กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=65)
-   -   เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๖๑ (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=6287)

เถรี 16-09-2018 20:23

พระอาจารย์กล่าวว่า "พรรคพวกเขาโอดครวญมาในไลน์ว่า ตอนนี้การสอบอนุศาสนาจารย์เพื่อที่จะไปดูแลผู้ต้องขังในเรือนจำ จากเดิมที่มีกติกาว่าต้องจบเปรียญธรรม ๖ ประโยค แต่ปัจจุบันนี้อธิบดีกรมราชทัณฑ์เป็นอิสลาม ก็เลยประกาศว่าเป็นปริญญาตรีทุกสาขา โดยไม่ได้ระบุวุฒิทางธรรม

นั่นจะเป็นการทำลายชนิดถึงรากถึงโคนเลย ขนาดในเรือนจำก็ยังไม่ละเว้น ก็ถือว่าเป็นไปตามวาระของเขา เพราะว่าใครใหญ่ขึ้นมาก็มักจะเอาพรรคพวกตัวเองมาทำงาน เพียงแต่ว่าทุกวันนี้อาทิตย์ละหนึ่งครั้งที่พระต้องเข้าไปเทศน์ในทัณฑสถานทุกแห่ง โดยเฉพาะเรือนจำในจังหวัด ต่อไปก็อาจจะมีคำสั่งห้ามพระเข้าไปเทศน์ก็ได้

อาตมาเข้าไปเมื่อไรไม่เคยเทศน์ ไปสอนเขาแหกคุก บอกเขาว่าจะสะเดาะกลอนก็ทำวิธีนี้ ภาวนาคาถานี้ รักษาศีลให้ได้ ภาวนาอย่างน้อยครั้งละครึ่งชั่วโมง ถ้าจะเหาะข้ามรั้วไปเลยก็ปฏิบัติกสิณอย่างนี้ ทำเอาผู้คุมทำตาปริบ ๆ ไปสอนนักโทษแหกคุกหน้าตาเฉย

แรก ๆ ผู้คุมก็แปลกใจ เพราะว่าเขาต้องบังคับให้มานั่งฟัง ถ้าแดดร้อนหน่อยก็หนีกันหมด หลบไปอยู่ใต้ต้นไม้บ้าง ข้างกำแพงบ้าง แต่เวลาพระอาจารย์เล็กเข้าไปเทศน์ทีไร ผู้ต้องขังยอมนั่งตากแดดฟังกัน เพราะว่าต้องการวิธีแหกคุก กว่าเขาจะรู้ว่าอาตมาหลอกให้ภาวนา ก็คงจะตอนที่เขาทำสำเร็จแล้วแหละ ถ้าทำได้จริง ๆ รับประกันว่าราชฑัณฑ์มีเครียด..!"

เถรี 16-09-2018 20:27

"ไปนึกถึงท่านอาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง เขาว่าท่านเพี้ยน ร้อนวิชา ท้ายสุดก็โดนแจ้งความจับ สมัยนั้นเขาเรียกว่าข้อหาภัยสังคม เพราะว่าเป็นรัฐบาลทหารมาจากการปฏิวัติ

เอาท่านเข้าคุก สิบเวรลั่นกุญแจเดินหันหลังไป ท่านอาจารย์ฟ้อนก็บอกว่า “หมู่..ล็อกกุญแจด้วยสิ” อีกฝ่ายหนึ่งก็งง หันกลับมา อ้าว..กุญแจหลุดอยู่ ล็อกใหม่เสร็จเรียบร้อยหันหลังไป ท่านอาจารย์ฟ้อนก็บอก “หมู่..ล็อกกุญแจด้วยสิ ไม่ล็อกเดี๋ยวผมออกไปนะ” หันกลับมา..หลุดอีกแล้ว ท้ายสุดก็ต้องยกมือไหว้ บอกว่า “อาจารย์ครับ ขอร้องเถอะ เดี๋ยวผมได้ติดคุกแทนแน่”

เถรี 16-09-2018 20:31

"บรรดาฆราวาสที่เก่งวิชาแบบนี้ อย่างเช่นท่านขรัวอีโต้ หรือไม่ก็ท่านอาจารย์แปลก ร้อยบาง ท่านอาจารย์แปลกนี่ท่านทำตะกรุดมหาโสฬส คนนิยมพอ ๆ กับตะกรุดของหลวงปู่เอี่ยมเลยนะ

ท่านอาจารย์แปลก ร้อยบาง ปกติก็ลอยเรือไปเรื่อย ๆ ไม่อยู่เป็นที่ เขาถึงได้เรียกว่าร้อยบาง ถึงบางไหนก็พักตรงนั้นแหละ ปรากฏว่าปีนั้นอยู่ ๆ เรือไม่ยอมไปข้างหน้า เรือถอยหลังไปจนถึงหน้าวัดสะพานสูง ท่านอาจารย์แปลกก็ขึ้นจากเรือมากราบหลวงปู่เอี่ยม ถามว่า "พระเดชพระคุณมีธุระอะไรหรือครับ ถึงลากเรือผมมา ?" นั่นขนาดสุดยอดฆราวาสอภิญญานะ ถูกหลวงปู่เอี่ยมสร้างลากเรือมาจนถึงหน้าวัด

หลวงปู่ท่านก็บอกว่า "ปีนี้น้ำมาก น้ำจะท่วมเยอะ มาอยู่ด้วยกันที่วัดนี่แหละ จะได้ไม่ลำบาก" แล้วก็สอนวิชาทำตะกรุดมหาโสฬส ทำผงมหาโสฬสให้

ท่านอาจารย์แปลกนี้ต้องถือว่านอกเหตุเหนือผล เพราะว่าปกติหลวงปู่เอี่ยมท่านจะถ่ายทอดวิชาให้เฉพาะศิษย์ใกล้ชิดที่เป็นพระเท่านั้น แต่ท่านอาจารย์แปลกได้วิชาทำตะกรุดมหาโสฬสไปด้วย"

เถรี 16-09-2018 20:35

"ท่านอาจารย์แปลกทำตะกรุดออกมานี่คนว่าขลังกว่าของพระอาจารย์ ที่ว่าขลังกว่าของพระอาจารย์คือวิธีทํา ท่านอาจารย์แปลกเดินขึ้นไปบนยอดไม้ พวกยอดตาลยอดมะพร้าวสูง ๆ โน่น แล้วก็ไปห้อยหัวจารตะกรุดบนนั้นท่านเดินขึ้นไปได้อย่างไรเหมือนกับขึ้นบันได ?

นั่นคือลักษณะของปฐวีกสิณ อธิษฐานให้พื้นทุกจุดที่ตัวเองเหยียบแข็งเหมือนหิน เหมือนดิน จะได้ขึ้นไปได้ แล้วก็ไปตีลังกาห้อยหัวบนยอดตาล ยอดมะพร้าว จารตะกรุดเสกให้เขา ถึงเวลาจารเสร็จ ม้วนเสร็จก็เอาลงมาพอกผง

แต่ว่าตะกรุดมหาโสฬสนี่ลำบากมาก ลำบากตรงที่ต้องเสกนานถึง ๓ พรรษา แปลว่ากว่าจะได้ใช้แต่ละดอกก็ต้อง ๓ ปีผ่านไป ต้องเสกด้วยโองการมหาทะมื่นให้ได้หนึ่งหมื่นจบ เราลองนึกดูว่า ๓ ปีก็ประมาณพันกว่าวัน จะให้ได้หมื่นจบก็ต้องเสกอย่างน้อยให้ได้วันละ ๑๐ กว่าจบ โองการมหาทะมื่นถามว่าเยอะไหม ? ถ้าหากว่าอักษรขนาดฟอนต์ ๑๘ ก็เกือบ ๆ หน้ากระดาษเอสี่"

เถรี 16-09-2018 20:42

"ท่านอาจารย์แปลก ร้อยบาง สร้างวีรกรรมที่โด่งดังที่สุดก็คือ เข้าไปลองของเสด็จในกรมหลวงชุมพรถึงในวัง ใครเขาก็ลือกันว่าเสด็จในกรมองค์นี้ท่านขลังนัก ท่านอาจารย์แปลกก็เลยบอกฝากญาติโยมแถว ๆ หน้าวัด ว่าช่วยดูแลเรือให้หน่อย จะไปเยี่ยมเจ้าเยี่ยมนาย

หลังจากนั้นไม่นานก็มีข่าวลือว่าเครื่องต้น ก็คืออาหารที่ทำสำหรับเสด็จในกรมหลวงชุมพร มีมือดีขโมยกินก่อนทุกครั้ง คราวนี้ช่วยกันปิดอย่างไรก็ปิดไม่อยู่ ท้ายสุดความไปถึงหู เสด็จในกรมก็ทรงกริ้ว วางข่ายอาคมดักทุกอย่างก็ดักไม่สำเร็จ เมื่อดักไม่สำเร็จก็ต้องไปกราบเรียนหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงปู่ศุขก็บอกวิธีมาให้ ปรากฏว่าดักได้สำเร็จ จับตัวไปขังคุก ให้สืบความว่าเป็นใครมาจากไหน

ปรากฏว่าถามเท่าไรก็ไม่ตอบ จะลงมือทรมานอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าทุบเท่าไร ตีเท่าไรก็เฉย ฟันเท่าไรก็ไม่เข้า ได้แต่นั่งยิ้ม เผลอหน่อยเดียวก็แหกคุกไปอีกแล้ว ก่อนไปสะกดคนทั้งวังหลับหมดเลย ยกเว้นเสด็จในกรมที่ครึ่งหลับครึ่งตื่น เพราะว่าท่านฝึกวิชามาเหมือนกัน สะกดไม่อยู่

ท่านอาจารย์แปลกจึงเข้าไปเรียนถวายว่าเป็นใคร ? มาจากไหน ? ได้ยินว่าท่านเป็นผู้ที่เรืองวิชา ก็เลยอยากจะลองดูเท่านั้นว่าเก่งจริงหรือเปล่า ? ขอโทษขอโพยที่ทำเรื่องไม่เหมาะสมไป แล้วก็กลับ เสด็จในกรมท่านถึงได้ทราบว่ามีฆราวาสชื่ออาจารย์แปลก ลอยเรืออยู่หน้าวัดสะพานสูง จังหวัดนนทบุรี"

เถรี 16-09-2018 20:55

"ฉะนั้น บางทีพวกที่หาตะกรุดมหาโสฬสของหลวงปู่เอี่ยมไม่ได้ ก็ไปใช้ของท่านอาจารย์แปลกแทน แต่ว่าตะกรุดมหาโสฬสของท่านอาจารย์แปลก ถ้าใครมีอยู่จะหวงกว่าของหลวงปู่เอี่ยม ที่หวงกว่าเพราะว่าวิธีการสร้างพิสดารกว่า ดูน่าขลังกว่าใช่ไหม ? แต่จริง ๆ ก็คือ ถ่ายทอดจากหลวงปู่เอี่ยม ถัดจากหลวงปู่เอี่ยมมาก็เป็นหลวงปู่กลิ่น จากหลวงปู่กลิ่นมาก็เป็นหลวงพ่อทองสุข ถัดจากหลวงพ่อทองสุขก็เป็นหลวงปู่วาส หลวงปู่วาสเพิ่งมรณภาพไปเมื่อไม่นานนี้เอง อายุ ๙๐ กว่าปี

ถ้าเป็นตะกรุดมหาโสฬสสายวัดสะพานสูง หรือพระปิดตาสายวัดสะพานสูง ให้รีบคว้าไว้ก่อน จะเป็นของใครก็แล้วแต่ ได้ถึงระดับบรมครูก็ถือว่าชีวิตนี้สร้างกุศลมามหาศาล ของอย่างนี้จึงได้มาถึงมือ ถ้าไม่ได้ก็ลงมารุ่นหลัง ๆ อย่างหลวงปู่วาสก็ได้ แค่ของหลวงพ่อทองสุขก็สุดยอดแล้ว"

เถรี 16-09-2018 21:26

"ตะกรุดสายวัดสะพานสูง ส่วนใหญ่มาตรฐานอยู่ที่ยาวประมาณ ๓ นิ้วครึ่ง ถ้าเป็นของหลวงปู่กลิ่นจะปิดทองลงรักก็มี ลงรักอย่างเดียวไม่ปิดทองก็มี แต่ถ้าเป็นของหลวงปู่เอี่ยมนี่ชัดเลย ม้วนเล็กสุด ๆ ถามว่าเล็กขนาดไหน ? เล็กขนาดหัวไม้ขีดแหย่ไม่เข้า ดูความเก่า ดูเนื้อผง ดูรัก แล้วต้องดูด้วยว่ารูตะกรุดใหญ่แค่ไหน ถ้าใหญ่มากก็ไม่ใช่ของหลวงปู่เอี่ยม

นอกจากนี้ก็มีตะกรุดยอดบายศรีตอนทำพิธีพุทธาภิเษก ครั้งหนึ่งมีไม่เกินสี่ดอก ตะกรุดยอดบายศรีจะยาวประมาณ ๕ นิ้ว ถ้าใครได้ไปถือว่าโชคดีสุด ๆ แบบเดียวกับพระปิดตายอดบายศรี ท่านจะทำเป็นสามองค์หันหลังชนกัน หรือสี่องค์หันหลังชนกัน ถึงเวลาก็เสียบเอาไว้ยอดบายศรี ถือเป็นของบูชาครูอย่างหนึ่ง

อาตมามีแค่ตะกรุดมหาโสฬสยอดบายศรีของหลวงปู่กลิ่น ของหลวงปู่เอี่ยมหลังจากที่สละไปหล่อพระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้านรุ่นแรกแล้ว ก็ยังหาไม่ได้อีกเลย ตอนนั้นเอาผงที่พอกตะกรุดไปทำพระปิดตาเนื้อผง และตัวตะกรุดไปทำพระปิดตาเนื้อโลหะ กะว่าถ้าได้ใหม่แล้วค่อยว่ากัน ปรากฏว่าจากวันนั้นจนถึงวันนี้ยังไม่ได้เห็นอีกเลย

มีอยู่ดอกหนึ่งเขาลงในเว็บไว้ เป็นเนื้อสองกษัตริย์ ก็คือสองอย่าง เป็นทองแดงกับทองเหลืองม้วนทับกันอยู่ เปิดราคามาที่เจ็ดแสนบาท ตูจะเป็นลม ฉะนั้น...ญาติโยมเห็นอาตมาลงในเว็บราคาหกหมื่น เจ็ดหมื่นว่าแพง ลองไปดูในตลาดสิว่าเขาคิดกันเท่าไร"

เถรี 17-09-2018 19:45

พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนท่านพระครูศุภชัย สมณศักดิ์ก็คือ พระครูศุภกิจชยาภรณ์ เจ้าคณะตำบลหนองมะคัง เจ้าอาวาสหนองมะคัง จังหวัดพิษณุโลก ท่านเอาวัตถุมงคลชิ้นหนึ่งมาให้ดู เป็นลูกกลม ๆ เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ ๒ เซนติเมตรกว่า ๆ เกือบ ๓ เซนติเมตร ท่านถามว่า "พระอาจารย์ครับ ศิลาน้ำหรือเปล่าครับ ? แต่ผมดูแล้วว่าเป็นผง เก็บได้ในแม่น้ำ" อาตมาดูแล้ว ท่านพระครูสายตาใช้ได้เลย เพียงแต่ไม่รู้จักของ นั่นคือลูกอมของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค

ลูกอมหลวงปู่ปาน เกิดจากการที่เขาเอาผงไปอุดพระ คราวนี้ผงที่เหลือก็ปั้นเป็นลูกอมไว้ บางทีผงก็เปื้อนปูนที่อุดพระมากบ้างน้อยบ้าง องค์ใหญ่บ้างเล็กบ้าง องค์นั้นเกือบสามเซนติเมตร อาตมาเคยเจอมาหลายลูกก็เลยรู้จัก ตอนนี้ยึดไว้อยู่ในย่าม แต่ก็คงต้องคืนท่าน เพราะว่าเป็นของหายาก

สมัยก่อนการเดินทางและการค้าขายไปทางเรือกัน คาดว่าลูกศิษย์หลวงปู่คงจะพกลูกอมไว้ในกระเป๋าเสื้อ ก้มไปก้มมาก็ตกน้ำลงไป ถึงเวลาก็โดนพัดติดฝั่งขึ้นมา ท้ายสุดก็อยู่ที่บุญใครที่จะได้ครอบครอง แบบเดียวกับที่อาตมาไปได้แก้วอินทนิลมาจากพม่านั่นแหละ ถ้าผีไม่บอกก็ไม่มีใครรู้ว่ามีแก้วอินทนิลอยู่ตรงนั้น เขาบอกว่าจะไปเกิดแล้ว ให้ช่วยไปเอาหน่อย เขาจะได้ไปเสียที"

เถรี 17-09-2018 20:06

ถาม : ที่เฝ้าแก้วอินทนิลอยู่เป็นอสุรกายหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่เป็นเทวดาชั้นต่ำ จำพวกพระภูมิเจ้าที่

เถรี 17-09-2018 20:59

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อช่วงอาสาฬหบูชา-เข้าพรรษาที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ฝนหนักตกทั้งวันทั้งคืนต่อเนื่องกันมาหลายอาทิตย์ ญาติโยมเห็นว่าเป็นวันหยุดยาวก็อยากจะขึ้นไปเที่ยวสะพานมอญที่สังขละบุรี แต่ไปกันไม่ไหว เพราะว่าน้ำท่วมสังขละบุรีและมีดินถล่มด้วย จึงเปลี่ยนมาแห่กันขึ้นบันไดไปสักการะรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุนแทน

คราวนี้ขึ้นบันไดอย่างเดียวก็ไม่ว่า พอลงมาแล้ว ร้านที่ตั้งขายของหน้าวัด เขาซื้อจนเกลี้ยง ไม่เหลืออะไรเลย นักท่องเที่ยวมามากจนเกินเหตุ แม่ค้าต้องวิ่งกลับบ้านไป เข้าสวนเอาผลไม้มาเพิ่มก็ไม่พอขาย โดยเฉพาะเงาะทองผาภูมิ มาเท่าไรก็หมด เงาะทองผาภูมิหน้าตาขี้เหร่มาก เขียว ๆ เหลือง ๆ หาสีแดงน้อยมาก แต่
ล่อนและหวานกรอบมาก เข้าปากก็รู้เลยว่าไม่เหมือนที่อื่น"

เถรี 17-09-2018 21:04

"สมัยอาตมาเป็นเจ้าคณะตำบลชะแล เขต ๒ ใหม่ ๆ ราว ๆ ปี ๒๕๔๗ จัดงานประจำปี หลวงพ่อพรหมดิลก วัดสามพระยา ตอนนั้นเป็นพระเทพสุธีอยู่ เป็นเจ้าคณะภาค ๑๔ อาตมานิมนต์ท่านไปงาน

อาตมาก็นึกไม่ถึง พระผู้ใหญ่ท่านบอกว่าอยากฉันเงาะทองผาภูมิ พอฉันอาหารเพลเสร็จของหวานมาถึง ไม่มีเงาะทองผาภูมิ แทนที่ท่านจะต่อว่าอาตมาที่เป็นเจ้าภาพ ท่านหันไปต่อว่าเจ้าคณะอำเภอ "คุณเป็นเจ้าคณะอำเภออย่างไรวะ ? ทำไมไม่เอาเงาะทองผาภูมิมาขึ้นโต๊ะบ้าง" ....( หัวเราะ)... อาตมาต้องกราบขออภัยท่าน บอกว่า "รอสักห้านาทีครับ" สั่งโยมวิ่งไปหามาให้ เพราะว่าสวนแถวใกล้วัดมีหลายสวน อย่างไร่ช้างเยี่ยมของลุงกมลก็ใส่บาตรทุกวันอยู่แล้ว

แต่เงาะทองผาภูมิเป็นอะไรที่น่าสงสารมาก โดนปลอมอยู่เรื่อย เพราะว่าในพื้นที่ไม่พอขาย ถึงเวลาก็เอาของที่อื่นมา แล้วก็อ้างว่าเป็นเงาะทองผาภูมิ ของที่อื่นบางปีกิโลกรัมละ ๗-๘ บาท มาถึงทองผาภูมิขายกิโลกรัมละ ๒๕ บาท อัพเกรดได้เหมือนกัน ...(หัวเราะ)..."

เถรี 17-09-2018 21:08

"ด้วยความที่ทองผาภูมิอากาศดี ฝนดี ดินดีด้วย โดยเฉพาะแถวองธิดินดำมาก ต่างจากที่อื่นอย่างเห็นได้ชัด ปลูกอะไรก็งาม ปัจจุบันนี้ทองผาภูมิก็เลยมีผลไม้ทุกอย่างของตัวเอง โดยเฉพาะผลไม้เมืองหนาว พวกอะโวคาโด พวกสตรอเบอรี่ ฯลฯ ก็เลยทำให้ของที่อื่นแทรกเข้าไปยาก แม้กระทั่งทุเรียนก็ไปประกวดชนะได้ที่หนึ่งในงานประกวดทุเรียนโลกมา

เตือนอยู่อย่างหนึ่งว่าให้ขายราคาถูกหน่อย
แต่ไม่ค่อยจะฟังกัน ขายราคาแพงมาก ถ้าขายถูกสักนิดหนึ่งก็จะขายได้มากขึ้น ก็ได้กำไรมากขึ้นไปเอง แต่ส่วนใหญ่จะไปขายราคาแพงทีเดียว"

เถรี 17-09-2018 21:52

ถาม : ถ้าจะพิจารณาปฏิจจสมุปบาท ต้องพิจารณาโพธิปักขิยธรรมด้วยหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วปฏิจจสมุปบาทเป็นหลักธรรมขั้นสูง ถ้าเข้าไม่ถึงความเป็นพระอริยเจ้าสักระดับหนึ่ง โอกาสที่จะเห็นได้ชัดจะมีน้อยมาก ฉะนั้น..ถ้าจะพิจารณาก็ได้ แต่จะไม่ค่อยได้อะไร ยกเว้นเรามีพื้นฐานอย่างเป็นพระโสดาบันขึ้นไป คราวนี้จะเข้าใจชัดขึ้น

ถ้าผมบอกว่าปฏิจจสมุปบาทเป็นคุณสมบัติของพระอนาคามี เดี๋ยวคนเขาจะรับกันไม่ได้ เพราะว่าสูงเกินไป เห็นคนทั่วไปเขานิยมพิจารณากัน ถ้าปัญญาเข้าไม่ถึงระดับก็ได้แค่ผิวเผิน พวกเราทั่วไปพิจารณาไตรลักษณ์ง่ายที่สุด จะเห็นชัดและยอมรับได้ง่าย


ถาม : ถ้ามีโยมมาถามเรื่องปฏิจจสมุปบาท ?
ตอบ : อธิบายไปตามที่เราเข้าใจ ถ้าเราเข้าใจน้อย โยมก็ไม่ได้อะไร ฉะนั้น..แนะนำให้เขาในเรื่องอื่นดีกว่า เพราะว่าเป็นเรื่องของพระอริยเจ้า ว่ากันยากหน่อย

หลักธรรมของพระพุทธเจ้านั้น พระองค์ท่านเทศน์เฉพาะคน เฉพาะสถานที่ ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องเทศน์ถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ บางอย่างไม่ได้เหมาะสำหรับคนทั่วไป พระองค์ท่านเทศน์ให้เหมาะกับอุปนิสัยของผู้รับฟังตรงนั้น ในเมื่อได้สิ่งที่ตรงกับบุญเก่า ตรงกับกำลังบารมีที่สั่งสมมา ก็จะเข้าถึงได้ง่าย

ระดับพระองค์ท่านสามารถหาหลักธรรมสำเร็จรูปออกมาเหมาะสำหรับคนทั่วไปได้ก็สุดยอด หลักการก็อยู่ใน ศีล สมาธิ และปัญญา นั่นแหละ เพียงแต่วิธีการแตกแขนงออกไปนับไม่ถ้วน

เถรี 18-09-2018 17:52

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของชื่อบ้านนามเมือง บางทีก็เพี้ยนไปเรื่อย ๆ ไปตามยุคตามสมัย มีการแก้ไขด้วยนะ อย่างสมัยก่อนเขาเรียก โคกอีหอม มาสมัยนี้เป็น ดอนยายหอม

คลองไอ้โส ปัจจุบันคือคลองตาโส นาน ๆ ไปไอ้โสแก่ตัวขึ้น กลายเป็นตาโสสมัยอาตมาเล็ก ๆ เขาเรียก นกอีแอ่น สมัยนี้นกอีแอ่นไม่มี มีแต่นกนางแอ่น

มีอยู่ระยะหนึ่งที่เขานิยมเรียกว่า นางเก้ง เปลี่ยนมาจากอีเก้ง ไม่รู้ว่า "อี" หยาบตรงไหน ท้ายสุดเรียกไปเรียกมา คนเรียกคงทุเรศตัวเอง ก็เลยเหลือเก้งคำเดียว

แบบเดียวกับคำว่า แรด เป็นคำหยาบมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาก็เลยเปลี่ยนจากแรดมาเป็นระมาดแทน เพราะฉะนั้น...พวกเราจะรู้จักตลิ่งชัน บางระมาด แต่ไม่รู้ว่าระมาดคืออะไร แสดงว่าสมัยนั้นพื้นที่แถวฝั่งธนยังมีแรดอยู่เลย เขาถึงเรียกบางระมาด

แรดมีนิสัยที่ชอบนอนเกลือกปลัก ถ้าหลังจากกินอิ่มแล้วก็จะนอนแช่ปลักกลิ้งไปกลิ้งมา เพราะแรดจะมีหนังที่พับย่น ๆ อยู่ พวกแมลงชอบเข้าไปอาศัยอยู่ พวกเห็บไปกินก็รำคาญ ก็เลยต้องไปแช่ปลักเพื่อที่จะขับไล่พวกแมลง ผู้ใหญ่เห็นพวกลูกหลานตนเองไม่ได้ทำอะไร วัน ๆ เอาแต่ประเภทนอน ก็ด่า “อีแช่แรด” เพราะฉะนั้น...คำว่าแรดเขาใช้ด่ากันมาตั้งแต่สมัยที่อาตมายังแก้ผ้าวิ่งอยู่เลย"

เถรี 18-09-2018 18:15

พระอาจารย์กล่าวว่า "ลูกคนไทยเสียเปรียบ บ้านเมืองของไทยอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว คนไทยก็เลย "เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ" ส่วนลูกคนจีนจะอดตายกันก็มี ก็ต้องขยัน

อย่างที่เพื่อนพระสังฆาธิการบอกว่า อาตมา "ขยันฉิบหาย" นั้น สมัยอาตมาเด็ก ๆ โดนพ่อแม่ทั้งตีทั้งด่ามาไม่รู้เท่าไร ท่านว่าขี้เกียจ ถามว่ารุ่นพ่อแม่เป็นอย่างไร ? ท่านทำงานทั้งกลางวันกลางคืน ถ้าเป็นข้างขึ้นพอมองเห็นบ้างก็ออกไปทำไร่ทำนากัน ถึงเวลาก็รูดใบยา เก็บใบยาสูบ หั่นใบยากัน อาตมาก็ไม่ไหวแล้ว ห้าทุ่มเที่ยงคืนก็หัวทิ่มพื้น อากาศก็หนาว กำลังง่วงสัปหงก มีเสียง “เพียะ” โดนก้านใบยาสูบฟาดไปที ตาสว่างโล่งเลย

ฉะนั้น...ที่อาตมาทำอยู่ทุกวัน คนเห็นว่าขยัน จริง ๆ แล้ว
ในสมัยโน้นถือว่าขี้เกียจบรรลัยเลย รุ่นหนึ่งผ่านไปก็ขี้เกียจลงไปอีกส่วนหนึ่ง ลูกคนจีนได้เปรียบ พลัดบ้านพลัดเมืองมา จำเป็นต้องขยัน ถ้าไม่ขยันทำมาหากิน ก็ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงครอบครัว เลี้ยงเมียเลี้ยงลูกอย่างไร เพราะว่าไม่ใช่เจ้าของพื้นที่ ตอนมานี่มือเปล่าเลย ไม่มีพื้นที่แม้แต่ตารางนิ้วเดียว ต้องค่อย ๆ เก็บหอมรอมริบแล้วลงทุน"

เถรี 18-09-2018 18:23

"การลงทุนของคนจีนสมัยก่อนเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด แต่ปัจจุบันเขาถือว่าเป็นการลงทุนที่ใช้ไม่ได้ การลงทุนสมัยก่อนก็คือลงทุนเท่าที่มี เขาใช้คำพูดง่าย ๆ ว่า สู้แค่หน้าตัก มีทุนอยู่เท่าไรก็ใช้แค่นั้น ต่อให้เจ๊งหมดตัวก็ไม่มีหนี้ แต่สมัยนี้เขาต้องกู้ ในเมื่อกู้มา พอเจ๊งหมดตัวยังมีหนี้ก้อนโตรออยู่

พวกเราสมัยนี้ไปเชื่อทฤษฎีเศรษฐกิจของฝรั่ง "มีหนี้มากแสดงว่าเครดิตดี" จะตายเอา ใช้หนี้ไม่ไหว เราอยู่ทางด้านเอเชีย จะใช้หลักการอะไรก็ต้องเป็นหลักการที่เหมาะสมกับคนเอเชีย โดยเฉพาะทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงนี่ใช้ได้ทั้งโลกเลย

ค่อย ๆ เก็บหอมรอมริบ พอถึงเวลาก็เปิดกิจการเล็ก ๆ ของตัวเอง อย่างเช่น ร้านโชห่วย ร้านขายกาแฟ เป็นช่างฝีมือบ้าง พอตั้งหลักได้ มีเงินมากก็ขยายการลงทุนมากขึ้น การขยายการลงทุนที่ดีก็คือ หากิจการให้ลูกหลานทำ"

เถรี 18-09-2018 18:25

"เราจะเห็นว่าธนาคารสมัยเก่า ไม่ว่าจะธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นกิจการในครอบครัว เป็นกิจการของตระกูล อย่างธนาคารกสิกรไทยก็ตระกูลล่ำซำ ธนาคารศรีอยุธยาก็ตระกูลเตชะไพบูลย์ ธนาคารกรุงเทพก็ตระกูลโสภณพนิช เราจะเห็นว่าเป็นกิจการในครอบครัว

หลังจากนั้นระบบบรรษัท คือ บริษัทหลายบริษัทเข้ามาร่วมกันอย่างหนึ่ง และระบบมหาชนก็คือกระจายหุ้นให้คนทั่วไปเข้ามามีส่วนร่วมอีกอย่างหนึ่ง ก็ทำให้กิจการเหล่านี้ค่อย ๆ เปลี่ยนรูปจากงานครอบครัวมาเป็นงานทั่วไป เป็นงานที่สากลเขายอมรับกัน

พวกนี้เกิดจากการลงทุนแค่หน้าตักมาก่อน ก็คือสู้แค่ตัวเองมีทุนก่อน ไม่ยอมกู้หนี้ยืมสินใคร ถ้าจะกู้หนี้ยืมสินก็ต้องเป็นคนที่ไว้วางใจได้ ต้องเป็นญาติเป็นพี่น้องกัน ร่วมแซ่ร่วมตระกูล ร่วมบ้าน ร่วมอำเภอ ร่วมจังหวัดกัน เขาหาทางเชื่อมโยงกันได้ ท้ายที่สุดก็ร่วมสมาคมเดียวกัน

คนจีนโดนบังคับให้ขยันเพราะว่าพลัดบ้านพลัดเมืองมา ส่วนคนไทยเป็นเจ้าของบ้านไม่ยอมขยัน ท้ายสุดกิจการก็อยู่ในมือคนจีนหมด ไม่ต้องโทษใคร ส่วนงานปกครองทุกอย่างปัจจุบันนี้ก็อยู่ในมืออิสลามหมด "

เถรี 20-09-2018 09:05

"พวกเรามาดูงานในปัจจุบันก็คือธุรกิจอิสระ ส่วนใหญ่เป็นการค้าขาย โดยเฉพาะการค้าขายออนไลน์ ความจริงก็เป็นการหาเงินที่ง่ายมาก แต่อาตมาไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะว่าส่วนใหญ่สั่งสินค้ามาแล้วขายต่อ เราไม่ได้ผลิตเอง จึงควบคุมได้ยาก ถ้าเราผลิตเองอย่างผลิตผ้าทอมือ ผลิตงานฝีมือ งานประดิษฐ์ต่าง ๆ พวกนี้เราควบคุมได้ เพราะว่าเป็นสินค้าของเราผลิตเอง สามารถกำหนดได้ว่าลูกค้าสั่งมาเท่าไร เราจะมีสินค้าขายให้เขา ถ้าเราไม่ได้เป็นผู้ผลิตเอง ต่างคนต่างขาย ท้ายสุดจะไปเอาสินค้าที่ไหนมา เพราะว่าเราทำเองไม่ได้

แบบเดียวกับพวกเปิดขายวัตถุมงคลวัดท่าขนุน พอถึงเวลาหาวัตถุมงคลเพิ่มไม่ได้ก็เจ๊ง ไม่มีของขาย ลักษณะใกล้เคียงกันเพราะว่าเราไม่ใช่ผู้ผลิต

ฉะนั้น...ถ้าจะทำการค้าขายออนไลน์ อาตมาขอยืนยันว่าถ้าเราผลิตได้เองก็ทำไปเถอะ แต่ถ้าเราผลิตเองไม่ได้ แล้วต้องสั่งจากคนอื่น หาความแน่นอนไม่ได้หรอก เขาโอนเงินแล้วส่งของไม่ได้ เดี๋ยวก็กลายเป็นฟ้องร้องมีคดีความกันอีก"

เถรี 20-09-2018 09:18

"เศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง ร.๙ ก็คือทำให้ตนเองพอกินพอใช้ไปก่อน เหลือแล้วค่อยขาย ถ้าทำแล้วตนเองพอกินพอใช้ ความมั่นคงก็จะมีขึ้น

นึกถึงที่หม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร พระบิดาแห่งการเกษตร ท่านบอกว่า "เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาสิของจริง" อาตมาเจอมาชัด ๆ เลยสมัยที่อยู่ชายแดนตาพระยา พลอยดิบ ๑ กระป๋อง แลกกับข้าวสาร ๑ กระป๋อง เราจะไปคิดว่าพลอยราคาแพงมาก ทำไมแลกข้าวได้แค่นั้น ? แล้วคุณกินพลอยได้ไหม ? ในเมื่อกินไม่ได้ก็ต้องยอมแลก

หรือเหมือนที่พวกอาตมาเข้าตาจน เงินทองก็ไม่มี ต้องถอดนาฬิกาข้อมือ เอาไปแลกข้าวห่อได้ ๑ ห่อ นาฬิการาคาสามสี่พันบาท
สมัยนั้นซื้อทองได้บาทกว่าเลยนะ"

เถรี 20-09-2018 09:21

"เมื่อเงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาเป็นของจริง ก็ชวนให้พวกเราทำอะไรก็ได้ อย่างที่อาตมาทำชุมชนคุณธรรม โครงการผักสวนครัวรั้วกินได้ ทำอย่างไรที่เราไม่ต้องไปเสียเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกวัน จะว่าเล็กน้อยก็ไม่ได้นะ สมมติว่าเราปลูกพริกขี้หนูใส่กระถาง ๓-๔ กระถาง ก็พอกินในครัวเรือนแล้ว

เวลาไปซื้อพอกินไหมล่ะ ? สมัยนี้ไปซื้อพริกขี้หนู ๕ บาท แม่ค้าบอกว่าหยิบไม่ได้ อาตมาก็ว่า "ในเมื่อโยมหยิบไม่ได้ อาตมาขอหยิบเอง" "ไม่ใช่ค่ะ ราคานี้ซื้อไม่ได้" ประเภทขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ปลูกไว้รอบ ๆ บ้านบ้าง ปลูกใส่กระถางโอ่งอ่างอะไรไว้ก็ได้"

เถรี 20-09-2018 09:31

พระอาจารย์เล่าว่า "มหาเถรสมาคมสั่งแก้ปัญหาคนหวังบุญด้วยการปล่อยสัตว์ในวัด ข้อที่ ๑ ห้ามปล่อยสัตว์ในพื้นที่ของวัด ข้อที่ ๒ ห้ามซื้อขายหรือทำธุรกิจเกี่ยวกับการค้าชีวิตสัตว์ในพื้นที่ของวัด ให้วัดต่าง ๆ ถือปฏิบัติตามพระราชบัญญัติเหล่านี้ ๑.พระราชบัญญัติคุ้มครองสัตว์ ๒๕๕๗ และ ๒.พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ๒๕๓๕

ชาวบ้านเขาจะฟังไหม ? ที่วัดมีทั้งที่ปล่อยหมาและมาอุ้มไป ถึงเวลาก็มาปล่อยวัด พอทางวัดเลี้ยงจนกำลังน่ารักก็มาอุ้มกลับ เลือกเฉพาะตัวด้วยนะ ล่าสุด "ไอ้ซ่าจัง" ของอาตมาโดนคว้าไปแล้ว หมาเดือนกว่า ๆ กำลังน่ารัก ที่เรียก "ซ่าจัง" ก็เพราะว่าเขาไม่กลัวหมาใหญ่ ใหญ่แค่ไหนก็บุกข้ามถิ่นเขาหมด"

เถรี 20-09-2018 09:35

"หมาที่วัด ๒๐๐-๓๐๐ ตัว เฉพาะค่ารักษาอย่างเดียวเดือนละเป็นหมื่น ยังดีที่ตอนนี้ไล่ท่านเทิดไปจำพรรษาที่วัดวังปะโท่ ไม่อย่างนั้นจ่ายเดือนหนึ่งบางทีก็ใกล้แสน

ท่านเทิดนี่เมตตาหมามาก หมาจะเจ็บป่วยจะอะไร เอาเข้าโรงพยาบาลหมด แล้วมาเบิกกับหลวงพ่อ เขาสงสารแต่หมา แต่ไม่สงสารหลวงพ่อเลย

ล่าสุดลูกหมาโดนหมาใหญ่กัดตาบอดไปข้างหนึ่ง ท่านก็รีบเอาหมาไปรักษา จ่ายไปเก้าพันบาท อีกไม่นานมาเบิกอีกหมื่นกว่าบาท ถามว่าเบิกอะไรอีกวะ ก็รักษาแล้วไม่ใช่เรอะ ? ท่านสงสารเลยเอาให้หมอศัลยกรรมให้เบ้าตาดูดีขึ้นมาหน่อย อื้อหือ..มึงทำอย่างกับว่าศัลยกรรมแล้วจะทำให้ตามองเห็นได้ แล้วใครจ่ายวะ ? เจ้าอาวาสจ่าย ท่านรักหมาสงสารหมา แต่ไม่สงสารเจ้าอาวาสบ้างเลย"

เถรี 21-09-2018 09:12

"เวลาไปไหนแต่ละที หมาเดินตามเป็นร้อย หมาเขาก็รู้ว่าใครเมตตา ใครสงสารเขา ทีนี้เวลาข้ามถิ่นกัน ก็ทะเลาะเสียงสนั่นหวั่นไหวไปหมด สมมติว่าอาตมาจะเดินไปตรวจงาน หมาวิ่งตามไปฝูงหนึ่ง พอไปเจอฝูงเจ้าถิ่นก็ลุยกันแล้ว

ช่วงนี้การทำหมันหมาก็แพงมาก หมาตัวผู้ทำหมันตัวละ ๗๐๐ บาท หมาตัวเมียทำหมันตัวละ ๑,๕๐๐ บาท ถามว่าทำหมันแต่หมาตัวผู้ก็จบแล้วไม่ใช่ ? ยังไม่จบ พอทำหมันหมาตัวผู้ในวัดหมด หมาตัวผู้ในหมู่บ้านก็เข้ามาแทน ท้ายสุดก็ต้องทำหมันหมาตัวเมียไปด้วย สักพักหนึ่งแม่ชีก็มาเบิก งวดนี้ ๑๕ ตัว งวดนี้ ๑๓ ตัว จ่ายไปเถอะ

ถ้าญาติโยมมีหมาอยู่ กรุณาอย่าฉีดยาคุมให้หมา ถ้าไม่รู้จริงการฉีดยาคุมจะทำให้หมาตาย เพราะว่าอาตมาสังเกตแล้ว การฉีดยาคุมไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์ แต่ไปเร่งการตั้งครรภ์ให้หมา ทันทีที่ฉีดยาคุม หมาก็จะเป็นสัด ตัวผู้ก็จะมาผสม แต่ผสมแล้วพอติดลูกก็คลอดไม่ได้ เพราะว่ามดลูกไม่เปิด เนื่องจากฉีดยาคุมไปแล้ว ส่วนใหญ่ลูกก็จะตายในท้อง ถ้าเราไม่ช่างสังเกต แม่ก็จะตายตามไปด้วย

หมาที่กุฏิอาตมาหลายตัวกลายเป็นหมาไร้เพศไป เพราะว่าต้องตัดมดลูกทิ้ง ตอนไปผ่าตัดมดลูกก็แพงอีก ฉะนั้น...อย่าพยายามไปฉีดยาคุม ทำหมันไปเลยจะดีที่สุด ถ้าถามว่าทำหมันไม่บาปหรือ ? ถ้าเกิดใหม่ก็เป็นกระเทย แต่ถ้าไม่คิดจะเกิดใหม่ก็ทำไปเถอะ"

เถรี 21-09-2018 09:13

พระอาจารย์กล่าวว่า "วัตถุมงคลของหลวงปู่ทิมแค่ลูกอมมัทรีหรือลูกอมผงพรายกุมารก็เหลือกินเหลือใช้แล้ว ยิ่งปลัดขิกแล้วก็ยิ่งสุดยอดเข้าไปใหญ่ ยังขำ ๆ ตอนที่ท่านไปขอความรู้จากหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก "ท่านพี่...เสกปลัดขิกอย่างไรให้วิ่งได้ ?" หลวงพ่อเหลือบอกว่า "ต้องให้ใจนิ่งอย่างเดียว" เวลาคนโบราณพูดนี่ตายเลยนะ ไม่มีคำอธิบายอื่นอีก กว่าที่หลวงปู่ทิมจะจับจุดได้ ว่าจะต้องวางสมาธิขั้นนี้ ๆ ก็เล่นเอาเสียหลายปีเลย"

เถรี 21-09-2018 09:14

:cebollita_onion-17::cebollita_onion-17: เก็บตกเดือนสิงหาคม ๒๕๖๑ หมดแล้วค่ะ :cebollita_onion-17::cebollita_onion-17:
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี และรัตนาวุธ


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:39


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว