กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๖ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3920)

เถรี 07-11-2013 17:50

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๖
 
ถาม : ผมอยากจะทราบว่า ถ้าผมปรารถนาเป็นอัครสาวกเบื้องขวา และผมจะอธิษฐานว่า ขอให้ผมเป็นอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งได้หรือเปล่าครับ ? หรือว่าเจาะจงไปเลยว่าพระพุทธเจ้าพระองค์ไหน ? แล้วถ้าต้องเจาะจง เกิดมีผู้ที่อธิษฐานเป็นอัครสาวกแบบเดียวกับเรา พระพุทธเจ้าพระองค์เดียวกับเรา ที่มีบารมีพร้อมกับเรา และได้เป็นอัครสาวกแล้ว เราจะได้เป็นอัครสาวกกับพระพุทธเจ้าองค์ใดครับ ?
ตอบ : อธิษฐานเป็นอัครสาวกกับอธิษฐานเป็นพระพุทธเจ้ายุ่งยากพอกัน เอาเป็นพระพุทธเจ้าไปเลยดีไหม ? อธิษฐานขอให้เป็นอัครสาวกเบื้องขวาของพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งจะเป็นการสะดวกกว่า ถ้าเจาะจงว่าจะเป็นของพระองค์ใด เกิดมีใครขอไว้ก่อนแล้ว เราก็หลุดลอยไปตามระเบียบ ถ้าเกิดว่าต่างคนต่างขอ ใครทำบุญใหญ่กว่าก็เป็นของคนนั้น

ถาม : ถ้าหลุดแล้วจะเป็นอย่างไรคะ ?
ตอบ : ก็ไปตะกายหาเอาข้างหน้าแล้วกัน..!

เถรี 07-11-2013 17:51

ถาม : ถ้ามีคนเอาอาหารจากวัดที่เป็นของสงฆ์มาให้เรา แล้วเราไม่รู้ กินเข้าไปจะมีโทษไหมครับ ? หรือถ้าเรารู้ว่าเขาเอามาจากวัด เราจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดโทษกับตนเองครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่รู้แล้วกินยาพิษเข้าไปจะตายไหมเล่า ? ฉะนั้น..ถ้าหากว่าไม่แน่ใจ วิธีที่ดีที่สุดก็คือ ขอบคุณเป็นอันขาด เชิญคุณเอากลับบ้านไปเองเถอะ..!

เถรี 07-11-2013 17:51

ถาม : ถ้าเกิดว่าเราติดหนี้สงฆ์ แล้วต้องการชำระหนี้สงฆ์ เราจะชำระหนี้สงฆ์ที่วัดใดก็ได้หรือไม่ครับ ? หรือว่าต้องเจาะจงเฉพาะวัดที่เราติดหนี้สงฆ์วัดเดียว ?
ตอบ : การชำระหนี้สงฆ์จะชำระที่วัดใดก็ได้ ถ้าเขามีตู้ชำระหนี้สงฆ์จะสะดวกที่สุด ก็หยอดตู้ไปเลย แต่ถ้าไม่มีต้องแจ้งพระท่านให้ทราบ ว่าปัจจัยจำนวนนี้เราถวายเพื่อชำระหนี้สงฆ์ แต่ว่าเรื่องของหนี้สงฆ์นั้นเขาคิดในราคาปัจจุบัน ถ้าในอดีตเคยเอาขันน้ำไปจากวัด ๑ ใบราคา ๕ บาท แต่ปัจจุบันราคา ๒๐ บาท เราก็ต้องชำระในราคา ๒๐ บาท

เถรี 07-11-2013 17:52

ถาม : พระพุทธลีลาประทานพร แกะจากหินเขียวแม่น้ำโขงขนาดสูง ๕ ซม. บูชาด้วยคาถาบทใดครับ ? และพระท่านคือพระพุทธกัสสปะหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : บูชาด้วย อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๑๐๘ จบจะดีที่สุด..! ส่วนพระองค์ท่านจะเป็นใครต้องไปทูลถามเอาเอง..!

เถรี 07-11-2013 17:53

ถาม : การเล่นการพนันเป็นบาปหรือทำให้ตกนรกได้หรือไม่ครับ ? ผมเคยลองถกเถียงเรื่องนี้กับเพื่อน ปรากฏว่าเพื่อนยืนยันว่าการเล่นการพนันเป็นบาป เพราะเหมือนการไปเอาเงินคนอื่น ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์
ตอบ : ไม่ต้องใช้เหตุผล คำว่า บาป แปลว่า ความชั่ว การเล่นการพนันชั่วไหม ? ถ้าชั่วก็เป็นบาป ถ้ากำลังใจเศร้าหมองเพราะบาปเกาะกุมอยู่ ตายไปมีโอกาสลงนรกสูงมาก

เถรี 07-11-2013 17:54

ถาม : หลวงลุงของผมท่านนำหน่อกล้วยจากวัด มาให้พ่อของผมปลูกที่บ้านครับ อยากทราบว่าผมและครอบครัวจะต้องรับผลกรรมอะไรบ้าง ? และเมื่อต้นกล้วยนั้นโตขึ้นจนออกผลแล้ว นำผลนั้นมารับประทาน ยังถือว่าเป็นของสงฆ์หรือไม่ครับ ?
ตอบ : เรื่องของของสงฆ์เป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะไม่ว่าตกอยู่ในที่ไหนก็เป็นของสงฆ์อยู่ดี โดยเฉพาะถ้าเป็นผลไม้นี่ยิ่งสาหัส เนื่องจากไม่ว่าจะออกดอกออกผลไปกี่ยุคกี่สมัย ก็เป็นของสงฆ์อยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น..รีบขุดรากถอนโคนไปคืนวัดโดยด่วนเลย..!

เถรี 07-11-2013 17:55

ถาม : ผมอยากทราบว่าพระนาคปรกไทยเนื้อเงิน ขนาดหน้าตัก ๑ ซม. สามารถทำน้ำมนต์ได้หรือไม่ ? ถ้าได้มีวิธีทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : พระพุทธรูปทุกองค์สามารถทำน้ำมนต์ได้ทั้งสิ้น ยิ่งถ้าได้องค์ ๒๑ ศอกหน้าวัดท่าขนุนจะยิ่งขลังมาก..!

วิธีทำน้ำมนต์ ให้ตั้งใจขอบารมีพระด้วยความเคารพ จุดเทียนแล้วระหว่างที่หยดเทียนก็ให้ตั้งใจภาวนาอิติปิ โสฯ ๓ ห้อง หรือว่าบางท่านถ้าสวดมนต์ได้ก็ใช้บทรัตนสูตรซึ่งเป็นบทสรรเสริญคุณพระรัตนตรัยเหมือนกัน ตั้งใจว่าบารมีพระมีอยู่ในทุกหนทุกแห่ง เราขออาราธนาบารมีท่านให้สงเคราะห์เรื่องอะไรก็ตั้งใจไป ว่าไปด้วยความเคารพจนกว่าจะจบ

เถรี 08-11-2013 05:22

ถาม : นั่งภาวนาที่บ้านวิริยบารมี จิตใจเกิดความสงบ ปีติ สุขตลอดเวลา แล้วจะทำอย่างไรให้บ้านที่เรานั่งสมาธิเกิดสงบนิ่ง ปีติ สุขเหมือนบ้านวิริยบารมีครับ ?
ตอบ : ทำสิ่งให้แวดล้อมให้เหมือนบ้านนี้ก็จะได้เหมือนกัน ถ้าทำสิ่งแวดล้อมไม่เหมือนก็ไม่ได้อย่างนั้น คือเราคิดอย่างไร พูดอย่างไร ทำอย่างไร คนรอบข้างเป็นอย่างไรทำให้ได้เหมือนกัน ถ้าไม่ได้ก็รอเดือนละครั้งหนึ่ง มานั่งเสียให้พอ

เถรี 08-11-2013 05:22

ถาม : ความอาฆาตมาดร้ายในจิตใจ ที่มีกับคนที่เราไม่ชอบเพราะเขาทำไม่ดีกับเรา เราจะวางใจอย่างไรคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องไปสนใจ ใครอยากทำอะไรก็ช่าง เราเองก็คิดดี พูดดี ทำดีไป หรือถ้าวันไหนคิดดี พูดดี ทำดีแล้วยังไม่สำเร็จ เกิดความหมั่นไส้ขึ้นมาก็นั่งภาวนา เมสัมมุกขา สัพพาหะระติ เตสัมมุกขา เกิดอะไรขึ้นก็เป็นเรื่องกรรมของสัตว์โลก..!

เถรี 08-11-2013 05:23

ถาม : คนให้ร้ายเรา ทำให้เราเสียหาย นินทาเรา พูดให้เราเสียชื่อเสียง เราควรจะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจตามความเป็นจริงหรือไม่ ? หรือว่าวางเฉยในเรื่องดังกล่าว ?
ตอบ : เสียเวลาไปอธิบาย ใครอยากว่าอะไรก็ช่าง การนินทากาเลเหมือนเทแกลบ ไม่เจ็บแสบเหมือนเอาตูดไปครูดหิน แม้องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะพ้นคนนินทา ปล่อยเขาไปเถอะ เดี๋ยวเหนื่อยก็เลิกไปเอง

เถรี 08-11-2013 05:24

ถาม : ไปเดินซื้อของที่ห้าง เห็นของที่คิดว่าเป็นสินค้าลดราคา เมื่อมาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์เขาคิดราคาปกติ เราก็บอกเขาว่าตัวนี้ลดราคา ทีนี้ผู้จัดการก็ให้พนักงานคิดไปในราคาที่ลดลงมา แต่ปรากฏว่าพอกลับบ้านแล้วรู้ว่า เราเองที่ดูผิดไป จริง ๆ แล้วสินค้าไม่ได้ลดราคา เมื่อกลับมาจ่ายเงินเพิ่ม พนักงานกลับไม่ยอมรับ เพราะว่าคิดเงินไปแล้ว เราจะผิดศีลข้อ ๒ หรือไม่ ?
ตอบ : ไม่ถือว่าผิดเพราะเป็นความเข้าใจผิด ไม่มีเจตนาที่จะโกง แต่ว่าพนักงานถือว่าเอาความสะดวกของตัวเอง กลัวความยุ่งยากเลยไม่ทำงานใหม่ ไม่รักษาผลประโยชน์ของร้านค้า ถ้าเป็นไปได้ก็เชิญออกไปเลย..!

เถรี 08-11-2013 05:25

ถาม : ผมได้พระธาตุของพระพุทธเจ้าและพระอุบาลีมาจากเพื่อน และเพื่อนก็ได้มาจากเพื่อนอีกที ซึ่งทั้ง ๒ คนนี้ก็ฝันเห็นผู้หญิงผู้ชายใส่ชุดขาวเต็มไปหมดมา ๓ วัน ซึ่งผมก็ขอแบ่งพระธาตุมาไว้บูชา สวดมนต์ สมาทานศีล เจริญภาวนาตลอด ผมควรจะเอาพระธาตุไว้ที่ห้องหรือไว้ที่วัด เทวดาจะให้โทษหรือไม่ หรือว่าไว้ที่ห้องเทวดาจะให้โทษหรือไม่ ?
ตอบ : ต้องถามเทวดา คำว่าเทวดา แปลว่า ผู้ประเสริฐ ถ้าเราไม่ได้ทำความชั่วอะไร ท่านจะมาให้โทษทำไม ? ต้องบอกว่าจริง ๆ เราเป็นผู้ขาดความมั่นคง ตอนแรกก็อยากได้ของ แต่พอได้ยินว่าคนอื่นฝันเจอนั่นเจอนี่เข้าชักจะเป็นโรคหวาดระแวง ในเมื่อกำลังใจขาดความมั่นคง เรื่องการปฏิบัติจะเอาดีก็คงจะยาก

เถรี 08-11-2013 05:28

พระอาจารย์ "มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนอยู่ที่เกาะพระฤๅษี ตื่นขึ้นมาตามเวลาปกติก็เห็นว่าใกล้ตีสามแล้ว กราบพระ ภาวนาตามที่ต้องการ เสร็จแล้วก็ล้างหน้าล้างตา แต่งองค์ทรงเครื่องไปรอทำวัตรเช้า โดยปกติแล้วจะเริ่มเจริญกรรมฐานตอนตี ๔ แล้วต่อด้วยทำวัตรเช้า แต่ปรากฏว่าเจริญกรรมฐานและทำวัตรเสร็จเรียบร้อยแล้วตี ๔ พอดีเป๊ะเลย เกิดความงงขึ้นมาว่าเกิดอะไรขึ้น ? เพราะนาฬิกาทั้ง ๓ เรือนบอกเวลาตรงกันหมด

ตอนที่ตื่นนั้นก็คือเกือบตี ๓ พอลงไปในโบสถ์ เจริญกรรมฐานทำวัตรเรียบร้อยปกติก็จวนตี ๕ แต่ว่าพอเจริญกรรมฐานเสร็จ อุทิศส่วนกุศลเรียบร้อยตี ๔ เป๊ะเลย นึกว่านาฬิกาในโบสถ์เสีย ไปดูเรือนอื่นก็เหมือนกัน ก็คาดว่าจะต้องมีปัญหาแน่ ๆ พอกลับถึงกุฏิก็เจอหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านดึงขึ้นพระนิพพานไปเลย ท่านบอกว่าวันนี้มีเรื่องเยอะ ถ้าไม่ทำอย่างนี้แล้วเวลาจะไม่พอคุย กลายเป็นว่าท่านทำอย่างไรก็ไม่รู้ แต่นาฬิกาทุกเรือนพร้อมใจกันเดินไปในเวลาที่อาตมาคิดว่าใช่ แต่พอเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วกลายเป็นอีกเวลาหนึ่ง

เวลาที่ครูบาอาจารย์ท่านสงเคราะห์เราก็ไม่ต้องเหนื่อย พอท่านดึงปุ๊บไปถึงเลย ไม่อย่างนั้นก็ต้องมาตั้งท่าไปกัน แล้วมีอีกลักษณะหนึ่งก็คือว่า บางเวลาทำนั่นทำนี่เพลิน ๆ ลืมเอากำลังใจเกาะพระหรือเกาะครูบาอาจารย์ มีลืมนะ...ขอยืนยันว่ามี เพราะบางทีใจจดจ่อกับงานตรงหน้า ลืมภาพพระไปเลย คราวนี้พอท่านมีปัญหาหรือว่ามีเรื่องอะไรที่จะติดต่อด่วน เราไม่ยอมต่อสายถึงท่านสักที ท่านก็ใช้วิธีกดร่วงไปเลย"

เถรี 08-11-2013 19:24

"ถ้าอยู่ ๆ เกิดง่วงกะทันหัน ตั้งหลักไม่ได้ ขอให้รู้ว่า..บางทีพระ หรือพรหม เทวดา หรือครูบาอาจารย์ ท่านต้องการจะติดต่อด้วย แต่เราไม่ได้เตรียมกำลังใจให้พร้อมไว้ ท่านก็เลยต้องใช้วิธีเหยียบ ก็คือกดให้หลับไปเลย ถึงเวลาจะได้ติดต่อได้ เพราะว่าอารมณ์ใจที่จะติดต่อได้นั้น จะอยู่ในช่วงของอุปจารสมาธิ ซึ่งจะเหมือนกับคนที่เคลิ้มใกล้หลับ หรือไม่ก็เป็นระดับฌาน ๔ ไปเลย ซึ่งจะหนักกว่านั้นอีกคือไม่รับรู้อาการภายนอก ถ้าท่านกดลงมาลักษณะอย่างนั้นก็เหมือนกับหลับไปเลย"

เถรี 13-11-2013 20:13

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "เมื่อเดือนก่อนมีพระอ้างว่าเป็นตัวแทนของผู้ว่าราชการจังหวัด และเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีมาแจกซองกฐิน ให้วัดนั้น ๑๐๐ ซอง วัดนี้ ๕๐ ซอง แล้วก็บรรยายไปเรื่อยว่า คนใหญ่คนโตท่านนั้นท่านนี้ มอบหมายให้มาเป็นตัวแทน ถามว่าคุณตัวแทนของใคร เขาก็บอกว่าท่านผู้ว่าฯ ชัยวัฒน์ และทางคณะสงฆ์คือหลวงพ่อพระเทพเมธากรกับหลวงพ่อพระราชรัตนวิมล จึงบอกเขาไปว่า "แล้วทำไมท่านไม่โทรหาผมโดยตรง ? " เขาก็เลยอึ้ง “คุณรู้หรือเปล่าว่าหลวงพ่อวัดท่ามะขามกับผมเป็นอะไรกัน ?” เขาก็ยิ่งอึ้งหนักเข้าไปอีก ท้ายสุดก็ขอลากลับดีกว่า

เวลาเขาไปอ้างแล้ว พระอื่นมักจะเห็นว่าเจ้าคณะจังหวัดเป็นประธาน ก็ช่วยทำบุญให้เขา แต่บังเอิญอาตมาไม่ได้เกรงตรงนั้น เพราะสนิทสนมคุ้นเคยกันทุกรูป ต่อสายตรงถึงกันได้ทุกเวลา ยิ่งผู้ว่าฯ ด้วยยิ่งดีเลย เพิ่งจะเจอกันมา ทำไมท่านไม่บอกกับอาตมาโดยตรง ? ทำไมต้องส่งผ่านคุณด้วย ? เรื่องพวกนี้เขามีกันอยู่ประจำ ขนาดพระยังหลอกกันเองเลย..!"

เถรี 13-11-2013 20:20

พระอาจารย์ให้โอวาทผู้มาขอทำบังสุกุล "ให้ทุกคนตั้งใจว่า..เราขอตายลงไปก่อนชั่วคราว เคราะห์กรรมทั้งหลายที่จะพึงมีพึงเกิดแก่เรา ขอให้ตายพร้อมไปกับร่างกายนี้ ตัวเราที่เคยทำความดีมา จะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนาก็ตาม ขอให้ความดีทั้งหมดรวมตัว ส่งผลให้เราเข้าสู่พระนิพพาน ให้เอาใจเกาะพระนิพพาน หรือเอาใจเกาะพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เรารักเราชอบเอาไว้ ว่านั่นคือองค์แทนพระพุทธเจ้าที่อยู่บนพระนิพพาน ...(สวดบังสุกุลตาย..อนิจฺจา วต สงฺขารา ฯ)...

คราวนี้ให้ทุกคนตั้งกำลังใจใหม่ว่า เนื่องจากความดีที่เราทำมายังไม่เพียงพอ ที่จะทำให้เราทรงตัวอยู่บนพระนิพพาน เราจึงขอมาเกิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง การเกิดใหม่ของเราในครั้งนี้ เรามาแต่ความดีเท่านั้น เพราะว่าเคราะห์กรรมทั้งหลาย ตายไปกับร่างกายเมื่อครู่นี้แล้ว ความดีที่เราทำมา ถ้าเป็นการให้ทาน เกิดมาก็จะมีฐานะร่ำรวย มีความคล่องตัวในความเป็นอยู่ ถ้าหากว่าเป็นการรักษาศีล ก็จะเป็นผู้ที่มีรูปสวย มีจิตใจที่ดีงาม ถ้าเป็นการภาวนา ก็จะเกิดมามีปัญญามาก อุปสรรคอะไรเกิดขึ้นก็แก้ไขให้ลุล่วงไปได้ ถ้าตั้งใจเป็นผู้ปฏิบัติธรรม ก็จะมีปัญญาญาณแก่กล้า สามารถเป็นผู้ตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน เข้าสู่พระนิพพานได้

ให้ทุกคนตั้งใจขอบารมี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทวดา ตลอดจนครูบาอาจารย์ทั้งหมด ช่วยให้การเกิดใหม่ของเราสมบูรณ์บริบูรณ์ในทุก ๆ ด้านด้วยจ้ะ"
...(สวดบังสุกุลเป็น..อจิรํ วต ยํ กาโย ฯ)...

เถรี 13-11-2013 20:29

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันที่ ๓๐ ตื่นเช้ามาโทรศัพท์เจ๊ง ก็เลยต้องไปซื้อเครื่องใหม่ ราคาแพงสุด ๆ ยี่ห้อโนเกียราคา ๗๐๐ บาท..! เครื่องที่แล้วราคา ๗๙๐ บาท ใช้ได้ตั้ง ๔ ปี ๗๙๐ บาท ปีละไม่ถึง ๒๐๐ บาท เครื่องใหม่ถ้าได้ ๔ ปี จะกำไรมากกว่า ตกปีละ ๑๐๐ กว่าบาท ความจริงมีของซัมซุง ๕๙๐ บาท แต่อาตมาไม่คุ้นกับระบบของซัมซุง จึงเอาโนเกียก็แล้วกัน จะว่าไปเพราะยังไม่รวยเท่าเณรคำ ก็เลยใช้เครื่องละ ๗๐๐ บาทไปก่อน ถ้ารวยเท่าเณรคำเมื่อไรแล้วค่อยไปใช้แบบทองคำขาวฝังเพชร..!

อาตมากับญาติโยมรอบ ๆ ข้าง ๓ - ๔ คน แข่งกันว่าใครจะหาของได้ถูกกว่า โยมเขาซื้อรองเท้าได้คู่ละ ๒๕ บาท คุยไปตั้งครึ่งปี อาตมาจะไปซื้อบ้าง ดันเท้าใหญ่..ใส่ไม่ได้ ตอนนี้เวลาไปไหนถ้าใส่รองเท้าใหม่หน่อย เวลาลงวัดอื่นจะทิ้งรองเท้าไว้บนรถ เพราะถ้าเอาลงไปอาจจะหาย ถ้ารองเท้าเก่า ๆ ก็ใส่ติดไปเถอะ ไม่มีใครแลหรอก ไปใส่รองเท้าราคาแพง ๆ เวลาหายแล้วเสียดาย โยมเขาเคยซื้อให้ใส่หลายทีแล้ว แต่เดินไม่ถนัด เพราะพื้นหนา พอพื้นหนา ถ้าแข็งด้วยก็ดี แต่คราวนี้หนาแล้วยุบด้วย เวลาเดินแล้วรู้สึกหลอน ๆ เท้าอย่างไรก็ไม่รู้ เลยตกลงใส่ได้แต่รองเท้าพื้นบาง ๆ สรุปว่าตราช้างดาวดีที่สุด ถึงเวลาก็เอามีดบากเป็นเครื่องหมายไว้ จะได้จำได้ว่าเป็นของตัวเอง

ตอนไปยุโรปจำเป็นต้องใส่ถุงเท้า เพราะอากาศบ้านเขาหนาวมาก ก็เลยคิดว่าถ้าเป็นรองเท้าแบบมีที่รัดส้น ก็จะใช้สะดวกขึ้น ปรากฏว่าตรงที่รัดส้นนั่นแหละกัดดีนัก เพราะเดินกันเช้ายันค่ำ เดินมาก ๆ รองเท้าก็กัด บ้านเขาเดินเท่าไรก็ไม่เหนื่อยเพราะอากาศเย็น จำเป็นต้องเดินเร็ว ๆ ด้วย จะได้อุ่น เดินไปเดินมารองเท้ากัดเสียนี่

สมัยอยู่กับหลวงปู่มหาอำพันที่วัดเทพศิรินทราวาส หลวงปู่มักจะใช้รองเท้า SCS หรือตราอูฐ หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศใส่บาจา หลวงพ่อวัดท่าซุงชอบตราอูฐ แต่ต้องเป็นแบบมีห่วงคล้องหัวแม่เท้าด้วย เวลาใส่แล้วจะได้ไม่หลุด แต่ละท่านใช้ไม่เหมือนกัน พอถึงเวลาอาตมาจะแอบขโมยรองเท้า ก็ต้องหาที่หน้าตาเหมือน ๆ กันมา เอามาวางไว้แทน ตอนแรกไม่เข้าใจ เอามาเปลี่ยนให้หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ ท่านก็ใส่ไม่ถนัด ท่านถนัดยี่ห้อบาจาแบบสวมเลย ด้วยความที่อยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุงมาจนชิน ก็เลยซื้อแบบมีห่วงคล้องหัวแม่เท้าให้ ท่านดันอยู่ตั้งนานกว่าจะใส่ได้

มาระยะหลังโดนหมาคาบรองเท้าบ่อย สงสัยว่าจะกรรมสนอง เพราะสมัยก่อนไปขโมยรองเท้าครูบาอาจารย์อยู่เรื่อย ถึงเวลาก็เปลี่ยนคู่ บางทีพระลูกศิษย์ที่มาทีหลังไม่รู้จัก เขาก็สงสัย เข้าไปในห้องพระเห็นมีตู้อยู่ แล้วชั้นล่างก็มีพานใส่รองเท้าอยู่ ๒ - ๓ คู่ คู่หนึ่งก็พานหนึ่ง ไม่ได้บอกท่านหรอกว่า เป็นรองเท้าของหลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์ ขืนบอกเดี๋ยวหาย..!

สมัยเด็ก ๆ อ่านเรื่องรามเกียรติ์ พระรามต้องออกป่า ๑๔ ปี เพราะว่าท้าวทศรถไปเสียท่ามเหสีรอง รับปากว่าจะยกสมบัติให้พระพรต พระสัตรุด คราวนี้ยกให้แล้วก็ยังเกรงว่าจะมาชิงสมบัติคืน ก็เลยบังคับว่าต้องออกป่าไปบวชเป็นฤๅษีอยู่ ๑๔ ปี แต่ว่านั่นเป็นความคิดของแม่เลี้ยง ตัวพระพรต พระสัตรุดท่านไม่ได้คิดอย่างนั้น ท่านยังรัก ยังเคารพนับถือพระรามเหมือนเดิม ก็เลยขอรองพระบาท ก็คือรองเท้า เอาไว้บนบัลลังก์แทน หมายความว่าพระรามไม่ได้นั่งบัลลังก์หรอก เอารองเท้าไปนั่งบัลลังก์แทน"

เถรี 14-11-2013 19:52

ถาม : มีคนเอาพระเครื่องมาจากวัดมาโดยไม่ถูกต้อง แล้วมาขายให้กับเรา ?
ตอบ : ถ้ามีปัญหาในเรื่องของพระว่าเขาอาจจะเอาจากวัดมาโดยไม่ถูกต้อง หรือขุดกรุขโมยกรุก็ตามที ให้หาพระพุทธรูปหน้าตักประมาณ ๕ นิ้วไปถวายวัดแทน เป็นการชำระหนี้สงฆ์ อย่าไปคิดว่าสมเด็จวัดระฆังราคา ๒๐ ล้านบาท พระพุทธรูปของเราราคา ๒๐๐ บาท ไม่ต้องคิดตรงนั้น พุทโธ อัปปมาโณ คุณพระพุทธเจ้าประมาณไม่ได้

ใช้พระพุทธรูปหน้าตัก ๕ นิ้วคืนไป ยกเว้นว่าที่ไปยกมาไม่ถูกต้องเป็นพระพุทธรูปหน้าตักใหญ่กว่านั้น ต้องใช้คืนไปตามขนาดที่ใหญ่กว่านั้น แต่ถ้าเป็นพระเครื่องคืน ๕ นิ้วไปก็พอ


ถาม : แล้วถ้าอย่างนี้วัดที่เขาเอามา เราก็ต้องเอาไปคืนที่นั่นหรือคะ ?
ตอบ : เราจะถวายวัดไหนก็ได้ เพราะเราถวายชำระหนี้สงฆ์ วัดไหนใกล้บ้านก็ถวายไปสิ ไม่ใช่ว่ามาจากวัดไหนต้องไปคืนที่นั่น

เถรี 14-11-2013 19:58

ถาม : มีโยมคนหนึ่งเขาไปคุยกับคนแก่คนหนึ่ง คนแก่คนนั้นบอกว่าเคยถวายเพลครูบาศรีวิชัย เลยอยากทำบุญถวายเพลครูบาศรีวิชัยบ้าง เขาเลยให้เงินไป บอกว่าขอร่วมบุญถวายเพลครั้งนั้นด้วย ไม่ทราบว่าโยมคนนั้นจะได้อานิสงส์ถวายเพลครูบาศรีวิชัยไหมครับ ?
ตอบ : อาจจะลงนรกก็ได้ เพราะเขาเจตนาถวายครูบาศรีวิชัย แต่เป็นอดีตไปแล้ว ที่เขาให้มาแล้วเราจะรับไว้ได้ก็คืออนาคตที่จะต้องไปทำ แต่ถ้ารับมาแล้วอนาคตจะไปทำ ก็มีข้อแม้ด้วยว่าห้ามตายก่อน ไม่อย่างนั้นเราก็ซวยอีกเหมือนกัน

ถาม : สมมติว่าผมไปทำบุญมาห้าพันบาท แล้วผมก็มาบอกเพื่อน ๆ แล้วเขาก็ร่วมทำกันมา ?
ตอบ : เขาเจาะจงถวายครูบาที่มรณภาพไปแล้ว คุณไปขุดครูบาขึ้นมารับเพลได้ก็เอาสิ..!

ถาม : ถ้าเกิดว่าผมไปทำกฐินผ้าป่า แล้วคนอยากได้บุญ เขาก็ร่วมใส่ซองมาภายหลัง แล้วเงินนั้นเยอะกว่าที่ผมทำไป ?
ตอบ : คุณก็หัวโตคนเดียว ทำได้ไม่เกินที่จำนวนที่เราทำไปเท่านั้น เพราะเท่ากับว่าตัดแบ่งส่วนของเราไป

ถาม : แต่เราไม่ได้เอามาใช้ส่วนตัวนะครับ ?
ตอบ : ไม่ได้ใช้ก็ต้องทำกฐินตามนั้นให้เขา แล้วถ้าเขาเจาะจงวัดมาก็ยิ่งซวยหนักอีก เราไปถวายวัดอื่นก็เท่ากับย้ายเจดีย์

ถาม : ถ้าเราทำแล้วเรารายงานผลเขาไป ?
ตอบ : รายงานผลไม่ได้แปลว่าจะพ้นโทษ สำคัญที่ว่าทำถูกหรือทำไม่ถูก เราขโมยของแล้วรายงานตำรวจว่า “ฉันขโมยนะจ๊ะ” ตำรวจเขาคงจะปล่อยเราหรอก

ถาม : ผมทอดไปแล้ว แต่เขาเอามาถวายทีหลังเอง ?
ตอบ : นั่นเป็นปัญหาของคุณ ไม่ได้เกี่ยวกับอาตมา ไปแก้ไขกันเอาเองก็แล้วกัน

เถรี 14-11-2013 20:01

ถาม : ผมไปเป็นเจ้าภาพสร้างกุฏิ ทำถวายไปเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่ามีผู้ไปบอกบุญเพิ่มอีกในภายหลังทำได้ไหมครับ ?
ตอบ : ทำไม่ได้ แต่เขาทำไปแล้ว อาตมาเลิกคบวัดหนึ่งก็เพราะอย่างนี้ เนื่องจากว่าไปช่วยเขาขุดบ่อน้ำและซื้อเครื่องสูบน้ำโดยออกรายจ่ายทั้งหมด แต่เขาไปเรี่ยไรคนอื่นเพิ่มเติม โดยเอาอาตมาเป็นตัวประกันความเสี่ยงว่า ทางอาตมาจ่ายแน่ ๆ แล้วส่วนนั้นไปไหน ? ในเมื่อเป็นเช่นนั้นอาตมาก็เลยเลิกคบกับวัดนั้นไปเลย ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นไป แม้แต่ฉี่ก็จะไม่หันไปทางนั้น..!

เถรี 14-11-2013 20:09

ถาม : ถ้าเราไปรับฝากเงินทำบุญคนอื่นเขามา โดยที่บอกว่าถ้าคุณเจาะจงบุญกฐินไม่รับ แต่ถ้าเป็นการร่วมทำบุญตลอดชีวิตจึงจะรับ อย่างนี้พ้นไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าอย่างนี้พ้น แต่เจตนาไปเอาของเขา เพราะรู้ทางหนีทีไล่แล้ว กะจะไปเล่นชาวบ้านโดยเฉพาะ ถือเป็นโลภเจตนา ซวยอีกเหมือนกัน

ถาม : ก็ยังดีที่พ้นนะ
ตอบ : พ้นเฉพาะครั้งหน้า ครั้งที่ผ่านมาเสร็จสรรพไปแล้ว

ถาม : อดีตผ่านไปแล้วขี้เกียจจำ
ตอบ : ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้างล่างเขาช่วยจัดการให้ ที่นั่นเครื่องบันทึกเขาดี อาตมาเคยลงไป ตอนนั้นกระดูกคอเคลื่อน ป่วยหนัก ๖ วัน อยู่โรงพยาบาลฉันอะไรไม่ได้เลย ให้น้ำเกลือก็ไม่เข้า เพราะอาเจียนจนกระทั่งเส้นลีบหมดทั้งตัว ก็ขอหมอว่ากลับไปตายที่วัดดีกว่า พอกลับวัดมาคืนนั้นหิวไส้ขาดเลย ภาวนาแล้วภาวนาอีกเมื่อไรจะสว่างเสียที คนไม่ได้กินมา ๖ วันแล้วอยู่ ๆ อยากกินขึ้นมา หิวแค่ไหนลองนึกดูเอาก็แล้วกัน

พอเช้าขึ้นมาก็เอาไม้เท้าค้ำไปร้านป้ากิมกีหน้าโบสถ์วัดท่าซุง ตอนนั้นอยากกินแต่ของเผ็ด ๆ ก็เลยบอกว่าเอาผัดกะเพราไข่ดาวมา เผ็ดที่สุดเท่าที่จะใส่ได้ มาถึงก็ลองแตะชิม ๆ ดู เห็นว่าร่างกายไม่มีปฏิกิริยาอะไร กินได้แน่ ๆ ก็ฟาดจนหมด พอกินเสร็จปรากฏว่าง่วงลืมตาไม่ขึ้น ลักษณะหัวไถพื้นเลยนั่นแหละ

พอเอนลงนอนรู้สึกเหมือนกับเตียงทรุดฮวบลงไป แล้วก็ไปอยู่ตรงหน้าของพระยายมพอดีเลย ความรู้สึกแรกก็คือ “กูตายแล้วนี่หว่า..ตกนรกด้วย..!” ปรากฏว่าท่านนายบัญชีที่นั่งอยู่ ถ้านับจุดที่ท่านนั่งก็คือท่านนั่งอยู่ทางซ้ายมือของพญายมราช ท่านเปิดสมุดบัญชีทองคำเล่มหนาเป็นศอกเลย ไม่รู้เปิดอย่างไรพอเปิดปุ๊บบอกว่า “อีก ๖ วันหาย” แล้วท่านก็ปิดปัง..! อาตมากราบลาได้ก็โกยแน่บเลย เดี๋ยวท่านเปลี่ยนใจตัดสินขึ้นมาเลยนี่เฮงแน่ ๆ..!

ปรากฏว่าเรื่องที่ท่านว่าตรงเป๊ะเลย พอวันที่หกก็ไปเจอหมอนวดเขาดันกรึ๊บเดียวหายเลย กระดูกคอเคลื่อน
เพราะเอาหน้าผากไปโขกคานโบสถ์วัดศรีรัตนารามแล้วไม่รู้ หมอเขาได้ยินว่าเอาหน้าผากไปโขกคาน เขาก็เอ็กซเรย์แต่หัว ถ้าเลื่อนลงมาที่คอหน่อยเดียวก็เจอแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องของกรรมที่จะต้องชดใช้เขา ตกลงว่ารวมแล้วทรมานไป ๑๔ วัน

เถรี 14-11-2013 20:12

ถาม : (เตรียมของไว้จะไปทำถวายวัดหนึ่ง แต่ผู้ที่นำไปได้ไปถวายผิดวัด)
ตอบ : ของเราจบไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่คนเอาไปถวายผิดนี่สิ ประเภทพอถึงเวลาถูกรางวัลที่ ๑ อาจจะมีการโอนเงินให้ผิดบัญชีเหมือนกัน อันนั้นเป็นโทษเขา ไม่ใช่โทษเรา ปล่อยเขาไปเถอะ

ถาม : แล้วเราต้องหาใหม่ไปถวายวัดที่เราตั้งใจไว้ไหมครับ ?
ตอบ : จบแล้วก็จบกัน ถ้าคาใจก็ทำให้ท่านใหม่ไปอีกครั้งหนึ่ง

เถรี 14-11-2013 20:15

ถาม : การที่เอาเงินทำบุญผู้อื่นไปทำให้เขาผิดประเภท สามารถสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ได้ไหมคะ ?
ตอบ : คนละโทษกัน โทษติดหนี้สงฆ์จึงจะสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ ส่วนโทษย้ายเจดีย์หมายถึงว่าทำบุญให้เขาผิดประเภท แก้กันไม่ได้

ถาม : ไม่มีทางเลยหรือครับ ?
ตอบ : ไม่มี

เถรี 14-11-2013 20:18

ถาม : ถ้าเงินทำบุญที่รวมใส่ซองหายระหว่างทางโดยที่เราไม่รู้ตัว ผิดไหมครับ ?
ตอบ : เจตนาไม่มี โทษน้อยหน่อย ถ้าว่าผิดไหม ? ผิดแน่ ๆ แต่โทษน้อยหน่อยเพราะขาดเจตนา

ถาม : แล้วถ้าเราไปเรี่ยไรเงินทำกฐิน แต่เงินนั้นหาย เราใช้เงินของเราเองทำแทนไปได้ไหมครับ ?
ตอบ : ให้ตั้งใจว่าเราทำแทนเขา แต่ถ้าเขาทำปีนี้แล้วเราไปทำให้เขาปีหน้า ต่อไปเวลาเราจะได้อะไรก็ล่าช้าไปด้วย สมมติว่าจะกินข้าว ปลูกข้าวปีนี้แล้วอาจจะไปให้ผลปีหน้า

สรุปว่าที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า อย่าคิดว่าความชั่วเพียงเล็กน้อยแล้วทำ อย่าคิดว่าความดีเพียงเล็กน้อยแล้วไม่ทำ ความดีความชั่วเป็นสิ่งที่เราไปแล้ว จะเล็กน้อยขนาดไหนก็ตาม ถ้าถึงวาระล้วนแล้วแต่ให้ผลทั้งสิ้น แล้วไม่ต้องไปตัดพ้อต่อว่าใคร เพราะเราทำเองทั้งนั้น

เถรี 14-11-2013 20:20

ถาม : อย่างนี้จะหมดกำลังใจไหมครับ เพราะเมื่อก่อนเวลาทำบุญก็จะไปบอกบุญให้มาช่วยกัน ตอนนี้ทำคนเดียวดีกว่า ?
ตอบ : อนุญาตให้หมดกำลังใจได้ เกิดใหม่บริวารไม่มี ทำอะไรก็แบกหามไปคนเดียว ตุ๊ป้อสิงห์เวลาอะไรก็ต้องทำเอง เพราะบริวารแต่ละคนพอช่วยทำแล้ว กลายเป็นไปเพิ่มงานให้ท่าน

ถาม : จะไม่มีสักชาติเลยหรือครับที่ไปชวนคนอื่นเขาทำบุญ ?
ตอบ : มี...ก็คงจะมีสักงานที่มีคนเขาช่วยเรา ที่เหลือก็เหมาเองต่อไป

เถรี 14-11-2013 20:30

พระอาจารย์กล่าวว่า "บางท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมอาตมาไปเอาแก้วมีตำหนิมา ส่วนแก้วที่ใส ๆ ไม่ซื้อมา นี่เป็นโป่งข่ามจ้ะ โป่งข่ามก็ต้องมีตำหนิเป็นปกติ เพราะเป็นธรรมชาติ คำว่า “ข่าม” ของภาษาเหนือ คือ อยู่ยงคงกระพัน ของภาษาไทยนั่นแหละ แล้วภาษาเหนือไม่ใช่ภาษาไทยหรือ ? ภาษาเหนือเขาเรียกว่าภาษาลาว สมัยก่อนเขาเรียกมณฑลลาวเหนือ มณฑลลาวเฉียง ลาวเฉียงคือทางอีสาน เขาให้สังเกตง่าย ๆ ว่า ไทยนุ่งโจง ลาวนุ่งซิ่น ดังนั้น..ถ้าเป็นไทยก็นุ่งโจงกระเบน ถ้าเป็นลาวก็นุ่งผ้าถุง คราวนี้แยกชัดเลย..ใช่ไหม ?"

เถรี 14-11-2013 20:34

"สมัยที่สมเด็จพระราชชายาเจ้าดารารัศมีมาอยู่กรุงเทพฯ ด้วยความที่เขายังมองว่าลาวต่ำต้อยกว่า ก็เลยทำให้พระองค์ท่านค่อนข้างจะโดนกีดกัน มาตอนหลังจึงทูลขอกลับไปเชียงใหม่ โดยเฉพาะพระองค์ท่านไม่มีพระโอรสให้ด้วย มีพระธิดาองค์เดียว คือ พระองค์เจ้าหญิงวิมลนาคนพีสี ต้องบอกว่าพระองค์ท่านอดทนมาก ๆ รอบข้างล้วนแล้วแต่เป็นคนละเชื้อชาติเผ่าพันธุ์กับตนเอง ในเมื่อไม่เหมือนเขา ไปอยู่กลางกลุ่มเขา ก็โดนกีดกันบ้าง โดนรังแกบ้างเป็นธรรมดา

ประเทศเล็ก ๆ ในสมัยก่อนอยู่ยาก อยู่ในลักษณะเหมือนกับเป็นลูกไล่เขา คำว่าลูกไล่นี่เกิดจากการกัดปลา การกัดปลาก็ต้องหาปลากัดตัวที่ไม่เก่ง ปล่อยลงไปให้ตัวที่เราทะนุถนอมฟูมฟักมาให้ไล่กัด สร้างความมั่นใจให้กับปลาตัวนั้น ลงมากี่ตัว ๆ ก็กัดกระจายหมด ต่อไปเจอใครจะได้ไม่กลัวเขา แล้วก็เรียกตัวที่โดนจับยัดไปให้เขาฟัดว่า "ลูกไล่" คือโดนเขาไล่กัดอย่างเดียว

คราวนี้บรรดาประเทศเล็ก ๆ ในสมัยก่อนวางตัวลำบาก ต้องคอยดูทางลมอยู่เรื่อย สมัยนั้นล้านนาซึ่งจริง ๆ ก็คือเมืองเชียงใหม่ เป็นประเทศเล็ก ต้องคอยมองว่าสยามจะเข้มแข็งขึ้นมา หรือว่าพม่าจะเข้มแข็งขึ้นมา ต้องคอยดูทิศทางลม คอยโอนอ่อนผ่อนตามเขา ก็เลยเกิดปัญหาตรงที่ช่วงนั้นสยามมีอำนาจขึ้นมา ทางด้านพม่ามัวแต่รบกับอังกฤษอยู่ พอเจ้าน้อยศุขเกษมที่ไปเรียนที่มะละแหม่งไปได้มะเมียะกลับมา เขาถึงต้องบังคับให้เอาไปคืน เพราะว่าตอนนี้ประกาศตัวว่าเป็นประเทศราชของสยามแล้ว อยู่ ๆ ลูกไปแต่งสาวพม่ามา หมายความว่าอย่างไร ? เลยกลายเป็นว่าแม้กระทั่งความรัก ก็ไม่สามารถเป็นไปตามที่ตนเองต้องการได้ ทุกอย่างเท่ากับเป็นเกมการเมืองไปหมด

การที่พระราชชายาเจ้าดารารัศมีมาถวายตัวกับรัชกาลที่ ๕ ก็ถือว่าเป็นเกมการเมืองอย่างหนึ่งของเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ก็คือสร้างสัมพันธ์กับสยามให้ใกล้ชิด จะได้ช่วยปกป้องดูแลตนเอง ป้องกันไม่ให้พม่ามารุกราน"

เถรี 15-11-2013 05:59

พระอาจารย์เล่าว่า "หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเดินตรวจงานกลางคืนแล้วหมาเห่า เห่าไม่เลิก หลวงพ่อท่านก็รำคาญ ท่านหยิบอิฐหักก้อนหนึ่งมาขว้างส่งเดช โป๊ก!..ทุกทีเลย วิชากระสุนคดนี่ตั้งใจให้โดนก็จะโดน เป็นอาตมาขว้างไม่ถึงหรอก หมาไม่ได้อยู่ใกล้ ๆ หมาอยู่ตรงที่ของลุงมา ที่ของลุงมาก็บริเวณศาลา ๑๒ ไร่ของปัจจุบันนี้ ไม่ใช่แถว ๑๒ ไร่นะ หลัง ๑๒ ไร่ ตรงที่ตั้งพระชำระหนี้สงฆ์ แล้วหลวงพ่อท่านอยู่หน้าโบสถ์ เป็นพวกเราขว้างถึงไหม ? แต่ท่านขว้างทีไรก็โดนทุกที ถ้าคนไม่สังเกตจะคิดว่าหลวงพ่อขว้างถูกหมาเฉย ๆ แต่อาตมาเห็น โอ๊ย..ไม่ใช่กำลังคนแล้ว ขว้างไกลขนาดนั้น

ใครที่ไปทันวัดท่าซุงสมัยก่อนที่จะสร้างศาลา ๒ ไร่ ๓ ไร่ วัดจะมีพื้นที่ป่าเสียส่วนใหญ่ แล้วหลวงพ่อท่านก็ไปสร้างจุฬามณีกับตึกธัมมวิโมกข์ ตึกสงวนจิตรและเพื่อน และห้องกรรมฐานสำหรับญาติโยมพัก ทางด้านฝั่งจุฬามณีกว่าจะซื้อที่เพิ่มเพื่อสร้างศาลา ๑๒ ไร่ กว่าจะซื้อที่สร้างวิหารร้อยเมตรได้ ต้องเล่นกันหลายชั้นหลายเชิง เพราะคนแถวนั้นเหมาว่าหลวงพ่อท่านรวย ที่แถว ๆ นั้นติดถนนอย่างเก่งก็ราคาไร่ละ ๓๐,๐๐๐ บาท เขาจะขายหลวงพ่อวัดท่าซุงไร่ละ ๒๐๐,๐๐๐ บาท..!

ถ้าเราสังเกตจะเห็นว่า ช่วงระหว่างทางเข้าศาลา ๑๒ ไร่ ต่อกับทางด้านหลังพระนอนฝั่งจุฬามณี จะเป็นที่ว่างอยู่ นั่นแหละ..เขาจะเอาไร่ละ ๒๐๐,๐๐๐ บาท หลวงพ่อก็บอกว่า "ปล่อยมัน..ดูซิว่าเขาจะทำมาหากินอะไร.." มาระยะหลังนี่ก็เปิดออกมา อาตมาก็ไม่ได้สังเกตว่าเขาทำมาหากินอะไร แต่เห็นว่ามีบรรดาลูกศิษย์รุ่นเก่า ๆ เอาวัตถุมงคลหลวงพ่อไปเปิดร้าน ปล่อยกันครึกครื้นเลย

สมัยก่อนถ้าหลวงพ่อต้องการซื้อที่ก็จะให้จ่าพัว ความจริงท่านเป็นนายดาบตำรวจพัว ชระเอม หรือไม่ก็ดาบตระกูล เปาริก ไปถามซื้อจากชาวบ้าน ขนาดนั้นเขายังถามอีกว่า ตกลงจ่าซื้อเองหรือซื้อให้วัด ? ถ้าซื้อเองก็ราคาหนึ่ง ถ้าซื้อให้วัดก็อีกราคาหนึ่ง ก็ต้องตกลงว่าซื้อเอง แต่ไปถวายวัดทีหลัง

ไปวัดครั้งล่าสุด สังเกตว่าตรงโรงพยาบาลแม่และเด็กเขารื้อราบหมดเลย แสดงว่าทางกระทรวงเขาได้งบเอง แล้วเขาก็ไปหาที่สร้างของเขาเองได้แล้ว อาคาร ๒ หลังนั่นหลวงพ่อวัดท่าซุงสร้างให้ทางกระทรวงสาธารณสุข เป็นโรงพยาบาลแม่และเด็ก มีเครื่องมือเครื่องไม้ทันสมัยที่สุดของภาคเหนือ แต่ถ้าวัดสร้างทำให้เขาไม่ได้อะไร ได้แต่โรงพยาบาลไป เขาคงของบประมาณแล้วก็ไปสร้างกันเองดีกว่า ยังมีเงินเข้ากระเป๋าบ้าง

ครุฑ ๒ ตัวที่ติดที่ป้ายโรงพยาบาลอาคารปฐมราชานุสรณ์กับปัญจมราชานุสรณ์ หลวงปู่ธรรมชัยถวายมา แล้วตอนทำพิธีเปิด หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสามพระยาเป็นประธานเปิด แล้วจะไปหาพระที่ไหนแบบนั้นมาเปิดให้อีก"

เถรี 15-11-2013 06:00

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดี๋ยววันอาทิตย์ตอนบ่ายโมงมีการประมูลของกันเพื่อร่วมสร้างพระทองคำ มีสมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๑ รุ่น ๒ ของวัดท่าซุงอย่างละองค์ มีพระของหลวงปู่โหน่ง วัดคลองมะดัน หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ด หลวงปู่ปานด้วย ของอาตมาเองก็มีพระกริ่งพิชัยสงครามรุ่น ๑ เล็ง ๆ กันไว้แล้วกันว่าจะเอาอะไร แบกเงินใส่กระเป๋ามา คงได้ตีกันตายไปข้างหนึ่ง

สมเด็จองค์ปฐมรุ่น ๑ มีกริ่ง โลหะที่อุดฐานไม่ทราบว่าช่างเสริฐทำด้วยอะไร ต่อให้ชุบทองถึงเวลาก็ดำ กรุณาปล่อยให้ดำ ๆ อย่างนั้น อย่าได้บังอาจไปขัดเชียว ถ้าขัดเดี๋ยวจะกลายเป็นของปลอม

ปรากฏว่ารุ่น ๑ พอสร้างไป ใครเจอก็เขย่ากริ่งว่าดังไหม เขย่ากันหลาย ๆ ที พอสร้างรุ่น ๒ หลวงพ่อท่านก็เลยไม่บรรจุกริ่ง เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นการปรามาสพระรัตนตรัย นึกอยากจะเขย่าเมื่อไรก็เขย่ากัน"

เถรี 20-11-2013 14:43

ถาม : จะช่วยเขาเรื่องไสยศาสตร์ ผีเขาไม่ได้เข้าเราใช่ไหมครับ แค่อยู่ข้าง ๆ ?
ตอบ : อยู่ข้างนอก เพียงแต่ตอนนั้นเขาใช้กำลังใจกดเราเอาไว้ แล้วก็บังคับร่างกายเราให้แสดงอาการตามที่เขาต้องการ

ถาม : ผมจะจัดการก็ใช้สัมปะจิตฉามิ เขาก็กลับไป พออีกวันก็เปลี่ยนตัวมาครับ ?
ตอบ : พวกนั้นมีเยอะ ถ้าตัวเดิมไม่อยู่ก็ใช้ตัวใหม่ อาตมาเคยปล่อยไปติด ๆ กัน ๓๐ กว่าตัว กว่าจะหมด

ถาม : แล้วเขามาทุกวัน แล้วก็มาเวลาซ้ำ ๆ ครับ
ตอบ : ส่วนใหญ่พวกนี้เคยทำเวลาไหนก็ทำเวลานั้น พอเล่นงานไม่ได้ ก็ปล่อยตัวใหม่ออกมาอีก อาตมาปล่อยให้เขาไปจนหมดเนื้อหมดตัวไปเลย เคยปล่อยไปรายเดียว ๓๐ กว่าตัว

ถาม : ผมก็แปลกใจ ผมก็ทำทุกอย่างให้เขาแล้ว คล้องพระให้เขาแล้ว ก็ยังมาอีก ?
ตอบ : ถ้ากำลังใจไม่ได้ยึดมั่นจริง ๆ อย่างหนึ่ง แล้วอีกอย่างก็คือวาระกรรมพอดี ใจไม่ได้นึกถึงพระ ในเมื่อไม่ได้นึกถึงพระ ความดีเข้าไม่ได้ สิ่งไม่ดีก็เข้าแทน

ถาม : เขาก็ทนไม่ได้ครับ
ตอบ : ถ้าทนได้ก็เตลิดเปิดเปิง

ถาม : ก็แสดงว่าเราต้องสู้ต่อไป
ตอบ : สู้กับพวกนี้ก็เหนื่อย เพราะว่าเขาไม่ต้องพัก แต่เราต้องพัก แล้วเราเผลอเมื่อไรเราก็เสร็จ

ถาม : มาทุกวัน เขาก็ไล่ผมออกจากบ้าน
ตอบ : อาตมารบกับพวกนี้จนเลิกรบแล้ว

ถาม : แล้วมีวิธีที่ดีที่สุดต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : คุยให้รู้เรื่องว่าเขาต้องการอะไรแน่ แล้วก็ช่วยเขาตามนั้น

ถาม : ก็คุย แต่เขาไม่พูดครับ เหมือนกับโดนมัดปากไว้ ?
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นก็อาละวาดให้กระจายไปเลย

ถาม : หรือต้องปล่อยไปตามเวรตามกรรมครับ ?
ตอบ : ก็ต้องอย่างนั้น อาตมาแค่ตีหน้ายักษ์ใส่เขาก็เผ่นแล้ว เพราะรู้ว่าโดนแน่

เถรี 20-11-2013 14:55

สักเดือนที่แล้วกระมัง ที่วัดจัดงานประชุมเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมทั้งหมด ก่อนหน้านั้นวันหนึ่งระหว่างเดินทาง รถไปไม่ได้ ติด ๆ ดับ ๆ เห็นเขานั่งทับฝากระโปรงรถอยู่ ก็เลยต้องไปงัดก้นเขาไว้ เพราะถ้าเขาหย่อนลงเต็มที่เครื่องดับจะไปไม่ได้ เหนื่อยฉิบห..เลยกว่าจะถึง อาตมาก็ยอมรับ เพราะถ้าไม่ใช่วาระกรรมจริง ๆ เขาก็ทำอะไรไม่ได้

ปรากฏว่ารุ่งขึ้นกำลังทำวัตรเช้าอยู่ไฟก็ดับ ดับไปจนกระทั่งเกือบ ๗ โมงครึ่งก็ยังไม่ติด กำหนดใจดู เห็นมันไปนั่งทับหม้อแปลงเอาไว้ จึงโมโหขึ้นมา วันนี้วันงานแท้ ๆ เป็นหน้าเป็นตาของวัดด้วย ประชุมเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมทั้งจังหวัด มาแกล้งกันอย่างนี้จะลองดูกันสักตั้งก็ได้วะ..! ก็เลยเรียนท่านปู่ท้าวสหัมบดีพรหมกับท่านปู่พระอินทร์ว่า "ขออัดไอ้เจ้านี่หน่อย ถึงจะเป็นเหตุให้ก่อเทวาสุรสงคราม ผมก็จะรับผิดชอบเอง..!" ท่านปู่พกพรหมได้ยินโดดผางออกมาเลย บอกว่า “เดี๋ยวผมจัดการเอง.!” ไอ้นั่นได้ยินเผ่นแน่บไปเลย ต้องประเภทนั้น ต้องโหดกับเขาพอ

อาตมาพยายามยอมรับกฎของกรรม แต่วิสัยจริง ๆ ไม่เคยยอมรับง่าย ๆ หรอก พอถึงเวลาจะมาทำให้งานเสีย ก็ขออัดเขาก่อนเลย ถ้าโหดพอก็ไล่กระจายไปเลย ถ้าโหดไม่พอ ตัวใครตัวมัน ต่างคนต่างอยู่

ถาม : บอกว่าจะบวชให้ก็แค่ยิ้ม ๆ เป็นเพราะนิสัยของเขาหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าบางทีกำลังเขาสูงกว่า ถ้ากำลังเขาสูงกว่านี่เขาไม่สนใจเราแล้ว

เถรี 20-11-2013 15:05

อย่างหลวงพี่บรรจง (พระบรรจง กวิวํโส) สมัยอยู่วัดท่าซุงด้วยกัน ประมาณปี ๒๕๓๐ หลวงพ่อวัดท่าซุงเข้าโบสถ์มาถึงก็ “เป็นอย่างไรบรรจง ?” พี่บรรจงก็หลบตาวูบ “ดีนะไม่โดนตีนมัน นั่นไม่ใช่ผีนะโว้ย...เขาเป็นเทวดา” อาตมาก็แปลกใจ พอออกจากโบสถ์มาก็ไปถามว่าทำอะไรมา หลวงพี่บรรจงบอกว่าแกไปนครราชสีมา แถววัดโพธิ์เมืองปัก พอเขาได้ยินว่ามีพระจากวัดท่าซุงมา ก็รีบมาเชิญตัวไปช่วยคนที่โดนผีเข้ามา ๓ วันแล้ว ไม่กินไม่นอนอะไรทั้งนั้น นั่งเงียบอย่างเดียว น้ำท่าก็ไม่อาบ หลวงพี่บรรจงก็ไป

พอขึ้นบ้านไป หลวงพี่ก็มีเชิง เอามือล้วงจับมีดหลวงพ่อในย่าม ผีเงยหน้ามาบอกว่า “ท่านไม่ต้องยุ่ง.!” หลวงพี่บรรจงก็ถอยหลัง ปกติมีดหลวงพ่อนี่แค่เหยียบบันไดผีก็หนีแล้ว แต่นี่บอกไม่ต้องยุ่ง ชักจะอย่างไรแล้ว แกถอยมาปรึกษาหลวงพี่มหาถวัลย์ หลวงพี่มหาถวัลย์ก็เลยไปสอบถามว่าเป็นเพราะอะไร ปรากฏว่าเขาไปฉี่รดศาลเจ้าที่ แล้วก็ร้องด่าท้าทายด้วย ก็เลยโดนเล่นเอา

จึงคุยว่าตกลงจะเอาอย่างไร เขาบอกว่าจะดัดสันดาน ให้อดข้าวอดน้ำสัก ๗ วันแล้วเดี๋ยวจะออกเองแหละ เจ้านั่นก็ต้องทนไปอีก ๓ - ๔ วัน เพราะฉะนั้น..บางทีคุยกันไม่รู้เรื่องหรอก ระดับนั้นกำลังเขาสูงกว่า หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถึงบอกว่า โชคดีไม่โดนตีน เขายังเกรงใจว่าเป็นพระ


ถาม : แล้วกำลังใจในการว่าคาถาไล่ เราต้องวางกำลังใจอย่างไรครับ ?
ตอบ : สำคัญที่สุดก็คือเราต้องมั่นใจว่าคุณพระพุทธเจ้านี้ไม่มีใครเสมอเหมือนได้ ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่าท่านอีกแล้ว บารมีพระมีอยู่ในทุกอณูของอากาศ รอบตัวเราบารมีพระก็ครอบคลุมอยู่ แล้วเราก็แค่อาราธนาบารมีพระให้ช่วยสงเคราะห์ กำลังใจต้องเข้าถึงด้วยความเคารพจริง ๆ

ถ้าไม่ได้ก็หาอาวุธไว้ มีดหมอหลวงพ่อเดิมก็ได้ มีดชาตรีวัดท่าซุงก็ได้ มีดหมอสายเขาอ้อก็ได้ เอาให้กระจายไปเลย..!

เถรี 20-11-2013 16:18

ถาม : ถ้าเราหว่านทรายนี่พอป้องกันได้ไหมครับ ?
ตอบ : หว่านทรายก็ได้ อธิษฐานเป็นกำแพงไฟไปเลย เหมือนอย่างกับกันไวรัสคอมพิวเตอร์ ฝรั่งเขาจะมี Fire wall เราก็อธิษฐานเป็นกำแพงไฟไปเลย ใครที่ไม่หวังดีเข้ามา เผาให้กระจายไปเลย ขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ แต่อย่าลืมบอกเจ้าที่ผีบ้านผีเรือนด้วยนะ ถ้าใครที่อยู่แล้วทำประโยชน์ให้ก็อนุญาตให้เข้าออกได้ ถ้าจะเป็นโทษนี่เอาให้หนักเลย

จำได้ว่าทรายเสกรุ่นเก่าของวัดท่าซุงก็มี เดี๋ยวจะเอามาให้ประมูลสักหนึ่งถุง แต่ท่านเคยบอกว่า ไปเอาของใหม่มาสักถังใหญ่ ๆ แล้วเอาของท่านโรยหน้าแล้วคลุก ก็ใช้ได้เหมือนกัน แต่ด้วยความที่สมัยนั้นอาตมาขายเองกับมือก็เลยเก็บไปเรื่อย

เถรี 20-11-2013 16:19

ถาม : อันนี้ใช่หลวงพ่อฤๅษีจารไหมครับ เพิ่งได้มาเมื่อวานครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่..อยากเห็นลายมือหลวงพ่อไปดูที่ธงเขียวธงแดงรุ่นเก่า

เถรี 20-11-2013 16:20

เดี๋ยวกลับไปมีเงินในธนาคารเท่าไร กดมาให้หมด วันอาทิตย์มาประมูลกันตรงนี้ ของวัดท่าซุงแท้ ๆ เริ่มประมูลตอนบ่ายโมง มีพระเหนือพรหมของหลวงปู่ดู่ด้วย เผื่ออยากได้

มีอยู่ชุดหนึ่งทำใจอย่างไรก็ตัดใจเอาออกประมูลไม่ได้ ก็คือแก้วสารพัดนึกของหลวงปู่ดู่ ท่านปั้นให้ลูกประมาณเท่ากระสุนยิงนก แล้วก็ร้อยเป็นประคำไว้ อาตมาเก็บไว้หากินได้ทั้งชาติเลย สร้างพระเมื่อไรก็ใส่ไปหน่อยหนึ่ง ตัดใจประมูลไม่ได้ ครูบาอาจารย์ท่านคงตั้งใจให้เก็บไว้หากิน..!

เถรี 20-11-2013 19:19

ถาม : ผมเข้าใจว่าได้เพชรที่ยังไม่เจียระไนมาครับ
ตอบ : ง่ายจะตายไป ก็ลองกรีดกระจกดู ถ้ากรีดกระจกได้ก็น่าจะเป็นเพชร เพราะขนาดเพชรเขาพระงามแค่ ๗๐ เปอร์เซ็นต์ ยังตัดกระจกได้เลย อาตมาลองตัดมาแล้ว เขาให้มาประมาณเท่านิ้วชี้ ๑ แท่ง ลองกรีดดู กระจกพังจริง ๆ ตอนนี้อาตมามีแก้วดวงหนึ่ง มีบางท่านสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นบลูไดมอนด์ ถ้าใช่และจะจำหน่ายจริง ๆ ก็ราคาหลายร้อยล้าน ไม่มีใครมีปัญญาซื้อหรอก

ในจำพวกเพชรด้วยกัน บลูไดมอนด์จะราคาสูงสุด ในท้องตลาดกะรัตหนึ่งจะประมาณ ๕๐ ล้านบาท แล้วลูกนี้ประมาณไข่นกพิราบกระมัง อาจจะใหญ่กว่า ของบางอย่างดู ๆ แล้วก็หมดอยากไปเฉย ๆ ใจนึกอยู่อย่างเดียวว่า ถ้ามีคนเขาแกะพระได้ก็จะเอา แต่คราวนี้แกะพระจากเพชรคงยากเย็นเข็ญใจ ต้องระดับพระวิษณุกรรมถึงจะได้ ท่านแค่คิดก็เป็นแล้ว

ของบางอย่างเหมือนกับว่า เทวดาเขารักษาเพื่อรอเจ้าของ ตอนที่ท้าวเวสสุวรรณจะไปเอาแก้วอินทนิลมาถวายพระนาคเสนเพื่อแกะพระแก้วมรกต ยักษ์ที่ดูแลอยู่ยังไม่ยอมให้ ท่านบอกว่าท่านมีหน้าที่รักษา ถึงคุณเป็นเจ้านายก็ให้ไม่ได้ ท้ายสุดต้องชี้แจ้งว่าจะทำเพื่อเป็นสมบัติของพระพุทธศาสนา เขาถึงยอม คิดดูว่าลูกน้องไม่เกรงใจเจ้านายแล้ว หน้าที่เขาดูแลอยู่ เขารับคำสั่งครั้งเดียว

เถรี 20-11-2013 19:31

สมัยก่อนวิ่งเหนือ วิ่งกลาง วิ่งใต้ วิ่งไปทุกทิศทุกทาง หลวงพ่อที่ไหนดีก็ไปกราบไปไหว้ ไปหาวัตถุมงคลท่านมา รวมแล้วเป็นลัง ๆ จนกระทั่งท้ายสุดตัดสินใจว่าจะบวชก็เอาไปไล่แจกเขา เสร็จแล้วเจ็บใจเป็นบ้าเลย หามายากเย็นแสนเข็ญขนาดนั้น ดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ แต่คนรับเฉย ๆ ทำท่าไม่อยากได้ รู้อย่างนี้เก็บเอาไว้ดีกว่า ป่านนี้ประมูลกันครึกครื้นไปแล้ว ก็คือพอตัดสินใจว่าเอาหลวงพ่อฤๅษีฯ เป็นหลัก ก็ไม่ใช้วัตถุมงคลที่อื่นอีก

เมื่อมีประสบการณ์ แล้วมั่นใจหลวงพ่อองค์ไหน ก็จะยึดมั่นองค์นั้น หรือไม่ก็มั่นใจว่าครูบาอาจารย์ท่านนี้ เรายึดท่านเป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง อาตมาเองก็ไม่ได้เก็บมากมายอะไร อย่างของหลวงพ่อวัดท่าซุง หลัก ๆ ก็สมเด็จองค์ปฐม สมเด็จคำข้าว สมเด็จหางหมากแค่นั้น ส่วนที่บูชามาเยอะแยะ ใครเขาขอบูชาต่อก็ให้ ๆ ไป

สมัยสมเด็จคำข้าว สมเด็จหางหมากองค์ละ ๑๐ บาท ถึงเวลาอาตมาทำบุญได้มาที ๓๐๐ - ๗๐๐ องค์ เพื่อนพระก็ว่าบ้า เก็บไปทำไมเยอะแยะ พอสิ้นหลวงพ่อ
ราคาขึ้นเอา ๆ เขาก็มาโกยจากอาตมาไปหมดเลย แล้วให้แค่องค์ละ ๑๐ บาท..!

สมัยอยู่วัดท่าซุง ออกกิจนิมนต์ได้เงินมาเท่าไรก็รวม ๆ แล้วเอาไปถวายหลวงพ่อทั้งหมด ตั้งใจช่วยท่านสร้างวัด เพราะอาตมามีความคิดว่า เงินเดี๋ยวก็หาได้ใหม่ แต่วัตถุมงคลของหลวงพ่อ ถ้าสิ้นท่านแล้วจะหายาก ก็ใช้วิธีนั้นแหละเก็บ แต่ปรากฏว่าแทบจะไม่เหลือเหมือนกัน

ตอนที่ขึ้นไปทำหน้าที่ที่ศาลานวราช จำหน่ายวัตถุมงคลใหม่ ๆ พระทุ่งเศรษฐี ๑๐๐ ปีหลวงปู่ปาน องค์ละ ๑๐ บาท พอถึงเวลาก็ไปนั่งคัดกับหลวงตาวัชรชัย องค์นี้สมบูรณ์ สีนี้ พิมพ์นี้ เอาให้มีทุกพิมพ์ทุกสี บูชาเองย่อมเลือกได้ แล้วท้ายสุดก็ไม่เหลือหรอก อย่างเก่งก็ติดตัว ๑ - ๒ องค์

เสียดายพระปิดตาหลวงปู่สี หิ้วย่ามอยู่ แล้วโยมเขาปิดประตูรถเร็วไป กระแทกแตก พระปิดตาผสมชานหมาก ท้ายสุดมองซ้ายมองขวา ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร ยัดใส่ปากกลืนไปเลย..! ปัจจุบันเหลือแต่พระปิดตานะมิ พระปิดตามัดข้าวต้ม และพระผงอายุยืนของท่านอย่างละไม่กี่องค์

มีอยู่ช่วงหนึ่งไปช่วยเขาไว้ แล้วพวกไสยศาสตร์ก็หันมาเล่นงานอาตมาแทน พวกนี้รู้เร็วมากเลยว่าใครแก้ ก็มาเล่นงานคนนั้น ท้ายสุด ตอนนั้นหลวงปู่กลั่นอยู่เขาอ้อ หลวงพ่อพรหมอยู่วัดบ้านสวน อาจารย์ศรีเงินอยู่วัดดอนศาลา ก็ไปหาท่าน หาวัตถุมงคลของท่าน เอามาตีกับพวกนี้โดยเฉพาะ ถึงเวลาอาตมาทำน้ำมนต์ด้วยวัตถุมงคลของท่าน ก็กลายเป็นของท่าน ไม่ใช่ของอาตมา พอถึงเวลาคุณไปลุยกับครูบาอาจารย์สายโน้นเองก็แล้วกัน บางทีก็จำเป็น ไม่อย่างนั้นเหนื่อยตายเลย รบกับพวกนั้นไม่ไหว พอถึงเวลาเขาสู้เราไม่ได้ เขาก็ไปหาคนที่เก่งกว่ามาอีก แล้วก็รบกันทั้งปีทั้งชาติ บางทีมากันที ๓๐ - ๔๐ คน ช่วยกันรุมอาตมาคนเดียว แย่เหมือนกัน พอเขามากันหลายคนกำลังก็เยอะ มาล้อมวงทำพิธีอย่างเป็นทางการ มีทั้งห่มขาว ห่มเหลือง ทั้งอะไรเต็มไปหมด

เถรี 20-11-2013 19:34

ตอนนั้นโดนเสียอ่วมแล้ว ภาวนาอยู่ส่งใจไปพระนิพพาน กะว่าถ้าตายไปจะได้ไปพระนิพพาน แต่ไม่ไปพระนิพพาน ดันไปหล่นอยู่กลางวงเขาเลย เหมือนกับท่านตั้งใจให้เห็นว่าใครทำ ตอนนั้นอาการที่เป็นก็คือ ไข้ขึ้นเกิน ๔๒ องศา แล้วเจ็บไปหมดทั้งตัว หล่นไปกลางวงถึงได้เห็น

เขาปั้นหุ่นแทงเข็มแล้วเอาไปเผาไฟ นั่งล้อมวงกัน ๖ คนทั้งผู้หญิงผู้ชาย พอเขาภาวนาเพ่งใจทีหนึ่ง อาตมาก็สะดุ้งเฮือกทีหนึ่ง เจ็บจะตายชัก แต่ก็นั่งอโหสิฯ ๆ อโหสิฯ ไปอโหสิฯ มาหลาย ๆ ที มันเจ็บว่ะ ตบะแตกลุกขึ้นเตะกระจายทั้งวงเลย แล้วก็หายเจ็บเดี๋ยวนั้น อาตมาก็นึกว่ารอดไปที ที่ไหนได้ผ่านไป ๒ วัน ร่วงทั้งยืนอีก เขาเอาใหม่ พิธีแตกเขาก็ไปรวบรวมกำลังใจใหม่ ๒ วันมาเล่นอาตมาอีก ท้ายสุดคิดว่าถ้ารบกันอย่างนี้อาตมาแย่แน่ เพราะว่าถึงบารมีพระคุ้มอยู่ก็จริงแหละ แต่ว่าวาระกรรมเก่าทำเขาไว้เยอะ ถึงเวลาความเจ็บปวดอะไรต้องรับเป็นปกติ

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถึงได้บอกว่ายันต์เกราะเพชรกันไสยศาสตร์ได้เต็มที่แค่ไม่ให้เราตาย ท่านบอกว่าเหมือนกับเขาก่อกองไฟไว้ แล้วเราก็เอาฉากกั้น ฉากนั่นคือยันต์เกราะเพชร แต่ถ้าไฟกองใหญ่และแรงมาก ความร้อนก็ถึงเราได้ เปลวไฟทำอันตรายเราไม่ได้หรอก ท้ายสุดก็เลยต้องใช้วิธีไม่ตอบไม่โต้อะไรทั้งนั้น ทนเอาอย่างเดียว ถึงเวลาสู้ไม่ไหวก็ทิ้ง เข้าสมาธิหนี ผ่านไป ๓ - ๔ วันเห็นเงียบไปเฉย ๆ คิดว่าอาตมาตายแล้วกระมัง เขาก็เลิก แต่ตอนนั้นจะตายเอาจริง ๆ เจ็บอย่าบอกใครเลย

เถรี 20-11-2013 19:35

ถาม : เวลาทำบุญแทนเขา ต้องรับกรรมแทนเขาด้วยไหมครับ ?
ตอบ : มะเหงกแน่ะ..! รับแต่บุญเฉย ๆ เราทำเวยยาวัจมัย ขวนขวายงานบุญคนอื่นเขาให้สำเร็จ คุณไม่ได้ไปแก้กรรมให้ชาวบ้านเขานี่

เถรี 21-11-2013 18:33

พระอาจารย์กล่าวว่า "การอยู่ในสังคมจะเอาอารมณ์อย่างเดียวไม่ได้ บางทีก็ต้องมีหน้ากากบ้าง เราจริงใจแต่คนอื่นอาจจะรับไม่ได้ เด็กสมัยนี้อยู่ลำบาก แบบเดียวกับแนน (ศิริลักษณ์ พินิจสุขใจ) แนนจะได้ยินความคิดคนอื่นหมด พอถึงเวลาเขาก็จะมาเครียดว่า ทำไมเขาพูดอย่างหนึ่งแล้วคิดอีกอย่างหนึ่ง"

ถาม : แล้วทำไมน้องแนนเขาป่วยจัง ?
ตอบ : ทำเขาไว้เยอะ อาจจะเป็นเพราะป่วยนี่แหละทำให้เขาได้ดี เพราะไม่มีอะไรเป็นที่พึ่งนอกจากอาศัยพระ เท่ากับบังคับให้ฝึกตัวเอง แนนยังปรับตัวเองไม่ได้ เขาถามว่าทำอย่างไรจะไม่ได้ยิน บอกเขาว่าแค่ไม่ไปใส่ใจ เขาบอกไม่ใส่ใจก็ได้ยิน ก็ได้ยินนั่นแหละ ถ้าเราไม่ใส่ใจก็เหมือนกับคนคุยกันห่าง ๆ แล้วจะไปสนใจอะไรเขา

ถาม : เวลาที่เราคิดอะไรที่ไม่ดี ภาวนากดตัวหนึ่งไว้ได้ อีกตัวก็คิดอีก ก็เอาพุทโธกดไว้ ปรากฏว่าเจอว่ามีอีกตัว
ตอบ : มโนกรรมหยุดยากที่สุด เพราะเร็วมาก ๆ เลย


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:19


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว