กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=18)
-   -   วาโยกสิณ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=964)

เถรี 27-08-2009 13:42

วาโยกสิณ
 
เรื่องของกสิณลม สมัยก่อนท่านให้จับอาการไหวของพวกใบไม้ต่าง ๆ แล้วก็นำเอาการไหวนั้นเอามาเป็นนิมิต

แต่เนื่องจากว่า บางขณะลมสงัด ถ้าหากว่านิมิตยังไม่ทรงตัว เราก็ทำต่อไม่ได้ จากที่เคยฝึกมา ให้ใช้พัดลมเปิดเบา ๆ ให้ลมนั้นกระทบร่างของเรา จับอาการกระทบเป็นระลอก ๆ ของลมนั้นเป็นนิมิตได้

หรือว่าถ้ามีความคล่องตัวแล้ว ใช้ลมหายเข้า ลมหายใจออกของเรา เป็นนิมิตก็ได้

เถรี 27-08-2009 13:44

เรื่องของวาโยกสิณ เราสามารถจะไปที่ไหน ๆ ก็ได้ ด้วยกำลังของวาโยกสิณอย่างที่โบราณเขาใช้คำว่า "เหาะไป" แต่ว่าความจริงแล้ว ถ้าหากว่ามีคนเห็นเราอยู่ตรงหน้าแล้ว เราไปด้วยกำลังของวาโยกสิณจริง ๆ ถ้าไม่ได้อธิษฐานให้ไปช้า ๆ

อย่างเช่น ถ้านั่งอยู่ตรงนี้ คิดว่าเราจะไปกรุงเทพฯ คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ จะเห็นเราหายไปเฉย ๆ แล้วไปปรากฏที่กรุงเทพฯ แต่จริง ๆ แล้ว เราลอยไปด้วยอำนาจของวาโยกสิณ เพียงแต่ว่าลอยไปเร็วมาก มันก็เลยเหมือนกับหายวับจากจุดนี้ไป ไปปรากฏที่อีกจุดหนึ่ง หรือว่าที่ไหนไม่มีลม มันร้อนอบอ้าว อธิษฐานให้มีลม ให้มันเย็นสบายได้

เถรี 27-08-2009 13:48

ถ้าหากว่าการกำหนดในวาโยกสิณ เมื่ออาการของลม มากระทบผิวกายเป็นระลอก ก็ให้กำหนดอาการกระทบอย่างนั้น พร้อมกับคำภาวนาว่า วาโยกสิณัง วาโยกสิณัง

ถ้าหากว่าเป็นอุคหนิมิตของกสิณลม อันนี้จับยากสักนิดหนึ่ง เพราะว่าเรามองลมไม่เห็น แต่พอจับอาการกระทบไปเรื่อย ๆ มันจะเริ่มเห็นขึ้นมา เหมือนอย่างกับเราเห็นไอแดดที่มันเต้นเป็นตัวในเวลาร้อนมาก ๆ หรือเหมือนกับไอน้ำ ที่เราต้มน้ำหรือว่าหุงข้าว แล้วไอนั้นลอยขึ้นมาเป็นระลอก ๆ อย่างนั้น

ระยะแรก ๆ มันจะนึกได้แค่ชั่วคราว พอถึงเวลาหลับตาลง ไม่ทันอึดใจภาพก็หายไป ให้ลืมตาดูใหม่พร้อมกับคำภาวนาใหม่ ทำดังนี้ไปเรื่อย ๆ บางทีเป็นเดือนเป็นปี เป็นหมื่นเป็นแสน เป็นล้านครั้ง กว่าภาพนั้นจะปรากฏได้ ทั้งหลับตาและลืมตา

เถรี 27-08-2009 13:53

เมื่ออุคหนิมิตนี้ปรากฏขึ้น เราต้องเพิ่มความระมัดระวัง เพิ่มสติ จะหลับจะตื่น จะยืน จะนั่ง เอากำลังใจส่วนหนึ่ง จดจ่ออยู่กับภาพกสิณ พร้อมกับคำภาวนาเสมอ

พอทำไป ๆ สีสันของกสิณนั้นก็จะอ่อนลง จางลง จนกระทั่งกลายเป็นสีขาวทั้งหมด จากสีขาวก็ค่อยใสขึ้น สว่างขึ้น จนกระทั่งสว่างเจิดจ้า เหมือนเอากระจกสะท้อนแสงใส่ตาของเรา

เถรี 27-08-2009 14:02

ถ้าเป็นปฏิภาคนิมิตแล้ว จะอธิษฐานให้ภาพนั้นใหญ่ ให้เล็ก ให้มา ให้หายไป มีความคล่องตัวได้ตามต้องการ

ให้เราพยายามทำกสิณในลักษณะนี้ให้ทรงตัวให้ได้ เมื่อเป็นปฏิภาคนิมิตแล้ว เราก็ลองอธิษฐานใช้ผลดู คือจับภาพกสิณให้สว่างเจิดจ้าเต็มที่ กำหนดอธิษฐานให้หาย ให้มา จนคล่องตัว

ถ้าหากว่าเป็นกสิณลม ก็เอาระยะใกล้ ๆ ในจุดที่คนเขามองไม่เห็น เพื่อคนเขาจะได้ไม่แตกตื่น อย่างเช่นอธิษฐานว่า จะไปในดงไผ่นั้น ก็เข้าสมาธิเต็มที่ แล้วคลายกำลังใจออกมา อธิษฐานแบบเดิมอีกครั้งหนึ่ง พอเข้าสมาธิเต็มที่แล้ว ร่างกายก็จะไปอยู่ในสถานที่ที่ต้องการนั้น ๆ

เถรี 27-08-2009 14:07

ทั้งหมดนี้เถรีตัดข้อความมาจากหนังสือกรรมฐาน ๔๐ของพระอาจารย์เล็ก ในหัวข้อ ธาตุกสิณ ๔ อาโลกกสิณ อากาสกสิณ ซึ่งปกติเนื้อหาจะกล่าวถึงกสิณหลายอย่างรวมกัน แต่เถรีคัดลอกมาแต่เฉพาะกสิณลมเท่านั้น (ซึ่งแทรกสลับไปมาอยู่กับกสิณกองอื่น) ดังนั้นว่า ถ้าใครไปค้นแล้วอาจจะงง ๆ ว่าทำไมเนื้อหาที่ยกมาจึงไม่ได้เรียงเหมือนในต้นฉบับ

ในเรื่องของกสิณนั้น หลวงพ่อได้บอกด้วยว่า การที่เราอธิษฐานกสิณในลักษณะที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ถ้าอธิษฐานผิดในลักษณะนั้น ผลของกสิณจะไม่เกิด


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:41


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว