กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   กระทู้ธรรม (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=2)
-   -   รวมคำเด็ดเกร็ดคำครู (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=292)

เถรี 24-03-2009 09:51

รวมคำเด็ดเกร็ดคำครู
 
...ยากนักที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์ เพราะต้องตั้งอยู่ในธรรมของมนุษย์ คือ ศีล ๕ และกุศลกรรมบท ๑๐ จึงจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ชีวิตที่เป็นมานี้ก็ได้ด้วยยากยิ่งนัก เพราะอันตรายชีวิตทั้งภายในภายนอกมีมากต่างๆ การที่ได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้ ก็ได้ด้วยยากยิ่งนัก เพราะกาลที่เปล่าว่างอยู่ ไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกยืดยาวนานนัก บางคาบบางสมัยจึงจะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นในโลกสักครั้งสักคราวหนึ่ง เหตุนั้นเราทั้งหลายพึงอยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด อย่าให้เสียที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนานี้เลย


หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล
วัดเลียบ จ.อุบลราชธานี



ที่มา : http://www.watkoh.com/kratoo/forum_p...z493d1ee7685fd

เถรี 24-03-2009 09:52

ทุกข์ ต้องกำหนดรู้ สมุทัย ต้องละ นิโรธ ต้องทำให้แจ้ง มรรค ต้องเจริญให้มาก


หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร

เถรี 24-03-2009 09:54

พระพุทธศาสนาเป็นของดี วิเศษยิ่งนักในโลกนี้
ไม่มีเครื่องเปรียบ เพราะเป็นหนทางแก้ทุกข์
นับว่าเป็นแก้วรัตนะมงคลของโลกทีเดียว



พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม
วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา

เถรี 24-03-2009 09:57

จิตที่ส่งออกนอก เพื่อรับสนองอารมณ์ทั้งสิ้นเป็นสมุทัย
ผลอันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอกแล้วหวั่นไหวเป็นทุกข์
จิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเห็นจิตอย่างแจ่มแจ้งเป็นนิโรธ




พระราชวุฒาจารย์(หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์

เถรี 24-03-2009 09:59

สิ่งใดเกิด สิ่งนั้นตาย
สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์
สิ่งใดเป็นทุกข์ สิ่งนั้นเป็นอนัตตา
ผู้ใดเห็นอนัตตา ผู้นั้นเห็นพระนิพพานแล



หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู

เถรี 24-03-2009 10:00

ธรรมเป็นตัวธรรมชาติภายในจิต และมีเพียรให้รู้ตามธรรมชาติ จึงชื่อว่ารู้อริยสัจ ราคะ โมหะ โทสะ ต้นไม้ ภูเขา สัตว์ ก็เป็นธรรมชาติของเขา เป็นเช่นนั้น แต่ไหนแต่ไรมา เราไม่ควรไปยึดไปแต่งให้เป็นตัณหา ก่อเรื่องทุกข์ให้สัตว์เหล่านั้น กลายเป็นทุคติ นรกไป

หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร
วัดถ้ำผาบิ้ง อ.วังสะพุง จ.เลย

เถรี 24-03-2009 10:01

บ่ ต้องดีใจ
บ่ ต้องเสียใจ
ดีก็ช่าง
ร้ายก็ช่าง
เทศน์ที่สั้นที่สุด วาง



หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
วัดป่าสัมมานุสรณ์ อ.วังสะพุง จ.เลย

เถรี 24-03-2009 10:02

ทุกข์มีเพราะยึด
ทุกข์ยืดเพราะอยาก
ทุกข์มากเพราะพลอย
ทุกข์น้อยเพราะหยุด
ทุกข์หลุดเพราะปล่อย


พระโพธิญาณเถร(หลวงพ่อชา สุภทฺโท)
วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ อุบลราชธานี

เถรี 24-03-2009 10:03

อดีตก็เป็นธรรมเมาอันหนึ่ง อนาคตก็เป็นธรรมเมา พึงทำให้จิตดิ่งอยู่ในปัจจุบัน รู้ปัจจุบัน ละปัจจุบัน ตัดตัณหา ตัดกิเลส ตัดมานะทิฐิ ตัดความยึดมั่นของตนให้เสร็จลง แล้วก็สงบได้

หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

เถรี 24-03-2009 10:06

พุทธะคือผู้รู้ ความรู้นี้ไม่ใช่มืด ไม่ใช่สว่าง ไม่ใช่แจ้ง ไม่ใช่หลง ความที่มันหลงเราก็รู้อยู่ มืดเราก็รู้อยู่ สว่างเราก็รู้อยู่ สุขมันก็รู้ ทุกข์มันก็รู้อย่างนี้

หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
วัดป่าอุดมสมพร อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร

เถรี 24-03-2009 10:07

ผู้ใดทำให้ใจถึงความเป็นกลางได้
ผู้นั้นจะพ้นจากทุกข์ทั้งปวง
ผู้ที่จะพ้นจากทุกข์ได้ในโลกนี้ก็ล้วนแล้วแต่ยกทุกข์ขึ้นมาเป็นเหตุทั้งนั้น
แท้จริงความนึกคิดไม่ใช่ทุกข์ แต่การไปยึดความนึกคิดมาเป็นของตน จึงเป็นทุกข์



หลวงปู่เทสก์ เทสฺรํสี
วัดหินหมากเป้ง อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย

เถรี 24-03-2009 10:09

สุขโลกีย์ มันก็ดีแต่ใหม่ๆ สดๆ ร้อนๆ เท่านั้น เหมือนข้าวสุกที่เราตักใส่จานใหม่ ๆ ยังร้อน ๆ ควันขึ้น ก็น่ารับประทาน แต่พอตักไว้นานจนเย็นชืดก็จะกินไม่อร่อย ยิ่งทิ้งไว้จนแข็งเป็นข้าวเย็น ก็ยิ่งกลืนไม่ลง พอข้ามวันก็เหม็นบูด ต้องเททิ้ง กินไม่ได้เลย


พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร
วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

เถรี 24-03-2009 10:10

ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี้เป็นของเย็น เป็นของบริสุทธิ์ บุคคลผู้มีปัญญาจะไม่ปฏิเสธธรรมของพระพุทธเจ้าเพราะธรรมถ้าอยู่ในจิตใจของผู้ใด ผู้นั้นย่อมมีความสุขความเจริญ


หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ
วัดป่านิโคธาราม จ.อุดรธานี

เถรี 24-03-2009 10:11

จะเอาสุขทางโลก ก็ได้ทุกข์มาพร้อมกัน เช่น คิดว่า สามี ภรรยา เป็นความสุข ก็ได้รับทุกข์เพราะสามี ภรรยานั่นแหละ อยากได้ลูกมีความสุขที่ได้ลูกหญิงลูกชาย แต่ก็ได้รับทุกข์ เพราะลูกนั่นแหละ จะเอาความรักก็ได้ความชังมาพร้อม จะเอาอย่างเดียวไม่ได้ อยากได้หนึ่งแต่ได้สอง เป็นกฎธรรมชาติอย่างนั้น


พระครูญาณทัสสี (หลวงปู่คำดี ปภาโส)
วัดถ้ำผาปู่นิมิตร อ.เมือง จ.เลย

เถรี 24-03-2009 10:12

การภาวนาเป็นเรื่องของการบำเพ็ญ เพื่อความสุข ไม่ใช่เพื่อความทุกข์ แม้จะมีความยากลำบากบ้างก็อย่าท้อถอย ให้เห็นเป็นธรรมดาของการจะทำสิ่งมีค่าให้เกิดขึ้น


พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร )
วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

เถรี 24-03-2009 10:13

สิ่งใดที่เรารู้เท่าทัน สิ่งนั้นไม่สามารถที่จะดึงใจของเราไปทรมานให้เกิดทุกข์ขึ้นได้


หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา

เถรี 24-03-2009 10:14

คนเราเกิดมาทุกรูปทุกนาม รูปสังขารเป็นของไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วล้วนตกอยู่ในกองทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าพระราชา มหากษัตริย์ พระยานาหมื่น คนมั่งมีเศรษฐี และยาจก ล้วนตกอยู่ในกองทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น มีทางพอจะหลุดพ้นทุกข์ได้ คือ ทำความเพียร เจริญภาวนา อย่าสิมัวเมาในรูปร่างสังขารของตน มัจจุราชมัน บ่ไว้หน้าผู้ใด ก่อนจะดับไป ควรจะสร้างความดีเอาไว้


หลวงปู่พรหม จิรปญฺโญ
วัดประสิทธิธรรม อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี

เถรี 24-03-2009 10:16

เราทุกคนเกิดมาพบพระพุทธศาสนา คือศาสนาของผู้รู้ เราต้องพิจารณาสอนจิต สอนใจของตัว ระวังรักษาอย่าให้ชั่วรั่วไหลเข้ามาทับถม ชั่วที่มีอยู่รีบทำลาย กำจัดปัดเป่าออกไป สิ่งใดที่จะนำความสุข ความเยือกเย็น ความสว่างไสว ความพ้นทุกข์พ้นภัย เรารีบกระทำบำเพ็ญ ให้จิตเห็น จิตรู้ เมื่อเราทุกคนทำอยู่อย่างนี้ เราจะประสบความสุข


พระอาจารย์สิงห์ทอง ธมฺมวโร
วัดป่าแก้วชุมพล จ.สกลนคร

เถรี 24-03-2009 10:17

....จะทำจะพูดจะคิดสิ่งใด ก็จง ทำพูด คิดแต่ในทางที่จะเป็นประโยชน์แก่ตนและผู้อื่นเถิด


หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ
วัดดอยธรรมเจดีย์ จ. สกลนคร

ผึ้ง 25-03-2009 22:20

ขออนุญาต เสริมเกร็ดคำครูด้วยคนค่ะ
 
ถ้ารังเกียจร่างกาย รังเกียจโลก ไปนิพพานได้........
ถ้าไปเพราะความกลุ้ม ไปไม่ได้



(หลวงพ่อพูดที่ตึกรับแขก เมื่อ ๔ ตุลาคม ๒๕๓๗ )
คัดมาจากหนังสือปฐมธรรมยาน(ลูกตามพ่อ) หน้า ๑๒๔


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:33


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว