กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๑ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6054)

เถรี 06-02-2018 21:33

ถาม : หากเราทราบว่าเคยทำกรรมปาณาติบาตไว้ และจะต้องถูกทำให้เจ็บป่วย หากว่าเราเคยทำร้ายตนเองมาก่อน จะถือว่าเป็นการใช้กรรมปาณาติบาตนี้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : เรื่องวาระของกรรมต้องดูด้วยว่าเกิดจากอะไร ถ้าช่วงนั้นเราโดนวาระกรรมบังคับให้ทำร้ายร่างกายตัวเอง ก็ถือว่าเป็นการชดเชยในครั้งนั้นไป แต่ถ้าไม่ใช่ก็เท่ากับเจ็บตัวฟรี..!

เถรี 06-02-2018 21:36

ถาม : การเป็นพรหมเหตุใดจึงต้องตายในฌานเท่านั้นครับ ?
ตอบ : เพราะว่าตายนอกชานแล้วเปียกฝนโดนแดด...! ฌานเป็นคุณสมบัติของพรหม ถ้าทำตามคุณสมบัติไม่ได้ ย่อมไม่ได้ไปเกิดเป็นพรหมอยู่แล้ว จึงต้องตายในฌานเท่านั้น

ถาม : การปฏิบัติตามพรหมวิหาร ๔ แต่ไม่ได้ตายในฌาน จะมีโอกาสเกิดเป็นพรหมหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าทรงฌานไม่ได้ก็ไม่มีโอกาส

เถรี 06-02-2018 21:55

ถาม : การถวายพระพุทธรูปผาติกรรมขนาดหน้าตัก ๕ นิ้วนั้น หากเวียนถวายพระพุทธรูปพร้อมปัจจัยที่เตรียมไว้ แบ่งเป็นจำนวนหลาย ๆ ครั้ง ครั้งละไม่มาก จะได้อานิสงส์สร้างพระพุทธรูปเพิ่มตามจำนวนครั้งที่ถวายหรือไม่ครับ ?
ตอบ : อย่าลืมว่าเราไม่ได้สร้างพระพุทธรูป การผาติกรรมถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนเพื่อให้มีวัตถุเอาไปถวายเท่านั้น ส่วนที่ได้ก็จะเป็นพุทธานุสติมากกว่า ถ้าหากว่ากำลังใจเข้มแข็ง ถวายครั้งเดียวจบเลยก็ถือว่าได้ แต่ถ้ากำลังใจไม่เข้มแข็ง ต้องถวายหลาย ๆ ครั้ง ได้เห็นพระหลายครั้งก็จะเป็นอานิสงส์ที่เพิ่มมากขึ้น

เถรี 06-02-2018 22:35

ถาม : กระผมทราบมาว่า ปัจจัยหนึ่งที่มีผลต่ออานิสงส์การถวายทานคือ จิตใจของผู้ถวายใน ๓ ระยะ คือ ก่อนให้ ขณะให้ และหลังให้ทาน กระผมจึงขอกราบเรียนถามพระอาจารย์ว่า อานิสงส์การถวายทานจะเพิ่มได้มากขึ้นเรื่อย ๆ หากเราระลึกถึงทานที่เคยทำไปแล้วนั้นบ่อย ๆ ด้วยความยินดี ถูกต้องหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เขาเรียกว่า จาคานุสติ นึกเมื่อไรก็เป็นบุญเมื่อนั้น เพราะว่าสภาพจิตของเรามีการสละออก โดยเฉพาะในช่วงที่เราระลึกถึงความดี จิตใจปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง สามารถนึกได้มากเท่าไร อานิสงส์ของเราก็มีมากเท่านั้น

ถาม : อานิสงส์ของบุญสามารถเพิ่มได้ใช่หรือไม่ครับ เช่น บุญช่วยบวชเณรที่ไม่ใช่ญาติ จะได้อานิสงส์เกิดเป็นเทวดานางฟ้า หรือเป็นพรหมคนละ ๔ กัป แต่หากระลึกถึงบุญนั้น ๆ ด้วยความปีติบ่อย ๆ อานิสงส์ของบุญนั้นก็จะมากขึ้นด้วยใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ได้เท่าเดิม เพียงแต่ว่าในบุญที่เราระลึกถึงกุศลกรรมนั้นต่างหาก ที่ช่วยให้เราได้อานิสงส์มากขึ้น

เถรี 06-02-2018 22:44

ถาม : รู้สึกว่าในช่วง ๑ ปีมานี้ มีหลวงปู่องค์สำคัญ ๆ หลายองค์ ต่างก็มรณภาพติด ๆ กัน จนดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่การมรณภาพโดยธรรมชาติ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าอาจจะมีการวางยา หรือ อะไรก็แล้วแต่ ที่ทำให้อาการป่วยที่ท่านมีอยู่เดิมนั้นเกิดอาการกำเริบขึ้น อยู่ดี ๆ อาการก็ทรุดหนัก และมรณภาพภายในระยะเวลาแค่ไม่กี่เดือน

นอกจากนี้ ครูบาอาจารย์บางองค์ ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ อยู่ดี ๆ ก็มีโยมสร้างรูปเหมือนของท่านมาถวายท่านที่วัด ทั้ง ๆ ที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ หลังจากนั้น ๑ ปี หลวงปู่องค์นั้นท่านก็มรณภาพ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าการมรณภาพของท่านนั้น เกี่ยวกันหรือเปล่ากับเรื่องของการสร้างรูปเหมือนของท่านในขณะที่ท่านยังมีชีวิต

และในช่วง ๑ ปีมานี้ ก็มักจะมีคนแปลกหน้าเข้ามาคลุกคลีในวัดบางวัดมากขึ้น ผิดจากแต่ก่อน ซึ่งก็ไม่อาจจะทราบได้ว่าเหตุการณ์เหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่ แต่ถ้าเป็นไปตามที่สงสัยจริง ก็แสดงว่าช่วงนี้ครูบาอาจารย์ท่านก็กำลังอยู่ในอันตราย แล้วแบบนี้เราจะมีทางป้องกันและแก้ไขกันอย่างไรบ้างครับ ?

ตอบ : ป้องกันด้วยการพาตัวเองให้พ้นอันตรายโดยเร็วที่สุด ไม่ใช่ไปป้องกันครูบาอาจารย์..! คนเราถ้าหมดบุญ หมดกรรม หมดอายุ หมดอาหาร อย่างไรก็ตาย เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องไปเสียเวลากังวลว่าท่านจะตายเพราะเหตุใด แต่ควรจะกังวลว่าเราตายแล้วจะไปไหนดีกว่า

เถรี 06-02-2018 22:49

ถาม : พระพุทธศาสนามีผลต่อความสงบสุขหรือความทุกข์ของประเทศชาติและสังคมหรือไม่ อย่างไรครับ ?
ตอบ : มีอย่างเต็มที่ พูดสามวันก็ไม่จบ ไปศึกษาเอาเอง

เถรี 07-02-2018 09:15

ถาม : การต่อเติมบ้านให้ดีขึ้น ดูใหม่ขึ้น แล้วเราจัดงานขึ้นบ้านใหม่ในวันศุกร์ตามฤกษ์พรหมประสิทธิ์ แบบนี้จะมีผลดีตามที่ฤกษ์พรหมประสิทธิ์ได้บอกไว้หรือไม่ครับ หรือว่าต้องเป็นบ้านที่สร้างขึ้นใหม่เท่านั้น ?
ตอบ : การทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ส่วนใหญ่เราก็ทำบุญเลี้ยงพระเป็นการสร้างกุศล การสร้างกุศลก็ย่อมทำให้ตัวเราดีขึ้นทั้ง กาย วาจา และใจ อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น""จะเป็นบ้านเก่าหรือบ้านใหม่ ต่อเติมหรือไม่ต่อเติม ถ้าคิดจะจัดงานขึ้นบ้านใหม่ก็รีบ ๆ ทำเสีย เพราะว่าเท่ากับเรามีโอกาสสร้างบุญกุศลให้มากขึ้น

เถรี 07-02-2018 09:21

ถาม : ทรายเสกของหลวงพ่อฤๅษีฯ จะต้องหว่านบ่อยครั้งเท่าใด เพื่อให้อานุภาพยังคงอยู่ ?
ตอบ : หว่านครั้งเดียวใช้ได้ตลอดชีวิต แต่ให้นึกถึงบารมีพระ อาราธนาท่านคุ้มครองอยู่บ่อย ๆ

ถาม : หากหว่านแล้ว เราหรือคนอื่นเดินข้ามบริเวณที่หว่านทรายเสกเอาไว้ อานุภาพจะสลายไปหรือไม่ครับ ?
ตอบ : เรื่องของพุทธานุภาพไม่มีคำว่าเสื่อม

เถรี 07-02-2018 09:24

ถาม : เนื่องจากได้รับฟังหลวงพ่อแนะนำว่า บุญบางประเภท เช่น การปล่อยปลาที่จะถูกฆ่า มีผลป้องกันอุปฆาตกรรมหรือป้องกันวิบากเกี่ยวกับสุขภาพ จึงขอสอบถามว่าหากรับฝากทำบุญปล่อยปลา แล้วคนที่ฝากมากำลังอยู่ในช่วงวิบากเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ ผู้รับฝากจะโดนหรือมีส่วนที่ต้องรับวิบากของผู้ฝากทำบุญปล่อยปลานั้นมาด้วยไหมครับ ?
ตอบ : ทำไมไม่คิดว่าเรามีส่วนในบุญนั้นด้วย ? ในเมื่อวิบากกับบุญนั้นเป็นสิ่งที่ต่อต้านกันเองโดยตรง เราทำความดีก็เป็นการป้องกันไปในตัวแล้ว

เถรี 07-02-2018 09:25

ถาม : ผมสงสัยว่าผู้ที่ปรารถนาพุทธภูมิ ทำไมเขาต้องตามหาคู่บารมีกัน แทนที่จะนำเวลาไปปฎิบัติ เราจำเป็นต้องตามหาด้วยหรือเปล่าครับ ? ผมเห็นบางคนถึงขนาดเลิกกับสามีหรือภรรยา มาคบกับคนที่ปรารถนาไปด้วยกัน หรือว่าแอบคบกัน แบบนี้ไม่ยิ่งผิดศีลเข้าไปอีกหรือครับผม ?
ตอบ : ไปถามเขาดู

เถรี 07-02-2018 09:29

ส่วนใหญ่คำถามของพวกเรามักจะไปฟุ้งซ่านกังวลกับเรื่องของชาวบ้าน เรื่องการปฏิบัติของตัวเองแทบจะไม่มีเลย ซึ่งเป็นการกระทำที่ค่อนข้างจะแย่มาก บางคนก็ฟุ้งซ่านแต่ว่าจะหาอะไรมาถามพระอาจารย์ แทนที่จะไปนั่งภาวนาให้ทรงฌานได้ไว ๆ ยังดีที่ไม่ถามว่า "นาฬิกายืมเพื่อนมาจริงหรือเปล่า ?"

เถรี 07-02-2018 09:40

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาบอกกับญาติโยมทั้งหลายมาตั้งแต่ต้นปีแล้วว่า ปีนี้สภาพของภัยธรรมชาติจะแรง ขณะเดียวกันภาวะของความขัดแย้งก็รุนแรงขึ้น ใครที่มีวัตถุมงคลที่มั่นใจก็พกติดตัวไว้บ้าง ไม่ใช่พกติดตัวไว้เฉย ๆ ให้อาราธนาไว้บ่อย ๆ"

เถรี 07-02-2018 09:55

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนไทยส่วนใหญ่ขาดภาวะผู้นำ ไปไหนก็มักจะไปซุกอยู่ท้าย ๆ จนกระทั่งเขาบอกว่า "มาก่อนนั่งข้างหลัง มาทีหลังนั่งข้างหน้า"

เถรี 07-02-2018 10:02

พระอาจารย์กล่าวว่า "เวลาเห็นพวกญาติโยมมาก ๆ อาตมาก็ไปนึกถึงพวกหนอน แมลง ไปไหนทีมาก ๆ ฮือกันไป เป็นผึ้ง เป็นต่อ เป็นแตน เป็นมด ก็ลักษณะเดียวกัน แต่สิ่งที่เราชุมนุมกันก็คือเพื่อทำความดี ในเมื่อเราทำความดี โอกาสที่เราจะปรับภพปรับภูมิให้สูงขึ้น หรือหลุดพ้นจากกองทุกข์ไปสู่พระนิพพานก็มีอยู่ แต่ลักษณะของการแย่งกันกิน แย่งกันใช้ โอกาสที่จะยึดติดหลงผิดลงอบายภูมิก็มีมาก

ตลอดสามวันมีญาติโยมมาถวายสังฆทานให้กับญาติตัวเองหลายราย อาตมาเห็นอยู่รายเดียวที่มารับบุญ แปลว่าที่เหลือไม่รอดสักราย..!"

เถรี 07-02-2018 21:57

"ในเรื่องของการลงอบายภูมิเป็นเรื่องง่าย พวกเราจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฝืน จะต้องพยายามสร้างความดีในเรื่องของ ศีล สมาธิ ปัญญา ให้มีกำลังสูงเข้าไว้ ถึงเวลากำลังใจเกาะความดีได้ อย่างน้อยก็พ้นอบายภูมิไปก่อน ถ้าพ้นอบายภูมิไปแล้ว สภาพจิตของเรามุ่งมั่นต่อความหลุดพ้น อย่างน้อยก็ไปตกในสถานที่ดี สามารถที่จะสร้างบารมีต่อได้"

เถรี 07-02-2018 22:11

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยนี้เขานิยมกันเรื่องทาครีมแล้วผิวขาว ปรากฏว่าลายเป็นตุ๊กแกไปเลย และรักษาไม่หายด้วย เพราะว่าผิวเสียหมดแล้ว ขอยืนยันว่าคนไทยแต่เดิม "ดำ" สยาม แปลว่า ดำ ตรง ๆ อยู่แล้ว ที่เห็นขาวอยู่ทุกวันเพราะว่ามีเชื้อเจ๊ก เพราะฉะนั้น...ผิวขาวหรือผิวดำไม่ใช่สาระ ถ้าผิวขาวแต่ซกมกก็ไม่มีใครแลเหมือนกัน

ถ้าจะซื้อครีมมาใช้งานให้สังเกตด้วย ครีมอะไรที่บอกว่าทาแล้วขาวทันใจ ได้โปรดทราบว่าท่านกำลังหาเรื่องเดือดร้อนแล้ว ต่อให้มี อย. ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะว่าตอนที่เขาส่งให้ อย. ตรวจ เป็นของที่ไม่ได้ใส่เสตียรอยด์ ไม่ได้ใส่สารปรอท แต่พอผ่านการตรวจของ อย. ไปแล้ว คราวนี้เขาจะใส่อะไรก็ได้ อย่างไหนที่โฆษณาว่าทาแล้วขาวทันใจ โปรดเว้นไว้ห่าง ๆ เลย แต่ถ้าบอกว่าบำรุงผิว ทำให้เต่งตึง ทำให้ชุ่มชื้น ยังพอที่จะเชื่อได้"


ถาม : เราอยู่ในบริษัทที่ทำครีมประเภทนี้ เราเป็นผู้จัดจำหน่าย หรือเป็นเซลล์ อย่างนี้เรามีส่วนร่วมเต็มร้อยไหมครับ ?
ตอบ : ทำตามหน้าที่ของเรา อย่าไปโฆษณาเกินจริง หรือไม่ก็บอกเขาว่าขาวพักเดียวนะ ต่อไปจะลายเป็นตุ๊กแก...!

ดูแลร่างกายให้สะอาด ชำระจิตใจให้ผ่องใส สำคัญกว่ามาก แต่คนเรามักจะไปยึดแค่ร่างกายนี้ อยากจะสวย ถึงเวลาแพ้ครีมขึ้นมาก็ลายเป็นตุ๊กแก อาตมาเห็นบางคนยังนึกว่าเพิ่งจะกลับชาติจากตุ๊กแกมาเกิดเป็นคน..!

เถรี 08-02-2018 22:21

ถาม : ชาวบ้านไม่พอใจ ขู่จะเผาวัด (พระมาปรึกษา) ?
ตอบ : เรื่องของเขา จะไปเดือดร้อนอะไรกับเขา เขาจะมามากเท่าไรเราก็เหมือนเดิม ถ้าเป็นผมต้องบอกว่า “กูไม่รังแกมึงก็เป็นบุญของมึงแล้ว..!” คุณคงเข้าใจใช่ไหม ?

ถ้าเขาจะประชุมก็ให้ประชุมไป ส่วนเราเอาเรื่องของกฎหมายบ้านเมืองเป็นหลัก เรื่องของระเบียบของคณะสงฆ์เป็นหลัก ไม่ใช่เรื่องความพอใจของชาวบ้านเป็นหลัก

ถ้าเราไม่ให้ความร่วมมือเสียอย่างเขาจะทำอะไรได้ อยากจะทำอะไรก็เชิญ ถ้าเผาวัดเราก็ถ่ายคลิป ไม่ต้องเสียเวลาไปเถียงกับเขาหรอก เพราะว่าการไปเถียงกับเขา ภาพพจน์ของพระเราจะไม่ดี มีอยู่อย่างเดียวคือ ถ้าจะเจรจากันดี ๆ ก็ติดต่อมา

เรื่องของพระในวัดมีอยู่สองอย่างด้วยกัน อย่างแรกก็คือเขาอยู่กับเรารู้สึกว่าดีเขาก็จะอยู่ แต่ถ้าอยู่กับเราอยู่แล้วไม่มีอะไรดี เขาก็ไปกันหมด แล้วเรื่องนี้บางทีก็ต้องดูที่ตัวเราเองด้วย ว่าทำอะไรไม่เป็นที่ถูกใจของพระในปกครองหรือเปล่า ?

เถรี 08-02-2018 22:24

ถ้าเป็นผม ชาวบ้านกระเจิงไปนานแล้ว คุณปรึกษาผมได้ แต่กำลังใจคนละอย่างกัน วิธีบริหารคนละอย่างกัน ปรึกษาแล้วจะได้อะไร ?

แจ้งทางเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอไป ส่งรายละเอียดให้ท่านว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เราก็มีหน้าที่รักษาวัด นอกนั้นก็แล้วแต่นโยบายของเจ้านายเขา เป็นไปไม่ได้หรอกที่ชาวบ้านจะใหญ่กว่าศาล ถ้าหากว่านักข่าวมาก็ถามสิว่า สิ่งที่ศาลตัดสินนี่สามารถใช้กฎหมู่เอาชนะได้ใช่ไหม ? เราจะได้ไม่ต้องเชื่อกฎหมายกัน การอยู่ในที่ซึ่งคุณไม่ได้มีสิทธิ์เลย เวลาอยู่แล้วคิดว่าเป็นของคุณโดยที่ไม่มีสิทธิ์ที่จะครอบครองเลย เป็นสิ่งที่ถูกต้องใช่ไหม ?

ก็บอกไปสิว่าจะคุยก็มาคุยกันในวัด ที่วัดสถานที่ก็มี ถ้าทหารมาเชิญตัวไปไม่ใช่แปลว่าเราต้องไป ทหารไม่ได้มีอำนาจอะไรเลย อำนาจตามกฎหมายเป็นของตำรวจ แต่ตำรวจถ้าไม่มีหมายจับหรือหมายค้นก็ทำอะไรเราไม่ได้ ยกเว้นว่าเป็นความผิดซึ่งหน้า ไม่ได้แปลว่าเขาเรียกมาแล้วเราต้องไป

เถรี 08-02-2018 22:30

ถ้าเขามารุมกระทืบพระนี่เป็นสิ่งที่เราต้องการ เพราะว่าผิดกฎหมายชัดเจนเลย คดีอาญายอมความไม่ได้ด้วย คุณจะฟ้องหรือไม่ฟ้องอัยการเขาก็ต้องจัดการเอง จริง ๆ แล้วควรที่จะกวนตีนให้เขากระทืบเราเสียด้วยซ้ำไป...!

ผมไม่เคยคิดอะไรล่วงหน้าเลย แก้ไขตามสถานการณ์ตลอด คิดล่วงหน้าก็ประสาทกินไปก่อน

เจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงานโดยกฎหมาย มีสิทธิ์ในการปกครองสอดส่องดูแล และใช้อำนาจตามราชบัญญัติคณะสงฆ์ในพื้นที่ของตัวเอง ถ้าไม่มีความผิดอะไรชัดเจน ทางด้านคณะสงฆ์ไม่มีใครปลดคุณออกได้ เพราะว่าจะเป็นการใช้หน้าที่โดยมิชอบ
ถ้าเราไม่ออกเอง ไม่มีเจ้านายคนไหนเขามาเสี่ยงด้วยหรอก

เถรี 08-02-2018 23:13

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระสายวัดป่าท่านบอกว่า ถ้าเจ็บไข้ได้ป่วยอย่าเอาเข้าโรงพยาบาล พอเข้าโรงพยาบาลแล้วต้องตามความเห็นของหมอ เพราะฉะนั้น...หลวงปู่หลวงพ่อสายวัดป่าท่านไม่ค่อยอยากเข้าโรงพยาบาลกันเท่าไร

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกเลยว่า ที่ตายของท่านคือโรงพยาบาล ท่านบอกว่า "ถ้าอย่างไรเอ็งอย่าเอาข้าเข้าไป" แต่ก็อย่างว่าแหละ..ถึงเวลาเขาก็เอาท่านเข้าไป ที่น่าเสียดายที่สุดคือหลวงปู่ครูบาธรรมชัย ยังไม่หมดอายุ คือท่านเข้าโรงพยาบาลแล้ว ท่านเห็นว่าทำไมคืนนี้ไฟถึงได้สว่างผิดปกติ ถามลูกศิษย์ก็บอกว่า วันนี้เขาประดับไฟเนื่องจากวันที่ ๕ ธันวาคม ท่านก็ตั้งใจเข้าสมาธิถวายบุญในหลวง ร.๙

ปรากฏว่าพอท่านเข้าสมาธิ กราฟหัวใจไม่ขึ้น เครื่องดังตี๊ดดด..! รายงานว่าไปแล้ว พวกพยาบาลก็เลยปั๊มหัวใจกันใหญ่ จนท่านรำคาญ ท่านก็เลยไปเลย

ของหลวงปู่มหาอำพันดีที่ผมเฝ้าอยู่ เพราะหมอเขาตรวจเสร็จ เขาวิ่งตาเหลือกไปตามหัวหน้าตึกมา บอกว่าหลวงปู่สิ้นแล้ว ผมก็เลยสะกิด “หลวงปู่ครับ หมอเขาตกใจ” ท่านก็เลยลืมตาขึ้นมาดู"


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:41


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว