธิทรงตัวก็มาพิจารณา พอพิจารณาไปเรื่อย ๆ จิตเหนื่อยก็จะไปภาวนาเอง พอภาวนาเสร็จแล้วเรามาพิจารณา ไม่เช่นนั้นแล้วถ้าเราภาวนาแล้วไม่พิจารณา เผลอเมื่อไรกิเลสจะเอากำลังตรงนั้นไปฟุ้ง แล้วจะฟุ้งชนิดเอาไม่อยู่อย่างที่เราเจอมา เพราะว่ากิเลสใช้กำลังของเรามาตีเราเอง สร้างอาวุธได้ต้องเอาไปกำจัดศัตรู สร้างแล้วปล่อยทิ้งไว้เฉย ๆ ศัตรูไปฉวยได้ก็จะเอามาฟันหัวเราเอง ถาม : (ไม่ชัด) ตอบ : เราอ่อนวิปัสสนา ไม่ใช่อ่อนสมถะ ส่วนใหญ่จะถนัดสมถะแล้วก็ลืมพิจารณา พอลืมพิจารณา รัก โลภ โกรธ หลง จะเอากำลังไปใช้ ในเมื่อคุณไม่ใช้ ผมจะใช้แทนอะไรอย่างนั้น เราก็ลำบากแล้ว ถาม : (ไม่ชัด) ตอบ : ยังอีกเยอะ หลักการปฏิบัติถ้าหากว่าเราน้ำตาไม่ร่วงแล้วไม่ร่วงอีก ก็จะไม่เข็ด พอเข็ดแล้ว คราวนี้จะเริ่มรู้จักแล้วว่าทำอย่างไรจะให้ทรงความดีได้นาน ๆ ถาม : ทุกวันนี้หนูร้องไห้จนตาบวม ตอบ : เรื่องปกติ ‘น้ำตาที่ไหลรวมกันทุกชาติ มากกว่ามหาสมุทรทั้ง ๔ เป็นไหน ๆ’ ไปกังวลอะไรกับร้องไห้อีกสักงาน ๒ งาน |
พระอาจารย์กล่าวว่า "การทำทานคือการสละออก โดยเฉพาะการสละออกซึ่งความยึดมั่นถือมั่น ทานที่สูงสุดคือทานที่ประกอบไปด้วยอุเบกขา ไม่ใช่ว่ากูไม่ได้ถวายกับมือก็ไม่ใช่ทาน ถ้าอย่างนั้นก็รอไปเถอะ..!"
|
ถาม : ตะกรุดดอกนี้ตีเป็นของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลานได้ไหมครับ ?
ตอบ : ตะกรุดคู่ชีวิตหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ถ้าเป็นสามกษัตริย์จะใหญ่กว่านี้ ถ้าเป็นแค่สองกษัตริย์หรือว่าเนื้อเดียวก็จะยาวกว่านี้ ต้องเห็นของมาเยอะ ๆ ถ้าไม่เห็นของมาเยอะ ๆ โดยเฉพาะของจริงนี่เราจะแยกไม่ออก ของบางอย่างถ้าที่มาไม่ชัดเจน เราต้องประมวลให้ใกล้เคียงที่สุด เพราะฉะนั้น..ดอกนี้อาตมาตีเป็นของหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม ประมวลเอาตามลักษณะลายถักและน้ำหนัก โดยเฉพาะเลี่ยมจนไม่สามารถเห็นหัวท้ายได้แบบนี้ ถ้าตีว่าเป็นของวัดบางกะพ้อม บางคนบอกว่าหาเรื่องตีเป็นของแพง เพราะว่าของวัดบางกะพ้อม หน้าตาอย่างนี้คือตะกรุดมหาระงับ ถ้าเป็นของหลวงปู่ศุขก็เป็นตะกรุดจันทร์เพ็ญ ถ้าเป็นของหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จะเป็นตะกรุดคู่ชีวิต |
ตะกรุดที่ลงรักหรือลงยางมะพลับจะเป็นลักษณะแบบนี้ ก็คือตัวยางรักหรือยางมะพลับจะรัดเป็นเนื้อเดียวกับเชือกที่ถักไปเลย ถ้าไปเจอตะกรุดที่ไหนแตก ๆ ร้าว ๆ ล่อนเป็นแผ่น ๆ ให้ถอยไปห่าง ๆ ไว้ก่อน เพราะว่าสมัยนี้เขาทำปลอมได้เก่งมาก
เขาจะไปเอาแผ่นเสียงครั่งแบบเก่า ๆ โดยเฉพาะที่หมดสภาพแล้วมาหลอมแล้วเอาตะกรุดลงไปชุบ ลักษณะอย่างนั้นจะทำให้ออกเป็นสีแดงเพราะเนื้อครั่ง ซึ่งในยุคแรก ๆ ของการลงรักมักจะเป็นรักจีน ซึ่งจะออกสีแดง ไม่ใช่ดำสนิทแบบรักไทย แต่คราวนี้พอชุบครั่ง ซึ่งไม่นานพอที่จะกลืนเป็นเนื้อเดียวกับเชือกถัก ก็จะมีรอยแตกจะร้าวเป็นปกติ โดยเฉพาะถ้าเป็นการลงรัก รักยิ่งเก่าจะยิ่งมันเงาใส ยกเว้นอยู่สำนักเดียวก็คือวัดโตนดหลวง ที่ท่านใช้วิธีพอกครั่ง ซึ่งครั่งไม่ได้เงาแบบรัก ครั่งของหลวงพ่อทองศุขท่านพอกตะกรุด จะหนามาก ถ้าไม่มีรอยแตก ไม่มีจุดแดง จะเป็นของปลอม ถ้าเป็นรักสีแดงแต่หนา แตก ล่อน ให้ระแวงไว้ก่อนว่านั่นเป็นของปลอม..! |
ครั่งก็จะมีรอยแตกเป็นปกติ เพราะว่าเนื้อไม่ได้จับกันแน่นถึงขนาด แต่ส่วนที่สังเกตง่ายก็คือ เนื้อครั่งจะมีจุดสีแดง ๆ แทรกอยู่มากบ้างน้อยบ้าง จุดสีแดง ๆ ก็คือตัวครั่งซึ่งเป็นสัตว์ตัวเล็ก ๆ เหมือนกับพวกไร พอถึงเวลาโดนบี้ตายพร้อมกับรังก็จะมีเลือดติดอยู่เป็นจุด ๆ แดง ๆ
เรื่องพวกนี้ต้องค่อย ๆ ศึกษา ค่อย ๆ ดูไป โดยเฉพาะต้องเจอคนไม่หวงวิชา มีเจตนาที่จะศึกษาเพื่อเผยแพร่ต่อจริง ๆ แล้วที่สำคัญก็คือต้องมีของแท้ให้ดูเป็นตัวอย่าง พอถึงเวลาเปรียบกับของเทียมแล้วก็จะเห็นได้ชัดเลย วันก่อนอาตมาไปเจอมีดหมอหลวงพ่อเดิมเล่มหนึ่ง ฝักแท้แต่ใบมีดปลอม น่าตายมาก...! ถ้าตัวมีดแท้ฝักปลอมยังว่าจะเอาไว้ใช้ คราวนี้ฝักแท้แต่มีดปลอมแล้วตูจะไปใช้อะไรได้ ? คือของเขามีส่วนแท้อยู่ด้วย คนที่ตาไม่ถึง สังเกตไม่ดี เวลาเห็นกลัวคนอื่นตัดหน้าก็คว้าเลย ถ้าอย่างนั้นก็เสร็จโจรแล้วครับ..! |
การเล่นวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง...อย่าโลภ คำว่า โลภ ในที่นี้ อันดับแรกก็คือ เห็นแล้วอยากได้ ตั้งราคาไว้ในใจของเรา กำหนดความสวยของวัตถุมงคลไว้ในใจของเรา ถ้าไม่ได้งามขนาดนี้ไม่เอา
ประการที่ ๒ อย่าศึกษาหลายอย่างพร้อม ๆ กัน...แบบนั้นเก่งยาก เอาทีละอย่าง พอเก่งแล้วค่อยขยับไปอย่างอื่น มั่นใจว่าดูด้วยตัวเองขาดแน่นอน ไม่ต้องไปอาศัยตาใคร แล้วค่อยขยับไปศึกษาอย่างอื่น ไม่อย่างนั้นแล้วมีโอกาสโดนสอยเยอะมาก เพราะว่าเทคโนโลยีสมัยนี้ไปไกล ปาดคอเซียนมาเยอะแล้ว |
พระอาจารย์กล่าวเตือนโยม "ถ้าจะดื้อก็ต้องดื้อในเรื่องที่สมควร ดื้อในเรื่องที่ไม่สมควรอย่าไปดื้อ คำว่า ดื้อ ในที่นี้ก็คือการยืนกราน อย่างเรื่องของหลักธรรม ถ้าถูกต้องก็ต้องยืนกราน ต้องดื้อให้เป็น ไม่ใช่ดื้อไปทุกเรื่อง ถ้าดื้อไปทุกเรื่องบางครั้งก็ทำให้เสียประโยชน์"
|
พระอาจารย์กล่าวว่า "วัตถุมงคลที่เอาลงตู้วันนี้ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่ มีของหายากก็คือ ตะกรุดมงกุฎพระพุทธเจ้าทองคำ หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง มีเพื่อนบางท่านบอกว่าพระโบราณเคร่งครัดมาก ไม่ใช้เงินหรือทองคำทำตะกรุด อาตมาก็ทราบว่าพระโบราณเคร่งครัดมาก แต่นั่นหมายถึงการจับเงินจับทองที่รับเป็นของตนเอง ถ้ารับเป็นของตนเองนั้นโดนปรับอาบัติ เพราะว่าทำให้ศีลขาด
แต่คราวนี้บรรดาพ่อค้าคหบดีหรือเจ้าใหญ่นายโต ตลอดจนท่านที่อยู่ในรั้วในวังมาให้ทำวัตถุมงคล วัสดุของท่านเป็นเงินเป็นทอง หลวงปู่หลวงพ่อท่านก็ทำให้ โดยเฉพาะหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง ในรั้วในวังท่านขึ้นตั้งแต่รัชกาลที่ ๔ รัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา จะว่าไปแล้วอาตมาเองก็ไม่ได้เจอง่าย ๆ เหมือนกัน ถ้าตะกรุดทองคำของท่านนี่ในชีวิตก็เจอแค่ ๒ ดอก เขาเรียกว่าตะกรุดมงกุฎพระพุทธเจ้า เป็นพระคาถาที่หลวงปู่เอี่ยมท่านถวายในหลวงรัชกาลที่ ๕ ตอนเสด็จไปยุโรป แล้วก็ปลอดภัยกลับมา สร้างชื่อเสียงเกียรติคุณขจรขจายไปทั่วโลก" |
"หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง นั่นท่านมีชื่อเสียงโด่งดังก็เพราะว่าคนเขาไปยกเอาหมากทุยของท่านเข้าทำเนียบ ๙ เครื่องรางสะท้านแผ่นดิน อันดับแรกเลยก็คือ "หมากดีที่วัดหนัง" คนรุ่นหลังก็เลยไปคิดว่าท่านเก่งเฉพาะหมากทุย ความจริงพระระดับนั้นทำอะไรก็ขลังไปหมด
ถ้าจะเอาไว้บูชาเองก็เอา ถ้าจะเอาไปจำหน่ายต่อให้ระวังไว้ เซียนสมัยนี้ไม่ค่อยมีจรรยาบรรณหรอก เขาเรียกว่าช่วยกันแห่ ไปโต๊ะที่ ๑ บอกว่าปลอม โต๊ะที่ ๒ บอกว่าปลอม โต๊ะที่ ๓ บอกว่าปลอม ทั้งสนามบอกว่าปลอม แล้วเขาจะไปแอบดักซื้อราคาถูก ๆ ทีหลัง พอไปอยู่ในมือของเขาเมื่อไรก็จะแท้ทันที..! วันก่อนที่เพิ่งจะยิงกันตายไป ก็คือขายที่ดินแต่โดนนายธนาคารกดราคาเหลือแค่ ๘ ล้านบาท แล้วตัวเองเอาไปขายต่อในราคา ๓๐ ล้านบาท เจ้าของเดิมทนไม่ไหว ตามไปยิงตายคางานฉลองปีใหม่เลย เล่นวัตถุมงคลให้เล่นเพราะรักชอบเป็นการส่วนตัว อย่าไปเล่นเพราะหวังเอากำไร ไม่อย่างนั้นจะเสียอารมณ์เวลาเจอ "เสี้ยน" หลอกฟันเราหลายชั้น" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีใหม่ให้ปฏิวัติตัวเอง ถ้าเคยเดินห้างครึ่งวันเราก็เดินห้างแค่ ๒ ชั่วโมงแล้วไปเดินวัด ๒ ชั่วโมง แบ่งกันคนละครึ่ง ความเจริญจะได้ปรากฏแก่เราเสียที
การที่เราทำสิ่งดีหรือชั่วก็ตาม จะเกิดพลังที่ส่งผลให้เรียกว่า วิบาก ภาษาบาลีเรียกว่า วิปากะ พลังทั้งหลายเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลให้เฉย ๆ ยังดึงเอาพลังประเภทเดียวกันเข้ามาหาด้วย เพราะฉะนั้น..ถ้าเราทำแต่สิ่งที่ดี ๆ พอถึงเวลาพลังความดีมีมาก ก็จะดึงดูดเอาสิ่งที่ดี ๆ เข้ามาในชีวิต นั่นก็คือเป็นกุศลวิบาก การส่งผลในด้านดีด้านเจริญ แต่ถ้าเราทำในส่วนที่ชั่วมากกว่า ถึงเวลาการส่งผลก็จะทำให้เกิดพลังดึงดูดสิ่งที่ไม่ดีเข้ามามาก ชีวิตเราก็จะเดือดร้อน เขาเรียกว่า อกุศลวิบาก คือการส่งผลของสิ่งที่ไม่ดีหรือกรรมที่ไม่ดีของเรา เพราะฉะนั้น..วิธีแก้ไขก็คือต้องเพิ่มบุญเพิ่มกุศล อย่างช่วงปีใหม่ไปตระเวนไหว้พระ ไปสวดมนต์ข้ามปี ไปเจริญจิตภาวนา นั่นเป็นการเพิ่มกุศลวิบาก ดังนั้น..ต้องบอกว่าโบราณท่านมีความฉลาดมาก ให้เรานำสิ่งที่ดี ๆ เข้ามาในชีวิต พอถึงเวลาถ้าสามารถนำเข้ามาได้มาก กำลังที่ส่งผลก็จะดึงดูดเอาสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตของเรา ก็จะเป็นผู้ที่เจริญรุ่งเรือง เพราะฉะนั้น..เราก็ควรจะรู้ว่าปีใหม่ควรที่จะทำอะไร และอย่าทำเฉพาะปีใหม่ ทำได้ทั้งปี และทำได้ตลอดไปจะดีที่สุด ประเสริฐที่สุด" |
"การทำความดีแรก ๆ ก็เหนื่อย เหมือนพายเรือทวนน้ำ แต่หลังจากที่เราทำบ่อย ๆ ก็จะมีความแข็งแรงมากขึ้น ๆ การพายเรือทวนน้ำกลายเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ปัญหาแล้ว สามารถทวนได้แบบสง่าผ่าเผยและไม่หนักแรง เพราะว่ามีกำลังมาก แต่ถ้ากำลังไม่พอก็เหนื่อยเกือบตาย ท้อบ้าง ถอยบ้าง เลิกทำไปบ้าง
น่าเสียดายบางท่าน อุตส่าห์ฝ่าฟันมาอยู่ในจุดที่กำลังความดีกำลังจะสนองอยู่แล้ว แต่ไปรามือเสียก่อน ขาดต้นทุนอีกนิดเดียวเท่านั้น ทำเพิ่มอีกนิดเดียวก็มีแต่สิ่งที่ดี ๆ เข้ามาแล้ว แต่ไปถอดใจเสียก่อน ต้องดูตัวอย่างนักกีฬาจากแอฟริกา แข่งมาราธอนโอลิมปิกได้รับบาดเจ็บ อุตส่าห์โขยกเขยกจนกระทั่งเข้าสู่เส้นชัย ต้องบอกว่าเขาวิ่งไม่ใช่วิ่งเพราะต้องการจะชิงเหรียญ แต่เขาวิ่งเพราะว่าประเทศชาติส่งเขามาทำหน้าที่นี้ ต่อให้บาดเจ็บแค่ไหนเขาก็ต้องทำหน้าที่นี้ให้สำเร็จ เมื่อได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่แล้ว ก็สามารถตอบต่อตัวเองได้ สามารถตอบต่อประชาชนในประเทศได้ โดยเฉพาะสามารถตอบต่อรัฐบาลที่ส่งตัวเองมาแข่งขันได้ นี่คือกำลังใจพระโพธิสัตว์ กำลังใจของพระมหาชนก ว่ายน้ำอยู่ในทะเลที่มองไม่เห็นฝั่ง ๗ วัน ๗ คืน นางมณีเมขลาผ่านมาเห็นเข้า บอกว่าไกลจนไม่เห็นฝั่งอย่างนี้ เกินกำลังที่ท่านจะทำได้แล้ว ทำไมยังเพียรพยายามว่ายน้ำอยู่ ? พระมหาชนกตอบว่า ถ้าระยะทางอยู่ในความเพียรของตนเอง สามารถว่ายถึงได้แต่ไม่ทำ ก็ถือว่าขาดความเพียร ขาดปัญญาอย่างมาก แต่ถึงระยะทางจะไกลเกินกำลัง ว่ายไปจนท้ายสุดต้องจมน้ำตาย ก็ตอบตนเองได้ว่าใช้ความพยายามอย่างเต็มที่แล้ว นางมณีเมขลาฟังแล้วชอบใจจึงอุ้มไปส่ง ต้องบอกว่ารอดตายเพราะความเพียร ไม่ท้อถอย ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ยกพระมหาชนกให้พวกเราดูว่า พระองค์ท่านเพียรมาตลอด ๗๐ ปีเพื่อที่จะช่วยชาวบ้านของเราให้พอมี พอกิน พออยู่ แต่ปรากฏว่าส่วนน้อยที่รับเอาสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์ท่านบำเพ็ญเป็นตัวอย่างเอาไปใช้งาน ส่วนมากก็ยังไหลตามกระแสบริโภคนิยม ที่อาตมาใช้คำว่า คนไทยเราดีชั่วรู้หมด แต่มักจะอดไม่ได้" |
โยมถวายน้ำส้ม "เห็นหลวงพ่อตัวแค่นี้ ถวายให้ฉันทีเป็นลังเลย..! ทำบุญต้องใช้ปัญญาด้วย หลวงพ่ออยู่คนเดียว ฉันอะไรทีหนึ่งเป็นลัง ส่วนใหญ่พวกเราเอามากเข้าว่า เน้นปริมาณ ไม่เอาคุณภาพ
ญาติโยมที่อยู่ข้างล่างโปรดทราบ น้ำส้มเหลือจากหลวงพ่อแล้ว ลุยได้เลย น่าจะอร่อยมาก เพราะว่าเจ้าของขนมาถวายด้วยความมั่นใจ แต่มาเจอหลวงพ่อลิ้นจระเข้ ฉันอะไรก็ไม่เคยอร่อย ทำให้โยมหมดอารมณ์มาเยอะแล้ว ถวายมากยังโดนดุอีกต่างหาก โดยเฉพาะพวกถวายเงินมาก ๆ เคยไล่กลับไปให้นอนคิด ๑ อาทิตย์ ว่าถ้าไม่เดือดร้อน ไม่ต้องใช้อย่างอื่นแล้วค่อยเอามาใหม่ ถามว่าหลวงพ่อต้องใช้เงินไหม ? ต้องใช้..แล้วช่วงนั้นใช้มากด้วย แต่ไม่ใช่ว่ารับถวายแบบสิ้นสติ เอามาทีเป็นล้าน ๆ ต้องดูให้รอบคอบก่อนว่าตัวเอง ลูกเมีย ครอบครัว ปู่ย่าตาทวด มีใครต้องใช้ไหม ถ้ามีเอาไปให้เขาก่อน รายนั้นหายไป ๗ วันก็มาใหม่ "คิดรอบคอบแล้วครับ ไม่มีใครจะเดือดร้อนเพราะเงินก้อนนี้ของผม และผมก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้อย่างอื่น" ถ้าอย่างนั้นก็จะรับไว้ ฉะนั้น...โยมทำบุญตรงนี้ อาจจะเจอประเภทบ่นบ้าง ถ้าสนิทกันมากก็อาจจะด่าเลย เพราะว่าไม่อยากให้พวกเราทำบุญแบบสิ้นสติ" |
"อาตมามีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่ง ตอนนี้ก็คงจะลำบากในชีวิต เพราะว่าตอนนั้นที่ไทรโยค มีฤๅษีอาศัยอยู่ในถ้ำ ถ้าใครติดตามข่าว เขาเรียกว่า ฤๅษีเพ่งอึ ก็คือไปถ่ายกองเอาไว้ แล้วก็ไปนั่งพิจารณา ไม่รู้ว่าพิจารณาอสุภกรรมฐาน หรือว่าพิจารณาเอาขลังก็ไม่รู้
โยมเกิดศรัทธา เบิกเงินสดไปถวาย ๑๐ ล้านบาท ลืมไปว่าตัวเองจะต้องใช้ คราวนี้เล่นเอาเงินสำรองทีเดียวหมด ก็ทะเลาะกันบ้านแตก เมียหนีเลย อาตมาไม่อยากให้เจอปรากฎการณ์แบบนั้น ทำบุญก็ทำอย่างมีสติ ทำบ่อย ๆ ทำน้อย ๆ ใจจะสละออกได้เรื่อย ๆ ความโลภในใจเราจะได้ลดน้อยถอยลงไปเรื่อย" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลวงปู่เมฆ วัดลำกระดาน ให้หันหัวลง คุณห้อยไม่เหมือนชาวบ้านเขา รู้ไหมอาตมาพูดเรื่องอะไร ? คนอื่นเขาไม่รู้หรอก แต่เจ้าตัวจะรู้
สมัยก่อนแถวบ้านอาตมา คนอิสลามแห่ไปหาหลวงปู่เมฆ วัดลำกระดานกันหมด ช่วงนั้นแถวประเวศ หนองจอก มี "แชแดง" เป็นหมอไสยศาสตร์อิสลามโด่งดังมาก เสกผ้ายันต์แดง ลองได้เลย ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า ไปลองของกับหลวงปู่เมฆ หงายหลังตึงกลับมา ตั้งแต่นั้นมาอิสลามแถวนั้นแห่ไปวัดหลวงปู่เมฆกันหมด เหตุที่เขาไปได้ เพราะว่าหลวงปู่เมฆส่วนใหญ่ท่านทำปลัดขิก ไม่มีรูปพระ พวกนี้ก็อ้างว่าไม่มีรูปพระ ความจริงก็คืออยากได้นั่นแหละ ปกติเขาไม่เอาของพวกนี้หรอก" |
"เพื่อนอิสลามลากอาตมาไป “ไป ๆ ๆ พี่ หลวงปู่เก่งจริง ๆ เลย แชแดงยังหงายหลังกลับมา” ปรากฏว่าไปพอดีเหลือเกิน เป็นช่วงเวลาที่ไม่มีใคร โผล่เข้าไป หลวงปู่เมฆท่านก็นั่งอยู่บนเตียง ควาน ๆ ใต้เตียง ดึงเอาห่อผ้าอาบเก่า ๆ ออกมา โห...ปลัดขิก ๒๐ - ๓๐ ตัว เอามาเสกใหม่ให้เลย ต่อหน้าต่อตา ความจริงท่านบอกว่าของกูเสกไว้ดีแล้ว แต่พวกมึงไม่ค่อยเชื่อกัน ต้องเสกให้เห็น เสร็จแล้วท่านให้มาคนละตัว
อาตมามีเพื่อนเป็นอิสลามเยอะมาก อย่างปัจจุบันนี้ที่อยู่ใกล้ที่สุดก็บังนิด โต๊ะอิหม่าม มัสยิดทองผาภูมิ ชื่อนรินทร์ อายุบเคน บังนิดบอก “อาจารย์..ถ้าผ่านไทรโยค แวะฉันน้ำชาที่บ้านผมก่อนนะ” พวกเราส่วนใหญ่พอเห็นผู้ชายไว้หนวดไว้เคราเฟิ้มเลยก็มักจะกลัว ความจริงแล้วท่านใจดีจะตาย" |
"อาตมาไปปากีสถาน เจอแต่แบบนี้ทั้งนั้น ผู้ชายอิสลาม โดยเฉพาะปากีสถาน ไว้หนวดไว้เครากันทุกคน อาตมาผ่านสนามบินอิสลามาบัด เจ้าหน้าที่ผู้หญิงต้อนไปห้องผู้หญิงเลย ไปค้นตัว เพราะว่าอาตมาใส่ชุดแบบนี้ก็เหมือนกระโปรง แล้วไม่มีหนวด ไม่มีเครา เขาต้อนเข้าห้องผู้หญิงไปเลย เป็นผู้หญิงซะหน่อยก็ดี..ใช่ไหม ?"
|
"แต่ว่าจริง ๆ แล้ว เขาเองก็เหมือนกับพวกเรานั่นแหละ ถามเขาแล้วว่าเป็นความเชื่อทางศาสนาที่ผู้ชายจำเป็นต้องไว้หนวดไว้เคราใช่ไหม ? เขาบอกไม่ใช่ ไม่มีคำสั่งเรื่องนี้ในพระคัมภีร์อัลกุรอ่าน แต่เนื่องจากว่าท่านนบีมูฮัมหมัดต้องต่อสู้เพื่อพี่น้องอิสลาม จนกระทั่งไม่มีเวลาจะโกนหนวดโกนเครา ก็เลยเห็นดูเท่ ทำให้ไว้ตามกัน
ต้องบอกว่าท่านนบีเป็นสุดยอดต้นแบบ เพราะว่าผู้ชายอิสลามกี่ร้อยล้านก็ทำตามท่านหมดเลย คราวนี้พอเราเห็นผู้ชายไว้หนวดไว้เคราก็ไปตีว่าโหดร้าย ทารุณ ความจริงเขาก็เหมือนกับเรานี่แหละ แต่ละคนนิสัยแตกต่างกันไป ส่วนใหญ่ค่อนข้างจะอ่อนโยนและเป็นมิตรเสียด้วยซ้ำ อาตมาไปปากีสถานเขากุลีกุจอช่วย บางคนดุแรงหน่อย...เหี่ยวเลย แม้แต่ในบ้านเราก็เหมือนกัน เจ้าโสขับรถตู้ พอเสียงพระอาจารย์เล็ก "ไอ้โส...!" หน้าเหลืออยู่ ๒ นิ้ว ทั้ง ๆ ไว้หนวดยาวเกือบศอก หน้าตามึงโหดมากเลยนะ..!" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "วันนี้เอาเบญจภาคีพระปิดตามาลงตู้ โดยเฉพาะปรมาจารย์ใหญ่ คือ หลวงปู่จีน วัดท่าลาด มีมา ๒ องค์เลย ก็คือพิมพ์แข้งหมอนกับไม้ค้ำเกวียน
หลวงปู่จีน วัดท่าลาด เป็นอาจารย์ใหญ่สายพระปิดตา แม้แต่หลวงปู่แก้ว วัดเครือวัลย์ที่ดังระเบิดเถิดเทิงก็เป็นลูกศิษย์ท่าน หลวงปู่เจียม วัดกำแพง หลวงปู่ภู่ วัดนอก หลวงปู่ครีพ วัดสมถะ หลวงปู่โต วัดเนิน ลูกศิษย์ของท่านทั้งนั้น ส่วนอาตมาว่าหลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลนน่าจะใช่ด้วย เพราะว่าพระหลวงปู่ไข่ ถ้าเอายันต์ข้างหลังออกนี่เหมือนกันแม้กระทั่งพิมพ์ เนื้อเหมือน พิมพ์เหมือนอย่างเดียวไม่ว่า ทั้งแม่พิมพ์น่าจะเป็นตัวเดียวกันอีกด้วย" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลังเพลจะเอาพระวัดปากน้ำรุ่น ๑ เคลือบแชลแล็คมาลงตู้ให้ ใครอยากได้เตรียมไว้ ๕๐,๐๐๐ บาท
สมัยก่อนยายแจวเรือไปวัดปากน้ำ ถึงเวลาทำบุญทีหนึ่งได้องค์หนึ่ง ยายมีลูก ๗ คน จะทำบุญเผื่อ หลวงปู่ไล่กลับ ถามว่า "ทำไม ?" "เก็บเงินไว้เลี้ยงลูกบ้าง" สมัยก่อนค่าเงินแพง ใช้วิธีผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป ถึงเวลาวันพระ หิ้วปิ่นโต ลงเรือ ไปวัด ถวายเพล จากตรงสามแยกไฟฉาย จำไม่ได้ว่าไปลงเรือด้านไหน เพราะเดี๋ยวนี้ถนนหนทางมาแทนคลองหมดแล้ว จำได้แต่ว่าบ้านยายเป็นสวน มีลำประโดงชักน้ำเข้า ก็พายเรือออกไป ไปดักเรือเมล์ เรือก็ผูกไว้แถว ๆ ปากลำประโดง ลงคลองภาษีเจริญ ขึ้นเรือเมล์ไป อยากได้หลายองค์ หลวงปู่ไม่ให้ ต้องผลัดกันไป บางคนได้มา ด้วยความเคารพศรัทธามาก แขวนติดตัวไว้ อาบน้ำแล้วเหลือครึ่งองค์ พระละลายหมด ต้องไปขอท่านใหม่ หลวงปู่วัดปากน้ำก็เลยต้องแก้ไขใหม่ พระของท่านสร้างด้วยผงวิเศษ ไม่ได้ผสมตังอิ๊วด้วย ก็เลยต้องเอาแชลแล็คมาเคลือบ" |
พูดถึงโครงการวิ่งไล่ลุง "วิ่งไล่ลุงเขาไปกันถึงไหนแล้ว ? อาตมาแค่ได้ยินว่ามีกิจกรรมวิ่งไล่ลุง ไม่ได้ติดตามข่าวก็เลยไม่รู้ว่าเขาจัดกันตอนไหน อยากจะบอกว่าไม่ต้องเสียเวลาไปวิ่งไล่หรอก อะไรที่ทำแล้วไม่ถูกใจชาวบ้าน เดี๋ยวเขาก็ออกมากันเองแหละ ไปวิ่งไล่ให้เหนื่อยทำไม ? แต่ถ้าจะวิ่งเพื่อสุขภาพก็วิ่งไป
สถานการณ์บ้านเมืองเราไม่ค่อยจะดี หลวงปู่หลวงพ่อทิ้งสังขารไปหลายต่อหลายองค์ หลวงปู่ทอง วัดพระธาตุศรีจอมทอง พระวิปัสสนาจารย์ใหญ่ของภาคเหนือเลย หลวงปู่ชุ้น วัดวังตะกู ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดนครปฐม องค์นั้นก็สุดยอดพระตงฉิน จบนักธรรมเอก อาศัยผลงานเข้าสู้ กลายเป็นเจ้าคุณชั้นธรรมได้ ยุคสมัยที่ท่านอยู่นี่ บรรดาพระอีเหละเขละขละไม่มีใครกล้าเข้านครปฐม เพราะว่ามีเสือร้ายอยู่ที่วัดวังตะกู..! หลวงปู่พระครูสุนทรกาญจนคุณ (หลวงปู่มหาพล) ที่พวกเราเรียก หลวงปู่แก่น วัดเขื่อนท่าทุ่งนา มรณภาพอายุ ๙๓ ปี เอาพระเถระระดับวัตถุโบราณไปทั้งนั้นเลย" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "หลายคนติดตามเพจชุมชนคุณธรรมวัดท่าขนุน บ่นว่าทำไมอาตมางานเยอะมาก ต้องบอกว่า อยู่ที่การที่ไม่เกี่ยงงาน ตั้งแต่เด็กมา อาตมาไม่เคยเลือกงาน งานหนักงานเบาอะไรทำหมด โดยเฉพาะงานที่ยากจะชอบมาก คือถ้าทำสำเร็จเท่ากับเราได้แสดงฝีมือ ดังนั้น...บางคนบอกว่าตกงาน อาตมาไม่ค่อยเข้าใจ คือไม่เข้าใจว่ามึงตกงานได้อย่างไร ? งานจะท่วมหัวตาย ยกเว้นว่าเราจะเลือกงาน
คราวนี้ในส่วนที่บอกพวกเราอย่างนี้ ก็เพราะว่าการงานในปัจจุบันนี้จะหายากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในเมืองหลวงคือกรุงเทพฯ และปริมณฑล สาเหตุเพราะว่าการจราจรจะทำให้เรื่องของการทำงานนั้นไปยาก ต่อให้เหลื่อมเวลากันขนาดไหน รถก็ยังติดสาหัส พอมายุคหลัง ๆ ระบบการสื่อสารไร้สายดีขึ้นเรื่อย ๆ งานการต่าง ๆ สามารถทำที่บ้านแล้วส่งไปได้ งานที่ต้องอาศัยคนอยู่ประจำสำนักงาน อยู่ประจำตำแหน่งก็จะน้อยลงเรื่อย ๆ ก็แปลว่า ถ้าหน้าที่การงานของเรามีอะไร ก็ต้องใช้ความพยายามทำให้เต็มที่ เพื่อให้พวกเราเป็นบุคคลที่มีคุณค่า เป็นที่ต้องการของหน่วยงานต่าง ๆ ไม่อย่างนั้นแล้ว ถึงเวลาเขาก็จะเขี่ยเราออก" |
"หลายคนบอกว่าตกงานสมัยนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว ขายของทางอินเตอร์เน็ตก็ได้ อาตมาอยากจะถามแค่ว่า ถ้าทุกคนเป็นคนขาย แล้วใครจะเป็นคนผลิตสินค้า ? โดยเฉพาะถ้าการผลิตสินค้าไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศ แต่เป็นสินค้าของต่างประเทศ ก็ยิ่งจะมาทำลายงานในบ้านของเราลงไปอีก
ปัจจุบันนี้ปัญญาประดิษฐ์ คือ AI แทบจะมาทำงานแทนคนหมดแล้ว สมัยนี้ขับรถไม่จำเป็นต้องรู้จักว่าถนนอยู่ที่ไหน ถึงเวลากดถาม กูเกิ้ลแมพบอกได้ แต่บางทีก็อ่านแบบบ้า ๆ บอ ๆ ก็คือเขาพยายามอ่านแล้ว แต่ด้วยความที่ไม่ใช่เจ้าของภาษา ก็เลยอ่านชื่อถนนพิลึกพิลั่นออกมา อาตมาออกไปทางรามอินทรา รามคำแหง มีถนนสุคนธสวัสดิ์ อ่านแบบถูกต้องคือ สุ-คน-ทะ-สะ-หวัด คราวนี้ คนธะ ที่แปลว่ากลิ่นหอม ค-น-ธ เครื่องเลยอ่านว่า คะ-นด ภาษาอังกฤษเขาอ่านว่า ถนนเลียบคลองประปา เครื่องอ่านว่า ไล-แอ๊บ-คลอง-ปรา-ป้า อาตมาก็...ไลแอ๊บก็ไลแอ๊บวะ กูก็บ้าไปกับมึงด้วย...!" |
"เทคโนโลยีมากขึ้นเท่าไร สมรรถภาพของคนจะน้อยลงเท่านั้น ที่น้อยลงเพราะว่าเครื่องทำหน้าที่แทนหมด เราไม่ต้องจำถนนแล้ว ก็เลยทำให้คนที่ไม่มีถนนหนทางอยู่ในความจำ ขับรถตกคลองบ้าง เข้าไปในซอยตันบ้าง
อาตมาก็เคยโดนพาไปที่เขาปิดถนน แต่คราวนี้ตรงที่เขากั้น ดาวเทียมมองไม่เห็น เห็นว่าถนนไปได้ เขาก็ชี้ทางให้ไป ปรากฏว่าต้องถอยกลับยาวเลยกว่าที่จะหาที่กลับรถได้" |
พระอาจารย์กล่าวว่า "เตรียมภาชนะสำรองน้ำไว้ด้วย ถ้าน้ำประปาขาด จะได้มีใช้มากขึ้นอีกสักหลายวัน หาถังพลาสติก ๓๐ ลิตร หรือ ๕๐ ลิตรก็ได้ อย่างน้อย ๆ สัก ๔ -๕ ใบ บรรจุน้ำให้เต็ม ปิดฝา ตากแดดทิ้งไว้สักอาทิตย์หนึ่ง แล้วก็เอาน้ำไปรดต้นไม้ เพราะว่าน้ำจะละลายกลิ่นพลาสติกออกมา หลังจากนั้นก็เปิดฝา ตากแห้งแล้วค่อยใส่น้ำใหม่ ไม่อย่างนั้้นน้ำแรกบรรจุไปนี่มีแต่กลิ่นพลาสติก ถ้าเป็นอาตมานี่ใช้การไม่ได้เลย เพราะว่าทนกลิ่นไม่ได้
รุ่นของอาตมานี่มีประสบการณ์ ก็เลยไม่กลัวขาดน้ำ เพราะว่าสมัยนั้นรองน้ำตั้งแต่ตี ๓ พอไปหุงข้าวตอนตี ๕ ยิ่งถ้าบ้านอยู่ปลายถนนและอยู่ปลายซอยของถนนอีกก็สาหัสเลย เพราะว่าสมัยนั้นท่อประปาเล็ก แรงส่งน้ำน้อย เมื่อทุกบ้านเปิดพร้อมกัน กว่าจะมาถึงเราท้ายซอยนี่ บางคนเขาบอกว่าเยี่ยวแมวยังแรงกว่า..!" |
"อาตมาเตรียมการเสร็จมา ๓ ปีแล้ว วัดท่าขนุนตอนนี้ทั่วทั้งวัด ใครเปิดก๊อกน้ำกรุณาปิดช้า ๆ ถ้าท่านเปิดแล้วปิดเร็ว แรงดันน้ำจะกระแทกหัวก๊อกปลิวไปเลย เพราะว่าอาตมาสร้างถังประปาใบใหญ่เท่ากับที่เขาใช้กันทั้งอำเภอ แต่ของเราใช้แค่ที่วัดเท่านั้่น เวลา ๔ ทุ่มถึงตี ๒ เครื่องอัตโนมัติจะดูดน้ำขึ้นถัง จะได้ไม่รบกวนชาวบ้านที่เขาใช้อยู่ ถึงเวลาหลังตี ๒ ชาวบ้านเริ่มตื่นแล้ว ก็ได้ใช้น้ำตามปกติ บางทีทางด้านเทศบาลก็มาขอร้อง "หลวงพ่อ..เปิดวาล์วเผื่อในหมู่บ้านหน่อยครับ" ถามว่าทำไม ? "น้ำน้อย..แรงดันไม่ค่อยพอ ต้องอาศัยหอประปาของวัดช่วยครับ"
|
"ปีนี้ที่หนักใจที่สุดก็น่าจะเป็นผู้อำนวยการเขื่อนวชิราลงกรณ คุณไววิทย์ แสงพาณิชย์ เพราะว่ากรุงเทพฯ อาศัยน้ำจากกาญจนบุรี เนื่องจากว่าทางด้านเหนือ เขื่อนภูมิพลน้ำน้อย ไม่สามารถจะส่งเข้าโรงกรองน้ำสามเสนได้
พวกเราคงไม่รู้ว่าเป็น ๑๐ ปีมาแล้วที่กาญจนบุรีเป็นแหล่งน้ำของกรุงเทพฯ จากเขื่อนวชิราลงกรณของทองผาภูมิและเขื่อนศรีนครินทร์ของอำเภอศรีสวัสดิ์ น้ำจาก ๒ เขื่อนเทลงมาที่เขื่อนแม่กลองที่ท่าม่วง จากเขื่อนแม่กลองมีคลองส่งน้ำกว้าง ๒๐ เมตรยิงตรงเข้าโรงกรองน้ำธนบุรี ที่อาตมาไปวิ่งรถ "ไลแอ๊บ คลอง ปราป้า" มานั่นแหละ เขาเขียนว่าเลียบคลองประปา "สิริ" พยายามอ่านจากกูเกิ้ล แต่ไม่รู้ว่าคำนี้ภาษาไทยอ่านว่าเลียบ เลยอ่านว่า ไล-แอ๊บ" |
"ยังโชคดีว่าสองเขื่อนปีนี้กักน้ำได้มาก แต่เขาก็ประหยัดกันสุดชีวิต นอกจากปริมาณที่ใช้ในการปั่นไฟตามปกติแล้ว ก็ยังพยายามประหยัดด้วยการไม่เปิดน้ำเลย
คราวนี้จะมีการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณตอนล่าง พอถึงเวลาปล่อยน้ำปั่นไฟ แล้วมีการสูบคืน ก็ปรากฏว่าชาวบ้านไม่ได้เห็นใจ ไม่ได้เห็นแก่ส่วนรวม เอาแต่เห็นแก่ส่วนตัว โก่งราคาค่าที่ดินจนกระทั่งการไฟฟ้าไม่สามารถจ่ายค่าเวนคืนให้ได้ เพราะว่าที่ดินแถวนั้นไร่หนึ่งสามสี่หมื่น โก่งราคาสุด ๆ ไม่น่าจะเกินสองแสน แต่เขาจะเอาไร่ละสามล้าน..! อาตมาเองด่าเจ้าหน้าที่เขื่อนยับเยินไปไม่รู้เท่าไรแล้วว่า "พวกมึงทำงานกันแบบโง่ ๆ ถ้าเป็นกูจะซื้อที่ให้ครบก่อน แล้วค่อยประกาศโครงการ" นี่ดันไปประกาศโครงการก่อนแล้วค่อยไปซื้อที่ ทุกคนรู้ว่าต้องใช้พื้นที่ตรงนี้ ก็ช่วยกันโก่งราคา" |
"ส่วนหลังวัดท่าขนุน มีสะพานแขวนหลวงปู่สายที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวประจำอำเภอ เขามาขออนุญาตว่า ถ้าทำเขื่อนช่วงล่างแล้วน้ำจะท่วมสะพาน อาตมาบอกว่ายินดีให้รื้อทิ้งไปเลย พระเราเดินอ้อมได้ เขาบอกว่าไม่รื้อทิ้ง จะทำสะพานใหม่ ยกให้สูง พ้นระดับน้ำขึ้นมา อาตมาบอกว่าเต็มที่ได้เลย เพราะว่าถ้าเพื่อส่วนรวมแล้ว ทางวัดสละให้ได้
แต่คนอื่นไม่ใช่ สำหรับคนอื่นเป็นเวลาที่เขาจะฉวยโอกาสทำเงิน เราจะเห็นว่าส่วนใหญ่แล้วจะมีคนเห็นแก่ตัวมากกว่าที่จะเห็นแก่ส่วนรวม ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขอย่างมาก พอถามว่าจะให้อาตมาแก้ไขใช่ไหม ? ก็คงไม่ใช่ เพราะว่าเรื่องอย่างนี้ต้องบ่มเพาะตั้งแต่เด็ก ก็แปลว่าต้องครอบครัวก่อน ต่ำสุด ๓ ปีถึงจะส่งไปเข้าศูนย์เด็กเล็ก เข้าโรงเรียนอนุบาล เรียนประถม เรียนมัธยม กว่าจะมาถึงมือพระเพื่อบวชก็อายุ ๒๐ ไปแล้ว ฉะนั้น...พระบ่มเพาะไม่ไหวแล้ว" |
"ในเรื่องของการบ่มเพาะคุณธรรมจริยธรรม น่าจะต้องเป็นวาระแห่งชาติ ให้ทุกหน่วยงานร่วมมือกัน ไม่อย่างนั้นแล้วคนของเราก็จะเห็นแก่ตัวมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เสียสละเพื่อส่วนรวมกันน้อยลง
ญี่ปุ่นเขาทำกันจนประสบความสำเร็จ เพราะเขาทำมา ๔๐ กว่าปี บ่มเพาะเด็กตั้งแต่รุ่นนั้นมาจนถึงรุ่นปัจจุบัน ใครทำข้าวของอะไรสูญหายตกหล่น เด็กเจอจะเก็บส่งตำรวจ เขาทดสอบเท่าไรก็ไม่สามารถที่จะทำให้เด็กเกิดความโลภแล้วเก็บเป็นของตัวเองได้ บ้านเราก็มี..แต่น้อย เกิดจากจิตสำนึกของตัวเขาเองหรือการอบรมจากครอบครัว อาตมาก็ไม่แน่ใจ" |
วันก่อนเด็กเก็บเงินได้เกือบแสน เอาไปส่งคืนตำรวจให้หาเจ้าของ เวลาเห็นทุกคนก็ชื่นชม ข่าวออกโซเชียลก็กดไลค์ กดแชร์กันกระจาย แต่ไม่คิดที่จะทำเอง..!
เพราะฉะนั้น..ก็เหลือแต่พวกเรา พอที่จะรู้อะไรดีอะไรชั่วบ้าง ให้พยายามบ่มเพาะลูกหลานของเราเอง อย่างน้อยไม่ได้มากก็เอาเฉพาะในครอบครัวของเรา ลดความเห็นแก่ตัว ลดความเอาแต่ใจตนเองลงบ้าง" |
"ปัจจุบันนี้เวลาไปกิจนิมนต์ตามวัดต่าง ๆ บางทีก็เจอคนจอดรถชนิดที่เห็นแก่ตัวสุด ๆ ก็คือแม้แต่ทางที่จะให้รถวิ่ง ก็จอดเต็มแล้วก็ขวางเขา ช่วงเดือนปีที่แล้วมีข่าวในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่มีรถไปจอดขวางเขา เจ้าของบ้านติดต่อเจ้าของรถตั้งแต่ทุ่มกว่าจนถึงสามทุ่มกว่า ไม่มาขยับให้เสียที ทนไม่ได้..ขับรถพุ่งชนเลย ถ้าเป็นอาตมาก็ลงไปเผาซ้ำด้วย..! นั่นก็คือความเห็นแก่ตัว จอดรถหน้าบ้านคนอื่น เขาติดต่อตั้งแต่ทุ่มกว่าจนสามทุ่มยังไม่มาขยับ คุณยังอยู่ต่างประเทศหรืออย่างไร ? ถ้าจะจอดรถลักษณะอย่างนั้น อย่าไปเข้าเบรกมือ อย่าเข้าเกียร์ ต้องให้เขาเข็นขยับได้ ต้องบอกว่าไร้มารยาทสุด ๆ
แล้วก็มาอีกรายหนึ่ง ยืนจองที่ ก็คือจองที่ให้รถของตัวเองมาจอด รถที่มาถึงก่อนก็พุ่งเข้ามาจอดไม่สนใจคนยืนจอง ต้องโดดหลบแทบไม่ทัน จะไปด่าเขาก็ไม่ได้ ก็คุณไม่มีรถอยู่ แล้วคุณจะมายืนทำอะไรเกะกะตรงนี้ ?" |
"คนเราใจร้อนใจเร็วขึ้นทุกวัน สิ่งสำคัญก็คือทำอย่างไรที่จะรักษากำลังใจของเราให้มั่นคง ให้ถึงจุดเดือดช้าหน่อย อย่างน้อย ๆ ก็รู้จักนับ ๑ ถึง ๑๐ นับ ๑ ถึง ๑๐๐ เด็กก็บอกพ่อแม่ว่า "ไม่ทันแล้วครับ ผมนับไม่ทันถึง ๑๐ เลย เพื่อนก็ชกแล้ว..!"
เอ้า...เลิกบ่น บ่นแล้วสำนึกผิดกันหมด บรรยากาศชักจะซึมเศร้า..!" |
ถาม : สวดมนต์แล้วได้ยินเสียงในห้อง ผีหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ทำบุญอุทิศให้เขาไปก็จบแล้ว จะเป็นอะไรก็ช่างหัวมัน บอกว่าช่วยเฝ้าบ้านให้ด้วย ถ้าจะให้ดีก็ช่วยบอกหวยด้วย ถาม : บางทีก็มาเคาะ ? ตอบ : ถ้าเคาะมาก ๆ จะด่า อย่าไปกลัวอะไรง่าย ๆ กับของทั้งหลายเหล่านี้ |
เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:38 |
ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน
เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.