กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3509)

เถรี 03-09-2012 12:03

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกันยายน ๒๕๕๕
 
ถาม : การตั้งศาลอากาศเทวดาสี่เสา และศาลพระภูมิหนึ่งเสา สามารถตั้งในทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวอาคารในทิศเดียวกันเลย ใช่หรือไม่ครับ ?
ตอบ : หาเรื่องตั้งทิศเดียวกันก็เตรียมซวยได้เลย..! ทิศของอากาศเทวดาอยู่ทิศใต้และทิศตะวันตก ถ้าไปตั้งทิศตะวันออกเฉียงเหนือเท่ากับเอา ผบ.ทบ. มาเป็นยาม หาเรื่องเดือดร้อนอีก..!

ถาม : ถ้าเป็นหนึ่งเสาควรจะเป็นทิศตะวันออกหรือทิศเหนือ ?
ตอบ : ถ้าศาลเสาเดียวควรจะเป็นทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ถ้าไม่ได้ค่อยหาทิศเหนือ ถ้าไม่ได้อีกค่อยเป็นทิศตะวันออก แต่ศาลสี่เสาเขาเอาทิศใต้หรือทิศตะวันตกเท่านั้น

ถาม : ถ้าตั้งไปแล้วทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ตั้งไปแล้วเตรียมรับความเฮงได้..!

ถาม : เรื่องหลักฮวงจุ้ยการสร้างอาคารบ้านเรือน อยากขอคำแนะนำ ว่าควรศึกษาจากหนังสือเล่มไหนดีครับ ?
ตอบ : เล่มไหนก็ได้...ดีทุกเล่มแหละ เพียงแต่คนศึกษารู้จริงหรือเปล่าเท่านั้นเอง

ถาม : ไม่มีซินแสในดวงใจหรือครับ ?
ตอบ : ขอยืนยันว่าอย่าเชื่อซินแสมาก เชื่อมากก็เดือดร้อนมาก..!

เถรี 03-09-2012 12:10

ถาม : ในเรื่องการ "ชำระหนี้สงฆ์" หลวงพ่อฤๅษีได้เมตตาแนะนำให้สร้างพระชำระหนี้สงฆ์ และถ้ามีการปิดทองทั้งองค์ก็จะได้อานิสงส์ชำระหนี้สงฆ์ทั้งคณะ แต่การ "ชำระหนี้แผ่นดิน" นั้น ลูกยังไม่มีความรู้ในส่วนนี้ ประกอบกับหลายท่านทำงานเกี่ยวกับราชการ จึงอาจจะมีการหยิบของใช้ของหลวงไปใช้ส่วนตัว
ซึ่งเป็นการนำเงินภาษีของแผ่นดินไปใช้ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ ดังนั้นจะมีวิธีในการ "ชำระหนี้แผ่นดิน" ในลักษณะเดียวกันกับ "ชำระหนี้สงฆ์" (ล้างหนี้เก่าทั้งหมด) หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ตลอดชีวิตรับราชการทั้งหมด ๔๐ ปี ถวายเงินเดือนให้ในหลวงไปให้หมด ไม่ต้องใช้เงินเดือนนั้น..!

ถาม : จะเอาอะไรกินครับ ?
ตอบ : คนถาม..ถามเหมือนกับรู้ว่าทำแล้วจะเป็นหนี้ยังเสือกไปทำ สมควรตายมากกว่า..! ถ้าหนักใจเรื่องนั้น ให้เอาเงินส่วนหนึ่งถวายเข้ามูลนิธิของหลวง จะเป็นราชประชานุเคราะห์ก็ได้ ชัยพัฒนาก็ได้ หรือจะเป็นศิลปาชีพ สายใจไทย ก็ได้

เถรี 03-09-2012 12:18

ถาม : ในกรณีพระพุทธสุวรรณปฏิมากร หรือหลวงพ่อทองคำแห่งวัดไตรมิตรวิทยาราม ตอนที่จะมีการทำการแกะลอกปูนที่หุ้มองค์พระทองคำไว้นั้น จะมีความผิดฐานทำลายรูปแทนพระพุทธเจ้าไหมครับ ? เพราะปูนที่หุ้มนั้นก็ทำเป็นรูปพระ ถ้าไม่มีความผิด เป็นเพราะเหตุใดครับ ?
ตอบ : นี่ก็เหมือนกัน เขาเรียกว่าสมควรลงนรก เรื่องดี ๆ ไม่คิด ไปคิดฟุ้งซ่านจะลงนรกให้ได้..! เรื่องของหลวงพ่อพระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร เราต้องเข้าใจว่าที่เขาหุ้มปูนไว้เจตนาเพื่อจะหลีกเลี่ยง ว่ายามสงครามจะโดนฝ่ายตรงข้ามเอาไป เพราะเป็นของมีค่า ในเมื่อเจตนามีอยู่แค่นั้น เวลากะเทาะออกมา ทำการขัดแต่งให้เป็นองค์พระโดยสมบูรณ์ คนเห็นแล้วรู้สึกว่าเจริญศรัทธามากกว่า ก็ถือว่าไม่ได้มีเจตนาไปทำลายพระพุทธรูป

เสียอย่างเดียว..กระเทาะท่านเร็วไปหน่อย มากระเทาะยุคนี้ เอาไปผสมเป็นผงสร้างพระได้เงินอีกเยอะเลย สมัยนั้นเขายังไม่นิยมทำแบบนี้กัน


ถาม : เขาทำหุ้มไว้เพื่อเป็นการป้องกันข้าศึกสงครามมาทำลาย ?
ตอบ : นึกเสียว่าเอาผ้ามาหุ้มอีกชั้นหนึ่ง ถึงเวลาก็ลอกผ้าออก ถ้าเขาจะคิดให้ผ้าเป็นพระพุทธรูปให้ได้ ก็ทางใครทางมัน..!

เถรี 03-09-2012 12:25

ถาม : วันนั้นโยมได้ไปกราบไหว้ที่พิพิธภัณฑ์ช้างสามเศียร สมุทรปราการ ได้ถวายนางรำและผลไม้ชุดใหญ่ และบูชาช้างสามเศียรสลัก เป็นแก้วใส มีไฟประดับมาบูชาที่ร้านค้า ปรากฏว่าวันนั้นขายของไม่ราบรื่นเท่าที่ควร ขายได้น้อยผิดปกติ เพื่อนข้างร้านบอกว่าให้นำไปบูชาที่บ้านดีกว่า เพราะท่านบารมีท่านสูง ไม่เหมาะมาบูชาที่ร้านค้า โยมไม่ค่อยเชื่อเขา กราบเรียนถามว่า จะบูชาที่ร้านได้หรือไม่ และมีวิธีบูชาอย่างไร ?
ตอบ : ขายผักผลไม้หรือเปล่า ? ถ้าขายผักผลไม้นี่ช้างกินหมด ..(ฮา).. เป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า เทวดาก็คล้าย ๆ กับพระ ก็คือ ท่านมีเมตตาสงเคราะห์ให้เสมอ ในเมื่อเกิดเหตุติดขัดในจังหวะที่นำท่านเข้าบ้านพอดี เราก็ไปโทษว่าเป็นความผิดท่านขึ้นมาอีก ถ้าไม่ได้ขายผักผลไม้ก็บูชาต่อไปเถอะ

เถรี 03-09-2012 12:30

ถาม : ช่วงบวชพระที่วัดท่าขนุน ขณะนั่งกรรมฐานเช้า นั่งจับลมหายใจเข้าออก และท่องภาวนาโสตัตตะภิญญาครู่หนึ่ง ภาพพระลอยปรากฏ เห็นชัดเจนเต็มหน้า แล้วเปลี่ยนเป็นเห็นกายละเอียดตัวเองนั่งซ้อนกายหยาบ เมื่อมองตรงไปเห็นหิ้งพระประธานตรงหน้าสว่างแจ่มใสยิ่งกว่าตาเนื้อเห็น ไม่ทราบว่าถึงจุดนี้แล้ว ควรปฏิบัติอย่างไรต่อครับ ? ผมเคยนั่งได้ถึงจุดนี้หลายครั้ง ทำไมถึงทรงไม่ได้นานครับ ?
ตอบ : ตอบแบบกำปั้นทุบดินว่า ให้พยายามรักษาอารมณ์ให้ได้นาน ๆ ต่อไป เขาก็รู้ว่าทำได้ไม่นาน แค่ทำให้ได้นานก็จบแล้ว

ถาม : เคยทำมาอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ทำให้ได้นานขึ้น ประมาณนี้ ?
ตอบ : ซักซ้อมรักษาอารมณ์ใจให้ได้นานขึ้นไปเรื่อย ๆ แล้วจะดีเอง

เถรี 03-09-2012 12:38

ถาม : การลาสัตตาหะฯ ๗ วัน ในระหว่างเข้าพรรษา เป็นการลาไปครั้งละไม่เกิน ๗ วันหรือว่าภายในพรรษา ๓ เดือนลาได้เพียง ๗ วันเท่านั้นครับ ?
ตอบ : ถ้าภายในพรรษา ๓ เดือน ลาได้ ๗ วันจะดีมากเลย สัตตาหกรณียะ คือ กรณีที่มีกิจจำเป็น ลาได้ไม่เกิน ๗ วัน แปลว่าครั้งละไม่เกิน ๗ วัน วันที่ ๗ ก่อนจะได้อรุณต้องกลับเข้าวัด ถ้าจำเป็นจริง ๆ หลังจากได้อรุณแล้วมีสิทธิ์ลาใหม่ได้เลย

ถาม : หมายถึงมีเหตุสี่อย่างตามพระวินัยใช่ไหมครับ ?
ตอบ : จะกี่อย่างก็ได้ ถ้าพิจารณาตามหลักมหาปเทส ๔ แล้วว่าสมควร แต่ในปัจจุบันสัตตาหะฯ กันให้มั่วไปหมด

เถรี 04-09-2012 08:34

ถาม : ตามปกติพระจะใช้มือขวาจับตาลปัตรในเวลาอนุโมทนาหรือขัดสัคเค แต่การที่พระใช้มือซ้ายจับตาลปัตรในเวลาอนุโมทนาหรือขัดสัคเค จะผิดศาสนพิธีและพระวินัยหรือไม่ครับ ? และจะมีผลอย่างไรกับงานบุญกุศลและพระที่ใช้มือซ้ายจับแบบนี้ครับ ?
ตอบ : มีผลให้เพื่อนหัวเราะเยาะเอา..การจับตาลปัตรโดยนิยมเขาใช้มือขวาจับ ยกเว้นตอนชักผ้าบังสุกุลจะใช้มือซ้ายจับ เพื่อเอามือขวาจับผ้าบังสุกุล ถ้าเราจับผิดมือ คนที่ไม่รู้เขาก็ไม่ว่าอะไร แต่คนที่รู้ก็จะหัวเราะเยาะเอา ก็แค่ผิดธรรมเนียมนิยมเท่านั้น ไม่ได้ทำให้ศาสนพิธีเสียหายอะไร

ถาม : ไม่มีอานิสงส์อะไรใช่ไหมครับ ?
ตอบ : มี..อานิสงส์โดนเพื่อนหัวเราะเยาะ..!

เถรี 04-09-2012 08:44

ถาม : วันจันทร์ที่ ๑๗ กันยายนนี้ ผมต้องพาโยมแม่ไปโรงพยาบาล โดยส่วนใหญ่จะทำวัตรเช้าเวลาตี ๔ แต่ผมต้องออกจากวัดเวลาตี ๔ เพื่อไปที่บ้านก่อนแล้วจึงจะพาโยมแม่ไปโรงพยาบาล ผมจะสวดมนต์ทำวัตรเช้าเวลาตี ๓ ครึ่ง จะได้หรือไม่ครับ ? จะต้องอาบัติหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าสวดสักเที่ยงคืนจะไม่โดนอาบัติ..!

ถาม : อย่างไรครับ ?
ตอบ : การทำวัตรเช้าเย็นเป็นงานของพระสงฆ์ จะทำเวลาไหนก็ได้ให้พอเหมาะพอสมแก่ตัวเอง บางวัดทำวัตรเช้าตอนแปดโมงครึ่ง หลังจากพระบิณฑบาตและฉันเช้าเสร็จแล้ว จะได้ไม่ต้องมีข้ออ้างว่ายังมีกิจธุระที่นั่นที่นี่

เพราะฉะนั้น..เรื่องของเวลาไม่ใช่สาระ สาระสำคัญคือได้ทำหรือเปล่า ? ถ้าได้ทำบุญกุศลก็เป็นของเรา แต่ที่ว่ามานั้น..ส่วนที่น่าห่วงก็คือออกจากวัดตอนตีสี่ ระวังจะขาดพรรษา..! ถ้าจำเป็นต้องออกจากวัดตอนตีสี่ของวันที่ ๑๗ กันยายน ให้ขอสัตตาหะฯ ไว้ตั้งแต่วันที่ ๑๖ กันยายนเลย ไม่อย่างนั้นขาดพรรษาแน่นอน

เถรี 04-09-2012 08:54

ถาม : เนื่องจากตอนเช้าจะมีการนำอาหารไปถวายที่พักสงฆ์ หลังจากที่พระท่านตักและฉันแล้ว ส่วนที่เหลือจะนำมาวางให้ญาติโยมกินกัน และก็จะตักใส่ถุงแจกจ่ายกันไป โดยส่วนตัวผมไม่นำกลับ แต่จะมีบางครั้งผมไม่ได้ไปแต่เพื่อนไป ก็จะนำใส่ถุงมาให้ ผมไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรกับอาหารนั้นดีครับ ?
ตอบ : เอากับข้าวถุงฟาดหน้าเพื่อนไป เพื่อนจะได้จำว่าอย่าเอามาอีก..! เรื่องของวิทาสาโท ญาติโยมยังเข้าใจผิดกันอยู่มาก

วิทาสาโทคืออาหารที่เหลือจากพระ ญาติโยมกินต่อได้ แต่อย่าเอากลับบ้าน
เพราะพอเอากลับบ้าน คนที่เห็นแล้วไม่รู้ ไม่เข้าใจ ก็จะไปตำหนิว่า ไปเอาของสงฆ์กลับบ้าน โดยเฉพาะ "ไปเอาของที่กูใส่บาตรกลับบ้าน" ทำให้เขาเสื่อมศรัทธา และต่อไปเขาจะไม่บำรุงพระพุทธศาสนาอีก เท่ากับเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาโดยตรง โทษก็เลยหนัก เปรตญาติพระเจ้าพิมพิสารเจอไปแค่ ๙๑ กัปเท่านั้น..! เพราะเอาของที่พระฉันเหลือแล้วกลับบ้าน

ของสงฆ์ที่เหลือจากพระสงฆ์ฉันแล้ว จะกินจะใช้ก็ตาม ให้อยู่ที่วัดจบเพียงแค่นั้น อย่าเอากลับบ้าน อันตรายมาก..!


ถาม : ถ้าเขาเอามาใส่ชามให้เรา เราไม่ทราบว่าเป็นของวัด ทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ชำระหนี้สงฆ์ไป ต่อไปก็สั่งไว้เลยว่าไม่ต้องเมตตา คราวหน้าอย่าเอามาอีก แต่ถ้าเขาไม่รู้ก็ไม่ต้องไปเถียงกับเขา ทนชำระหนี้สงฆ์ไปเรื่อย ๆ ก็แล้วกัน

เถรี 04-09-2012 09:03

ถาม : อารมณ์การอนุโมทนาบุญสูงสุดหยุดอยู่แค่ปีติหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าใครหยุดอยู่แค่ปีติแปลว่าโง่มาก การโมทนาบุญจะกำลังใจสูงต่ำแค่ไหนก็ได้บุญทั้งนั้น อย่าลืมว่าพระที่ท่านเข้าพระนิพพานแล้ว ท่านยังโมทนาบุญเลย แม้ว่าผลบุญนั้นไม่ได้อะไรกับท่านแล้ว ท่านโมทนาไปก็สูญเปล่า เนื่องจากท่านอยู่เหนือบุญเหนือบาปไปแล้ว แต่ท่านก็ยังพลอยยินดีในความดีที่เราทำ

เพราะฉะนั้น..กำลังใจจะอยู่ในระดับชั้นไหนก็ตาม ยิ่งความดีสูงมากเท่าไร ยิ่งพลอยยินดีในความดีของผู้อื่นได้มากเท่านั้น ก็แปลว่า ยิ่งพลอยโมทนาได้มากเท่านั้น


ถาม : อนุโมทนาบุญอย่างไรถึงไปอยู่ที่พระนิพพานกับท่านได้ ?
ตอบ : คิดแบบนี้ไม่มีทางได้เลย เพราะคิดจะรวยทางลัด การโมทนาบุญนั้นก็คือ การที่เรายินดีในผลบุญที่ผู้อื่นทำ ขณะที่เราไม่ได้ทำ เป็นความดีที่ออกมาจากน้ำใสใจจริง แต่ในปัจจุบันนี้ร้อยละ ๙๙ การโมทนานั้นแฝงความหมายว่า "กูจะเอาของมึง" เมื่อเป็นดังนั้น จากอานิสงส์แทนที่จะได้เป็นล้าน ก็ได้ไปสลึงเดียว..!

เพราะฉะนั้น..ถ้ารู้วิธีแล้วโมทนาให้ถูกทาง ก็มีสิทธิ์ไปพระนิพพานได้ ถ้าเจ้าของบุญท่านไปพระนิพพานแล้ว


ถาม : อย่างไรจะถูกทางครับ ?
ตอบ : ตามที่บอกมานั่นแหละ อย่าไปเอาของมึงอีกก็แล้วกัน..!

ถาม : เห็นเขาทำยินดีด้วย ทำตามด้วย ?
ตอบ : อย่างนั้นได้บุญของเขาด้วย บุญของตัวเองก็ได้ด้วย เพราะตัวเองทำตาม

เถรี 04-09-2012 09:20

ถาม : การจะถือศีล ๘ ให้ได้เป็นปกติ ควรจะมีวิธีการคิดอย่างไร ในเบื้องต้น เบื้องกลางและเบื้องปลาย ?
ตอบ : ไม่ต้องคิดหรอก..ทำเลย แต่ขณะที่ทำควรจะภาวนาให้กำลังใจทรงตัวด้วย เพราะกำลังของศีลแปดเป็นกำลังที่สูงมาก คำว่าสูงมากก็คือ เป็นกำลังของพระอนาคามี

บุคคลที่จะเป็นพระอนาคามี ถ้าสมาธิไม่ทรงตัว ก็ไม่สามารถที่จะตัดโลภและโกรธได้ โลภตัวนี้หมายถึงรักด้วย เมื่อเป็นดังนั้น ถ้าตั้งใจจะรักษาศีลแปดให้ทรงตัว ควรจะทำสมาธิให้ทรงตัวด้วย ถ้าสมาธิไม่ทรงตัว จะรักษาศีลแปดได้ยากมาก


ถาม : การเล่นเกม การเคลิ้มไปกับเพลง การชอบใจคำพูดหยอกล้อ หรือเนื้อตัวขาว ๆ ของผู้หญิงที่ผ่านสายตา และอารมณ์ไม่พอใจ โมโห โกรธ ในเวลาทำงาน ถือว่าศีล ๘ ขาดหรือไม่ ?
ตอบ : ศีลไม่ขาด แต่ถ้าว่าตามหลักบาลีก็คือ ศีลด่าง ศีลพร้อย ศีลทะลุ แปลว่าไม่บริสุทธิ์จริง ไม่ถึงกับขาดหรอก แต่ก็แหว่งไปเยอะแล้ว

ถาม : อย่างที่ท่านว่าควรจะมีสมาธิกำกับด้วยใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าหากสมาธิกำกับอยู่ ก็จะไม่ไหลไปตาม ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อย่างที่ว่ามา

ถาม : หากไม่เหลือดีเลย ผมขออุบายที่จะไม่จดจ่อโทษตัวเอง จนหมดกำลังใจในการรักษาศีลครับ
ตอบ : ไปเกิดใหม่..!

ถาม : ฟังแล้วยิ่งมีกำลังใจมากเลยครับ..!
ตอบ : บอกเขาไปว่ายังเหลือดีอยู่นิดหนึ่ง จะได้มีกำลังใจ

ถาม : ยังมีดีอยู่นิดหนึ่ง ?
ตอบ : ศีลยังไม่ขาด ยังแหว่ง ๆ อยู่ ยังพอมีดีเหลืออยู่บ้าง

ถาม : เริ่มใหม่ได้ ?
ตอบ : ศีลทุกระดับ รู้ตัวว่าพลาดก็เริ่มต้นใหม่ ถ้ามัวแต่ไปเศร้าหมองอยู่ตรงนั้น จะลงอบายภูมิได้ง่ายมาก รักจะทำความดีต้องหน้าด้านหน้าทน ทันทีที่รู้ตัวว่าศีลของเราบกพร่องแล้ว ให้ตั้งใจว่าตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปศีลเราจะบริสุทธิ์ และตั้งหน้าตั้งตารักษาสิกขาบทต่อไป มัวแต่ไปคร่ำครวญอยู่ เสียเวลาเปล่า ๆ จิตใจที่เศร้าหมองแบบนั้น ถ้าตายตอนนั้นก็ลงอบายภูมิอีก

เถรี 04-09-2012 09:24

ถาม : ผู้ที่ถือศีล ๘ ต้องทำสมาธิทั้งวันหรือเปล่าครับ ? ทำงานทำตัวปกติได้ หรือต้องแปลกแยกให้รู้ว่าเราถือศีล ?
ตอบ : ควรจะแปลกแยกสักหน่อย คนจะได้นินทา..! อาตมาถือศีลแปดเป็นปี คนยังไม่รู้เลยว่าถือศีลแปด ทำไมต้องให้เขารู้ด้วย ? ยกเว้นว่าตั้งใจว่าอวดเขาว่ากูดีกว่า ก็กลายเป็นสีลัพพตุปาทานไปอีก

ถาม : อาจจะเห็นว่า กูถือศีลแปด คนจะได้ไม่มากวนใจ จำเป็นหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไม่จำเป็น..บอกเมียคนเดียวพอ ..(ฮา)..

ถาม : การตัดความถือตัวถือตนสำหรับกัลยาณชนอย่างไรถึงเรียกว่าดี ? และผู้ที่เป็นพระโสดาบันท่านถือตัวถือตนต่างกับกัลยาณชนอย่างไร ?
ตอบ : ก็แค่ลดมานะตัวเองลงมาสักหน่อยหนึ่ง อย่าไปคิดว่ากูดีกว่าเขา ก็จัดว่าอยู่ในระดับของกัลยาณชนได้ ส่วนพระโสดาบันนั้นท่านรู้ตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย ในเมื่อรู้ตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย การถือตัวถือตนท่านก็จะลดไปโดยอัตโนมัติ เพราะไม่รู้จะแบกไปทำอะไร อย่างไรก็ตายแน่อยู่แล้ว

เถรี 04-09-2012 09:29

ถาม : การสวดคาถาเงินล้านด้วยตัวเอง แล้วสวดได้ไม่นานจิตก็นึกถึงเรื่องอื่น จึงได้หาเสียงสวดคาถาเงินล้านมาฟังแล้วตั้งใจสวดตาม จิตจับเสียง ไม่นึกถึงเรื่องอื่นได้นานและมั่นคงในเสียงสวดคาถา

ตอนนี้จึงอยากทราบว่า ระหว่างการสวดด้วยตัวเองกับฟังเสียงสวด ผลของคาถาจะมีผลเหมือนกันหรือไม่ ? และการสวดคาถาเงินล้านโดยสวดตลอดทั้งวัน นึกขึ้นได้ก็สวดจะมีผลเหมือนกับการตั้งใจสวดเป็นจบ ๆ หรือไม่ ?

ตอบ : การภาวนาคาถาเงินล้าน ทำอย่างไรก็ตาม ทำแล้วสมาธิทรงตัวได้ดีให้ทำอย่างนั้น เพราะผลของคาถาจะเกิดต่อเมื่อสมาธิทรงตัวได้ดี

ในการภาวนาแรกเริ่มควรจะกำหนดเสียก่อน ว่าเราจะภาวนากี่จบต่อวัน และทำให้สม่ำเสมอทุกวัน
จนกระทั่งเราสามารถทำได้สม่ำเสมอ อารมณ์ใจทรงตัว หรือผลของคาถาเกิดแล้ว เราถึงสามารถที่จะวางได้ในลักษณะนึกถึงได้เมื่อไรค่อยภาวนา ถึงตอนนั้นไม่ต้องไปกำหนดเอาจบก็ได้

เถรี 04-09-2012 10:09

ถาม : รุ่นน้องผมมีเพื่อนติดเชื้อเอดส์แล้วมาปรึกษาผม ขอพระคุณหลวงพ่อเมตตาแนะนำวิธีรักษาหรือวิธีการใช้ยา (ยาสูบหรือตัวยาอื่น ๆ) ตามแบบพระคุณหลวงพ่อฤๅษีได้บอกไว้ให้ด้วยครับ ผมเคยได้อ่านมาว่าให้ใช้ยาสูบจุดแล้วสูดควันเข้าไป หรือใช้แบบสกัดเป็นน้ำฉีดเข้าไป ซึ่งผมไม่แน่ใจในกระบวนการจริง ๆ จำเป็นต้องขอความเมตตาจากพระคุณหลวงพ่อ หรือถ้าพระคุณหลวงพ่อจะพอทราบหรือแนะแนวทางอื่น ๆ ได้
ตอบ : อยากแนะนำว่าไปตายซะ..! นักปฏิบัติที่ดี ครูบาอาจารย์บอกครั้งเดียวต้องจำได้ นี่นอกจากไม่จำแล้ว ยังใช้ครูบาอาจารย์ให้บอกใหม่ บอกเขาไปว่า ให้กลับไปค้นคว้าจากตำราเล่มเดิม

เถรี 04-09-2012 10:20

ถาม : ผมเคยได้ยินหลวงพ่อพูดถึงวัดหรือสำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง ที่ฝึกปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด ผู้ฝึกต้องอยู่ในห้องเล็ก ๆ มีทางเดินจงกรมแคบ ๆ ห้ามติดต่อโลกภายนอก อาหารจัดส่งถึงห้องตามเวลา ไม่ทราบว่าเป็นที่แห่งใด ? หลักการสอนสมาธิเป็นอย่างไร ? และมีข้อกำหนดใดบ้างในการขอเข้าไปปฏิบัติธรรมครับ ?
ตอบ : ไปหาดูในกูเกิ้ล วัดภัททันตะอาสภาราม ถ้าไม่แน่จริงอย่าไป เพราะนอกจากจะห้ามติดต่อกับคนแล้ว ห้ามพูดด้วย อยู่ได้สามวันโดยไม่บ้าเสียก่อน ถือว่าเจ๋งมากแล้ว..!

ถาม : อยู่ในห้องเล็ก ๆ ที่มีแต่ทางเดินหรือครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องไปไหน อยู่แต่ในนั้นแหละ

ถาม : เหมือนคุกขังเดี่ยวเลยครับ
ตอบ : ประมาณนั้นเลย เข้าส้วมห้ามเกินสามนาที ถ้าถึงสามนาทีจะมีพี่เลี้ยงมาทุบประตูเรียก เขามีกล้องวงจรปิดติดอยู่ ยกเว้นในส้วม กลัวจะขี้เกียจไม่ภาวนา
เริ่มปฏิบัติตีสอง นอนสี่ทุ่ม เดินจงกรมสลับกับภาวนาทั้งวันทั้งคืน อย่างน้อย ๑ ชั่วโมงต่อ ๑ บัลลังก์ ก็แปลว่า เดิน ๑ ชั่วโมง นั่ง ๑ ชั่วโมง สลับกันไป


ถาม : ถ้าไปอยู่ก็โมทนาด้วยแล้วกัน
ตอบ : อาตมาไปอยู่มา ๑๘ วัน ออกมาตัวขาวจ๋อง เพราะไม่โดนแดดเลย

เถรี 04-09-2012 10:24

ถาม : ผมมีเพื่อนผู้ชาย (เดิมนับถือศาสนาพุทธ) ต่อมาได้แต่งงานกับแฟนสาวซึ่งนับถืออีกศาสนา และเพื่อนผมก็เปลี่ยนเข้ารับอีกศาสนาตามแฟนสาว อยู่กินกันมาหลายปีจนมีลูก (แต่ในใจยังนับถือพุทธศาสนา เพียงแต่ปฏิบัติอย่างบุคคลทั่วไปไม่ได้ เนื่องจากอีกศาสนามีข้อห้ามไว้) เมื่อเขาเสียชีวิตแล้วร่างกายเขาก็ต้องเข้าทำตามพิธีในศาสนานั้น ขอถามว่าจิตวิญญาณของเขาซึ่งนับถือพุทธศาสนาจะไปสู่ภพภูมิใด ? พุทธหรืออีกศาสนาครับ ?
ตอบ : ร่างกายไม่ใช่สาระ เพราะร่างกายเป็นแต่ซากศพเท่านั้น สำคัญว่าก่อนตายจิตเกาะความดีได้หรือเปล่า ? ถ้าจิตเกาะความดีได้ก็ไปสุคติ สามารถเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหมได้ ถ้าจิตเกาะความดีไม่ได้ก็ไปทุคติ ไปเป็นสัตว์นรก ไปเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน ตามแต่กรรมที่ตนเองสร้างมา ไม่ว่าจะศาสนาใดก็ไปนรกเดียวกัน สวรรค์เดียวกัน

เถรี 04-09-2012 11:56

ถาม : ตะกรุดมหาสะท้อน มีผลสะท้อนต่อการถูกกระทำทางวาจาหรือไม่ ?
ตอบ : มี

ถาม : มีข้อยกเว้นหรือข้อจำกัดใดบ้างที่ไม่แสดงผล ?
ตอบ : ไม่มีข้อยกเว้น..ตะกรุดมหาสะท้อนขยัน จะมากจะน้อยให้ผลหมด

ถาม : ผมแขวนมหาสะท้อนทั้งทองคำและเงินมาหลายปี แต่ยังไม่มีประสบการณ์เด่นชัดในทันทีทันใด แม้จะวางใจนิ่งต่อการกระทำ ไม่ทราบว่ามีเหตุผลอย่างใดครับ ?
ตอบ : สงสัยแขวนแบบควาย..! เคยเห็นควายแขวนกระดึงไหม ? เจ้าของเอาแขวนให้ควายก็ติดตัวไปเรื่อย ไม่เคยอาราธนาเลย ต้องอาราธนาและภาวนาคาถามหาสะท้อนเอาไว้ทุกวัน จนอารมณ์ใจทรงตัว

ถาม : ถ้าตะกรุดมหาสะท้อนลดความเข้มแข็งลง รบกวนหลวงพ่อส่งจิตอธิษฐานให้ด้วยครับ
ตอบ : จ่ายค่าอธิษฐานมาก่อน..!

เถรี 06-09-2012 19:49

ถาม : ผมรื้อบ้านเสร็จแล้ว จะปลูกบ้านใหม่ เป็นฤกษ์อมฤตโชค ควรจะ..?
ตอบ : ตอนนี้เป็นช่วงเข้าพรรษา ปกติปลูกบ้านหรือวางศิลาฤกษ์ หรือลงเสาเอก เขาทำกันหลังจากออกพรรษาไปแล้ว

ถาม : ช่วงนี้เข้าพรรษาอยู่ก็..?
ตอบ : รอให้พ้นไปก่อน

เถรี 06-09-2012 19:51

ถาม : ตอนเช้าผมภาวนาจนกลายเป็นสมาธิ แล้วรู้สึกว่าหายใจไม่ออก และไปเห็น..(ไม่ได้ยิน).. แต่ว่าเรายังรู้สึกกลัว ไม่รู้ว่าหูอื้อไปหรือเปล่า หรือท่านมาเจอเราจริง ?
ตอบ : เจอเขาก็ถามเขา ไม่ใช่มาถามคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นเสียอย่างนี้ เจอแล้วไม่ถาม ดันมาถามคนที่ไม่เจอ เหมือนกับกินข้าวแล้วมาถามคนอื่นว่าผมอิ่มหรือยัง ?

ถาม : พยายามถามแต่เขานิ่งมาก ได้แต่ยิ้มอย่างเดียว
ตอบ : อย่างนั้นก็รอ...รอเขาตอบเมื่อไรก็จบ

เถรี 06-09-2012 19:56

พระอาจารย์เล่าว่า "เพื่อน ๆ ที่เรียนปริญญาเอกอยู่ พอเขารู้ว่าอาตมาอยู่วัดท่าขนุน เขาก็ไปหาข้อมูลในกูเกิ้ล แล้วทุกคนก็มาถามว่า “ทำเว็บอย่างไรถึงมีข้อมูลใหม่อยู่ทุกวัน ?” อาตมาก็บอกว่า ไม่ได้ทำอย่างไรหรอก คนทำเขาตั้งใจทำและเขาทำด้วยใจจริง ๆ ถึงเวลามีคนช่วยกันลงข้อความ จึงมีของใหม่อยู่ทุกวัน

ส่วนใหญ่เขาไปเจอเว็บประเภทหน้าเดียวไม่เคยเปลี่ยนแปลง เขาก็เบื่อ"

เถรี 06-09-2012 20:18

พระอาจารย์กล่าวว่า "บางทีการเจ็บไข้ได้ป่วยก็ดีนะ ช่วยเตือนให้เรารู้ว่าร่างกายนี้ไม่ดีจริง ถ้าเราคิดว่าเป็นธรรมดา เราก็ไม่ไปคร่ำครวญกับอาการป่วยนั้น ในเมื่อเราทำเอาไว้ ถึงเวลาเขามาเรารับไว้ก็หมดเรื่อง

เราต้องคิดว่าการเกิดมาอยู่ในโลกนี้ ก็เหมือนกับติดอยู่ในกรงขัง สัตว์ที่ติดอยู่ในกรงขัง ดิ้นรนไปก็เหนื่อยเปล่า นอนเฉย ๆ ยังสบายกว่า การที่นอนเฉย ๆ อยู่ในกรงก็เหมือนกับการที่เราทำใจให้ยอมรับว่า สภาพของร่างกายนี้มีปกติธรรมดาเป็นอย่างนั้น ในเมื่อปกติธรรมดาเป็นอย่างนั้น อยากจะเป็นก็เป็นไปสิ เป็นได้ก็ต้องหายได้"

เถรี 06-09-2012 20:50

พระอาจารย์กล่าวว่า "เด็ก ๆ สมัยนี้รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดเร็ว การพูดช้าดีกว่านะ คนพูดช้าแสดงว่าพูดอย่างมีสติ พูดด้วยความระมัดระวัง สมัยนี้เขาพูดเร็วจนรู้สึกว่าประสาทของเรารับไม่ทัน กว่าจะตีความได้เขาพูดไปอีกหลายประโยคแล้ว

มีคนที่อาตมารู้จัก..เวลาเขาสั่งงาน เขาสั่งเร็วจนกระทั่งแม้แต่อาตมาเองยังฟังไม่ทัน ลูกน้องเขาฟังทันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่ารู้ตัวให้ปรับการพูดให้ช้าลงนิดหนึ่ง

ส่วนอาตมาเองพูดสั้นเกินไป คนจึงไปตีความกันมากจนเกินเหตุ กลายเป็นผิดไปทุกที อาตมาเป็นคนที่เห็นว่าถ้าเนื้อหาครบก็จบแค่นั้น คราวนี้เขาดันไปตีความ ซึ่งความจริงทำตามไปตรง ๆ ก็จบแล้ว ยิ่งตีความก็ยิ่งเข้าป่าเข้าดงไปกันใหญ่

นึกถึงมหาวิทยาลัยสมัยนี้ ที่เขาสอนให้วิเคราะห์พระพุทธเจ้า ว่าทำไมพระพุทธเจ้าถึงเทศน์พระสูตรนี้ ? อยู่ในสถานการณ์อย่างไร ? พระองค์มีความคิดความต้องการอย่างไร ? ชาติหน้าคงจะวิเคราะห์ได้ถึงหรอก..! เจตนาของพระองค์ท่านก็แค่ตั้งใจสงเคราะห์
ให้เขามีโอกาสได้มรรคได้ผล พระองค์ท่านถึงได้แสดงพระธรรมเทศนา ทำไมต้องไปเสียเวลานั่งวิเคราะห์ด้วยว่าพระองค์ท่านอยู่ในอารมณ์ไหน ? ประเภทข้าวอยู่ตรงหน้าแทนที่จะรีบกิน กลับไปนั่งเขี่ยดูว่ามีอะไรเป็นส่วนประกอบบ้าง ควรที่จะปล่อยให้อดเสียให้เข็ด..!"

เถรี 06-09-2012 20:52

ถาม : ช่วงนี้อยู่ดี ๆ หนูก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาค่ะ ?
ตอบ : ไม่อยู่ดี ๆ หรอก ถ้าอยู่ดีต้องไม่หงุดหงิด นี่ต้องอยู่ไม่ดี

ถาม : ก็ควรจะเป็นอย่างนั้นค่ะ แต่คราวนี้หนูพยายามหาว่าเป็นเพราะอะไรถึงรู้สึกแบบนั้น ปรากฏว่าพอหาไม่เจอก็เลยยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่เลยค่ะ ?
ตอบ : เก็บกด..ไปออกกำลัง กวาดบ้านถูบ้านแทน พอสิ่งที่เราเก็บเอาไว้ระบายออกไปกับเรี่ยวกับแรงเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง

การปฏิบัติแรก ๆ จะเป็นอย่างนี้แหละ เพราะเราไปกดรัก โลภ โกรธ หลงไว้ คราวนี้กิเลสพยายามจะงัดเราขึ้น ตอนที่งัดขึ้นนี่แหละ เราไม่รู้ตัวเราก็หงุดหงิด พอหงุดหงิดแปลว่าโทสะเกิดแล้ว แต่เรารู้ไม่เท่าทัน เราก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ว่าทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วยวะ ?

เพราะฉะนั้น..ไปหาทางทำอย่างอื่นแทน แสดงว่าเรากดกิเลสมาก เขาพยายามจะงัดคืน แต่อย่าปล่อยนะ...ปล่อยเมื่อไรกิเลสเอาเราตายเลย..! ฉะนั้น..ไปหางานอื่นทำ เข้าฟิตเนสบ้าง ถูบ้าน กวาดบ้านบ้าง ไล่ตีลูกบ้างก็ได้..!

เถรี 06-09-2012 20:55

ถาม : เวลาที่ภาวนาแล้วหลุดออกไปแล้ว พอเราไปถามท่านนั้นท่านนี้ เวลาท่านตอบหนูจะได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้างค่ะ แต่พอตอนโดนด่านี่จะได้ยินชัดเจนตลอด ขนาดไม่ได้ตั้งใจจะฟังยังได้ยินชัดเลยค่ะ ทำไมท่านไม่ทำให้ได้ยินเท่า ๆ กันหมดคะ ?
ตอบ : เดี๋ยวเราจะไม่สนใจ..ไปเจอใครอย่าถามส่งเดช เคยถามท่านใดองค์ใดให้ถามเฉพาะท่านนั้น ถ้าถามเรื่อยเปื่อยเดี๋ยวจะโดนหลอก ไม่ใช่เจอใครก็ถามท่านไปหมด

ถ้าสอบถามรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น จะไปไหน ไปอย่างไร ก็พอไหว แต่อย่าไปถามเรื่องของการปฏิบัติ ถามเรื่องการปฏิบัติต้องถามเฉพาะองค์ ไม่อย่างนั้นจะเหมือนกับเราขาดความมั่นใจ เจอใครก็ถามไปหมด เดี๋ยวท่านก็แกล้งจูงเข้าป่าไป ดูซิว่าจะออกเป็นไหม ?

ถาม : แต่ก่อนจะไปนี่หนูเจาะจงว่าจะไปถามท่านนั้นโดยเฉพาะเลย แบบนี้ใช้ได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถามท่านนั้นแล้วเคยถามไหม ?

ถาม : ก็เคยถามมาบ้างค่ะ ?
ตอบ : ถ้าเคยก็แล้วไป ถ้าไม่เคยแล้วไปถามเปะปะไปเรื่อย เดี๋ยวจะไปหาองค์นี้ไปถามท่าน ไปหาองค์นั้นไปถามท่าน เดี๋ยวได้รางวัลแน่..!

ถาม : แล้วเวลาที่โดนท่านว่า หรือตำหนิ ส่วนใหญ่จะเป็นของจริงหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ยังมีราคาพอจะให้ท่านตำหนิ พูดง่าย ๆ ว่า ถ้าท่านยังด่าเราอยู่ แสดงว่าเรายังมีราคาพอที่ท่านจะด่า ถ้าท่านไม่ด่าอะไร ปล่อยเลยตามเลย นั่นเตรียมตัวไว้เถอะ ไม่มีใครเขาแลหรอก เพราะฉะนั้น..โดนด่าให้ดีใจ เรายังอยู่ในความสนใจของท่านนะ อุตส่าห์ช่วยด่าให้..!

เถรี 06-09-2012 20:59

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเคยบอกว่า นักปฏิบัติพอทำไปถึงระดับหนึ่งต้องการอะไรก็จะเป็นอย่างนั้น จึงต้องควบคุมตัวเอง ระวังไม่ให้รัก โลภ โกรธ หลงเกิด ไม่อย่างนั้นแล้วความต้องการของเราจะไปเรื่อยเปื่อย บางท่านจึงหลงทางเพราะไปคิดว่าตัวเองดีแล้ว ขณะเดียวกันก็เป็นการทดสอบว่า ปัญญาของเรามีพอหรือไม่เมื่อเกิดเหตุอย่างนี้ขึ้นมา ?

ยิ่งปฏิบัติไป สติสัมปชัญญะต้องยิ่งมากขึ้น ไม่อย่างนั้นแล้วจะเผลอ แล้วจะเสียท่ากิเลส โดนเขาหลอกให้คิดว่าเราดีแล้ว ถ้าคิดว่าตัวเองดีเมื่อไรจะไม่แสวงหาความก้าวหน้า แล้วก็จะติดอยู่อย่างนั้น อย่างนี้เรียกว่าติดดี

พระสูตรแรกในสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ก็คือพรหมชาลสูตร พรหมชาละ แปลว่า ตาข่ายดักพรหม สรุปง่าย ๆ ว่าติดอยู่แค่พรหม เพราะฉะนั้น..โยคีต่าง ๆ ที่เขาไม่สามารถจะล่วงพ้นไปได้ ถ้าไม่ติดที่รูปพรหมก็จะไปติดที่อรูปพรหม ก็เพราะไปคิดว่านั่นดีแล้ว แต่พระพุทธเจ้าของเราเห็นว่านั่นยังไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ จึงทรงแสวงหาทางที่ดีกว่านั้น แล้วพระองค์ท่านก็เจอทาง ในขณะที่ผู้อื่นไม่แสวงหาเลยจึงไม่เจอ หรือถ้าแสวงหา แต่ว่าสั่งสมบุญบารมีมาไม่สมบูรณ์ก็ไม่เจอเหมือนกัน หรือถึงรู้ว่ามีทางแต่ก็ไปไม่ถึง"

เถรี 07-09-2012 20:45

พระอาจารย์กล่าวว่า "ไม่ทราบว่าอาตมาเคยเล่าให้พวกเราฟังแล้วหรือยังว่า มีโยมคนหนึ่งตั้งใจจะถือกรรมบถ ๑๐ แต่อยู่ร่วมกับพวกที่ทำงานไม่ได้ เพราะเขากลัวผิดกรรมบถ ๑๐ เวลาเจ้านายถาม เขาก็ไม่พูดด้วย เพื่อนร่วมงานถาม เขาก็ไม่พูดด้วย เขาเรียกว่าปฏิบัติธรรมแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ กลัวผิดกรรมบถ ๑๐ เจ้านายคุยเรื่องงานแล้วไม่คุยด้วย แล้วจะรู้เรื่องไหม ? เพื่อนร่วมงานถามก็ไม่คุยด้วย จึงอยู่ร่วมกับเขาไม่ได้

วันก่อนเขาโทรศัพท์มาบอกว่า ตอนนี้ไปนับถือศาสนาคริสต์แล้ว คงจะเห็นว่าปฏิบัติตามศาสนาพุทธแล้วอยู่ร่วมกับคนอื่นไม่ได้ แต่ที่เขาโทรศัพท์มามีปัญหาว่า ไปภาวนาว่า
“เยซู..เยซู” แล้วทำไมสติสมาธิไม่ทรงตัวเหมือนพุทโธ ? อาตมาจึงบอกไปว่า เป็นผู้ใหญ่แข็งแรง ๆ แล้วคุณลดตัวเองลงไปเป็นเด็ก จะเอากำลังเหมือนผู้ใหญ่ได้อย่างไร ? อันนี้คืออย่างหนึ่ง เพราะพระพุทธเจ้าเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ส่วนพระเยซูท่านยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่

อีกประการหนึ่งก็คือ ไปเปลี่ยนคำภาวนาที่ตัวเองไม่เคยชิน สมาธิก็เลยไม่ทรงตัว เขาก็ยังมีข้อแย้งว่า ในเมื่อไปถือศาสนาคริสต์ ถ้าไม่เอ่ยนามพระบิดา แต่ไปเอ่ยนามศาสดาอื่น เกรงพระบิดาจะไม่พอใจ อาตมาจึงบอกไปว่า "พระบิดาไม่โง่เหมือนแกหรอก..!"


สรุปว่าเขาไปถือศาสนาไหนก็โง่ต่อไป ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าเวทนา ไปได้ไกลขนาดนั้น ถ้าหมดท่าขึ้นมา เห็นว่าสมาธิไม่ทรงตัว อาจจะไปถืออิสลามเข้าอีกศาสนาหนึ่ง เผื่อละหมาดวันละ ๕ ครั้งแล้วอาจจะดีขึ้น..!"

เถรี 07-09-2012 20:56

"พวกเราคงจะเคยได้ยินสำนวนชายสามโบสถ์ ชายสามโบสถ์ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าบวช ๓ ครั้ง แต่หมายถึงถือศาสนา ๓ ศาสนาแล้วยังเอาดีไม่ได้ เจอโบสถ์พุทธ โบสถ์คริสต์ โบสถ์อิสลามไปแล้วยังเอาดีไม่ได้ แล้วใครจะไปคบด้วย

เพราะฉะนั้น..สำนวนชายสามโบสถ์ของคนโบราณ บ่งบอกถึงความเป็นคนจับจด ทำอะไรไม่จริงจัง หรือไม่ก็เป็นคนเถรตรงเกินไป ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ คนประเภทนี้เดินแล้วเลี้ยวไม่เป็น เจอถนนเป็นหลุมเป็นร่องก็ลุยไปอย่างนั้น หกล้มหกลุกหัวร้างคางแตก ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

ต้องบอกว่าถ้าหลักการของพุทธศาสนาปฏิบัติแล้วยังเอาดีไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปปฏิบัติที่อื่นหรอก แต่อาตมาก็ไม่บอกเขา กลัวว่าจะกลับมาอีก..!

ในอนันตริยกรรม ๕ อย่าง ก็คือกรรมที่มีโทษหนักอย่างหาที่สุดได้ยาก ประกอบไปด้วย การฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าถึงห้อพระโลหิต และยุสงฆ์ให้แตกกัน บางแห่งท่านนับอัญญสัตถุเทศเข้าไปด้วย

อัญญสัตถุเทศ
ก็คือ การถือพระพุทธศาสนาแล้วเปลี่ยนใจไปนับถือศาสนาอื่น อรรถกถาจารย์บางแห่งท่านถือว่าเป็นอนันตริยกรรมด้วย เหมือนกับมีช่องทางที่จะหลุดพ้นอยู่แล้ว อยู่ ๆ ก็ไปตะเกียกตะกายทางอื่นแทน ถ้าเขาไปมีความมั่นคงในศาสนาอื่น ก็อีกนานกว่าที่จะย้อนกลับมาได้ คำว่าอีกนานก็คือนับชาติไม่ถ้วน ท่านคงเห็นว่าโทษหนักพอ ๆ กับอนันตริยกรรม"

เถรี 07-09-2012 21:01

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาสงสัยว่าญาติโยมบางคนเป็นโรคจิตหรือเปล่า ? มีของอะไรต้องยัดเข้าตู้เย็นไว้ก่อน อย่างพวกขนมแห้ง ๆ ไปยัดเข้าตู้เย็นนี่เสียเลย เก็บต่อไม่ได้ แต่ถ้าเราไว้ข้างนอกจะเก็บได้เป็นปี

ถ้าลูกหลานที่บ้านทำอย่างนี้ฟาดเสียบ้างนะ เสียของเปล่า ๆ พอเอาเข้าตู้เย็นแล้วเอาออกไปไม่ได้ จนกว่าจะกินจนหมด อย่างขนมพวกเวเฟอร์ แครกเกอร์พวกนั้น ไม่ได้มีความจำเป็นต้องไปเข้าตู้เย็นก็เอาเข้าไปอยู่ได้ เห็นมาหลายบ้านแล้ว เขานิมนต์ไป บังเอิญเขาไปเปิดตู้เย็น อาตมาตาไวเหลือบไปเห็นเข้า ไม่รู้ว่าจะแช่ไปทำไม ?"

เถรี 07-09-2012 21:05

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : รับรู้ไว้เฉย ๆ แล้วก็ระมัดระวังไว้ อย่าให้รัก โลภ โกรธ หลงเข้ามาอีก

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : จำไว้ว่าถ้าหนักยังไม่ใช่ของแท้ ต้องเบาถึงจะใช่ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถึงได้สอนให้พวกเราส่งใจไปนิพพานให้เคยชิน เพราะสภาวะพระนิพพานเป็นสภาวะหมดกิเลส ก็คือสภาวะจิตของพระอรหันต์นั่นแหละ พอเราเคยชินกับสภาวะจิตที่ไม่มีกิเลส ต่อไปก็จะสบาย แต่ส่วนใหญ่ได้แล้วก็มักจะปล่อยปละละเลย ไปเที่ยวสนุกสนานเสียมากกว่า

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ให้เราจดจำอารมณ์นั้น แล้วประคับประคองรักษาอารมณ์นั้นให้อยู่กับเรา พอเคยชินไปนาน ๆ เข้าเดี๋ยวก็เป็นของเราไปเอง

เถรี 07-09-2012 21:13

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้วัดท่าขนุนทอดกฐินวันตักบาตรเทโว ปกติแล้ววัดท่าขนุนจะทอดกฐินวันที่ ๒๓ ตุลาคมทุกปี แต่ ๒๓ ตุลาคมปีนี้ยังไม่ออกพรรษา ก็เลยต้องไปกำหนดวันที่ค่อนข้างจะเร็วหน่อย เพราะว่าปีนี้มีเดือน ๘ สองหน เข้าพรรษาวันที่ ๒ สิงหาคม เข้าพรรษาช้ามาก ก็เลยไปออกพรรษาเอาปลายเดือนตุลาคมโน่น

อาตมาจึงกำหนดทอดกฐินวันเดียวกับตักบาตรเทโว ช่วงเช้าถึงเพลตักบาตรเทโว ช่วงบ่ายโมงทอดกฐิน ๓ วัด แล้วเดือนถัดไป วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ต้องไปเป็นประธานทอดกฐินที่วัดตะเคียนงาม วัดหนองบ้านเก่า วัดประตูด่าน วัดบ้านห้วยน้ำขาว รวมเป็น ๗ วัด

นอกจากนี้อาตมารับเป็นเจ้าภาพกฐินปลดหนี้วัดครูบาเหนือชัยวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน จะะแวะทอดกฐินกับหลวงพ่อสิงห์ ที่วัดถ้ำป่าไผ่วันเสาร์ที่ ๑๐ พฤศจิกายนด้วย
ในเมื่อเดินทางผ่านก็แวะวัดหลวงพ่อสิงห์ก่อน แล้วค่อยเลยไปเชียงราย สรุปว่าได้ครบ ๙ วัดพอดี

ตอนนี้ที่แยกตัวไม่ออกเพราะส่วนใหญ่เขาจะให้ไปเป็นประธานทอดกฐินวัดเขา แค่ไปนั่งเฉย ๆ ก็พอ ไม่ต้องทำอะไร แต่คราวนี้กฐินส่วนใหญ่เลือกวันเสาร์อาทิตย์ จึงมีให้เลือกแค่ไม่กี่วัน ชนกันให้มั่วไปหมด อย่างวัดหนองบ้านเก่า ตะเคียนงาม ประตูด่าน อยู่ไม่ห่างกันมาก จึงให้เขากำหนดวันเดียวกัน มี ๑๐ โมงเช้า เที่ยงครึ่ง บ่ายสองโมง วิ่งไล่ทอดกันแถว ๆ นั้นแหละ ๓ วัด ส่วนของวัดท่าขนุน พุทธบริษัท กับเกาะพระฤๅษีทอดที่เดียวกันวันตักบาตรเทโว เวลาบ่ายโมงตรง"

เถรี 08-09-2012 20:11

พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนอาตมารื้อเตียง ได้เงินมา ๕๐,๐๐๐ กว่าบาท ออกกิจนิมนต์แล้วโยนไว้ตรงนั้นบ้าง โยนไว้ตรงนี้บ้าง พอของเต็มเตียงจึงรำคาญตา ก็เลยรื้อสักที

ทำให้นึกถึงหลวงปู่เนื่อง วัดจุฬามณี ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่คง วัดบางกระพ้อม หลวงปู่เนื่องท่านเป็นเซียนให้หวย หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า ถ้าเล่นหวยหลวงปู่เนื่องเป็น จะถูกทุกงวด

ท่านบอกว่า ถ้าอยากถูกหวยหลวงปู่เนื่องงวดนั้น ให้ตัดท้ายมาเล่นตัวเดียว แต่ถ้าอยากถูก ๓ ตัวตรง ๆ ให้ตามไปเรื่อย ภายใน ๑๒ งวดจะออก แต่ให้เล่นในลักษณะที่ว่า..ถ้างวดแรกเล่น ๑๐ บาท งวดที่สองให้เล่น ๒๐ บาท งวดที่สามให้เล่น ๓๐ บาท งวดที่สี่ให้เล่น ๔๐ บาท ท่านบอกว่าถ้าเล่นแบบนั้นเมื่อได้มาแล้วจะคุ้ม

คราวนี้หลวงปู่เนื่องท่านให้หวยอยู่ ๓๐ กว่าปี คนถูกหวยก็เอาแบงก์ใหม่ ๆ ไปให้ท่านเป็นมัด ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบงก์ ๑๐, ๒๐, ๑๐๐, ๕๐๐ สมัยนั้นแบงก์ ๕๐๐ ใหญ่สุด ท่านรับมาก็โยนกอง ๆ ไว้ในกุฏิท่าน ตอนหลวงปู่เนื่องมรณภาพ กรรมการวัดเข้าไปจัดกุฏิ เก็บเงินออกมาได้ ๒๐ กว่าล้าน..! โยนไว้ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น ท่านไม่ได้ไปแตะต้องอะไรเลย

ท่านไม่ได้ใส่ใจเรื่องเงินหรอก รับมาก็ทิ้งกองไว้ตรงนั้น แล้วกรรมการวัดก็ไม่กล้าไปยุ่งในกุฏิของท่าน เงินก็กองอยู่อย่างนั้น ที่น่าเสียดายที่สุดก็คือ พอท่านมรณภาพแล้ว หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านได้รับรายงานจากท้าวมหาราช จึงบอกกับพวกเราว่า “น่าเสียดาย..เขาขอหวยจนพระอรหันต์ตายไปทั้งองค์” ท่านบอกว่าหลวงปู่เนื่องเป็นพระอรหันต์ แต่ไม่มีใครไปขออย่างอื่น ขอแต่หวย เรื่องของธรรมะไม่เอาเลย ถ้าเขาไม่เอาหวยเขาก็เอาวัตถุมงคล อย่างอื่นไม่เอา"

เถรี 08-09-2012 20:18

"พี่ก้องซึ่งเป็นพี่ชายคนที่ ๓ ของอาตมา เขาไปหาหลวงปู่เนื่องได้หวยมา ๓ ตัว หวยของหลวงปู่เนื่องไม่ต้องเสียเวลาไปขอ ท่านจะเขียนใส่กระดานดำไว้ให้เลย ทุกงวดแหละ ถึงเวลาก็ไปลอกมา งวดแรกพี่ก้องตามทั้งเต็งและโต๊ดก็ไม่ถูก งวดที่สองไม่ถูก งวดที่สามไม่ถูก..เลิก ! งวดที่ ๔ ออกมาตรง ๆ คิดดูก็แล้วกันว่าเป็นอย่างไร ?

พอบอกเคล็ดลับนี้ไป ปรากฏว่าพี่ชายอีกคน คือพี่สุรกานต์ รู้ว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงปีหนึ่งให้หวยแน่ ๆ ครั้งหนึ่ง ก็คืองานกฐิน ถึงเวลาพี่สุรกานต์ก็ไปนั่งฟัง พอสะดุดหูตัวไหนก็จดไว้ แต่งานนั้นไม่ใช่แค่สะดุดหู หลวงพ่อท่านบอกตรง ๆ กลางศาลาเลย ท่านบอก “ลูกหลานเอ๊ย..พ่ออยากจะได้เงิน ๖๘๓ บาท ใครให้ได้บ้างวะ ?” คอหวยนี่เฮกันแทบศาลาถล่ม

ปรากฏว่างวดแรกออก ๘๓ งวดที่ ๒ ออก ๖๓๘ พวกที่เล่นกลับเล่นโต๊ดถูกไป ๒ งวดก็เลิก งวดที่ ๔ ที่ ๕ ไม่มีวี่แววก็เลิกกันหมด พี่สุรกานต์ตามไปเรื่อย ไปออกตรง ๆ งวดที่ ๙ ได้มาแสนแปด..!

อาตมาก็ถามพี่เขาว่า “ถ้าถึงงวดที่ ๑๑ แล้วยังไม่ออกล่ะ ?” เขาบอกว่า “งวดที่ ๑๒ ผมขายบ้านเล่นเลย..!” เขาเชื่อว่าที่หลวงพ่อบอกมาใช้ได้หมด เพียงแต่ว่าสิ่งไหนก็ตาม ที่บอกเป็นสาธารณะ บุญคนไม่เท่ากัน งวดที่จะออกก็จะเลื่อนไป ขึ้นอยู่กับว่าใครมีบุญที่จะได้ ก็จะมีฉันทะในการติดตาม อย่าลืมว่า ๙ งวด คือ ๔ เดือนครึ่ง..! ใครมีอารมณ์ตามบ้าง ? ส่วนใหญ่ถ้า ๓ งวดไม่ออกก็เลิกกันหมดแล้ว

หลวงปู่เนื่องให้หวยนี่เจ้ามือไม่โกรธหรอก เพราะเจ้ามือได้เยอะกว่า ท่านไม่ได้ให้ตรง ๆ เป๊ะ ๆ แต่ท่านให้ตรง ๆ ในอีกหลายงวดข้างหน้า ถ้าอยากได้ให้ตัดท้ายเล่นตัวเดียวแล้วจะถูก แต่ว่าได้น้อย แต่สำหรับพี่ชายอาตมาเขาไม่สนใจหรอก "ตัวเดียวได้น้อยผมก็เอา" อาตมาถามว่าทำไม ? เขาบอกว่า "เติมหน้า ๑๐ ตัว เติมหลัง ๑๐ ตัว ต้องถูกแน่นอน"

ลองนึกดู ได้มาตัวเดียวใช่ไหม ? ถ้าจะเล่นเลขท้าย ๒ ตัว เติมหน้า ๑๐ หลัก เติมหลัง ๑๐ หลัก อย่างไรก็ได้แน่ นั่นพวกเซียนหวยเขาเล่นกัน อาตมาเล่นไม่เป็นหรอก"

เถรี 08-09-2012 20:21

"เสียดายอยู่อย่างเดียวว่า หลวงพ่อท่านห้ามอาตมาให้หวย เพราะอาตมากั๊กไม่เป็น มักจะให้ตรง ๆ ไม่ได้ให้มา ๒๐ - ๓๐ ปีแล้ว รู้สึกว่าวิชาจะเสื่อมไปแล้วกระมัง ?

อะไรที่ครูบาอาจารย์ท่านห้าม เราจะไปฝืนไม่ได้ ถ้าฝืนก็แปลว่าไม่เชื่อกัน ก็ไม่ต้องมาเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กันเท่านั้น ที่ท่านห้ามไว้เพราะท่านรู้ว่า ถ้าว่ามัวแต่ไปให้หวยอยู่ จะเป็นแบบหลวงปู่เนื่อง คนจะไปเอาแต่หวย ไม่เอาธรรมะ แล้วอีกอย่าง ท่านบอกว่า ถ้ารู้แล้วไปบอกตรง ๆ เท่ากับไปปล้นเขากิน..!

สู้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ไม่ได้นะ นั่งคันไหนออกคันนั้น ต่อไปถ้าทำนางกวัก ต้องทำเป็นรูปนายกฯ ยิ่งลักษณ์..!

ความจริงท้าวมหาราชท่านเคยให้สูตรสำหรับคิดหวยได้ แต่ท่านไม่ได้บอกตรง ๆ ท่านบอกว่า ให้เอาเลขตัวผู้คูณ ๓ เลขตัวเมียคูณ ๗ เอาผลมากตั้ง เอาผลน้อยลบ เลขที่ออกมาจะเป็นเลขท้าย ๒ ตัวหรือตัวเดียว คราวนี้เราต้องไปตีความว่าเลขตัวผู้กับเลขตัวเมีย อย่างไหนเลขคู่อย่างไหนเลขคี่

อาตมาเคยคิดย้อนหลังไป ๓๐ กว่างวด ปรากฏว่าออกจริง ๆ แต่บางงวดบวกลบออกมาเหลือเลขตัวเดียวก็ต้องเล่นน้อย ถ้าอย่างพี่สุรกานต์เขาไม่สนใจหรอก ตัวเดียวเขาก็เพิ่มหน้าเพิ่มหลัง เขาเล่นของเขาได้"

เถรี 08-09-2012 20:26

"พวกเราอย่าไปเล่นเลย เสียเงินเปล่า ๆ เดี๋ยวจะไปเหมือนกำนันเถา กำนันตำบลบางนมโค เขาไปขอเลขหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก หลวงปู่จงบอกว่า “อย่าเอาไปเลย เอ็งไม่ได้เล่นหรอก” กำนันเถาไม่เชื่อ เวลาประกาศหวย เลขออกตรงตามหลวงปู่จงเต็ม ๆ เลย ไม่ต้องกลับ กำนันเถาตรวจโพยเสร็จ ปรากฏว่าซื้อเลขทุกเจ้าที่ไปขอเขามา ยกเว้นเลขของหลวงปู่จง ลืมไปได้อย่างไรก็ไม่รู้ ?

ต้องบอกว่าบุญไม่มีก็เลยโดนกรรมบังไป กำนันเถาคว้าปืนจะยิงหัวตัวเอง ลูกเมียต้องห้ามกันวุ่น หลวงปู่จงท่านรู้ขนาดว่าเอาไปก็ไม่ได้ซื้อหรอก เขาก็ยังดื้อจะเอาให้ได้

แต่อย่างแม่ลูกอ่อนที่ผัวไปโดนเกณฑ์ทหาร ไม่มีเงินเลี้ยงลูก จึงไปขอหวยหลวงปู่จง หลวงปู่จงให้เลขไปเสร็จสรรพ นึกขึ้นมาได้ จึงพายเรือตามมาถึงบ้าน บอกว่า “อีหนูอย่าเล่นเกิน ๕ บาทนะลูก ถ้าเล่นเกิน ๕ บาท เกินบุญของเอ็ง เลขจะเคลื่อน” เขาก็เชื่อ เล่น ๕ บาทก็ถูก ดังนั้น..ใครถ้าเคยเล่นหวยประมาณเท่าไรแล้วเคยถูก ต่อไปอย่าเล่นเกินนั้น บุญเรามีแค่นั้นแหละ มากไปกว่านั้นจะไม่ถูก"

เถรี 08-09-2012 20:28

"ความจริงการดูหวยเป็นการใช้ทิพจักขุญาณในอนาคตังสญาณ แต่บางท่านที่ได้อนาคตังสญาณและได้มโนมยิทธิ เขาใช้วิธีวิ่งไปที่กองสลาก ไปถามเทวดาที่รักษากองสลากว่าจะออกเลขอะไร แต่ส่วนใหญ่เทวดาเขาจะบอกตัวเดียว ไม่บอกด้วยว่าบนหรือล่าง ให้ไปเล่นเอาเอง

งานที่เป็นส่วนของราชการทุกภาคส่วนจะมีเทวดารักษา ดังนั้น..อาตมาจึงชอบใจที่เวลารัฐมนตรีเข้ารับตำแหน่ง ท่านจะไปไหว้เจ้าที่กันก่อน นั่นท่านทำถูก แต่อย่างบางกระทรวง เช่น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ท่านไปไหว้เจ้าที่คนโห่เอา เขาว่าเป็นกระทรวงทันสมัยสุด ๆ แล้วยังไปไหว้ผีอีก แสดงว่าพวกที่ว่าท่านนี่ทันสมัยจนลืมรากเหง้าตัวเอง..!"

เถรี 08-09-2012 21:16

ถาม : เวลาหลุดออกไปแล้วจะไปที่ไหน ๆ รู้สึกว่าหนักมากเลยค่ะ กว่าจะไปได้แต่ละที่แสนจะลำบาก
ตอบ : ให้พิจารณาร่างกายก่อน จำไม่ได้หรืออย่างไร..? เดี๋ยวฆ่าทิ้งเลย..! ไม่ทันพิจารณาไปก่อนทุกที แล้วจะไปเบาอีท่าไหนได้ ?

สภาพจิตจะต้องเห็นชัด ๆ ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา ไม่มีห่วงไม่มีกังวล ถึงจะไปแบบเบามาก แต่ถ้ายังหน่วง ยังหนัก ยังดึง ยังรั้งอยู่ เหมือนกับวิ่งฝ่าน้ำตกดี ๆ นี่เอง บอกไปเท่าไรไม่เคยจำ..!

แต่ว่าเรื่องของอภิญญาสมาบัติก็แบบนี้แหละ..ต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง คนอื่นบอกเราเหมือนเข้าใจ..แต่ไม่ใช่ พอตัวเองไปได้สักทีถึงจะรู้ว่าที่แท้ต้องทำอย่างนี้ เพราะฉะนั้น..ต้องไปลองผิดลองถูกต่อไป ถามคนอื่นก็ได้แค่แนวทางไปเท่านั้น

เถรี 08-09-2012 21:32

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีอยู่อย่างหนึ่งที่อาจารย์สอนปริญญาเอกของอาตมาท่านเป็นห่วง ก็คือความจงรักภักดีต่อในหลวง ว่าอยู่ในลักษณะที่เทิดทูนพระองค์ท่านเกินไปหรือเปล่า ? อาจารย์ท่านใช้คำนี้นะ ท่านบอกว่าถ้าทำอย่างนั้น ในหลวงพระองค์ต่อไปจะลำบาก

ท่านอรรถาธิบายว่า ในหลวงองค์ปัจจุบันทรงงานมา ๖๐ กว่าปี คนเคารพเทิดทูนท่านอย่างนั้นก็ไม่แปลก แต่อีกพระองค์หนึ่งอายุ ๖๐ ปีแล้ว ยังไม่ได้ทรงงานเลย อยู่ ๆ ขึ้นมาทำงานจะเป็นอย่างไร ? อาจารย์ท่านห่วงตรงนี้

อาตมาก็เลยเรียนท่านอาจารย์ไปว่า "อาจารย์ครับ..ก็เหมือนกับเจ้าอาวาสนั่นแหละครับ ถ้าเจ้าอาวาสรูปเก่าเก่ง เจ้าอาวาสรูปใหม่จะลำบากสาหัสเลย ถึงเจ้าอาวาสรูปใหม่เก่ง คนเขาก็ยังคิดถึงแต่รูปเก่าอยู่ ถ้าเจ้าอาวาสรูปใหม่ไม่เก่งนี่ จมดินหายไปเลยครับ..!"

ฟัง ๆ ดูก็จริงอย่างที่อาจารย์ท่านพูด แต่ว่าอาจารย์ท่านลืมไปอย่างหนึ่งว่า นิสัยของคนไทยอย่างหนึ่งก็คือ เคารพสถาบันโดยไม่มีข้อแม้ ในเมื่อไม่มีข้อแม้ ในหลวงพระองค์ใหม่มาก็เคารพรักอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ากว่าจะให้รักเท่าพระองค์เก่า ก็ต้องแสดงผลงานกันหลายยกหน่อย"

เถรี 08-09-2012 21:34

"อาจารย์ท่านคิดแบบนักวิชาการ ท่านคิดว่าชาวบ้านรักเทิดทูนในหลวงมากเกินไป คำว่ามากเกินไปนี่เป็นในสายตาของท่านอาจารย์นะ แต่ถ้าในความรู้สึกของพวกเรายังรู้สึกว่าน้อยเกินไป..ใช่ไหม ? ท่านคิดว่ามากเกินไปแล้วในหลวงพระองค์ต่อไปจะลำบาก..ไม่ลำบากหรอก ก็ประคับประคองกันไประยะหนึ่ง ถ้าพระองค์ท่านทรงงานให้เห็นว่าทุ่มเทเพื่อประชาชนอย่างไร เดี๋ยวความศรัทธาเลื่อมใส ความจงรักภักดี ความเทิดทูนก็จะมาเอง

เราลองนึกถึงในหลวงรัชกาลที่ ๘ ครองราชย์ตั้งแต่พระองค์น้อย ๆ ยังเป็นเด็กเล็กอยู่แท้ ๆ ต้องมารับภาระทั้งบ้านทั้งเมือง ด้วยความที่ในหลวงรัชกาลที่ ๘ ได้รับการอบรมสั่งสอนจากสมเด็จพระบรมราชชนนีอย่างเข้มงวด พระองค์ท่านจึงวางพระองค์ได้ถูกต้อง ออกต้อนรับคณะทูตานุทูตต่าง ๆ หลังจากขึ้นครองราชย์ พระองค์ท่านยังวางพระองค์ได้ชนิดเหมาะสมทุกประการ เรียกง่าย ๆ ว่าไม่อายใคร

พอเจริญพระชันษาขึ้นมา จนกระทั่งบรรลุนิติภาวะ ความจงรักภักดีของคนก็มากขึ้น ๆ อยู่ ๆ ก็เหมือนกับฟ้าผ่า..! พระองค์เสด็จสวรรคต ไม่ใช่แต่ในรั้วในวังเท่านั้น คนข้างนอกก็ร้องไห้กันทั้งบ้านทั้งเมือง"

เถรี 10-09-2012 10:38

พระอาจารย์กล่าวว่า "หนังสือของสมคิด ลวางกูร มีดีอยู่หลายเล่ม มีอยู่เล่มหนึ่งใช้คำค่อนข้างจะแรง เขาใช้ว่า “มึงสู้จริงหรือเปล่า ?” ลองไปหาอ่านดู เขายกตัวอย่างเรื่องของซิงเกอร์ ทำจักรเย็บผ้าขึ้นมาแล้วมั่นใจมากว่าสินค้าของเขาดี ก็เลยลาออกจากงาน แล้วไปเสนอขายจักรเย็บผ้า จากที่คิดว่าน่าจะขายได้มากมาย กลายเป็นว่ามีคนสนใจน้อยมาก ขายได้แค่ไม่กี่ตัว แต่เขาไม่ยอมแพ้ ถือว่าผลงานของตัวเองดี ต้องคนรู้จักของดีเท่านั้นถึงจะซื้อ

เขาก็ไล่ขายไปเรื่อย กว่าจะได้รับความสนใจใช้เวลา ๒๐ ปี กว่าที่โรงงานใหญ่จะรู้ว่าเครื่องจักรนี้ผ่อนแรงคนได้มหาศาล ค่อยสั่งซื้อครั้งเดียวเป็นร้อย ๆ ตัว พอคนอื่นเห็นก็เอาตามอย่างกัน คราวนี้ขายไปทั่วโลกเลย

เขาถึงได้บอกว่า ถ้านักขายประกันยังขายไม่ได้ภายใน ๒๐ ปี อย่าเพิ่งท้อ เพราะตัวอย่างมีแล้ว เขาบอกว่าคนสู้จริงไม่มีอะไรเลย นอกจากพระเจ้าต้องมอบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ให้แก่คุณเท่านั้น สำคัญคือคุณสู้จริงหรือเปล่า ?

หนังสือของเขา วลีกวนตา วาจากวนตีน อาตมาเห็นก็สะดุดตาเลย อย่างไรก็ซื้อแน่..ถ้าเอ็งไม่ดีจริงเดี๋ยวข้าจะโทรศัพท์ไปด่า..!"

เถรี 10-09-2012 11:01

ถาม : พระแตก..?
ตอบ : บรรจุใส่พระองค์ใหญ่สิ หรือไม่ก็ซ่อมไว้ใช้งาน มีคนทำพระปิดตาแตก อาตมารีบขอแลกเขามาเลย อย่าลืมว่าวัตถุมงคล ๑ ชิ้น เทวดารักษา ๑ องค์ ยิ่งแตกหลายชิ้นยิ่งดี อาตมาจึงรีบขอแลกเขามา แล้วมาติดกาว บางคนเขาคงไม่รู้ โอ๊ย..พระแตก เสียอกเสียใจกันใหญ่ หาทางปล่อยให้พ้นตัวเอง จึงทิ้งของดีไปแบบน่าเสียดาย


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:01


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว