กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=39)
-   -   เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=5873)

เถรี 05-11-2017 09:50

เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐
 
ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมด ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมด ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๐ เป็นการปฏิบัติธรรมประจำเดือนตุลาคมวันสุดท้ายของบ้านเติมบุญ สำหรับพวกเราทั้งหลายที่ปฏิบัติธรรมกันนั้น มักจะมีความถนัดในด้านของสมถกรรมฐาน คือ การกำหนดภาวนา นึกถึงลมหายใจเข้าออก หรือนึกถึงภาพพระที่เรารักเราชอบ ในส่วนของวิปัสสนากรรมฐานนั้น เรามักจะบกพร่อง สมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานนั้น เหมือนกับคนที่ผูกขาติดกัน ต้องผลัดกันก้าวถึงจะได้ระยะทางตามที่เราต้องการ

ถ้าเราทำสมถกรรมฐานโดยประการเดียว ไม่ได้พิจารณาวิปัสสนากรรมฐานประกอบไปด้วย เมื่อถึงเวลาถ้าสมาธิคลายตัวออกมา ก็จะมาฟุ้งซ่านไปตามกำลังใจที่ตัวเองชอบ ให้เกิด รัก โลภ โกรธ หลง ยิ่ง ๆ ขึ้น จนบางคนรู้สึกว่าทำไมยิ่งปฏิบัติยิ่งกิเลสมาก ก็เพราะว่าเราเอากำลังที่ปฏิบัติได้ไปใช้ในทางที่ผิด แทนที่จะคิดเพื่อละกิเลส ก็กลายเป็นคิดฟุ้งซ่านเพิ่มเติมกิเลสเข้าไป

เถรี 05-11-2017 09:53

ในส่วนของการปฏิบัติเพื่อละกิเลสนั้น เมื่อเราภาวนาจนกำลังใจทรงตัวเต็มที่แล้ว ก็ให้คลายกำลังใจออกมา แล้วพิจารณาให้เห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ ความไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา ให้ยึดถือมั่นหมายตัวตนเราเขาได้ ถ้าหากว่าท่านสามารถทำเช่นนี้ได้ ก็ยังต้องพิจารณาบ่อย ๆ ย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก จะเบื่อจะหน่ายไม่ได้

ในส่วนของวิปัสสนาญาณส่วนอื่น ๆ นั้น เราจะพิจารณาเห็นความเกิดความดับก็ได้ เห็นเฉพาะความดับก็ได้ หรือเห็นว่าสิ่งนี้เป็นทุกข์เป็นภัย เป็นที่ควรจะละทิ้ง เป็นต้น

ถ้าหากว่าสาวกขององค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ใช้การภาวนาและพิจารณาสลับกันไปสลับกันมา ก็จะทำให้การปฏิบัติของเราสามารถที่จะก้าวหน้าขึ้นไปได้ แต่ถ้าท่านทั้งหลายปฏิบัติแต่สมถภาวนา คือ การระลึกถึงลมหายใจเข้าออกอย่างเดียว และโดยเฉพาะตัวคนเดียว การที่เราพินิจพิจารณาก็เพื่อความรู้แจ้งเห็นจริง ผ่อนคลายจากความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนเราเขา จนกระทั่งท้ายที่สุดก็ปล่อยวาง หลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

เราจึงควรที่จะทำสมถะสลับกับการพิจารณาวิปัสสนา คนที่ผูกขาติดกันก็ต้องผลัดกันก้าว ถ้าหากว่าขาซ้ายเป็นสมถภาวนาก้าวแล้ว ขาขวาที่เป็นวิปัสสนาภาวนาก็ก้าวตาม สลับกันไปสลับกันมาแบบนี้ จึงจะบังเกิดผลดีแก่ท่านทั้งหลาย

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันอาทิตย์ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๐

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย รัตนาวุธ)


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:03


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว