กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=40)
-   -   เก็บตกจากภูเก็ต เดือนธันวาคม ๒๕๕๒ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1761)

เถรี 16-05-2010 23:13

พระที่มาทางสายอภิญญา ถึงจะยังไม่ได้มรรคผล พอความดีปรากฏชัด ญาติโยมก็จะให้ความศรัทธามาก ทำให้กิจนิมนต์ท่านเยอะ จึงไม่มีเวลาปฏิบัติเป็นของตัวเอง กำลังของกิเลสก็จะเพิ่มขึ้น พอสักพักเสือทะลายกรง รัก โลภ โกรธ หลงก็ไหลมาเทมา

เราเสียพระนักปฏิบัติไปเยอะแล้ว บางทีท่านปฏิเสธศรัทธาญาติโยมไม่เป็น เลยไม่มีเวลาในการปฏิบัติ เสียแบบฆราวาสไม่เท่าไร แต่เสียแบบพระ..เสียแล้วเสียเลย แก้ตัวใหม่เอาชาติหน้า

ถึงเวลาให้พิจารณากลับมาที่ตัวเอง เราสงวนเวลาสำหรับการปฏิบัติตัวเองไว้ได้เท่าไร เรามีเวลาสำหรับภาวนาเท่าไร เช่น เช้าครึ่งชั่วโมง เย็นครึ่งชั่วโมง แล้วระหว่างวันกำลังมันพอไหม ? พอทำงานก็โดนกระทบ กำลังใจตก..เครียด ต้องหัดสังเกตตัวเองตรงจุดนี้ให้เป็น

เราจะต้องสร้างกำลังใจให้ต่อเนื่อง เร่งทำตอนเช้าเอาความดีเข้ามาในใจเรา อย่าให้ความเลวเข้ามาได้ “ให้ตื่นก่อนกิเลส”

พวกเราที่เป็นฆราวาส การกระทบจะมีมากกว่า จึงต้องรีบปฏิบัติ ต้องสร้างกำลังใจเอาให้อยู่

เถรี 16-05-2010 23:22

ถาม : เวลาสวดมนต์แล้วคาถาหรือบทสวดมนต์เปลี่ยนไป
ตอบ : ถ้าสติดี รู้ตัวว่ากำลังจะเปลี่ยนคาถา..ก็เปลี่ยนตาม แต่ถ้าขาดสติ..หลุดไป ให้ดึงกลับมา

เถรี 16-05-2010 23:27

ถาม : หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านสร้างพระแบบหลวงปู่ปานไหม?
ตอบ : ท่านไม่ทำพระวัดรอยครูบาอาจารย์ เพราะถ้าเก่าไปแล้ว จะแยกไม่ออกว่าพระองค์ไหนเป็นของใคร พวกที่อ้างชื่อวัดไปขายมีเยอะแยะ

เถรี 16-05-2010 23:31

ถาม : วัตถุมงคลต่าง ๆ ป้องกันให้เราแคล้วคลาดจากสิ่งที่ไม่ดีได้ใช่ไหม ?
ตอบ : วัตถุมงคลก็จะช่วยผ่อนจากหนักเป็นเบา จากเบาเป็นหาย เหมือนโจรจะปล้นบ้านเรา แต่เรายืนคุยกับตำรวจอยู่ แล้วใครจะกล้าปล้น..!

การอาศัยคุณพระรัตนตรัยถือเป็นกรรมฐานที่ใหญ่มาก เมื่อใจเรายึดมั่นก็จะเกิดกำลัง ทำให้ปัจจัยแปรเปลี่ยน ทำให้สิ่งที่ไม่ดีนั้นทำอะไรเราไม่ได้ หรือเลื่อนออกไป หรือรอส่งผลใหม่

ยึดมั่นวัตถุมงคลเป็นพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติช่วยได้ แต่ถ้าเผลอเมื่อไรก็โดน..!

เถรี 17-05-2010 11:15

ถาม : โสดาปัตติมรรค และโสดาปัตติผล ต่างกันอย่างไร
ตอบ : มรรคคือเข้าถึง ผลคือได้แล้ว
โคตรภู กำลังใจมุ่งหน้าอย่างเดียว ตีก็ไม่ไป ไล่ก็ไม่หนี ยึดพระนิพพานเป็นที่พึ่ง โคตรภูแต่ละระดับก็เหมือนขาก้าวข้ามไปหนึ่งข้างแล้ว โอกาสเสื่อมถึงจะมี แต่ถ้าถึงขั้นนั้นมีแต่วิ่งขึ้นหน้าแล้ว เสื่อมไม่ใช่อย่างที่เราเข้าใจ เสื่อมในที่นี้คือ ฌานเสื่อม อาจเนื่องมาจากร่างกายป่วยมาก หิวมาก ฌานจึงเสื่อม แต่กำลังใจไม่เสื่อม ถ้าหล่นอย่างไรก็ไม่เกินนี้ เหมือนกับมีตัวกั้น

ถ้าเข้าถึงผลแล้วจะเป็นการทรงตัวแบบอัตโนมัติ กติกามีอย่างไรก็ตั้งหน้าตั้งตาทำต่อไป พิจารณาธรรมเพื่อความอยู่เป็นสุข กิเลสจะเบาบางลง สมาธิจะทรงตัวอัตโนมัติ เป็นสมาธิใช้งาน จะเบากว่าปกติเยอะเลย แต่กิเลสกินไม่ได้

เถรี 17-05-2010 11:25

ตอนที่อาตมาป่วย พอใกล้หายจะมีนิมิตปรากฏให้เห็น มีครั้งหนึ่งเคยเกิดเป็นสิงโตตัวเมีย ถ้าลงมือเมื่อไรไม่เคยพลาดเป้า ตอนที่ล่าเหยื่อ จะรู้เลยว่า ถ้าเหยื่อหนีแล้วเราจะกระโดดใส่ตรงไหน งับคอ ขาหนึ่งตะปบจมูก อีกขาตะปบเข้าคอ กระดูกลั่นดังกร๊วบเลย ตอนเป็นสิงโตฆ่าไป ๒๐๐ กว่าศพ สิงโตมีกำลังสูงมาก สามารถพาวัวกระโดดข้ามรั้วสูงได้สบาย ๆ ตรงนั้นเราต้องหากินตามประสาสัตว์ กรรมเลยไม่หนักมาก

ตอนที่เป็นหมูป่าจ่าฝูง ก็รู้สึกถึงรัก โลภ โกรธ หลงหมดเลย พาลูกฝูงเดินหาอาหารอยู่กลางป่า มีเสือโคร่งตามหลังอยู่ตัวหนึ่ง เสือจะมาคว้าหมูตัวท้ายแล้ววิ่งหนีไป จ่าฝูงอย่างเราก็โกรธ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยหาทางล่อเสือเข้าไปในหุบเขา เป็นหุบที่มีลักษณะเป็นหน้าผาตัดทุกด้าน ทางเข้าก็แคบ หมูทั้งฝูงเข้าไปซุ่มอยู่ ๓ วัน เสือที่ตามมาก็หิว ทนไม่ไหวเลยถูกล่อเข้าไป

พอเสือรู้ว่าไม่รอด ก็ยอมสู้ โดนเสือตบเข้าไป ๗ - ๘ ครั้ง เจ็บมาก ๆ แต่ปกติหมูหนังเหนียวอยู่แล้ว ตอนนั้นเสือเป็นแผลจากการต่อสู้จึงเลยหาทางหนี ปะทะกันครั้งสุดท้าย ตัดใจว่ายอมตายแล้ว ปรากฏว่าเสือพลาดท่าเพราะหมูเร็วกว่า หมูเข้าขวิดใต้ท้องสะบัดทิ้งไปเลย มั่นใจว่าเสือตายแน่ ๆ แล้วหมูมือรองอีก ๘ - ๑๐ ตัวก็มารุมยำ กินเสือกันด้วย ไม่น่าเชื่อว่าหมูป่าก็กินเนื้อเหมือนกัน

สัตว์ทั้งหมดก็คือคนนั่นแหละ รู้จักวางแผน เห็นสถานที่ก็รู้เลยว่าต้องทำการ ณ ที่นี้

เถรี 17-05-2010 11:46

พระราหู โดยสภาพแท้จริงแล้วท่านเป็นพระโพธิสัตว์ แปลว่าจะมาเป็นพระพุทธเจ้าในกาลข้างหน้า พระราหูเป็นพี่น้องกับพระอาทิตย์และพระจันทร์ ในสมัยนั้นสามพี่น้องได้ข่าวว่าพระพุทธเจ้าลงมาเกิด ก็เลยตั้งใจจะไปทำบุญ พระอาทิตย์ถวายข้าวด้วยขันทอง เลยสว่างเหมือนทองคำ ส่วนพระจันทร์ถวายข้าวด้วยขันเงิน เลยสว่างเหมือนแผ่นเงิน ส่วนพระราหูถวายข้าวด้วยกะบุง

ในสมัยพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พระราหูเป็น ๑ ใน ๘ จอมอสูร มีร่างใหญ่มาก ระหว่างคิ้วซ้ายไปขวากว้าง ๑ โยชน์ พระราหูได้ยินคุณของพระพุทธเจ้า อยากจะไปหา แต่ตัวเองตัวใหญ่ กลัวว่าไปแล้วต้องก้มมองพระพุทธเจ้า เป็นการไม่เคารพ พระพุทธเจ้าทรงทราบ เลยเสด็จไปขวางทาง เนรมิตพระวรกายท่านใหญ่กว่าราหูอีก

พระพุทธเจ้าอยู่ที่ใดก็มีความพอดีอยู่เสมอ ไปไหนท่านก็ไม่ต้องก้มพระเศียรให้ใคร ราหูจึงตรัสสรรเสริญพระพุทธเจ้าว่า “ตัสสะ ตัสสะ” จึงเป็นที่มาของคำว่า ตัสสะ ในบทบูชาพระพุทธเจ้า (นะโมตัสสะฯ)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 07:59


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว