กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   สนุกสนานวุ่นวายในเนปาล (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=62)
-   -   สนุกสนานวุ่นวายในเนปาล ตอนที่ ๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4604)

สุธรรม 11-10-2015 17:04

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444557831
นายราเมศวร์พาเข้าร้านแลกเงินก่อน

ประมาณ ๑๕ นาทีก็มาถึงใจกลางย่าน Tamel ซึ่งเป็นย่านการค้าประมาณคลองถมบวกตลาดโบ๊เบ๊ของบ้านเรา น้องเก๋ที่เห็นความขลุกขลักเพราะไม่มีเงินรูปีติดตัว ถามนายราเมศวร์ว่าจะแลกเงินเพิ่มได้ที่ไหน ? มัคคุเทศก์ของเราตอบง่าย ๆ ว่า ที่ข้างสำนักงานมีเยอะแยะไป พอดีนายสามานย์นำรถชิดซ้ายจอดให้พวกเราลงกัน แล้วรีบออกรถต่อไป เพราะจอดขวางคันอื่นจนรถติดกันยาว พวกที่ใจร้อนเริ่มบีบแตรไล่แล้ว...

พวกเรากำลังเดินเข้าไปดูสินค้าในร้านซึ่งใกล้ที่สุด นายราเมศวร์รีบห้ามเอาไว้ บอกว่าเวลามีน้อย ต้องรีบไปทำเรื่องขอวีซ่าเข้าจีนกันก่อน แล้วพาเดินเข้าซอยขวามือไปไม่กี่ห้อง ก็เป็นร้านรับแลกเงินชื่อ “Tamel Money Exchange” แต่เขาให้ที่บาทละ ๒.๕๐ รูปีเท่านั้น...

เนื่องจากหน้าร้านเล็กมาก ยืนแค่สามคนก็แน่นแล้ว แต่พวกเรายัดกันเข้าไปจนหมด อาตมาจึงเลี่ยงไปถ่ายรูปร้านผลไม้ที่อยู่ตรงข้าม ซึ่งมีมะม่วง แอปเปิ้ล และกล้วยเป็นหลัก เห็นแบบนี้แล้วเบาใจว่า ลูกลิงอย่างอาตมาคงไม่ถึงกับอดอยากปากแห้งที่นี่...

สุธรรม 12-10-2015 03:43

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444596157
ที่นี่พื้นที่ห้องหนึ่งเขาแบ่งออกเป็นสองร้าน..!

พักใหญ่การแลกเงินก็เสร็จสิ้นลง สรุปว่าแม่ป๋อมเอาเงินดอลลาร์ไปแลก ๖๐ ดอลลาร์ แล้วเอามาเฉลี่ยให้ยายจี๋กับน้องเล็กคนละ ๑,๕๕๐ รูปี ซึ่งต้องไปจ่ายคืนเป็นเงินไทยให้กับแม่ป๋อมทีหลัง ส่วนป้ามอย น้องเก๋และลูกปุ๊ก แลกมาคนละ ๕๐๐ บาท เท่ากับคนละ ๑,๒๕๐ รูปี...

จากนั้นมัคคุเทศก์ก็พาพวกเราเดินเข้าไปในห้องแถวที่อยู่ใกล้กัน ประมาณช่วงกลางตึก พาเดินขึ้นไปชั้นบน เมื่อถึงชั้นที่สองมีป้ายเขียนว่า “Friendship Nepal Tours and Travels” พร้อมกับลูกศรชี้เข้าไปในห้องทางขวามือ พวกเราเดินเข้าไปในห้องมืดทึม ๆ มีหลอดประหยัดไฟ ๕ แรงเทียนอยู่หลอดเดียว หนุ่มหล่อนายหนึ่งที่นั่งอยู่หน้าโน้ตบุ๊ก ส่งยิ้มพร้อมกับ “นมัสเต (สวัสดี)” มาให้...

นายราเมศวร์ส่งภาษาเนวารีเร็วปรื๋อ หนุ่มหล่อ (๑) หยิบเอาแบบฟอร์มมาส่งให้เป็นปึก ฮ่า..ภาษาอังกฤษล้วน ๆ มีเสียงเปิดประตู แล้วหนุ่มหล่อ (๒) อีกคนที่พวกเราทราบชื่อทีหลังว่านายราม (Ram Silval) เดินออกมา “นมัสเต” แล้วแนะนำการกรอกแบบฟอร์มด้วยภาษาอังกฤษสำเนียงแขก ที่เร็วจนอาตมาฟังไม่ทัน...

สุธรรม 12-10-2015 15:37

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444638705
แสงไม่พอ ถ่ายย้อนแสง แถมภาพเคลื่อนไหวอีกต่างหาก เลยเป็นแบบนี้

ส่วนมากคณะของเราอยู่ในระดับ “ป้า” แล้วทั้งนั้น แสงไฟริบหรี่จึงเป็นปัญหาใหญ่ ป้ามอยร้องขอให้เปิดไฟเพิ่ม หนุ่มศรรามบอกว่าไม่ได้..เพราะไฟฟ้าดับ ดวงเล็กที่ติดอยู่นี่เป็นไฟฉุกเฉิน ส่วนใหญ่จึงต้องย้ายไปกรอกแบบฟอร์มกันที่ข้างหน้าต่าง อาศัยแสงแดดเป็นเครื่องช่วย ทิ้งอาตมากับน้องเก๋ที่ต้องทนกรอกอยู่หน้าโต๊ะทำงาน เพื่อฟังคำแนะนำที่ฟังเท่าไรก็ไม่ทันสักที....

แบบฟอร์มมีทั้งหมดตั้ง ๖ หน้า โอ้..พระเจ้า.. ยังดีที่ข้อมูลบางอย่างไม่ต้องกรอกก็ได้ และบางแห่งก็ใช้ “ติ๊ก” เอาเท่านั้น น้องเก๋บ่นกระปอดกระแปดว่า คราวหน้าช่วยสแกนส่งไปให้ก่อนจะดีมาก เล่นให้มากรอกที่นี่ทำเอาเวลาเกือบจะหมดวัน...

จากนั้นพวกเราต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าทำวีซ่าเนปาล – ทิเบต คนละ ๘๕ ดอลลาร์ ส่วนมากไม่มีใบละ ๕ ดอลลาร์กันทั้งนั้น อาตมาที่มีอยู่คนเดียวจึงต้องควักออกมาให้แลก พร้อมกับส่งหนังสือเดินทางของแต่ละคนให้กับเขาไป...

สุธรรม 13-10-2015 02:22

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444677671
มีแตรจึงต้องบีบ (แม่ป๋อมถ่ายผ่านกระจกท้ายรถออกไป)

หนุ่มหล่อ (๑) เอาแบบฟอร์มของแต่ละคนหนีบคลิปไว้กับเงินดอลลาร์ แล้วสอดไว้ในหนังสือเดินทางของใครของมัน พร้อมกับเตือนพวกเราให้ตั้งนาฬิกาเสียใหม่ ให้เป็นเวลาของเนปาล ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ ๑๖.๔๐ น. อาตมาจัดการตั้งเวลาในกล้องถ่ายรูปแทน เพราะไม่ได้พกนาฬิกากับใคร...

นายราเมศวร์ซึ่งรอจน “ตูดร้อน” เมื่อเห็นว่าเสร็จแล้วก็รีบพาพวกเราลงไปรอรถที่ “หน้าปากซอย” แล้วโทรเร่งนายสามานย์ยิก ๆ อีกฝ่ายตอบมาประมาณว่า “กำลังรีบไปโว้ย แต่รถมันติด” พักใหญ่จึงนำรถตู้มาจอดเทียบ พวกเราตะกายขึ้นไปแบบเร่งด่วน เพราะคันหลังบีบแตรไล่แล้ว พลขับนำรถออกทันทีที่ประตูปิด ไหลไปกับการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่น แต่ละคนใช้แตรกันคุ้มค่าเหลือเกิน เหมือนกับว่ามีแตรให้ก็ต้องบีบอย่างนั้นแหละ...

จากสนามบินตรีภูวัน พวกเราวิ่งมายังสำนักงานท่องเที่ยวในย่าน Tamel ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตก ตอนนี้ต้องมุ่งขึ้นเหนือเพื่อไปยังพระสถูปโพธานารถ นายราเมศวร์บรรยายว่า เป็นสถูปเจดีย์ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก สูงตั้ง ๓๘ เมตร ทำเอาอาตมาและน้องเก๋ร้อง “เฮ้ย..!” ขึ้นพร้อมกัน กระจึ๋งเดียวแค่นี้ใหญ่ที่สุดในโลกได้อย่างไรวะ ? อีกฝ่ายทำหน้างง ๆ เหมือนกับว่าพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ?

สุธรรม 13-10-2015 15:48

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444726100
ชาวทิเบตจะหลั่งไหลกันมาสวดมนต์ทุกเช้าเย็น

เมื่อพวกเราบอกว่า เมืองไทยมีพระเจดีย์สูงเป็นร้อยเมตรอยู่หลายองค์ นายราเมศวร์จึงเปลี่ยนเป็นพระสถูปเจดีย์ที่สูงใหญ่ที่สุดในเนปาลแทน และให้ข้อมูลต่อไปว่า “ที่พระสถูปนี้มีชาวทิเบตมาสักการะกันมาก ทุกวันก่อนไปทำงาน ชาวทิเบตจะมาเดินหมุนกงล้อมนต์ (Wheel Prayer) ทักษิณาวรรตรอบพระสถูป ๑๐๘ รอบ เมื่อกลับจากทำงานก็จะมาเดินอีก ๑๐๘ รอบ จนที่นี่ได้ชื่อว่า Little Tibet ไปแล้ว...

ในกงล้อมนต์เป็นจารึกคำสอนของพระพุทธศาสนา หมุนครั้งหนึ่งเชื่อว่าเท่ากับสวดสาธยายคำสอนไปจบหนึ่ง แต่พระคาถาที่ขึ้นชื่อที่สุดก็คือบทสวด “โอม มณี ปัทเม หุม” ที่เชื่อกันว่าถ้าท่องบ่นเป็นประจำ จะทำให้สำเร็จความประสงค์ทุกอย่าง ประเทศไทย ศรีลังกา กัมพูชา มีความเชื่อในพระคาถากันทั้งนั้น ของไทยมีพระคาถาอะไรที่ขึ้นชื่อบ้าง ?”

อาตมาเกือบจะตอบไปแล้วว่า “พระคาถาเงินล้าน” แต่น้องเก๋ชิงตอบก่อนว่า “นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต” แล้วถามกลับว่า ของมัคคุเทศก์เองมีพระคาถาประจำใจบ้างไหม ? อีกฝ่ายพยักหน้าหงึก ๆ ซึ่งแปลว่าไม่มี พร้อมกับบอกเขิน ๆ ว่า ศาสนาฮินดูของตนมีเทพเจ้าเยอะเหลือเกิน จนตัวเองก็จำได้ไม่หมดว่าแต่ละองค์มีความดีอะไรบ้าง เมื่อเจอจึงได้แต่ไหว้ไว้ก่อนเท่านั้น...

สุธรรม 14-10-2015 02:54

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444766035
นายราเมศวร์มาซื้อบัตรให้ตรงข้างประตูทางเข้า

หลุดมาสู่ถนนใหญ่ ๔ ช่องทางได้ รู้สึกค่อยยังชั่วขึ้น นายสามานย์พารถวิ่งไปประมาณครึ่งชั่วโมงก็จอดให้พวกเราลง ทันทีที่จอดก็โดนบีบแตรไล่เหมือนเดิม นายราเมศวร์ต้อนพวกเราเข้าซอยทางซ้ายมือ ที่มีซุ้มประตูคล้ายกับศิลปะจีน เพราะมีมังกรคู่ประคองเจดีย์อยู่บนซุ้มด้วย เสาสองฟากข้างมีรูปสิ่งมงคล ๘ ประการ (อัษฎมงคล) ประดับอยู่อย่างสวยงาม ผู้คนกำลังเข้าออกกันหนาแน่นทีเดียว...

มัคคุเทศก์พาพวกเราหยุดที่ซุ้มเล็ก ๆ ด้านขวามือ เพื่อซื้อบัตรเข้าชมสถานที่ก่อน มีตัวหนังสือแสดงราคาว่า ประเทศในสหพันธ์ SaARC (ประกอบด้วย อินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ ภูฐาน ศรีลังกา มัลดีฟส์ และ อาฟกานิสถาน) จ่ายคนละ ๔๐ รูปี ประเทศอื่น ๆ จ่ายคนละ ๑๕๐ รูปี แต่อาตมาเป็นนักบวชใช้บัตรเบ่งได้ ไม่ต้องจ่ายค่าผ่านประตูอยู่คนเดียว...

ส่งเงินให้นายราเมศวร์ไปซื้อบัตร เมื่อได้มาแล้วก็พาพวกเราเดินเข้า “ซอย” ไปพร้อมกับบรรยายว่า “พระสถูปเจดีย์โพธานารถนี้ สร้างขึ้นเพื่อบูชาพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ รูปฐานทรงกลมคือมันดาลา (Mandala = มณฑลพุทธเกษตร) ซึ่งเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ ถัดขึ้นไปตรงช่วงสี่เหลี่ยมมีรูปพระปัญญาจักษุ (Wisdom Eyes) ของพระพุทธเจ้า ซึ่งคอยสอดส่องทุกข์สุขของสัตว์โลกในทิศทั้งสี่..” พวกเรามองไปเห็นพระปัญญาจักษุจ้องมองลงมาพอดี...

สุธรรม 14-10-2015 14:43

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444808584
พระเจดีย์องค์เล็กนี้หล่อจากโลหะทั้งองค์

ทั้งพระทั้งฆราวาสกำลังเดินทักษิณาวรรตกันมากมาย ส่วนใหญ่ก็หน้าตา “ทิเบต ๆ” มีฝรั่งและพวก “หลงฝูง” อย่างพวกเราไม่มากนัก บ้างก็หมุนกงล้อมนต์เล็ก ๆ บ้างก็นับลูกประคำไปสวด “โอม มณี ปัทเม หุม” ไป บ้างก็หมุนกงล้อมนต์อันใหญ่ที่เขาตั้งไว้เป็นราวไปด้วย...

พวกเราเดินวนตามเขาไปหน่อยหนึ่ง ก็เห็นประตูรั้วที่ปิดสนิท ตรงหน้าประตูมีเจดีย์เล็กที่น่าจะหล่อจากโลหะสีดำ มีรูป “พระ” อยู่ที่คอระฆังทั้ง ๔ ทิศ เมื่อมาถึงตรงนี้ส่วนใหญ่ก็มักเอาหน้าไปแนบกับองค์เจดีย์เหมือนกับ “รับพรใส่เกล้า” จะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ทำเหมือนกัน แม่ป๋อมกับน้องเล็กก็ไปรับพรบ้างทั้งที่ประตูและองค์เจดีย์ ทำตัวกลมกลืนไปกับเขาด้วย...

ที่ฐานพระเจดีย์มีทั้งข้าวสารและเมล็ดพืชที่ชาวบ้านนำมาถวายเป็นพุทธบูชา นี่เป็นเหตุให้มีฝูงนกพิราบบินกันว่อน เพื่อคอยเก็บกินเครื่องบูชาเหล่านี้ รอบพระสถูปมีแต่ร้านค้า ทั้งขายอาหาร ขายของที่ระลึก เป็นที่พัก เป็นบริษัทท่องเที่ยว เต็มไปหมด...

สุธรรม 15-10-2015 03:03

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444852985
ออกมาดีที่สุดได้แค่นี้เอง

พวกเราไหลไปกับ “มวลมหาประชาชนชาวทิเบต” ได้ประมาณครึ่งรอบ ก็เจอซุ้มประตูวัดทางซ้ายมือ เมื่อถามนายราเมศวร์บอกว่าเข้าไปได้เลย แต่ให้ถอดรองเท้าเสียก่อน พวกเราจึงเดินเข้าไปข้างใน ถอดรองเท้าไว้ที่หน้าประตูวิหาร เมื่อเข้าไปก็พบพระพุทธรูปแบบทิเบต องค์โตเต็มวิหาร นั่งห้อยพระบาท ยกพระหัตถ์ทำท่ามุทรา พระพักตร์เคร่งขรึมสำรวม ด้านล่างตรงกลางมีรูปพระลามะชรา ในกรอบลายทองงดงาม ซึ่งน่าจะเป็นท่านดาไล ลามะ องค์ที่ ๑๓ เพราะมีรูปของท่านดาไล ลามะ องค์ที่ ๑๔ อยู่ด้านข้าง ถ้าไม่ใช่ก็คงไม่มีใครกล้าทำเช่นนี้...

พวกเรากราบพระแล้ว อาตมาขอเงิน ๒๐๐ รูปีจากแม่ป๋อม หยอดตู้บริจาคร่วมสร้างบุญทุกอย่างกับที่นี่ จากนั้นขอให้นายราเมศวร์ช่วยถ่ายรูปหมู่ไว้เป็นที่ระลึก แต่ข้างในนี้ค่อนข้างมืด เมื่อแม่ป๋อมส่งกล้องให้กับมัคคุเทศก์ อาตมาจึงส่งไปอีกกล้องหนึ่ง อย่างน้อยก็คงจะได้รูปดีอยู่บ้าง ครั้นถ่ายรูปเสร็จแล้วค่อยมีเวลาพิจารณาภายในวิหาร...

สองฟากข้างเป็นแท่นสวดมนต์ มีกลองใบใหญ่หน้ากลองสีเขียวตั้งอยู่ทางซ้าย ผนังมีรูปพระพุทธเจ้าพร้อมหมู่พระโพธิสัตว์ในสุขาวดีพุทธเกษตร สีสันสดใสเจิดจ้ามาก อีกรูปอาตมาจำได้ว่าเป็นท่านดาไล ลามะ องค์ที่ ๕ กำลังแสดงธรรมอยู่ บริเวณที่เป็นกรอบรัศมีและอาสนะสีทองนั้น วาววับจับตาเหมือนกับเอาทองจริง ๆ มาแผ่หุ้มเอาไว้อย่างนั้นเลย...

สุธรรม 15-10-2015 17:55

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444906427
โอ๊ย..อยากซื้อใจจะขาด..!

นายราเมศวร์บอกว่าพอสมควรแก่เวลาแล้ว ให้พวกเราไปขึ้นพระสถูปโพธานารถกันดีกว่า จึงเดินออกมาใส่รองเท้า ครั้นจะออกจากประตูก็เห็นว่า ข้างประตูด้านซ้ายมีห้องซึ่งพระทิเบตรูปหนึ่ง กำลังเติมน้ำมันเนยและตามประทีปอยู่ อาตมาจะถ่ายรูปแต่ท่านยกมือในปางห้ามญาติ จึงหันไปถ่ายรูปป้ามอย น้องเก๋ น้องเล็ก และลูกปุ๊ก ที่ไปช่วยกันหมุนกงล้อมนต์สีแดงขนาดใหญ่ ในห้องทางขวามือแทน...

ทางหน้าวัดเป็นมุมตะวันตก แสงแดดยามเย็นสาดส่องพระสถูปอยู่พอดี อาตมาจึงถ่ายรูปไปหลายรูป ก่อนที่จะเดินตามทุกคนไป ผ่านร้านขายของที่ระลึกซึ่งล่อตาล่อใจเหลือเกิน มีทั้งพระพุทธรูป หม้อกำยาน หม้อน้ำมนต์ กงล้อมนต์ ลูกประคำ จิปาถะสารพัด น้องเก๋เข้าไปจับ ๆ คลำ ๆ แล้วถอนใจเฮือก อาตมาบอกว่า “อดใจไปซื้อที่ทิเบตทีเดียวจะดีกว่า”...

กลิ่นไม้สนหอมมาเข้าจมูก เดินไปไม่ไกลก็เจอกระถางใบมหึมา ที่ชาวบ้านเอาไม้หอมต่าง ๆ มาเผาถวายเป็นพุทธบูชา ร้านค้าตรงนี้แขวนภาพ Thanka ที่เป็นภาพปักทางพระพุทธศาสนา ขนาดใหญ่มหึมาเกือบเต็มหน้าร้านเอาไว้ที่ชั้นบน ด้านข้างเป็นโรงเรียน (ห้องแถว) สอนการวาดรูปทังกา เป็นการร่วมทุนกันระหว่างญี่ปุ่นกับทิเบตเสียด้วย...

สุธรรม 16-10-2015 04:13

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444943551
"อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน"

ใกล้ ๆ กับกระถางเผาของหอม มีวิหารเล็ก ๆ เป็นที่ตามประทีปเป็นพุทธบูชา มีคนจุดประทีปเอาไว้หลายร้อยดวง เลยไปนิดเดียวเป็นทางเปิดขึ้นสู่พระสถูปโพธานารถ สองข้างทางเปิดมีระฆังและกงล้อมนต์เรียงเป็นตับ คนเดินผ่านก็เอามือหมุนกงล้อมนต์ หรือปัดระให้ระฆังดังเป็นพุทธบูชา เด็กตัวน้อย ๆ ก็พยายามเขย่งเพื่อที่จะปัดให้ถึงระฆัง เป็นที่น่ารักน่าเอ็นดูมาก...

ตรงหน้าทางขึ้นเป็นสถูปทรงน้ำเต้า ที่ลงสีจนดูเหมือนกับเป็นเครื่องสังคโลก มีคนรุมเอาใบหน้าไปแนบขอพร จนไม่สามารถแทรกเข้าไปดูได้ว่าข้างในมีอะไร ถัดจากสถูปรูปน้ำเต้าเข้าไป เป็นประตูเข้าสู่พระสถูปชั้นในสุด สองข้างประตูเป็นรูปเทวดาขี่ช้างตัวใหญ่ ลงสีเอาไว้สวยงามเช่นกัน มีป้าย NO ENTRY ติดห้ามเอาไว้อย่างชัดเจน...

มัคคุเทศก์นำพวกเราเดินทักษิณาวรรตไปไม่ถึงครึ่งรอบก็มีพระสถูปองค์เล็ก ๒ องค์ ที่อยู่ในรั้วแต่ต่ำลงไปในระดับเดียวกับพื้นดิน ตรงนี้มีชาวทิเบตทั้งพระและฆราวาส นั่งสวดมนต์กันเป็นหมู่ใหญ่ ที่กำลังกราบแบบอัษฎางคประดิษฐ์ (กราบแบบนอนราบกับพื้น) ก็มีไม้กระดานวางไว้ให้กราบ มีแหม่มหลายคนที่กำลังกราบและกำลังนั่งทำสมาธิอยู่ด้วย...

สุธรรม 16-10-2015 13:57

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1444978580
ดู๊..ดูพวกเขาพร้อมใจกันแกล้งเจ๊..!

พวกเราไม่อยากรบกวนการทำความดีของเขา เมื่อถ่ายรูปแล้วจึงเดินกันต่อไป พื้นสถูปชั้นบนนี้ไม่ได้ราบเรียบ แต่มีทั้งเอียงลาดและยกขึ้น แต่เป็นไปในลักษณะที่น้อยจนแทบสังเกตไม่เห็น ใครเผลออาจจะเดินหัวทิ่มพื้นเอาก็เป็นได้ อาตมาจึงบอกให้ทุกคนระวังตัวเอาไว้ด้วย...

วนมาจนถึงด้านหน้าวัด เห็นว่าแสงแดดยังพอมีอยู่ อาตมาจึงถ่ายรูปหมู่ให้กับทุกคนแล้วขอให้นายราเมศวร์ช่วยถ่ายรูปหมู่ที่มีอาตมาให้ด้วย มัคคุเทศก์ของเรายืนถ่ายจนอาตมาเกรงว่าจะติดพระสถูปไม่ครบองค์ ต้องบอกให้ “Sit down, please.” จึงค่อยวางใจได้หน่อย...

เมื่อวนมาจนถึงทางขึ้น ลูกปุ๊กขอถ่ายภาพมุมนี้ด้วย แต่โดนป้ามอย แม่ป๋อม น้องเก๋ น้องเล็ก ช่วยกัน “ขโมยซีน” ย่องมาจับกลุ่มให้ถ่ายอยู่ด้านหลังแทน เล่นเอา “อาเจ๊” ถอนฉิว ต้องปลอบใจด้วยการถ่ายรูปเดี่ยวให้ แล้วอาตมาให้น้องเล็กถ่ายรูปเดี่ยวให้บ้าง...

สุธรรม 17-10-2015 03:23

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1445026977
ผงไม้หอมต่าง ๆ ที่วางขายในร้าน

มัคคุเทศก์ชี้ให้ดูบ่อที่เขาผสมปูนขาวเพื่อเอามาทาพระสถูป ข้างบ่อปูนมีบ่อน้ำรูปสี่เหลี่ยมอยู่ติดกัน มีกระถางต้นดาวเรืองล้อมรอบ ตรงกลางเป็นแท่นสูง วางรูปพระโพธิสัตว์องค์ไม่ใหญ่นักเอาไว้ เมื่อถ่ายรูปจนพอใจแล้ว พวกเราก็เดินกลับลงมาทางเดิม...

ลงจากพระสถูปโพธานารถ นายราเมศวร์นำตรงไปยังวัดอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งตรงด้านหน้าติดธรณีประตูเลย มีร้านขายของบูชาพระสถูปและของที่ระลึกอื่น ๆ มัคคุเทศก์ของเราชี้ให้ดูกระสอบใส่ผงเครื่องหอมต่าง ๆ รวมทั้งผงสนจูนิเปอร์ที่พวกเราได้กลิ่นด้วย...

อาตมาสนใจเชือกถักลวดลายต่าง ๆ มากกว่า ขนาดใหญ่ถักด้วยด้ายเส้นเล็ก ฝีมือละเอียดยิบ น่าจะแพงมาก จึงดูขนาดกลางถักด้วยเชือกร่มสีน้ำเงินพลางถามราคา...

สุธรรม 17-10-2015 16:01

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1445072395
หัยครีวะตนนี้เป็นผู้หญิงด้วย น่าจะเป็นอัศวินีมากกว่า

เจ้าของร้านบอกว่า ๓๕๐ รูปี ขนาดเล็กกว่านั้น ๒๕๐ รูปี อาตมาต่อเหลือ ๓๐๐ รูปีด้วยความเกรงใจ ถ้าเป็นปกติก็ต้องเหลือร้อยเดียวเท่านั้น คนขายรีบตกลง ฮ่า..ตูว่าแล้ว บอกผ่านบานตะเกียงเป็นแน่แท้ อาตมาหันไปขอเงินรูปีจากน้องเล็ก ปรากฏว่ามีใบละร้อยแค่ ๒ ใบ ถึงต้องใช้ใบละ ๒๐ ไป ๕ ใบ น่าเสียดายมาก เพราะเหมาะที่จะเก็บไว้ให้ทิปบริกรมากกว่า...

เจ้าของร้านเอาถุงซิปมาใส่ให้ อาตมารับมาใส่ลงในกระเป๋าโน้ตบุ๊ก แล้วเดินตามทุกคนขึ้นไปชั้นบน คุณราเมศวร์บอกให้ถอดรองเท้า แล้วว่าจะถ่ายรูปก็ได้ แต่ห้ามใช้แฟล็ช ข้างในมีแท่นสวดมนต์อยู่สองแถว ด้านซ้ายมือมีพระทิเบตนั่งอยู่ ๓ รูป มีญาติโยม ๓ - ๔ คนนั่งอยู่ตรงหน้า คนหนึ่งกำลังสอบถามธรรมะ พระท่านก็อธิบายอย่างคล่องแคล่ว...

พวกเราเข้าไปกราบพระประธาน อาตมาเดินเข้าไปถ่ายรูปพระพุทธรูปและรูปหัยครีวะ (เทพพิทักษ์พระพุทธศาสนาที่มีใบหน้าคล้ายม้า) ที่ด้านข้าง เมื่อวนออกมาเห็นพระรูปหนึ่งส่งธูปสนจูนิเปอร์ส่งให้กับแม่ป๋อม น้องเก๋และน้องเล็ก อาตมาจึงรับเอามา ๑ อัน จุดกับดวงไฟน้ำมันเนย อธิษฐานแล้วหาที่ปักไม่ได้ จึงถือเดินออกไปด้านหน้าประตูเพื่อหากระถางธูป พระท่านเดินตามมา บอกว่าให้ปักธูปตรงหน้าพระเลย...

สุธรรม 18-10-2015 03:32

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1445113929
ไม่ได้เจอพันธุ์แท้ตัวเท่าตึก เอาพันทางก็ยังดี..!

ที่แท้ตอนท่านยื่นธูปให้ ตัวท่านบังกระถางธูปอยู่พอดี ปักธูปแล้วอาตมาถามหาเงินใบละ ๑๐๐ รูปี น้องเล็กบอกว่าไม่มีแล้ว อาตมาจึงล้วงเอาเงินหยวนออกมาใส่ตู้บริจาค เพิ่งใส่ไปได้ ๔ ใบ พระท่านบอกให้เสียบลงในกระถางข้าวสารที่ทำเป็นชั้น ๆ บ้าง อาตมาจึงพับเงินเป็นรูปสามเหลี่ยม แล้วเสียบลงไปตามแบบที่เขาเสียบเอาไว้แล้ว...

หันกลับมาเจอแม่ป๋อมและน้องเก๋ กำลังก้มศีรษะให้พระท่านคล้องผ้าขะตะ (ผ้าที่ผู้ใหญ่มอบให้แทนการให้พร) อยู่ เสร็จแล้วควักกระเป๋าบริจาคกันไปตามอัธยาศัย อาตมาเดินมาถ่ายรูปลูกปุ๊กกับสถูปโพธานารถตรงระเบียงชั้นสอง แต่ชัดเฉพาะองค์สถูป หน้าของคุณลูกมืดสนิท จากนั้นเดินลงมาด้านล่างเพื่อออกจากวัด...

บอกกับคุณราเมศวร์ว่าไปโรงแรมได้แล้ว หนุ่มฮินดูเดินลิ่วนำหน้าไปเลย อาตมาเห็น "คุณหมา" นอนแผ่หลาอยู่บนทางเดิน มีเค้าของหมาทิเบตอยู่เหมือนกัน แต่น่าจะผสมกับพันทางจนกลายเป็น "หมาข้างสถูป" ไปแล้ว จึงถ่ายรูปเอาไว้ด้วย...

สุธรรม 18-10-2015 16:58

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1445162233
"จะถ่ายรูปก็บอกกันก่อนสิครับ ผมจะได้ตั้งท่าให้หล่อกว่านี้"

มัคคุเทศก์ผิวหมึกเดินลิ่วไปไกลแล้ว หันกลับไปมองข้างหลังเห็นลูกปุ๊กโบกมือเรียกพรรคพวกอยู่ไหว ๆ อาตมาจึงปล่อยให้ยายจี๋กับน้องเล็กเดินตามไปก่อน ตัวเองชะลอด้วยการถ่ายรูป "หมาข้างสถูป" อีก ๓ - ๔ ตัว เมื่อป้ามอย น้องเก๋และลูกปุ๊กเดินตามมาทันจึงออกเดินต่อ...

ปรากฏว่านายราเมศวร์หยุดรออยู่ไม่ไกลนัก พาคณะของเราเดินวนขวารอบพระสถูปด้านนอกซึ่งเป็นร้านขายของที่ระลึกทั้งนั้น เห็นพระทิเบตรูปหนึ่งกำลังอธิบายถึงประโยชน์ของลูกประคำให้กับนักท่องเที่ยวที่ซื้อ อีกรูปก็นั่งสวดมนต์แบบไม่สนใจไยดีใครทั้งสิ้น...

อาตมารู้สึกว่าพวกเราใช้เวลาที่พระสถูปไม่นาน แต่ทำไมอากาศเหมือนกับมัว ๆ ตา ถามหานาฬิกาก็ไม่เห็นมีใครพกสักคน จึงเปิดดูเวลาจากกล้องถ่ายรูป พอดียายจี๋บอกว่าหกโมงสิบนาทีแล้ว เฮ้ย..เร็วขนาดนี้เชียวหรือ ?!

สุธรรม 19-10-2015 02:25

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1445196295
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้รถติด

"พระสวยมากเลยค่ะ" น้องเก๋เดินละเมอเสียงดัง อาตมาบอกว่าไปซื้อจากทิเบตดีกว่า อีกฝ่ายถึงได้พยายามตัดใจเดินตามมา มัคคุเทศก์ผิวหมึกหยุดตรงหน้าร้านที่วางรูปมันดาลาไว้เป็นแถว อธิบายว่ามีมันดาลาหลายแบบ ทั้งรูปพระสถูป รูปวัฏสงสาร รูปพุทธเกษตร เป็นต้น เจ้าของร้านยืนดูอยู่ห่าง ๆ ถึงพวกเราไม่ซื้อก็ไม่เห็นจะว่าอะไร...

เดินย้อนมาถึงปากทางออก เห็นหนุ่มสาวฮินดู (สังเกตจากรอยแต้มดิลกบนหน้าผาก) ที่เดินผ่านหน้าพระสถูป ยกมือไหว้แล้วทำท่ากอบมงคลใส่หัวทุกคน อาตมาชื่นชมในใจว่า พวกเขาไม่มีการแบ่งแยกในเรื่องของศาสนา เห็นศาสนสถานหรือศาสนวัตถุของศาสนาอื่น ก็ยังทำความเคารพอย่างจริงใจ อยากให้ศาสนิกของศาสนาอื่น ๆ เป็นแบบนี้บ้าง...

นายราเมศวร์กั้นพวกเราไว้ริมถนนที่การจราจรกำลังแออัดมาก เพื่อรอให้มากันครบคนจะได้พาข้ามถนนเลยทีเดียว แต่ที่ไม่ครบเพราะแม่ป๋อมมัวแต่ถ่ายรูปชาวเนปาลีช่วยกันเข็นรถเมล์ซึ่งตายแหงอยู่บนถนน อันเป็นสาเหตุหนึ่งของรถที่ติดกันเป็นตังเม น้องเก๋จึงฉวยโอกาสถ่ายรูปพวกเราที่ยืนอยู่ข้างถนนกันก่อน พอมากันครบแล้วมัคคุเทศก์ของเราก็แปลงกายเป็นจราจรจำเป็นทันที...

สุธรรม 19-10-2015 20:10

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1445260191
รถแท็กซี่บ้านเขามีแค่เครื่องหมายนิดเดียว

หนุ่มฮินดูกางแขนกั้นรถที่กำลังวิ่ง ๆ อยู่เพื่อให้พวกเราข้ามถนน เสียงบ่นกันว่าน่าจะเป็นสาเหตุให้พวกเราโดนรถชนซะมากกว่า เนื่องจากว่าถ้าปล่อยให้ข้ามกันเอง ป่านนี้พวกเราก็พ้นไปนานแล้ว อย่าบ่นไปเลยแม่คุณเอ๋ย..ใครจะไปคิดว่าการจราจรที่ยุ่งเป็นยุงตีกันแบบนี้ กรุงเทพฯ ของเรายังน่ากลัวกว่าอีก..!

ข้ามถนนไปเจอร้านแลกเงินพอดี แถวนี้ให้ราคาตั้งบาทละ ๒.๘๐ รูปี อาตมาถ่ายรูปหน้าร้านที่มีธนบัตรใบละพันของไทยไปด้วย ครั้นเดินไปจนถึงหัวมุมที่ไม่เกะกะใคร คุณราเมศวร์ก็ให้ยืนรอรถตู้กันตรงนี้ พอดีมีพระทิเบตเรียกรถแท็กซี่อยู่ใกล้ ๆ พวกเราจึงได้เห็นว่ารถแท็กซี่เนปาลนั้น มีสารพัดยี่ห้อ สารพัดรุ่น สารพัดขนาด นอกจากป้ายแท็กซี่เล็ก ๆ แล้ว ก็ไม่มีอะไรต่างจากคันอื่นบนถนนเลย...

รออยู่พักใหญ่พลขับของเราก็นำรถตู้ออกมาจากซอยข้างหัวมุมนั่นเอง พวกเรารีบขึ้นรถกันโดยด่วน จากนั้นพลขับนำรถตู้ไหลตามการจราจรที่ติดอีรุงตุงนังไปบนท้องถนน เสียงแตรรถดังเป็นระยะไป มัคคุเทศก์บอกว่าอีก ๔๐ นาทีจึงจะไปถึงโรงแรม Neva Chen Hotel ที่เมืองลลิตปุระ (Lalitpur) หรือที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันในชื่อเมืองปาทาน (Patan) นั่นเอง...

สุธรรม 20-10-2015 03:37

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1445287031
พื้นที่มีน้อยต้องใช้สอยร่วมกัน..!

สองฝั่งถนนล้วนแต่เป็นร้านขายของทั้งสิ้น สารพัดสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะผ้าต่าง ๆ มากมายมหาศาล ยังสงสัยว่าใครจะมาซื้อ ? หรือนั่งเบื่อ ๆ เลยผลัดกันซื้อเองก็ไม่รู้ ? อาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่เป็นตึกทรงแบบง่าย ๆ คือเหมือนกล่องสี่เหลี่ยม อย่างมากก็สูงแค่ ๔ - ๕ ชั้น ไม่มีตึกระฟ้าให้รกลูกตาเหมือนเมืองท่องเที่ยวของประเทศอื่น ๆ...

วิ่งยาวมาถึงสี่แยกที่รถติดหนึบ แต่พวกเราผ่านไปได้ เพราะคุณจราจรกั้นให้รถอีกสองด้านหยุดพอดี เลยสี่แยกไปไม่ไกลนักพลขับก็พารถเลี้ยวขวา วิ่งไปหน่อยเดียวก็หมดถนนลาดยาง กลายเป็นถนนลูกรังขรุขระ ลูกปุ๊กชี้ให้ดูตึกทางฝั่งขวามือ ว่าเขาสร้างได้สวยงามทีเดียว น่าจะเป็นแหล่งคนรวย ถ้าอย่างนั้นความรวยก็น่าจะถูกถนนลูกรังขวางอยู่ เพราะอีกฝั่งหนึ่งเป็นห้องแถวชั้นเดียว ที่ดูทรุดโทรมผุพังตัดกันอย่างแรง...

ยิ่งวิ่งไปถนนก็โทรมไปเรื่อย ๆ มาถึงสามแยกที่มีรั้วคอนกรีตใหญ่แข็งแรง พลขับของเราก็ออกท่าละล้าละลัง เปิดกระจกตะโกนถามตำรวจสองนายที่น่าจะออกเวรแล้วกำลังเดินกลับบ้าน นายหนึ่งชี้ไปทางซ้ายมือของเรา เมื่อรถตู้เสียบหัวเข้าไปทุกคนก็ร้องกันอู้ เพราะถนนกว้างเท่ารถพอดี สองฝั่งเป็นบ้านขนาบติดถนน มิหนำซ้ำข้างหน้ามีรถมอเตอร์ไซค์วิ่งสวนมาหลายคัน ต้องคลานเบี่ยงหลบหลีกไปเรื่อย...

สุธรรม 20-10-2015 16:11

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1445332239
สีฟ้าเพราะแสงสะท้อนนั่นคือกรอบกระจกรถ ส่วนขีด ๆ นั่นคือประตูม้วนหน้าบ้าน..!

จนเจอรถกระบะวิ่งสวนมา พวกเราค่อยใจชื้นขึ้น แต่ก็สงสัยว่าจะหลีกกันอย่างไร ปรากฏว่าพลขับของเราพารถไปเลี้ยวหลบเข้าซอยข้างหน้าไปครึ่งคัน ให้รถกระบะวิ่งออกมาก่อน แล้วค่อยขยับถอยออกมาใหม่ ท่ามกลางเสียง "ระวังบันได..! ระวังมอเตอร์ไซค์..!" สงสัยคิดว่ากำลังอยู่ในบ้านเรา ถึงได้ช่วยกันตะโกนเป็นภาษาไทยดังซะขนาดนั้น..!

วิ่งไปชนิดที่ถ้าเป็นพวกเราขับเองก็ถอดใจกันหมดแล้ว นายราเมศวร์บอกว่าต้องการหนีรถติดจึงมาทางลัด แหม..ลัดได้สะใจจริง ๆ วิ่งไปชนิดกระจกมองข้างแทบจะขูดประตูบ้านเขาเลย แต่ก็ดูถ้อยทีถ้อยอาศัยกันดี ถ้ามีรถมาก็หาช่องว่างอันน้อยนิด หลบหลีกกันไปจนได้ พลขับตะโกนถามทางคุณแม่บ้านที่นั่งเล่นอยู่กับลูก อีกฝ่ายชี้ทางให้ว่าไม่ผิดหรอก ตรงไปทางนั้นได้เลย..!

พอนานเข้าก็ชักหายหวาดเสียว กลายเป็นสนุกเฮฮากับการลุ้นให้หลบรถมอเตอร์ไซค์กันแทน ถนนลูกรังกลายเป็นสถานที่ซักซ้อมเพื่ออุ่นเครื่องก่อนเดินทางไปทิเบต บางจุดมีอาคารเก่าลวดลายสวยงามมาก บางแห่งก็เป็นร้านค้าที่น่าจะหยุดลงไปซื้อของกันก่อน นับเป็นผลกำไรที่คาดไม่ถึง เพราะถ้าเราระบุว่าจะมานั่งรถชมเมืองในลักษณะนี้ คงไม่มีบริษัทไหนยอมจัดทัวร์ให้เป็นแน่แท้..!

สุธรรม 21-10-2015 03:08

1 Attachment(s)
http://www.watthakhanun.com/webboard...1&d=1445371665
มุมหนึ่งของ Neva Chen Hotel ที่มาถึงตอนทุ่มเศษ

จนมาออกถนนที่มีรถมากขึ้น พลขับพารถเลี้ยวขวาเมื่อฟ้าเริ่มมืดค่ำลง ขยับกันแล้วขยับกันอีก เพราะมีคนนั่งอยู่ข้างถนนคนหนึ่ง ซึ่งไม่ยอมขยับหนีรถ ทำให้ทั้งรถไปรถมาต้องขยับหนีคนแทน กว่าจะหลุดไปได้ก็ด้วยน้ำใจของรถเก๋งซูซุกิ ที่ยอมถอยหลังไปไกลเพื่อให้รถตู้มีวงเลี้ยว พอตั้งลำตรงได้แม่ป๋อมก็ประกาศว่า "ข่าวดี.. Neva Chen Hotel อยู่ข้างหน้านี่เอง"...

ปรากฏว่ารถตู้วิ่งล้ำหน้าไปหน่อย พนักงานโรงแรมที่ไม่ใช่ผู้กำกับเส้นก็ไม่ยกธงซะด้วย พวกเราจะลงเดินแต่คุณราเมศวร์ไม่ยอม ลงไปดูท้ายรถให้ บอกพลขับขยับอยู่พักใหญ่ กว่าจะหักจอดชิดขอบทางพอให้รถคันอื่นวิ่งมาได้ แล้วรีบลงไปเปิดท้ายรถให้ แม่ป๋อมบอกว่าเป็นเทคนิคของพวกเขา ถ้าปล่อยคณะของเราลงแล้ววิ่งรถเลยไปก็จะไม่ได้ค่าทิป อ้าว..?

อาตมายกน้ำดื่มสองแพ็กที่เป็นของหนักลงไปก่อน พวกเราโกยกระเป๋าตามลงไปแบบด่วนจี๋ พนักงานรีบคว้ากระเป๋าหิ้วเข้าโรงแรมไปเลย อาตมาหิ้วน้ำดื่มตามไป ๑ แพ็ก จังหวะเข้าประตูไม่ทันสังเกตว่าประตูเล็กและเตี้ยมาก จึงชนขอบประตูด้านบนไปค่อนข้างแรง "Oh..Mind your head..!" บอกช้าไปแล้วพ่อคุณ ประตูคงบิ่นไปแล้วล่ะ..!


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:03


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว