กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3612)

เถรี 13-12-2012 12:35

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕
 
ถาม : ถ้าภิกษุผู้ถือธุดงค์ในข้อที่มีการฉันในบาตรเป็นปกติ แต่โยมนิมนต์ไปฉันที่บ้าน ไม่ได้ฉันในบาตร โดยฉันในจานข้าว องค์แห่งปัตตปิณฑิกังคธุดงค์จะแตกหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ขาดไปเรียบร้อยแล้ว ต้องดูตัวอย่างหลวงพ่อชา หลวงพ่อชาฉันในบาตรเป็นวัตร ได้รับนิมนต์เข้าวังท่านก็สะพายบาตรไปด้วย บรรดาท่านเจ้าคุณฯ ก็ล้อท่านว่า "หลวงพ่อเอาบาตรมา ไม่อายในหลวงหรือ ?" หลวงพ่อตอบว่า "แล้วพวกท่านที่ไม่รักษาวัตรปฏิบัติ ไม่อายพระพุทธเจ้าบ้างหรือ ?"

สรุปว่า..ขาดไปเรียบร้อยแล้วจ้ะ

เถรี 13-12-2012 12:42

ถาม : ถ้าเราต้องการยันต์หรือตะกรุด เช่น ตะกรุดมหาสะท้อน หรือยันต์ทำน้ำมนต์ ก็เขียนยันต์นั้นลงที่แผ่นเงินตามน้ำหนักและขนาด แล้วเข้าพุทธาภิเษกที่วัด จะใช้ได้เหมือนที่หลวงพ่อทำหรือเปล่าครับ ? และต้องสวดมนต์อะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เขียนเสร็จแล้วเสกด้วยอิติปิ โสฯ สวากขาโตฯ สุปฏิปันโนฯ ๑๐๘ จบ นะมะพะธะอีก ๑๐๘ จบ ส่วนจะใช้ได้หรือไม่อยู่ที่สมาธิของตัวคุณเอง ถ้าสมาธิห่วยก็ใช้ได้น้อยหน่อย

ยันต์ทำน้ำมนต์ตอนกำลังเขียนต้องเสก เสร็จแล้วถึงปลุกอีกที ต้องทั้งปลุกทั้งเสก ไม่ใช่เขียนเฉย ๆ แล้วจะใช้งานได้

เถรี 13-12-2012 12:48

ถาม : มีพระที่วัดผมจะลาสิกขา ก่อนจะลาสิกขาท่านได้บอกว่าจะถวายจีวรของท่านให้ผม ตอนที่ท่านยังไม่ได้ลาสิกขาท่านก็ยังไม่ได้ถวายจีวรให้ผม พอลาสิกขาไปแล้วก็ได้ถวายจีวรให้ผมมา จีวรผืนนี้เป็นของสงฆ์หรือว่าเป็นของส่วนตัวครับ ?
ตอบ : ท่านถวายเรามา เรามีจีวรอยู่แล้ว ก็ถือว่าเป็นอติเรกจีวร คือ ของที่ได้เกินมา ถ้าต้องการใช้ให้ทำวิกัปเป็นสองเจ้าของร่วมกับท่านอื่น แล้วทำพินทุเพื่อเป็นเครื่องหมาย ถ้าไม่ต้องการใช้ก็สละให้กองกลางเป็นของสงฆ์ไป ไม่อย่างนั้นถ้าเกิน ๑๐ วันจะโดนอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

เถรี 13-12-2012 12:53

ถาม : เวลากวาดใบไม้ มีอารมณ์ประมาณว่า เราเฝ้าดูร่างกายเรากวาด รู้สึกไม่เบื่อ ไม่ร้อน มีความสุขกับการกวาดใบไม้ แบบนี้ถือว่าเป็นสมาธิไหมครับ ?
ตอบ : เป็นสมาธินิดหนึ่ง เพราะถ้าเข้าสมาธิเยอะจะกวาดไม่ได้

ถาม : เวลานอนสมาธิ เราเฝ้าดูร่างกายหายใจ ประมาณว่าคุณหายใจไป ภาวนาพุทโธไป ไม่ต้องคิดเรื่องอื่น แบบนี้เป็นวิธีที่ถูกไหมครับ ?
ตอบ : เกือบถูก

ถาม : แล้วที่ถูกเป็นอย่างไรคะ ?
ตอบ : จะภาวนาก็ภาวนา จะดูร่างกายก็ดูร่างกายไป อย่าเพิ่งทำงานหลายอย่างพร้อมกัน ถ้าสนใจหลายอย่างสมาธิจะเคลื่อนได้ ต้องซักซ้อมจนคล่องตัวก่อน แล้วจะรู้เรื่องหลาย ๆ อย่างพร้อมกันได้ ที่ถามมาแสดงว่าสมาธิเริ่มจะดีแล้ว

เถรี 13-12-2012 13:02

ถาม : ถ้าเรารับยันต์แล้ว ข้อห้ามคือห้ามดื่มสุราและของมึนเมา อยากทราบว่าน้ำดื่มเพื่อสุขภาพ ประเภทฟรุตไซเดอร์ต่าง ๆ จะเป็นข้อห้ามด้วยหรือไม่คะ ?
ตอบ : ถ้ามีแอลกอฮอล์ก็ห้าม ถ้าไม่มีแอลกอฮอล์ก็ไม่ห้าม

ถาม : ยาน้ำสมุนไพรโสมต่าง ๆ ที่ผ่านการสกัดด้วยเหล้า แล้วสรรพคุณเป็นยารักษาโรค ไม่ทราบว่าดื่มได้หรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าเป็นยาต้องกินตามสูตรเขา อย่างเช่น ๑ ถ้วยตะไลก่อนอาหาร ๓๐ นาที ประมาณนั้น ไม่ใช่ว่ากันเช้ายันเย็น..!

ถาม : น้ำผลไม้ที่ผ่านการหมัก พอดื่มไปรู้สึกมึน ๆ ก็เลยเกรงว่า ดื่มแล้วยันต์จะหาย แต่ก็ได้เผลอดื่มไปแล้ว..?
ตอบ : ถ้ามีแอลกอฮอล์ยันต์ก็หายไปแล้วเหมือนกัน..!

เถรี 13-12-2012 13:15

ถาม : มีอยู่วันหนึ่งผมตั้งใจว่าตี ๕ จะลุกขึ้นมานั่งสมาธิ เลยตั้งนาฬิกาให้ปลุกตอนตี ๕ พอใกล้จะถึงเวลา ผมก็ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกในขณะที่นอนอยู่ ก็เลยตื่นขึ้นมา แต่ปรากฏว่าไม่มีเสียงปลุกเลย ก็เลยเอื้อมมือไปหยิบนาฬิกามาดู ทันใดนั้นนาฬิกาก็ปลุกทันที เสียงนาฬิกาที่ได้ยินก่อนนั้นเป็นนิมิตหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าเป็นชาวบ้านทั่วไปเขาบอกว่า "หูแว่ว" แต่จริง ๆ แล้ว นักภาวนาถ้ามีความคล่องตัว สามารถตั้งได้ว่าจะตื่นเวลาไหน ไม่ต้องง้อนาฬิกาปลุกก็ได้ ใกล้เวลาก็จะตื่นเอง

ถาม : อธิษฐานขอให้เจ้าที่เจ้าทางช่วยปลุกก็ได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ก็ได้...แต่ต้องดูด้วยว่าท่านเกรงใจเราหรือเปล่า ? ถ้าท่านเกรงใจเราท่านก็ค่อย ๆ ปลุก ถ้าไม่เกรงใจท่านก็ค่อย ๆ ถีบ..! จำไว้ว่าจะให้ท่านช่วย เราต้องลุกขึ้นมาทำความดี ไม่ใช่เรื่องอะไรก็จะให้ท่านคอยปลุก

เถรี 13-12-2012 13:29

ถาม : สมัยตอนที่บวชเณรอยู่ จำไม่ได้ว่าใครสอนให้ถวายข้าวพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทวดาและหนูน้อยกุมารครับ แล้วก็ลากินต่อตอนนั้นเลย และอธิษฐานขอให้หายป่วยหายไข้ อย่างนี้จะมีอานิสงส์อย่างไรครับ ?
ตอบ : อานิสงส์อย่างแรกก็คืออิ่ม อย่างที่สองได้ทำตามที่เขาสอนไว้ อย่างต่อไปก็ดูว่าป่วยหรือเปล่า ? ถ้าป่วยแล้วหายก็แสดงว่าเป็นไปตามนั้น ถ้าไม่หายก็กินฟรี..!

จริง ๆ แล้วให้ถวายพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นหลัก จะได้อานิสงส์ในพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ถ้าเราถวายพระรัตนตรัยแล้ว เทวดาหรือกุมารท่านก็ไม่มายุ่งด้วยแล้ว ว่าแต่..ไปเอากุมารมาจากไหน ?

เถรี 13-12-2012 13:35

ถาม : กระผมมาทำงานที่จังหวัดยะลา (เป็นทหารครับ) แล้วแฟนอยู่ที่เชียงใหม่ ผมมีความระแวงว่าแฟนจะมีคนใหม่ เลยพูดจาดูถูกเธอไปอย่างแรง ตอนนี้เธอก็เลยหนีผมไปแล้ว บอกเลิกกับกระผม อยากกราบเรียนถามพระอาจารย์ว่าตอนนี้กระผมควรทำสติอย่างไร ?
ตอบ : จะไปยากอะไร..ก็ตั้งสติหาแฟนใหม่..!

ถาม : ที่ทำงานก็มีปัญหา มีความเครียดสูงมาก กระผมพยายามทำจิตให้สงบแล้วไม่ยอมสงบ พยายามปล่อยวาง ก็หวนคิดถึงเธอขึ้นมาอีกตลอดเวลา ?
ตอบ : ตรงไหนมีระเบิดให้เดินไปตรงนั้น แล้วจะหายคิดถึง หายฟุ้งซ่าน เวลากลัวตายขึ้นมา สมาธิจะอยู่ตรงหน้าเป๊ะเลย ไม่ขยับไปไหน ทำให้เลิกฟุ้งซ่านได้ทุกประการ..!

เถรี 13-12-2012 13:38

ถาม : ในหนังสือกระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ หน้า ๒๔ ปรากฏข้อความว่า คาถาเงินล้านสูตรพิเศษ ขอความเมตตาขยายความด้วยครับว่าพิเศษอย่างไร ?
ตอบ : คือไม่ใช่สูตรปกติ ถ้าเป็นสูตรปกติก็ไม่พิเศษ..!

เถรี 13-12-2012 13:39

ถาม : ผมได้ยันต์ท้าวเวสสุวรรณมา จะนำไปติดไว้ตรงไหนดี ถ้าติดไว้ที่หัวเตียงนอนของผมจะดีไหมครับ ?
ตอบ : แปะหน้าผากไว้จะดีที่สุด..!

เถรี 13-12-2012 13:45

ถาม : ไม่นานมานี้กระผมได้ขอพรพระสมเด็จคำข้าวตามวิธีที่หลวงพี่แนะนำ แต่ผมขอพรโดยไม่ได้ระบุเวลาที่จะให้ผลเกิด เพราะหลวงพ่อฤๅษีท่านสอนว่า พระพุทธเจ้าท่านไม่อยู่ในอำนาจของใคร เราจะกะเกณฑ์เองไม่ได้ แบบนี้แล้วผลจะสำเร็จจากนี้อีกนานไหมครับ ?
ตอบ : ไม่เกินชาตินี้กระมัง..! ต้องบอกว่าฉลาดแบบโง่ ๆ จับแพะชนแกะไปเรื่อย เรื่องที่ท่านอนุญาตให้ก็แปลว่าทำได้ แต่ดันไปคิดว่าไม่น่าจะได้
เรื่องของพระ พรหม หรือเทวดา ละเอียดกว่าเรามาก ขนาดปิดช่องแล้วท่านก็ยังหนีไปไม่รู้ตั้งเท่าไร ทีนี้เราไปเปิดตั้ง ๓๖๐ องศาก็รอไปก่อนเถอะ..!

เรื่องขอพรจากสมเด็จคำข้าวนี้ ขอบอกให้ชัดเจนว่าไม่ใช่อาตมาแนะนำ เป็นแค่ "ได้ยินมา" ว่า หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกกับญาติโยมที่บ้านสายลม แล้วเขาเล่าต่อกันมาจนถึงหูของอาตมา เป็นเรื่องที่ไม่ได้ยินมาจากปากหลวงพ่อด้วยตัวเอง ผิดพลาดอะไรขึ้นมาอาตมารับผิดชอบไม่ได้..!

เถรี 13-12-2012 13:50

ถาม : ปกติผมเจริญพระคาถาชินบัญชรอยู่ประจำ คืนละ ๑๐ จบ แต่พอสวดไปได้ประมาณ ๔ - ๕ เดือน ก็มีเรื่องร้ายต่าง ๆ เข้ามาเยอะมาก เคยได้ยินว่าเป็นเพราะพระคาถาชินบัญชรเป็นคาถาร้อน อยากให้ท่านช่วยขยายความคำว่า 'ร้อน' ด้วยครับ ว่าเป็นอย่างไร ? และจริงหรือไม่อย่างไร ?
ตอบ : ต้องไปถามคนที่บอกว่าร้อน ในเมื่อเขาบอกว่าร้อนก็ให้เขาอธิบายด้วยว่าร้อนอย่างไร ? ไม่ใช่คนหนึ่งบอกมา แล้วเราเอาไปถามอีกคนหนึ่ง..!

เถรี 13-12-2012 13:58

ถาม : ลูกชายวัย ๒๒ ปี จบปริญญาตรีปีนี้เองค่ะ ยังหางานทำไม่ได้ ลูกชายติดเกมส์ออนไลน์ มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง ไม่ค่อยออกไปสังสรรค์กับเพื่อน มองอนาคตแล้วน่าเป็นห่วง พยายามดึงเขาออกมาจากการเล่นเกมส์ค่ะ ด้วยการมอบหมายให้ช่วยงานที่ร้าน ช่วยจัดของเข้าตู้แช่ (ร้านมินิมาร์ท) และช่วยขายของ พอตอนขายของก็ยกโน้ตบุ๊คมาเล่นเกมส์ด้วย เรียกว่าขายของไปเล่นเกมส์ไป ให้เงินเดือนด้วยค่ะ

พยายามสอนและทำทุกวิถีทางเพื่อจะดึงเขาออกมาจากตรงนั้น ทั้งนำธรรมมะมาสอดแทรกในการสอนเขาด้วยค่ะ ตัวโยมเองก็พยายามรักษาศีล และเจริญภาวนา แผ่เมตตาให้กับเขา และอยากจะให้เขาไปปฏิบัติธรรมบ้าง ควรจะทำอย่างไร?

ตอบ : แผ่รังสีอำมหิตแทน ไม่ทำงานก็ไม่ต้องกิน..! ถ้าขืนเล่นให้แม่เห็นอีกครั้งหนึ่ง โน้ตบุ๊คจะไปอยู่โรงจำนำ..! ลูกเรียนจบปริญญาตรีถือว่าโตกว่าควายแล้ว ถ้ายังไม่รู้ภาษาอีกก็ต้องลงมือลงไม้ให้หนัก ๆ หน่อย ไม่ใช่ไปแผ่เมตตา..!

เถรี 13-12-2012 14:07

ถาม : จะภาวนาคาถายาว ๆ พร้อมจับลมหายใจต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : หายใจเข้า..ยาว หายใจออก..ยาว ก็คาถาว่ายาว ๆ อย่างไรล่ะ..!

การภาวนาคาถานั้นไม่มีกฎตายตัว อยู่ที่แต่ละคนถนัด บางคนสามารถภาวนายาวไปเลยก็ได้ บางคนต้องแบ่งเป็นคำ ๆ หรือแบ่งเป็นช่วง ๆ เพราะฉะนั้น..ให้ทดลองทำดูว่า แบบไหนที่เราหายใจสะดวกและคล่องตัวที่สุดก็ใช้แบบนั้น ไม่มีการจำกัดตายตัว

เถรี 13-12-2012 14:28

ถาม : จะทำอย่างไรไม่ให้สงสัยในคำสอนหรือครูบาอาจารย์ครับ ? และถ้าเกิดความลังเลสงสัยดังกล่าว เกิดจากความฟุ้งซ่านจะมีวิธีแก้ไขอย่างไรครับ ?
ตอบ : มีสองอย่าง อย่างแรก..ไปกระโดดตึกซะ พอตกลงมาข้างล่างแล้วจะเลิกสงสัยไปตลอดชาติ..! อย่างที่สอง..อยู่กับการภาวนา ถ้าอารมณ์ใจทรงตัว ความลังเลสงสัยในการปฏิบัติก็จะไม่มี ฉะนั้น..ให้เลือกเอาว่าจะทำแบบแรกหรือแบบที่สอง..!

เถรี 14-12-2012 11:55

ถาม : หนูมีอาชีพเกี่ยวกับการนำเสนอขายเครื่องดื่มแอลกฮอล์ ควรวางกำลังใจอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : วางกำลังใจว่าจะขายให้ได้เยอะที่สุด..!

ถาม : ไม่เป็นบาปหรือคะ ?
ตอบ : เขาถามว่าวางกำลังใจอย่างไร ก็ตอบตรงแล้วนี่

"การค้าขายสุรา ขายยาพิษ ขายอาวุธ ขายมนุษย์ ขายสัตว์ที่มีชีวิต พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นมิจฉาวณิชชา พุทธมามกะไม่ควรทำ แม้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เราจะไม่ได้กินเอง ไม่ได้ฆ่าเขา แต่คนที่ไม่เข้าใจจะตำหนิเอา ถ้าท่านเป็นพระอริยเจ้าแล้วเขาด่าว่าท่าน เขาก็ลงอเวจีมหานรกไป

พระพุทธเจ้าท่านถึงได้ตรัสว่าพุทธมามกะไม่ควรทำ ถ้าเรามีหน้าที่ค้าขายเกี่ยวกับสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เรามีหน้าที่ขายก็ขายไป ถ้าไม่ได้บีบคอเขากรอกปากลงไป เราก็ไม่ได้สนับสนุนให้เขากิน..!"

เถรี 14-12-2012 11:59

ถาม : ถ้าตั้งใจจะจับลมหายใจให้ได้ตลอดทั้งวัน ทำอย่างไรไม่ให้เครียดหรือหนักเกินไปครับ ?
ตอบ : ตั้งหน้าตั้งตาทำ ถ้ามัวแต่คิดอยู่ก็เครียด หลายคนไม่ประมาณตัวเอง กำลังแค่หิ่งห้อยจะไปทำแบบดวงตะวัน การปฏิบัติธรรมไม่ใช่เลียนแบบและทำกันตรง ๆ สมัยก่อนอาตมาคลุกคลีตีโมงอยู่กับครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น ท่านบอกว่า "สู้แค่ตาย" อาตมาลองสู้แล้ว..ตายจริง ๆ ตายฟรีด้วย..!

การปฏิบัติต้องรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาว หาจุดที่พอเหมาะพอสมกับตนเอง ไม่ใช่คิดอยากจะทำทั้งวันก็ทำ การปฏิบัติภาวนาเหมือนกับการทำงาน ถ้าโหมหนักวันเดียวก็หมดสภาพ วันรุ่งขึ้นจะทำอะไรไม่ไหว ถ้าเป็นการปฏิบัติภาวนาก็จะฟุ้งซ่านไปหลายวัน เพราะกำลังใจไม่เอากับเราอีก

แรก ๆ ทดสอบดูก่อน ถ้าเครียดมากก็แปลว่าเกินกำลังของเรา ก็ให้ลดลงมาหน่อยหนึ่ง จากทั้งวันเราก็เอา ๒๓ ชั่วโมง ถ้า ๒๓ ชั่วโมงยังเครียดก็เอาแค่ ๒๒ ชั่วโมง ลดลงมานิดหนึ่ง

เถรี 14-12-2012 12:01

ถาม : คนที่ทรงอภิญญา จำเป็นหรือไม่ที่ต้องสั่งสมบารมีมาก่อนถึงจะฝึกได้ ? และถ้าคนไม่เคยฝึกมาก่อน จะฝึกเอาดีในชาตินี้จะสำเร็จหรือไม่ ?
ตอบ : การจะฝึกอภิญญาสมาบัติหรือกรรมฐานใด ๆ ก็ตาม ต้องมีพื้นฐานมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว ถ้าใครจะเริ่มต้นชาตินี้ก็อีกประมาณสัก ๔ - ๕ แสนชาติ น่าจะเริ่มได้เห็นผลบ้าง..!

พวกเราที่นั่งที่นี่ทั้งหมด ต้องเคยทำมาแล้วทั้งนั้น ถ้าไม่เคยทำมาจะไม่มานั่งอย่างนี้ ป่านนี้ก็ไปหกคะเมนตีลังกาสนุกสนานอยู่ที่อื่นกันหมดแล้ว

เถรี 14-12-2012 12:17

"ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม ถ้าตั้งหน้าตั้งตาทำจริง ๆ คำถามจะไม่ค่อยมีหรอก เพราะการกระทำของเราจะได้คำตอบเป็นระยะ ๆ ไป แต่ส่วนใหญ่มักจะอ่านตำรามามาก อย่างวันนี้ที่มานั่งถาม ๆ อยู่ ก็คืออ่านตำรามามากแล้วก็จดมาถาม ตีความให้มั่วไปหมด ลักษณะที่บอกว่าคาถาชินบัญชรเป็นของร้อน แล้วร้อนอย่างไร ในเมื่อไปฟังเขาว่าร้อน ก็ไปถามคนบอกเองสิว่าร้อนแบบไหน

เรื่องของคาถาเป็นเครื่องโยงใจให้เป็นสมาธิ พอสมาธิเกิดขึ้น จิตมีกำลัง เราจะอธิษฐานให้เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ดังนั้น เรื่องของคาถาไม่ได้มีร้อนมีเย็นอะไรหรอก หลายคนเวลาปฏิบัติจะเจอการทดสอบแบบหนัก ๆ ทำให้เราเข้าใจผิดในพระรัตนตรัยไปเลย อย่างเช่น ภาวนาคาถาชินบัญชรไป ๔ - ๕ เดือน สารพัดเรื่องร้ายก็ประดังเข้ามา ทำให้เราคิดว่าเป็นผลจากคาถา

บางรายตอนสมัยยังไม่ได้เข้าวัดเข้าวา เมาหัวทิ่มบ่อ นอนตากน้ำค้างทุกคืนไม่เป็นอะไร พอเลิกกินเหล้า เข้าวัดมาภาวนา กลับป่วยเช้าป่วยเย็น ก็เลยพลอยทำให้เข้าใจผิดไปว่า เพราะว่าเข้าวัดปฏิบัติธรรมจึงป่วย ก็เลยเลิกเข้าวัด"

เถรี 14-12-2012 12:20

"จำไว้ให้แม่น ๆ ใครก็ตามที่ทำแล้วประสบกับการทดสอบแรง ๆ แบบนี้ แปลว่าบุคคลนั้นถ้าทำต่อไปจะเกิดผลเร็วมาก เขาเกรงว่าเราจะหนีรอดไปได้ ก็เลยพยายามขัดขวางแบบรุนแรงเช่นกัน ในเมื่อขวางแรงก็ทำให้เราเข้าใจผิดได้ง่าย ถ้ากำลังใจไม่มั่นคง หลายรายหลุดวงโคจรไปเลย

พี่ชายของอาตมาเป็นตัวอย่าง ตั้งแต่วัยรุ่นมาตั้งใจอย่างเดียวว่าจะบวชปฏิบัติธรรม ดำเนินตามรอยครูบาอาจารย์ ทำทุกอย่างไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเลย ทำเพื่อพี่เพื่อน้องหมด คราวนี้ตอนที่เขาตัดสินใจจะบวช ก็ไปถามหลวงพ่อวัดท่าซุง ตอนนั้นหลวงพ่อท่านอยู่ที่บ้านสายลม คนมาก ๆ อย่างนี้แหละ เข้าไปถึงก็กราบถามด้วยความฉะฉานว่า “หลวงพ่อครับ ถ้าผมบวชจะได้เป็นพระอรหันต์ไหมครับ ?”

หลวงพ่อท่านบอกว่า “โคตรแม่มึงปฏิบัติเอง..แล้วกูจะตอบได้อย่างไร..?!” ก็คือถ้าตั้งใจปฏิบัติจะให้เป็น ทุ่มเทไปก็มีโอกาสเป็น แต่ถ้าบวชไปแล้วไม่ยอมทำอะไร จะเป็นได้อย่างไร ?"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:50


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว