กระดานสนทนาวัดท่าขนุน

กระดานสนทนาวัดท่าขนุน (https://www.watthakhanun.com/webboard/index.php)
-   เรื่องธรรมะ และการปฏิบัติ (https://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=20)
-   -   อันเนื่องมาจากกัลยาณมิตร (https://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=716)

สายท่าขนุน 23-05-2010 20:38

พาใจกลับบ้าน (๒๒)
 
ตัวอย่าง ตอนนี้ที่พวกเรานั่งอยู่ ถ้าบอกว่า หาจิตยังไม่เจอ หาความคิดยังไม่เจอ
ก็ให้ฝึกมาดูกายก่อน อย่างเรานั่งอยู่ เรารู้สึกดูที่แขนของเรา เรามีแขนกันอยู่
ดูที่แขนด้านขวาของเรา ไม่ต้องไปมองที่แขน (บางคนไปมองที่แขนของตัวเอง)
ให้รู้สึกว่า เรามีแขนอยู่ รู้สึกตั้งแต่ที่มือไล่ขึ้นมาจนถึงหัวไหล่ รู้อยู่ด้านขวา
เสร็จแล้วก็ย้ายไปแขนด้านซ้าย ไล่จากหัวไหล่ไปเรื่อย ๆ ไปจนถึงปลายนิ้วมือ
แล้วก็ย้ายมาอีก ย้ายมาที่ใบหน้าของเรา รู้ว่านี่คือใบหน้าของเรา ลองรู้สึกดูว่า นี่คือหน้าผาก
ไล่เข้ามาเรื่อยที่คิ้ว ตา จมูก ปาก ที่ปลายคาง มาดูที่ศีรษะของเรา ด้านบนกระหม่อมของเรา
แล้วค่อยไล่มาที่ใบหู ไล่มาที่ท้ายทอยของเรา ไล่มาที่คอของเรา
นี่ก็เป็นการฝึกการรู้สึกตัวให้อยู่กับปัจจุบัน
หรือมาดูที่ลำตัวของเราจากหัวไหล่ลงไปที่หน้าอกของเรา
ไปที่ท้องของเรา นี่ก็จะรู้สึกได้ชัดเหมือนกัน
หรือที่ขา ไปสังเกตขาของเรา ที่ต้นขา หัวเข่า จนไปถึงฝ่าเท้า แล้วก็ไปที่ปลายเท้า
และลองย้ายความรู้สึกจากปลายเท้า ไปที่ปลายเท้าอีกข้างหนึ่ง
ปลายเท้าด้านซ้าย จากปลายเท้าด้านซ้ายก็ขึ้นมาที่หัวเข่า
แล้วมาที่ต้นขาของเรา ฝึกรู้สึกตัวอย่างนี้ได้

สายท่าขนุน 03-06-2010 23:16

พาใจกลับบ้าน (๒๓)
 
ตัวอย่าง บางคนขณะที่ทำงานเครียดมาก ๆ เหนื่อยมาก ๆ ใจมันวุ่นวายเหลือเกิน
หาใจไม่เจอ หาตัวเองไม่เจอเลย ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ?
ก็แนะนำให้พักสักพักหนึ่ง นั่งอยู่ที่ทำงานนั่นแหละ
อ้าว!!...ดูตัวเราเอง สังเกตจากแขนก็ได้ แขนขวา ไล่ลงไปจากหัวไหล่ไปถึงปลายนิ้ว
แล้วย้ายมาแขนซ้าย จากหัวไหล่ไล่ลงไปที่ปลายนิ้ว ไปที่ลำตัว ตั้งแต่หัวไหล่ ไปที่หน้าอก
ไปที่ท้อง ขาจากขาขวา จากต้นขา ไปหัวเข่า ไปที่ปลายเท้า
แล้วย้ายมาขาซ้าย ไปที่ต้นขา ไปที่หัวเข่า และที่ปลายเท้า
ลองทำอย่างนี้ดู แล้วจะเห็นเลยว่า เราพาใจกลับบ้านได้ เพราะเราหาปัจจุบันเจอ
แต่ตอนนั้นวุ่นวาย เพราะกำลังพิมพ์ กำลังดูที่จอ รับโทรศัพท์ หาเอกสาร
เพื่อนเรียก นายเรียก มองหาลูกน้อง วุ่นวายเหลือเกิน เหนื่อยเหลือเกิน
ทำหลายอย่างเหลือเกินในเวลาเดียวกัน ไม่อยากทำแล้ว อยากจะหนีจากโต๊ะทำงานนี้ไป
อย่าเพิ่งหนี ให้รู้ว่า รู้สึกหงุดหงิด ให้รู้ว่าเราเครียด
ให้รู้ว่า เรานั้นกลับบ้านไม่ถูกแล้ว หาปัจจุบันไม่เจอแล้ว
เมื่อหาปัจจุบันไม่เจอ ก็ทำอะไรไม่ได้ ?
หาบ้านให้เจอ หาปัจจุบันให้เจอ จึงกลับบ้านได้ เราก็นั่งดูอย่างนี้กันไป

สายท่าขนุน 03-06-2010 23:20

พาใจกลับบ้าน (๒๔)
 
ตัวอย่าง บางคนชอบดูลมหายใจก็ได้
บางคนบอกว่า ไม่ไหวแล้ว เหนื่อยมาก ๆ เครียดมาก ๆ ก็วางมือลง
หลับตา ตั้งกายให้ตรง สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ยาว ๆ แล้วค่อย ๆผ่อนลงนับ ๑
สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ยาว ๆ แล้วค่อย ๆ ผ่อนออกนับ ๒
สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ยาว ๆ แล้วค่อย ๆ ผ่อนออกนับ ๓ แล้วก็จะช่วยได้
บางคนก็ถาม แล้วต้องทำนานแค่ไหน ? (ตอบไม่ได้ว่า ต้องทำนานแค่ไหน ? ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)
ใครที่ทำสักพักหนึ่ง แล้วรู้สึกว่า เรากลับบ้านได้แล้ว เรารู้สึกดีแล้ว ก็หยุดทำ
ใครที่ทำแล้วยังรู้สึกหวิว ๆ รู้สึกแน่น ๆ รู้สึกไม่สบาย ก็ให้ทำต่อไป
จนเรารู้สึกว่า ไม่หวิวแล้ว รู้สึกไม่วุ่นวายแล้ว รู้สึกสบายแล้ว
เอ้า!!...กลับมาเข้าสนามรบใหม่ กลับไปดูที่จอคอมพิวเตอร์ใหม่
กลับมาอ่านหนังสือที่เรากำลังอ่านใหม่ กลับมาดูที่งานที่เรากำลังทำใหม่

สายท่าขนุน 07-06-2010 21:03

พาใจกลับบ้าน (๒๕)
 
เพราะฉะนั้น ใครที่ทำงานหนัก ๆ อย่างพวกเราที่นั่งอยู่ที่นี่กัน ก็เป็นชีวิตที่ต้องทำงานกันทั้งนั้น
ไม่ต้องไปกลัว ตื่นขึ้นมา ไม่ต้องไปกลัวว่า จะต้องไปทำงาน ตื่นขึ้นมาแล้วให้รู้สึกตัวแทน
ใครที่ตื่นขึ้นมารู้สึกหงุดหงิด รู้สึกหวิว ๆ รู้สึก โอย!!..วันนี้จิตตก ไม่อยากลุกจากเตียง
ให้เปลี่ยนจากความรู้สึกนั้น มารู้สึกตัวทันที ตอนนั้นเรากำลังหลงแล้ว ต้องหาปัจจุบันให้เจอ
ตื่นขึ้นมาปุ๊บลืมตา พอจิตคิดกังวล ก็รู้ว่า จิตคิดกังวล ย้ายจิตทันทีเลย มาดูอะไร ?
(กาย) นอนอยู่ ก็ให้รู้ว่านอน เรากำลังนอนอยู่บนเตียง เริ่มมาดูอะไร ?
ดูที่แขน ก็มาเริ่มที่แขนขวา ไล่ไปเสร็จก็ย้ายไปที่แขนซ้ายของเรา
ดูที่ตัวของเรา จากต้นขาขวา ย้ายไปถึงปลายเท้า ดูที่ขาซ้าย ย้ายไปที่ปลายเท้า
ลองทำดู พอหาบ้านเจอ กลับบ้านได้ หาปัจจุบันได้เท่านั้น
จิตที่รู้สึกหวิว ๆ รู้สึกกังวล รู้สึกขุ่นมัว มันค่อย ๆ ชัด ๆ ๆ ขึ้น ถึงจุดหนึ่ง
จิตรวมกันเป็นหนึ่ง
ลุกออกจากเตียงได้ อุ๊ย!!..
ได้เวลาไปทำงานแล้ว เดี๋ยวสาย เข้าห้องน้ำทันที ไปทำงานได้

สายท่าขนุน 07-06-2010 21:06

พาใจกลับบ้าน (๒๖)
 
ตัวอย่าง บางคนประคองจิต ตอนเช้ายังประคองได้ดี ๆ อยู่
เห็นตึกทำงานเท่านั้นแหละ โอย!!..เดี๋ยวเข้าไปต้องไปเจอพวกหน้าเดิม ๆ อีกแล้ว เจอปัญหาอีกแล้ว
ให้รู้ทันทีเลยว่า จิตของเราตก ให้มาดูให้ได้ กลับบ้านให้ได้ พาจิตกลับบ้านให้ได้
เข้าลิฟท์มา โอย!!..รู้สึกเศร้า รู้สึกเบื่อ รู้สึกกังวล ไม่ต้องกลัว กลับบ้านให้ได้ พาใจกลับบ้านให้ได้
มาดู มาหาปัจจุบันให้ได้ มานั่งโต๊ะทำงานก็เหมือนกัน ถ้าเริ่มนั่งปุ๊บ
โอย!!..รู้สึกแย่ปั๊บเลยนี่นะ ให้รีบหาปัจจุบันให้เจอ
ตั้งจิตตั้งกายให้ได้ แล้วเราก็จะเริ่มวันใหม่ได้อย่างมีความสุข

สายท่าขนุน 18-06-2010 00:12

พาใจกลับบ้าน (๒๗)
 
เพราะฉะนั้น ใครที่ฟังแล้ว ก็ลองทำดู
แล้วใครที่ลองทำแล้ว รู้สึกว่าประสบความสำเร็จ รู้สึกถูกกับจริตเรา รู้สึกว่ามีความสุข
ก็อย่าลืมว่า เพื่อนร่วมงานของเรานั้น ก็จะเจอเหตุการณ์เดียวกับเรา
เพื่อนร่วมงานของเรานั้น ก็มีความทุกข์เหมือนกับเรา
เอาวิธีนี้ไปบอกเพื่อนร่วมงานของเรา เอาวิธีนี้ไปใช้กับเพื่อนร่วมงานของเรา
แล้วเพื่อนร่วมงานของเรานั้น ก็จะสามารถพากาย พาใจของเขานั้น พ้นความทุกข์ที่เขามีได้
แล้วเรานั้นก็จะเป็นผู้ที่สร้างอานิสงส์ที่ยิ่งใหญ่ให้ทั้งกับตัวเราเอง แล้วก็ให้กับเพื่อนร่วมงาน

สายท่าขนุน 18-06-2010 00:13

พาใจกลับบ้าน (๒๘)
 
วันนี้อาตมาภาพก็ใช้เวลามาพอสมควรแล้ว ตอนนี้ก็เป็นเวลาสองทุ่มพอดี
ต่อจากนี้ไปวันนี้ก็ทราบข่าวว่า ท่านเจ้าคุณวีรยุทธ ท่านเดินทางมาจากประเทศอินเดีย
ท่านก็มีจิตเมตตาแวะเวียนมาเยี่ยมพวกเราถึงที่นี่ อาตมาภาพนั้นก็ขอใช้เวลาบรรยายเพียงแค่นี้
จากนี้ไปก็จะขอโอกาสมอบเวทีนี้ ให้กับพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณวีรยุทธ
ท่านได้มาบรรยาย และก็มาทักทายกับพวกเรา และในตอนท้ายก็ทราบมาว่า
วันนี้นั้นทางสำนักพิมพ์ดีเอ็มจี โดยคุณโยมดนัย จันทร์เจ้าฉาย ก็ได้รวบรวมจตุปัจจัย
แล้วก็มีสิ่งของต่าง ๆ มากมายที่จะนำไปช่วยเหลือพี่น้องของเราที่อยู่ในประเทศพม่า

สายท่าขนุน 23-06-2010 19:51

พาใจกลับบ้าน (๒๙)
 
เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว อาตมาภาพได้มีโอกาสไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ที่วัดบวรนิเวศวิหาร
กับท่านญาณิสสระ ซึ่งท่านญาณิสสระนั้น เป็นอธิการบดีที่มหาวิทยาลัยสีตะคู ที่ประเทศพม่า
รู้จักคุ้นเคยกับท่าน ก็ได้จัดประชุมร่วมกับท่านหลายครั้ง เป็นงานวิชาการหลาย ๆ งาน
ท่านก็ได้บินมาแล้วบอกว่า คณะสงฆ์ทางประเทศพม่านั้นได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จากพายุไซโคลนนาร์กิส
แล้วตอนนี้พระสงฆ์ของเรานั้น หลายวัดเลยไม่มีจีวรใช้ เพราะโดนพายุพัดจีวรไปหมดเลย
ไม่มีแม้กระทั่งที่ที่จะอยู่ ก็มารวมกันอยู่ที่มหาวิทยาลัยของท่าน
ตอนนี้ท่านทำมหาวิทยาลัยเป็นบ้าน ท่านเป็นพระนักพัฒนา ทำโรงเรียน ทำโรงพยาบาล
ตอนนี้โรงเรียนก็กลายเป็นบ้านเหมือนกัน
โรงพยาบาลของท่านนั้น มีคนป่วยมาอยู่เป็นหมื่น ๆ คนที่มารอรับการรักษา

สายท่าขนุน 23-06-2010 19:55

พาใจกลับบ้าน (๓๐)
 
เพราะฉะนั้น สิ่งของและจตุปัจจัยทั้งหลายที่ได้รับถวายมานั้น ก็จะนำไปมอบให้กับท่าน
ตัวอาตมาภาพนั้นเองก็จะเดินทางไป น่าจะเป็นวันที่ ๙ เดือนหน้า
ก็ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากหลาย ๆ ฝ่าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายการบินบางกอกแอร์เวย์ หรือว่าบริษัทกรุงเทพการบิน ก็เพิ่งได้มาที่วัดวันนี้
คุณโยมประไพ ประสาททองโอสถ ซึ่งเป็นน้องสาวของหมอประเสริฐ ประสาททองโอสถ
ก็ได้มาปวารณาจะถวายค่าเดินทาง พร้อมกับจะขนผ้าไตรจีวรไปให้ด้วย
ก็ขออนุโมทนากับทุกท่านในที่นี้
วันนี้อาตมาภาพก็ใช้เวลามาพอสมควรแล้ว พระเดชพระคุณท่านก็เดินทางมาถึงแล้ว
ก็ขอโอกาสกราบอาราธนานิมนต์พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณได้มาพูดคุยกับญาติโยมครับ

สายท่าขนุน 01-07-2010 20:27

ปิดท้าย "พาใจกลับบ้าน"
 
น้องปิดท้ายการถอดคำแสดงพระธรรมไว้
แต่ได้ปรับเปลี่ยนไปบ้างจากต้นฉบับของน้อง ดังนี้


"เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา
ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ
เตสํ เหตุ ํ ตถาคโต อาห
พระตถาคต ทรงแสดงเหตุแห่งธรรม เหล่านั้น
เตสญฺ จ โย นิโรโธ จ
และความดับของธรรมเหล่านั้น
เอวํ วาที มหาสมโณติ
พระมหาสมณะทรงสั่งสอนอย่างนี้"

"สพฺพปาปสฺส อกรณํ
การไม่ทำบาปทั้งปวง
กุสลสฺสูปสมฺปทา
การทำกุศลให้ถึงพร้อม
สจิตฺตปริโยทปนํ
การชำระจิตของตนให้ผ่องใส
เอตํ พุทฺธานสาสนํ
ธรรมทั้งหลายเหล่านี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย"

สายท่าขนุน 15-08-2011 17:42

อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สายท่าขนุน (โพสต์ 12183)
คิดจะเปิดกระทู้นี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว เนื่องจากเห็นคุณของน้องที่ทำงานท่านหนึ่ง
แต่เกรงว่าเรื่องที่นำมาลงอาจจะกระจัดกระจายไม่เป็นระเบียบนัก จึงลังเลอยู่
จนคิดได้ว่าตั้งเป็นกระทู้เปิดแบบนี้ดีกว่า:af48944b:
ที่จริงก็มีเพื่อนและคนรอบข้างอีกมากที่เป็นเหตุจูงใจให้เราใฝ่ดี แต่ขอเริ่มจากน้องท่านนี้ก่อน

เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กหัวใจแกร่ง คอยส่งหัวข้อธรรมะ บอกบุญแก่คนรอบข้าง
และเท่าที่เห็นเธอมุ่งสั่งสมทานบารมีมาหลายปี... น่าจะเกิน ๑๐ ปีได้แล้ว
เธอมุ่งมั่นทุ่มเทเรื่องทานอย่างมาก จนถึงเมื่อประมาณปีที่แล้ว เธอมาบอกว่า
จะเว้นระยะห่างเรื่องทานลง และหันมาใช้เวลากับการปฏิบัติมากขึ้น
หลายปีมาแล้ว เราจะเห็นเธอช่วยงานเวลาที่วัดท่าซุงจัดงานอยู่บ่อยครั้ง
เธอเล่าเรื่องที่ไปร่วมบวชธุดงค์ที่วัดท่าซุงอย่างจริงใจกับบางคนที่ฟังอย่างเข้าใจ
อย่างที่ไม่ให้ใครอื่นที่อาจปรามาสพระจะได้ยิน
เช่น การใช้มโนมยิทธิระหว่างปักกลดแล้วได้พิจารณาธรรมอย่างไรบ้าง
เธอส่งข่าวดี ๆ มาให้พี่สาวคนนี้และท่านอื่นอย่างจริงใจ
และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมทั้งเธอจะส่งข่าวอย่างรวดเร็วเวลาที่พระสงฆ์องค์ที่เป็นที่เคารพบูชาละสังขาร
เป็นที่น่าเสียดายว่า เราไม่สามารถหารายการส่งข่าวนั้นย้อนไปได้หลายปีนัก
และปัจจุบันนี้ ความถี่ของการส่งข่าวเช่นนั้นก็ลดลง

ดังนั้น จึงขอเริ่มเรื่องจากข้อความล่าสุดของเธอ แม้จะเป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายอาจจะคุ้นเคยดีอยู่แล้ว
แต่ก็แสดงเจตนาดีของเธออย่างยิ่ง เรื่อง "พบพระพุทธศาสนาควรจะไปนิพพาน"

ขอเชิญชวนด้วยว่า
หากท่านใดมีความประทับใจหรือได้รับข้อธรรมเช่นไร อันเนื่องมาจากกัลยาณมิตรเช่นนี้
ขอเชิญแบ่งปันกัน

เมื่อกลางวันวันนี้ เพื่อนที่ทำงานส่งหนังสือให้เล่มหนึ่งตามที่ได้บอกไว้ก่อนเมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว
พลิกอ่านดูคร่าว ๆ แล้วว่าจะนำมาลงที่กระทู้นี้
และพอมารื้อหากระทู้... เห็นข้อความนี้แล้วนึกได้ว่า
เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ค่ำของวันก่อนวันแม่ที่ยายกำลังจะไปวัดท่าขนุนนั้น
ยายรอรถมารับช้าหน่อยเพราะฝนตกอยู่... ได้เจอน้อง ๆ ที่ทำงานกำลังรอรถเช่นกัน
ทักทายคุยกัน เพราะเห็นน้องเขาใส่เสื้อยืดทีม (มีข้อความหนึ่ง เห็นแล้วอยากหาไปฝากน้อง "เด็กดอย")
น้องจะไปแม่สะเมิง ไปช่วยสร้างฝาย... ยายก็คิดว่าเป็นชมรมที่ทำงาน
น้องบอกว่าไม่ใช่ชมรม แต่เป็นน้องที่ยายเล่าถึงคนนี้แหละจัดไป:onion_love:
...เที่ยวนี้ ไปกันมากหน่อย ถึง ๑๑๐ คน และยังต้องการแรงงานอีกมาก
เขาว่าเป็นฝายปูน... พระอาจารย์ท่านหนึ่งเริ่มทำไว้ก่อนหลายปีมาแล้ว
จึงมีการออกแบบไว้ค่อนข้างดี... พวกน้อง ๆ เขารวมตัวกันช่วยสร้างเป็นระยะ โมทนาสาธุ

สายท่าขนุน 15-08-2011 17:58

เรื่องที่จะนำมาลงนี้ มาจากหนังสือชื่อว่า "โครงสร้างของพระสัทธรรม ในพระพุทธศาสนา"
ดูแล้วเป็นการรวบรวมเรียบเรียงหมวดธรรมต่าง ๆ โดยคุณนิศา เชนะกุล
เริ่มต้นจากเป็นหนังสือที่พิมพ์แจกเป็นที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ
ศาสตราจารย์ พระเจริญวิศวกรรม (เจริญ เชนะกุล) ผู้เป็นบิดาของคุณนิศา เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๓๐
มีการปรับปรุงเพิ่มเติมอีก ๒ ครั้ง รวมพิมพ์แล้ว ๔๓ ครั้ง เป็นจำนวน ๑๖๘,๐๐๐ เล่ม
พิมพ์ครั้งสุดท้ายเมื่อเดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ จนถึงเล่มที่ได้รับมานี้
อ่านจากเจตนาแล้ว เป็นการเผยแพร่ ไม่มีวางจำหน่าย และไม่กล่าวถึงลิขสิทธิ์
เนื้อหาเป็นการจัดรูปแบบของพระสัทธรรมให้จดจำง่าย ดูจะเหมาะใช้ประกอบการศึกษา
จึงจะเลือกนำมาลง โดยไม่คัดลอกให้เหมือนต้นฉบับตลอดทั้งเล่ม

สายท่าขนุน 18-08-2011 19:52

โครงสร้างพระสัทธรรม (๑)
 
คำปรารภ
พวกเราชาวพุทธทั้งหลาย ผู้มีบุญหนุนนำให้ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนานั้น ต่างก็คงเคยได้สดับตรับฟังพระสัทธรรมคำสอนของพระบรมศาสดาจากครูบาอาจารย์มากันมากต่อมาก แต่ดูเหมือนว่าหลายท่านรวมทั้งผู้รวบรวมเองด้วยจะยังสับสนในข้ออรรถข้อธรรม แบบจับต้นชนปลายไม่ใคร่จะถูก ครั้นเมื่อผู้รวบรวมได้มีโอกาสเข้ารับการอบรมด้านพระปริยัติธรรม ทั้งที่ได้ทรงแสดงไว้ในพระสุตตันตนัยและพระอภิธรรมนัย รวมทั้งปกรณ์วิเศษและอรรถกถาบางเรื่องจากสำนักต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ติดต่อเรื่อยมาตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๒๖ ก็เริ่มมีความเข้าใจ จึงได้ดำริจัดทำหนังสือโครงสร้างของพระสัทธรรมในพระพุทธศาสนาฉบับนี้ขึ้น เพื่อใช้อ้างอิงส่วนตัว และในหมู่ผู้สนใจ โดยแบ่งออกเป็น ๒ ตอน คือ
ตอนที่หนึ่ง : ว่าด้วย วัฏฏจักร อันเป็นหัวข้อธรรมที่แสดงถึงกลไกของเกลียวแห่งวัฏฏะที่หมุนวน พาสัตว์ให้เวียนว่ายอยู่ในโลกสามชั่วกัปกัลป์
ตอนที่สอง : ว่าด้วย ธรรมจักร อันเป็นหัวข้อธรรมตรงกันข้าม ที่แสดงถึงกลไกของเกลียวแห่งธรรม ซึ่งส่องสัตว์ให้เห็นทางออกจากวัฏฏะ เข้าสู่ขันธวิมุตติหลุดพ้น บรรลุถึงฟากฝั่งพระนิพพาน

ผู้รวบรวมใคร่ขอถือโอกาสนี้ กราบขอบพระคุณท่านเจ้าคุณพระศรีวิสุทธิกวี (ไพจิตร ฐิตวณฺโณ) แห่งวัดโสมนัสวิหารอย่างสูงยิ่ง ที่ได้มีเมตตาเขียนคำอนุโมทนาสำหรับหนังสือโครงสร้างของพระสัทธรรมในพระพุทธศาสนานี้ อีกทั้งบรรดาสหธรรมมิก ประกอบด้วยญาติสนิทมิตรสหาย เมื่อได้ทราบข่าวว่าจะมีการจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ขึ้น เพื่อยังประโยชน์แก่สาธุชนผู้ใคร่ธรรมทั้งหลายให้กว้างขวางไปไกล ต่างก็เกิดมีจิตศรัทธาร่วมใจกันบริจาคสมทบ เป็นผลให้เพิ่มจำนวนพิมพ์ได้มากฉบับขึ้นกว่าเดิมที่กำหนดไว้ จึงขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งมาพร้อมนี้

กุศลใดอันพึงได้พึงมีจากการนี้ ขอน้อมถวายเพื่อบูชาพระคุณของพระบรมศาสดา อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้ทรงยังโลกสามให้สว่างไสวคลายความมืดมน ตลอดจนทรงรื้อขนสรรพสัตว์ให้พ้นจากบ่วงแห่งมารได้ในที่สุด สำหรับข้อผิดพลาดบกพร่องนั้น ผู้รวบรวมขอรับไว้แต่ผู้เดียว ขอบัณฑิตผู้รู้ได้กรุณาทักท้วงแก้ไขด้วย

สุดท้ายนี้ขอทุก ๆ ท่านผู้มีส่วนร่วมในการจัดพิมพ์และแสวงประโยชน์จากหนังสือเล่มนี้ ได้โปรดอนุโมทนาในมหากุศลครั้งนี้โดยทั่วกัน

นิสา เชนะกุล
๓๑ ตุลาคม ๒๕๓๑

สายท่าขนุน 18-08-2011 20:01

โครงสร้างพระสัทธรรม (๒)
 
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งกะท่านพระอานนท์ว่า ดูก่อนอานนท์ บางทีพวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ปาพจน์มีพระศาสดาล่วงแล้ว พระศาสดาของพวกเราไม่มี ข้อนี้พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ธรรมก็ดี วินัยก็ดี อันใด อันเราแสดงแล้ว ได้บัญญัติไว้แล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาแห่งพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งตถาคต

(ทีฆนิกาย มหาวรรค มหาปรินิพพานสูตร)

สายท่าขนุน 25-08-2011 19:34

โครงสร้างพระสัทธรรม (๓)
 
คำปรารภ
ในการปรับปรุงเพิ่มเติมเนื้อหาสาระ
โครงสร้างของพระสัทธรรมในพระพุทธศาสนา
ครั้งที่ ๑

หลังจากที่ได้รวบรวมหัวข้อธรรมและจัดพิมพ์เป็นรูปเล่ม โครงสร้างของพระสัทธรรมในพระพุทธศาสนา เพื่อใช้เป็นคู่มือในการบรรยายธรรม ตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ เป็นต้นมา นับเวลาได้ ๙ ปีเต็ม ผู้รวบรวมเห็นสมควรได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมเนื้อหาสารธรรมให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยได้รับความอนุเคราะห์จากพระมหาสมลักษณ์ คันธสาราภิวงศ์ แห่งวัดท่ามะโอ อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ซึ่งท่านก็ได้เมตตาให้คำปรึกษาแนะนำที่มีค่ายิ่ง จึงใคร่ขอกราบขอบพระคุณอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย

ผู้รวบรวมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือโครงสร้างฉบับปรับปรุงเพิ่มเติมเนื้อหาสาระนี้ จะอำนวยประโยชน์ยิ่ง ๆ ขึ้นไป แก่บรรดาพุทธศาสนิกชนผู้เลื่อมใสศรัทธา และเคารพบูชาในพระสัพพัญญุตญาณของพระบรมศาสดา ในการที่จะหยั่งลงสู่พระพุทธศาสนาอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม และเพื่อเป็นอนุสติเตือนใจพวกเราทั้งหลาย ผู้รวบรวมใคร่ขออาราธนาน้อมบูชาอาณีสูตรจากสังยุตตนิกาย นิทานวรรค ซึ่งพระพุทธองค์ได้ทรงพยากรณ์ไว้ว่า

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกภิกษุในอนาคตกาล เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึกซึ้ง มีอรรถอันลึกซึ้ง เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรมอยู่ จักไม่ปรารถนาฟัง จักไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ จักไม่สำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเล่าเรียน ว่าควรศึกษา แต่เมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์รจนาไว้ อันนักปราชญ์ร้อยกรองไว้ มีอักษรอันวิจิตร มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นของภายนอก เป็นสาวกภาษิตอยู่ จักปรารถนาฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเรียน ควรศึกษา

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระสูตรเหล่านั้น ที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึกซึ้ง มีอรรถอันลึกซึ้ง เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม จักอันตรธานฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเขากล่าวถึงพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึกซึ้ง มีอรรถอันลึกซึ้ง เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรมอยู่ พวกเราจักฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ จักสำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเรียน ควรศึกษา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล”

ขอพุทธบริษัททั้งหลายได้โปรดพร้อมใจกันน้อมรับพระพุทธโอวาทไว้เหนือเกล้า ทั้งชาตินี้และชาติหน้า ตลอดชาติอย่างยิ่ง และขอตั้งสัจจาธิษฐานว่า ตราบเท่าที่พระสัทธรรมยังดำรงอยู่ จักฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ จักสำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเรียน ควรศึกษา

๖๕ สุขุมวิท ซอย ๑ (รื่นฤดี)
กทม. ๑๐๑๑๐
นิสา เชนะกุล
ตุลาคม ๒๕๔๐

สายท่าขนุน 01-09-2011 17:57

โครงสร้างพระสัทธรรม (๔)
 
คำปรารภ
ในการปรับปรุงเพิ่มเติมเนื้อหาสาระ
โครงสร้างของพระสัทธรรมในพระพุทธศาสนา
ครั้งที่ ๒

หลังจากที่ได้ปรับปรุงเพิ่มเติมเนื้อหาสาระ ในหนังสือโครงสร้างของพระสัทธรรมในพระพุทธศาสนาครั้งแรกเมื่อตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ บัดนี้ เวลาได้ล่วงเลยมาเกือบ ๖ ปีเต็ม ผู้รวบรวมเห็นสมควรเพิ่มเติมผังพระปรมัตถธรรม ๔ คือ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน ลงในท้ายเล่ม เพื่อประกอบการศึกษาพระสัทธรรมในพระพุทธศาสนาให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

อนึ่ง ท่านอาจารย์พระครูธรรมธรสุมนต์ (สุมนต์ นันทิโก) เจ้าอาวาสวัดจากแดง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ อดีตผู้อำนวยการ อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย (อ.ช.ว.) ได้เมตตามอบผังพระรัตนตรัยและปัจจัย ๒๔ ซึ่งผู้รวบรวมได้น้อมบูชานำมาเทิดทูนไว้เป็นสิริมงคลบนปกของหนังสือด้วย จึงขอน้อมกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างยิ่งมา ณ ที่นี้


๖๕ สุขุมวิท ซอย ๑ (รื่นฤดี)
กทม. ๑๐๑๑๐
นิสา เชนะกุล
ตุลาคม ๒๕๔๐

สายท่าขนุน 01-09-2011 18:10

โครงสร้างพระสัทธรรม (๕)
 
1 Attachment(s)

สายท่าขนุน 06-09-2011 20:13

โครงสร้างพระสัทธรรม (๖)
 

ยถา หิ มหโต ตฬากสฺส ปาลิยา ถิราย อุทกํ น ฐสฺสตีติ น วตฺตพฺพํ, อุทเก สติ ปทุมาทีนิ ปุปฺผานิ น ปุปฺผิสฺสนฺตีติ น วตฺตพฺพํ,เอวเมว มหาตฬากสฺส ถิรปาลิสทิเส เตปิฏเก พุทฺธวจเน สติ มหาตฬาเก อุทกสทิสา ปฏิปตฺติปูรกา กุลปุตฺตา นตฺถีติ น วตฺตพฺพา, เตสุ สติ มหาตฬาเก ปทุมาทีนิ ปุปฺผานิ วิย โสตาปนฺนาทโย อริยปุคฺคลา นตฺถีติ น วตฺตพฺพนฺติ เอวํ เอกนตฺโต ปริยตฺติเยว ปมาณํ.


เมื่อทำนบของสระใหญ่ยังมั่นคงแข็งแรงอยู่ ใคร ๆ ก็ไม่สามารถจะพูดได้ว่า “ไม่มีน้ำขังอยู่” เมื่อยังมีน้ำขังอยู่ ใคร ๆ ก็ไม่สามารถจะพูดได้ว่า “ดอกไม้ทั้งหลาย มีดอกปทุมเป็นต้น จักไม่บานสะพรั่ง” ฉันใด เมื่อพระพุทธพจน์คือพระไตรปิฎกอันเป็นเช่นกับทำนบของสระใหญ่ที่มั่นคงแข็งแรงยังมีอยู่ กุลบุตรทั้งหลายผู้เป็นนักปฏิบัติอันเป็นเช่นกับน้ำ ใคร ๆ ก็ไม่สามารถจะพูดได้ว่า “ไม่มี” เมื่อกุลบุตรผู้ปฏิบัติเหล่านั้นมีอยู่ ใคร ๆ ก็ไม่สามารถพูดได้ว่า พระอริยบุคคลทั้งหลายมีพระโสดาบันเป็นต้น ซึ่งเหมือนกับดอกปทุมเป็นต้นที่ในสระใหญ่ “ไม่มี” ตามที่กล่าวมานี้ จะเห็นได้ว่า พระปริยัติธรรมเท่านั้น จัดว่าเป็นรากฐานของพระศาสนาโดยแท้

(สารัตถัปปกาสินี อรรถกถาพระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย โดยพระพุทธโฆสาจารย์)

สายท่าขนุน 19-09-2011 20:06

ยายนำเรื่องนี้มาคั่นไว้ เพราะเพิ่งไปกราบฟังข้อธรรมจากหลวงพ่อวิชามา
...อันเนื่องมาจากธรรมสัญจรของน้อง ญ.ผู้หญิง เมื่อวันหยุดที่เพิ่งผ่านมานี่เอง

"ร่วมบุญมหากุศลงานเข้านิโรธกรรม ครูบาวิฑูรย์ ชินวโร จ.นครสวรรค์-งานอายุวัฒนมงคล ๙๐ ปี หลวงปู่พระครูสันติธรรมาภิรม (ครูบาอ่อน รตนวณฺโณ) จ.พะเยา วันที่ ๑๗-๑๘ ก.ย."
"หลวงพ่อวิชา รติยุตฺโต วัดชอนทุเรียน ซึ่งองค์นี้ไม่ธรรมดา ถือเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบองค์หนึ่ง และที่สำคัญท่านเป็นสหธรรมิกของพระราชพรหมยาน พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ"

และด้วยเหตุที่ยายไม่ได้บันทึกเสียงของหลวงพ่อไว้
ใช้เพียงสัญญาอันไม่เที่ยงและความเข้าใจส่วนตัว
จึงกราบขอขมาหากประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัยประการใดก็ตาม

หลวงพ่อเมตตาต่อพวกเรามาก... หลังจากเราถวายสังฆทานแล้ว ท่านก็ว่า
ใครจะถามอะไร ว่ามา มาแล้วก็อย่าให้ขาดทุน
แล้วท่านก็เมตตาเทศน์ให้พวกเราพักใหญ่ อาทิเช่น
เรื่องละโกรธ ละความไม่พอใจ... ไม่เห็นว่าใครทำผิด เห็นทุกคนเป็นเพื่อน
เรื่องการทำบุญ การวางบุญ การไปนิพพาน...
"การทำใจอยู่เหนือบุญเหนือบาป"

เมื่อมีคนกราบเรียนถามถึงท่านกับหลวงพ่อฤๅษี...
มีรูปท่านนั่งอยู่ด้วยกันที่ผนังด้วย
ท่านว่ารู้จักกัน ตอนยังเป็นหนุ่ม เคยไปกิน ไปนอนอยู่ด้วยกันที่วัด...
แต่ก็ไม่ได้ไปแล้วตั้งแต่หลวงพ่อฤๅษีมรณภาพ
ท่านว่าตอนนั้นเหมือนว่าท่านแบ่งหน้าที่กัน
ท่านเข้าป่าเพราะท่านชอบอยู่ป่า
ส่วนหลวงพ่อฤๅษีเข้าเมือง

มีคนกราบเรียนถามเรื่องเหตุการณ์ภัยพิบัติว่า
หากอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย ควรทำตัวอย่างไร...
ไม่มีเลวหรอก เป็นเรื่องของธรรมชาติ
ธรรมชาติของโลกก็มีธรรมดาเป็นอย่างนั้นเอง

เราอยู่ที่ไหน ก็อยู่ตรงนั้น "ให้เป็นปกติ"
ที่สำคัญ คือ "อย่ากลัว"...
กลัวแล้วก็ขาดทุน เพราะเราเริ่มผ่อนส่งความกลัวไปก่อนเรื่อย ๆ


เมื่อจะกราบลาออกมา ก็จะกล่าวคำขอขมากัน
...ท่านว่า ไม่ต้องขอขมาหรอก ไม่มีโทษ... กราบ กราบ กราบ

สายท่าขนุน 18-05-2012 15:44

เป็นที่น่ายินดียิ่ง ที่เมื่อไม่นานมานี้ได้รับเมล์จากผู้บริหารระดับสูงของบริษัท
ซึ่งส่งต่อมาจากต้นเรื่องที่เป็นศิลปินแห่งชาติ

แนบรูปภาพที่ลงข้อความดังคัดลอกมาให้ด้านล่าง พร้อมกับอักษรตัวโตว่า


"ขอพระองค์ทรงพระเจริญ"

...ท่านยังได้ลงข้อความเพิ่มเติมไว้ว่า


"ผมอ่านแล้วรู้สึก ตื้นตันใจ ชื่นใจ และภาคภูมิใจ
ที่ได้เกิดใต้บรมโพธิสมภารของในหลวงที่รักยิ่งของเราชาวไทยครับ :-))
"
อ้างอิง:

ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ สายท่าขนุน

ในช่วงที่เราเผชิญกับภัยคุกคามจากลัทธิคอมมิวนิสต์อย่างหนัก
พวกคอมมิวนิสต์ประกาศว่ายึดพื้นที่ได้ครึ่งประเทศแล้ว
ผมได้แอบกราบบังคมทูลถามว่า
ถ้าคอมมิวนิสต์ยึดประเทศไทยได้แล้ว พระองค์จะเสด็จหนีไปที่ใด
ทรงตอบว่า…


ถ้าถึงวันนั้นจริง ๆ เมืองไทยก็จะมีพลเมืองเพิ่มขึ้นอีก ๑ คน
คือ นายภูมิพล…


เรียบเรียงจากคำกล่าวของ พล.ต.อ. วสิษฐ เดชกุญชร
อดีตหัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ
ในการเสวนาเรื่อง “พระราชอำนาจกับรัฐธรรมนูญ” (๒๓ มีนาคม ๒๕๕๕)

หมายเหตุ :
กรุณาอย่านำข้อความเล่าเรื่องนี้ออกนอกเว็บ
แม้ว่าข้อความจากการเสวนานั้น เห็นว่ามีการเผยแพร่กันแล้วก็ตาม


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:28


ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว