กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=47)
-   -   เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=3194)

เถรี 21-02-2012 11:07

ถาม : หนูก็ไม่กล้าจะมาหาท่านมากเพราะเดี๋ยวแฟนหนูเขาไม่เข้าใจ
ตอบ : ดีแล้วจ้ะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเขาหึงขึ้นมาแล้วจะยุ่งอีก

ถาม : หนูควรจะอธิบายให้เขาฟังอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : ไม่ต้องอธิบายจ้ะ ปล่อยเขาไปก่อน เอาไว้วันร้ายคืนร้ายเดี๋ยวเขาหลงมาเข้าทางนี้เมื่อไร ค่อยชักชวนเขามา ไม่ต้องรีบพามาตอนนี้

ถาม : คนรอบข้างเขามักจะมองหนูเป็นคนไม่ปกติ
ตอบ : บอกเขาไปว่าเราบ้า ปล่อยเราไปตามทางของเรา ถ้ามายุ่งกับเราเดี๋ยวจะงับซะ..!

ถาม : เขาว่าหนูว่าหน้าตาอย่างนี้ไม่น่าจะสวดมนต์ได้
ตอบ : บอกไปว่าหน้าตาอย่างคุณดันสวดไม่ได้ก็ยุ่งอีก ไม่ต้องไปใส่ใจคำพูดคนอื่นจ้ะ กองทิ้งไว้ตรงนั้นแหละ ไม่ใช่แต่หนูหรอก อาตมาเองก็โดนเขาว่าบ้าตั้งแต่เริ่มปฏิบัติแล้ว

ถาม : แฟนหนูเขาบอกว่าไม่ต้องมาหาพระมาก ประมาณว่าให้อยู่ได้ด้วยตัวเอง
ตอบ : จริง ๆ แล้วถูกของเขา ถ้าตัวเราพึ่งตัวเราเองได้ ต่อไปถึงไม่มีหลวงปู่หลวงพ่อเราก็อยู่ได้ ไม่อย่างนั้นเราก็ต้องวิ่งไล่หาที่เกาะไปเรื่อย ๆ แต่เพื่อความมั่นคงก็ให้ทำในลักษณะว่า ในแต่ละเดือนท่านมีงานอะไรที่สำคัญเราก็ไปร่วมงานบ้าง เพียงแต่ว่าอย่าให้ถี่ยิบเหมือนกับสมัยก่อน

ถาม : อย่างที่ทำงานเขาก็ไม่ค่อยให้หนูลา โดยเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ เพราะมีลูกค้ามาก แล้วหนูจะแบ่งเวลาไปวัดอย่างไรคะ ?
ตอบ : บอกแล้วว่าดูตามความเหมาะสม ถ้าเป็นปีละครั้งต่อให้เป็นวันเสาร์ก็ไปเถอะ แต่ถ้าหากว่าทุกเดือนก็เว้น ๆ เสียบ้าง

ถาม : ถ้าหนูจะทำแบบว่า ถึงเวลาจะไปวัดอย่างไรก็ต้องไป ไม่สนใจที่ทำงานถูกไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าเราจะเอาในทางธรรมอย่างเดียวต้องเป็นอย่างนั้น แต่คราวนี้เราอยู่กับโลก ก็ต้องดูความเหมาะสม ความพอเหมาะพอดี แต่ถ้าถึงกำหนดที่เราเห็นว่าสมควรจะไปก็ต้องเด็ดเดี่ยวอย่างนั้น ถึงมีอุปสรรคอย่างไรเราก็จะไป

เถรี 22-02-2012 07:13

ถาม : ช่วงนี้เวลาผมภาวนาก่อนนอน พุทโธได้แค่ครู่เดียวก็หลับไปเลย เกิดจากอะไรครับ ?
ตอบ : แปลว่าสมาธิดีขึ้น ถ้าสมาธิไม่ทรงตัวถึงระดับปฐมฌานหยาบจะไม่หลับ เพียงแต่ว่าเป็นการหลับแบบขาดสติ ควรที่จะนั่งภาวนาให้อารมณ์ใจทรงตัวเพื่อข้ามจุดนั้นไปให้ได้ ไม่อย่างนั้นกี่ปีกี่ชาติก็จะตัดหลับอย่างนั้น แล้วก็เอาไปใช้งานอะไรมากกว่านั้นไม่ได้

ถาม : เมื่อก่อนดีกว่านี้ แต่ตอนนี้รู้สึกตัวว่าแย่ลงครับ
ตอบ : ในเมื่อวิเคราะห์ตัวเองได้ก็ทำให้ดีขึ้นสิวะ..!

เถรี 22-02-2012 07:20

พระอาจารย์กล่าวว่า "บรรดาโรคต่าง ๆ ที่โบราณว่าเกิดจากลม ก็คือเลือดลมในร่างกายของเราเดินไม่ปกติ ทำให้เป็นโรคได้หลายโรค เรื่องของโยคะช่วยได้เรื่องพวกนี้ได้เยอะมากทีเดียว"

เถรี 22-02-2012 07:23

ถาม : เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กคนนี้ก่อนเกิดมาจากไหนครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าใช้ทิพจักขุญาณดูก็ยังมีโอกาสพลาดได้ สังเกตดูว่าถ้าหากท่านที่มาจากพรหมส่วนใหญ่จะนิ่ง ไม่ค่อยพูด พูดน้อย มีเหตุมีผล ถ้าพวกมาจากเทวดาจริยาจะนุ่มนวลกว่า ขณะเดียวกัน..ถ้าเราไปตึงตังหรือหยาบคาย เขาจะไม่คบเราเลย

ถาม : เขาเป็นลูกเราครับ
ตอบ : ถ้าเป็นลูกไม่ต้องไปสนใจหรอกว่ามาจากไหน มาจากนรกก็ต้องเลี้ยง..!

ถาม : อยากรู้ครับ
ตอบ : ถ้าคุณรู้เมื่อไรแล้วจะซวยไม่รู้จบ เพราะจะไปเลือกว่าจะรักคนนี้จะเกลียดคนนั้น ซึ่งจะเป็นเองโดยอัตโนมัติ อย่างน้อย ๆ ศีลเขาต้องมีถึงได้เกิดเป็นคน แต่พอเกิดมาแล้วจะรักษาศีลต่อได้หรือไม่ ก็อยู่ที่เขาว่าจะเอากำไรหรือขาดทุน ฉะนั้น..ต้องอบรมเขาให้ดี

เถรี 22-02-2012 08:19

พระอาจารย์กล่าวถึงพวกที่ปลอมวัตถุมงคลว่า "จะว่าไปแล้วเขามีความพยายามมาก เขาพยายามทำของใหม่ให้เก่า แล้วเอาไปจำหน่ายฝรั่ง แต่วิธีที่ทำให้เก่านี่แหละ เกิดใหม่จะซวยไม่รู้จบ บางคนเอาไปแช่น้ำกรด บางคนเอาไปแช่น้ำไว้เป็นเดือน ๆ บางทีก็เอาไปหมกโคลนไว้เพื่อให้ดูเก่า"

เถรี 22-02-2012 08:27

ถาม : การหวงวัตถุมงคลเป็นความโลภไหมคะ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าโลภเจตนา อย่างน้อย ๆ มีความโลภแฝงอยู่ แต่ต้องดูว่าเราใช้เป็นอนุสติหรือเปล่า ? ถ้าเป็นอนุสติก็ถือว่าในส่วนของบุญกุศลมีมากกว่า โดยเฉพาะวัตถุมงคลเราทำบุญแล้วได้มา เราก็จะได้ระลึกถึงในเรื่องของจาคานุสติ และในเรื่องของทานบารมีด้วย

แต่ถ้าว่ากันตามหลักอภิธรรม เขาถือว่ามีส่วนของโลภเจตนาอยู่ ก็คือมีส่วนของความโลภอยู่ แต่ว่าไม่ต้องไปฟังตรงนั้นหรอก ทำไปเถอะ..จะไม่ให้มีความโลภเลยต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น แม้แต่พระอนาคามีท่านยังอยากในการทำบุญ แล้วอภิธรรมก็ใส่เต็ม ๆ ว่ายังเป็นโลภเจตนาอยู่ ก็ถูกตามตำราเขา

ถาม : หนูมีสมุดบันทึกจดเวลาหนูทำบุญไว้นะคะ
ตอบ : ไม่ต้องหรอกจ้ะ ถึงเวลารายการบุญที่เราทำก็ไปโผล่ที่นายบัญชีท่านเองแหละ ถ้ารู้ว่าใกล้ตายก็ใส่ซองส่ง ems ไปถึงพระยายมราชล่วงหน้าไว้เลย

ถาม : หนูจะเอาวัตถุมงคลไปถวายวัดนี้เป็นการตัดความโลภ ?
ตอบ : เป็นจ้ะ กว่าจะตัดได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะว่า มัจฉริยะ คือ ความตระหนี่ถี่เหนียว มีทุกคน แต่ว่าเราทำไป สมมติว่าถวายวัดเผื่อว่าใครทำบุญทางวัดจะได้ให้เขาต่อไป ก็เท่ากับว่าเรามีส่วนในบุญต่าง ๆ ที่ทางวัดเขาทำด้วย

ถาม : หนูจะเอาวัตถุมงคลไปให้ญาติพี่น้องก็กลัวเขาจะไม่เห็นคุณค่า
ตอบ : นั่นเป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับเราแล้ว

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : มีส่วนจ้ะ สิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อชีวิต เรารักเขา เราชอบเขา ความคิดเห็นของเขาก็มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของเรา เราก็เลือกที่เรามั่นใจไว้สัก ๓ องค์ ๕ องค์ นอกจากตัวเองแล้ว ยังเผื่อคนอื่นในครอบครัวของเราด้วย แล้วที่เหลือก็จัดการ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปให้เขาตำหนิใหม่

เถรี 22-02-2012 08:29

ถาม : ขอทำบุญให้คนป่วยครับ
ตอบ : ทำบุญเสร็จแล้วกลับไปบอกเขาอีกรอบ ต้องกระตุ้นให้นึกถึงบุญไว้บ่อย ๆ โดยเฉพาะคนป่วยถ้าเกาะบุญได้บางทีจะไม่รู้สึกเจ็บเลย

เถรี 22-02-2012 10:00

พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกเราหลายคนรู้ว่าลาวอยู่ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ไทยอยู่ฝั่งขวาแม่น้ำโขง แต่อีกเป็นจำนวนมากไม่รู้เลย แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าทำไมถึงแบ่งเป็นซ้ายกับขวา

หลักการแบ่งฝั่งแม่น้ำว่าเป็นซ้ายหรือขวานั้น โดยสากลเขาให้หันหน้าออกทะเล ด้านไหนอยู่ซ้ายมือของเราก็คือฝั่งซ้าย ด้านไหนอยู่ขวามือก็คือฝั่งขวา ฉะนั้น..เราสงสัยว่าทำไมลาวอยู่ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ให้รู้ว่าหลักสากลเป็นอย่างนั้น

อย่างกรุงเทพฯ อยู่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยา ธนบุรีอยู่ฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา จริง ๆ แล้วอยากจะให้เขาแยกธนบุรีออกเป็นจังหวัดต่างหาก เพราะว่าโดยศักดิ์ศรีแล้วธนบุรีเป็นเมืองหลวงเก่าเช่นกัน สมัยก่อนนี้การพัฒนาเมืองหลวงจะพัฒนาฝั่งกรุงเทพฯ มากกว่า ฝั่งธนบุรีเขาเรียกว่าลูกเมียน้อย

ช่วงนั้นเขายุบธนบุรีเข้ามาเป็นจังหวัดเดียวกับกรุงเทพฯ แล้วใช้ชื่อว่านครหลวงกรุงเทพธนบุรี จำได้ไหมว่าเขาเคยมีชื่อนี้ ? หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนเป็นกรุงเทพมหานคร ฉะนั้น..กว่าจะเป็นกรุงเทพมหานครนี่ สมัยก่อนเขาเป็นกรุงเทพฯ กับธนบุรี แล้วก็มาเป็นนครหลวงกรุงเทพธนบุรี แล้วถึงจะมาเป็นกรุงเทพมหานครอย่างในปัจจุบัน แต่อาตมาอยากจะให้แยกออก เพราะถ้าแยกออกจะได้ใช้งบประมาณของตัวเองโดยตรง และเดี๋ยวนี้ฝั่งธนบุรีก็เจริญไม่แพ้ฝั่งกรุงเทพฯ แล้ว

สมัยอาตมาเด็ก ๆ อยู่บ้านยายตรงสามแยกไฟฉาย คนรุ่นใหม่เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาเรียกสามแยกไฟฉาย เพราะว่าตอนช่วงสงครามโลก เขาตั้งปืนต่อสู้อากาศยานที่สามแยกท่าพระ แล้วก็ตั้งไฟฉายสำหรับส่องหาเครื่องบินข้าศึกตอนกลางคืนที่ตรงสามแยกไฟฉาย พอเลิกสงครามเขาก็เลยเรียกสามแยกไฟฉายเพราะชื่อเก่ายังไม่มี แต่สามแยกท่าพระมีชื่อแล้วก็เลยยังคงเรียกสามแยกท่าพระอยู่ ไม่อย่างนั้นก็คงกลายเป็นสามแยก ปตอ. ไปแล้ว"

เถรี 22-02-2012 10:08

พระอาจารย์กล่าวว่า "เห็นญาติโยมหอบลูกจูงหลานมาทำบุญก็ดีใจ เพราะว่าเด็ก ๆ ต้องมีตัวอย่าง สมัยนี้เราจะเห็นว่าเด็กรุ่นใหม่ ๆ ไม่ค่อยใส่บาตรกัน เขามีการออกแบบสอบถามทำวิจัยแล้ว เด็กรุ่นใหม่ร้อยละ ๖๐ ไม่เคยใส่บาตรเลย ร้อยละ ๔๐ ที่เหลือ เคยใส่บาตรเฉพาะวันเกิดตัวเอง แล้วในร้อยละ ๔๐ พอมาแบ่งใหม่มีร้อยละ ๓๐ เท่านั้นที่เคยไปทำบุญถึงวัด จัดว่าน้อยมาก

จะไปว่าเด็กก็ไม่ได้ เพราะว่าผู้ใหญ่ไม่ได้ทำตัวเป็นแบบอย่าง ถ้าหากว่าผู้ใหญ่ทำตัวเป็นแบบอย่างให้เด็กเห็น ว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นสิ่งที่ดี เขาก็จะทำตาม โดยเฉพาะว่าระยะหลังนี้ การรับนักศึกษาในระดับอุดมศึกษา คือปริญญาตรีขึ้นไป มีหลายแห่งแล้วที่ใช้คะแนนคุณธรรม ก็แปลว่าถ้าเด็กคนไหนเคยเรียนธรรมศึกษาตรี โท เอก มา ได้รับประกาศนียบัตรรับรองว่าสอบผ่านแล้ว หรือว่าท่านใดเคยไปปฏิบัติธรรมที่วัด ได้รับวุฒิบัตรผู้ปฏิบัติธรรมแล้ว หรือว่าท่านใดเคยทำบุญแล้วมีอนุโมทนาบัตร

ถ้ามีเครื่องยืนยันทั้งหลายเหล่านี้ ถึงเวลาเกณฑ์พิจารณาเรื่องคะแนนคุณธรรมของสถาบันอุดมศึกษา ที่ยึดคะแนนคุณธรรมเป็นส่วนหนึ่งของการรับเด็กเข้า ก็จะได้เปรียบว่าคนอื่นเขา เพราะยืนยันได้ว่าตัวเองไปทำความดีมาจริง ๆ พยายามศึกษาพระพุทธศาสนาจริง ๆ เป็นต้น

ถ้าหากว่าเราจะเตรียมการให้ลูกหลานก็ควรจะพาเขาเข้าวัด แบบยายหนูเมื่อเช้านี้ บอกว่าพอหนูมีความสุขแล้วหนูไม่ได้เข้าวัดเป็นปีเลย ไม่เหมือนตอนทุกข์ นั่งสวดมนต์ไปร้องไห้ไปก็ยังเอา"

เถรี 23-02-2012 11:13

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยนี้เทคโนโลยีต่าง ๆ ทำให้บรรดาสัตว์เลี้ยงไม่ได้ผสมพันธุ์กันตามฤดูกาล แต่จะผสมพันธุ์กันทั้งปี พวกปลาช่อนไข่ ปลาดุกไข่ที่เราซื้อปล่อยกันนี่เป็นปลาเลี้ยงแน่นอน ถ้าไม่ยอมไข่เขาก็จับฉีดฮอร์โมนบังคับให้ไข่

แบบเดียวกับสมัยเด็ก ๆ พวกไม้ผลในสวน ไม่ว่าจะเป็นลำไย ทุเรียน มะม่วง ถ้าไม่ออกลูกเขาให้เอามีดไปฟัน ฟันหลาย ๆ แผล แผลใหญ่ ๆ เลย แล้วต้นไม้ต้นนั้นจะรีบออกลูก เพราะว่าพวกต้นไม้หรือสัตว์ ถ้าเขารู้ตัวว่าจะตาย จะต้องหาทางทิ้งพืชพันธุ์เอาไว้ก่อน เท่ากับบังคับให้ออกดอกออกผล

แบบเดียวกับกุ้งกุลาดำ บ้านเรามีเทคนิคการเพาะเพื่อที่จะให้ออกลูกได้ แต่ไต้หวันทำไม่ได้ ต้องรับซื้อแม่กุ้งจากเมืองไทย จึงมีการขโมยแม่กุ้งไป ตัวหนึ่งซื้อกันเป็นหมื่น เขาจะเอาไปช็อกด้วยน้ำเย็นให้สลบ แล้วก็ใส่ถุงอัดออกซิเจนส่งไป

เทคนิคการทำให้กุ้งไข่ของไทย ก็คือ เอาคีมบีบตาทิ้งไปข้างหนึ่ง พอตาบอดไปข้างหนึ่ง กุ้งรู้ว่าใกล้ตายแล้วก็รีบผลิตไข่ เทคนิคนี้น่ากลัวมาก คนทำจะโดนกรรมสนองคืนแน่นอน..!

ส่วนคนที่คิดเทคนิคการผสมพันธุ์กบนอกฤดูได้ ต้องบอกว่าบังเอิญมาก คือพอดีวันนั้นอากาศร้อนจัด เขาจึงเอาสังกะสีไปปิดปากบ่อไว้ แล้วเปิดน้ำฉีดใส่สังกะสีจะได้เย็น ปรากฏว่าเสียงน้ำที่ฉีดใส่สังกะสีกราว ๆ ทำให้กบคิดว่าฝนตก ก็เลยร้องรับแล้วก็ผสมพันธุ์กันใหญ่ ตั้งแต่นั้นมากบเลยเจอน้ำฉีดใส่สังกะสีอยู่เรื่อย

เด็กบ้านนอกสมัยก่อน พอหน้าแล้งอยากกินกบ ก็ไปเอาใบตาลแห้งคนละ ๒ ทาง แล้ววิ่งแข่งกันลากตามนาแล้ง ๆ แตกระแหงนั่นแหละ พวกกบ พวกปลา พวกหอยจะซุกกันอยู่ข้างใต้ เด็กที่วิ่งแล้วก็ลากใบตาลแห้งไป เสียงฝีเท้าตึง ๆ เหมือนฟ้าร้อง เสียงใบตาลแห้งลากพื้นจะซ่า ๆ เหมือนฝนตก กบก็ร้องอ๊บ ๆ พอเด็กได้ยินเสียงกบก็ตามหาตัว ขุดเอาได้ง่าย ๆ

พวกบรรดาแม่ครัวในรั้วในวังสมัยก่อน เวลาจะยำกบใส่มะดัน ถ้าหากบไม่ได้จริง ๆ ก็เอาแก้มปลาช่อนแทน ซื้อแต่หัวปลาช่อน นำมานึ่งเสร็จแล้วก็แกะเอาเนื้อตรงแก้ม แล้วก็มาบี้ ก็ไม่รู้แล้วว่าเป็นแก้มปลา เพราะรสชาติจะเหมือนกับเนื้อกบ"

เถรี 23-02-2012 11:22

พระอาจารย์เล่าว่า "โรงเรียนบ้านป่าไม้สะพานลาวจะไปจัดอบรมเยาวชนที่วัดท่าขนุน ในวันวาเลนไทน์ คือ วันที่ ๑๔ - ๑๕ กุมภาพันธ์นี้ เขาโทรมาสอบถามว่าตอนเย็นจะเปิดโรงครัวทำอาหารให้เด็กได้ไหม ? อาตมาบอกว่าได้ แต่อย่าทำเอามาถวายพระแล้วกัน..!

ระยะหลังการอบรมเด็กมีแทบทุกเดือน เหมือนกับว่าเป็นกิจกรรมภาคบังคับ โรงเรียนต่าง ๆ หมุนเวียนกันไป โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีงบน้อย พอโดนบังคับให้จัดกิจกรรมก็อิงวัดเป็นหลัก สมัยก่อนโรงเรียนบ้านป่าไม้สะพานลาวจะมีเด็กต่างด้าวร้อยละ ๓๐ เด็กที่จะได้งบประมาณเลี้ยงอาหารกลางวันจากกระทรวงต้องเป็นเด็กไทยที่มีทะเบียน คราวนี้จะให้เด็ก ๗๐ คนนั่งกิน แล้วเด็กอีก ๓๐ คนที่เป็นต่างด้าวนั่งกลืนน้ำลายก็ไม่ได้ ท้ายสุดก็ต้องวิ่งมาวัด มีข้าวสารอาหารแห้งหรือเงินทองก็ต้องให้เขาไป

มีอยู่ครั้งหนึ่งนำญาติโยมจัดผ้าป่าให้เขาเพื่อเป็นทุนอาหารกลางวันเด็ก ได้เงินไปสี่แสนกว่าบาท ไม่ทราบเหมือนกันว่าถึงมือเด็กเท่าไร แต่อาตมาทำแบบโปร่งใส ไปทอดที่โรงเรียนเลย นับเงินเสร็จก็ให้เจ้าภาพมอบให้กับทางโรงเรียนโดยตรง ทำงานลักษณะนี้ดีตรงที่ว่าเราสบายใจ เขาเองก็ไม่ต้องมาระแวงว่าเงินจะตกหายกลางทางหรือเปล่า หลังจากนั้นไปอาตมาก็ไม่ตามไปดูแล้ว ว่าเขาเอาเงินไปทำอย่างไร เพราะว่าให้เขาไปแล้วก็จบแค่นั้น"

ถาม : น่าจะมีโครงการปลูกผักเป็นอาหารกลางวัน
ตอบ : มี...แต่ไม่พอ โดยเฉพาะบางโรงเรียน อาตมาไปเริ่มโครงการไว้ เช่น ให้นักเรียนบ้านไกลได้พักหอพัก อาตมาเองก็ไปสร้างหอพักให้ ไม่ได้ดีอะไรหรอก เป็นแบบมุงแฝกมุงจากนี่แหละ

ปัจจุบันนี้โรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ถึงเวลาก็จะนิมนต์พระไปบิณฑบาตข้าวสารอาหารแห้ง มีวงเล็บว่า "บิณฑบาตเสร็จโปรดยกให้ทางโรงเรียนด้วย" ถ้ามีการคัดตัวนักกีฬาหรือว่านักเรียนที่ซ้อมวงโยธวาทิตก็มักจะมาขออาหารแห้งที่วัดเป็นระยะ ๆ ขาดอะไรวิ่งเข้าวัดไว้ก่อน

เถรี 23-02-2012 11:30

อย่างบ้านปิล็อกคี่ “คี่” เป็นภาษากะเหรี่ยงแปลว่า “สุด” คือสุดเขตประเทศไทยแล้ว เด็ก ๆ ที่นั่นจะเป็นคริสต์เสียส่วนใหญ่ เพราะว่าศาสนาคริสต์มีนโยบายป่าล้อมเมือง เขาจะไปตีโอบจากข้างนอกเข้ามา เข้าไปตามหมู่บ้านชาวเขา หมู่บ้านชายแดน บ้านไหนที่เข้ารีตเป็นศาสนิกของเขา เขาก็จะระดมความช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ไปให้ เสร็จแล้วก็อ้างว่าเป็นเพราะว่านับถือพระเจ้าของเขา ถึงได้เจริญรุ่งเรืองกว่าครอบครัวอื่น ก็เลยทำให้เปลี่ยนไปนับถือคริสต์กันเยอะมาก

อาตมาไปเลี้ยงอาหารกลางวันเด็ก ไปให้ทุนการศึกษาเด็ก แต่พวกนี้ดีมาก จะคริสต์จะพุทธถ้าไปให้เขาเอาทั้งนั้นแหละ เสียอย่างเดียวตอนที่มอบทุนการศึกษาให้ เด็กยื่นมือมาขอจับมือพระเพื่อ "เช็กแฮนด์" อาตมาก็เลยเขกกบาลให้ บอกว่า “มึงอยู่ประเทศไทยนะ..ควรจะรู้ว่าเวลาเจอพระแล้วต้องทำอย่างไร”

ในช่วงเข้าพรรษาจะมีพระไปจำพรรษาที่นั่น ด้วยกันหลายรูป แต่เนื่องจากว่าเขาเป็นคริสต์กันเกือบหมดหมู่บ้าน เขาก็ไม่ใส่บาตร เวลาพระออกบิณฑบาตจึงไม่พอฉัน ถึงเวลาบรรดาอุบาสกอุบาสิกาหรือโยมวัดก็ต้องนุ่งขาวห่มขาว ถือฆ้องถือกลองมาเดินขบวนแห่อยู่ในตลาด ขอบริจาคข้าวสารอาหารแห้ง ได้ไปคนละนิดละหน่อย

พออาตมารู้เข้าก็รำคาญ เดินกันเป็นวัน ๆ ได้ไปหน่อยเดียว บอกกับพวกเขาว่า "ไม่ต้องเดินหรอก ทีหลังให้ไปเอาที่วัดท่าขนุน ต้องการอะไรไปขนเอาได้เลย" เวลาให้ทีก็เป็นกระสอบ หมดเมื่อไรค่อยมาเอาใหม่ แต่คราวนี้รู้สึกเขามีความสุขที่ได้ทำอย่างนั้น เขาบอกว่า ขอเดินก่อนแล้วค่อยเข้ามาเอาที่วัด พูดง่าย ๆ ว่า ของวัดเป็นของตาย อย่างไรก็ได้แน่นอน เขาเดินขอบริจาคก่อน จะได้มากได้น้อยก็ขอให้ได้เดิน

เรื่องนี้พอพูดไปก็โยงไปถึงเมื่อวานที่บอกว่า ทางด้านธรรมยุติเขามีการเกื้อกูลกัน มหานิกายเราจริง ๆ ก็มี แต่อยู่ในวงเล็กมาก ธรรมยุติท่านถึงกันหมด อาจจะเป็นเพราะว่าเขามีจำนวนน้อยกว่าเรา ทั่วประเทศมีประมาณสามพันวัด ส่วนมหานิกายทั่วประเทศมีสามหมื่นกว่าวัด ก็เลยกลายเป็นว่ามหานิกายของเรามีการเกื้อกูลกันแค่เฉพาะในวง แต่ว่าอาตมาก็พยายามช่วยเท่าที่จะช่วยได้

เถรี 23-02-2012 16:28

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดี๋ยวนี้เขามีเทคนิคใหม่อย่างหนึ่ง เรียกว่า อิเล็กโตรฟอร์มมิ่ง (Electroforming Technique) เป็นการขึ้นรูปทองคำด้วยไฟฟ้า ถ้าหากว่ามีต้นแบบ ก็ใช้ไฟฟ้าเป็นตัวเหนี่ยวนำ ดึงเอาโมเลกุลของทองคำมาฉาบไว้ องค์พระจะมีน้ำหนักเบา แต่ทองก็ยังเป็นทอง ถึงน้ำหนักจะน้อยแต่ก็ยังแพงอยู่ดี

เทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ งานศิลป์มีวิธีการให้เลือกมากขึ้น สำคัญที่ตรงความประณีต อาตมากำลังรอพระนาคปรกรุ่น ๒ คราวนี้เป็นนาคไทย ๙ เศียร เห็นว่าเดือนหน้าจะได้แบบขี้ผึ้งมาดู คุณปรัชญ์เริ่มมีเวลาว่างทำให้แล้ว

อาตมากำชับเอาไว้ว่าให้เสร็จทันวิสาขบูชา เพราะว่าเป็นการฉลอง ๒,๖๐๐ ปี พุทธชยันตี แม้เขากำหนดว่าทั้งปี แต่ก็อยากให้ทันวิสาขบูชา พอวิสาขบูชาแล้วก็รอเข้าพิธีเสาร์ ๕ เลย"

เถรี 23-02-2012 16:34

ถาม : ขอปรึกษาเรื่องฤกษ์ที่จะขึ้นบ้านใหม่ครับ ?
ตอบ : เอาตามฤกษ์พรหมประสิทธิ์นั่นแหละ เลือกให้ตรงกับวันศุกร์ ข้างขึ้น เดือนคู่ เว้นเดือน ๘ ข้างแรมกับเดือน ๑๐ ตามเดือนไทยนะ..ไม่ใช่เดือนฝรั่ง

เถรี 24-02-2012 08:11

พระอาจารย์เล่าว่า "มีครอบครัวหนึ่งที่สงขลา ลูกเกิดมาแล้วมีอาการคล้าย ๆ กับเป็นโปลีโอปนกับอัมพาต ต้องนอนแผ่อยู่กับที่ ให้พ่อแม่ป้อนข้าวป้อนน้ำ เช็ดตัวไปเรื่อย เลี้ยงมาอย่างนั้นตั้ง ๑๗ ปี

พอเวลาอาตมาลงไปสงขลา เขาก็จะนิมนต์ไปบ้านให้ลูกเขาได้ทำบุญ ลูกเขาจะอยู่ในลักษณะที่ฟังรู้เรื่อง แต่สื่อกับคนอื่นไม่ได้ การแสดงออกซึ่งความดีใจของเขาเหมือนอย่างกับชักกระตุกไปทั้งตัว พอเห็นพระก็จะมีอาการอย่างนั้น

เขาก็รักลูกของเขา..เลี้ยงมาอย่างนั้น ๑๗ ปีด้วยกัน"

เถรี 24-02-2012 08:20

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ต้องบอกว่ามีบุญมีกรรมเนื่องกันมาด้วย ไม่อย่างนั้นคนตั้งเยอะตั้งแยะทำไมไปชี้เอาคนนั้น แบบเดียวกับไปซื้อลูกหมา พอมองเห็น..ใช่เลยตัวนี้แหละ แบบนั้นเลย

เรื่องหมาต้องยอมรับในความแสนรู้ของเขา เขามีฤทธิ์โดยกรรมวิบาก บางตัวก็รู้เกินเหตุ มีอยู่ครั้งหนึ่งแวะสถานีบริการน้ำมัน แล้วก็เข้าห้องน้ำ เดินอ้อมตัวอาคารจะไปเข้าห้องน้ำข้างหลัง มีหมาเดินสวนมา พอเจอกับหมา ความคิดของเขาออกมาชัด ๆ เลยว่า "นั่นแน่..เราได้กินแน่" แล้วหมาก็กระดิกหางวิ่งเข้ามาเลย อาตมาก็ "เฮ้อ..ตั้งความหวังกับเราขนาดนี้ ก็ต้องให้แหละ" จึงไปซื้อขนมให้หมากิน

คนขายเขาบอกว่า “อาจารย์อย่าไปตามใจมันนัก ไอ้นี่เจอใครก็ขอเขาหมด” แต่คราวนี้ความคิดเขาออกมาชัดเลยว่าได้กินแน่ แล้วก็วิ่งเข้ามา เขาดูออกว่าคนประเภทนี้ถึงจะได้กิน ถือว่าเก่งจริง ครั้งนั้นยังทึ่งเลยว่าความคิดเขาชัดขนาดนั้น แสดงว่าเขารู้จริง ๆ

ไม่รู้ว่าหมาที่อายุยืนที่สุดมีอายุสักเท่าไร ที่บ้านอาตมามีหมาอยู่ตัวหนึ่ง เขาตายตอนอาตมาอายุ ๑๔ ปี โดนรถชนตาย ไม่ใช่แก่ตาย ก่อนตายเขายังปกติทุกอย่างเลย ยังนำฝูงได้ทุกวัน ด้วยความที่ต่างจังหวัดสมัยก่อนรถรามีน้อย หมาจึงไม่รู้จักรถ ข้ามถนนไม่ได้ระวังรถชนเลย แต่ขนาดรถชนแล้วก็ยังตะกายกลับมาตายที่บ้าน

เถรี 24-02-2012 08:36

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยที่อาตมารบกับพวกเรือหาปลาหน้าวัดท่าซุง ช่วงแรก ๆ เขาก็ลงตาข่าย ตาข่ายผืนหนึ่งกว้าง ๒ เมตร ยาว ๑๒๐ เมตร เขาขึงตาข่ายเป็นรูปตัว z ขวางคลองเลย คนละ ๓ ชุด แล้วปลาจะเหลือไหมแบบนั้น ?

พอเขาเห็นว่าเราจับได้ไล่ทัน เห็นว่าเอาจริงแน่ เขาก็เปลี่ยนไปลงเบ็ดราวแทน ถ้าเขาลงเบ็ดราวตรงฝั่งเราเลย เราก็จะเห็น เขาจึงไปลงตรงข้างโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา ปักหลักแล้วผูกเบ็ด พายเรือข้ามไปฝั่งเขา แล้วก็โรยเบ็ดไล่ไปเรื่อยจนกระทั่งไปถึงหน้าวัดยาง แล้วเขาก็พายข้ามมาฝั่งนี้ พอดึงสายตึงก็จะอยู่ในเขตวัดพอดีเลย

พอเราจับได้ไล่ทันอีกเขาก็เปลี่ยนวิธีใหม่ ใช้วิธีเอาแต่เบ็ดตัวเดียวพร้อมกับเหยื่อ แล้วก็ผูกไว้กับกอสวะ จะมีเศษพลาสติกผูกไว้หน่อยให้เป็นเครื่องหมายว่าอยู่ตรงนี้ เราจะไปเห็นก็ตอนที่กอสวะโดนปลาดึงยวบ ๆ เพราะปลาติดเบ็ดแล้ว

พอจับได้ไล่ทัน เก็บขึ้นมาหมด เขาก็เปลี่ยนวิธีใหม่อีก เอาขวดน้ำผูกเบ็ดพร้อมกับเหยื่อ แล้วปล่อยลอยผ่านหน้าวัด พอปลากินติดเบ็ดก็ลอยไปเรื่อย เขาจึงพายเรือตามไปเก็บปลา เพราะปลาไปไหนไม่ได้ ติดขวดน้ำรั้งอยู่ เล่นไล่จับกันอย่างนี้แหละ กว่าเราจะรู้เท่าทันแต่ละครั้งเขาก็ได้ไปเยอะแล้ว"

เถรี 24-02-2012 08:44

"พอมาระยะหลังเขาจะมาหาปลาตอนพระออกบิณฑบาต มีเส้นมีสายดูด้วยนะ พอพระเดินเลยคลองยางเมื่อไรเขาก็เริ่มลงมือเลย เขาจะวิ่งเรือเข้ามาถึง วางข่ายลอยซึ่งเป็นข่ายที่มีลูกทุ่นลอยอยู่ด้วย พอวางลงเขาก็เก็บขึ้นเลย

วันนั้นอาตมากระซิบบอกเจ้าวิม ซึ่งเป็นคนขับรถของหลวงพ่อท่านว่า “มึงเอาเรือไปซ่อนไว้ในคลองที” เขาถามว่า “แล้วหลวงพี่จะมาทางด้านไหน ?” อาตมาบอกว่า “เดี๋ยวกูจะเดินลงข้างคลองไป” อาตมาเองก็เดินบิณฑบาต เดิน ๆ ไปพอข้ามคลองยาง รีบส่งบาตรให้รุ่นน้อง บอกว่า "คุณไปต่อ ผมมีงาน.." แล้วก็เดินกลับไป พอเรือพุ่งปราดออกไป เขาลงข่ายพอดีเลย คราวนี้เก็บไม่ทันสิเพราะเป็นข่ายลอย อาตมาก็สาวขึ้นมาแทน ไม่น่าเชื่อว่าแค่ ๕ นาทีได้ปลาเป็นลำเรือเลย หน้าวัดมีปลาเยอะขนาดนั้น

หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนแผนใหม่ พอได้ยินเสียงตีกลองเพลก็ลงข่าย เพราะรู้ว่าพระฉันเพลอยู่ ทั้งวัดฉันพร้อมกัน พวกนี้เขารู้วัตรปฏิบัติของพระ จะสร้างบุญสร้างกุศลตอนไหนเขารู้หมด แต่เขาสร้างบาปอย่างเดียวเลย..! อาตมาก็ไม่ฟังเสียง พอได้ยินรีบวางช้อน บอกพระผู้ใหญ่ว่า “ขอเวลาผมเดี๋ยวหนึ่ง ได้ยินอะไรไม่ต้องตกใจ”

แล้วรีบเผ่นขึ้นไปชั้นบนของตึกรับแขก บอกทหารว่า “ยืมปืนกูหน่อย..!” ยิงกราดทีเดียวหมดแม็กเลย พวกนั้นเผ่นกันอุตลุต อาตมายิงขู่เขา แต่ยิงขู่นี่ต้องยิงเป็นนะ ถ้าใช้อาวุธไม่เป็นจะตายเอาจริง ๆ คราวนี้อาตมาฝึกการยิงมาครึ่งชีวิต วิชาฆ่าคนจึงไม่ยากสำหรับอาตมา กราดไปอย่างกับฝนตกรอบเรือเลย พวกนั้นกระชากเครื่องเผ่นกันแทบไม่ทัน พอโดนเข้าแบบนี้เขาถึงจะยอมกลัว"

เถรี 24-02-2012 08:58

"หลังจากนั้นเปลี่ยนแผนใหม่อีก ใช้เรือเครื่องวิ่งตีคู่กันมา แต่ละลำจะลากเรือพายอีกลำหนึ่ง วิ่งผ่านหน้าวัดตอนกลางคืน กว่าจะรู้ว่าเขาเอาอวนผูกท้ายเรือพายก็โดนเขากวาดปลาไปเยอะแล้ว ถ้าเขาเอาอวนผูกท้ายเรือเครื่อง หางเรือจะไปพันอวน เขาเลยต้องเอาเชือกโยงเรือพายอีกลำหนึ่ง แล้วก็เอาอวนลงต่อจากเรือพาย

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา อาตมาประกาศทั้งทางโทรโข่งและติดป้ายประกาศ "เรือเครื่องทุกลำกลางคืนห้ามวิ่ง ใครวิ่งยิงหมด..!" พระในวัดโดยเฉพาะรุ่นพี่ ๆ เขาก็สนุก “ทำไมไม่เอาอาร์พีจีมาวะ ? บึ้มให้มันกระจายทั้งลำเลย..!” อาตมาบอกไปว่า “แล้วคนก็ตายห่_ไปด้วย”

ที่ขำ ๆ ก็คือ พวกปลาเขารู้จริง ว่าเรารักและปกป้องพวกเขา พออาตมาพายเรือลงไป พวกปลากระสูบตัวยาวเป็นเมตร เกิดอาการตื่นเต้นเหมือนอย่างกับสนุกด้วย มาว่ายข้างเรือแล้วก็พุ่งขึ้นจนน้ำกระจาย กระทั่งพวกทหารตำรวจเขาบอกว่า “พวกปลารู้ขนาดนี้เลยหรือ ?”อาตมาบอกว่า “เขารู้ว่าใครมาช่วย”

บางทีพอปลาติดเบ็ดราว อาตมาก็ลงไปนั่งขัดสมาธิอยู่หัวเรือ แล้วลากขึ้นมาพาดตัก ตัวยาวล้นตักเลย แล้วค่อย ๆ แกะเบ็ดให้ กลัวปลาจะเจ็บ ปลาก็ร้องอุ๊ด ๆ ๆ เพิ่งจะรู้ว่าปลาร้องดังมากเลย อาตมาก็ตบ ๆ ตัวปลา “เฮ้ย..แหกปากร้องไปได้ พยายามทำเบา ๆ แล้ว” พอแกะเบ็ดเสร็จปลาก็พลิกตูมลงน้ำไป

ตอนช่วงแรก ๆ พอได้พวกเครื่องมือหาปลามา ตำรวจวัดเขามักจะมาอ้างว่าเป็นของกลาง แต่ได้ไปแล้วไม่ได้เอาไปโรงพัก เอาไปคืนเขา พอตอนหลังได้เครื่องมือหาปลามาแล้ว อาตมาจึงเผาทิ้งหมด เผาไปเผามา ๒ - ๓ ครั้ง หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า “เฮ้ย..เก็บไว้หน่อย ถ้าไม่มีหลักฐานเดี๋ยวเขากล่าวหาว่าแกรังแกเขาฝ่ายเดียว เก็บเอาไว้ เดี๋ยวข้าจะสร้างพิพิธภัณฑ์ให้” ก็เลยมีพิพิธภัณฑ์เครื่องมือจับปลาที่ข้างใต้มณฑปท้าวมหาราช"

เถรี 24-02-2012 09:16

"ช่วงนั้นมีปัญหากับชาวบ้าน ชาวบ้านเขาก็ยิงเอาบ้าง แจ้งความที่โรงพักบ้าง สารพัดคดี ข่มขู่พระที่บิณฑบาตบ้าง คราวนี้พอมีกิจนิมนต์ รุ่นพี่คือหลวงพี่ละออง ท่านจะบิณฑบาตบนเกาะหน้าวัดประจำ พอมีกิจนิมนต์ท่านบอกว่า “เล็ก..ผมไม่กล้าไปว่ะ” เลยบอกว่า “ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวผมไปแทนเอง” ว่าแล้วอาตมาก็เปลี่ยนตัวไป

พอไปถึงก็ขึ้นบ้านก็ไปนั่งรอบนอาสน์สงฆ์ พอขาใหญ่หาปลาหน้าวัดเดินขึ้นบันไดมาถึง "อ้าว.!" ถอยหลังเกือบตกบันได ไม่นึกว่าอาตมาจะกล้าไป แหม..เขานิมนต์ก็ต้องไปสิ"

ถาม : ตอนแกะเบ็ดออกจากตัวปลายากไหมคะ ?
ตอบ : อยู่ที่ว่าปลาตัวใหญ่หรือตัวเล็ก ปลาตัวใหญ่เบ็ดกินลึกจะปลดยาก เพราะว่าถ้าเราดึงแรง เงี่ยงเบ็ดจะทำให้เป็นแผล ต้องพยายามจะปลดช้านิดหนึ่ง แต่ว่าปลาคงเป็นประเภทพ้นน้ำนาน เขาก็บ่นใหญ่ แต่ละคืนอาตมาเปียกมะลอกมะแลกทุกคืน

เทวดาท่านก็สนับสนุนดีเหลือเกิน พอเวลาอาตมาลงเรือหมาก็หอนส่ง พอขึ้นจากเรือหมาก็หอนรับ บอกชัด ๆ เลยว่าท่านไปด้วย ที่รู้ก็เพราะว่าบางที่เขาวางเครื่องมือจับปลาไว้ ดูเหมือนไม่มีทางที่จะวางได้แต่เขาก็วาง แล้วอาตมาก็บังเอิญต้องเข้าไปเจอทุกครั้ง เหมือนอย่างกับท่านพาไปอย่างนั้น บางที่น้ำลึกประมาณศอกเดียวก็วางเบ็ดราว

บางทีเขาก็ประกาศมาก่อนเลย “งานวัดครั้งนี้ กูจะเอาให้หมดหน้าวัด” เขาเอาจริง ๆ นะ แต่ไม่ได้เอาปลาหน้าวัด เขาเอาปลาข้างวัด อาตมาเข้าไปถึงเห็นเบ็ดราวยาวตลอดคลองเลย


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:32


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว