กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   ปกิณกธรรมจากเกาะพระฤๅษี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=44)
-   -   วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๐ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=1809)

เถรี 07-05-2010 10:04

วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๐
 
วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๐

การปฏิบัติของเรา ทำไปเพื่อประโยชน์หลายสถานด้วยกัน อันดับแรก เพื่อประโยชน์ของตน พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า

๑. ทิฏฐธรรมมิกัตถประโยชน์* คือ ประโยชน์ในชาติปัจจุบัน บุคคลที่กำลังใจทรงตัวตั้งมั่นไม่หวั่นไหว จิตใจจะสงบเยือกเย็น มีปัญหาทางโลกก็มีสติแก้ไขได้ มีปัญหาทางธรรมก็มีปัญญาแก้ไขได้ ทำให้เราอยู่สุขอยู่เย็นในชาติปัจจุบันนี้

๒. สัมปรายิกัตถประโยชน์ อันนี้เป็นประโยชน์ในชาติต่อไป ถ้าหากว่ากำลังใจทรงตัวตั้งมั่น ก็จะไปเกิดเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหมได้ แปลว่า เรามีสุคติเป็นที่ไป

๓. ปรมัตถประโยชน์ เป็นประโยชน์สูงสุด คือ ประโยชน์ในทางธรรมโดยเฉพาะ ถ้าปฏิบัติดี ปฏิบัติถูก ก็จะเข้าถึงความเป็นพระอริยะเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป จนกระทั่งหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานได้ อันนี้เป็นประโยชน์เฉพาะตัวของเรา

ประโยชน์ต่อไปก็คือว่า คนรอบข้างที่อยู่ใกล้เรา ถ้าหากว่าเราเป็นผู้ที่ดีพร้อมด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ คนอยู่ใกล้ก็จะสงบเยือกเย็นตามไปด้วย แปลว่า ได้รับความสงบ ความร่มเย็นจากการที่เราเป็นผู้ปฏิบัติดี มีกาย มีวาจา มีใจ ที่ดี

อันดับต่อไปก็คือ ญาติโยมของเราที่ล่วงลับไปแล้ว ต้องการส่วนกุศลนี้จากเรา แม้แต่บุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องการ ดังนั้นว่า เราทำความดีอยู่ทุกวันนี้ ต้องระลึกอยู่เสมอว่าเราไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น ยังมีบุคคลอีกจำนวนมากที่ต้องการความดีส่วนนี้จากเรา โดยเฉพาะพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามาด้วยความเหนื่อยยาก



หมายเหตุ :
* ขุ.ม. ๒๙/๒๙๒/๒๐๕ ; ๓๒๐/๒๑๗ ; ๗๒๗/๔๓๒ : ขุ.จู. ๓๐/๖๗๓/๓๓๓

เถรี 07-05-2010 10:07

ไม่ว่าชาติไหนก็ตาม เรามีพ่อหนึ่ง มีแม่หนึ่งเท่านั้น ไม่เกินจากนี้ไปได้ พ่อแม่เป็นแดนเกิด ถ้าไม่มีท่านเราไม่สามารถจะเกิดมาได้ ท่านต้องทุกข์ยากลำบากเลือดตาแทบกระเด็น กว่าจะเลี้ยงดูเราเติบโตขึ้นมาได้ แม้ในยามคลอด แม่ก็ต้องเสี่ยงชีวิต ไม่รู้ว่าจะคลอดลูกออกมาให้อยู่รอดปลอดภัยได้ หรือว่าตัวเองจะต้องสิ้นชีวิตลงไป ถ้ากำลังกายไม่ดีพอ

ดังนั้นว่าวิธีทดแทนที่ง่ายที่สุด ดีที่สุด ก็คือ การปฏิบัติในทาน ในศีล ในภาวนา ที่มีอานิสงส์สูงสุด ถ้าหากว่าในความเป็นพระเป็นเณร เราบวชปุ๊บ พ่อแม่จะได้กุศลในส่วนนี้ทันที

ในอรรถกถาท่านกล่าวไว้ว่า พ่อแม่ได้เสียกันในวันนั้น แล้วก็มีอันต้องแยกย้ายจากกันไป ปรากฏว่ามีลูกติดท้องไปด้วย พอคลอดลูกออกมาก็พลัดพรากจากกันไปอีก โดนคนอื่นเก็บเอาไปเลี้ยง

เป็นอันว่าเด็กนั้นตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้เลยว่าพ่อแม่ที่แท้จริงเป็นใคร แต่ถ้าเขาได้บวชเมื่อไร อานิสงส์จะเป็นของพ่อกับแม่เขาทันที บุญพิเศษประเภทเดียว ที่พ่อแม่ไม่ต้องอนุโมทนาก็ได้รับ คือบุญของการบวชพระบวชเณร เรียกว่าบุญของเนกขัมบารมี

คราวนี้ถ้าหากว่าเราเป็นผู้หญิง เราไม่สามารถบวชพระบวชเณรได้ วิธีที่พ่อแม่จะได้บุญนั้นก็คือ สร้างความเป็นพระอริยะเจ้าให้เกิดขึ้นกับเราให้ได้ ทันทีที่เราก้าวถึงความเป็นพระโสดาบัน นั่นเราเป็นพระแล้ว ยิ่งกว่าพระเณรทั่ว ๆ ไปเสียอีก

อันนั้นอานิสงส์จะเต็มที่กับบุคคลที่เป็นพ่อเป็นแม่ของเรา นั่นหมายถึงว่า เวลาเราบวชมา อุทิศส่วนกุศลไปให้ญาติพี่น้องของเรา ที่ล่วงลับไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นญาติผู้ใหญ่ก็ตาม ผู้น้อยก็ตาม ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ท่านจะได้มีส่วนโมทนาในความดีของเราที่อุตส่าห์สร้างสมเอาไว้

เถรี 08-05-2010 09:58

อันดับต่อไปก็คือ สรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะภพใดภูมิใดก็ตาม เขาทั้งหลายเหล่านั้น ต้องการความสงบความร่มเย็นเป็นปกติ เขาต้องการอานิสงส์จากพวกเรา การสวดมนต์ทำวัตรก็ดี การทำกรรมฐานก็ดี จะส่งออกซึ่งกระแสเย็น ที่ช่วยไปดับร้อนในภพภูมิของเขาทั้งหลายเหล่านั้น ให้เขาได้รับความสุข

แม้ว่าจะเป็นการรับความสุขเฉพาะหน้าไม่ยั่งยืนก็ตาม แต่ถ้าหากว่าท่านใดสามารถอนุโมทนาในความดีของพวกเราได้ เขาก็จะได้รับความดีเท่ากับที่เราทำเอง ถ้าหากว่าเป็นแค่ทาน ศีล ภาวนาเบื้องต้น เขาก็จะเข้าถึงสุคติ คือความเป็นเทวดา เป็นนางฟ้าได้

ถ้าหากว่าเป็นขั้นกลางคือสามารถทรงฌานได้ เขาก็จะเป็นพรหมได้ตามกำลังฌานที่เราทรงอยู่ และถ้าหากว่า เราทำถึงที่สุดได้ เราก็สามารถสงเคราะห์ให้เขาไปนิพพานได้เช่นกัน

เรื่องของการปฏิบัติภาวนา จริง ๆ แล้ว ต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างได้ แล้วทำไมท่านที่โมทนาถึงได้แบบเรา ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้ทำ พระพุทธเจ้าสอนในสิ่งที่คัดค้านกันหรือ ?

จริง ๆ แล้วไม่ได้ค้านกันเลย เพราะว่านั่นเขาก็ทำเอง การจะสร้างกำลังใจของตน ให้ยินดีในความดีคนอื่นนั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ยากที่สุด แต่ว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นสามารถทำได้ นั่นคือการที่เขาทำด้วยตัวเขาเอง ความดีของเราเป็นเพียงส่วนหนุนเสริมกำลังความดีของเขาเท่านั้น

ดังนั้น การที่จะทำความดี ไม่ว่าอยู่ในลักษณะใดก็ตาม ต้องทำด้วยตัวของเราเอง ต้องดิ้นรนด้วยตัวของเราเอง ไม่มีใครทำแทนกันได้

เถรี 08-05-2010 10:00

พระบาลีกล่าวไว้ชัดว่า สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ นาญฺโญ อญฺญํ วิโสธเย** การจะเข้าถึงความบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ เป็นของจำเพาะตน บุคคลหนึ่งจะทำให้อีกบุคคลหนึ่งให้เข้าถึงความบริสุทธิ์นั้นไม่ได้

เพียงแต่ว่า..ถ้าหากว่ากำลังใจของเราสืบเนื่องต่อกัน เราก็สามารถที่จะสงเคราะห์คนเขาอื่นได้ เขาเห็นความดีของเรา เขามีจิตชื่นชมยินดี สร้างกำลังใจให้ยินดีในความดีของเราได้ เขาก็จะมีส่วนรับความดีของเราได้ทันที

ดังนั้น..การที่เรามาบวชก็ดี มาปฏิบัติก็ดี สิ่งที่เราทำนั้น นอกจากเพื่อประโยชน์ตนแล้ว ยังเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่นอีกนับไม่ได้ ถ้าหากว่าบุคคลรอบข้างของเราดี ก็แปลว่าสถานที่ที่เราอยู่นั้นก็จะดีไปด้วย

ถ้าคนช่วยกันทำความดีนั้นมาก ๆ เข้า ความดีแผ่กระจายกว้างไกลออกไป หมู่บ้านก็จะดี ตำบลก็จะดี อำเภอก็จะดี จังหวัดก็จะดี ประเทศชาติก็จะดี หลาย ๆ ประเทศถ้าหากว่ามีคนตั้งใจช่วยกันทำความดี โลกเราก็จะดี

เพราะฉะนั้น..ขอให้ทุกคนทราบว่า เราไม่ได้ทำความดีเฉพาะตัวของเราคนเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำนั้น ส่งผลกระทบกระเทือนทั่วไปหมด ไม่ว่าจะกระเทือนในด้านดี หรือว่าด้านไม่ดีก็ตาม สะเทือนไปทุกภพทุกภูมิ ทุกหมู่ทุกเหล่า ทุกดวงดาว ทุกจักรวาล


หมายเหตุ :
** ขุ.ธ. ๒๕/๓๗ ; ขุ.มหา. ๒๙/๓๗ ; ขุ.จู. ๓๐/๑๑๖

เถรี 08-05-2010 10:02

สิ่งที่เราทำนั้น สามารถเปลี่ยนแปลงได้แม้แต่ดินฟ้าอากาศ หรือการโคจรของดวงดาว เปลี่ยนแปลงได้แม้แต่สภาพของโลกนี้และโลกอื่น ๆ ถ้าเราไม่ตระหนักถึงผลตรงนี้ จิตใจของเรายังทรงไว้แต่สิ่งที่ไม่ดี ก็จะพาให้เขาเดือดร้อนกันอีกจำนวนมาก

แต่ถ้าเราตระหนักถึงตรงนี้ แล้วสร้างความสุขความเยือกเย็นใจให้กับตนเอง สร้างความสุขความเยือกเย็นใจให้กับคนรอบข้าง สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกภพทุกภูมิ ทุกหมู่ทุกเหล่า โดยเฉพาะท่านทั้งหลายที่มีกรรมสืบเนื่องกันมา เคยเป็นญาติเป็นโยม เป็นพี่เป็นน้องกันมา เขาจะได้รับประโยชน์จากตรงนี้อย่างมหาศาล

ดังนั้น..เราทุกคนจึงจำเป็นต้องทุ่มเทให้กับการปฏิบัติ เพราะว่าเราเหมือนกับหัวรถไฟ เป็นรถจักรที่จะนำหน้าเขา ถึงเวลาจะมีคนมาคอยพ่วง คอยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าเราไม่สามารถที่จะทำตนเองให้เข้มแข็ง ไม่สามารถที่จะชักนำเขาให้คล้อยตามไปได้ นอกจากเสียประโยชน์ของตนแล้ว ยังเสียประโยชน์ของคนอื่นด้วย

ในวันนี้สิ่งที่ฝากไว้คือว่า สิ่งที่เราทำนั้น มีผลกระทบต่อคนอื่นทั้งหมด ดังนั้น..ให้เรากระทำแต่ในด้านดี ๆ เท่านั้น เพื่อที่ถึงเวลาแล้ว ท่านอื่น ๆ ก็จะได้รับผลดี ประเทศชาติจะได้รับผลดี ชาวโลกทั้งหลายก็ได้รับผลดี สรรพสัตว์ทั้งหลายก็พลอยได้รับผลดีอันนี้ไปด้วย

เราไม่ได้อยู่คนเดียว ทุกสิ่งที่เราทำ ส่งผลดีผลร้ายแก่ตัวตน แก่คนอื่น แก่สัตว์อื่น แก่โลกนี้ทั้งโลก และแก่โลกอื่น ๆ ด้วย ดังนั้นให้เลือกทำเฉพาะในสิ่งที่ดี ๆ เท่านั้น
----------------------------------


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:09


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว