กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=4990)

เถรี 01-05-2016 19:13

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๙
 
ถาม : ห้ามใส่พระเครื่อง วัตถุมงคล เข้าสถานบริการทางเพศ หรือใส่มีเพศสัมพันธ์เด็ดขาด ถ้าฝ่าฝืนวัตถุมงคลจะเสื่อม จริงหรือไม่จริงครับ ?
ตอบ : มีทั้งจริงและไม่จริง ที่จริงก็คือกติกาข้อห้ามของครูบาอาจารย์ที่สร้างวัตถุมงคลไว้เป็นเช่นนั้น ส่วนที่ไม่จริงก็คือครูบาอาจารย์ที่ท่านไม่ถือสา เราก็ใช้ลุยไปเถอะ ท่านไม่ได้ว่าอะไรหรอก

ถาม : ใส่พระเครื่อง วัตถุมงคล ห้ามเป็นชู้ลูกเมียเขา ถ้าฝ่าฝืนวัตถุมงคลเสื่อม จริงหรือไม่จริงครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่วัตถุมงคลเสื่อมหรอก ทำเมื่อไรตัวคนทำเสื่อมแน่ ๆ..!

เถรี 01-05-2016 19:15

ถาม : ตามที่หลวงพ่อได้เคยกล่าวแนะนำสูตรยารักษาศีรษะล้าน ที่ใช้เปลือกต้นแค แช่กับน้ำซาวข้าวทิ้งไว้ ๓ คืน แล้วทาเพื่อให้ผมงอก ขอกราบเรียนถามว่า สูตรนี้จะใช้กับการปลูกขนคิ้ว สำหรับคนที่ไม่ค่อยจะมีคิ้วได้ด้วยไหมครับ ?
ตอบ : เข้าใจผิดไปไกล สูตรเปลือกแคแช่น้ำซาวข้าว เขาเอาไว้รักษาหมาขี้เรื้อนที่ขนร่วงหมด แล้วมีคนหัวล้านลองเอาไปใช้ดู

ในเรื่องของขนคิ้ว โบราณเขาใช้ดอกอัญชัน ขยี้ให้ช้ำ ๆ แล้วก็เขียนเอา แต่สมัยนี้ไปให้เขาสักคิ้วจะง่ายกว่ากระมัง ?

เถรี 01-05-2016 19:18

ถาม : ขอกราบเรียนถามหลวงพ่อขอความรู้เรื่องสาลิกาครับ ว่ามีมงคลในด้านไหน ?
ตอบ : เรื่องสาลิกาถ้าตอนเด็ก ๆ อาตมาก็ว่าอร่อยดีนะ กินมาเยอะแล้ว แต่ให้ระวังว่าบรรดาสัตว์ปีก สัตว์บก สัตว์น้ำ ที่อยู่ตามธรรมชาติ ส่วนใหญ่จะมีพยาธิเยอะ ฉะนั้น...เวลาทำก็ทำให้สะอาดหน่อย ...(หัวเราะ)... นี่ไปไกลแล้ว

สาลิกาที่ว่าหมายถึงวิชาการอย่างหนึ่ง ที่เขามีการสร้างวัตถุเป็นรูปนกตัวเล็ก ๆ หรือทำเป็นรอยสัก ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะดีทางด้านการเจรจา ก็แปลว่าจะดีทางด้านเมตตามหานิยม แต่ถ้าเป็นหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่าตำราพวกนี้ท่านโยนทิ้งหมด

ท่านบอกว่าถ้าใช้สังคหวัตถุ ๔ ตามแบบของพระพุทธเจ้า ยิ่งกว่าทำเสน่ห์เสียอีก ก็คือ ทาน รู้จักแบ่งปันให้กับคนอื่น ปิยวาจา พูดดีพูดไพเราะเป็นปกติ อัตถจริยา ทำประโยชน์ให้แก่เขา สมานัตตตา เอาใจเขามาใส่ใจเรา เขาชอบอะไรเราก็ทำอย่างนั้นให้เขา เขาไม่ชอบอะไรก็อย่าทำสิ่งนั้น ท่านบอกว่าพระพุทธเจ้าสอนวิธีทำเสน่ห์ไว้สองพันกว่าปีแล้ว แต่ไม่ค่อยมีใครทำ ส่วนใหญ่ก็ไปสนใจสาลิกา รักยม กุมารทอง


ถาม : ของพวกนี้ได้ผลจริงไหมครับ ?
ตอบ : จริงบ้างไม่จริงบ้าง ถ้าเจอของท่านที่รู้จริง สร้างแล้วก็มีผลจริง สมัยนี้ส่วนใหญ่สร้างเพื่อการค้า จึงไม่ค่อยจะจริง

เถรี 01-05-2016 19:19

ถาม : ถ้าผมโมทนาบุญของพระรัตนตรัยทุก ๆ พระองค์ โดยที่ผมไม่รู้ว่าท่านทำบุญอะไรมาบ้าง แต่รู้สึกปลื้มใจบุญที่ท่านทำมาจนได้เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า เลยอยากทราบว่าผมจะได้อานิสงส์ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่รู้ว่าท่านทำอะไรมาบ้างก็ไม่ได้ ปัตตานุโมทนามัย ก็คือ รู้เห็นว่าผู้อื่นได้กระทำในส่วนบุญกุศลที่เราไม่มีโอกาสได้กระทำ ก็เลยยินดีและโมทนาในส่วนของความดีนั้น ๆ ถ้าคุณไม่รู้แล้วจะไปโมทนาอีท่าไหน ? หลับหูหลับตาเหวี่ยงมั่ว ๆ ไป เผื่อจะถูกหรืออย่างไร ?

เถรี 01-05-2016 19:29

ถาม : ต่อจากคำถามอาทิตย์ก่อน ที่ผมถามเกี่ยวกับสมัยผมอายุ ๑๕ ปี แล้วทำสมาธิจนได้ฌาน แล้วรู้สึกสุขมาก ๆ เหมือนที่พระท่านกล่าวว่า กิเลสคือไฟ ถ้าดับได้จะสุขมาก
ตอบ : โปรดทราบว่า ถ้าดับไฟจะไม่สุก อาตมาทำกับข้าวมาตั้งแต่เด็ก ยืนยันได้ว่าดับไฟแล้วไม่สุก...!

ถาม : ตอนนั้นผมคิดว่าผมเป็นพระอรหันต์ รอวันตายอย่างเดียว แต่มารู้ทีหลังว่าเป็นอุปกิเลส และตอนนี้ผมอายุ ๑๙ แล้วเวลาทำสมาธิหรือคิดเรื่องงาน บางครั้งผมก็รู้ว่า อารมณ์ปรามาสพระจะเกิด ผมก็ช่างมันและสักแต่ว่ารู้ แล้วทำให้ผมเชื่อสิ่งที่หลวงพ่อบอกว่า เวลาที่เราจะเข้าถึงความดี กิเลสมันจะชวนให้เราฟุ้งซ่าน และคิดเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องที่ดี ผมเลยอยากทราบ วิธีพิจารณาสังขาร หรือภาษาไทยแปลว่าความคิด จะพิจารณาอย่างไรว่ามันไม่ใช่เรา จะพิจารณาอย่างไรหรือครับ ?

ตอบ : ความคิดเขาไม่ได้ให้พิจารณา เขาให้หยุดคิด ถ้าเราหยุดการคิดหรือหยุดการปรุงแต่งได้ก็จะไม่สร้างทุกข์ให้เกิดกับตัวเอง ถ้าหยุดการคิดหรือการปรุงแต่งไม่ได้ ก็เท่ากับสร้างทุกข์ให้ตัวเองอยู่ตลอด เพราะฉะนั้น...แยกแยะเสียใหม่และทำให้ถูก

ไม่ใช่ความคิดเกิดขึ้นแล้วก็ไปพิจารณา ไปจ้องดูเหมือนที่บางสายท่านบอกว่า "คิดหนอ...คิดหนอ" ถ้าอย่างนั้นก็ดูต่อเถอะ คนกำลังฟุ้งซ่านอยู่จะไปเห็นธรรมอะไร นอกจากเรื่องที่ตัวเองกำลังฟุ้งซ่านเท่านั้น

เถรี 01-05-2016 19:33

ถาม : ถึงผมจะรู้ดีว่า สมาธิจากฌานสมาบัตินั้น สุขกว่ากามสุขจนเทียบไม่ได้เลย แต่ผมอายุ ๑๙ ก็อยากมีแฟนเป็นธรรมดา อยากทราบว่า นักรบอย่างขุนแผน ท่านก็มีเมียมาก หรือบุคคลที่ทรงโลกีย์อภิญญา ท่านทำกำลังใจทรงฌานนึกจะเข้าฌานนั้น ออกจากฌานนี้เข้าฌานนั่น ในเมื่อท่านยังมีภรรยาอยู่อย่างไรหรือครับ ? หลวงพ่อช่วยอธิบายทีครับ ผมจะเอาไปฝึก
ตอบ : ท่านก็อยู่อย่างสามีภรรยานั่นแหละ ใครเขาจะโง่ไปเข้าฌานตลอดเวลา เข้าฌานตลอดเวลาก็บ่มิไก๊เท่านั้น...!

เถรี 01-05-2016 19:34

ถาม : ผมรู้สึกว่าชาติก่อนผมคงทำบุญมาดี เนื่องจากได้เข้าฌานสมาบัติในตอนอายุยังน้อย แล้วทำให้ผมหายสงสัยเกี่ยวกับกฎแห่งกรรม สวรรค์ นรก และเรื่องอื่น ๆ แล้วผมสงสัยว่า ทำไมผมถึงเกิดไม่ทันหลวงพ่อวัดท่าซุงหรือหลวงปู่ปานก็ดี ?
ตอบ : ก็เพราะเกิดช้า ถ้าเกิดเร็วก็ต้องทันอยู่แล้ว...!

เถรี 01-05-2016 19:36

ถาม : บุคคลที่อยู่ต่างประเทศ แล้วเขาอยากจะบนพระหรือเทวดา เขาควรจะทำอย่างไรหรือครับ ?
ตอบ : อยากจะบนก็บน ยังจะต้องทำอะไรอีก ?

เถรี 01-05-2016 19:39

ถาม : คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า ที่เวลาภาวนาจนเป็นฌานแล้ว จะเข้าใจเนื้อหาในหนังสือได้โดยไม่ต้องอ่าน อยากทราบว่าจะภาวนาอย่างไรให้เป็นฌานครับ ?
ตอบ : ภาวนาควบกับลมหายใจเข้าออก

ถาม : ตามที่ผมเข้าใจ คือท่องคาถาแล้วควบกับกำหนดรู้ลมหายใจไปเรื่อย ๆ จนเป็นฌาน หรือว่าต้องเข้าฌานสมาธิจากฌานใดฌานหนึ่งก่อน แล้วออกจากฌานนั้นแล้วท่องคาถา ?
ตอบ : ใช้ได้ทั้งสองอย่าง จะภาวนาจนเป็นฌานก่อนก็ได้ หรือเข้าฌานก่อนค่อยภาวนาก็ได้

ถาม : มีผลเสมอกันไหมครับ ?
ตอบ : เข้าฌานก่อนแล้วภาวนารู้สึกว่าจะสะดวกกว่า แต่จะไปเสียเวลาตรงที่ว่า ทำอย่างไรจะเข้าฌานได้นี่แหละ..!

เถรี 01-05-2016 19:42

ถาม : อยากทราบวิธีนอนไม่ถึง ๕ ชั่วโมง แล้วเวลาตื่นขึ้นมาสดชื่นไม่รู้สึกเหนื่อย ต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : นอนกลางแจ้ง ทุกวันนี้ที่ส่วนใหญ่พวกเราตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกง่วง รู้สึกเพลีย เพราะไปนอนอยู่ในห้องปรับอากาศ ซึ่งออกซิเจนมีน้อยมาก ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ตื่นขึ้นมาบางคนก็มึนงง บางคนก็ง่วงเหงาหาวนอน อยากจะนอนต่ออย่างเดียว เพราะฉะนั้น...อยากจะนอนให้เต็มอิ่มให้ไปนอนกลางแจ้ง แต่อย่าไปนอนกลางถนน...!

เถรี 02-05-2016 14:19

ถาม : เจตสิกคืออารมณ์ ที่จิตไปรับรู้ใช่ไหมครับ ? และพระอรหันต์ท่านดับอกุศลเจตสิกไปหมดแล้วใช่ไหมครับ ?
ตอบ : เจตสิกคืออารมณ์ใจที่ไปรับรู้เรื่องอื่น ๆ เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นการทำงานของใจ ถ้าเป็นพระอริยเจ้าระดับสูง ๆ ขึ้นไป การทำงานของใจของท่านจะประกอบไปด้วยการปรุงแต่งของใจที่น้อยมาก

คำว่าการปรุงแต่งที่น้อยมาก คือ ไม่ได้ปรุงแต่งไปในด้าน รัก โลภ โกรธ หลง แต่ว่าปรุงไปเพื่อเป็นไปตามเหตุเฉพาะหน้าเท่านั้น อย่างที่พิจารณาดูแล้วว่า ถ้าทำเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ดี เป็นแบบอย่างแก่คนอื่นได้ท่านก็ทำ ถ้าหากว่าทำไปไม่มีประโยชน์ก็ไม่ทำ ฉะนั้น...จะเรียกว่าการปรุงแต่งของท่านก็ไม่ใช่หรอก เป็นการพิจารณาเรื่องที่ควรหรือไม่ควรที่เหมาะกับเฉพาะหน้ามากกว่า

เถรี 02-05-2016 14:20

ถาม : ถ้าพระอุปัชฌาย์ติดอาบัติปาราชิกไม่ใช่สังฆาทิเสส ซึ่งขาดจากความเป็นพระแล้ว ไปทำการบวชสามเณรให้โยม แล้วโยมนั้นจะสำเร็จเป็นสามเณรหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าต้องอาบัติปาราชิกก็แปลว่าไม่ใช่พระ ไม่ใช่พระก็เป็นโยม โยมจะบวชเณรบวชพระได้ไหม ?

เถรี 02-05-2016 14:25

ถาม : สมมติว่า หลวงพี่แดงนำน้ำอ้อยที่เหลือจากฉันเพลที่โยมถวายสังฆทาน มาไว้ในตู้เย็นของวัดจำนวนสี่ขวดเพื่อไว้ฉันเป็นส่วนตัว แล้วหลวงพี่เขียวไปหยิบน้ำอ้อยในตู้เย็นนั้นมาฉันหนึ่งขวด เพราะคิดว่าเป็นของจากการถวายสังฆทาน ใครจะฉันก็ได้โดยหลวงพี่แดงไม่รู้ ต่อมาหลวงพี่แดงมาเห็นว่าน้ำอ้อยหายไปหนึ่งขวด แล้วโวยวายไม่พอใจที่มีคนอื่นมาหยิบน้ำอ้อยของตนไป กรณีนี้หลวงพี่เขียวจะติดอาบัติปาราชิกหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ลงนรกทั้งคู่..! อันดับแรกคือห่วงกิน เข้าใจคำว่าห่วงกินไหม ? กำลังใจยังไปห่วงกับเรื่องกิน ถึงขนาดต้องตุนเอาไว้ ซึ่งไม่ใช่วิสัยของพระ อันดับสอง ผิดพระวินัย ในพระวินัยท่านบอกว่า อันโตวุฏฐะ คือห้ามหุงต้มอาหารเอง อันโตปักกะ ห้ามเก็บอาหารไว้เอง สามปักกะ ห้ามเก็บอาหารไว้ในที่อยู่ของตน เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องเสียเวลาไปเถียงหรอกว่าโดนอาบัติหรือเปล่า ไปนรกทั้งคู่นั่นแหละ..!

เถรี 02-05-2016 14:34

ถาม : การทำกรรมฐานโดยการเอาสติจี้ ตามรู้คลุกเคล้าเป็นหนึ่งเดียวติดแนบกับกองลมไปตลอดสาย กับการเอาสติตามดูรู้กองลมอยู่ห่าง ๆ เหมือนยืนดูสายน้ำอยู่ตลอดสาย มีผลต่อการปฏิบัติต่างกันอย่างไร ? และแบบไหนเข้าฌานได้เร็วกว่า ?
ตอบ : ถ้ากังวลมากก็เข้าฌานไม่ได้สักอย่างหนึ่ง การดูลมหายใจเข้าออกให้ปล่อยลมหายใจตามปกติ จะแรงจะเบา จะยาวจะสั้น อย่างไรก็แล้วแต่ เรามีหน้าที่ตามดูตามรู้ไปเฉย ๆ ไม่ใช่ตามดูตามรู้เพราะอยากจะเข้าฌาน ถ้าตามดูตามรู้เพราะอยากจะเข้าฌานยังเป็นความฟุ้งซ่านอยู่ โอกาสที่จะทรงฌานก็ไม่มี

เถรี 02-05-2016 14:36

ถาม : เคยฝันหรือกำลังจะหลับ เห็นภาพเหตุการณ์ และตัวเองกำลังรู้สึก กำลังคิดอะไร แต่ตอนนั้นเหมือนเหตุการณ์สั้น ๆ ไม่สำคัญ จนวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์เสี้ยวนั้นจริง ๆ และเป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งการเกิดเหตุการณ์จริงไม่ติดใจ แต่การที่ไปรับรู้ได้ถึงความรู้สึกกำลังนึกคิดได้แบบนั้น เขาเรียกอะไรครับ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าฝัน ตัวเองก็บอกว่าฝัน ดันถามว่าเรียกว่าอะไร...! การที่ฝันแล้วรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ เขาเรียกว่าทิพจักขุญาณอย่างอ่อน โบราณเรียกว่า เทพสังหรณ์

เถรี 02-05-2016 14:42

ถาม : ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีการคัดเลือกเพศบุตร โดยการคัดตัวอ่อนที่ได้จากการผสมในจานทดลอง แล้วคัดตัวอ่อนที่มีเพศที่ต้องการ จึงนำไปใส่ในมดลูกของเพศหญิง ส่วนตัวอ่อนที่ไม่ต้องการก็จะทิ้งไป การทำอย่างนี้ถือว่าเป็นกรรมปาณาติบาตหรือไม่ครับ ?
ตอบ : รับรองได้ว่าคนถามไม่เคยทำ เขาไม่ได้คัดเลือกเพศของตัวอ่อน แต่เขาคัดเลือกเชื้อที่สามารถทำให้เกิดเพศนั้น ๆ ได้ อย่างเช่น โครโมโซม X โครโมโซม Y ที่จะทำให้เกิดเพศทารก ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม เขาก็คัดเลือกเฉพาะโครโมโซมที่ทำให้เกิดเพศชายขึ้นมา ยังไม่ทันจะเป็นตัวเป็นตน ถ้าคุณใช้คำว่าตัวอ่อนก็เท่ากับฆ่าสัตว์นะสิ...!

เถรี 02-05-2016 14:52

ถาม : เวลาผมทำกรรมฐานผมชอบลืมตาแล้วภาวนาครับ แล้ววันหนึ่งผมหลับตาภาวนาไปสักพักหนึ่งแล้วลืมตาขึ้นมา ผมสังเกตเห็นเหมือนมีเส้นกรอบสีขาวถัดออกไปเป็นสีดำทึบ ล้อมร่างกายไว้เหมือนเป็นเส้นเขต แบบนี้เรียกว่าอะไรครับผม หรือว่าผมคิดไปเองครับผม ?
ตอบ : คิดไปเองดีไหม ? ฝรั่งเรียกว่าออร่า คนจีนเรียกว่าพลังปราณ คนไทยเรียกอะไรดี ? เรียกว่ารัศมีบุญแล้วกัน มีทุกคนจะมากจะน้อยเท่านั้น สิ่งมีชีวิตทุกประเภทล้วนมีพลังปราณ หรือพลังชีวิตนั้น ๆ แผ่ออกไป เว้นไว้แต่ว่ารู้ได้หรือรู้ไม่ได้เท่านั้น

ถาม : สร้างให้เพิ่มหรือลดลงได้ไหมครับ ?
ตอบ : สร้างให้เพิ่มได้ แต่ไม่ต้องไปลด ถึงเวลาก็ลดเอง ใกล้ตายเมื่อไรก็ลดเหลือนิดเดียว

ถาม : สร้างเพิ่มได้อย่างไรครับ ?
ตอบ : ทำสมาธิ

เถรี 02-05-2016 14:56

ถาม : ผมได้ภาวนาคาถาท่านปู่ที่ว่า "สหัสสเนตโต เทวินโท ทิพจักขุง วิโสทายิ" ก่อนไปสอบ ๑ วัน ผลคือข้อสอบปรนัย ผมสามารถรู้ว่ากาตรงไหนคือคำตอบ แต่พอมาเป็นข้อสอบอัตนัย ผมมองไปบนกระดาษเป็นตัวหนังสือขึ้นมาแต่ผมอ่านไม่ออก ผมควรจะทำอย่างไรครับ ? หรือผมควรกลับไปภาวนาให้มากขึ้นครับผม ?
ตอบ : ไปเรียน ก.ไก่ ข.ไข่ ใหม่ จะได้อ่านออก...! การใช้คาถาสหัสสเนตโต หรือที่เรียกว่าคาถาท่านปู่พระอินทร์ เขาเอาความรู้สึกที่เกิดขึ้นว่าให้ตอบอย่างไรแล้วให้เขียนไปตามนั้น ไม่ใช่ไปดูตัวหนังสือที่เกิดขึ้น

เถรี 02-05-2016 15:00

ถาม : เวลาไปทำบุญใหญ่ รู้สึกอุปสรรคมากมายผิดปกติ มีตั้งแต่กวนใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึงเกือบจะเกิดอุบัติเหตุติดกันหลายครั้ง เรื่องแบบนี้คิดไปเอง หรือมีอุปสรรคจริงครับ ?
ตอบ : ถามว่าคิดไปเองหรือเปล่า ทำไมโง่ขนาดนั้นวะ ? เรื่องเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ดันคิดว่าคิดไปเอง ถ้าสิบล้อทับ ก็คงคิดว่าเราคิดไปเอง เราก็คงจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม ?

เถรี 02-05-2016 15:06

ถาม : อาชีวัฏฐมกศีล มีปรากฏในพระไตรปิฎกไหมคะ ?
ตอบ : อาชีวัฏฐมกศีล ก็คือศีลอันมีสัมมาอาชีพเป็นข้อที่แปด ท่านบอกไว้ว่า เว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดโกหก พูดคำหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ และ มิจฉาอาชีวะ คือให้หาเลี้ยงชีพในทางที่ชอบ (สัมมาอาชีวะ)

เถรี 02-05-2016 15:06

ถาม : เวลาอาราธนาพระเครื่องและวัตถุมงคลสายวัดท่าซุง เราสามารถอาราธนาบารมีพระรัตนตรัย โดยมโนภาพและตั้งจิตนึกเป็นภาพพระพุทธรูป ภาพพระปัจเจกพระพุทธเจ้า ดอกมะลิแก้วร่วงจากแย้มพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าแทนพระธรรม และภาพหน้าหลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤๅษี และพระอริยสงฆ์องค์อื่น ๆ แทนคำพูดได้หรือไม่เจ้าคะ ?
ตอบ : คิดถึงท่านก็ใช้ได้แล้ว ไม่ต้องไปเสียเวลาออกชื่อทีละท่านสองท่าน

เถรี 02-05-2016 19:51

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในเรื่องของศีล ถ้าต้องการรายละเอียดให้ไปดูในวิสุทธิมรรค ในหมวดของสีลนิเทส ท่านจะบอกรายละเอียดไว้เยอะมาก อาชีวัฏฐมกศีลในสีลนิเทสมีอยู่ ส่วนใหญ่รายละเอียดเหล่านั้นเกินความจำเป็นสำหรับพวกเรา

บางคนตั้งคำถาม แล้วก็สรุปเองเสร็จสรรพ แล้วจะถามทำไม ? อย่างประเภทเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเราคิดไปเองหรือเปล่า ? ถ้าคิดเองให้เกิดขึ้นได้ ก็คิดให้เรารวยเสียก็หมดเรื่อง..!"

เถรี 02-05-2016 20:19

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลักการพิจารณาของผู้ปฏิบัติธรรมมีอยู่ข้อหนึ่งว่า วันคืนล่วงไป ๆ เรากำลังทำอะไรอยู่ ? เป็นการเตือนตัวเองไม่ให้ประมาท เพราะวันเวลาที่ล่วงไป ท่านใช้คำว่า วันเวลาย่อมกัดกินสรรพสัตว์เป็นปกติ ก็คือ เราก้าวเข้าไปหาความตายอยู่ตลอดเวลา

ถ้าถามว่าเราทำอะไรกันอยู่ ตั้งใจปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น หรือตั้งหน้าตั้งตาเล่นไลน์อยู่ ? ทำไมเราเล่นไลน์นิดเดียวถึงสี่ทุ่มห้าทุ่มเที่ยงคืนตีหนึ่งได้ ทีตอนปฏิบัติธรรมทำไมรู้สึกว่านานเป็นปี ฉะนั้น...ใครบอกว่าไม่มีเวลาปฏิบัติธรรม อาตมาเถียงตายเลย

สมัยก่อนเวลาอาตมาปฏิบัติธรรมก็ลดเวลานอนตัวเองลง เพื่อให้ตัวเองได้ปฏิบัติธรรมได้มากขึ้น ส่วนพวกเราลดเวลานอนตัวเองด้วยการเข้าเฟซฯ เข้าไลน์กัน เวลาที่เหลือก็แทบจะไม่มีเอาไว้ปฏิบัติธรรม ฉะนั้น...โอกาสที่จะก้าวหน้าจึงมีน้อยมาก"

เถรี 02-05-2016 20:28

"ตอนนี้คนไทยอ่านหนังสือเยอะมาก เพราะอ่านจากไลน์ อ่านจากเฟซบุ๊ก แต่เป็นการอ่านที่ไร้คุณภาพสิ้นดี เพราะมีแต่ภาษาอุบาทว์เต็มไปหมด ต่อไปเด็กรุ่นหลังก็จะคิดว่าภาษาไทยต้องเขียนแบบนี้จึงจะถูก ถ้าถึงตอนนั้นก็คงจะอนาถมาก เป็นคนไทยแล้วตกภาษาไทย ต้องไปลาหมาแก่ ๆ แล้วเกิดใหม่เถอะ...!

เด็กรุ่นนี้รู้จักเอกรรถประโยค อเนกรรถประโยค สังกรประโยค กันหรือเปล่า ? ผู้ใหญ่ก็ยังไม่รู้หรอกกระมัง ? เข้าเฟซบุ๊กมากไป เข้าไลน์มากไป ย่อมเกิดผลร้ายเช่นนี้แล"

เถรี 03-05-2016 14:30

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในเรื่องของการถ่ายรูปพลังชีวิตหรือพลังออร่า เกิดจากการพัฒนารูปถ่ายแบบเกอเลี่ยน ซึ่งเกิดขึ้นโดยบังเอิญ เพราะนักวิทยาศาสตร์ที่ทดลองก็ไม่ได้คิดที่จะถ่ายรูปอย่างนั้น แต่ใบไม้ตกลงไปพอดี พอรูปถ่ายออกมาจึงเห็นว่ามีพลังงานบางอย่างที่แผ่ออกไปรอบด้าน ก็เลยทำการทดลองกับสิ่งอื่น ๆ โดยเฉพาะวัตถุที่มาจากพืช สัตว์ หรือคนที่มีชีวิต ก็เห็นได้ชัดเจนว่ามีพลังงานที่แผ่ออกไปเป็นรูปร่างลักษณะนั้น ๆ อยู่

ขนาดคนที่โดนตัดนิ้วมือไปใหม่ ๆ เวลาไปถ่ายรูปแบบนั้น นิ้วมือนั้นยังปรากฏอยู่อีกระยะหนึ่ง เพราะพลังงานยังคงส่งออกไป จนกระทั่งตัวเรารู้สึกว่าไม่มีนิ้วมืออีกแล้ว พลังงานตรงนั้นจึงจะหายไป ถามว่าเชื่อถือได้หรือไม่ ? ก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่ง แต่การอ่านค่า การแปลผล ต้องมีความชำนาญจริง ๆ อย่างสมัยนี้ที่บอกว่าออร่าสีอะไร มีลักษณะของกำลังใจแบบไหน จะว่าไปแล้วก็คือเจโตปริยญาณ ในการดูสีของจิต เพียงแต่ว่าถ้าคนไม่ชำนาญก็จะอ่านค่าผิดได้"

เถรี 03-05-2016 14:34

ถาม : พลังงานกับกายละเอียดคนละอย่างหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : พลังงานส่วนพลังงาน กายละเอียดส่วนกายละเอียด พลังงานเกิดจากอำนาจของสมาธิจิต ส่วนกายละเอียดเป็นกายใน ถ้าหากสมาธิจิตสูงเท่าไร กายละเอียดก็จะมีแสงสว่างมากเท่านั้น

ถาม : ถ้าสีดำไม่ได้แปลว่าไม่ดีใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ในส่วนของทิพจักขุญาณ ถ้าออกไปในแนวสีดำหรือสีเทาแปลว่า สภาพจิตตอนนั้นกลัดกลุ้มกังวลมาก

ถาม : เคยเห็นของท่านที่เป็นพระศรีอาริย์ รูปเป็นลักษณะของสีดำ ๆ ?
ตอบ : อาจจะคนละพระศรีอาริย์กัน สงสารแต่พระศรีอาริยเมตไตรย ลงมาเกิดเยอะเหลือเกิน ปัจจุบันนี้ท่านที่หลงว่าตนเองเป็นพระโพธิสัตว์ท่านนั้นท่านนี้ โดยเฉพาะนิตโพธิสัตว์ที่จะได้ตรัสรู้ในภัทรกัปนี้และภัทรกัปหน้า ถึงขนาดรวมกันแล้วเกิน ๑๐ ท่าน อาตมาเองก็ขำ ๆ เหมือนกัน คนเราเวลาหลงผิดก็หลงไปไกลมาก มีท่านหนึ่งบอกว่าตัวเองเป็นโตไทยพราหมณ์ อาตมาบอกว่าตูเองยังเห็นโตไทยพราหมณ์อยู่ในอเวจีอยู่เลย ทำไมมาเกิดเร็วแท้ ?

โตไทยพราหมณ์เป็นคนไทยนะ แสดงว่าคนไทยมีนิสัยเลี้ยวลงต่ำเป็นปกติใช่ไหม ? โตไทยพราหมณ์ แปลว่า พราหมณ์คนไทยชื่อนายโต คนโบราณไม่มีนามสกุล จะใช้ฉายาบอกลักษณะ บอกตระกูล บอกว่าเป็นลูกหลานใคร

เถรี 03-05-2016 15:58

พระอาจารย์กล่าวว่า "เทคโนโลยีก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ เป็นส่วนของวิชชามัยฤทธิ์ แต่อย่าให้เทคโนโลยีเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ให้เป็นเครื่องหนุนเสริมความสะดวกสบายให้แก่เราก็พอ ต้องมีสติอยู่เสมอ ไม่อย่างนั้นแล้วก็จะเกิดโทษมากกว่าประโยชน์"

เถรี 03-05-2016 16:17

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานซืน (๒๗ เมษายน ๒๕๕๙) อาตมาไปประชุมสังฆาธิการระดับเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล และเลขานุการของภาค ๑๔ ก็คือ ๔ จังหวัด ทั้งหมดก็ ๘๐๐ กว่ารูป ปรากฏว่าไปเจอหลวงพ่อพระครูสุมนสุนทรกิจ วัดทะเลบก เป็นเพื่อนเรียนด้วยกันมาสมัยเรียน ปบส. ก็คือ ประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ท่านไม่ได้เรียนต่อ ท่านน้ำหนักตัวมาก ไปไหนลำบาก ๑๒๐ กว่ากิโลกรัม

ท่านบอกว่าเพิ่งตายมา หมดลมไป ๓ ชั่วโมงกว่า เลยถามท่านว่า แล้วหลวงพ่อเลิกกลัวตายแล้วใช่ไหม ? ท่านบอกว่าเลิกเลย เพราะว่าไปเจอแต่สิ่งที่ดี ๆ งาม ๆ ทั้งนั้น ทำให้มั่นใจว่าผลบุญที่ทำมานั้นได้ผลจริง ๆ ท่านบอกว่าไปเจอคน ไม่ว่าจะผู้หญิงผู้ชาย เขาก็แต่งตัวสวยงาม หน้าตาผ่องใสกันหมด เสียอย่างเดียวที่ผู้ชายมีไม่กี่คน แสดงว่าผู้หญิงทำบุญเยอะกว่า

ท่านบอกว่าพื้นที่เดินไปก็ไม่ใช่ไม่ดิน ไม่ใช่หญ้าอย่างของเรา เป็นแก้วเป็นทองหมด ขนาดต้นไม้ใบหญ้าก็เป็นแก้วเป็นทองวิบ ๆ วับ ๆ ก็ถามว่าแล้ววิมานหลวงพ่อล่ะ ? โอ๊ย...หลังเบ้อเริ่มเลย...!"

เถรี 03-05-2016 16:19

"หลวงพ่อพระครูฯ ท่านได้มรดกเป็นที่ดิน ๖๐ ไร่ แล้วท่านก็เลยขายเอาเงินมาสร้างวัด ท่านไม่มีลูกไม่มีหลาน ท่านก็เลยขายเอาเงินมาสร้างวัด ตัวท่านเองก็ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ พอไปเห็นอย่างนั้นเข้า ท่านก็เลยมั่นใจ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ถึงตายก็ไม่กลัวแล้ว ท่านบอกว่าข้าวปลาอาหารอะไรที่เคยทำบุญไป พอไปถึงเจอหมดทุกอย่าง แต่ไม่ต้องกิน แค่คิดว่าเราจะกินก็อิ่มเอง ท่านบอกว่าญาติโยมมาถามก็ไม่กล้าเล่าให้เขาฟัง เพราะกลัวจะโดนข้อหาอวดอุตริมนุสธรรม แต่ถ้าเพื่อนพระด้วยกันเขาไม่ถือว่าเป็นการอวด ท่านก็เล่าให้ฟังได้

ปีนี้ท่านอายุ ๖๘ แต่น้ำหนักเลยอายุไปเท่าตัว สงสัยว่าเป็นพวกไขมันอุดตัน ตายไป ๓ ชั่วโมง ฟังท่านเล่าแล้วหน้าตาท่านมีความสุขมากเลย เออ...คนจะตายแล้วหน้าตามีความสุขนี่หายากนะ ท่านว่ามั่นใจแล้ว คนที่รู้ว่าตายแล้วไปดีก็เลิกกลัวตาย ส่วนคนที่ไม่รู้ก็ยังกลัวตายต่อไป"

เถรี 03-05-2016 16:20

"ตรงจุดนี้ทำให้เห็นว่าในเรื่องของบุญ คือ ทาน ศีล ภาวนา นั้น ทำไปแล้วมีผลจริง ท่านบอกว่าก่อนนั้นก็เชื่อ แต่เป็นการเชื่อตามที่พ่อแม่บอกมา ตามที่ครูบาอาจารย์บอกมา บวชมาก็พยายามที่จะรักษาศีล ภาวนา ก็ประเภทไม่ได้ดีไม่ได้เด่นอะไร ก็เลยคิดว่าในเมื่อทำทางด้านนี้แล้วเอาดียาก เมื่อได้มรดกมา ๖๐ ไร่ จึงขายเอามาสร้างวัดหมดเลย

ขำตอนที่ท่านบอกว่าวิมานท่านหลังเบ้อเริ่มเลย ลืมแซวท่านไปว่า อ้วนอย่างนี้จะทำความสะอาดไหวหรือ ? ก็เล่นสร้างวัดทั้งวัด วิมานจะไม่หลังใหญ่ได้อย่างไร วิมานของอาตมานี่ถ้าพวกเราขึ้นไปคงมีที่เผื่อเพียบเลย เพราะสร้างมาเยอะเหลือเกิน ใครจะไปอาศัยก็ได้นะ คิดค่าเช่าไม่แพง...!"

เถรี 03-05-2016 19:30

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปัจจุบันนี้เรื่องของการปรุงแต่งตัดต่อทางโซเชียลมีเดียรู้สึกว่าจะเก่งกันมาก แล้วเรามักจะไปเชื่อกันทันทีที่เห็น การปฏิบัติธรรมส่วนหนึ่งก็คล้าย ๆ กับโซเชียลมีเดียในปัจจุบันนี้ ก็คือ พอเกิดทิพจักขุญาณ รู้เห็นขึ้นมาก็เชื่อเลย ซึ่งโอกาสจะโดนหลอกล่อให้หลงทางมีสูงมาก แต่โดยกิเลสหรือโดยจิตใต้สำนึกก็มักจะเชื่อเพราะเห็นเอง โดยที่ไม่ได้ระแวงว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นการปรุงแต่งขึ้นมา"

เถรี 03-05-2016 19:31

ถาม : เทวดาร่างกายตัวเป็น ๆ เนื้อเหมือนมนุษย์เรา จริงหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : อาตมาเจอมาเยอะแล้ว เพียงแต่คนอื่นเห็นด้วยหรือเปล่าเท่านั้นเอง ถ้าอยากรู้ว่าเทวดาตัวเป็น ๆ เป็นอย่างไร ไปถามนาวาอากาศโทหญิงอริศรา กิติธีระกุล นั่งคุยได้เป็นวันเลย

ถาม : แสดงว่า ไม่ได้เกี่ยวกับกฎแห่งกรรม...(ไม่ชัด) ?
ตอบ : คุณเข้าใจคำว่ากฎแห่งกรรมผิดไปแล้ว กฎแห่งกรรมก็คือทำอย่างไรได้อย่างนั้น ถ้าไม่มีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันมาก่อน เขาก็ไม่มายุ่งกับเรา ในเมื่อเขาเปิดโอกาสให้ยุ่ง ก็ต้องยุ่งหน่อย

สำหรับพวกเขาแล้ว การที่ปรากฏตัวขึ้นมาง่ายเสียกว่าพวกเรากินขนมเสียอีก อาตมาเคยจับตัวเขา เป็นเนื้อ ๆ เหมือนกับเราเลย อุ่น ๆ ด้วย ต้องบอกว่าขี้สงสัยก็เลยลองจับดู อีกทีก็โดนท้าให้จับ "ถ้าสงสัยก็จับดูได้นะ" แล้วอย่าไปเอามาตรฐานว่าเทวดาไม่กะพริบตานะ เพราะเขารู้ความคิดของเรา ถ้าไปจ้องดูว่าเขากะพริบตาหรือเปล่า เขาก็กะพริบล้อเราเสียอย่างนั้น

เถรี 03-05-2016 19:34

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้อาตมาให้เทพื้นคอนกรีตไปอีก ๑,๐๐๐ กว่าตารางเมตร บริเวณรอบ ๆ หอจ่ายน้ำประปา เพื่อที่จะเอาไว้เป็นลานจอดรถ เพราะว่าลานจอดรถเดิมบริเวณเมรุหายไป สร้างเมรุใหม่พื้นที่จอดรถไม่มี"

เถรี 04-05-2016 14:29

ถาม : หนูเห็นคนที่บวชพระ สงสัยว่าฉายาพระต้องลงท้ายด้วยเสียงสระโอหมดเลยหรือคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่ จะลงอิ ลงอา ลงอะไรก็ได้ ให้ตรงกับบาลีที่สามารถสวดกรรมวาจาได้ แต่คราวนี้ส่วนใหญ่แล้วเขาถนัดสวดตรงลงโอ ก็เลยต้องลงโอให้ก่อน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวคู่สวดตาย

เถรี 04-05-2016 14:31

ถาม : หนูจะไปเที่ยวที่นี่ ไม่ทราบว่าใช่รอยพระพุทธบาทจริงหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : อย่าไปใส่ใจว่าใช่รอยพระพุทธบาทจริงหรือไม่จริง รอยพระพุทธบาทมีไว้เพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้า ถ้าหากเราไม่ระลึกถึง ต่อให้เป็นของจริงก็เท่ากับเป็นของปลอม ของจะจริงจะปลอมอะไร ถ้านึกถึงพระพุทธเจ้าก็เป็นพุทธานุสติเหมือนกัน

เถรี 04-05-2016 14:37

ถาม : เวลาที่เราทำสมาธิ เรารู้สึกหายใจเร็วมาก ?
ตอบ : ลักษณะหายใจเร็วมาก เป็นลักษณะของการจะถอดกายในออกไป เป็นการเร่งระบบของร่างกาย ถึงเวลาก็จะโดนเหวี่ยงให้หลุดออกไป แต่ว่าบางคนก็กลัว ลมหายใจเร็ว หัวใจเต้นแรง กลัวจะตายก็เลยเลิกทำ

เถรี 04-05-2016 14:42

ถาม : ตอนนี้หนูรู้สึกว่ามีไฟสว่างตลอดค่ะ คิดว่าจะทำอย่างไรให้เป็นทิพจักขุญาณ เหมือนมีไฟอยู่ข้างในค่ะ ?
ตอบ : ทำอย่างไรบ้าง ? ก็รักษาเอาไว้ ถึงเวลาถ้ากำลังถึงก็จะรู้นั่นเห็นนี่เอง แต่ขอยืนยันว่ามีโทษมากกว่าประโยชน์ ถ้าวางกำลังใจไม่เป็น จะไปหลงว่าตัวเองเก่งกว่าชาวบ้านเขา

ถาม : ทำไมเพิ่งเป็น ?
ตอบ : เคยทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น รักษาเอาไว้ให้อยู่ก็แล้วกัน

เถรี 04-05-2016 15:18

ถาม : เวลาขึ้นไปข้างบน ถามอะไรพระไว้ ท่านตอบมา พอลงมาจำอะไรไม่ได้เลย ?
ตอบ : ปกติลงมาต้องจำได้ ให้รีบบันทึกเอาไว้ หรือไม่ก็ถามเรื่องเดียว ที่จำไม่ได้คงจะสับสนในชีวิต ถามมากเกินไป

เถรี 04-05-2016 15:22

ถาม : เวลาเดินจงกรม ให้จับอาการเคลื่อนไหวหรือจับลมหายใจ ?
ตอบ : เขาให้จับอาการเคลื่อนไหว ถ้าเดินจงกรมแล้วจับลมหายใจ ไม่ใช่ทำจนคล่องตัวจริง ๆ ทำไม่ได้หรอก เพราะพอลมหายใจทรงตัวแล้วจะเดินไม่ออก เพราะฉะนั้น...จับการเคลื่อนไหวของร่างกายก็พอ

เถรี 04-05-2016 15:23

ถาม : ในปัจจุบันนี้มีเณรที่เป็นพระอรหันต์บ้างไหมคะ ?
ตอบ : สมัยนี้ยังไม่มี สมัยพุทธกาลมีบานเบิก

ถาม : ต้องเรียกว่าเณรหมดหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : บวชอายุไม่ถึงพระเขาก็เรียกว่าเณร แล้วจะหมดอย่างไร ? ถึงจะได้บวชตอน ๗ ขวบ แต่พอเป็นพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าท่านเรียกมหาเถระ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:39


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว